สำนักพิมพ์ ยิปซี

สำนักพิมพ์ ยิปซี Brief history in pictures.
หนังสือประวัติศาสตร์รอบโลก
นักสัญจรบนหน้ากระดาษ
ผู้แสวงหาความรู้และภูมิปัญญามาบรรณาการนักอ่าน

https://linktr.ee/gypzyonline
Tel.02-728-0939 Fax.02-728-0939 ต่อ108 การอ่าน คือ การเดินทางอันแสนสนุก
ยิปซี คือ กองแห่งภูมิปัญญา พาคุณเดินทางไปในดินแดนแห่งความรู้ จินตการ ไม่สิ้นสุด
นึกถึงประวัติศาสตร์ นึกถึงยิปซี

รู้ทันจีนใน 5 ข้อ ทำไม ‘ก่อร่างสร้างจีน’ ถึงไม่ควรพลาด!หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นเพียงหนังสือประวัติศาสตร์เศรษฐกิจธรรมดา แ...
01/10/2025

รู้ทันจีนใน 5 ข้อ ทำไม ‘ก่อร่างสร้างจีน’ ถึงไม่ควรพลาด!
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นเพียงหนังสือประวัติศาสตร์เศรษฐกิจธรรมดา แต่มันยังรวบรวมเรื่องที่จะทำให้เห็นทั้งแง่มุมจากอดีตไปจนถึงสิ่งใหม่ที่กำลังจะเกิดในอนาคตอีกด้วย เพราะ ‘จีน’ ในวันนี้กำลังเป็นผู้นำโลก ต้อง ‘เข้าใจ’ จีนในทุกมิติก่อน
หนังสือ ‘ก่อร่างสร้างจีน: ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจจีน’ เป็นผลงานของ ‘หลี่ลู่’ ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้สนใจในเศรษฐกิจจีนและธุรกิจโลก และนี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจและต้องอ่าน!
1. ครบทุกแง่มุมทั้ง ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ การเงิน และการลงทุน
เป็นเล่มที่รวมทุกอย่างไว้ในเล่มเดียว ตั้งแต่ประวัติศาสตร์การเมือง เศรษฐกิจ ความคิดทางเศรษฐกิจของจีนที่บ่มเพาะมาเป็นเวลาหลายพันปี รวมถึงการเงินและการลงทุนของจีนต่อโลก หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะกับทุกคนที่ต้องการเข้าใจทั้งอดีตและปัจจุบันของเศรษฐกิจจีนในมุมมองที่กว้างขวาง
2. สำรวจจุดเริ่มต้นของ ‘วิถีจีน’
หากวิถีเศรษฐกิจตะวันตกเริ่มต้นจากความต้องการทรัพยากรและทุนนิยมตามทฤษฎีของอดัม สมิธ เล่มนี้พาย้อนกลับไปถึงรากฐานที่หล่อหลอมความคิดทางเศรษฐกิจของจีน จากเส้นทางสายไหมจนถึงการตื่นขึ้นของจีนเมื่อ 40 ปีที่แล้ว เปิดเผย ‘ความลับ’ ที่ทำให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในวันนี้
3. เข้าใจภาพรวมของเศรษฐกิจจีนจากอดีตถึงอนาคต
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนมีความเฉพาะตัวและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การมีธนบัตรใช้ก่อนใครเมื่อหลายพันปีก่อน หรือการเติบโตอย่างรวดเร็วของ E-Commerce จีนในปัจจุบัน ทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้อ่านเห็นภาพรวมของเศรษฐกิจจีนอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นปรัชญาของขงจื๊อหรือการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีใน 30 ปีที่ผ่านมา
4. คู่มือการทำธุรกิจในตลาดจีน
เล่มนี้ไม่เพียงแค่ให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นคู่มือในการทำธุรกิจในจีน พร้อมแนะนำโอกาสการลงทุนในจีนที่น่าสนใจ หลี่ลู่ถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมองในด้านการลงทุนและเศรษฐกิจจีนที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นธุรกิจที่ควรจับตามอง หรือแนวคิดการลงทุนที่จีนใช้ในระดับโลก
5. ผลงานของ ‘หลี่ลู่’ ผู้ได้รับฉายา ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์แห่งจีน’
สุดท้ายคือความน่าสนใจของผู้เขียน ‘หลี่ลู่’ ที่ได้รับฉายาว่าเป็น ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์แห่งจีน’ เขาคือหนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์จีน การที่หลี่ลู่เคยเป็นลูกศิษย์ของชาร์ลี มังเกอร์ และประสบความสำเร็จในตลาดการเงินจีน ทำให้มุมมองของเขามีความลึกซึ้งและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่แค่ตำราการลงทุน ไม่ใช่แค่บันทึกประวัติศาสตร์ แต่มันคือ ผ่านสายตาและประสบการณ์ของชายผู้มีบทบาทอยู่เบื้องหลังเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกผู้นี้
เรื่อง: CPKZ
ภาพประกอบ: DOOM.
*เครดิตภาพ
The skyline of the eastern part of Futian, Shenzhen : by Charlie fong / Wikimedia Commons
Li Lu : ©Getty images
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #ยิปซี #ก่อร่างสร้างจีน #เศรษฐกิจจีน

✨ เริ่มแล้ว! ✨📣 มหกรรมหนังสือออนไลน์ ครั้งที่ 30 📣⚡️ พบกับโปรโมชั่นจัดหนักจัดเต็ม ลดทุกเล่มที่คุณอยากได้ ลดสูงสุด 50% อ่...
01/10/2025

