The POINT สำนักข่าวออนไลน์อิสระ รายงานทุกฝั่ง แชร์ทุกฝ่าย

08/10/2025

8 ต.ค. 68 เพจพรรครวมไทยสร้างชาติ United Thai Nation Party เปิดตัว คลิปสัมภาษณ์ 2 มือร่าง พ.ร.บ.เสรีโซลาร์ ได้แก่ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ 'ฮีโร่ตุ๋ย' พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และ เทพดีเบตมือร่างกฎหมาย 'ดร.เอ๋' ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โดยมี พิธีกรงานดี จิตอาสาปากกล้า 'เคนโด้' เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร ช่วยสัมภาษณ์ในกรณี กฤษฎีกา ปัดตก ร่าง พ.ร.บ.เสรีโซลาร์ ทั้งที่พรบ.ตัวนี้ จะทำให้ประชาชนและภาคอุตสาหกรรมได้ประโยชน์ สาเหตุปัดตกน่าสนใจ จะมีนายทุนพลังงานเสียผลประโยชน์ หรือเปล่าลองฟังคลิปเต็มในลิงค์ท้ายข่าวได้เลย
ทั้งนี้ชาวเน็ตจำนวนมาก ส่งกำลังใจให้ปฏิรูปความมั่นคงทางด้านพลังงานให้สำเร็จ แถมยังมีอินฟูการเมืองเช่น รอยตุ๊,ครูแหม่ม,เจ๊มะนาว,มด แอฟริกา, ส้มฉุน, ป๋องเซียนพลังงาน ,อู๋ Artitaya,ชิดมานี,บัวบัว,คนตื่นแมว,ปอ,ปุนปุนและอีกหลากหลายคนที่ติดตามการเมืองจริงๆ ศึกษาจริงๆ มาให้กำลังใจ บอกว่ามาถูกทางแล้ว 🦄 #ยูนิคอร์นการเมือง

ที่มา พรรครวมไทยสร้างชาติ United Thai Nation Party
คลิป 'ฮีโร่ตุ๋ย' https://www.facebook.com/share/v/1CgB9PbEb2/
คลิป 'เทพดีเบตมือร่างกฎหมาย' https://www.facebook.com/share/v/1FL8mXdcst/

08/10/2025

!?

ไม่ต้องไปทุกที่! ‘เท้ง’ ชี้อนุทินทำถูก แนะแก้น้ำท่วมไม่ช้า ไม่จม ไม่ซ้ำรอยเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 68 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒ...
08/10/2025

ไม่ต้องไปทุกที่! ‘เท้ง’ ชี้อนุทินทำถูก แนะแก้น้ำท่วมไม่ช้า ไม่จม ไม่ซ้ำรอย
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 68 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงลงพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง พร้อมกับ สส.ของพรรค เพื่อพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในขณะนี้ ว่า ต้องขอแสดงความห่วงใยประชาชนในพื้นที่เหล่านั้น ซึ่งกําลังประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อย่างรุนแรง

จากการลงพื้นที่ ตนได้พบปะกับหน่วยงานหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ รพ.สต. ซึ่งต้องยอมรับว่า เจ้าหน้าที่เองทํางานอย่างเต็มศักยภาพในแง่เชิงรับ มียาและเวชภัณฑ์เพียงพออยู่ แต่เสียงจากสาธารณสุขที่อยู่หน้างาน เรียกร้องมายังตน เพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาลว่า ต้องการทํางานเชิงรุก ทั้งรถฉุกเฉิน และการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ และอําเภอ ซึ่งรัฐบาลอาจจะให้การสนับสนุนในส่วนนี้ได้

ในสถานการณ์ภาพรวม ตนและเพื่อน สส.ได้ติดตามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ก็พบว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกมาบริเวณภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างนั้น มีมากกว่าปกติ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนโยบายจัดการน้ำ สทนช. ก็ใช้วิธีการระบายลงคูคลองต่างๆ ก่อน จึงทําให้ประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำหลายพื้นที่รู้สึกว่า มีน้ำท่วมเยอะกว่าปีก่อนๆ

ส่วนเรื่องเงินเยียวยา ก็ต้องบริหารจัดการให้ไม่ช้า ไม่จม ไม่ซ้ำรอย เนื่องจากในบางพื้นที่ล่าช้ากว่า 2 เดือน กว่าจะได้รับเงินเยียวยา 9,000 บาทหลังสถานการณ์ก็ผ่านไปแล้ว บางพื้นที่ก็ท่วมนานกว่าปกติ ตกลงแล้วมีเกณฑ์อย่างไร และควรเป็นหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลนําไปพิจารณา

