Mon Thunyanoun รวบรวมข้อคิดดีดี

การป่วยกายของฉันในตอนนี้…มีอาการปวดก้อนเนื้อและแสบบาดแผลเป็นเวลานานกว่า 2 เดือนแล้ว…ฉันยังคงลืมตาตื่นรู้ในทุกเช้าได้เพรา...
31/05/2024

การป่วยกายของฉันในตอนนี้…
มีอาการปวดก้อนเนื้อและแสบบาดแผลเป็นเวลานานกว่า 2 เดือนแล้ว…

ฉันยังคงลืมตาตื่นรู้ในทุกเช้าได้
เพราะการฝึกฝนจิตจนเกิดปัญญาเรียนรู้ว่า…
กายนั้นไม่ใช้ของเรา มันเจ็บ มันปวด ก็เพียงกาย

ฉันไม่เจ็บที่ใจ ไม่ส่งจิตออกด้วยความโมโห โกรธเพราะความเจ็บปวด
ฉันรับรู้ถึงความเจ็บ…เพียงภายนอก

ดั่งคำสอนของพระตถาคตที่ว่า…อย่าลืมตั้งกายคตาสติเสมอ รู้ลมอยู่กับกายเสมอ
ไม่ส่งออก หมู่มารภัยอันตรายใดใดจะมาทำร้ายเจ้าไม่ได้…
ฉันขอใช้โอกาสนี้…ปลีกวิเวกในห้องเพียงลำพังตลอดวันตลอดคืน
พิจารณาเรียนรู้พระสูตรคำสอนของสัมมาสัมพุทธ

ถ่ายทอดหลักธรรมจากการปฏิบัติจริงตามหลักพระธรรมสัมมาสัมพุทธ
ถ่ายทอดจากการสะสมสุตะเป็นประจำ

สืบสานพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธ

ผัสสะทางไหน แรงที่สุด !!ในอายตนะทั้ง 5 หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจสังเกตุตัวเอง : เดินตลาดได้กลิ่นอาหารโชยมาแต่ไกลเกิดการรับร...
10/05/2024

ผัสสะทางไหน แรงที่สุด !!
ในอายตนะทั้ง 5 หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ

สังเกตุตัวเอง : เดินตลาดได้กลิ่นอาหารโชยมาแต่ไกลเกิดการรับรู้ทางจมูก ส่วนตา หู กาย ใจ ไม่รับรู้ด้วย แต่ลิ้นจะรู้สึกอยาก

เพื่อนเล่าว่าไปทานอาหารร้านนั้นมารสชาติดีมาก เกิดการรับรู้ทางหู ส่วนจมูก ตา กาย ใจ ไม่รับรู้ด้วย แต่ลิ้นรู้สึกอยาก

เปิดโทรศัพท์เห็นคลิปรีวิวอาหาร เกิดการรับรู้ทางตา ส่วนหู จมูก กาย ใจ ไม่รับรู้ด้วย แต่ลิ้นรู้สึกอยาก

สรุป : อาตยนะ ลิ้น คือ ผัสสะที่แรงที่สุด

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า คุมลิ้นอย่างเดียว โยมเป็นได้ถึงอนาคามี !!

เหตุแห่งความเจริญ พระพุทเจ้าทรงตรัสว่า :เราต้องสร้างศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญาถามว่าศรัทธา ศรัทธาใคร ?ถ้าเราศรัทธาสะเปสะ...
06/05/2024

เหตุแห่งความเจริญ พระพุทเจ้าทรงตรัสว่า :
เราต้องสร้างศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา

ถามว่าศรัทธา ศรัทธาใคร ?

ถ้าเราศรัทธาสะเปสะปะ เริ่มจะไม่เจริญละ ! เพราะเราจะเริ่มได้ข้อมูลผิด เราจะเริ่มเอาข้อมูลผิดเข้ามาในชีวิต ซึ่งเราจะไปคิดว่า ข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลซึ่งนำไปเพื่อความเจริญ แต่มันไม่ใช้…!

