Marketeer Online ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Marketeer Online, เว็บไซต์ข่าวและสื่อ, Krungthonburi Road, Bangkok.

First in Marketing Contents
24 ปีแห่งการเป็นผู้นำข่าวและข้อมูลธุรกิจการตลาด
[email protected]
[email protected]
โทร : 02-860-7889
โทร : 081-751-5075

  🔴Pizza Hut ยูเคถึงคราวลำบาก ปัญหากระหน่ำยุคตลาดพิซซ่าแข่งเดือด ต้องปิดสาขาครั้งใหญ่ ทำคนนับพันตกงานPizza Hut ในสหราชอา...
28/10/2025

🔴Pizza Hut ยูเคถึงคราวลำบาก ปัญหากระหน่ำยุคตลาดพิซซ่าแข่งเดือด ต้องปิดสาขาครั้งใหญ่ ทำคนนับพันตกงาน
Pizza Hut ในสหราชอาณาจักร (UK) กำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ จากปัญหามากมาย จนต้องสั่งปิดสาขาทั้งแบบนั่งกินในร้านและแบบเดลิเวอร์รี่ โดยเรื่องนี้มีหลายประเด็นน่าสนใจ

เพราะนอกจากปัจจัยลบที่รุมประดังแล้ว ยังเกิดท่ามกลางเทรนด์อาหารและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ที่กำลังบีบให้แบรนด์เชนร้านอาหารดังหนึ่งในตลาดใหญ่ของยุโรปเมื่อกว่า 50 ปีก่อน ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอดอีกด้วย
Pizza Hut เข้ามาเปิดกิจการในอังกฤษและประเทศอื่นๆในเครือสหราชอาณาจักร เมื่อปี 1973 โดยจากที่ราคาอาหารเข้าถึงได้ เป็นอาหารแบบบุฟเฟต์ และมีให้เลือกหลากหลาย พร้อมบรรยากาศมีความเป็นกันเองแต่ดูหรูหรา จึงกลายเป็นร้านโปรดของครอบครัว กลุ่มเพื่อน หรือแม้กระทั่งคู่รัก

ชาวสหราชอาณาจักรที่เติบโต เป็นหนุ่มเป็นสาวหรือเริ่มสร้างครอบครัว ช่วงยุค 80 ต่อเนื่องถึงราวกลางๆยุค 2000 โดยเฉพาะกลุ่ม Gen X ทั้งหมดและ Gen Y ช่วงปลาย ต่างก็เคยไปเชนร้านอาหารที่ตัวอาหารเป็นอิตาลีแต่ตัวแบรนด์กับบริษัทแม่เป็นอเมริกันแห่งนี้มาแล้ว

ณ จุดสูงสุดเมื่อปี 2006 Pizza Hut มีสาขาทั่วสหราชอาณาจักรกว่า 700 แห่ง พร้อมพนักงานมากกว่า 14,000 คน และตอกย้ำความนิยม พร้อมความแข็งแกร่งในการรับมือกับวิกฤต ด้วยการผ่านยุคล็อกดาวน์ระหว่างปี 2020-2022 กับการขึ้นภาษีของรัฐบาลอังกฤษมาได้
อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 Pizza Hut สหราชอาณาจักร เจอมรสุมหลายๆ ลูกพร้อมกัน โดยปัญหาแรกคือ คุณภาพอาหารลดลง โดย ชาวอังกฤษ กลุ่ม Gen Z หลายคนให้ข้อมูลตรงกันว่า แม้โตมากับ Pizza Hut เพราะครอบครัวพากินตั้งแต่เด็ก

ทว่าเมื่อพอมีรายได้เอง ทั้งคู่กลับเข้าเชนพิซซ่าแบรนด์นี้น้อยลง เพราะ เห็นว่า คุณภาพอาหารลดลง และอาหารก็ดูจะเยอะเกินไปจนกันแทบไม่หมด ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับปัญหาต่อมาที่ Pizza Hut กำลังเผชิญ

การเป็นเชนใหญ่ Pizza Hut จึงมีต้นทุนที่ต้องแบกรับมากมาย ตั้งแต่วัตถุดิบ ค่าแรงขั้นต่ำและเงินสมทบประกันสังคม ที่ล้วนปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งที่สุดก็ไปฉุดให้กำไรลดลง
การแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดพิซซ่าเดวิเวอรี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ Pizza Hut ในสหราชอาณาจักรกำลังเผชิญ โดย คู่รักชาวอังกฤษกล่าวว่า แม้เคยไปออกเดทกันที่ Pizza Hut แต่ด้วยราคาที่แพงกว่าทั้งเมื่อไปกินที่ร้านและสั่งมากิน จึงเลือก Domino’s มากกว่า

ปัญหาที่ Pizza Hut กำลังเผชิญ ยังไม่หมด เพราะต้องมาเจอปัจจัยลบจากค่าครองชีพแพง การไปกินอาหารนอกบ้านน้อยลงแล้วมาทำกินเองกันมากขึ้น และคู่แข่งน้อยใหญ่ในธุรกิจร้านพิซซ่าก็ยังมีเมนูที่หลากหลายกว่า และราคาให้เลือกมากกว่าอีกด้วย

ส่วนปัญหาสุดท้ายคือเทรนด์อาหารกับการไม่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคยุคปัจจุบัน หลังอาหารเพื่อสุขภาพในปริมาณพออิ่มได้รับความนิยมมากกว่าในกลุ่ม Gen Z
ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ Pizza Hut ตามหลังคู่แข่งในทุกๆ ทาง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจมากมาย จนเมื่อไม่นานมานี้ Directional Capital กลุ่มทุนอเมริกันเจ้าของปัจจุบันของ Pizza Hut ในสหราชอาณาจักรประกาศสั่งปิดสาขาแบบร้านนั่งกินในร้าน 64 แห่ง จากทั้งหมด 132 แห่ง