นายณัฐพงษ์ กล่าวอธิบายว่า ไม่จม นอกจากจะทําให้บ้านไม่จมแล้ว คือจะทํายังไงให้เงินไม่จม เพราะประชาชนหลายคนสะท้อนกลับมาว่า เงินเยียวยา 9,000 บาท ไม่เพียงพอ
ไม่ซ้ำรอย ทั้งเรื่องการแจ้งเตือนที่ผ่านมา ซึ่งจะทํายังไงให้ประชาชนสามารถเก็บของได้ทัน รวมถึงกรณีน้ำไหลเข้าทุ่ง ซึ่งคนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำสะท้อนมาว่า เก็บเกี่ยวไม่ได้ ไม่ทัน ก็ควรทําให้เกิดการบริหารจัดการดีขึ้น

แม้ภาพใหญ่ในช่วง 4 เดือนนี้ ตนก็เข้าใจว่าทุกพรรคการเมืองอยากได้คะแนนเสียง จึงอยากส่งข้อเรียกร้องให้รัฐบาล ได้มีการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า อย่างชาญฉลาด

เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐบาลช่วงน้ำท่วมนี้ ถือว่าผ่านหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่ตนบอกไปว่า บางส่วนยังช้าอยู่ เช่น เงินเยียวยา หากลงพื้นที่จริงจะพบว่า หลายพื้นที่ท่วมมาหลายเดือนแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้สิ้นฤดูกาลค่อยมาจ่ายทีหลัง ก็สามารถจ่ายได้เลย

ส่วนการแก้ไขปัญหาเชิงระบบระยะยาว ถ้าช่วยเหลือโดยตรงกับประชาชน เช่น การดีดบ้าน จากที่ประชาชนก็สะท้อนว่า ท่วมทุกปี มีนักการเมืองมาหาทุกปี แจกถุงยังชีพทุกปี จะให้เขาท่วมอยู่อย่างงี้ทุกปีใช่หรือไม่ ตกลงแล้วอะไรคือทางออก หากจะช่วยแล้ว ก็ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ นี่คือสิ่งที่ตนได้นำเสนอไปว่า ประชาชนอาจจะถูกขูดรีดจากผู้รับเหมาหรือไม่ เราจึงควรมีการจัดการอย่างเป็นระบบ

เมื่อเปรียบเทียบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กับรัฐบาลนางสาวแพทอง ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี ภาพรวมในตอนนี้ต้องบอกว่า รัฐบาลนี้เพิ่งทําหน้าที่ได้ไม่นาน จึงเชื่อว่า เอาปัญหาเฉพาะหน้า ณ ตอนนี้ดีกว่า สิ่งที่ประชาชนส่งเสียงมาโดยตรงว่า การเยียวยายังช้าไปอยู่ จะทําอย่างไรให้เร็วขึ้น อย่างกรณีแนวชายแดน ซึ่งได้รับการเยียวยา ก็มีข่าวดี แต่อยากให้รัฐบาลเร่งจัดการหลักเกณฑ์ในพื้นที่น้ำท่วมให้สอดคล้องกับปัญหาที่ประชาชนได้เจอ

เมื่อถามถึงกรณีข้อวิจารณ์ว่า นายอนุทินลงพื้นที่ไม่มากพอ เช่น การเลือกไปวันเกิดนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด นั้น มีการตรวจสอบติดตามอย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงมีภารกิจอย่างหลากหลาย การที่จะไปงานวันเกิดใครก็แล้วแต่ ก็อยู่ที่วิจารณญาณของนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อความเป็นธรรม ตนทราบว่านายกรัฐมนตรีคงไม่สามารถลงพื้นที่น้ำท่วมได้ครบทุกพื้นที่ แต่สิ่งที่ประชาชนคาดหวัง คือผู้บริหารประเทศที่จะลงไปรับฟังปัญหาเขาอย่างครบถ้วนมากที่สุด ฟังปัญหาอย่างเดียวไม่พออยากให้เกิดการกระทําด้วย ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนคาดหวังต่อจากนี้ คือมาตรการช่วยเหลือเยียวยาจริงๆ

