
09/07/2025
อัสสลามูอาลัยกุม
บันทึกเรื่องราวของคุณเวลา ฉบับที่ 72
เกี่ยวกับการรักษาด้วยโรคมะเร็งเนื้อเยื่อ ระยะที่สาม
เมื่อช่วงเวลา 06:30 น. ของวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา หนูและคุณแม่ได้มีการเดินทางเพื่อเข้าพบคุณหมอแผนกเวชศาสตร์ฟืนฟู กับ หมอแผนกอายุรกรรม ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
ทั้งนี้ ตอนที่พวกเราทั้งสองไปถึงที่โรงพยาบาล ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลที่อยู่ตรงจุดคัดกรอง ได้มีการสอบถามถึงข้อมูลอาการเจ็บป่วยดังกล่าว ที่หนูมีความประสงค์จะขอเข้าพบคุณหมออายุรกรรมในครั้งนี้
หนูได้มีการแจ้งไปว่า ” หนูมีอาการไอ มา 2-3 วันแล้ว อาการที่ว่านี้ ไอถี่ทั้งตลอดช่วงกลางวัน และตลอดช่วงกลางคืน จนไม่สามารถนอนหลับได้เลย เพราะการไอในครั้งนี้ ทำให้บริเวณที่เคยได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด มันรู้สึกเจ็บ หน่วง จนทนไม่ไหวแล้ว และมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อย หายใจไม่ออก หัวใจเต้นเร็วด้วยค่ะ “
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามา ” ได้มีการตรวจ ATK หรือยังคะ ?“ หนูตอบไปว่า ” ยังเลยค่ะ “ แล้วทางเจ้าหน้าที่บอกว่า ” ถ้าหากคนไข้ไม่ตรวจ ATK ดังกล่าว จะไม่สามารถเข้าพบคุณหมอในครั้งนี้ได้ เพราะมีคนไข้หลายรายแล้ว ที่ทำให้คุณหมอติดเชื้อ และ ป่วยมาจากการที่ไม่ตรวจ ATK ก่อนเข้าพบคุณหมอ ถ้าหากคนไข้อยากเข้าพบคุณหมอในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ขอรบกวนให้คนไข้ไปตรวจในครั้งด้วยนะคะ ถ้าหากจะตรวจเองก็ได้ แล้วนำหลักฐานมาให้เจ้าหน้าที่ด้วย แต่ถ้าหากไม่อยากตรวจเอง สามารถตรวจกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้เลยแต่มีค่าใช้จ่ายในการตรวจตรงนี้ประมาณ 150 บาทนะคะ “ ตอนนั้นหนูเดินไปหาคุณแม่ แล้วบอกกับคุณแม่ว่า ” บันเทิงเลยงานนี้ รอบนี้ตรวจโควิดโดนจนได้ เอายังไงดี ตรวจที่นี่เลยนะ ไหนๆก็มาแล้ว เอาให้สุดเลยล่ะกัน“
แล้วคุณแม่ก็บอกว่า ” เอาสิ ไหนๆก็มาหาหมออยู่แล้ว ทำให้มันจบและเคลียร์กันไปเลย “ แล้วหลังจากนั้นหนูก็เดินไปบอกเจ้าหน้าที่ดังกล่าวว่า ” งั้นตรวจที่โรงพยาบาลเลยค่ะ “
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการเขียนและแนบเอกสารไปให้ ตรงจุดบริเวณตรวจโควิดดังกล่าว และได้มีการแจ้งให้หนูทราบว่า ”ถ้าหากคนไข้ไม่พบเชื้อ ให้ทางเจ้าหน้าที่แนบเอกสาร แล้วส่งไปที่แผนกอายุรกรรมทันที ได้เลย แต่ถ้าหากพบเชื้อ ก็ให้รักษาที่นั้นไปก่อนจนกว่าจะดีขึ้น แล้วส่วนนัดต่างๆที่หนูได้มีการนัดกับคุณหมอต่างๆ รวมถึงแผนกเวชศาสตร์ฟืนฟูในวันนี้ ก็เป็นอันยกเลิกทั้งหมด !!! “