ส่วนร้านแบบเดลิเวอรี่ ที่ไม่ทำกำไรก็จะถูกปิดเช่นกัน ซึ่งผลกระทบที่ตามมาคือพนักงานกว่านับพันคนที่ต้องตกงาน

นิโคลัส เบอร์เกียร์ ผู้บริหารของ Pizza Hut UK กล่าวว่า ภารกิจเร่งด่วนคือต้องช่วยให้ร้านที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด เดินหน้าไปต่อไป
ด้านนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจร้านอาหารของสหราชอาณาจักร ให้ทัศนะว่า Pizza ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ ไล่ตั้งแต่ภาพลักษณ์แบรนด์ที่ควรให้ร่วมสมัยขึ้นรูปแบบร้าน ต่อเนื่องไปถึงการลดต้นทุน ทำเลที่ตั้ง และการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้
นี่ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า อีกไม่นานจากนี้ อาจได้เห็น Pizza Hut ในสหราชอาณาจักร รีแบรนด์ เพื่อความอยู่รอด พร้อมทำให้วลี Hitting the Hut ของ Pizza Hut กลับมาบูมอีกครั้ง/

28/10/2025

การตลาดแบบ Red Bull ทำให้โลกจำด้วยกีฬา Extreme

  🔴Garmin ครึ่งปีโต 35% เดินหน้าตั้งโรงงานในไทย รับเทรนด์ Longevity–เทคโนโลยีเชื่อมต่อมาแรงGarmin ผู้นำตลาดจีพีเอสสมาร์ท...
28/10/2025

🔴Garmin ครึ่งปีโต 35% เดินหน้าตั้งโรงงานในไทย รับเทรนด์ Longevity–เทคโนโลยีเชื่อมต่อมาแรง
Garmin ผู้นำตลาดจีพีเอสสมาร์ทวอทช์ระดับโลก เผยรายได้ครึ่งปีแรกปี 2568 สูงสุดในประวัติการณ์ที่ 3.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 109,460 ล้านบาท เติบโต 16% จากปีก่อน สะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดสุขภาพและความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคทั่วโลก ด้าน Garmin ประเทศไทย โชว์ผลงานโดดเด่น รายได้ครึ่งปีแรกเติบโต 35% ต่อเนื่องจากกระแสสุขภาพที่ขยายตัวแรงในประเทศ
มิสซี่ ยาง ผู้จัดการประจำ Garmin ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทเริ่มต้นจากเทคโนโลยี GPS เพื่อการบินและยานยนต์ ก่อนขยายเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคด้วยนาฬิกาออกกำลังกาย GPS เรือนแรกของโลก และต่อยอดสู่อุตสาหกรรมกลางแจ้ง ฟิตเนส และสุขภาพ
“ความมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งตลอด 36 ปี คือสิ่งที่ทำให้ Garmin ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคทั่วโลก และก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาด” เธอกล่าว

สำหรับประเทศไทย หลังเปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการครบ 5 ปี Garmin ได้รับการตอบรับดีต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก Garmin Connect พบว่าคนไทยทำกิจกรรม Strength Training เพิ่มขึ้น 40% และ คาร์ดิโอในร่ม เช่น พิลาทิสและ HIIT เพิ่มกว่า 15% สะท้อนพฤติกรรมดูแลสุขภาพที่เติบโตต่อเนื่อง
🟥 เทรนด์ Longevity – สมาร์ทวอทช์คือผู้ช่วยสุขภาพเชิงลึก
คุณศุภรดา จรูญโรจน์ รองผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ Garmin ประเทศไทย กล่าวว่า “กระแสสุขภาพในไทยยังคงเติบโต โดยเฉพาะเทรนด์ Longevity ที่คนให้ความสำคัญกับการมีอายุยืนควบคู่คุณภาพชีวิตที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ”
เธอกล่าวต่อว่า “ข้อมูลจาก Harvard Health Publishing ชี้ว่าพันธุกรรมมีผลต่ออายุขัยเพียง 25% ส่วนอีก 75% มาจากวิถีชีวิตและการดูแลสุขภาพของตนเอง ซึ่งเทคโนโลยีสมาร์ทวอทช์จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการติดตามสุขภาพแบบเรียลไทม์ และให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล เสมือนมีโค้ชส่วนตัวดูแลสุขภาพในทุกวัน”
“ในปีนี้ Garmin เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง Fitness Coach, Sleep Alignment, Lifestyle Logging รวมถึง Descent S1 และเทคโนโลยี inReach พร้อมฟังก์ชัน SOS ในรุ่น fēnix 8 Pro Series” คุณศุภรดากล่าว “พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมจอ MicroLED ครั้งแรกของโลกในสมาร์ทวอทช์ fēnix 8 และ fēnix 8 Pro ที่ให้ภาพสว่าง คมชัด มุมมองกว้าง และทนทานขึ้นถึง 3 เท่า”
🟥 ขยายฐานผลิตสู่ไทย – ศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาค
เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก Garmin ประกาศตั้งโรงงานแห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่ 23 ไร่ จังหวัดชลบุรี โดยคาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตในไตรมาสสุดท้ายของปี 2569 ภายใต้กลยุทธ์ Vertical Integration ที่บริษัทบริหารครบวงจร ตั้งแต่วิศวกรรม การผลิต การตลาด ไปจนถึงบริการหลังการขาย เพื่อควบคุมคุณภาพและเพิ่มความยืดหยุ่นทางธุรกิจ
โรงงานใหม่นี้ยังพัฒนาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO 50001 ด้านการจัดการพลังงาน พร้อมติดตั้งระบบ โซลาร์เซลล์ เพื่อลดการใช้พลังงานและสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนของบริษัทในระยะยาว

