นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
มีนโยบายไม่รับโฆษณา
www.chaladsue.com www.chaladsue.com, www.ฉลาดซื้อ.com
นิตยสารออนไลน์
ฉลาดซื้อมีนโยบายไม่รับโฆษณา

คนไทย 'ตื่นตัว' แบบไหน ในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้ง ความร้อนแรงในโซเชียลมีเดีย​ไต่ระดับความดุเดือด​คู่ขนานไปกับสถานการณ์คว...
10/08/2025

คนไทย 'ตื่นตัว' แบบไหน ในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้ง
ความร้อนแรงในโซเชียลมีเดีย​ไต่ระดับความดุเดือด​คู่ขนานไปกับสถานการณ์ความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะช่วงพีคในวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ​ที่มีการปะทะกันรุนแรง จนทำให้ยอดเอ็นเกจเมนต์พุ่งสูงถึง 141.94 ล้านเอ็นเกจเมนต์ ​
#กัมพูชายิงก่อน ​ และ และอีกสารพัดแฮชแท็ก ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในสมรภูมิออนไลน์ ที่ชาวเน็ตทั้งสองประเทศเข้ามา​ฟาดฟันกัน
ในยุคสงครามข้อมูลข่าวสาร หลายคนประกาศตัวเป็น Active Citizens ที่ไม่อาจ 'ดูดาย' กับสถานการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้ จนต้องเปิดหน้าออกมาเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย ด้วยรูปแบบต่าง ๆ
หลายคนออกมา Call Out เรียกร้อง #ไทยเฉย ให้ออกมาร่วมเคลื่อนไหว บางครั้งถึงขั้น 'ตีตรา'ให้คนที่เห็นต่าง ๆ หรือคนไม่เอาสงคราม ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ให้เป็น #คนไทยหัวใจเขมร
The Active ชวนสำรวจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่าคนไทยตื่นตัวกันแบบไหนในยุคความขัดแย้ง การแสดงออกของ มีกี่เฉด อะไรบ้าง พร้อมทำความเข้าใจเส้นบาง ๆ ที่แบ่ง ระหว่าง #รักชาติ' และ #คลั่งชาติ เพื่อทบทวนท่าทีกันอีกสักครั้ง ในวันที่ความขัดแย้งกำลังฝังลึกและไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ
เครดิต : TheActive

#ไทยกัมพูชา

คนไทย 'ตื่นตัว' แบบไหน ในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้ง
ความร้อนแรงในโซเชียลมีเดีย​ไต่ระดับความดุเดือด​คู่ขนานไปกับสถานการณ์ความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะช่วงพีคในวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ​ที่มีการปะทะกันรุนแรง จนทำให้ยอดเอ็นเกจเมนต์พุ่งสูงถึง 141.94 ล้านเอ็นเกจเมนต์ ​
#กัมพูชายิงก่อน ​ และ และอีกสารพัดแฮชแท็ก ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในสมรภูมิออนไลน์ ที่ชาวเน็ตทั้งสองประเทศเข้ามา​ฟาดฟันกัน
ในยุคสงครามข้อมูลข่าวสาร หลายคนประกาศตัวเป็น Active Citizens ที่ไม่อาจ 'ดูดาย' กับสถานการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้ จนต้องเปิดหน้าออกมาเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย ด้วยรูปแบบต่าง ๆ
หลายคนออกมา Call Out เรียกร้อง #ไทยเฉย ให้ออกมาร่วมเคลื่อนไหว บางครั้งถึงขั้น 'ตีตรา'ให้คนที่เห็นต่าง ๆ หรือคนไม่เอาสงคราม ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ให้เป็น #คนไทยหัวใจเขมร
The Active ชวนสำรวจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่าคนไทยตื่นตัวกันแบบไหนในยุคความขัดแย้ง การแสดงออกของ มีกี่เฉด อะไรบ้าง พร้อมทำความเข้าใจเส้นบาง ๆ ที่แบ่ง ระหว่าง #รักชาติ' และ #คลั่งชาติ เพื่อทบทวนท่าทีกันอีกสักครั้ง ในวันที่ความขัดแย้งกำลังฝังลึกและไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ
📌 อ่านรายละเอียดในคอมเมนต์
#ไทยกัมพูชา

