THE STANDARD WEALTH

THE STANDARD WEALTH สำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD

ทำความรู้จัก ‘ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ’ นักเศรษฐศาสตร์ผู้ก้าวผ่านเส้นทางราชการและเวทีโลก สู่บทบาท ว่าที่รัฐมนตรีว่าการ...
07/09/2025

ทำความรู้จัก ‘ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ’ นักเศรษฐศาสตร์ผู้ก้าวผ่านเส้นทางราชการและเวทีโลก สู่บทบาท ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ของรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย
วันนี้ เขากำลังจะก้าวขึ้นมารับผิดชอบ นโยบายการเงินการคลังของประเทศ ในช่วงที่โลกการเงินเต็มไปด้วยความผันผวน
อ่านบทความฉบับเต็มต่อได้ที่ : https://thestandard.co/get-to-know-ekniti/

UPDATE: ‘ไม่เสียเวลาให้สิ่งไม่สำคัญ’ นักวิชาการฮาร์วาร์ด เผย 7 เบื้องหลังความสำเร็จของ Taylor Swift ผลงานของ Taylor Swif...
07/09/2025

UPDATE: ‘ไม่เสียเวลาให้สิ่งไม่สำคัญ’ นักวิชาการฮาร์วาร์ด เผย 7 เบื้องหลังความสำเร็จของ Taylor Swift
ผลงานของ Taylor Swift กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของแฟนเพลงหลายล้านคนทั่วโลก และเทลอร์ไม่ได้เป็นแค่นักร้อง นักแต่งเพลง หรือศิลปินที่โด่งดัง แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจทำให้หลายคนกล้าตัดสินใจในช่วงที่ชีวิตต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยทำงานในตำแหน่งวิศวกรด้านการบินและอวกาศในองค์การนาซา (NASA) แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ต้องตัดสินใจลาออก เพื่อไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ (MBA) ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นเปิดประตูให้เข้าสู่เส้นทางนักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุน
ระหว่างที่เรียนอยู่ที่ฮาร์วาร์ดก็เริ่มมองเส้นทางการทำงานของ Taylor Swift และเกิดคำถามขึ้นในใจว่า คนธรรมดาอย่างเรา จะสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และไม่ธรรมดาได้หรือไม่ และจะสามารถก้าวสู่ความสำเร็จระดับสูงสุดเหมือนเทเลอร์ได้อย่างไร?
จึงได้ไปค้นหาคำตอบ จากหนังสือของ พีท เดวิส เรื่อง Dedicated: The Case for Commitment in an Age of Infinite Browsing ที่ทำให้เริ่มเห็นคุณลักษณะหรือจุดเด่นของคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุด และพบว่า Taylor Swift มีคุณลักษณะเด่นทั้ง 7 ด้าน
เริ่มตั้งแต่ 1. จินตนาการ ทุกคนเกิดมาพร้อมกับจินตนาการ แต่หลายครั้งเมื่อโตขึ้น มักจะถูกข้อจำกัดต่างๆ ขวางไม่ให้สมองเปิดรับสิ่งกระตุ้นเชิงสร้างสรรค์ แต่ Taylor Swift ไม่เป็นแบบนั้น เธอสามารถใช้คำพูดสั้นๆ หรือความรู้สึกบางอย่าง ให้กลายเป็นโลกทั้งใบ ผ่านบทเพลงและเรื่องราวต่างๆ
สะท้อนให้เห็นว่า จินตนาการไม่ได้เริ่มต้นจากการประดิษฐ์คิดค้น แต่เริ่มจาก ความอยากรู้อยากเห็น การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ และนำสิ่งนั้นมาสร้างเป็นจักรวาลของเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์
2. การสังเคราะห์ คือความสามารถในการเชื่อมโยงไอเดียเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน โดยสร้างสิ่งใหม่จากแนวคิดเดิมๆ ซึ่งต้องใช้ความกล้าหาญเพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าทำสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น เพลง Death by a Thousand Cuts ได้แรงบันดาลใจจากความล้มเหลวในความรักของตัวละครหญิงในภาพยนตร์ Someone Great หรือเพลง Love Story ที่นำโศกนาฏกรรมรักของเชกสเปียร์เรื่อง Romeo and Juliet มาปรับใหม่ให้มีตอนจบสดใสและชีวิตชีวา
3. การโฟกัส คือการทำให้เป้าหมายกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตน Taylor Swift ไม่เคยหันไปทำธุรกิจเครื่องสำอางหรือแฟชั่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เธอให้ความสำคัญกับการแสดงบนเวทีและการแต่งเพลง ทำให้เห็นว่า การปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ ไม่ใช่ความสูญเสีย แต่เป็นการปกป้องพลังงานเพื่อใช้กับสิ่งที่สำคัญจริงๆ
4. ความมุ่งมั่นไม่ลดละ คือความสามารถในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไป แม้เจอความยากลำบาก ลองนึกถึงช่วงที่ Taylor Swift ป่วยและเหนื่อยล้า แต่ยังต้องขึ้นเวทีร้องเพลงซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งในทัวร์ Eras Tour ที่บางครั้งเกิดฝนตกหนักอากาศเลวร้าย แต่ก็ยังแสดงคอนเสิร์ตต่อไปราวกับเป็นค่ำคืนที่ดีที่สุดในชีวิต
สะท้อนได้ว่า แม้ผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดอาจไม่ได้รู้สึกหลงใหลตลอดเวลา แต่มักจะมีความสามารถในการ ‘แสร้งทำ’ ว่ามีแรงขับเคลื่อนต่อไปได้
5. ความหลงใหล หรือ Passion คือความกระตือรือร้นต่อสิ่งที่ทำ แม้สิ่งนั้นจะทำมานานหรือเริ่มสูญเสียความน่าสนใจไปแล้วก็ตาม แต่ต้องมุ่งมั่น และต้องใช้ความอดทนและความยืดหยุ่น เพื่อจุดไฟเพิ่มความหลงใหลอีกครั้ง ซึ่งต้องลองกลับไปเชื่อมต่อกับเหตุผล และหาวิธีเล็กๆ ให้ค้นพบกับความสุขนั้นได้อีกครั้ง
6. ความเคารพยกย่อง คือความสามารถในการทึ่งและมีความเคารพต่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งการรู้สึกทึ่งทำให้สามารถรักษาความหลงใหลและพลังในการทำงานได้ สิ่งนี้ทำให้เป้าหมายมีแรงขับเคลื่อน และหล่อเลี้ยงความหลงใหลให้อยู่ต่อไปได้
7. ความมุ่งมั่นผูกมัด คือการสละทางเลือกอื่นทั้งหมดเพื่อทุ่มเทกับสิ่งเดียว ยกตัวอย่าง Taylor Swift เลือกทำเพลงและทัวร์คอนเสิร์ตมากกว่าการจะไปเรียนต่อ สะท้อนให้เห็นว่าความมุ่งมั่นที่แท้จริงมักจะมาพร้อมกับการเสียสละ และให้ถามตัวเองว่าพร้อมสละอะไรเพื่อให้เป้าหมายยังอยู่ต่อไปหรือไม่
ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ทำให้ Taylor Swift ประสบความสำเร็จสูงสุดไม่เหมือนใคร
ภาพ: Buda Mendes/TAS23/Getty Images for TAS Rights Management
อ้างอิง:
https://www.cnbc.com/2025/09/06/7-traits-highly-successful-people-like-taylor-swift-share-theyre-unicorns-says-expert.html

