
03/07/2025
กรมคุมประพฤติลุยพื้นที่กาญจนบุรี เดินหน้าฟื้นฟูผู้กระทำผิด มอบทุนอาชีพ – เสริมพลังชุมชน
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อติดตามผลการขับเคลื่อนงานด้านการคุมประพฤติในพื้นที่ และพบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ รวมถึงอาสาสมัครคุมประพฤติ โดยมี นายอธิพล มะหันตาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดกาญจนบุรี นางนรรฏฐวรรณ สังวาลสิน ประธานอาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ร่วมให้การต้อนรับ
ในการนี้ อธิบดีกรมคุมประพฤติได้พบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ เพื่อรับฟังปัญหา อุปสรรค และให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการยกระดับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูผู้กระทำผิดอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมอาชีพและทักษะชีวิตเพื่อการกลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ
โอกาสนี้ อธิบดีฯ ได้มอบปุ๋ยและยากำจัดวัชพืช เพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพแก่ผู้ถูกคุมความประพฤติต้นแบบที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมทั้งลงพื้นที่เยี่ยมติดตามความก้าวหน้าของผู้ที่เคยได้รับทุนในระยะก่อนหน้า และให้กำลังใจผู้ถูกคุมความประพฤติในคดียาเสพติด เพื่อสร้างแรงสนับสนุนและกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในชีวิต
จากนั้น อธิบดีกรมคุมประพฤติและคณะ ได้เดินทางไปยัง “บ้านกึ่งวิถี” ณ วัดเทวธรรม ตำบลท่าล้อ อำเภอท่าม่วง ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงที่ให้การสงเคราะห์แก่ผู้ถูกคุมความประพฤติ โดยได้รับความเมตตาจากพระดำรงพล ถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดเทวธรรม ที่ให้การสนับสนุนด้านที่พักอาศัย อาหาร และแนวทางในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีคุณภาพ อธิบดีฯ ได้เยี่ยมให้กำลังใจแก่ผู้ถูกคุมประพฤติกว่า 40 ราย พร้อมทั้งพบปะภาคีเครือข่ายที่ร่วมกันดำเนินกิจกรรมบริการสังคมในพื้นที่ดังกล่าว
ช่วงท้ายของการลงพื้นที่ อธิบดีกรมคุมประพฤติได้พบปะกับคณะกรรมการศูนย์ประสานงานอาสาสมัครคุมประพฤติ พูดคุยแนวทางการดำเนินงาน พร้อมมอบนโยบาย และให้กำลังใจแก่อาสาสมัครฯ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลือ ติดตาม และให้คำปรึกษาแก่ผู้ถูกคุมความประพฤติในระดับชุมชน โดยเน้นย้ำการทำงานแบบมีส่วนร่วม เข้าใจบริบทพื้นที่ และสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ สะท้อนบทบาทเชิงรุกของกรมคุมประพฤติในการแก้ไข ฟื้นฟู และส่งเสริมผู้กระทำผิดให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี ควบคู่กับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายชุมชนและภาคประชาสังคมอย่างยั่งยืน