ดังนั้น เชื่อหรือศรัทธาใครมาก่อนอันดับแรก ก็คือ ต้องเชื่อว่าพระพุทธเจ้าของเราตรัสรู้จริง บอกสอนถูกจริง จากนั้น จึงเดินตามคำสอนพระองค์

ข้อที่ 2 ทำศีลของเราให้ดี เมื่อศรัทธาแล้วคำสอนของพระองค์นั้นนำไปสู่การประพฤติกายดี วาจาดี

ดังนั้น กายดี วาจาดี พระองค์บอก พื้นฐานคือ ศีล 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานความเจริญทั้งมวล
#พุทธวจน #คำสอนจากพระโอษฐ์ #วัดนาป่าพงษ์ #พระอาจารย์คึกฤกษ์

นิวรณ์ทั้ง ๕ คือ ตะกอนกิเลสในใจ เป็นเครื่องให้ปัญญาทราม ดังนี้🖋 กามฉันทะ ความพึงพอใจ ติดใจ ลุ่มหลง ของอายตนะทางกายทั้ง 5...
05/05/2024

นิวรณ์ทั้ง ๕ คือ ตะกอนกิเลสในใจ เป็นเครื่องให้ปัญญาทราม ดังนี้
🖋 กามฉันทะ ความพึงพอใจ ติดใจ ลุ่มหลง ของอายตนะทางกายทั้ง 5
รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะธรรมารมณ์
🖋 พยาบาล แค้นเคือง ผูกโกรธที่มากระทบกับอายตนะทั้ง ๕
🖋 ถีนมิทธะ หดหู่ ท้อถอย เซืองซึม ความง่วง
🖋 อุทธัจจะกุกกุจจะ ฟุ้งซ่าน ขาดสติกังวลใจ
🖋 วิจิกิญฉา ความไม่แน่ใจ ความลังแล สงสัย

ละนิวรณ์ทั้ง ๕ ได้จะทำให้เกิดปัญญา ทำกิจการงานใดสำเร็จผลได้ดี

วิธีละนิวรณ์ทั้ง ๕ คือ การเจริญอาณาปณสติ รู้ลมหายใจเข้าออก เป็นกองกุศลที่แท้จริง เป็นสติปฏิฐาน ๔

อานนท์! คราวหนึ่งเราอยู่ที่ป่าไผ่เป็นที่ให้เหยื่อแก่กระแตใกล้กรุงราชคฤห์นี่แหละครั้งนั้น..เวลาเช้าเราครองจีวรถือบาตร เพื...
03/05/2024

อานนท์! คราวหนึ่งเราอยู่ที่ป่าไผ่
เป็นที่ให้เหยื่อแก่กระแตใกล้กรุงราชคฤห์นี่แหละ
ครั้งนั้น..เวลาเช้าเราครองจีวรถือบาตร เพื่อไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ คิดขึ้นมาได้ว่า ยังเช้าเกินไปสำหรับการบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์
ถ้าไฉน เราเข้าไปสูอารามของปริพาชก ผู้เป็นเดียรถีย์เหล่าอื่นเถิด.
เราได้เข้าสู่อารามของปริพาชก ผู้เป็นเดียรถีย์เหล่าอื่น กระทสัมโมทนียกถา
แก่กันและกัน นั่งลง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง

อานนท์ ! ปริพาชกเหล่านั้น ได้กล่าวกะเราผู้นั่งแล้ว อย่างนี้ว่า
"ท่านโคตมะ !
มีสมณพราหมณ์บางพวก ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมย่อมบัญญัติความทุกข์ว่าเป็นสิ่งที่ตนทำเอาด้วยตนเอง
มีสมณพราหมณ์อีกบางพวกที่กล่าวสอนเรื่องกรรม ย่อมบัญญัติความทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ผู้อื่นทำให้
มีสมณพราหมณ์อีกบางพวก ที่กล่าวสอนเรื่องกรรม ย่อมบัญญัติความทุกข์ว่า ไม่ใช้ทำเองหรือใครทำให้ ก็เกิดขึ้นได้.
ในเรื่องนี้ ท่านโคตมะของพวกเรา กล่าวสอนอยู่อย่างไร? และพวกเรากล่าวอยู่อย่างไร? จึงจะเป็นอันกล่าวตามคำที่ท่านโคตมะกล่าวแล้ว ไม่เป็นการกล่าวตู่ด้วยคำไม่จริง
แต่เป็นการกล่าวโดยถูกต้อง และสหธรรมิกบางคนที่กล่าวตามจะไม่พลอยกลายเป็นผู้ควรถูกติเตียนไปด้วย?" ดังนี้.
อานนท์ ! เราได้กล่าวกะปริพาชกทั้งหลายเหล่านั้นว่า

ปริพาชกทั้งหลาย !