ทั้งนี้ในช่วงเวลา 09:00 น. ผลการตรวจโควิดดังกล่าว ผลออกมาว่าไม่พบเชื้อ อัลฮัมดูลิลลาฮ และในตอนนั้นหนูก็ได้มีการเดินทางเพื่อไปที่แผนกอายุรกรรมทันที
พอหนูไปถึงก็ได้มีการรับคิว และรอวัดความดันบริเวณหน้า OPD ดังกล่าว ทั้งนี้ การวัดความดันของหนูดังกล่าว ไม่ผ่านสักรอบ จนพยาบาลไล่ให้ไปกินน้ำ กินข้าว หรือกินยา เพื่อให้ความดันมันลดลงมา แต่พอนั่งพัก 20 นาที ตามที่เขาแนะนำแล้ว แล้วไปวัดใหม่ ก็ไม่ผ่านอยู่ดี
เอาเครื่องวัดทุกตัวที่มีวัด ก็ไม่ลง จนเขาเหนื่อยกันหมด
จากนั้นหนูได้มีการบอกกับพี่พยาบาลว่า ” งั้นหนูขอพักก่อน แล้วขอไปพบหมออีกแผนกหนึ่งนะคะ พอดีหนูมีนัด 11:00 น. นี่ก็ใกล้เวลาแล้วด้วย “ จากนั้นพี่พยาบาลบอกว่า ” ได้ค่ะ ถ้างั้นคนไข้มาที่แผนกนี้อีกที ก่อน 13:00 น. นะคะ คุณหมอ OPD อายุรกรรม จะอยู่ถึง 14:00 นะคะ “
หนูตอบไปว่า ” ได้ค่ะ ถ้ายังไงเดี่ยวหนูจะโทรแจ้งไปอีกครั้งนะคะ ถ้าหากมาเลท หรือว่าเข้าพบหมอไม่ได้ยังไง หนูจะโทรไปนะคะ “
หลังจากเคลียร์ตรงนี้เสร็จ หนูก็เดินไปที่แผนกเวชศาสตร์ฟืนฟูต่อ และได้มีการยื่นไปนัด วัดความดันไปให้ สรุป ความดันก็ไม่ผ่านอยู่ดี แต่ก็ไม่ได้หนักเท่าก่อนหน้านี้เท่าไหร่ จากนั้นรอประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ทางคุณหมอเรียกเข้าพบ เพื่อสอบถามอาการดังกล่าว ที่คุณหมอแผนกกระดูกได้ส่งมาให้ปรึกษาเรื่องการฝั่งเข็มนี้ว่า “คนไข้มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ เมื่อยแขน และมีอาการชาไปถึงปลายนิ้วมือข้างขวาทั้งฝั่ง จนไม่สามารถนอนหลับได้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ หลังจากที่มีการเข้าพบคุณหมอแผนกกระดูกเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางแผนกกระดูกอยากขอ Refer คนไข้คนนี้ให้ทางแผนกเวชศาสตร์ฟืนฟูช่วยตรวจสอบดู ว่าสามารถรักษาด้วยการฝั่งเข็มพอจะได้ไหม ”
จากนั้นคุณหมอก็ได้มีการเดินมาบริเวณที่หนูนั่ง แล้วมีการสัมผัส และ กดรอบๆ ตรงที่หนูกับคุณหมอแผนกกระดูกได้มีการแจ้งมา เขาบอกว่า ” ตรงบริเวณ คอ บ่า ไหล่ มันตึงจนเห็นได้ชัด กล้ามเนื้อแข็งโป๊กเลย “