UPDATE: ธนาคารแห่งชาติจีนซื้อทองสะสมต่อเนื่อง 10 เดือน หนุนความมั่นคงสินทรัพย์นอกดอลลาร์ธนาคารแห่งชาติจีน (PBOC) ยังคงซื...
07/09/2025

UPDATE: ธนาคารแห่งชาติจีนซื้อทองสะสมต่อเนื่อง 10 เดือน หนุนความมั่นคงสินทรัพย์นอกดอลลาร์
ธนาคารแห่งชาติจีน (PBOC) ยังคงซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน โดยปริมาณทองคำที่ถือครองเพิ่มขึ้น 0.06 ล้านทรอยออนซ์ ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 74.02 ล้านทรอยออนซ์ โดยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ธนาคารยังคงมุ่งกระจายสินทรัพย์สำรองออกจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
สอดรับกับในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบทรงตัวมาหลายเดือน โดยปัจจัยหลักมาจากความคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเกิดจากแรงกดดันและคำวิจารณ์จากทำเนียบขาว ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 30% ในปีนี้ และแตะระดับสูงกว่า 3.5 พันดอลลาร์ต่อออนซ์
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs Group Inc. ประเมินว่า หาก Fed ถูกตั้งคำถามถึงความเป็นอิสระ ราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นใกล้ 5 พันดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม รายงานของ World Gold Council ระบุว่า ในภาพรวมทั่วโลก การสะสมทองคำของธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มชะลอตัว เนื่องจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญต่อความต้องการทองคำจากภาคทางการ (official sector)
ภาพ: FOTOGRIN / shutterstock
อ้างอิง:
https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-09-06/oil-traders-zero-in-on-china-s-crude-buying-as-glut-gets-closer?srnd=homepage-asia