✨ เริ่มแล้ว! ✨
📣 มหกรรมหนังสือออนไลน์ ครั้งที่ 30 📣
⚡️ พบกับโปรโมชั่นจัดหนักจัดเต็ม ลดทุกเล่มที่คุณอยากได้ ลดสูงสุด 50% อ่านกันจนเต็มอิ่มแน่นอน
เรียงแถวมาพร้อมเสิร์ฟ
⏳ ระยะเวลาโปรโมชั่น ยิงยาวตั้งแต่ 1 - 31 ตุลาคม 68 ⏳
🔥 รีบช้อป รีบจับจอง เพราะหมดก่อนจะหาว่าไม่เตือน! 🔥
🚨 ไปลุยกันได้ที่ 🚨
➡︎ เพจ สำนักพิมพ์ ยิปซี
➡︎ Line Official: https://shorturl.at/8qoVb
➡︎ ช่องทางเพิ่มเติม: https://linktr.ee/gypzyonline
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #งานหนังสือ68 #มหกรรมหนังสือ68 #มหกรรมหนังสือออนไลน์ #มหกรรมหนังสืออนไลน์ครั้งที่30 #งานหนังสือออนไลน์

มาร์โค โปโลไม่ได้เอาเส้นพาสต้ากลับยุโรป แต่เอา 'ธนบัตร' กลับมา!‘มาร์โค โปโล’ (Marco Polo) นักเดินทางชาวอิตาลีผู้เดินทางไ...
30/09/2025

มาร์โค โปโลไม่ได้เอาเส้นพาสต้ากลับยุโรป แต่เอา 'ธนบัตร' กลับมา!
‘มาร์โค โปโล’ (Marco Polo) นักเดินทางชาวอิตาลีผู้เดินทางไปถึงดินแดนจีน ได้นำเส้นบะหมี่กลับยุโรป จนกลายเป็นต้นกำเนิดของ ‘พาสต้า’ แต่ความจริงแล้ว เรื่องนั้นเป็นเพียง ตำนานที่เล่ากันสนุกๆ เท่านั้น สิ่งที่มาร์โค โปโลนำกลับมา ซึ่งส่งอิทธิพลมากกว่าบะหมี่เสียอีก คือสิ่งที่ปฏิวัติวงการเงินของยุโรปไปตลอดกาล นั่นคือ ‘ธนบัตร’
เมื่อไปถึง มาร์โค โปโลได้เข้ารับราชการในราชสำนักของกุบไลข่านอยู่ถึง 17 ปี ระหว่างนั้น เขาได้เห็นโลกตะวันออกในมุมที่ชาวยุโรปไม่เคยรับรู้มาก่อน ทั้งวัฒนธรรม เทคโนโลยี และวิถีชีวิตที่ล้ำหน้ากว่าตะวันตกในหลายด้าน ในบันทึกของเขาที่ชื่อ ‘The Travels of Marco Pol’ เขาไม่ได้พูดถึงบะหมี่หรือพาสต้าเลยแต่กลับเล่าเรื่องที่น่าตื่นตะลึง สำหรับชาวยุโรปในยุคนั้น เช่น การใช้ดินปืน การทำเครื่องเคลือบ การใช้ถ่านไม้เป็นเชื้อเพลิง และที่สำคัญที่สุดคือการใช้ ‘ตั๋วเงิน’ แทนเงินเหรียญ!
สิ่งที่มาร์โค โปโลเห็นในจีนคือระบบการเงินที่ ไม่จำเป็นต้องพกเหรียญทองหรือเงินก้อนโต ไปจับจ่ายใช้สอย แต่สามารถใช้ ‘ตั๋วเงิน’ ซึ่งออกโดยร้านค้าเงินได้ ตั๋วเหล่านี้มีมูลค่าตามที่ระบุ และสามารถใช้แทนเงินจริงได้ เพราะมีหลักประกันอยู่เบื้องหลังไม่ว่าจะเป็นทองคำ หรือชื่อเสียงของร้านค้าที่ออกตั๋วเหล่านั้น พูดง่ายๆ คือ นี่คือรูปแบบแรกๆ ของ ‘ธนบัตร’ ที่มีใช้จริงในโลก
เมื่อมาร์โค โปโลเดินทางกลับสู่เวนิส และนำแนวคิดเหล่านี้กลับไปเล่า ชาวยุโรปต่าง ตื่นตะลึงกับระบบการเงินแบบนี้ โดยเฉพาะในอิตาลีซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการธนาคาร แนวคิดตั๋วเงินนี้จึงถูก พัฒนา ต่อยอด และประยุกต์ใช้ จนกลายเป็น ต้นแบบของธนบัตรยุคใหม่ ที่ระบบธนาคารต่างๆ ในยุโรปนำไปใช้ต่ออย่างแพร่หลาย แม้แต่ประเทศต้นกำเนิดอย่างจีนเอง ในเวลาต่อมาก็ได้นำแนวทางธนบัตรแบบตะวันตกกลับไปปรับใช้
นับจากวันที่มาร์โค โปโลเขียนบันทึกของเขา เวลาก็ผ่านไปกว่า 800 ปี ‘ตั๋วเงิน’ ที่เขาเคยพบเห็นในจีนตอนนั้น วันนี้กลายเป็น เงินกระดาษ ที่เราใช้ซื้อของและแม้แต่เงินกระดาษเอง ก็เริ่มจะถูกแทนที่ด้วยเงินดิจิทัลแล้วในยุคปัจจุบัน
จากบันทึกนี้เอง ทำให้ชาวยุโรปรู้จักโลกตะวันออกมากขึ้น เพราะมาร์โค โปโลไม่ได้เล่าเพียงว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร เขายังจดเรื่ององค์ความรู้ต่าง ๆ มากมายไว้ด้วย เช่นเรื่องดินปืน เรื่องการใช้ ‘ถ่านไม้’ ไปจนถึงความรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบ เพียงแค่ไม่มีเรื่อง ‘บะหมี่’ กลายเป็นพาสต้าเท่านั้น