ลูกเพจฝากเป็นอุทาหรณ์เวลาใช้งานอ่างล้างมือ อ่างล้างหน้า กำลังแปรงฟันจะบ้วนปากอย่าเอามือไปค้ำอ่างแล้วโถมน้ำหนักตัวลงไป อา...
09/08/2025

ลูกเพจฝากเป็นอุทาหรณ์

เวลาใช้งานอ่างล้างมือ อ่างล้างหน้า กำลังแปรงฟันจะบ้วนปาก
อย่าเอามือไปค้ำอ่างแล้วโถมน้ำหนักตัวลงไป อาจเป็นแบบนี้ได้
เย็บไปห้าเข็มเหนาะๆ
เครดิต : ดราม่า แอดดิก

จีนพบปัญหาตั๋วคอนเสิร์ตพุ่ง กว่าร้อยละ 90 เป็นเรื่องการขอเงินคืนสมาคมผู้บริโภคแห่งประเทศจีนเผยจำนวนเรื่องร้องเรียนจากผู้...
08/08/2025

จีนพบปัญหาตั๋วคอนเสิร์ตพุ่ง กว่าร้อยละ 90 เป็นเรื่องการขอเงินคืน

สมาคมผู้บริโภคแห่งประเทศจีนเผยจำนวนเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคในครึ่งปีแรกสูงถึง 995,000 เรื่อง เป็นการเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 27

แม้สัดส่วนเรื่องร้องเรียนที่มากที่สุดจะเป็นเรื่องบริการหลังการขาย แต่ที่เพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ คือเรื่องเกี่ยวกับการจองบัตรคอนเสิร์ต และส่วนใหญ่เป็นปัญหาเกี่ยวกับการขอเงินคืน

บ้างก็ไม่สามารถขอเงินคืนได้ เพราะแพลตฟอร์มตั้งกฎไว้เช่นนั้น
บ้างก็ถูกหัก "ค่าดำเนินการ" สูงถึงร้อยละ 30 ทั้งที่แจ้งล่วงหน้าก่อนวันคอนเสิร์ตเกือบเดือน

สมาคมฯ เรียกร้องให้แพลตฟอร์มขายบัตรคอนเสิร์ตมีกฎการคืนเงินที่ชัดเจน และแสดงให้ผู้บริโภคทราบ ก่อนตัดสินใจซื้อ

รวมถึงกำหนดอัตราการ "หักเงิน" เป็นค่าดำเนินการ ตามระยะเวลา (เช่น คืนก่อนคอนเสิร์ต ... วัน จะได้คืนร้อยละ ...)

และขอให้รัฐบาลสั่งห้ามบริษัทเหล่านี้ใช้ "นโยบายไม่คืนเงิน"

#นโยบายคืนเงิน #ซื้อบัตรคอนเสิร์ต #เรื่องร้องเรียน #ปัญหาผู้บริโภค #มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค #นิตยสารฉลาดซื้อ

ข่าวจาก
https://www.chinadaily.com.cn/a/202508/08/WS68954dd5a3108a99c1905c86.html
ภาพประกอบจาก
https://macaonews.org/life/entertainment/buy-tickets-online-in-china/

อ่าน 1.3 พันล้าน เปิดมูลค่าความเสียหาย ท่องเที่ยว-เกษตร-ประมง ริมน้ำกก เซ่นสารพิษเหมืองแร่รัฐฉาน ท่องเที่ยวหนักสุด 773 ล...
08/08/2025