จากนั้นคุณหมอได้มีการสาธิตวิธีการกายภาพบำบัด และออกกำลังกาย บริเวณดังกล่าวให้ดู แล้วให้หนูทำตาม ปรากฏว่า หนูทำไม่ได้ ทำได้น้อยมาก เพราะมันตึง และเจ็บจนน้ำตาไหล่ ระหว่างที่มีการอยู่ในห้องตรวจ คุณหมอเองก็ไม่ย่อท้อกับอาการเจ็บป่วยของหนูเลย ก็คือทำกายภาพทุกวิธีทางแล้ว แต่ผลที่ได้มา คือหนูยกมือทั้งสองข้างไม่ได้ หันคอ ซ้าย-ขวา ไม่ได้ เงยหน้าได้ ก้มหน้าได้ แล้วจากนั้นก็ได้มีการถามถึงโรคประจำตัว ว่าหนูมีโรคอะไรไหม หนูจึงตอบกลับไปว่า “ หนูมีโรคประจำตัวเป็นโรคภูมิแพ้ และ กำลังรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งเนื้อเยื่อ ระยะที่สาม นี้ด้วย” คำถามต่อไปก็มาทันที “ เป็นที่ไหน รักษาที่ไหน แล้วผ่าตัด ฉายรังสีรักษา ให้เคมีบำบัดหรือยัง ? ” หนูจึงตอบกลับไปว่า “ เป็นที่กล้ามเนื้อ น่าจะกล้ามเนื้อหน้าอกค่ะ หนูรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้านี้เลยค่ะ ผ่าตัดไปแล้ว 3 ครั้ง ฉายรังสีรักษาไปแล้ว 90 แสง 90 ครั้ง และให้เคมีบำบัดไปแล้ว 5 เข็ม พึ่งจบไปเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมาค่ะ ”
พอคุณหมอได้ฟังจากที่หนูพูดแล้ว ก็ได้มีการเปิดชาร์จการรักษาเพื่อดูว่าตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว จากนั้นก็ถามหนูมาว่า “ นี่คนไข้ พึ่งมาหาหมอแผนกเวชศาสตร์ฟืนฟู เมื่อช่วงเดือน พฤศจิกายน พ.ศ 2567 นี้เองไม่ใช่หรือ? “
หนูตอบไปว่า ” ใช่ค่ะ ตอนนั้นหนูมีอาการไหล่ติด แขนบวม ยกแขนไม่ได้ เพราะได้รับการผ่าตัดครั้งที่สาม มาด้วย และ มีการฉายรังสีรักษาบริเวณผ่าตัด 30 แสง 30 ครั้ง ทำให้หนูมีอาการแขนบวม ตึง จนไม่สามารถยกแขน หรือใช้งานแขนข้างซ้ายได้เลยค่ะ “
จากนั้นทางคุณหมอก็มาสัมผัสบริเวณดังกล่าว แล้วยกแขนดู ทำไปทำมา จนหนูร้องออกมาว่า ”หนูเจ็บค่ะ หนูขยับมากไม่ได้ เพราะไหล่ติด แล้วหนูทำได้แค่นี้จริงๆค่ะ ถ้าจะให้หนูยกแขนให้ดู หนูจะต้องเอียงตัวไปข้างขวา มันถึงจะสามารถยกแขนข้างซ้ายได้ “ แล้วต่อจากนั้นก็สาธิตให้เขาดู ก็เข้าใจทันที พอจับจุดหลายอย่างได้แล้ว เขาก็ถามมาว่า ” ขอดูแผลผ่าตัดหน่อยได้ไหมคะ ? ” หนูก็บอกไปว่า “ อ๋อ ได้ค่ะ ”
จากนั้นคุณหมอก็เกิดอาการช็อกขึ้นมา แล้วพูดขึ้นมาว่า “ อะไรกันเนี้ยคนไข้ ทำไมแผลเต็มไปหมด แล้วผ่าตัดอะไรไปบ้างเนี้ย ทำไมโรคมะเร็งเดี่ยวนี้ เป็นโรคมะเร็งแปลกๆจัง แล้วเป็นในวัยรุ่นอายุน้อยด้วย แค่เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้เลย “ จากนั้นคุณหมอดังกล่าวก็ไปเรียก นักศึกษาแพทย์ให้มาดูหนู แล้วบอกว่า “ เคสคนไข้คนนี้ได้ทำอะไรไปบ้าง แล้วมาด้วยอาการอะไร เราควรทำยังไงกับเคสแบบนี้ดี ?”
