
08/08/2025
ทำไมคางคกถึงศักดิ์สิทธิ์? เรื่องจริงจากตำนาน ‘พญาคันคาก’
โดยทั่วไปแล้ว ‘คางคก’ มักเป็นสัตว์ที่หลายคนไม่อยากเข้าใกล้ ด้วยรูปลักษณ์คล้ายกบแต่ตัวใหญ่กว่า ผิวหนังขรุขระ และพฤติกรรมที่มักกระโดดพรวดเข้าใส่ราวกับจงใจ ทว่าในอีกแง่มุมหนึ่ง คางคกกลับเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานพื้นบ้านหลายแห่ง ซึ่งผู้คนให้ความเคารพอย่างลึกซึ้ง หนึ่งในตำนานที่เล่าขานกันมากที่สุดคือเรื่องของ ‘พญาคันคาก’ เจ้าแห่งคางคก ผู้เป็นตัวแทนแห่งความอุดมสมบูรณ์ และผู้เจรจาระหว่างมนุษย์กับเทวดาเรื่องฟ้าฝน .
กบ คางคก และอึ่งอ่างมักปรากฏตัวในช่วงต้นฤดูฝน จึงมักถูกมองว่าเป็นสัตว์นำพาความชุ่มฉ่ำและความหวังมาให้ ในความเชื่อของชาวอีสานและลาว คางคกจึงไม่ใช่แค่สัตว์ธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของชีวิต ความหวัง และความอุดมสมบูรณ์
ตำนานพญาคันคากนั้นเป็นที่รู้จักทั้งในไทยและลาว โดยเฉพาะจังหวัดยโสธร คงคุ้นเคยกับสถาปัตยกรรมพญาคันคากขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นทั้งจุดชมวิวและพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับคางคก สิ่งปลูกสร้างนี้สะท้อนถึงความเชื่อและความสำคัญของตำนานดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ในฐานะตัวแทนแห่งฟ้าฝนอันอุดมสมบูรณ์
ตำนานพื้นบ้านอีสานเกี่ยวกับพญาคันคากมีหลากหลายเรื่อง บางตำนานเป็นชาดกท้องถิ่น บางตำนานเป็นวรรณกรรมพื้นบ้าน แต่โดยรวมแล้วมีเค้าโครงคล้ายกัน กล่าวกันว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ถือกำเนิดในเมืองอินทะปัตถนคร เป็นโอรสของกษัตริย์ แต่มีรูปร่างเหมือนคางคก จึงได้รับนามว่า ‘พญาคันคาก’ แม้จะมีรูปลักษณ์ไม่เหมือนมนุษย์ แต่ด้วยบุญญาธิการและความดีงาม เทวดาก็ยังอำนวยพร และชาวเมืองก็ให้ความเคารพนับถือ
แต่การที่ผู้คนหันมาเคารพรักเจ้าชายคางคก กลับสร้างความไม่พอใจให้แก่ ‘พญาแถน’ เทวดาบนฟ้า จนเกิดความอิจฉาและโกรธเคือง พญาแถนจึงกลั่นแกล้งมนุษย์ด้วยการไม่ให้ฝนตกเป็นเวลานาน ชาวบ้านเดือดร้อนจึงมาขอความช่วยเหลือจากพญาคันคาก ซึ่งพระองค์ก็ขันอาสานำทัพขึ้นไปต่อกรกับพญาแถนด้วยตนเอง
พญาคันคากรวบรวมกองทัพสัตว์ร้ายและสัตว์มีพิษนานาชนิด ใช้ปลวกก่อจอมปลวกสูงทะลุฟ้าเพื่อนำทัพขึ้นสู่สวรรค์ เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนฟ้า ในที่สุดพญาแถนพ่ายแพ้ จำต้องยอมกลับมาดูแลฟ้าฝนตามเดิม
ทั้งสองตกลงกันว่า หากมนุษย์ต้องการฝน ให้จุด ‘บั้งไฟ’ ขึ้นสู่ฟ้าเป็นสัญญาณ เมื่อพญาแถนเห็นก็จะสั่งให้ฝนตกตามต้องการ และเพื่อให้แน่ใจว่าฝนจะมาตามสัญญา ก็ให้กบ คางคก และอึ่งอ่างร้องส่งสัญญาณบอก หากฝนตกมากเกินไป เมื่อถึงเวลาพอเหมาะก็ให้เป่า ‘โหวด’ ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้าน เพื่อให้พญาแถนหยุดฝนให้ จากนั้นพญาคันคากก็กลับมาปกครองเมืองอย่างร่มเย็นเป็นสุข
เรื่องเล่านี้จึงทำให้ชาวลาวและชาวอีสาน โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ลาว (ขร้า - ไท) มองคางคกและกบในฐานะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และยังเชื่อว่าเป็นที่มาของประเพณี ‘บุญบั้งไฟ’ ที่จัดขึ้นเพื่อขอฝนในช่วงต้นฤดูฝน
ดังนั้น คางคกจึงไม่ใช่เพียงสัตว์ที่กระโดดโหยงใส่คนให้ตกใจเท่านั้น หากแต่ยังเป็นตัวแทนแห่งฝนตก ความอุดมสมบูรณ์ และความหวังที่หยั่งรากลึกอยู่ในความเชื่อของผู้คนมายาวนาน
เรื่อง: CPKZ
ภาพประกอบ: DOOM.
อ้างอิง
กรมส่งเสริมวัฒนธณรม. (n.d.). ตำนานพญาคันคาก .มรดกทางภูมิปัญญาวัฒนธรรม. https://ich-thailand.org/heritage/detail/6291e5b7978f238e61f77c8e
โครงการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. (n.d.) ตำนานพญาคันคาก. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. https://www.ubu.ac.th/web/rocket/content/81/
สมัย สุทธิธรรม. (1986). ชุดความรู้ไทยของ องค์การค้าของคุรุสภา “บุญบั้งไฟ”. กรุงเทพ: คุรุสภา.
*เครดิตภาพ
พญาคันคาก : photograph by สันติ ศรีมันตะ / The Isaan Record
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #คางคก #พญาคันคาก #ตำนาน #ความเชื่อ #สพลายน้อย #สัตวนิยาย