07/09/2025

นายกฯ อนุทิน เปิดตัวอีกหนึ่งคนนอกดึง 'วรภัค ธันยาวงษ์' อดีตเอ็มดีแบงก์กรุงไทย นั่งว่าที่ รมช. คลังใหม่

UPDATE: คำมั่นสัญญาเศรษฐกิจ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ถูกกดดัน หลังตัวเลขจ้างงานหดตัว ดันพรรคเดโมแครตได้แต้มต่อคำมั่นสัญญาของ ‘โด...
07/09/2025

UPDATE: คำมั่นสัญญาเศรษฐกิจ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ถูกกดดัน หลังตัวเลขจ้างงานหดตัว ดันพรรคเดโมแครตได้แต้มต่อ
คำมั่นสัญญาของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะรีบสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วให้กับชาวอเมริกันกำลังเผชิญแรงกดดันหนัก เมื่อข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่าตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัว ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนถึงโอกาสของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งในปีหน้า
จนถึงตอนนี้ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ยังสามารถอ้างได้ว่ามาตรการสำคัญที่นำมาใช้ ตั้งแต่การเก็บภาษีนำเข้าไปจนถึงการคุมเข้มการเข้าเมือง เพื่อสร้างระบบการจ้างงานให้แข็งแกร่ง
แต่ตัวเลขล่าสุดของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) แสดงให้เห็นว่า การเติบโตของการจ้างงานเริ่มชะลอตัวอย่างชัดเจน ในเดือนสิงหาคม นายจ้างในสหรัฐฯ สร้างงานเพียง 22,000 ตำแหน่ง ซึ่งทำลายความมั่นใจว่าภายใต้การบริหารของทรัมป์ เศรษฐกิจจะยังคงแข็งแรงเหมือนเดิม
โอไมร์ ชาริฟ นักวิเคราะห์จาก Inflation Insights ชี้ให้เห็นว่า ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า และความไม่แน่นอนด้านนโยบายโดยรวม กำลังทำให้บริษัทต่างๆ ชะลอการจ้างงาน และยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการปรับนโยบายการจ้างงานในเร็วๆ นี้หรือไม่
อีกทั้งตัวเลขล่าสุด ยังกลายเป็นข้ออ้างใหม่ให้พรรคเดโมแครต ยืนยันว่า นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์อาจสร้างผลเสียมากกว่าผลดี โดย แม็กกี้ แฮสซัน วุฒิสมาชิกจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์ และสมาชิกเดโมแครตอาวุโสในคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ กล่าวว่า ต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ธุรกิจต่างๆ ชะลอการลงทุนและการจ้างงาน สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากการเก็บภาษีนำเข้าที่ไม่รอบคอบของทรัมป์
ด้าน รอน ไวเดน วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตจากรัฐโอเรกอน แสดงความเห็นต่อไปว่า ทรัมป์ควรพิจารณาการไล่ สก็อต เบสเซ็นต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ ฮาวเวิร์ด ลัทนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ออกจากตำแหน่ง ก่อนที่ทั้งสองคนนี้จะนำพาเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยไปมากกว่านี้
หากย้อนไปก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งเดือน ทรัมป์ ได้ตอบสนองต่อสัญญาณการชะลอตัวของตลาดแรงงานด้วยการปลดผู้ว่าการสำนักงานสถิติแรงงานออก และเพิ่มแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพื่อให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายครั้งถัดไป พร้อมยังคงยืนยันว่าเศรษฐกิจจะสดใสขึ้น
ในช่วงเวลาเดียวกัน ทรัมป์ยังบ่นว่าอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป และอ้างว่าข้อมูลเศรษฐกิจมักถูกปรับแก้หลายครั้ง ซึ่งมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ยังไม่ได้ถูกรวมเข้าไป
หลังจากนั้น เควิน แฮสเซ็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ในวันเดียวกันว่า ตัวเลขการจ้างงานล่าสุดค่อนข้างน่าผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่ได้สะท้อนถึงแนวโน้มการผลิตและการลงทุน โดยตัวเลขเหล่านี้คาดว่าจะถูกปรับปรุงขึ้นในภายหลัง พร้อมย้ำว่าเศรษฐกิจยังแข็งแรงและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ สหรัฐฯ กำลังอยู่ในช่วงของการใช้จ่ายและลงทุน
อย่างไรก็ตาม หลักฐานเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่ซบเซากำลังสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงาน blue-collar ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทรัมป์เคยสัญญาว่าจะฟื้นฟูให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่กลับได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นตัวการให้หลายบริษัทชะลอการจ้างงาน
ยิ่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมการผลิตได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีการปลดพนักงานรวม 25,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาคค้าส่งปลดพนักงานไปกว่า 12,000 ตำแหน่ง
เมื่อมาดูที่ผลสำรวจค่าเฉลี่ยจาก RealClearPolitics.com พบว่า ชาวอเมริกัน 42.2% เห็นด้วยกับการบริหารเศรษฐกิจของทรัมป์ ขณะที่ 54.1% ไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นช่องว่างที่ค่อนข้างกว้าง แม้ว่าชื่อของทรัมป์จะไม่ได้อยู่ในบัตรเลือกตั้งกลางปีหน้า แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรส เสี่ยงทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่โกรธเคืองจากประเด็นตลาดแรงงานที่ซบเซา และเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ ย้ำว่าไม่ได้ คาดหวังว่าทำเนียบขาวจะปรับนโยบายอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อการชะลอตัวของตลาดแรงงาน แต่คาดว่า จะเป็นการพยายามโน้มน้าว Fed ปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า
ภาพ: Kevin Dietsch/Getty Images
อ้างอิง:
https://www.ft.com/content/f98caaf8-545b-41cb-abdf-d9ea674799fc