  🔴 ก้าวใหม่ ‘TOA’ จับมือ ‘JOMOO’ แบรนด์สุขภัณฑ์ระดับโลก บุกตลาด Smart Toilet  เปิดโชว์รูม Bathroom Solution ครบวงจร ใจก...
28/10/2025

🔴 ก้าวใหม่ ‘TOA’ จับมือ ‘JOMOO’ แบรนด์สุขภัณฑ์ระดับโลก บุกตลาด Smart Toilet เปิดโชว์รูม Bathroom Solution ครบวงจร ใจกลางสุขุมวิทแห่งแรกในไทย

ภายใต้เทรนด์ “Hygiene” และ “Touchless Lifestyle” หลังโควิด รวมถึงการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ตลาดสุขภัณฑ์ไทยมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท เริ่มปรับตัวครั้งใหญ่จากสินค้าจำเป็น สู่สินค้านวัตกรรมที่ตอบโจทย์สุขภาพและความสะดวกสบายมากขึ้น

ล่าสุด TOA ผู้นำตลาดสีคนไทยคุ้นเคยกว่า 60 ปี เดินหน้าสู่ ตลาด Smart Living Solution โดยเริ่มต้นที่ “ห้องน้ำอัจฉริยะ” ผ่านการจับมือกับ JOMOO แบรนด์สุขภัณฑ์ระดับโลกจากจีนพร้อมเปิดตัวโชว์รูม “Smart Bathroom Solution” ครบวงจรแห่งแรก ใจกลางสุขุมวิท 26 นำ สุขภัณฑ์อัจฉริยะ ‘X-Series’ เป็นสินค้าเรือธง ตั้งเป้ายอดขาย 200 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (2569-2571)

ความน่าสนใจคือ นี่คือการ Diversify ธุรกิจครั้งใหญ่ของ TOA ที่ไม่เพียงเพิ่มพอร์ตสินค้า แต่ยังสร้าง “โซลูชันชีวิตครบวงจร” จากผนัง...ถึงห้องน้ำ (From Wall to Wellness) เพื่อรองรับเทรนด์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขอนามัย ความสะดวกสบาย และการใช้ชีวิตแบบมีคุณภาพในยุค “Smart & Aging Society”
🔴 จากผู้นำตลาดสี สู่ผู้เล่นใหม่ในโลก Smart Living

หลังสร้างอาณาจักรสีครอบคลุมทั่วประเทศ ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า TOA เดินหน้าสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชันครบวงจรทั้งอุตสาหกรรมสี เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างรักษ์โลกของไทยมาอย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้ถือเป็น “Next Chapter” ของแบรนด์ ด้วยการต่อยอดธุรกิจไปสู่ตลาดสุขภัณฑ์ พร้อมยกระดับด้วยนวัตกรรมระดับโลก

จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า ตลาดสุขภัณฑ์ไทยวันนี้มีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท และยังมีช่องว่างให้เติบโต โดยเฉพาะในกลุ่ม Smart Toilet และ Smart Bathroom ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงจากเทรนด์ สุขอนามัย (Hygiene) และ สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society)

“หลังโควิด-19 ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพและการลดการสัมผัสมากขึ้น เราเห็นโอกาสในตลาดที่ยังไม่มีใครตอบโจทย์ครบ TOA จึงตัดสินใจร่วมมือกับ JOMOO เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ผ่านเทคโนโลยีสุขภัณฑ์อัจฉริยะที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน”
🔴 JOMOO พาร์ตเนอร์ระดับโลกที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย

การจับมือกับ JOMOO ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือกลยุทธ์ที่วางมาละเอียด JOMOO คือหนึ่งในแบรนด์สุขภัณฑ์รายใหญ่ของจีน ก่อตั้งมากว่า 30 ปี และมีชื่อเสียงในฐานะผู้นำ Smart Bathroom Innovation ที่ได้รับรางวัลระดับโลกอย่าง iF Design Award

ไฮไลต์ของการเปิดตัวในไทยครั้งนี้คือ X-Series Smart Toilet ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อความสะอาด ปลอดภัย และเงียบที่สุดในตลาด

• ระบบ Silent Flushing ระดับเสียงเพียง 38 เดซิเบล ที่เงียบพอๆ กับห้องสมุด
• ฝารองนั่ง SIAA Anti-Bacterial ป้องกันแบคทีเรียได้มากกว่า 99%
• ระบบ Platinum Deodorization ขจัดกลิ่นได้กว่า 99%
• และเทคโนโลยี Flip-Flush ที่ JOMOO เป็นรายแรกของโลกที่พัฒนา

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดถูกจัดแสดงที่ TOA I JOMOO โชว์รูม “Smart Bathroom Solution” ครบวงจรแห่งแรก ใจกลางสุขุมวิท 26 ด้วยขนาด 460 ตร.ม. ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 โซน ทั้งโซน Smart Suite, Hotel Suite, Senior Suite และ Kid’s Suite ให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งานจริง
🔴 3 กลยุทธ์หลัก จาก Distribution สู่ Smart Living Platform
การบุกตลาดสุขภัณฑ์ของ TOA ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เพราะแบรนด์เองมี Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ทั้งเครือข่ายร้านค้ากว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ทีมขายมืออาชีพ และฐานลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ กลยุทธ์หลักที่วางไว้คือ