ผลที่ได้มาหลังจากนั้น ” ทุกคนก็ต่างพากันมาตรวจรอบๆรอยแผล ที่หน้าอก ซี่โครงซ้ายบน หน้าหัวใจ ที่ช่องท้อง ที่หัวไหล่ รักแร้ข้างซ้าย ที่หลังข้างซ้าย และที่ขา “
จากนั้นก็ถามว่า ”ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดมาแล้วกี่ปีคะ ?“ หนูตอบไปว่า ” 1 ปีค่ะ ก็มีผ่าตัดใหญ่ครั้งแรก เดือน พฤศจิกายน 66 ผ่าตัดใหญ่ครั้งที่สอง เดือนมิถุนายน 67 และผ่าตัดใหญ่รอบที่สาม รอบล่าสุด เดือน ตุลาคม 67 ค่ะ ” จากนั้นหมอก็พูดว่า “ โห่ว คนไข้จำได้ดีเลยนะคะ หมอไม่เห็นจะจำได้เลย ” แล้วต่อมาก็ถามต่อว่า “ ไออาการที่เป็นอยู่ ที่มาหาหมอวันนี้ เกิดจากอะไรคะ คนไข้ได้ไปทำอะไรมาหรือเปล่าคะ?” หนูตอบไปว่า “ น่าจะเกี่ยวกับที่หนูนอนตะแคงขวาตลอด ตั้งแต่ผ่านการผ่าตัดมาทั้งหมด 3 รอบที่ผ่านมา รวมถึงตอนนี้ด้วย เพราะหนูจะนอนตะแคงข้างซ้ายไม่ได้ เพราะ โดนตัดอวัยวะฝั่งนั้นไปหมดแล้ว ทำให้ต้องนอนฝั่งนี้มาโดยตลอดเลยค่ะ “
จากนั้นหมอก็บอกว่า ” เดี่ยวจะลองรักษาแบบฝั่งเข็มดูก่อนนะคะในวันนี้ งั้นเชิญคนไข้ขึ้นเตียงนอนได้เลยค่ะ เดี่ยวหมอจะไปหยิบอุปกรณ์ และ เรียกหมอท่านอื่นๆ มาด้วยนะคะ “ พอผ่านไปสักพัก……
หมอบอกว่า “หมอจะเริ่มลงมือฝั่งเข็มแล้วนะคะ การฝั่งเข็มในครั้งนี้ เราจะฝั่งบริเวณที่คนไข้เจ็บ บริเวณจับแล้วแข็งๆ ตรงที่คนไข้ปวดเลยค่ะ มันอาจจะกระตุ๊กนิดหน่อยนะคะ ถ้าหากไปโดนกล้ามเนื้อดังกล่าว คนไข้พึ่งจะทำครั้งแรก อาจจะไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ถ้าหากปวดจนทนไม่ไหว หมอจะหยุดทันที ”
จากนั่นหมอก็ลงมือทำ จากเข็มใหญ่สุด ไปถึงเข็มเล็กสุด เชื่อไหมคะ ตลอดการฝั่งเข็ม หนูร้องไห้ซึมเลย มันปวดแบบมากๆ แล้วนอนจิ๊กมือ จิ๊กแขนตัวเองจนช้ำเลย ตอนแรกหมอจะหยุดทำแล้ว เพราะหนูทนไม่ไหว หนูเลยบอกหมอว่า ทำได้เลยค่ะ เอาให้เจ็บครั้งนี้ ครั้งเดียวพอ หนูไม่อยากเจ็บหลายรอบ หรือต้องมาทำบ่อยๆ จากนั้นก็ทำไปเรื่อยๆ จนมันจบลงสักที แล้วผลที่ตามมา หลังจากทำบริเวณ คอ บ่า ไหล่ ดังกล่าว จากที่แข็งโป๊ก มันดูนิ่มขึ้น แต่อาการยังไม่คงทีเท่าไหร่ แต่อัลฮัมดูลิลลาฮ การรักษาด้วยการฝั่งเข็มเมื่อวานผ่านพ้นไปด้วยดี
เสร็จจากนั้นก็แต่งตัวแล้วพูดคุยกับหมอนิดหน่อย ระหว่างการพูดคุยหนูไอตลอดเลย น้ำตาซึมไม่หยุด เพราะเจ็บจริงๆ เจ็บแบบหยุดร้องไม่ได้ ตลกตัวเองมากเลยตอนนั้น
หมอก็ถามว่า ” คนไข้อยากได้ยาแก้ไอไหมคะ หมอเห็นคนไข้ไอไม่หยุดเลยตั้งแต่เข้าห้องตรวจนี้มา เดี่ยวหมอจ่ายยาให้ “ หนูตอบไปว่า ” อ๋อไม่เป็นไรค่ะ เดี่ยวหนูมีพบหมออายุกรรมต่อด้วย เดี่ยวหนูค่อยให้หมอแผนกนั้นจ่ายยาให้ก็ได้ค่ะ “ ผ่านไป1-2 นาทีต่อมา…..