อ่าน 1.3 พันล้าน เปิดมูลค่าความเสียหาย ท่องเที่ยว-เกษตร-ประมง ริมน้ำกก เซ่นสารพิษเหมืองแร่รัฐฉาน ท่องเที่ยวหนักสุด 773 ล้าน
เมื่อ ‘แม่น้ำกก’ หนึ่งในแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของผู้คนในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ กำลังเผชิญกับวิกฤติมลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ภาพของแม่น้ำสายสำคัญที่เคยอุดมสมบูรณ์ กลับถูกแทนที่ด้วยความคลางแคลงใจเกี่ยวกับคุณภาพน้ำและความปลอดภัยในการใช้ประโยชน์ คำถามสำคัญจึงไม่ได้มีเพียงเรื่องของสิ่งแวดล้อมเพียงเท่านั้น หากแต่ยังขยายลึกไปถึงโครงสร้างเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นที่พึ่งพิงแม่น้ำสายนี้อีกด้วย
​.
จากปัญหาดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากวิกฤตการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกก ผ่านการตั้งสมมติฐานว่าหากวิกฤตในครั้งนี้อยู่ในระดับที่ ‘เลวร้ายที่สุด’ มูลค่าความเสียหายต่อปีจะคิดเป็นเม็ดเงินจำนวนเท่าไร ซึ่งการประเมินนี้อ้างอิงข้อมูลจากหน่วยงานรัฐเป็นหลัก ควบคู่ไปกับสอบถามผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม การประเมินครั้งนี้ยังคงเป็นการคำนวณ ‘เบื้องต้น’ ที่อาศัยข้อมูลที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งในความเป็นจริงมูลค่าความเสียหายอาจมีจำนวนที่สูงกว่านี้
เครดิต : Lanner
#แม่น้ำกก #สารพิษข้ามพรมแดน #มูลค่าความเสียหาย #เชียงใหม่ #เชียงราย

สธ. ร่วม บก.ปคบ. เขตสัมพันธวงศ์ ลุยตรวจซูเปอร์มาร์เก็ตจีนกลางกรุง พบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายกว่า 5 หมื่นรายการ ร้านนี้เคยโ...
08/08/2025

สธ. ร่วม บก.ปคบ. เขตสัมพันธวงศ์ ลุยตรวจซูเปอร์มาร์เก็ตจีนกลางกรุง พบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายกว่า 5 หมื่นรายการ ร้านนี้เคยโดนจับมาแล้ว 3 ครั้ง ก็ยังทำซ้ำ
เครดิต : Ch7HDNews

สธ. ร่วม บก.ปคบ. เขตสัมพันธวงศ์ ลุยตรวจซูเปอร์มาร์เก็ตจีนกลางกรุง พบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายกว่า 5 หมื่นรายการ ร้านนี้เคยโดนจับมาแล้ว 3 ครั้ง ก็ยังทำซ้ำ
(อ่านต่อในคอมเมนต์)
#ข่าวออนไลน์7HD

"ขายเก่ง" จนลูกค้าเพลียข้อมูลของสมาคมผู้บริโภคสิงคโปร์ (CASE) ระบุว่า ในครึ่งแรกของปีนี้ มูลค่าความเสียหายจากการใช้บริกา...
07/08/2025

"ขายเก่ง" จนลูกค้าเพลีย

ข้อมูลของสมาคมผู้บริโภคสิงคโปร์ (CASE) ระบุว่า ในครึ่งแรกของปีนี้ มูลค่าความเสียหายจากการใช้บริการเพื่อความงามและสุขภาพเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 500%

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์/บริการที่ต้องสมัครเป็นสมาชิก หรือจ่ายเงินล่วงหน้า

CASE บอกว่าปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือการโฆษณาเกินจริง และเทคนิคการเสนอขายแบบเชิงรุก (หนักมาก) จนต้องยอมเสียเงินเพราะถูกกดดัน

ในภาพรวม อุตสาหกรรมที่มีเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคมากที่สุดในสิงคโปร์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งมีเข้ามาถึง 573 เรื่อง ส่วนมากเป็นเรื่องความชำรุดบกพร่อง หรือการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา

ที่น่าสนใจคือ กรณีร้องเรียนเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 42 เช่นกัน

นอกจากนี้ยังพบว่า แม้จำนวนเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ลดลง แต่ผู้บริโภคสิงคโปร์กลับพบปัญหาเกี่ยวกับบริการเว็บไซต์/แอปฯ เพื่อการท่องเที่ยว (เช่น จองตั๋วโดยสาร ทัวร์ ห้องพัก) มากขึ้นถึงร้อยละ 40

#ปัญหาผู้บริโภค #เรื่องร้องเรียน #บริการความงามและสุขภาพ #มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค #นิตยสารฉลาดซื้อ

ข่าวและภาพจาก
https://www.straitstimes.com/singapore/464-rise-in-prepayment-losses-hobble-beauty-industry-amid-aggressive-misleading-sales-tactics?ref=search-results