NASDAQ 100 vs S&P 500 ต่างกันยังไง? ลงทุนแบบไหนคุ้มกว่ากันชมคลิปเต็มได้ที่ https://youtu.be/s_hhjf74t6kอยากลงทุนหุ้นสหรั...
07/09/2025

NASDAQ 100 vs S&P 500 ต่างกันยังไง? ลงทุนแบบไหนคุ้มกว่ากัน
ชมคลิปเต็มได้ที่ https://youtu.be/s_hhjf74t6k
อยากลงทุนหุ้นสหรัฐ แต่ไม่รู้จะเลือก NASDAQ 100 หรือ S&P 500 ดี? คลิปนี้จะพาคุณเจาะลึกความแตกต่างของสองดัชนีหุ้นยอดฮิต พร้อมวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียที่คุณควรรู้! ดูจบแล้วคุณจะรู้ว่าแบบไหนเหมาะกับสไตล์การลงทุนและเป้าหมายของคุณมากที่สุด เพื่อให้การลงทุนคุ้มค่าที่สุด!
พร้อมเคล็ดลับการเริ่มต้นง่ายๆ ที่มือใหม่ก็ทำตามได้ทันที!
#ลงทุนต่างประเทศ #หุ้นเติบโต #เทคโนโลยี #การลงทุนระยะยาว

UPDATE: ทรัมป์เปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำบิ๊กเทคฯ ประกาศหนุน Apple - Google - Microsoft ทุ่มลงทุน AI ดันดาต้าเซ็นเตอร์-สร...
07/09/2025