1. ขยายเครือข่ายจำหน่าย (Distribution Expansion)
TOA มีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และขยายเพิ่มร้านค้าที่จำหน่ายสุขภัณฑ์ Smart Toilet ภายในปี 2569 ให้ได้ 200 ร้านค้า เพื่อเข้าถึงทุกภูมิภาค

2. เจาะตลาดโครงการอสังหาฯ และโรงแรม (Project Segment)
ด้วยฐานลูกค้าโครงการระดับประเทศ ทั้งคอนโด บ้านจัดสรร และโรงแรม TOA จะใช้เครือข่ายนี้เป็นฐานสำคัญในการผลักดัน Smart Bathroom เข้าสู่ตลาดพรีเมียม รวมทั้งตลาด renovate ด้วย

3. เสริมบริการหลังการขาย (After-Sales Solution)
สุขภัณฑ์อัจฉริยะต้องมีระบบดูแลครบวงจร TOA จึงเตรียมทีมบริการเฉพาะด้าน พร้อมอะไหล่และระบบสนับสนุนเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า

“สินค้า Smart Toilet ต้องไม่ใช่ของหรูที่ซื้อยาก แต่ต้องเป็นของที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ ใช้งานง่าย และดูแลต่อเนื่องได้จริง นั่นคือสิ่งที่เราต้องการสร้าง”
🔴 Smart Living ตลาดใหม่ที่กำลังโตเร็วในไทย

ตลาดสุขภัณฑ์ไทยเริ่มเปลี่ยนจาก “ดีไซน์สวย” มาเป็น “ดีไซน์ที่มีฟังก์ชันและสุขอนามัย” ภายใต้แรงขับสำคัญมาจาก 3 ปัจจัย คือ สังคมผู้สูงอายุที่ต้องการสุขภัณฑ์นั่งราบ, ใช้งานปลอดภัย ผู้บริโภคหลังโควิดที่ให้ความสำคัญกับความสะอาดและลดการสัมผัส และการขยายตัวของโครงการอสังหาฯ ที่ต้องการ “จุดขายใหม่” ให้บ้านดู Smart และมีเทคโนโลยี

ในมุมของ TOA นี่คือ “Future Segment” ที่จะเติบโตต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้า และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านจากแบรนด์วัสดุก่อสร้าง สู่แบรนด์โซลูชันการอยู่อาศัยครบวงจร

การเปิดตัว TOA | JOMOO Smart Bathroom Solution ครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การขายสุขภัณฑ์อัจฉริยะ แต่คือ “การประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ของ TOA” ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ผ่านนวัตกรรมที่จับต้องได้จริงในบ้านทุกหลัง

“เรากำลังพูดถึงการอยู่อาศัยที่ฉลาดขึ้น สะอาดขึ้น และใส่ใจคนมากขึ้น นี่คือก้าวใหม่ของ TOA ที่เราเชื่อว่าจะเปลี่ยนภาพตลาดสุขภัณฑ์ไทยไปตลอดกาล”

  🔴  “Insider Trading” คืออะไร เมื่อคนในเล่นหุ้นด้วยข้อมูลลับ ทำไมถึงผิด“Insider Trading” แปลตรงตัวคือ การซื้อขายหุ้นโดย...
28/10/2025

🔴 “Insider Trading” คืออะไร เมื่อคนในเล่นหุ้นด้วยข้อมูลลับ ทำไมถึงผิด

“Insider Trading” แปลตรงตัวคือ การซื้อขายหุ้นโดยคนใน

หมายถึง การที่คนในบริษัท (เช่น ผู้บริหาร, กรรมการ, พนักงาน หรือคนที่รู้ข้อมูลลับของบริษัท) นำข้อมูลที่ “ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ” ไปใช้ในการซื้อหรือขายหุ้น เพื่อให้ตัวเองได้กำไรหรือหลีกเลี่ยงการขาดทุนก่อนคนอื่นรู้ข่าว

ยกตัวอย่าง สมมติ CEO ของบริษัท A รู้ล่วงหน้าว่าอีกไม่กี่วันจะมีข่าวดี เช่น บริษัทกำลังจะได้เซ็นสัญญาก้อนใหญ่ ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นขึ้นแน่ ๆ ถ้าเขารีบซื้อหุ้นก่อนข่าวออก นั่นคือ Insider Trading เพราะเขาใช้ “ข้อมูลลับในบริษัท” เพื่อหากำไรจากตลาด

ในทางกลับกัน ถ้าเขารู้ว่าบริษัทกำลังจะขาดทุนหนัก แล้วรีบขายหุ้นก่อนประกาศงบ ก็ถือเป็น Insider Trading เหมือนกัน
🔴 ทำไม Insider Trading ถึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

เพราะ “ตลาดหุ้น” ควรเป็นสนามที่ทุกคนได้ข้อมูลเท่าเทียมกัน Insider Trading จึง ทำลายความยุติธรรมของตลาด และ ทำให้คนทั่วไปเสียความเชื่อมั่น

พูดง่าย ๆ คือ เหมือนเล่นเกมที่บางคนรู้คำตอบก่อนคนอื่น คนที่เล่นด้วยจึงไม่มีทางชนะ

ในทางกฎหมาย (ทั้งไทยและต่างประเทศ) การกระทำแบบนี้ถือเป็น ความผิดทางอาญา
ผู้กระทำผิดอาจถูก
▪ ปรับเป็นเงินจำนวนมาก (หลักล้านถึงหลักสิบล้านบาท)
▪ จำคุก (ในบางกรณี)
▪ ถูกแบนจากการเป็นผู้บริหารหรือกรรมการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ยกตัวอย่างเคสจริงในต่างประเทศ

🟥 กรณีของ Terren S. Peizer ประธานและซีอีโอ ของบริษัท Ontrak Inc.