 #จุดยืนกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพจากการที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ตรวจสอบเวชระเบียนเพื่อดูความเหมาะสมของยอดเ...
07/08/2025

#จุดยืนกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ

จากการที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ตรวจสอบเวชระเบียนเพื่อดูความเหมาะสมของยอดเบิกค่ารักษาผู้ป่วยใน (IP) ของโรงพยาบาลทุกแห่ง และมีแนวทางการสร้างความเป็นธรรมให้กับหน่วยบริการ โดยเพิ่มเงินให้หน่วยบริการที่เบิกจ่ายน้อยกว่าที่ควร และเรียกคืนเงินจากหน่วยที่เบิกเกินเพื่อคืนเงินเข้าสู่กองทุนรวมคนไข้ในระดับเขต (Global IP เขต) เพื่อกลับไปเป็นเงินกองกลางจัดสรรให้กับทุกหน่วยบริการต่อไป

1.กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพขอสนับสนุนการตรวจสอบเวชระเบียนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นเรื่องที่เหมาะสมและจำเป็นกับระบบหลักประกันสุขภาพของรัฐที่มีงบประมาณจำกัด เพราะเป็นการช่วยรักษาสมดุลระหว่างงบประมาณกับการให้บริการของโรงพยาบาล และยังช่วยให้การวางแผนในการจัดสรรงบประมาณในภาพรวมมีความแม่นยำ เหมาะสม และสร้างความเป็นธรรมในระบบหลักประกันสุขภาพมากขึ้น

2.การสุ่มตรวจสอบเวชระเบียน 3% ที่ผ่านมา สปสช.ดำเนินการเป็นปกติ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีทั้งต่อโรงพยาบาลและระบบ แม้ที่ผ่านมายังไม่มีการนำไปขยายผลกับส่วนที่เหลือทั้งหมด แต่เพื่อความยั่งยืนของระบบ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพจึงขอสนับสนุนให้ ในปีงบประมาณ 2568 ใช้ผลการสุ่มตรวจสอบเวชระเบียน 3% ควรขยายเป็น 100% โดยให้แต่ละเขตไปพิจารณาตัดสินใจ และยืนยันที่จะขยายเป็น 100% ในปี 2569 เพราะงบประมาณที่เรียกคืนจากโรงพยาบาลที่เบิกเกินจะต้องนำไปกระจายคืนให้กับโรงพยาบาลที่เบิกไม่เพียงพอ

3.การที่มีข้อเสนอให้ของบกลางมาเติมไปเรื่อยๆ โดยไม่ดำเนินการแก้ไขเช่นนี้เสียก่อน จะส่งผลกระทบต่อการจัดการงบปลายปิดที่เป็นค่าเหมาจ่ายรายหัวและความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งนี้ หากไม่นำผลตรวจสอบมาใช้จะต้องของบกลางเพิ่มมากถึง 5,609 ล้านบาท แต่หากใช้ผลตรวจสอบมาขยายผล 100% จะของบกลางเติมเพียง 2,061 ล้านบาท

อีกทั้งการตรวจสอบครั้งนี้ จึงเป็นไปเพื่อความเป็นธรรมของหน่วยบริการในเขต ถ้ามี รพ.ไหนเบิกเกินมาก ก็เท่ากับไปเอาเปรียบเพื่อน รพ.อื่นในเขต ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า มีรพ.ที่จะถูกปรับลด 955 แห่ง มีรพ.ที่ได้รับเงินเพิ่มมากขึ้น 170 แห่ง

4.การเบิกเงินเกินของหน่วยบริการ มีความเป็นไปได้ว่า อาจเกิดจากความผิดพลาด หรือตั้งใจเบิกเกิน กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพยึดมั่นในการปกป้องเงินของประชาชนทุกคนเพื่อสร้างความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ จึงขอให้ สปสช.จัดหาคนกลางมาศึกษาว่า การตรวจสอบ (audit) มีผลอย่างไร จะกำกับการเบิกจ่ายที่เป็นธรรมได้อย่างไร จะทำให้เกิดประสิทธิภาพอย่างไร