หมอได้มีการถามถึงการรักษาของโรคมะเร็งว่า ” คุณหมอมะเร็ง มีแพลนการรักษายังไงบ้างคะตอนนี้ มีการวางแผนจะให้ยาเพิ่มเติมไหมคะ หรือว่าหยุดให้ยาไปแล้ว ? ” หนูตอบไปว่า “ ยังไม่มีแพลนจะให้ยานะคะ พอดีเขารอผลตรวจจาก CT-Scan ของเดือนกรกฎาคม 68 นี้อยู่ค่ะ ในส่วนแผนการรักษาอาจจะมีการแจ้งต่อหลังจากที่ผลการประเมินได้ออกมาแล้วค่ะ ”
ในตอนนั้นหมอเขาได้มีการเปิดดูผลสแกนร่างกายรอบเดือน เมษายน 68 ที่ผ่านมา เขาได้บอกว่า “ จากที่หมอดูในผลสแกนรอบล่าสุดนะคะ เหมือนมีก้อนอยู่ขั้วปอดข้างขวาเลยค่ะ ที่คนไข้ไอหนัก และไอถี่ขนาดนี้ อาจจะมีส่วนด้วยก็ได้ เดี่ยวถ้ายังไงรอฟังผลการประเมินอีกทีนะคะ ว่าจะเป็นยังไง ในส่วนแผนกเวชศาสตร์ฟืนฟู จะนัดคนไข้เข้าพบอีกที เป็นวันที่ 21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2568 นี้นะคะ เพื่อติดตาม F/U หลังจากได้รับการรักษาด้วยการฝั่งเข็ม สำหรับวันนี้ พอแค่นี้ก่อนนะคะ แล้วก็อย่าลืมไปฝึกทำกายภาพแบบที่หมอสาธิต และสอนทุกท่าให้คนไข้ได้ทำด้วยนะคะ ไว้พบกันใหม่นะคะ “ หนูตอบไปว่า ” ได้ค่ะ สวัสดีค่ะ “
ในเวลาต่อมา……
ช่วง 12:30 น. หนูได้มีการเดินทางไปที่แผนกอายุรกรรมต่อ หลังจากที่ไปรักษาด้วยการฝั่งเข็มที่แผนกเวชศาสตร์ฟืนฟูมา พอไปถึง OPD อายุรกรรม ก็ได้นั่งพัก 10 นาที แล้วเข้าไปวัดความดัน วัดออกซิเจน 1-2 ครั้ง แล้วรอเข้าพบคุณหมอหน้าประตูห้องตรวจ 21
ผ่านไปสักพัก …
คุณหมอเรียกเข้าพบ แล้วได้มีการสอบถามอาการต่างๆที่ต้องการเข้าพบเขาในวันนี้ และหนูก็ได้แจ้งอาการต่างๆก่อนจะมีอาการไอนี้ คุณหมอก็พูดขึ้นมาว่า “ จากการที่ผมฟังคนไข้เล่ามานะครับ มีอาการไอแห้ง ติดต่อกันมา 2-3 วัน ไม่มีเสมหะเลย แต่จะไอทั้งวัน ทั้งคืน แล้วมีอาการเบื่ออาหาร กินข้าวไม่ลง น้ำหนักลดลง จาก 62 kg เป็น 58 kg ทั้งนี้ ยังมีอาการเหนื่อย หายใจไม่ออก หัวใจเต้นเร็ว มีไข้อ่อนๆ และอ่อนเพลีย หน้ามืดร่วมด้วย จากที่ผมฟังมานะครับ ในตอนนี้ดูเหมือนคนไข้ มีอาการคล้ายเหมือนปอดติดเชื้อเลยนะครับ ถ้ายังไงหมอขอวัดไข้ วัดออกซิเจน และ เอ็กซเรย์ปอดดูหน่อยนะครับ” หนูตอบไปว่า “ได้ค่ะ ”
จากนั้นหนูก็ออกจากห้องหมอ แล้วนำเอกสารต่างๆ ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ห้องเอ็กซเรย์ เพื่อทำการเอ็กซเรย์ดู พอทำเสร็จแล้ว หนูก็เอาใบที่เขายื่นมาให้ ไปยื่นให้กับพยาบาลหน้าห้องตรวจอีกที รอวัดไข้ วัดออกซิเจนต่อ
ในเวลาต่อมา…..