เมื่อเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม 2021 เขาใช้แผนการขายหุ้นที่เรียกว่า “Rule 10b5-1 trading plan” (คือแผนการขายหุ้นที่ผู้บริหารตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหา)

แต่ในเวลาเดียวกัน เขาอยู่ใน สถานะทราบข้อมูลภายในว่า บริษัทลูกค้ารายใหญ่ของ Ontrak กำลังจะยุติสัญญา ซึ่งสามารถทำให้หุ้นบริษัทตกได้อย่างมาก

หลังประกาศข่าวการยุติสัญญา หุ้น Ontrak ดิ่งลงมาก (หลายสิบเปอร์เซ็นต์) ทำให้เขาหลีกเลี่ยงการขาดทุนมากกว่า 12 ล้าน เหรียญสหรัฐฯ

คณะลูกขุนในปี 2024 ตัดสินว่าเขามีความผิด 1 คดีเรื่อง securities fraud และ 2 คดีเรื่อง insider trading
🟥 หรือกรณี Sheng Fu ซีอีโอ ของ Cheetah Mobile Inc.

โดย บริษัท Cheetah Mobile ซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐฯ ถูก Securities and Exchange Commission (SEC) กล่าวหาว่า Sheng Fu (CEO) และอดีตประธานบริษัท ร่วมกันตั้งแผนขายหุ้น (10b5-1 trading plan) ขณะที่ทราบว่า “รายได้จากโฆษณารายใหญ่” กำลังลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ

แม้ไม่ได้ถึงขั้นเป็นผู้บริหารใหญ่โตระดับโลกเหมือนเคสแรก แต่ก็เป็นตัวอย่างที่ว่า แม้จะอยู่ในบริษัทเทคโนโลยี/โฆษณา ก็มีโอกาสถูกตรวจสอบ

ชี้ให้เห็นว่า “แผนขายหุ้นล่วงหน้า” ก็ไม่มีภูมิคุ้มกันถ้าทำในช่วงมีข้อมูลภายใน

สรุปง่ายๆ เลย Insider Trading หรือการใช้ข้อมูลลับหากำไรส่วนตัว เป็นสิ่งต้องห้ามในตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะมันทำลายความยุติธรรมและความน่าเชื่อถือของระบบนั่นเอง

  🔴 🇹🇭 จากไทย สู่ เวทีโลก!  บิ๊กซี คว้ารางวัล Gold – Excellence in Retail / Shopper Marketing 2025 กับความสำเร็จของแคมเป...
28/10/2025

🔴 🇹🇭 จากไทย สู่ เวทีโลก!
บิ๊กซี คว้ารางวัล Gold – Excellence in Retail / Shopper Marketing 2025 กับความสำเร็จของแคมเปญเพื่อนักท่องเที่ยว “BigC Thailand Lucky Landing”
🎯 เติบโต ทะลุ ทุกสถิติบน XHS
+140% Followers | +133% Engagement | 100,000+ Coupon Users
ตอกย้ำภาพลักษณ์ “ค้าปลีกอันดับ 1 ของไทย” ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกนึกถึงเป็นที่แรกเสมอ
อ่านเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จที่เปลี่ยนโลกค้าปลีกไทย 👉 Link: https://marketeeronline.co/archives/440324

  🔴 สรุปไอเดีย ‘ถังถัง x นาคกี้’ Localize Marketing จากก๊าซหุงต้ม ปตท. ร่วมสร้างสรรค์พลังความน่ารัก “จุดเล็กๆ ที่จุดพลัง...
28/10/2025

🔴 สรุปไอเดีย ‘ถังถัง x นาคกี้’ Localize Marketing จากก๊าซหุงต้ม ปตท. ร่วมสร้างสรรค์พลังความน่ารัก “จุดเล็กๆ ที่จุดพลังให้สังคม”

หลายคนคงเคยเห็นหรือรู้จัก ‘นาคกี้’ มาสคอตพญานาคร่างคิ้วท์จากวัดศรีสามัคคีธรรม จ.บึงกาฬ

ตัวแทนของการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นและความเชื่อเข้ากับงานดีไซน์ จนกลายเป็น ‘คาแรกเตอร์’ ที่ช่วยให้วัดเข้าถึงผู้คนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

ที่สำคัญ ‘นาคกี้’ ไม่ได้เป็นเพียงของที่ระลึกหรือมาสคอตประจำวัด เพราะเบื้องหลังความน่ารักนี้ คือ “พลังเล็ก ๆ” ที่ช่วยขับเคลื่อนวัดและชุมชนในแบบจับต้องได้จริง

ช่วยสร้างรายได้เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับพระ เณร และเด็กๆ ในชุมชน พร้อมๆ กับสร้างอาชีพให้คนท้องถิ่นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

และเมื่อพลังแห่งชุมชนอย่าง “นาคกี้” ได้มารวมกับ “น้องถังถัง” มาสคอตของ ก๊าซหุงต้ม ปตท.
ที่หลายคนคุ้นเคยในฐานะตัวแทนของพลังงานก๊าซหุงต้มที่อยู่คู่ครัวไทย