5.กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพขอให้ สปสช.ประกาศให้ชัดเจนว่า ในปีงบประมาณ 69 การสุ่มตรวจสอบเวชระเบียน 3% จะนำมาขยายผลเป็น 100% ให้เป็นที่รับทราบทั่วกัน

7 สิงหาคม 2568
#ลดความเหลื่อล้ำ #สร้างความเป็นธรรท #ระบบสุขภาพมาตรฐานเดียว

ผู้แถลง นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ผู้แทนองค์กรภาคประชาชน
นางสาวแสงศิริ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ

07/08/2025

สนธิสัญญาพลาสติก” ต้องเกิดเพื่อปกป้องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม! ยิ่งผลิตและใช้พลาสติกมาก ยิ่งเพิ่มภัยคุกคามด้านมลพิษ

07/08/2025

งานแถลงข่าว "มาตรการลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร"

หลังจากการต่อสู้อย่างยาวนานกว่า 20 ปี การพิจารณาคดีแบบกลุ่ม (class action) ด้านสิ่งแวดล้อม คดีแรกของประเทศไทยก็ได้ถึงที่...
06/08/2025

หลังจากการต่อสู้อย่างยาวนานกว่า 20 ปี การพิจารณาคดีแบบกลุ่ม (class action) ด้านสิ่งแวดล้อม คดีแรกของประเทศไทยก็ได้ถึงที่สุด แล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกาของบริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ทำให้คำพิพากษาของคดีนี้เป็นไปตามคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ตัดสินเมื่อปี 2566 ซึ่งเป็นการยืนตามศาลชั้นต้น
ย้อนกลับไปในปี 2563 ศาลแพ่ง แผนกคดีสิ่งแวดล้อมได้พิพากษาให้บริษัทแวกซ์กาเบ็จฯ และกรรมการบริษัท ร่วมกันรับผิดชอบค่าเสียหายด้านสุขภาพแก่ชาวบ้านน้ำพุ 650 คน จำนวนเงินรวม 13 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5.0 ต่อปี พร้อมทั้งฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของดินและน้ำ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ให้กลับมาเป็นสภาพปกติ
“สู้มา 20 ปี ถามว่าเหนื่อยไหม? เหนื่อย... ไม่รู้ว่าถ้าเกิดเราสู้แล้ววันนี้ ศาลมีคำตอบให้เราแบบตรงกันข้ามกับวันนี้ ไม่รู้พวกเราจะต้องสู้กันไปอีกแค่ไหน แล้วเราพี่น้องหมู่ 1 จะต้องตายจากกันไปอีกกี่คน แล้วจะมีคนรุ่นหลังจะมาสู้กับเราแบบนี้ไหม” นั่นคือความรู้สึกของลมัย จ้อยเล็ก ที่ปรากฏออกมาในรูปของคำถามจำนวนมาก ในฐานะโจทก์คนหนึ่ง เธอใช้เวลานับสิบกว่าปีในการเผชิญปัญหามลพิษจากโรงงาน และใช้เวลาอีกกว่า 8 ปีกับการรอคอยให้คดีนี้สิ้นสุด
เมื่อวานนี้ (5 สิงหาคม 2568) ลมัยเดินทางมารับฟังคำสั่งที่ศาล และกล่าวกับสื่อมวลชนพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้า “ถามว่าวันนี้ดีใจไหม? ดีใจสุดๆ ดีใจมากๆ ดีใจแบบว่าวันนี้ที่รอคอย พี่น้องหมู่ 1 ได้รับแล้วความสำเร็จแล้ว ที่เรามาสู้เราไม่ได้หวังเงิน เราหวังให้บ้านเราอยู่แบบเดิมๆ ไม่ต้องไปทำมาหากินต่างจังหวัด ทิ้งลูกทิ้งหลาน ทิ้งบ้านตัวเองไป มันไม่ใช่...”
สำหรับลมัย การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อเงินเยียวยา แต่เพื่อสิทธิในการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยบนผืนดินที่พวกเขาอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน เพราะมลพิษจากโรงงานทำให้แหล่งน้ำที่เคยใช้เลี้ยงชีพปนเปื้อน การทำเกษตรกรรมอยู่บนผืนดินใกล้บ้านจึงต้องยุติลง ชาวบ้านจำนวนมากต้องย้ายถิ่นฐานออกไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งเธอเป็นคนหนึ่งที่ต้องทำเช่นนั้น
“น้ำในห้วยใช้ไม่ได้ พี่ก็ต้องไปหากินที่อื่น ต้องทิ้งหลานไว้... ถามว่าใช่ไหม? ผู้เป็นปู่เป็นย่าต้องทิ้งหลาน เพราะอะไรคะ? เพราะบริษัทแวกซ์กาเบ็จฯ ทำให้เราเดือดร้อน” ลมัย กล่าวทั้งน้ำตา