ช่วง 14:30 น. คุณหมอก็ได้มีการเรียกเข้าห้องตรวจ ใหม่อีกครั้ง และ จากนั้นก็ได้มีการดูฟิล์มเอ็กซเรย์ดังกล่าว ของวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2568 ในวันนี้ เทียบกับเอ็กซเรย์ปอด ช่วงเดือน เมษายน พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า “ ในภาพดังกล่าว พบเจอก้อนเนื้อที่อยู่ขั้วปอดข้างขวา แต่ยังไน่ชัดว่าคือก้อนอะไร แต่มีขนาดใหญ่ กำลังจะเบียดไปที่หลอดลมอยู่ ณ ตอนนี้ “ คุณหมอจึงถามหนูว่า ” คนไข้ไอมาแล้วกี่วันนะครับ “ หนูตอบไปว่า ” 2-3 วันค่ะ “ จากนั้นเราก็พากันเงียบเกือบทั้งห้อง อยู่ๆก็มีหมอ 2-3 คน เข้ามาให้ห้องตรวจ มาคุยกับหมอท่านนี้ เรื่องเคสคนไข้คนอื่น แล้วเขาได้ถามหมอท่านนี้ว่า ” ทำไมในภาพจอในคอมเหมือนจะพบก้อนในปอดเลย “ หมอก็ตอบว่า ” ใช่ครับพี่ คนไข้คนนี้มีอาการไอมา 2-3 วันเองนะ แต่พบก้อนในปอด ไม่ใช่ไอเป็นเดือน เหมือนคนไข้ทั่วไปที่เราเจออยู่บ่อยๆ พี่คิดว่าไงครับ ? “ จากนั้นทุกคนก็พูดศัพท์แพทย์อะไรสักอย่าง คุยได้สักพัก แล้วก็ขอตรวจบริเวณคอ กดไปกดมา เหมือนจะมีนะ ลองจับดูดิ เขาก็บอกมาว่า เหมือนจะมีนะ แล้วต่อด้วยหมอคนที่หนูเข้าพบ เขาบอกว่าไม่มีนะพี่ งั้นพี่มาจับอีกทีดิ จับไปจับมา มันมีนะ ลองจับดีๆ จับไปจับมา เหมือนจะมีจริงๆด้วย แต่ยังชัวร์ว่าคืออะไร ”
จากนั้นหมอบอกว่า “พี่ลองดูแผลคนไข้คนนี้ดูครับ เมื่อกี้ผมขอดูแล้ว มันเวอร์วังอลังการมากเลยครับ ” จากนั้นหมอทั้งสองคนบอกว่า “ ไม่เป็นไรน้อง เดี่ยวพี่จะไปแล้ว ลองถามคนไข้ดูว่า คนไข้เป็นคนไข้ของหมอคนไหนของแผนก มะเร็งวิทยา เดี่ยวเราก็จะได้รู้ว่า ก้อนตรงนี้จะเป็นก้อนแบบไหน จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ลองถามคนไข้ดู พี่ไปล่ะ ”
จากนั้นหมอก็ถามหนูว่า “ หมอคนไหนนะครับที่คนไข้เข้าพบอยู่บ่อยๆ ที่แผนกมะเร็งวิทยา ” หนูตอบไปว่า “ คุณหมอ………… แต่ตอนนี้เขาส่งเคสหนูให้คนอื่นดูแลแล้วค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร น่าจะมีอยู่ในชาร์จของหนูนะคะ หมอลองหาดู เพราะหนูพึ่งเข้าพบหมอเขา ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน 68 ที่ผ่านมาเอง ” จากนั้นหมอก็ไปหาข้อมูลดังกล่าว และ ได้มีการติดต่อคุณหมอดังกล่าวผ่านมือถือ แล้วแจ้งคุณหมอแผนกมะเร็งวิทยาให้ทราบแล้วว่า “ พี่ครับ ผมเองนะครับ คือคนไข้ที่ชื่อ แวลาตีฟะห์ อามะ เคส……………. พี่ได้ดูแลอยู่หรือเปล่า ? พอดีวันนี้คนไข้มาหาหมอที่แผนกอายุรกรรม เพราะมีอาการไอมา 2-3 วัน แล้วผมก็ได้มีการส่งไปเอ็กซเรย์ปอดมาแล้วด้วย
แล้วผลปรากฏว่า พบเจอก้อนเนื้อในปอด บริเวณ ขั้วปอดข้างขวา แล้วเอาเทียบกับของเดือน เมษายน 68 ที่ผ่านมา ก้อนมันใหญ่อยู่นะครับ พี่จะลองมาดูที่แผนกอายุรกรรมเอง พร้อมเข้าพบกับคนไข้คนนี้ด้วยไหมครับ พอดีคนไข้เขาก็นั่งฟังผลกับผมอยู่ในห้องตรวจตอนนี้อยู่เหมือนกันครับ ”
จากนั้นผ่านไปสักพัก…..