จึงเกิดเป็นแคมเปญสุดครีเอตฯ ‘ถังถัง x นาคกี้’ จุดเล็กๆ ที่จุดพลังให้สังคม...
แคมเปญที่ ก๊าซหุงต้ม ปตท. ตั้งใจใช้ Localize Marketing เพื่อเข้าถึงทั้งคนพื้นที่ รวมถึงยังจุดพลังความสร้างสรรค์ และพลังแห่งความยั่งยืนให้กับสังคมไปพร้อมๆ กัน

แคมเปญนี้เริ่มต้นจากทีมก๊าซหุงต้ม ปตท. ได้นำความเชี่ยวชาญของแบรนด์เข้าไปช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยของระบบก๊าซภายในวัด

โดยเฉพาะเตาเผาตุ๊กตาและกระปุกออมสินนาคกี้ ที่เป็นปัจจุบันคือสินค้าท้องถิ่นที่สร้างรายได้ให้กับวัดและชุมชนโดยตรง เพื่อให้วัดมีเตาเผามีมาตรฐาน ปลอดภัย วางใจได้ และพระลูกวัดรวมถึงชาวบ้านก็สามารภใช้ผลิตผลงานนาคกี้สุดคิ้วท์ออกมาได้เป็นอย่างดีและปลอดภัย

นอกจากนี้แบรนด์ยังต่อยอดพลังบุญผ่านกิจกรรมที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ อย่างการจัดโปรโมชั่น

โดยการสนับสนุนสินค้านาคกี้ออมสินจากวัด เพื่อมอบให้ลูกค้าที่สั่งซื้อก๊าซหุงต้ม ปตท. รวมถึงยังมีกิมมิคน่ารักๆ อย่างการทำถังลงยันต์ ‘ถังถัง x นาคกี้’ ถังนี้ปลอดภัยมั่นใจได้เป็นถึงของลิมิเต็ดเฉพาะในร้านตัวแทนจำหน่ายก๊าซหุงต้ม ปตท. ในโซนภาคอีสานเท่านั้น


ใครที่อยากร่วมจุดพลังไปกับน้องถังถังและนาคกี้ ตอนนี้ ก๊าซหุงต้ม ปตท. มีกิจกรรมพิเศษในช่วงออกพรรษานี้ให้ทุกคนร่วมบุญง่าย ๆ 3 ช่องทาง

1. สามารถสั่งซื้อก๊าซหุงต้ม ปตท. ผ่านแอปฯ OR LPG รับฟรี “นาคกี้ออมสิน” จากวัดศรีสามัคคีธรรม (ดาวน์โหลดเเอปฯ OR LPG ได้ที่: https://bit.ly/4o9aLiy)

2. ทำบุญหรือสนับสนุนสินค้านาคกี้ หรือสินค้าจากชุมชน ครบ 500 บาท และถ่ายรูปเช็กอิน รับตุ๊กตาน้องถังถัง ฟรี

3. สำหรับลูกค้าภาคอีสาน ที่ซื้อก๊าซหุงต้ม ปตท. จากร้านตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ จะได้ถังก๊าซลวดลายมงคล “ยันต์ถังถัง x นาคกี้” ที่ทำร่วมกับวัดโดยเฉพาะ รับรองความสบายใจ ปลอดภัย เพราะมี “ซีลทอง QR” ติดอยู่ทุกถังการันตีว่าเป็นของถังแท้จากก๊าซหุงต้ม ปตท. อีกด้วย

และเมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัย...
ก๊าซหุงต้ม ปตท. เองก็ยังคงยืนหยัดในเรื่องนี้มาโดยตลอด ผู้บริโภคทั่วทุกภาคสามารถไว้วางใจได้เพียงสังเกตที่ “ซีลทอง QR” สัญลักษณ์ที่การันตีว่าเป็นก๊าซหุงต้ม ปตท. ของแท้ที่ปลอดภัย ร้อนไว ไฟแรง

-

ทั้งหมดนี้คือพลังของสองมาสคอตเล็กๆ แสนน่ารักที่รวมพลังกันจนเกิดเป็นพลังที่สร้างความเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์ ชุมชน และผู้บริโภคได้อย่างอบอุ่น

และนี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของการทำ Localize Marketing ที่นอกจากจะได้ใจผู้คนในชุมชนแล้ว พลังแห่งความน่ารักนี้ยังส่งต่อถึงทุกคนได้อีกด้วย...

บอกเลยว่าใครเป็นแฟนคลับหรือแพ้ความคิ้วท์ของ นาคกี้ และถังถัง งานนี้ไม่ควรพลาด!

จุดพลังความอร่อย by ก๊าซหุงต้ม ปตท.