หลังจากการต่อสู้อย่างยาวนานกว่า 20 ปี การพิจารณาคดีแบบกลุ่ม (class action) ด้านสิ่งแวดล้อม คดีแรกของประเทศไทยก็ได้ถึงที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกาของบริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ทำให้คำพิพากษาของคดีนี้เป็นไปตามคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ที่ตัดสินเมื่อปี 2566 ซึ่งเป็นการยืนตามศาลชั้นต้น
ย้อนกลับไปในปี 2563 ศาลแพ่ง แผนกคดีสิ่งแวดล้อมได้พิพากษาให้บริษัทแวกซ์กาเบ็จฯ และกรรมการบริษัท ร่วมกันรับผิดชอบค่าเสียหายด้านสุขภาพแก่ชาวบ้าน ต.น้ำพุ อ.เมืองราชบุรี 650 คน จำนวนเงินรวม 13 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5.0 ต่อปี พร้อมทั้งฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของดินและน้ำ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ให้กลับมาเป็นสภาพปกติ
“สู้มา 20 ปี ถามว่าเหนื่อยไหม? เหนื่อย... ไม่รู้ว่าถ้าเกิดเราสู้แล้ววันนี้ศาลมีคำตอบให้เราแบบตรงกันข้ามกับวันนี้ ไม่รู้พวกเราจะต้องสู้กันไปอีกแค่ไหน? แล้วเราพี่น้องหมู่ 1 จะต้องตายจากกันไปอีกกี่คน แล้วจะมีคนรุ่นหลังจะมาสู้กับเราแบบนี้ไหม?” นั่นคือความรู้สึกของลมัย จ้อยเล็ก ที่ปรากฏออกมาในรูปของคำถามจำนวนมาก ในฐานะผู้ได้รับความเดือดร้อนคนหนึ่ง เธอใช้เวลานับสิบกว่าปีในการเผชิญปัญหามลพิษจากโรงงาน และใช้เวลาอีกกว่า 8 ปีกับการรอคอยให้คดีนี้สิ้นสุด
เมื่อวานนี้ (5 สิงหาคม 2568) ลมัยเดินทางมารับฟังคำสั่งที่ศาลแพ่งกรุงเทพ และกล่าวกับสื่อมวลชนพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้าว่า
“ถามว่าวันนี้ดีใจไหม? ดีใจสุดๆ ดีใจมากๆ ดีใจแบบว่าวันนี้ที่รอคอย พี่น้องหมู่ 1 ได้รับแล้วความสำเร็จแล้ว ที่เรามาสู้ เราไม่ได้หวังเงิน เราหวังให้บ้านเราอยู่แบบเดิมๆ ไม่ต้องไปทำมาหากินต่างจังหวัด ทิ้งลูกทิ้งหลาน ทิ้งบ้านตัวเองไป มันไม่ใช่...”
สำหรับลมัย การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อเงินเยียวยา แต่เพื่อสิทธิในการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยบนผืนดินที่พวกเขาอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน เพราะมลพิษจากโรงงานทำให้แหล่งน้ำที่เคยใช้เลี้ยงชีพปนเปื้อน การทำเกษตรกรรมอยู่บนผืนดินใกล้บ้านจึงต้องยุติลง ชาวบ้านจำนวนมากต้องย้ายถิ่นฐานออกไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งเธอเป็นคนหนึ่งที่ต้องทำเช่นนั้น
“น้ำในห้วยใช้ไม่ได้ พี่ก็ต้องไปหากินที่อื่น ต้องทิ้งหลานไว้... ถามว่าใช่ไหม? ผู้เป็นปู่เป็นย่าต้องทิ้งหลาน เพราะอะไรคะ? เพราะบริษัทแวกซ์กาเบ็จฯ ทำให้เราเดือดร้อน” ลมัย กล่าวทั้งน้ำตา....
เรื่องโดย พิสิทธิ์ ศรีพุ่มไข่ มูลนิธิบูรณะนิเวศ
ภาพถ่ายโดย ปุณย์ ปฏิมาประกร นักศึกษาฝึกงานมูลนิธิบูรณะนิเวศ