UPDATE: ทรัมป์เปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำบิ๊กเทคฯ ประกาศหนุน Apple - Google - Microsoft ทุ่มลงทุน AI ดันดาต้าเซ็นเตอร์-สร้างงานใหม่ ตอกย้ำสหรัฐฯ ผู้นำโลกเทคโนโลยี
โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดทำเนียบขาว ต้อนรับบรรดาซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ ทั้ง Apple, Google และ Microsoft เพื่อเน้นย้ำความสำเร็จของภาคเทคโนโลยี พร้อมยืนยันรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน ทั้งการอำนวยความสะดวกด้านพลังงาน ใบอนุญาต และการสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่บริษัทเทคฯ เตรียมทุ่มลงทุนรวมหลายแสนล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานและศูนย์ข้อมูล ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานจำนวนมหาศาล และตอกย้ำความเป็นผู้นำโลกด้าน AI ของสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จัดการประชุมกับผู้นำอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยมี มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของ Meta, บิล เกตส์ (Bill Gates) ผู้ก่อตั้ง Microsoft, ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของ Apple, สัตยา นาเดลลา (Satya Nadella) ซีอีโอของ Microsoft, แซม อัลต์แมน (Sam Altman) ซีอีโอของ OpenAI และเซอร์เกย์ บริน (Sergey Brin) ผู้ก่อตั้ง Google เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ทำเนียบขาว และพูดคุยเพื่อเสริมบทบาทความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและ AI ของสหรัฐอเมริกา
ซึ่งประธานาธิบดีได้กล่าวชื่นชมถึงความอัจฉริยะและความสำเร็จของบริษัทเหล่านี้ พร้อมย้ำว่านี่คือ ‘ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ’ สำหรับสหรัฐฯ และโลก ในการก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI)
การลงทุนมหาศาลของบริษัทยักษ์ใหญ่
ระหว่างบทสนทนาบนโต๊ะอาหารที่ถูกจัดขึ้นในทำเนียบขาว บริษัทเทคฯ ชั้นนำ ได้กล่าวถึงแผนการลงทุนด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ดังนี้
• Apple ประกาศแผนลงทุน 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในประเทศ
• Google จะลงทุน 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 ปีข้างหน้า
• Microsoft ลงทุนเฉลี่ยปีละ 7.5-8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ยังมีบริษัท AI เกิดใหม่ที่จะลงทุนเพิ่มเติม อีกหลายแสนล้านดอลลาร์
ภาพรวมทั้งหมด คาดว่าจะผลักดันเม็ดเงินลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ สูงถึง อย่างน้อย 6 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2028
การลงทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และโครงสร้างพื้นฐาน AI ซึ่งถูกมองว่าเป็น ‘วังแห่งอัจฉริยะ’ (the palaces of genius) ของยุคใหม่ และถือเป็นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจมีมูลค่ามากกว่าโครงการอะพอลโลถึง 10 เท่า
ผลักดันเศรษฐกิจและการจ้างงาน
ทรัมป์ระบุว่าโครงการดังกล่าวไม่เพียงแต่จะทำให้สหรัฐฯ ครองความเป็นผู้นำด้าน AI แต่ยังสร้างงานมหาศาลในภาคการก่อสร้าง วิศวกรรม และแรงงานฝีมือ โดยคาดว่าจะเป็นการจ้างงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
ขณะเดียวกัน ซีอีโอได้กล่าวชื่นชมรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนบทบาทจาก ‘ผู้คุมกฎ’ มาเป็น ‘ผู้สนับสนุน’ ผ่านการอำนวยความสะดวกเรื่องการขอใบอนุญาต การจัดหาพลังงาน และการลดอุปสรรคทางธุรกิจ โดยยังมีการผลักดัน อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็น ‘สมอง’ ของ AI ทั้งหมด ผ่านมาตรการจูงใจและพิจารณาเก็บ ภาษีนำเข้า จากบริษัทต่างชาติที่ไม่ยอมสร้างโรงงานในประเทศ
ส่องวิสัยทัศน์ผู้นำโลกด้าน AI
ผู้นำเทคโนโลยีและทรัมป์ ต่างเห็นพ้องว่าสหรัฐฯ มีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำโลกในด้าน AI ด้วยบุคลากรที่เก่งที่สุดและเทคโนโลยีที่คู่แข่งไม่สามารถเลียนแบบได้ พร้อมกันนี้ยังได้หยิบยกประเด็นการใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาสังคมและสุขภาพ ตั้งแต่การรักษาโรคโปลิโอ, HIV ไปจนถึงโรคโลหิตจางเม็ดเลือดแดงรูปเคียว รวมถึงการขยายบริการทางการแพทย์สู่แอฟริกา และการพัฒนาโอกาสการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน
การประชุมครั้งนี้ตอกย้ำว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ มุ่งมั่นที่จะผลักดันอุตสาหกรรม AI ให้เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ชาติ โดยอาศัยการลงทุนระดับใหญ่เป็นประวัติการณ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ และการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อเสริมสร้างความเป็นผู้นำโลกด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในระยะยาว
อ้างอิง:
PBS NewsHour: https://www.youtube.com/watch?v=WYyaNm7UqFQ

UPDATE: คาสิโนมาเก๊าโกยรายได้เดือน ส.ค. พุ่ง 12% นักท่องเที่ยวพรีเมียมพุ่งหนุนตลาดคึกคักMacau Gaming Inspection and Coor...
07/09/2025