นาคกี้บึงกาฬ - Soft Power ของขวัญจากแม่น้ำโขง

ดาวน์โหลดเเอปฯ OR LPG ได้ที่: https://bit.ly/4o9aLiy

--
#ถังถัง #นาคกี้ #ถังถังxนาคกี้ #ซีลทองQR #ก๊าซหุงต้มปตท #ดูแลดีที่1ดูที่ซีลทอง

28/10/2025

"ต๊อบ เถ้าแก่น้อย
ลาออกจากตำแหน่ง กก.
และ CEO บมจ.เถ้าแก่น้อย (TKN) มีผล 27 ต.ค. 68 เป็นต้นไป"

  🔴Malee วางเป้าเติบโต 10-15% ต่อปีใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมตั้งเป้าเป็น Regional BrandMALEE ผู้นำอันดับ 1 ในตลาดน้ำผลไม้พรี...
28/10/2025

🔴Malee วางเป้าเติบโต 10-15% ต่อปีใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมตั้งเป้าเป็น Regional Brand

MALEE ผู้นำอันดับ 1 ในตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมที่ครองใจผู้บริโภคมายาวนานกว่า 47 ปี มีผลิตภัณฑ์ส่งออกไปกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เพิ่งประกาศแผนสามปีของบริษัท โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% ในช่วงปี 2026-2028 โดยมีแผนดังนี้

ปี 2026 Malee จะเริ่มขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าไปมาก่อน พร้อมเพิ่มการลงทุน และมุ่งควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปี 2028 พร้อมขยายแบรนด์ Malee ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยคาดหวังสัดส่วนยอดขายของ Own Brand จาก 35% เป็น 55% ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาการเติบโตของธุรกิจ OEM ไปพร้อมกัน

บริษัทจะเดินหน้าตามเทรนด์สุขภาพโลก (Global Wellness Trend) ซึ่งตรงกับความนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ด้วยสามกลยุทธ์หลัก:

1. ธุรกิจตราสินค้า (Brand Business)

Malee จะปรับภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์ในตลาดเป้าหมาย เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำผลไม้และน้ำผัก Malee, น้ำมะพร้าว Malee Coco, ผลไม้กระป๋องมาลี และผลิตภัณฑ์นมตราฟาร์มโชคชัย

บริษัทวางแผนพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด 2-3 รายการต่อปี เพื่อตอบสนองเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรง

และล่าสุด Malee Coco เพิ่งขึ้นเป็นอันดับ 1 ในด้านส่วนแบ่งการตลาดของน้ำมะพร้าวในประเทศไทยอีกด้วย

2. ธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing: CMG)

Malee จะยกระดับศักยภาพธุรกิจ CMG โดยขยายพอร์ตโฟลิโอสู่การเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์และรับจ้างผลิตที่ครบวงจรและหลากหลายมากขึ้น

ตัวอย่างสินค้าที่จะขยาย เช่น เครื่องดื่มน้ำมะพร้าว, นมจากพืช (Plant-based Milk), ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนมวัว (Dairy Milk), รวมถึงชาและกาแฟ

3. ขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ สู่ Regional Brand

บริษัทมีแผนระยะยาวที่จะกลายเป็น Regional Brand โดยเน้นทำตลาดในประเทศจีน เกาหลี อินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีการดื่มน้ำผลไม้เป็นประจำอยู่แล้ว

โดยเฉพาะในตลาดจีน แบรนด์ Malee กำลังได้รับการรับรู้มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้ จางหลิงเฮ่อ (Zhang Linghe) มาเป็น APAC Brand Ambassador คนแรกของ Malee Coco

ในประเทศจีน Malee จะขยายไปในเมือง Tier 1 และ 2 มากขึ้นจากการหาผู้จัดจำหน่ายที่เหมาะสม

และในอินโดนีเซียบริษัทก็ได้มีการจับมือกับบริษัทชั้นนำในประเทศนั้นอยู่แล้ว พร้อมกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ


คุณเอกรินทร์ พินิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MALEE เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าสร้างบริบทครั้งใหม่ด้วยวิสัยทัศน์ "Beyond Fruit to Global Wellbeing"

เป้าหมายคือการเปลี่ยนผ่านองค์กรครั้งสำคัญไปสู่ "Global Wellbeing Company" อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2571

บริษัทจะสร้างวัฒนธรรมองค์กร "One Malee" เพื่อหลอมรวมพลังทุกคนในองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว ทั้งบริษัท ทีม และเป้าหมาย เพื่อขับเคลื่อนพันธกิจเดียวกัน โดยนำความเชี่ยวชาญด้านน้ำผลไม้มาผสานกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งมอบสุขภาวะที่ดี ทั้งสุขภาพและความสุขของผู้คนทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น

27/10/2025

‘Luckin Coffee’ เชนกาแฟใหญ่สุดในจีน ที่เอาชนะ Starbuck ได้

  🔴เน็ตไทยแรงทิ้งห่าง คนไทยเข้าถึง 95% ใช้โซเชียล ช้อปปิ้งออนไลน์ ทะลุค่าเฉลี่ย29 ตุลาคม – วันอินเทอร์เน็ต (Internet Day...
27/10/2025