แต่สิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง และส่งอิทธิพลต่ออิตาลีที่เป็นศูนย์กลางการเงินในเวลานั้น ก็คือเรื่องจากจีนว่า ชาวตะวันออกไกลนั้นไม่ได้ถือเงินเหรียญเป็นกระบุงหรือแบกก้อนทองไปจับจ่าย พวกเขาใช้สิ่งที่เรียกว่า ‘ตั๋วเงิน’ ซึ่งออกโดยร้านค้าเงิน หลักการคือเอาเงินทองไปฝากหรือก็คือแลกตั๋วเงินออกมา ตั๋วเงินนั้นก็จะมีมูลค่าเท่าๆ กัน เป็นหลักของความเชื่อใจระหว่างกันและเป็นนวัตกรรมทางการเงินอย่างหนึ่งที่ชาวยุโรปไม่รู้จัก
หลักประกันของตั๋วเงิน ก็คือชื่อเสียงของร้านค้าเงินและเงินทองที่ร้านเหล่านั้นใช้ค้ำประกันมูลค่าของตั๋วเงินดังกล่าวนั่นเอง
เมื่อแนวคิดเรื่องตั๋วเงินที่มาร์โคนำกลับมาแพร่ออกไป บรรดาธนาคารต่าง ๆ ในอิตาลีก็เริ่มตื่นตัวและตื่นเต้นกับแนวทางการจัดการเงินแบบนี้ และในที่สุดมันก็ถูกพัฒนาต่อยอดเรื่อยมาจนกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ธนบัตร’ อย่างที่เรารู้จักกันและใช้อย่างแพร่หลาย แม้กระทั่งต้นกำเนิดของมันอย่างจีนก็ยังย้อนกลับมารับแนวทางนี้ในปัจจุบัน
แม้เขาจะไม่ได้เป็นผู้คิดค้นธนบัตรขึ้นมาเอง แต่การที่ มาร์โค โปโล นำความรู้นี้จากโลกตะวันออกมาเปิดเผยต่อชาวยุโรป ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งของประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลกจากเรื่องเล่าเล็กๆ ของนักเดินทางผู้หนึ่ง กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ส่งผลต่อชีวิตของผู้คนทั้งโลกทุกครั้งที่คุณหยิบ ‘ธนบัตร’ ขึ้นมาจ่ายเงิน ลองนึกถึงจุดเริ่มต้นของมันดูสักครั้ง
เรื่อง: CPKZ
ภาพประกอบ: DOOM.
อ้างอิง
Bergreen, L. (2008). Marco Polo: From Venice to Xanadu. Vintage.
Cycle Croatia. (2020, April 1). The truth about Marco Polo | Was Marco Polo Croatian? |. https://cyclecroatia.com/blog/the-truth-about-marco-polo/
Ghengis Fireworks. (2022, March 21). Firework History - Ghengis Fireworks. https://www.fireworks.co.uk/firework-history
Lacxman D. Satya. (1999). Debunking the Myth: Did Marco Polo Go to China?.
Volume 04:3 (Winter 1999): Non-Thematic Issue. Association of Asian Studies.
Wood, F. (1996). Did Marco Polo Go to China?. Asian Affairs, 27(3), 296-304.
*เครดิตภาพ
Mosaic of Marco Polo, Municipal Palace of Genoa : Palazzo Grimaldi Doria-Tursi
(bg) The Medici Bank : via. Coin Desk
Ancient Chinese Paper Cash Notes – Ming Dynasty : via. Pacificoincurrency
An illustration of a Chinese banknote : from a paper about the monetary history of China written by John E. Sandrock
Chinese paper money from the 9th century : via. PTL Group
US dollars printing USD bill banknotes : ©ruwan isuru / Vecteezy
Pile of gold coins treasure discovery : ©Asih Wahyuni / Vecteezy
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #ประวัติศาสตร์ #ประวัติศาสตร์โลกฉบับย่อ #มาร์โคโปโล #ธนบัตร