_____________


#น้ำท่วม #นายกอนุทิน #เท้งณัฐพงษ์

ปานเทพ’ ลั่น! ถึงเวลา “ฉีก MOU43” ครม.ทำได้เลย ไม่ต้องโยนใครเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 68 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ...
08/10/2025

ปานเทพ’ ลั่น! ถึงเวลา “ฉีก MOU43” ครม.ทำได้เลย ไม่ต้องโยนใคร
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 68 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจัดการออกเสียงประชามติการยกเลิก MOU43 ว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) สามารถยกเลิก MOU43 ได้ โดยอาศัยอนุสัญญาว่าด้วยไทย-ฝรั่งเศส 1969 มาตรา 60 ซึ่งระบุว่าการยกเลิกสนธิสัญญาจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด สามารถกระทำได้ทันที หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดละเมิดสนธิสัญญาอย่างร้ายแรง ดังนั้น ไทยต้องแสดงปฏิกริยาว่า ไทยถูกกระทำอย่างร้ายแรงในช่วงที่ผ่านมาเช่น เหตุกัมพูชาใช้อาวุธสงครามโจมตีประเทศไทย ดังนั้น หากตระหนักว่า เหตุรุนแรงจริง และคนไทยต้องการแสดงออก ก็อาศัยจังหวะใช้มติคณะรัฐมนตรีให้เร็ว ไม่จำเป็นต้องจัดประชามติซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 ระบุว่า การยกเลิกสนธิสัญญาสามารถกระทำได้ โดยคณะรัฐมนตรี แต่การโยนให้ประชาชนออกเสียงประชามติในวันเลือกตั้ง เท่ากับว่ารัฐบาลไม่ตัดสินใจ และโยนภาระให้รัฐบาลใหม่ ซึ่งผลการออกเสียงประชามติก็ไม่ได้มีผลผูกพันการตัดสินใจของรัฐบาล หรือหากรัฐบาลจะเดินหน้าจัดการออกเสียงประชามติ ปานเทพในฐานะที่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับ MOU43 ก็จะรณรงค์ให้ดีที่สุด เพื่อให้ยกเลิก MOU43 ปกป้องอธิปไตย บีบให้กัมพูชาเข้าสู่การเจรจาในสนธิสัญญาฉบับ หรือกรอบการเจรจาใหม่ ที่เป็นธรรม และทันสมัย

ปานเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนหากยกเลิก MOU 43 แล้วจะใช้กลไกใดในการเจรจาระงับข้อพิพาทดินแดนไทย-กัมพูชานั้น เขตแดนไทย ตกลงเสร็จสิ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 บริเวณช่องบกถึงช่องสะงำ จังหวัดอุบลราชธานีบริเวณขอบหน้าผา ซึ่งไม่มีเขตแดน และใช้หน้าผาเป็นสันปันน้ำ มองด้วยตาเปล่าก็ทราบ และจบไปนานแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่จะมาเปลี่ยนด้วย MOU43 รวมถึงแผนที่แนบ ทั้งที่ไม่ควรมีปัญหาใดๆ แล้ว เพราะก่อนปี 2542 ย้อนกลับไปถึงรัชกาลที่ 5 สยาม และกัมพูชา ก็สามารถอยู่ได้โดยไม่มี MOU แม้แต่ฉบับเดียว แต่การมี MOU ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา พบว่า กัมพูชา รุกล้ำแผ่นดินไทย และใช้แผนที่ 1:200,000 ซึ่งไทยเสียเปรียบ มีการรุกล้ำทุกพื้นที่ตามเขตชายแดน บริเวณสันปันน้ำ