🔴เน็ตไทยแรงทิ้งห่าง คนไทยเข้าถึง 95% ใช้โซเชียล ช้อปปิ้งออนไลน์ ทะลุค่าเฉลี่ย
29 ตุลาคม – วันอินเทอร์เน็ต (Internet Day) วันสำคัญที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองและรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต
วันที่ 29 ตุลาคม 1969 เป็นครั้งแรกที่คอมพิวเตอร์สองเครื่องสามารถเชื่อมต่อและส่งข้อมูลหากันได้สำเร็จผ่านเครือข่าย ARPANET (อาร์พาเน็ต) ซึ่งเป็นเครือข่ายต้นแบบของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน
อ้างอิงข้อมูลจาก “We Are Social” ซึ่งเผยแพร่รายงานดิจิทัล Global Digital Report ที่รวบรวมข้อมูลและพฤติกรรมการใช้งานสื่อดิจิทัลและโซเชียลมีเดียของผู้คนทั่วโลก ฉบับเดือนตุลาคม 2025
ปัจจุบันประชากรโลกมีอยู่ราว 8,250 ล้านคน ขยับเพิ่มขึ้น 69 ล้านคน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 โดยมีสัดส่วนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นแตะ 6,040 ล้านคน ส่งผลให้อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 73.21%
ส่วนประเทศไทย ประชากรไทยมีสัดส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 94.7% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกซึ่งอยู่ที่ 73.21%
การใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทย ส่วนสำคัญมาจากการเชื่อมต่อไปยังโลกโซเชียลมีเดีย ที่มีสัดส่วนการใช้งานมากถึง 30.77% ของชั่วโมงการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด
การใช้งานโซเชียลมีเดียของคนไทย จะใช้งานผ่านแพลตฟอร์มที่ใช้เป็นประจำ (Active per Month) เฉลี่ยสูงถึง 7.29 แพลตฟอร์ม สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 6.75 แพลตฟอร์ม
ทั้งมีพฤติกรรมค้นหาแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย 57.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 50.4%
การติดตามอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดีย 32.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 22.6%
การใช้โซเชียลมีเดีย ติดตามข่าวสาร 41.5% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 35.4%
นอกจากนั้น ในมุมของการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซ คนไทยมีการช้อปปิ้งออนไลน์ทุกสัปดาห์ สูงถึง 66.3% เทียบกับประชากรที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต และสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 57.8%
คนไทยยังมีการใช้จ่ายไปกับการช้อปออนไลน์ต่อคนต่อปีที่ 692 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 22,628 บาท) ส่วนค่าเฉลี่ยโลกที่ 1,127 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 36,853 บาท)
สำหรับความเร็วอินเทอร์เน็ตในไทย ในส่วนของความเร็วในการดาวน์โหลด โมบายอินเทอร์เน็ต 124.33 Mbps สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 90.69 Mbps ส่วนของเน็ตบ้าน 262.42 Mbps สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 104.43

  🔴“โซล”มาแรง พ่อแม่พาลูกเที่ยวปิดเทอมเพิ่มสูงสุด ตามรอย Demon Huntersในช่วงปิดเทอม (11-31 ตุลาคม 2568) ของครอบครัวชาวไท...
27/10/2025

🔴“โซล”มาแรง พ่อแม่พาลูกเที่ยวปิดเทอมเพิ่มสูงสุด ตามรอย Demon Hunters
ในช่วงปิดเทอม (11-31 ตุลาคม 2568) ของครอบครัวชาวไทย อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ความสนใจในการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นเมื่ออ้างอิงจากข้อมูลการค้นหาที่พักบนแพลตฟอร์ม
โดยกรุงโซลมีความสนใจเพิ่มมากขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางที่มีการค้นหาเพิ่มขึ้นมากที่สุด แซงหน้าเซี่ยงไฮ้ซึ่งเคยครองตำแหน่งดังกล่าว
ขณะที่กรุงโตเกียวยังคงครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งสำหรับการท่องเที่ยวของครอบครัวชาวไทยเป็นปีที่สองติดต่อกัน
การเดินทางไปต่างประเทศของนักท่องเที่ยวชาวไทยในช่วงปิดเทอมเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือโซล, เกาหลีใต้ ซึ่งมียอดการค้นหาที่พักบนแพลตฟอร์มจากครอบครัวที่มีเด็กเพิ่มขึ้นถึง 33% กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีอัตราการค้นหาเพิ่มมากที่สุดในช่วงปิดเทอม
ความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นนี้อาจได้รับแรงหนุนจากกระแสวัฒนาธรรมเกาหลีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก อย่างแอนิเมชันชื่อดัง K-Pop Demon Hunters ซึ่งครองใจผู้ชมรุ่นเยาว์ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย
นอกจากนี้ กรุงโซลยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย อาหารที่มีเอกลักษณ์ หรือ วัฒนธรรมป๊อปที่โด่งดังและเข้าถึงได้ง่าย จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับครอบครัวชาวไทยที่มองหาจุดหมายปลายทางในช่วงปิดเทอมซึ่งตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย
ข้อมูลจากอโกด้าเปิดเผยเพิ่มเติมว่า โตเกียวยังคงครองแชมป์จุดหมายปลายทางต่างประเทศที่มีการค้นหามากที่สุดในหมู่ครอบครัวชาวไทยช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม ปัจจัยสำคัญอาจมาจากสภาพอากาศที่เย็นสบายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง รวมถึงบรรยากาศอบอุ่นที่เหมาะกับการพักผ่อนทั้งครอบครัว
โตเกียวยังอัดแน่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งบันเทิงระดับโลกอย่าง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ดิสนีย์ซี หรือสวนสัตว์อูเอโนะ ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ทั้งสนุกและน่าประทับใจ ท่ามกลางฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามและเงียบสงบในเดือนตุลาคม ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้เวลาร่วมกันของครอบครัว
ฮ่องกงขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับสองรองจากโตเกียว ด้วยแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับครอบครัว เช่น ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ และโอเชียนปาร์ค
ขณะที่ โอซาก้า ตามมาเป็นอันดับสาม มัดใจครอบครัวด้วย ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน, อควาเรียมโอซาก้า และ ปราสาทโอซาก้า
ส่วน สิงคโปร์ อยู่อันดับที่สี่ พร้อมกิจกรรมมากมายที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น สวนสัตว์สิงคโปร์, เกาะเซ็นโตซ่า และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย

ที่อยู่

Krungthonburi Road
Bangkok
10600

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Marketeer Onlineผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Marketeer Online:

แชร์