“ปรากฏการณ์ที่สังคมซึ่งครั้งหนึ่งเคยทรงพลังอำนาจ แต่กลับจบสิ้นลงด้วยการล่มสลาย…เกิดขึ้นได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ ว่าส...
29/09/2025

“ปรากฏการณ์ที่สังคมซึ่งครั้งหนึ่งเคยทรงพลังอำนาจ แต่กลับจบสิ้นลงด้วยการล่มสลาย…เกิดขึ้นได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ ว่าสิ่งเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นกับสังคมอันมั่นคงของเราในวันนี้?”
จาเร็ด ไดมอนด์
นี่คือหัวใจของ ‘ล่มสลาย’ หนังสือทรงพลังโดย จาเร็ด ไดมอนด์ นักวิชาการชื่อก้องโลกและเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ ผู้เคยเขียนงานชิ้นสำคัญอย่าง ‘ปืน เชื้อโรค เหล็กกล้า’ ซึ่งว่าด้วยการผงาดขึ้นของอารยธรรมมนุษย์ในอดีต แต่ในเล่มนี้ เขาเลือกจะหันมามอง ‘ปลายทาง’ ของอารยธรรมแทน
หนังสือ ‘ล่มสลาย’ ไม่ได้เพียงเล่าถึงการล่มสลายของสังคมโบราณอย่างมายา อีสเตอร์ หรือกรีนแลนด์เท่านั้น แต่ยังตั้งคำถามกับปัจจุบันและอนาคตของเราอย่างจริงจัง ไดมอนด์สำรวจปัจจัยนานาประการที่นำไปสู่การพังทลายของสังคมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การเมือง เศรษฐกิจ และแม้กระทั่ง ‘จริยธรรม’ ของมนุษย์ผู้นำพาอารยธรรม
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ แต่เดิมไดมอนด์ไม่ได้ตั้งต้นจากความสนใจในจุดจบ เขาเคยเขียนแต่งานว่าด้วยจุดเริ่มต้นของมนุษยชาติ การวิวัฒนาการของสังคม และต้นกำเนิดของความแตกต่างระหว่างกลุ่มคน ไม่ว่าจะใน ‘ชิมแปนซีที่สาม’, ‘ปืน เชื้อโรค เหล็กกล้า’, หรือ ‘เซ็กส์นั้นสนุกไฉน’ แต่แล้ววันหนึ่ง ระหว่างการบรรยาย เขากลับถูกนักศึกษาคนหนึ่งตั้งคำถามว่า “ผู้คนบนเกาะอีสเตอร์คิดอะไรอยู่ ขณะที่พวกเขาตัดต้นไม้ต้นสุดท้ายลง?”
คำถามนี้ไม่ได้หายไปจากใจไดมอนด์ เขาเริ่มสงสัยว่า ผู้คนในอดีตที่ประสบหายนะระดับอารยธรรม พวกเขามองไม่เห็นสัญญาณเตือนหรืออย่างไร? พวกเขาเพิกเฉย เลือกที่จะเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเองหรือไม่? หรือว่าพวกเขาถูกลากไปสู่จุดจบนั้นโดยไม่รู้ตัวเลย? จากคำถามเหล่านี้ เขาจึงเริ่มลงมือค้นคว้า และกลั่นกรองออกมาเป็นหนังสือ ‘ล่มสลาย’ เล่มนี้ คำถามใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งเล่มคือ
“เหตุใดสังคมจึงล่มสลาย? เกิดอะไรขึ้น? ผู้คนไปทางไหน? พวกเขาอพยพ? หรือล้มตาย? และสิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นกับเราอีกครั้งในยุคปัจจุบันได้หรือไม่?”
อาจถึงวันที่ผู้คนในอนาคต มองซากปรักหักพังของตึกระฟ้าในนิวยอร์ก แล้วสงสัยกับมันเช่นเดียวกับที่เรามองพีระมิดของมายา หรือซากหินบนเกาะอีสเตอร์
ไดมอนด์ไม่ได้เขียนเพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกกลัว แต่เพื่อให้เราตระหนักว่า สังคมใดจะอยู่รอดหรือสูญสิ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคชะตา แต่ขึ้นอยู่กับ ‘การเลือก’ และ ‘การตัดสินใจ’ ของมนุษย์เอง
หนังสือเล่มนีคือการเดินทางย้อนเวลาเพื่อสืบหาเงื่อนไขของความพินาศ และเตรียมคำตอบให้อนาคต
เรื่อง: CPKZ
ภาพประกอบ: DOOM.
*เครดิตภาพ
Jared Diamond : ©Antonio Olmos / Observer / eyevine / Redux
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #ยิปซี #ล่มสลาย #จาเร็ดไดมอนด์

🗿 ล่มสลาย: ไขปริศนาความล่มจมของสังคมและอารยธรรม(Collapse: How Societies Choose to Fail or Succeed, 2011 revised edition)...
29/09/2025

🗿 ล่มสลาย: ไขปริศนาความล่มจมของสังคมและอารยธรรม
(Collapse: How Societies Choose to Fail or Succeed, 2011 revised edition)
✒️ผลงานระดับโลกโดย ‘จาเร็ด ไดมอนด์’
✒️แปลโดย อรวรรณ คูหเจริญ นาวายุทธ
ทำไมอารยธรรมยิ่งใหญ่ถึงดับสูญ? จะรอด หรือ ล่ม อาจมาจาก ‘การเลือก’ ของมนุษย์เอง
📖 กว่า 928 หน้าแห่งการสำรวจชะตากรรมของมนุษย์ชาติ
เราสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้าง จากชุมชนโบราณกลางแปซิฟิก นักรบเดนตายจากสแกนดิเนเวีย หรือมหาจักรวรรดิอย่างจีน ทำไมพวกเขาถึงล่มสลาย และเราจะไม่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?
🔎 สิ่งที่คุณจะได้จากเล่มนี้
- เกิดอะไรขึ้น ทำไมอารยธรรมนั้นหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
- ภัยธรรมชาติ สงคราม น้ำมือมนุษย์ สิ่งใดกันแน่?
- หรือที่จริงมันคือวัฏจักร แล้วเราจะ Break the Circle ได้อย่างไร?
- วันนี้ เราเดินตามรอยของพวกคนในอดีต หรือเรามีทางเลือกอื่นกันแน่
มาเปิดประตูมองดูอนาคตของโลกด้วยกัน
💸 ราคาปกติ 9️⃣8️⃣5️⃣ บาท เหลือเพียง 8️⃣0️⃣0️⃣ บาทเท่านั้น!!
🆓 ส่งฟรี! ตั้งแต่ 17 กันยายน - 9 ตุลาคม 68 นี้เท่านั้น!
📌 พิมพ์รหัส P75
ขนาดหนังสือ 15x23 ซม.
จำนวนหน้า 928 หน้า
ตัวอย่างหนังสือ: https://anyflip.com/jbtyn/ccwe/
🚨 สั่งซื้อได้ที่ 🚨
➡︎ เพจ สำนักพิมพ์ ยิปซี
➡︎ Line Official: https://shorturl.at/8qoVb
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #ยิปซี #ล่มสลาย #จาเร็ดไดมอนด์

📣 พร้อมให้ Pre - Order!!! 📣✨ มีกันรึยัง! ✨🇨🇳 ก่อร่างสร้างจีน: ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจจีน (Civilization, Modernization, Val...
29/09/2025