หมอแผนกมะเร็งวิทยาดังกล่าวก็เข้ามาในห้องตรวจ แล้วนั่งดูฟิล์มต่างๆ ของ CT-Scan กับ เอ็กซเรย์ปอดของเดือน เมษายน 68 กับของเดือน กรกฎาคม 68 ไถ่ไปไถ่มา แล้วก็ถามหนูขึ้นมาว่า“ คนไข้มีแพลนจะ CT-Scan วันไหนนะครับ ใช่เดือนนี้ไหมครับ ? “ หนูตอบไปว่า ” ใช่ค่ะ เดือนนี้เลยค่ะ แต่เป็นวันที่ 14 ที่จะถึงนี้นะคะ แล้วก็มีนัดเข้ามาฟังผลกับหมอที่แผนกมะเร็งวิทยา เป็นวันที่ 22 กรกฎาคม 68 นี้ด้วยเหมือนกันค่ะ “
จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า ” โอเค ดีเลย คือตอนนี้จากที่ผมดูมันพบเจอก้อนเนื้อตรงบริเวณปอดจริงๆ ตอนนั้นในใบสแกนร่างกาย เขาก็บอกอยู่ว่า เจอในปอด หลายๆจุด แต่มีขนาด ครึ่งเซน แต่รอบนี้มันเห็นได้ชัดว่า อยู่ที่ปอดข้างขวา มีขนาดที่โตขึ้น ทั้งนี้หมอเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคือก้อนอะไรกันแน่ ทำไมไปอยู่ตรงนั้นได้ แล้วไปอยู่หน้าหัวใจที่มีการผ่าตัดใหญ่ในครั้งแรกนี้ด้วย ทั้งนี้หมอจะรอคอนเฟิร์มอีกที
จากผลการประเมินร่างกายของวันที่ 14 กรกฎาคม 68 นี้เท่านั้น
ถ้าหากเขาระบุแน่ชัดได้ว่า คือก้อนอะไร มีขนาดเท่าไหร่ หมอก็จะได้วางแผนได้ทันที แต่ถ้าหากว่าระบุไม่ได้ จะต้องเจาะเพื่อเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ แล้วหาวิธีการรักษากันต่อไป แล้วเดี่ยวหมอจะขอสแกนตำแหน่งอื่นร่วมด้วย กับตำแหน่งทรวงอกนะครับ เดี่ยวหมอจะเขียนใบนี้ใหม่ แล้วคนไข้เอาไปยื่นต้นสังกัด แล้วบอกเขาว่า หมอขอตรวจเพิ่มเติมในส่วนตรงนี้ด้วย แล้วหมอจะให้คนไข้เจาะเลือดที่นั้นเลย แล้วเอาผลใบเจาะเลือดมาเข้าพบหมอในวันที่ 22 กรกฎาคม 68 นี้ด้วยนะครับ อ๋อลืมไป เดี่ยวหมอส่งเอ็กซเรย์ใหม่อีกรอบนะครับ แล้วพอเอ็กซเรย์เสร็จ คนไข้กลับบ้านได้เลย ”
จากนั้นหนูก็เดินลงไปเอ็กซเรย์ใหม่รอบที่สอง ที่แผนกเอ็กซเรย์ของโรงพยาบาล แล้วบอกเจ้าหน้าที่ว่า “คุณหมอขอเอ็กซเรย์ข้างๆนะคะ เขาอยากดูรอบๆ ข้างขวาค่ะ ” จากนั้นก็เอ็กซเรย์ แล้วก็ไปพบหมออายุรกรรมใหม่อีกครั้ง
ในช่วงเวลา 17:00 น. คุณหมอก็ได้เรียกเข้าห้องตรวจใหม่อีกครั้ง แล้วดูผลเอ็กซเรย์พร้อมกัน เขาบอกว่า “ มองไม่ออกเลยแฮะ ภาพไม่ค่อยชัดด้วย เดี่ยวค่อยมาเอ็กซเรย์ใหม่ รอบหน้าล่ะกันนะครับคนไข้ ”
จากนั้นหนูจึงถามคำถามหนึ่งกับหมอก่อนจะออกจากห้องตรวจ