เรากล่าวว่า ทุกข์ อาศัยเหตุปัจจัย (ของมันเองเป็นลำดับๆ) เกิดขึ้น

มันอาศัยเหตุปัจจัยอะไรเล่า ?

อาศัยปัจจัย คือ "ผัสสะ"

ผู้กล่าวอย่างนี้แล ชื่อว่ากล่าวตรงตามที่เรากล่าว.
-บาลี นิทาน.ส°. ๑๖/๔๑/๗๖

อานนท์ ! ถ้ากรรมมีกามธาตุเป็นวิบาก จักไม่ได้มีแล้วไซร้ กามภพ จะพึงปรากฏได้แลหรือ? หามิได้พระเจ้าขา !อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้...
02/05/2024

อานนท์ ! ถ้ากรรมมีกามธาตุเป็นวิบาก จักไม่ได้มีแล้วไซร้ กามภพ จะพึงปรากฏได้แลหรือ?

หามิได้พระเจ้าขา !

อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ กรรมจึงเป็นนา วิญญาณเป็นเมล็ดพืช ตัณหาเป็นยางของพืช วิญญาณของสัตว์ทั้งหลาย มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ตั้งอยู่แล้วด้วยธาตุชั้นทราม
การบังเกิดขึ้นในภพใหม่ต่อไป ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้

อานนท์ ! ถ้ากรรมมีรูปธาตุเป็นวิบาก จักไม่ได้มีแล้วไซร้ รูปภพ จะพึงปรากฏได้แล้วแลหรือ?

หามิได้ พระเจ้าขา !

อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ กรรมจึงเป็นนา วิญญาณเป็นเมล็ดพืช ตัณหาเป็นยางของพืช วิญญาณของสัตว์ทั้งหลาย มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ตั้งอยู่แล้วด้วยธาตุชั้นกลาง
การบังเกิดขึ้นในภพใหม่ต่อไป ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้

อานนท์ ! ถ้ากรรมมีอรูปธาตุเป็นวิบาก จักไม่ได้มีแล้วไซร้ อรูปภพ จะพึงปรากฏได้แล้วแลหรือ?

หามิได้ พระเจ้าขา !

อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ กรรมจึงเป็นนา วิญญาณเป็นเมล็ดพืช ตัณหาเป็นยางของพืช วิญญาณของสัตว์ทั้งหลาย มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ตั้งอยู่แล้วด้วยธาตุชั้นประณีต
การบังเกิดขึ้นในภพใหม่ต่อไป ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้

-บาลี สฬา.ส.° ๑๘/๙๗/๑๔๓-๔.
#เปิดธรรมที่ถูกปิด #พุทธวจน

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ ภิกษุจึงชื่อว่า เป็นผู้มีการอยู่อย่างมีเพื่อนสอง พระเจ้าข้า..?มิคชาละ ! รูป...
30/04/2024

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ ภิกษุจึงชื่อว่า เป็นผู้มีการอยู่อย่างมีเพื่อนสอง พระเจ้าข้า..?

มิคชาละ ! รูป ทั้งหลายอันจะพึงเห็นได้ด้วยจักษุ อันเป็นรูปที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจมีอยู่

ถ้าหากภิกษุย่อมเพลิดเพลินพร่ำสรรเสริญ สยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นไซร์

แก่ภิกษุผู้เพลิดเพลิน พร่ำสรรเสรญ สยบ มัวเมา ซึ่งรูปนั้นอยู่ นั้นแหละ นันทิ (ความเพลิน) ย่อมเกิดขึ้น

เมื่อ นันทิ มีอยู่ สาราคะ (ความพอใจอย่างยิ่ง) ย่อมมี

เมื่อ สาราคะ มีอยู่ สัญโญคะ (ความผูกจิตติดกับอารมณ์) ย่อมมี

มิคชาละ ! ภิกษุผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยการผูกจิตติดกับอารมณ์ด้วยอำนาจแห่งความเพลิน นั่นแล เราเรียกว่า "ผู้มีการอยู่อย่างมีเพื่อนสอง"

ตัณหานั่นแหละ เป็นเพื่อนสองของภิกษุนั้น
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ ภิกษุจึงชื่อว่า เป็นผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว พระเจ้าข้า ?