📣 พร้อมให้ Pre - Order!!! 📣
✨ มีกันรึยัง! ✨
🇨🇳 ก่อร่างสร้างจีน: ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจจีน
(Civilization, Modernization, Value Investment and China)
✒️ผลงานของ ‘หลี่ลู่’ ผู้คร่ำหวอดกว่า 20 ปีในโลกเศรษฐกิจจีน
✒️แปลโดย เรืองชัย รักศรีอักษร
เข้าใจจีน = เข้าใจอนาคตโลก
หนังสือที่ไขเบื้องหลังพลังมหาอำนาจที่ ‘ไม่เคยหยุดขยับ’
📖 จากรากเหง้าประวัติศาสตร์นับพันปี
สู่การเปิดประเทศ และกลายเป็น ‘ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก’
นี่คือแนวคิดและกลไกภายในจีนที่โลกตะวันตกยังเข้าไม่ถึง
- เกิดอะไรขึ้นตลอดประวัติศาสตร์จีนที่ผ่านมา
- จีนกลับมาเป็นเจ้าแห่งเศรษฐกิจได้อย่างไร
- แง่มุมทั้งทางเศรษฐศาสตร์ การเงิน การลงทุน ผสมไปด้วยประวัติศาสตร์ ปรัชญา และวัฒนธรรม มี่ลึกซึ่งที่สุด
ผลงานของ ‘หลี่ลู่’ นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนผู้ผ่านการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจจีนหลายต่อหลายทศวรรษ!
💸 ราคาปกติ 5️⃣6️⃣5️⃣ บาท เหลือเพียง 4️⃣8️⃣0️⃣ บาทเท่านั้น!!
🆓 ส่งฟรี! ตั้งแต่ 17 กันยายน - 9 ตุลาคม 68 นี้เท่านั้น!
📌 พิมพ์รหัส P74
ขนาดหนังสือ 15x23 ซม.
จำนวนหน้า 512 หน้า
ตัวอย่างหนังสือ: https://anyflip.com/jbtyn/avsn/
🚨 สั่งซื้อได้ที่ 🚨
➡︎ เพจ สำนักพิมพ์ ยิปซี
➡︎ Line Official: https://shorturl.at/8qoVb
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #ยิปซี #ก่อร่างสร้างจีน #เศรษฐกิจจีน #ประวัติศาสตร์

ก่อนจะมี Big Tech โลกเคยมี Big Empire จากเอกชนในยุคปัจจุบัน เราอาจเห็นบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่มีอิทธิพลทั้งทางเศรษฐกิจและการ...
28/09/2025

ก่อนจะมี Big Tech โลกเคยมี Big Empire จากเอกชน
ในยุคปัจจุบัน เราอาจเห็นบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่มีอิทธิพลทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เช่น แทรกแซงนโยบายรัฐ สนับสนุนพรรคการเมือง หรือมีบทบาทในเวทีโลก แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อกว่า 400 ปีก่อน มีอยู่บริษัทหนึ่งในลอนดอนที่ ก้าวข้ามทุกกรอบของคำว่า ‘เอกชน’ เพราะมันสามารถ “ปกครองอินเดีย” ได้ราวกับเป็นรัฐอธิปไตย
บริษัทนั้นคือ British East India Company หรือ ‘บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ’ ที่กลายเป็นองค์กรเอกชนเพียงแห่งเดียวในประวัติศาสตร์โลกที่สามารถล้มจักรวรรดิและสร้างอาณาจักรของตนเองได้สำเร็จ
บริษัทอินเดียตะวันออกก่อตั้งขึ้นในปี 1600 โดยกลุ่มพ่อค้าชาวลอนดอน ภายใต้พระราชโองการของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 พวกเขาขอสัมปทานในการเดินเรือและค้าขายในเขตมหาสมุทรอินเดียและเอเชียตะวันออก โดยให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ราชสำนักอังกฤษเป็นการแลกเปลี่ยน
แรกเริ่มเดิมที บริษัทนี้เป็นเพียงกลุ่มทุนที่ต้องการทำกำไรจากการนำเข้าเครื่องเทศ ผ้าไหม อัญมณี และสินค้าหรูหราจากโลกตะวันออก แต่เมื่อลงหลักปักฐานในอ่าวเบงกอลได้สำเร็จในปี 1601 ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
บริษัทเริ่มตั้งสถานีการค้า สร้างเครือข่ายโรงงาน และทำสัญญากับจักรวรรดิมุคัลแห่งอินเดีย เมื่อผลประโยชน์ขัดกับเจ้าอาณานิคมรายอื่นอย่างดัตช์และโปรตุเกส บริษัทจึงเลือก ‘อินเดีย’ เป็นฐานที่มั่น และเริ่มก่อสร้าง ‘กองทัพส่วนตัว’ ขึ้นมา
หลังจากเริ่มเปิดการค้ากับบริเวณโดยรอบอ่าวเบงกอลเป็นครั้งแรกในปี 1601 บริษัทอินเดียตะวันออกก็เริ่มทำกำไรจากการค้าเครื่องเทศ ผ้าไหม เกลือ น้ำตาล อัญมนี และสีย้อมผ้า สร้างกำไรอย่างมหาศาลให้กับเศรษฐกิจของจักรวรรดิอังกฤษ แต่การค้าทั้งหมดก็ไปขัดผลประโยชน์กับดัทช์และโปรตุเกส เกิดเป็นสงครามระหว่างกัน ทำให้บริษัทอินเดียตะวันออกเลือก ‘อินเดีย’ เป็นฐานที่มั่น สร้างกองกำลังทหารของตนเองแย่งชิงความเป็นใหญ่
ภายในเวลาไม่กี่สิบปี บริษัทเริ่มมีอำนาจเกินกว่าบริษัททั่วไปจะจินตนาการได้ ในช่วงศตวรรษที่ 18 บริษัทอินเดียตะวันออกมีกองทัพส่วนตัวกว่า 260,000 นาย มากกว่ากองทัพอังกฤษในเวลานั้นเสียอีก
มันเริ่มแทรกแซงกิจการภายในของจักรวรรดิมุคัล ก่อสงครามหลายครั้งเพื่อยึดดินแดน และในที่สุดก็เอาชนะกองทัพจักรวรรดิได้ในการรบที่ สมรภูมิปลาศี (Battle of Plassey) ปี 1757
ชัยชนะครั้งนั้นปูทางให้บริษัท เข้ายึดครองแคว้นเบงกอล อย่างเป็นทางการ และจัดตั้งศูนย์กลางอำนาจที่เมือง กัลกัตตา (Calcutta) จากนั้นก็เริ่มค่อย ๆ ขยายอำนาจไปทั่วอนุทวีปอินเดียภายในระยะเวลาอีกร้อยปี
พูดง่าย ๆ คือ ‘เอเชียใต้ทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การปกครองของบริษัทเอกชน’ โดยที่รัฐบาลอังกฤษยังไม่ได้เข้าแทรกแซงโดยตรง
แต่เมื่ออำนาจยิ่งใหญ่เกินควบคุม ปัญหาก็ตามมา ทั้งการทุจริต ความโหดร้าย การกดขี่ประชาชน และการใช้ความรุนแรงอย่างไร้ความรับผิดชอบ ทำให้ความไม่พอใจของชาวอินเดียเริ่มทวีความรุนแรง
จุดแตกหักเกิดขึ้นเมื่อเกิดกบฏใหญ่ในอินเดียปี 1857 ซึ่งถือเป็นการต่อต้านบริษัทครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้ รัฐบาลอังกฤษจึงตัดสินใจ ‘ยึดกิจการบริษัท’ ทั้งหมด