UPDATE: คาสิโนมาเก๊าโกยรายได้เดือน ส.ค. พุ่ง 12% นักท่องเที่ยวพรีเมียมพุ่งหนุนตลาดคึกคัก
Macau Gaming Inspection and Coordination Bureau (DICJ) รายงานว่า ในเดือนสิงหาคม รายได้จากการเล่นคาสิโนของมาเก๊าเพิ่มขึ้น 12.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านปาตากา (ราว 2.8 พันล้านดอลลาร์) สะท้อนถึงการฟื้นตัวกลับมาได้ถึง 91% ของระดับก่อนโควิดในปี 2019 และตัวเลขนี้ยังสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เล็กน้อย
ขณะเดียวกัน การเติบโตดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่มาเก๊าเพิ่งผ่านฤดูร้อน ที่มีนักท่องเที่ยวคึกคักที่สุดนับตั้งแต่โควิด โดยได้แรงหนุนจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของเมือง ทำให้ผู้ประกอบการรีสอร์ตคาสิโนจัดกิจกรรม ทั้งคอนเสิร์ต การแสดงละครเวที และการแข่งขันกีฬาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่ช่วยดึงดูด คือ งานประกาศรางวัลระดับโลกของ Tencent Music Entertainment Group ที่จัดขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีศิลปินชื่อดังจากเกาหลีใต้และจีนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง โดย จอร์จ ชอย นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ป ระบุว่า เหตุการณ์นี้มีส่วนช่วยหนุนการเดินทางของนักท่องเที่ยวเข้าสู่มาเก๊าอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้คาดว่าภาคการท่องเที่ยวมาเก๊าจะมีความคึกคักไปต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเกือบ 3.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 98% ส่วนสถิติของเดือนสิงหาคม ทางการจะเปิดเผยในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งคาดว่าจะยังสะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
ด้านผู้ประกอบการคาสิโน ยังเดินหน้าลงทุนเพิ่ม ไม่เพียงแค่ขยายกิจกรรมบันเทิง แต่ยังเพิ่มจำนวนห้องพักโรงแรมหรู เพื่อเจาะกลุ่มนักพนันพรีเมียม ขณะที่ผลสำรวจของซิตี้กรุ๊ปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมพบว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหนึ่งผู้เล่นเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน แม้จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มแมสที่เดิมพันน้อยกว่าอาจเพิ่มสัดส่วนในตลาด แต่ความต้องการของนักพนันระดับพรีเมียมยังคงแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปข้างหน้า มาเก๊ายังมีฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญรออยู่ โดยเฉพาะวันหยุดยาวในวันชาติของจีน ที่จะเกิดขึ้นในต้นเดือนตุลาคม ประเมินว่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญต่อรายได้ ส่วนแนวโน้มระยะกลางและระยะยาวยังขึ้นอยู่กับ นโยบายการเดินทางของจีน มาตรการควบคุมชายแดน รวมถึงบรรยากาศความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เผชิญแรงกดดัน
ภาพ: Anthony Kwan/Getty Images
อ้างอิง:
https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-09-01/macau-gaming-revenue-meets-estimate-on-summer-holiday-boost?srnd=phx-industries

ยุคของหุ้น ‘Value’ ในตลาดหุ้นไทย หลายคนอาจจะบอกว่าผ่านไปแล้ว แต่ยุคของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ขายให้กับผู้บริโภคในตลาด สิน...
07/09/2025

ยุคของหุ้น ‘Value’ ในตลาดหุ้นไทย หลายคนอาจจะบอกว่าผ่านไปแล้ว แต่ยุคของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ขายให้กับผู้บริโภคในตลาด สินค้าที่เป็นของคุณภาพดี ราคาถูก หรือเรียกว่าเป็นสินค้า ‘Value for money’ ช่วงนี้กลับเกิดขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว ลองมาดูกันว่ามีสินค้าอะไรบ้าง
เริ่มที่ร้อนที่สุด ในช่วงนี้หนีไม่พ้นสุกี้หม้อไฟ อาหารยอดนิยมของคนทุกชั้นที่ตอนนี้แข่งกันขายที่ราคาถูกมากและคุณภาพดี โดยการขายแบบบุฟเฟ่ต์ ที่ลูกค้ากินได้ไม่อั้นในราคาที่ถูกมาก ซึ่งทำให้คนที่ปกติจะกินอาหารอย่างอื่นจำนวนมาก หันมากินสุกี้ในร้านที่ขายอาหารด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวแทน ผลก็คือ ภัตตาคารอื่นๆ เหงาลงไปมากในขณะที่ร้านสุกี้หม้อไฟที่ใช้กลยุทธ์โปรโมชันแบบบุฟเฟ่ต์ราคาถูก คนแน่น
ร้านสุกี้บุฟเฟ่ต์ขายของดีราคาถูกได้ก็เพราะว่าสามารถขายได้จำนวนมาก ภัตตาคารคนเต็มแทบจะตลอดเวลา และนอกจากนั้นก็ยังเปิดด้วยชั่วโมงบริการยาวนาน บางร้านแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง ผลก็คือ ต้นทุนต่อหน่วยของการขายลดลงมากจนต่ำกว่ารายได้ต่อหน่วยที่ต่ำมากอยู่แล้ว ดังนั้น ธุรกิจก็อยู่ได้และมีกำไร ในทางวิชาการ ร้านสุกี้นั้นมี Economies of Scale หรือมีการประหยัดเนื่องจากขนาดที่ใหญ่ขึ้นสูงมาก
อ่านบทความฉบับเต็มต่อได้ที่: https://thestandard.co/value-for-money-products-thailand/