ปานเทพ ยังกล่าวถึงข้อห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ ตามที่ระบุใน MOU43 ว่า ฝ่ายไทยอาจจะใช้วิธีการประท้วง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม แต่ฝ่ายกัมพูชากลับใช้พลเรือนนำหน้า และอำพรางด้วยทหารอยู่ด้านหลังรุกแผ่นดินไทย และอ้างว่า ไม่ผิดตาม MOU43 ข้อ 5 ซึ่งฝ่ายไทยนิ่งเฉย และบางส่วนได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ จึงไม่มีคนไทยเข้าไปในพื้นที่ แต่ฝ่ายกัมพูชากลับตัดไม้ ทำลายป่า และมีสิ่งปลูกสร้าง ตามแนวชายแดนไทย และตลอด 25 ปี กัมพูชารุกรานชายแดนไทยตลอดเมื่อไทยใช้กำลังปะทะ กัมพูชาก็จะประท้วงว่า ผิดเงื่อนไขข้อ 8 ของ MOU43 ที่จะต้องเจรจาปรึกษาหารือด้วยสันติวิธี ซึ่งเป็นกับดัก 2 ชั้นของกัมพูชา ทั้งรุกทางกายภาพ ที่หากไทยไม่ยินยอม ก็จะพาไปเวทีโลก เพื่อยึดแผนที่ 1:200,000 ที่กัมพูชาได้เปรียบจากคดีเขาพระวิหารและมีการระบุไว้ในเอกสารประกอบ MOU43 และหากไทยหลงประเด็น และปล่อยให้กัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทย เพื่อรอการตกลงเขตแดนและกัมพูชาถอยออกไป ก็จะต้องระมัดระวังรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ของกัมพูชาที่ระบุว่า อธิปไตยของกัมพูชาเป็นไปตามแผนที่ 1:100,000 ซึ่งเป็นการทำรายละเอียดจากแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเป็นการเสียเวลาเปล่าของการรุกล้ำจากกัมพูชา และหากใช้เวลานับจากนี้ สิ่งปลูกสร้างของกัมพูชาจะมากขึ้น รวมถึงอาวุธด้วย และความเสียหาย ก็จะมากตามมา ดังนั้น โอกาสนี้จึงเหมาะที่จะยกเลิก MOU43 ที่สุดแล้ว และถอยออกมา เพื่อมาสร้างสิ่งใหม่ให้เข้าใจต่อกับใช้กลไกคณะกรรมาธิการ JBC ไทย-กัมพูชา

เมื่อถามว่า หากไม่มี MOU ฉบับดังกล่าว จะเป็นส่วนทำให้กัมพูชาดึงเรื่องไปศาลโลกหรือไม่ ปานเทพ กล่าวว่า จะดึงเรื่องไปได้อย่างไร ในเมื่อประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกศาลโลก ตั้งแต่ปี 2503 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2504 และคดีปราสาทเขาพระวิหารเป็นคดีสุดท้ายเพราะฉะนั้นไม่มีใครลากไทยไปศาลโลก เพราะไม่มีเอ็มโอยู และทั่วโลกก็ไม่มีใครพาไปศาลโลก หากประเทศนั้น ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ซึ่งข้อคิดเห็นดังกล่าวที่บอกว่า หากไม่มีเอ็มโอยูแล้วจะพาไทยไปศาลโลก เพราะต้องการให้ไทยกลัว และข่มขู่คนไทย ให้ดำรงเอ็มโอยูอยู่ เพราะว่าคนเหล่านั้นต้องการผลประโยชน์ที่อยู่ข้างใน ทั้งการตัดไม้ทำลายป่าค้าของเถื่อน สร้างบ่อน คาสิโน เพราะทุกคนอยากมีพื้นที่ No man lands ที่มนุษย์ไทยห้ามเข้า แต่คนกัมพูชาเข้ามารุกล้ำแผ่นดินไทยได้

ปานเทพเชื่อว่า ต่อให้ไม่มี MOU ก็ยังมีกรอบการเจรจา เพราะก่อนมี MOU เรามี JBC ทำไมเวลานั้นถึงเจรจาได้ ซึ่งที่กัมพูชาวางทุ่นระเบิด ยิงใส่คนไทย ก็ถือว่า ผิดเอ็มโอยู เช่นเดียวกันกับไทย หากสร้างรั้วชายแดน ก็ผิดเอ็มโอยู ซึ่งหากเราต้องการสร้างรั้ว โดยไม่ต้องละเมิดเอ็มโอยู เราต้องยกเลิก ไทยจึงจะสร้างรั้วชายแดนได้ และไม่ผิดเงื่อนไขในเวทีนานาชาติ ดังนั้น ควรมาเจรจาด้วยกลไก JBC, RBC และ GBC ต่างหาก

_____________


#ชายแดนไทยกัมพูชา
#ปานเทพพัวพงษ์พันธ์

!?
08/10/2025

!?