มิคชาละ ! รูป ทั้งหลายอันจะพึงเห็นได้ด้วยจักษุ อันเป็นรูปที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจมีอยู่

ถ้าหากภิกษุย่อม ไม่เพลิดเพลินไม่สรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นไซร์

แก่ภิกษุผู้ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบ มัวเมา ซึ่งรูปนั้นอยู่ นั้นแหละ นันทิ (ความเพลิน) ย่อมดับ

เมื่อ นันทิ ไม่มีอยู่ สาราคะ (ความพอใจอย่างยิ่ง) ย่อมไม่มี

เมื่อ สาราคะ ไม่มีอยู่ สัญโญคะ (ความผูกจิตติดกับอารมณ์) ย่อมไม่มี

มิคชาละ ! ภิกษุผู้ไม่ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยการผูกจิตติดกับอารมณ์ด้วยอำนาจแห่งความเพลิน (นันทิ) นั่นแล เราเรียกว่า "ผู้มีการอยู่อย่างอยู่ผู้เดียว"

#พุทธวจน #มรรควิธีที่ง่าย

ทำจาคะ ใส่บาตร ณ วัดนาป่าพงษ์ 15 ชุด ร่วมอนุโมทนาบุญสาธุค่ะ #วัดนาป่าพงษ์  #พระอาจารย์คึกฤทธิ์
14/04/2024

ทำจาคะ ใส่บาตร ณ วัดนาป่าพงษ์ 15 ชุด ร่วมอนุโมทนาบุญสาธุค่ะ
#วัดนาป่าพงษ์ #พระอาจารย์คึกฤทธิ์

กัสสป ! หนทางนั้นเป็นอย่างไรปฏิปทานั้นเป็นอย่างไรหนทางนั้น คือ หนทางอันประเสริฐประกอบด้วยองค์แปดประการ,ได้แก่สิ่งเหล่านี...
10/04/2024

กัสสป ! หนทางนั้นเป็นอย่างไร
ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไร

หนทางนั้น คือ หนทางอันประเสริฐ
ประกอบด้วยองค์แปดประการ,
ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ

๑ สัมมาทิฏฐิ ปัญญาอันเห็นชอบ รู้อริยสัจ๔
๒ สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ ความนึกคิดในทางที่ถูก
๓ สัมมาวาจา วจีสุจริต เจรจาชอบ
๔ สัมมากัมมันตะ การงานชอบ ประพฤติกายสุจริต
๕ สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตในทางที่ชอบ
๖ สัมมาวายามะ ความเพียรพยายามชอบ
๗ สัมมาสติ ความระลึกชอบ เมื่อเดินก็รู้ชัดว่าเราเดิน เมื่อเรายืนก็รู้ชัดว่าเรายืน
๘ สัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่นในทางที่ถูก โดยการที่กุศลจิตรมีอารมณ์อันเดียว

ซึ่งผู้ปฏิบัติตามแล้ว จักรู้ได้เอง จักเห็นได้เอง
-บาลี สี. ที. ๙/๒๐๙-๒๑๐/๒๖๕

 #ปุจฉาจริงหรือไม่ถาม: คนมีกิเลส ตกนรกทั้งหมดทุกคน จริงหรือไม่ ?ตอบ: ไม่จริง..   สารีบุตร !  พวกปริพาชกลัทธิอื่น ยังอ่อน...
08/04/2024

