
17/07/2025
เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.2568) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวาระพิจารณาและลงมติรับหลักการร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองรวม 5 ฉบับ
แม้ว่าการโหวตเห็นชอบหรือไม่เป็นชอบร่างกฎหมายจะชัดในตัวเองว่า พรรคไหนต้องการให้ร่างไหนได้รับการพิจารณาในชั้นถัดไปเพื่อผ่านออกมาเป็นกฎหมายและยังเป็นการแสดงจุดยืนด้วยว่าต้องการให้นิรโทษกรรมคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงการประชุมเพื่อลงมติแต่ละร่าง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนได้เสนอว่า ขอให้แต่ละพรรคโหวตเห็นด้วยกับร่างที่ตัวเองเห็นด้วย แต่ถ้าหากไม่เห็นด้วยกับร่างใดขอให้โหวตงดออกเสียง เพื่อให้อย่างน้อยทุกร่างได้รับการพิจารณาในวาระต่อไปแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับร่างนั้นๆ เพราะจะทำให้เสียงเห็นด้วยมากกว่าไม่เห็นด้วยซึ่งจะส่งผลให้ร่างกฎหมายฉบับนั้นไม่ถูกขัดขวางตั้งแต่วาระรับหลักการ ทำให้การโหวตงดออกเสียงจึงมีนัยยะสำคัญ
ทั้งนี้สุดท้ายแล้วถึงร่างกฎหมายที่ไม่แสดงท่าทีว่าจะรวมมาตรา 112 อย่างร่างของก้าวไกลที่เสนอโดยชัย ธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรค และร่างของภาคประชาชนที่ยืนยันชัดเจนว่าต้องร่วมมาตรา 112 เข้าไปด้วยก็ไม่ผ่านเนื่องจากยังคงมีเสียงไม่เห็นด้วยมากกว่า
นอกจากนั้นก็มีข้อสังเกตบางประการสำหรับคนที่ไม่แสดงตัวเช่นกันว่า ตัวอยู่ในที่ประชุมแต่เมื่อให้แสดงตัวก่อนลงมติกลับไม่ได้กดแสดงตัว เช่น พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่แทนประธาน ปรากฏว่าเขาไม่แสดงตัวในร่างใดจนกระทั่งถึงร่างของพรรคก้าวไกลและร่างของภาคประชาชนที่เขาแสดงตัวมาโหวตงดออกเสียง ส่วนร่างอื่นๆ เขาไม่ได้กดแสดงตัว(ส่วนวันมูหะมัดนอร์ มะทาซึ่งเป็นประธานสภากดงดออกเสียงในทุกร่าง) หรือ สส. บางคนที่ไม่แสดงตัวเลยในทุกร่างแม้ว่าจะเข้าร่วมประชุม
อ่านทั้งหมดที่ลิงก์ในคอมเมนต์