หลังจากปรากฏภาพ ‘อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์’ นั่งรับประทานกาแฟและทานเค้กส้มร่วมกับ อนุทินภายในร้านกาแฟใต้ตึกที่ทำการพรรคภูมิใจไท...
07/09/2025

หลังจากปรากฏภาพ ‘อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์’ นั่งรับประทานกาแฟและทานเค้กส้มร่วมกับ อนุทินภายในร้านกาแฟใต้ตึกที่ทำการพรรคภูมิใจไทยล่าสุด เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ได้ถูกทาบทามให้รับตำแหน่ง รมว. พลังงานในคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ตามโควตาคนนอก
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ถือเป็นลูกหม้อที่ทำงานในองค์กรอย่าง ปตท. มายาวนานกว่า 35 ปี
อ่านบทความฉบับเต็มต่อได้ที่: https://thestandard.co/auttapol-rerkpiboon-energy-minister-profile/

เที่ยวอเมริกาอ่วม! วีซ่าขึ้นราคา 8,000 บาท เริ่ม 1 ต.ค. 2025ชมคลิปเต็มได้ที่ https://youtu.be/lxEPHOV4_XYสหรัฐฯ ประกาศจั...
07/09/2025

เที่ยวอเมริกาอ่วม! วีซ่าขึ้นราคา 8,000 บาท เริ่ม 1 ต.ค. 2025
ชมคลิปเต็มได้ที่ https://youtu.be/lxEPHOV4_XY
สหรัฐฯ ประกาศจัดเก็บค่าธรรมเนียมใหม่ ‘Visa Integrity Fee’ มูลค่า 250 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8,000 บาท และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าสหรัฐฯ สูงถึง 442 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 16,000 บาท และกลายเป็นหนึ่งในค่าธรรมเนียมวีซ่าที่แพงที่สุดในโลก อาจกลายเป็นปัญหาซ้ำเติมนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากการปราบปรามผู้อพยพและความไม่เป็นมิตรต่อหลายประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
#วีซ่าอเมริกา #ท่องเที่ยว

UPDATE: ซีอีโอ LINE MAN Wongnai หนุนฟื้นโครงการคนละครึ่ง ชี้ช่วย  SME ได้ หลังสถิติพบร้านอาหารยอดขายหด 14% ในไตรมาส 2/68...
06/09/2025