ส่องเลขเด็ด เลขทะเบียนรถ "เจนิส" ซ้อนท้ายแซ่บ อึ้ง! ราคาประมูลเบาะ สูงพอๆกับราคาทองคำ

#เลขเด็ด #หวยลาว #เลขเด็ดงวดนี้ #เลขทะเบียนรถ #เจนิสเจณิสตา #ประมูลเบาะ #ราคาทองคำ

“บวรศักดิ์” ท้วงครม.! ไม่ใช่เวลามาเช็กชื่อ วปอ. ประเทศยังมีเรื่องใหญ่กว่านี้เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิ...
08/10/2025

“บวรศักดิ์” ท้วงครม.! ไม่ใช่เวลามาเช็กชื่อ วปอ. ประเทศยังมีเรื่องใหญ่กว่านี้
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ ครม.ได้มีการนำชื่อ นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย กลับมาเป็นนักศึกษา วปอ. หลังมติ ครม.วันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมาในรัฐบาลชุดที่แล้ว มีการตัดรายชื่อออก ว่า ไม่ได้มีการนำชื่อ นายธนพร กลับมาแต่เป็นการยกเลิกมติ ครม. ในวันที่ 26 สิงหาคม เนื่องจากผู้ที่ถูกถอนชื่ออก ไปร้องต่อศาลปกครองว่ามติในครั้งนั้นไม่ชอบ และศาลปกครองได้มีหนังสือมาที่ ครม. ว่าให้ชี้แจงกรณีนี้

โดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ทักท้วงในที่ประชุม ครม. ว่าจริง ๆ แล้วการพิจารณาบุคคลที่จะเรียนหลักสูตรใด ๆ ก็ตาม ไม่ควรจะมาเป็นวาระในการประชุม ครม. เนื่องจากวาระการประชุมครม.ควรจะเป็นเรื่องสําคัญของชาติ เรื่องนโยบาย เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง เรื่องภัยพิบัติ ไม่ควรจะนําเรื่องชื่อว่าใครควรจะได้เรียนหรือไม่ได้เรียน หลักสูตรไหนมาเข้าที่ประชุม การประชุมในครั้งนั้นจึงเป็นบรรทัดฐานที่ผิด ดังนั้นมติครม.จึงได้มีการยกเลิกมติครม.วันที่ 26 ส.ค.

ทั้งนี้ เมื่อมติ ครม.นั้นถูกถอนก็เท่ากับว่ายึดตามรายชื่อก่อนจะเข้า ครม. ซึ่งปกติเรื่องเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นวาระที่ไม่จำเป็นที่จะนำเข้า ครม. แต่ได้มีความเห็นว่าต่อไปขอให้ไปทบทวนในสภา วปอ. เลย ไม่จำเป็นนำเข้า ครม.

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ต่อไปนี้ขอให้แต่ละหน่วยงานได้พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน ซึ่งนายบวรศักดิ์ได้มีความเห็นว่า ก่อนจะนําเข้าครม. ขอให้เป็นดุลยพินิจของนายกฯว่าจะบรรจุเข้าหรือไม่ ไม่ควรเป็นความเห็นของครม.

_____________


#บวรศักดิ์อุวรรณโณ #ธนพรศรียากูล
#ครมอนุทิน

08/10/2025

น่าสงสารลุงๆ เค้าเนอะ

---

#บิ๊กป้อม #พลังประชารัฐ #รวมไทยสร้างชาติ #แซวการเมือง

เป้าหมายแรกของ “อภิสิทธิ์” ไม่ใช่แย่งแฟนลุงตู่ แต่ต้องเอา 3.9 ล้านเสียงเดิมกลับมา!ถ้า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะกลับสู่สนา...
08/10/2025

เป้าหมายแรกของ “อภิสิทธิ์” ไม่ใช่แย่งแฟนลุงตู่ แต่ต้องเอา 3.9 ล้านเสียงเดิมกลับมา!
ถ้า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะกลับสู่สนามการเมืองจริง เป้าหมายแรกไม่ใช่การแย่งฐานเสียงอนุรักษ์นิยม
แต่คือ “การฟื้นหัวใจของคนที่เคยเลือกเขา” กว่า 3.9 ล้านเสียงเมื่อปี 2562

เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่แฟนคลับลุงตู่ และก็ไม่ใช่สาวกสีส้ม
แต่คือ “กลุ่มกลาง” ที่เชื่อในเหตุผล ความสุภาพ และการเมืองที่มีสติ
หลายคนในนั้นเคยจำใจเลือกสีส้มคราวก่อน เพราะอยากเห็นประเทศเปลี่ยน ไม่ใช่เพราะศรัทธาในตัวบุคคล