ในวันที่ 1 มิถุนายน 1874 พระราชบัญญัติว่าด้วยการปกครองอินเดีย (Government of India Act) ถูกประกาศใช้ รัฐบาลอังกฤษยุบเลิกบริษัทอินเดียตะวันออก และรับช่วงการปกครองอินเดียต่อด้วยตนเอง
เปิดยุคสมัยใหม่ที่เรียกว่า ‘บริติชราช’ (British Raj) การปกครองอินเดียโดยรัฐบาลอังกฤษโดยตรง
แม้บริษัทอินเดียตะวันออกจะถูกลบออกจากประวัติศาสตร์ทางราชการ แต่ร่องรอยของมันยังคงปรากฏอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าการวางระบบภาษีและระบบราชการแบบอาณานิคม ความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและการเมือง ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อินเดียยังคงแบกรับต่อเนื่อง แนวคิดแบบ “ทุนใหญ่เหนือรัฐ” ที่โลกปัจจุบันยังคงพูดถึง ในแง่หนึ่ง นี่คือบทเรียนอันน่าทึ่ง และน่ากลัวว่า บริษัทเอกชนที่ไร้กรอบควบคุม สามารถกลายเป็น ‘จักรวรรดิ’ ได้จริง
สุดท้ายหลังเอาชนะกองทัพมุกคัลที่สมรภูมิปลาศี (Battle of Plassey) เมื่อปี 1757 บริษัทฯก็เข้ายึดครองพื้นที่เบงกอลทั้งหมดอย่างเป็นทางการ ตั้งศูนย์กลางการปกครองที่นครกัลกัตตา นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นการค่อยๆ ยึดอนุทวีปอินเดียทั้งหมดมาอยู่ใต้ปกครอง ทั้งหมดนี้แล้วเสร็จในปี 1857 หรืออีกร้อยปีต่อมา
เรียกได้ว่าเอเชียใต้ทั้งหมดตกอยู่ใต้การปกครองของ ‘บริษัทเอกชน’ อย่างแท้จริง
เรื่อง: CPKZ
ภาพประกอบ: DOOM.
อ้างอิง
Andrews, K. R. (1984). Trade, plunder and settlement: Maritime enterprise and the genesis of the British Empire, 1480-1630 (Vol. 5). Cambridge University Press.
British colonialism in India - The British Empire - KS3 History - homework help for year 7, 8 and 9. - BBC Bitesize. (2024, January 16). BBC Bitesize. https://www.bbc.co.uk/bitesize/articles/zx8sf82
The East India Company: how a trading corporation became an imperial ruler. (2024, October 11). HistoryExtra. https://www.historyextra.com/period/tudor/the-east-india-company-how-a-trading-corporation-became-an-imperial-ruler/
The Editors of Encyclopaedia Britannica (2025, August 7). East India Company. Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/topic/East-India-Company
UK Parliament. (n.d.) East India Company and Raj 1785-1858. UK Parliament. https://www.parliament.uk/about/living-heritage/evolutionofparliament/legislativescrutiny/parliament-and-empire/parliament-and-the-american-colonies-before-1765/east-india-company-and-raj-1785-1858/
ลิซซี คอลลิงแฮม. (2021). จักรวรรดิจอมเขมือบ The Hungry Empire. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์ยิปซี.
*เครดิตภาพ
The Coat of Arms : The East India Company
The East Indiaman General Goddard capturing Dutch East Indiamen, June 1795, by Thomas Luny : Maritiem Museum
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #ยิปซี #ประวัติศาสตร์โลกฉบับย่อ #บริษัทอินเดียตะวันออก #อาณานิคม

✒️ กิจกรรมพบปะแจกลายเซ็นนักแปล ✒️อยากเจอ อยากรู้ อยากคุย อ่านแล้วอยากถามเรื่องที่สงสัย ขอเชิญทุกคนมาเจอกัน!📣 วันเสาร์ที่...
28/09/2025