 #มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภค  #ร่วมมือหลายหน่วยงานรัฐ  #ยกระดับตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญให้ปลอดภัยวานนี้ 5 ส....
06/08/2025

#มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภค #ร่วมมือหลายหน่วยงานรัฐ #ยกระดับตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญให้ปลอดภัย
วานนี้ 5 ส.ค. 2568 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจัดประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการดูแลและควบคุมคุณภาพ ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ** โดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานเข้าร่วมการประชุมและกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันทั้ง สำนักสุขาภิบาล กรมอนามัย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นักวิชาการจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สภาองค์กรของผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และตัวแทนเครือข่ายองค์กรของผู้บริโภคทั้ง 50 เขตในพื้นที่กรุงเทพฯ
ความร่วมมือครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลัง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายองค์กรของผู้บริโภคได้ขับเคลื่อนให้ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญมีคุณภาพที่ปลอดภัยมาตั้งแต่ปี 2559 และได้ทำการสำรวจคุณภาพของตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมาแล้วถึง 3 ครั้งคือในปี 2559, 2565 และ 2566 และพบว่าตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญกว่าร้อยละ 90 ไม่ได้รับใบอนุญาต อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
อ่านรายละเอียด เว็บไซต์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
https://ffcthailand.org/.../Safecoin...
#ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ #ยกระดับให้ปลอดภัย #เครือข่ายผู้บริโภค #นิตยสารฉลาดซื้อ #มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

#มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภค #ร่วมมือหลายหน่วยงานรัฐ #ยกระดับตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญให้ปลอดภัย

วานนี้ 5 ส.ค. 2568 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจัดประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการดูแลและควบคุมคุณภาพ ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ** โดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานเข้าร่วมการประชุมและกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันทั้ง สำนักสุขาภิบาล กรมอนามัย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นักวิชาการจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สภาองค์กรของผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และตัวแทนเครือข่ายองค์กรของผู้บริโภคทั้ง 50 เขตในพื้นที่กรุงเทพฯ

ความร่วมมือครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลัง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายองค์กรของผู้บริโภคได้ขับเคลื่อนให้ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญมีคุณภาพที่ปลอดภัยมาตั้งแต่ปี 2559 และได้ทำการสำรวจคุณภาพของตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมาแล้วถึง 3 ครั้งคือในปี 2559, 2565 และ 2566 และพบว่าตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญกว่าร้อยละ 90 ไม่ได้รับใบอนุญาต อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

อ่านรายละเอียด เว็บไซต์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

https://ffcthailand.org/news/coinoperateddrinkingwater1?fbclid=IwY2xjawL_zOhleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFqR1BHQVVYS0ZWY1BqU3Y4AR4okquEpqUubJ1HMJYt2tGa57j3O2ShDoYDFl35JtLwGiYF4L5XazX7vgHJew_aem_SBc1Isz60AyN_DKIVQ-qQA

#ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ #ยกระดับให้ปลอดภัย #เครือข่ายผู้บริโภค #นิตยสารฉลาดซื้อ #มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

ที่อยู่

Foundation For Consumers 4/2 Soi Wattanayothin, Thanon-Phyathai, Ratchathewi
Bangkok
10400

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 17:00
อังคาร 10:00 - 17:00
พุธ 10:00 - 17:00
พฤหัสบดี 10:00 - 17:00
ศุกร์ 10:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+66897659151

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค:

แชร์

ประเภท

ฉลาดซื้อ ฉลาดคิด ฉลาดใช้ชีวิตในยุคบริโภคนิยม

LINE ID: @chaladsue.online www.chaladsue.com นิตยสารออนไลน์ ฉลาดซื้อมีนโยบายไม่รับโฆษณา www.ฉลาดซื้อ.com