#ปุจฉาจริงหรือไม่

ถาม: คนมีกิเลส ตกนรกทั้งหมดทุกคน จริงหรือไม่ ?
ตอบ: ไม่จริง.. สารีบุตร ! พวกปริพาชกลัทธิอื่น ยังอ่อนความรู้ ไม่ฉลาด จักรู้ได้อย่างไรกันว่า ใครมีเชื้อเหลือ ใครไม่มีเชื้อเหลือ.
สารีบุตร ! บุคคลที่มีเชื้อ (กิเลส) เหลือ ๙ จำพวก ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ แม้ตายไป ก็พ้นแล้วจากนรก พ้นแล้วจากกำเนิดเดรัจฉาน พ้นแล้วจากวิสัยแห่งเปรต พ้นแล้วจากอบาย ทุคติ วินิบาต.
บุคคลเก้าจำพวกเหล่านั้น เป็นอย่างไรเล่า ? เก้าจำพวก คือ :-
(๑) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา. เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป, บุคคลนั้นเป็น อนาคามีผู้จะปรินิพพาน ในระหว่างอายุยังไม่ทันถึงกึ่ง.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๑ ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
(๒) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา. เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป, บุคคลนั้นเป็น อนาคามีผู้จะปรินิพพาน เมื่ออายุพ้นกึ่งแล้วจวนถึงที่สุด.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๒ ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัย แห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
(๓) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา. เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป, บุคคลนั้นเป็น อนาคามีผู้จะปรินิพพาน โดยไม่ต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๓ ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
(๔) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา. เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป, บุคคลนั้นเป็น อนาคามีผู้จะปรินิพพาน โดยต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๔ ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัย แห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
(๕) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา. เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป, บุคคลนั้นเป็น อนาคามีผู้มีกระแส ในเบื้องบนไปถึงอกนิฏฐภพ.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๕ ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
(๖) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา. เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป, และเพราะมีราคะ โทสะ โมหะ เบาบางน้อยลง, เป็น สกทาคามี ยังจะมาสู่เทวโลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๖ ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
(๗) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา. เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป, บุคคลนั้นเป็น โสดาบันผู้มีพืชหนเดียว คือ จักเกิดในภพแห่งมนุษย์อีกหนเดียวเท่านั้น แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๗ ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
(๘) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา. เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป, บุคคลผู้นั้นเป็น โสดาบันผู้ต้องท่องเที่ยวไปสู่สกุลอีก ๒ หรือ ๓ ครั้ง แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๘ ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
(๙) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา. เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป, บุคคลนั้นเป็น โสดาบันผู้ต้องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์อีก ๗ ครั้งเป็นอย่างมาก แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๙ ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
สารีบุตร ! ปริพาชกลัทธิอื่น ยังอ่อนความรู้ ไม่ฉลาด จักรู้ได้อย่างไรกันว่า ใครมีเชื้อเหลือ ใครไม่มีเชื้อเหลือ. สารีบุตร ! บุคคลเหล่านี้แล ที่มีเชื้อเหลือ ๙ จำพวก เมื่อตายไป ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต. ...

มุ่งมั่นศึกษา ปฏิบัติ เผยแผ่คำของตถาคต
ไปกับมูลนิธิพุทธโฆษณ์ได้ที่

ชื่อบัญชี มูลนิธิพุทธโฆษณ์
ธนาคารไทยพาณิชย์ (สาขาคลองสิบ )
เลขทีบัญชี 318-247-4610

ติดตามช่องทางอื่นๆได้ที่
📲 โทร : 082-222-5790 ถึง 4
🟩 Line:
Facebook:
Youtube:
Instagram:
Tiktok:

#มูลนิธิพุทธโฆษณ์ #พุทธวจน #ตถาคต #วัดนาป่าพง #ปุจฉาจริงหรือไม่

สะสมสุตะ อวิชชาจางคลาย  #คำสอนจากพระโอษฐ์พระสัมมาสัมพุทธ
08/04/2024

สะสมสุตะ อวิชชาจางคลาย #คำสอนจากพระโอษฐ์พระสัมมาสัมพุทธ

#พุทธวจน #ธรรมวินัยจากพุทธโอษฐ์ #พระอาจารย์คึกฤทธิ์ #ฟังธรรม #ฟังเทศน์ก่อนนอน #วัดนาป่าพง #ฟังธรรมก่อนนอน

น้อมกราบพระธรรมคำสอนพระสัมมาสัมพุทธะ พระอริยบุคคล ครูอาจารย์ #เรียนรู้  #ปฏิบัติ  #เพื่อการหลุดพ้น
04/04/2024

น้อมกราบพระธรรมคำสอนพระสัมมาสัมพุทธะ พระอริยบุคคล ครูอาจารย์
#เรียนรู้ #ปฏิบัติ #เพื่อการหลุดพ้น

ที่อยู่

Bangkok
10160

เบอร์โทรศัพท์

+66653899195

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Mon Thunyanounผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์