✒️ กิจกรรมพบปะแจกลายเซ็นนักแปล ✒️
อยากเจอ อยากรู้ อยากคุย อ่านแล้วอยากถามเรื่องที่สงสัย ขอเชิญทุกคนมาเจอกัน!
📣 วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม
⏰ เวลา 15.00 - 16.00 น.
🇨🇳 พบกับ เรืองชัย รักศรีอักษร ผู้แปล 'ก่อร่างสร้างจีน: ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจจีน (Civilization, Modernization, Value Investment and China)'
📣 วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม
⏰ เวลา 13.00 - 14.00 น.
🌎 พบกับ อรวรรณ คูหเจริญ นาวายุทธ ผู้แปล 'ล่มสลาย: ไขปริศนาความล่มจมของสังคมและอารยธรรม (Collapse: How Societies Choose to Fail or Succeed)'
🌟 รอเจอใครคนไหน มาเจอกันได้เลย! 🌟
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่30 #งานหนังสือ68 #มหกรรมหนังสือ68 #นักแปล #ก่อร่างสร้างจีน #ล่มสลาย

'เรียกร้อง รุกราน ร่วมเมือง' สามวิธีล่าอาณานิคมแบบ 'จีนโบราณ'เมื่อพูดถึงการล่าอาณานิคม หลายคนอาจนึกถึงชาติตะวันตกเป็นอัน...
27/09/2025

'เรียกร้อง รุกราน ร่วมเมือง' สามวิธีล่าอาณานิคมแบบ 'จีนโบราณ'
เมื่อพูดถึงการล่าอาณานิคม หลายคนอาจนึกถึงชาติตะวันตกเป็นอันดับแรก อังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน หรือโปรตุเกส ที่ออกเรือข้ามทะเลมาครอบครองดินแดนในเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้
แต่แท้จริงแล้ว ไม่ได้มีแค่ ‘ยุโรป’ เท่านั้นที่เป็นผู้ล่าอาณานิคม จักรวรรดิจีน (Imperial China) มหาอำนาจที่ดำรงอยู่มายาวนานนับพันปี ก็เป็นอีกหนึ่ง ‘เจ้าอาณานิคม’ ที่มีรูปแบบการขยายอำนาจไม่แพ้โลกตะวันตก แม้จะไม่ใช่การล่องเรือไปปักธงต่างแดนแบบที่ยุโรปนิยม แต่เป้าหมายคือ การควบคุมดินแดนและผู้คนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ เช่นเดียวกัน

และถ้าถามว่า “แล้วอาณานิคมของจีนอยู่ที่ไหน?” คำถามที่อาจตามมาก็คือ แล้วอาณานิคมของจีนในสมัยก่อนนั้นอยู่ที่ไหน ไม่เห็นเคยได้ยินได้เห็นมาก่อนเลย อยู่โพ้นทะเลก็ไม่น่าจะมี คำตอบก็คือ มันอยู่ในแผนที่ประเทศจีนปัจจุบันนั่นเอง ดินแดนที่เรียกว่าสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็คือดินแดนที่มีส่วนประกอบของอาณานิคมโบราณ
แม้นิยาม ‘อาณานิคม’ ของจีนอาจจะต่างจากฝั่งตะวันตกในแง่รูปแบบ แต่โดยหลักการแล้ว มีความคล้ายคลึงอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องของเป้าหมาย อำนาจ, ความมั่งคั่ง, และการควบคุมจีนในยุคราชวงศ์ต่างๆ ใช้วิธีการขยายอาณาเขตและอิทธิพลหลักอยู่ 3 รูปแบบคือ
1. เรียกบรรณาการ – ล่าอาณานิคมแบบนุ่มนวล
นี่คือการล่าอาณานิคมเชิงอ่อน ใช้อิทธิพลทางวัฒนธรรม การทูต และการเมือง ราชวงศ์จีนมักมีระบบรัฐบรรณาการ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘รัฐจิ้มก้อง’ (Tributary States) รัฐเหล่านี้ (เช่น เกาหลี เวียดนาม และรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ต้องส่งบรรณาการให้จีน และยอมให้จีนแทรกแซงกิจการภายใน เช่น การแต่งตั้งกษัตริย์ หรือการกำหนดนโยบายบางประการ แม้จะไม่ใช่การยึดครองแบบทหาร แต่ก็เป็นการ ‘ขึ้นต่อจีน’ อย่างชัดเจน โดยจีนให้การคุ้มครอง แลกกับความจงรักภักดีและผลประโยชน์บางอย่าง เช่น สิทธิทางการค้าและความมั่นคง การเดินทางของเจิ้งเหอที่นำกองเรือมหึมาไปยังรัฐต่าง ๆ ตั้งแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนถึงแอฟริกา ก็เป็นส่วนหนึ่งของการขยายอิทธิพลในลักษณะนี้ เป็นการแสดงอำนาจเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเตือนรัฐบริวารว่าจีนยังคงยิ่งใหญ่
2. รุกรานทางทหาร – ใช้กำลังเพื่อยึดครอง
ในบางกรณี จีนไม่ได้หว่านล้อมหรือเจรจา แต่ใช้วิธีตรงไปตรงมา ยกทัพไปยึดตัวอย่างที่ชัดเจน ได้แก่
การรุกราน เวียดนาม หลายครั้งในประวัติศาสตร์ การเข้ายึด ทิเบต การบุกยึด ซินเจียง เพื่อควบคุมเส้นทางการค้าและป้องกันภัยจากชนเผ่าทางเหนือเหตุผลในการยึดครองนั้นหลากหลาย ทั้งเรื่องยุทธศาสตร์ ทรัพยากร หรือแม้แต่เพื่อแสดงความเหนือกว่า ตามแนวคิดของจักรวรรดิ
3. ร่วมเมือง-กลืนชาติ – ส่งคนไปเปลี่ยนแปลงจากภายใน
นี่คือวิธีที่ลึกที่สุด และอาจร้ายแรงที่สุดในแง่ของอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ เมื่อจีนยึดครองหรือต้องการยึดครองพื้นที่หนึ่งสำเร็จ สิ่งที่ตามมาคือ การส่ง ‘ชาวฮั่น’ ชาติพันธุ์หลักของจีน ไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เหล่านั้น เพื่อผสมผสาน (หรือกลืน) ชนพื้นเมือง นี่คือการล่าอาณานิคมที่ไม่ต้องใช้ปืน แต่ใช้ วัฒนธรรม, ภาษา, ความเชื่อ, อาหาร, และชีวิตประจำวัน เป็นเครื่องมือ
.
ตัวอย่างสำคัญคือ ซินเจียง เมื่อราชวงศ์ชิงโค่นอาณาจักรข่านซุงการ์ (Dzungar Khanate) ได้สำเร็จ ก็เริ่มส่งชาวฮั่นเข้าไปตั้งรกรากในพื้นที่ชาวพื้นเมืองอย่างอุยกูร์ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมอย่างรุนแรง ทั้งในแง่ศาสนา ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ไปจนถึงอาหารการกินหากปรับตัวไม่ได้ ก็ถูกผลักออกจากพื้นที่เดิมของตน นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ยากจะย้อนกลับ และเป็นวิธีที่ช่วยให้จีน ‘ยึดครอง’ พื้นที่ได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
เมื่อรวมทั้ง 3 รูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน ผ่านเวลานับพันปี สิ่งที่ปรากฏขึ้นก็คือ อาณาจักรจีนในปัจจุบัน
ดินแดนหลายส่วนในแผนที่จีนวันนี้ แท้จริงแล้ว เคยเป็นรัฐอิสระ, อาณาจักรท้องถิ่น, หรือถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์อื่น
แม้จะสูญเสียดินแดนบางส่วนให้กับประวัติศาสตร์และมหาอำนาจอื่นๆ แต่โดยรวม จีนยังคง ‘รักษา’ ดินแดนเหล่านั้นไว้ และยังคงใช้ประโยชน์จากพวกมันทั้งในเชิงเศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์ และการเมือง
เรื่อง: CPKZ
ภาพประกอบ: DOOM.
อ้างอิง
Dabringhaus, Sabine. (2014). "The Ambans of Tibet—Imperial Rule at the Inner Asian Periphery", in Dabringhaus, Sabine; Duindam, Jeroen (eds.), The Dynastic Centre and the Provinces, Agents and Interactions, Brill, pp. 114–126,
Grousset, R. (1970). The empire of the steppes: a history of Central Asia. Rutgers University Press.
Millward, J. (2021). Eurasian crossroads: A history of Xinjiang, revised and updated. Columbia University Press.
Lee, J. Y. (2016). China's Hegemony: Four Hundred Years of East Asian Domination. Columbia University Press.
Rowe, W. T. (2010). China's last empire: the great Qing (Vol. 6). Harvard University Press.
Starr, S. F. (2015). Xinjiang: China's muslim borderland. Routledge.
Wu, X., Hein, A., Zhang, X., Jin, Z., Wei, D., Huang, F., & Yin, X. (2019). Resettlement strategies and Han imperial expansion into southwest China: a multimethod approach to colonialism and migration. Archaeological and Anthropological Sciences, 11(12), 6751-6781.
*เครดิตภาพ
Emperor Kangxi : via. Shenyun Collections
Uighur princes, Bezeklik, Cave 9 wall painting : by Daderot / Wikimedia Commons
Buddha Vairocana painting : Rubin Museum of Art Collection
Tai Nuea tribe from a Burmese handpainted color manuscript : Southeast Asian Digital Library
Korean painting, Miindo : Wikimedia Commons
(bg) Besieging the pirates in Lantau, 1810 : via. Hong Kong Maritime Museum
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #ยิปซี #ก่อร่างสร้างจีน #เศรษฐกิจจีน #ประวัติศาสตร์ #จีน #อาณานิคม