ในความเป็นจริง ฐานเสียงที่มีแนวโน้มกลับมาหาอภิสิทธิ์มากที่สุด คือ กลุ่มวัย 40–50 ปี
คนกลุ่มนี้เคยเห็นผลงานของเขาในอดีต เข้าใจความเป็น “อภิสิทธิ์แบบผู้ใหญ่” และเริ่มเบื่อการเมืองที่เต็มไปด้วยเสียงตะโกน
พวกเขาไม่ต้องการคำสัญญาใหม่ แต่อยากเห็นผู้นำที่พูดด้วยสติและลงมือทำได้จริง

วันนี้ หากอภิสิทธิ์เลือกเดินในเส้นทาง “การเมืองมีเหตุผล” มากกว่า “การเมืองมีฝั่ง”
เขาจะไม่ต้องสู้กับใครตรง ๆ
แต่จะสร้างฐานใหม่ของคนที่อยากเห็นประเทศเดินหน้าโดยไม่ต้องทะเลาะกัน

และนั่นคือจุดที่ 3.9 ล้านเสียงเดิม โดยเฉพาะคนวัย 40-50
อาจกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

บทความโดย ทีมข่าวการเมือง
_____________


#อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #พรรคประชาธิปัตย์
#ลุงตู่

ไม่เชื่อสูญพันธุ์! อิ๊งค์ลั่น แม้พรรคโดนเล่นงานสาหัส บ้านเพื่อไทยจะไม่ทิ้งกันน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและหัว...
08/10/2025

ไม่เชื่อสูญพันธุ์! อิ๊งค์ลั่น แม้พรรคโดนเล่นงานสาหัส บ้านเพื่อไทยจะไม่ทิ้งกัน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ที่แห่งนี้เป็นมากกว่าพรรคการเมือง ที่นี่คือบ้านของพรรคเพื่อไทย ที่นี่คือบ้านของคนเพื่อไทย เราจะไม่ทิ้งกันไปไหน ดิฉันขอขอบคุณจากหัวใจค่ะ

ดิฉันพร้อม พรรคเพื่อไทยพร้อม

ดิฉันและผู้เสนอตัวลงสมัครทุกท่าน จะทำให้เต็มที่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ยืนสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับทุกท่านจนสุดทาง และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าเราทุ่มเทจนสุดทาง เราจะมีโอกาส เพื่อไปสร้างโอกาสที่ดีที่สุดให้กับพี่น้องประชาชนค่ะ”

ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร เปิดตัว 185 ผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส. ชุดแรก จากทั่วประเทศ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งปี 69 พร้อมกล่าวด้วยว่า”รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกกระทำให้เป็นฝ่ายค้าน “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้ก่อตั้งพรรคอยู่ในเรือนจำ โดยคดีที่ตั้งต้นด้วยอำนาจรัฐประหาร มีคำพูดที่บอกกันว่าพรรคเพื่อไทย มาถึงทางตัน พรรคเพื่อไทยตายแน่นอน พรรคเพื่อไทยสูญพันธุ์แน่นอน ตนไม่เคยเชื่ออย่างนั้นเลย

ถ้าพรรคเพื่อไทยจะสูญพันธุ์ พรรคเพื่อไทยสูญพันธุ์ไปนานแล้ว เราเป็นพรรคการเมืองที่มีผลงานเป็นรูปธรรมมากที่สุด และต้องเผชิญชะตากรรมทางการเมืองสาหัสที่สุด พรรคนี้โดนรัฐประหารมาแล้วสองครั้ง ถูกยุบพรรคไปแล้ว 2 พรรค กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์เกือบ 200 คน นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งถึง 6 คน

ดิฉันพร้อมสู้ และพรรคเพื่อไทยก็พร้อมสู้ ประเทศไทยต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์ ต้องการการเมืองที่เป็นความหวังของพี่น้องประชาชน”

_____________


#แพทองธารชินวัตร #พรรคเพื่อไทย

08/10/2025
07/10/2025

สรุปการเมืองต้นเดือนตุลาคม
แดง =เพ้อ ฟ้า=คืนชีพ
น้ำเงิน=ขาขึ้น ส้ม=รอจังหวะ

ที่อยู่

284
Bangkok
10200

เบอร์โทรศัพท์

+6623146461

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The POINTผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์