“หมอคะ ที่หมอบอกว่าพบเจอก้อนที่ปอด อันนี้ถามได้ไหม ถ้ารอบนี้หนูไม่ผ่าตัดได้ไหม ถ้าหากเขาประเมินดูแล้วต้องทำการผ่า ! หนูจะไม่ขอผ่าได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ มันมากเกินไปแล้วค่ะ สามรอบก็ว่าเยอะแล้วนะคะ ถ้าหากมีรอบนี้อีก หนูคงรับไม่ไหวจริงๆ เพราะโดนตัดอวัยวะไปเยอะแล้ว แทบทั้งฝั่งของข้างซ้ายบนเลย แล้วที่ขาซ้าย ข้างหลังซ้ายก็ด้วย
ถ้าหากรอบนี้หมอจะทำการรักษาแบบนั้นอีก แล้วเปิดแผลเก่าทั้งหมดอีก มีหวังหนูคง……. แน่นอน”
จากนั้นหมอก็บอกว่า ” อันที่จริง ถ้าคนไข้ไม่ผ่าตัด มันไม่ได้นะครับ มันอันตรายมากๆเลย เพราะก้อนเนื้อดังกล่าวที่เรายังไม่ทราบกันว่าคือก้อนอะไรกันแน่ ในฟิล์มตอนนี้ คือมันกำลังเบียดหลอดลมของคนไข้อยู่ ถ้าหากไม่ทำการรักษา หมอคิดว่าไม่น่าจะได้ครับ
แต่ ทั้งนี้ ทั้งนั้น หมอขอรอดูผลการสแกนร่างกายดูก่อนนะครับ อย่าพึ่งคิดเรื่องนี้เลยครับคนไข้ ในส่วนนัดกับแผนกอายุรกรรม หมอจะไม่นัดต่อแล้วนะครับ เดี่ยวหมอจะส่งต่อให้หมอแผนกมะเร็งวิทยา รับเรื่องนะครับ “
แหละนี่คือ สิ่งที่หมออายุกรรมบอกหนูมา ในวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา
เกี่ยวกับเรื่องอาการที่หนูกำลังประสบอยู่ตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะพบเจอก้อนเนื้อดังกล่าวด้วยหรือเปล่า
ทั้งนี้ ทั้งนั้น ต้องรอดูผลจากการสแกนร่างกายดังนี้ดูก่อน
ถึงจะให้คำตอบเรื่องนี้ได้ และคุณหมอได้มีการจ่ายยาระงับอาการชั่วคราวไปให้หนูแล้วด้วย ยามีดังนี้
บราวน์ มิกซ์เจอร์ คามิลโลซาน โคเดอีน+ไกวเฟนิซิน
และ ในส่วนค่าใช้จ่ายตลอดที่หนูเข้าพบ ในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2568 ที่อ่านมา ไม่ว่าเป็น…
คุณหมอแผนกเวชศาสตร์ฟืนฟู และ คุณหมอแผนกอายุรกรรม ที่หนูจะต้องชำระเกี่ยวกับการรักษาทั้งหมดประมาณ 1,406 บาท
เดี่ยวหนูจะแนบหลักฐานทั้งหมด พร้อมใบเสร็จในโพสนี้นะคะ
ยังไงหนูฝากดูอาร์ และเป็นกำลังใจให้หนูอีกแรงด้วยนะคะ ญาซากัลลอฮฮูคอยร็อนมากๆเลยค่ะ
ขอพระองค์ทรงตอบแทนความช่วยเหลือของทุกท่าน ด้วยสิ่งดีงามทั้งหลายบนโลกนี้และโลกหน้าด้วยเถิด
อามีน 🤲
บันทึกเรื่องราวของคุณเวลา
เกี่ยวกับการรักษาด้วยโรคมะเร็งเนื้อเยื่อ ระยะที่สาม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบทความจนจบนะคะ
#เด็กกำพร้า #ผู้ป่วยมะเร็ง #มะเร็งเนื้อเยื่อ #ระยะที่สาม
#การรักษา #เด็กในวัย23ปี #เด็กที่อยู่กับแม่สองคน
#ลูกสาวของแม่ #เด็กน้อยคนเก่ง #เด็กน้อยสู้ชีวิต
#ต่อสู้กับการรักษาด้วยโรคมะเร็ง
#รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ
#บันทึกเรื่องราวของคุณเวลา #คุณเวลา