Q&A กับ COLLAPSE เมื่อ 20 ปีที่แล้ว หลังจากสร้างชื่อเสียงจากผลงานระดับตำนานหลายเล่ม (The Third Chimpanzee, Guns, Germs, ...
27/09/2025

Q&A กับ COLLAPSE
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว หลังจากสร้างชื่อเสียงจากผลงานระดับตำนานหลายเล่ม (The Third Chimpanzee, Guns, Germs, and Steel, Why is S*x Fun?) จาเร็ด ไดมอนด์ได้สร้างผลงานชิ้นโบว์แดงอีกเล่ม นั่นคือ ‘Collapse: How Societies Choose to Fail or Succeed’ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนทิศทางของหนังสือไดมอนด์ จากการก้าวขึ้นสู่อำนาจของเผ่าพันธุ์มนุษย์และ หันมาจับประเด็นการล่มสลายของหลายสังคมในอดีต และในปี 2025 ยิปซีได้ตัดสินใจหยิบผลงานขึ้นหิ้งเล่มนี้มาทำอีกครั้ง ด้วยความหวังว่า นักอ่านจะได้สำรวจหน้ากระดาษด้วยตนเองและดูว่าหนังสือจาก 2 ทศวรรษที่แล้วเคยเตือนใจเราถึงภัยพิบัติที่เรากำลังมุ่งหน้าไปหาไว้อย่างไรบ้าง และทุกวันนี้มีอะไรบ้างที่จาเร็ดเคยเตือน แต่เกิดขึ้นจริงแล้ว
เรื่อง: อันญา โฉมชา
ภาพประกอบ: DOOM.
#สำนักพิมพ์ยิปซี #อ่านยิปซี #ยิปซี #ล่มสลาย #จาเร็ดไดมอนด์

ที่อยู่

เลขที่ 37/145 ถ. รามคำแหง แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ
Bangkok
10240

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 18:00
อังคาร 09:00 - 18:00
พุธ 09:00 - 18:00
พฤหัสบดี 09:00 - 18:00
ศุกร์ 09:00 - 18:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สำนักพิมพ์ ยิปซีผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง สำนักพิมพ์ ยิปซี:

แชร์