UPDATE: ซีอีโอ LINE MAN Wongnai หนุนฟื้นโครงการคนละครึ่ง ชี้ช่วย SME ได้ หลังสถิติพบร้านอาหารยอดขายหด 14% ในไตรมาส 2/68
ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ออกมาแสดงความเห็นด้วยกับการที่สมาคมภัตตาคารได้ยื่นเรื่องกับรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ อนุทิน ชาญวีรกูล เสนอให้นำโครงการ ‘คนละครึ่ง’ กลับมาใหม่ เพราะหาก ‘เกิด’ ขึ้นจริง ถือเป็นเรื่องดีสำหรับวงการร้านอาหารไทยที่ประสบปัญหายอดขายตกอย่างหนักโดยเฉพาะในปีนี้
อ้างอิงจากสถิติของ LINE MAN Wongnai พบว่ายอดขายเฉลี่ยของร้านอาหารทั่วประเทศไทยลดลงมาตั้งแต่ต้นปี โดยไตรมาส 2 ลดลงมากถึง -14% หากดูเฉพาะพื้นที่กรุงเทพ ยอดขายไตรมาส 2 ลดเยอะกว่าต่างจังหวัดด้วยคือ -16%, พื้นที่ย่านธุรกิจ (CBD) -19% และพื้นที่ยอดนิยมอย่างบรรทัดทอง ลดลงถึง -35%
“เท่าที่คุยกับเจ้าของร้านอาหารหลายๆ คน ปีนี้มันยากจริงๆ” ซีอีโอ LINE MAN Wongnai ระบุ
ในวันเดียวกันนี้ (6 ก.ย.) สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่าพรรคมีแนวคิดที่จะฟื้นโครงการคนละครึ่ง เพื่อเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาลใหม่ โดยอาจจะมีการต่อยอดและเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้มากขึ้นกว่าเดิม
สิริพงศ์กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีกว่าโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต และเชื่อว่าการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจจะดีกว่า โดยมีงบประมาณที่ใช้ไม่สูงเท่า ทั้งนี้ แนวทางที่กำลังพูดคุยกันคือการใช้ระบบแอปพลิเคชันเดิมที่มีอยู่แล้ว เพื่อลดการลงทุนที่ไม่จำเป็น
รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุว่า รายละเอียดของงบประมาณที่ใช้ยังไม่ได้มีการสรุปอย่างชัดเจน เพราะเป็นการพูดคุยในเชิงหลักการเท่านั้น ซึ่งนโยบายหลักทั้งหมดต้องรอการสั่งการจากอนุทิน ชาญวีรกูล
ยอดระบุว่า ในฐานะที่ LINE MAN Wongnai เคยร่วมโครงการคนละครึ่งรอบที่แล้วมา คิดว่าเป็นนโยบายที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง โดยพบว่ายอดขายของร้านขนาดเล็กโตขึ้น 1.7-4 เท่าในช่วงนั้น และถ้าดูยอดขายจากเดลิเวอรีอย่างเดียวโตเฉลี่ย 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโครงการ
“เท่าที่อ่านดูจากความเห็นในโซเชียลก็พบว่าประชาชนอยากให้นำโครงการนี้กลับมาจริงๆ แบบแทบจะเป็นเอกฉันท์ เพราะช่วยแก้ปัญหาค่าครองชีพได้จริง” ยอดระบุ
ซีอีโอ LINE MAN Wongnai ระบุต่อว่า ส่วนตัวชอบโครงการลักษณะ Co-Payment ลักษณะนี้ เพราะคิดว่า
1.เหมาะกับ SMB ขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่มีกำลังพอช่วยตัวเองได้บ้าง แต่ถ้ามี ‘แรงหนุน’ เข้ามาช่วย จะทำให้ทุกคนคล่องตัวขึ้นได้ และมีกำลังใจในการทำให้ดีขึ้นในระยะยาว
2.ป้องกัน Fraud (การฉ้อโกง) ได้ดีระดับหนึ่ง เพราะมีลักษณะ co-pay คือลูกค้าต้องออกด้วยครึ่งหนึ่ง ทั้งการใช้จ่ายไปยังร้านค้าที่ต้องลงทะเบียนจริง
3.สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจในระยะยาวกว่า เนื่องจากมีการจำกัดวงเงินรายวัน (ครั้งที่แล้ว 150 บาท) ดีกว่าเงินให้เปล่าที่อาจจะเกิดการใช้จ่าย (นอกระบบ) ครั้งเดียว วันเดียวจบ
“ผมคิดว่าหากรัฐบาลมีอายุสั้นเพียง 4 เดือนก่อนยุบสภา การนำระบบไอทีเดิมที่เคยมีอยู่แล้วกลับมาใช้งาน ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในแง่ระยะเวลาการทำงาน ส่วนการยืนยันตัวตนร้านค้าที่อาจเปลี่ยนหน้าไปบ้างในช่วง 3-4 ปีที่ไม่มีโครงการคนละครึ่ง ก็สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีช่วยได้”
“หากรัฐบาลจะทำโครงการนี้จริงๆ LINE MAN Wongnai มีข้อมูลร้านอาหารที่อัปเดตเป็นปัจจุบันอยู่แล้ว ก็ยินดียกข้อมูลนี้ให้ทั้งหมด เพื่อที่ร้านค้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลายืนยันตัวตนใหม่” ซีอีโอ LINE MAN Wongnai กล่าวทิ้งท้าย
ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร / THE STANDARD
อ้างอิง:
https://www.facebook.com/share/p/16CRbZAuKe/

ที่อยู่

THE STANDARD CO. , LTD เลขที่ 23/100-102 ซอยศูนย์วิจัย ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง
Bangkok
10310

เวลาทำการ

จันทร์ 07:00 - 17:00
อังคาร 07:00 - 17:00
พุธ 07:00 - 17:00
พฤหัสบดี 07:00 - 17:00
ศุกร์ 07:00 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ THE STANDARD WEALTHผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง THE STANDARD WEALTH:

แชร์