22/08/2025
ว้าว ทุกทีจัดงานตาม priority อย่างเดียว ซึ่ง priority สูงๆ ไม่ใช่ว่าจะเป็นงานประเภทเดียวกัน สมองเลยเสียเวลา switch เรียกความจำหรือทักษะเรื่องนั้นๆไปๆมาๆ พอเห็นมุมแยกงานตามทักษะก็น่าจะลดเวลาได้เยอะ เดี๋ยวลองออกแบบ Notion board view ใหม่เพิ่มเติม
คนที่ดูเหมือนทำงานเร็ว ไม่ได้เก่งกว่าเรา แต่เขาแค่ batch งานเป็น
ตอนนี้ Notion สามารถเล่นแบบ Offline ได้แล้ว(สักที5555)
วันนี้เลยไปนั่งดูคลิป ของ Thomas Frank ที่ใช้ Notion ได้โครตโหด
แล้วไปเจอคลิปเก่า [The Easiest Way to Double Your Productivity]
Thomas อธิบายว่า
"การแก้ปัญหาให้ทำงานเสร็จมากขึ้นโดยการขยันมันผิดวิธี"
มาฟังวิธีที่เขาแนะนำกับการทำงานกัน #อ่านจบปุ๊ปเก่งขึ้นปั๊ป
------------------
[1] ย้อนกลับไป ยุคอุตสาหกรรม 100 กว่าปีก่อน
ในตอนนั้น: ถ้าเราจะประกอบรถยนต์ 1 คัน ต้องใช้เวลาประกอบประมาณ 12 ชั่วโมง/คัน (ใช้เวลานานมากๆ)
Henry Ford เข้ามาทำให้โลกอุตสาหกรรมเปลี่ยนไปตลอดกาล
เขาลดเวลาจาก 12 ชั่วโมง เหลือแค่ 93 นาที! คนทั้งวงการตะลึง
แบบนี้มีด้วยหรอ ?
Henry Ford เขาไม่ได้เพิ่มแรงงาน ไม่ได้บังคับคนงานทำให้เร็วขึ้น
คนยิ่งงง กว่าเดิม ทำได้ไง?
สิ่งที่เขาง่ายๆเลยคือ "แก้ลำดับงานใหม่"
1.ให้แต่ละคนทำแค่อย่างเดียวซ้ำ ๆ
2.ให้งานไหลมาตามสายพาน
สิ่งนี้เรียกว่า Assembly Line
เขาเรียกสิ่งนี้ว่า "Assembly Line"
นี่คือ Task Batching ที่พิสูจน์มาแล้วว่า…
การจัดงานเป็น batch ทำให้ Productivity กระโดดขึ้นแบบก้าวกระโดด
------------------
[2] ปัญหาจริงๆของเราไม่ได้อยู่ที่งานเยอะจนทำไม่ทัน
แต่เรางานเรา "กระจัดกระจายมากเกินไป"
ทุกวันนี้เราไม่ได้แพ้งานเพราะมีเยอะเกินจะรับไหว
แต่เราแพ้เพราะต้อง “สลับไปมา” ระหว่างงานเล็ก ๆ ตลอดทั้งวัน
เขียนรายงานได้แค่ย่อหน้าเดียว → เด้งไปตอบไลน์ลูกค้า
กำลังคิดงานสำคัญ → มีอีเมลเข้ามา → หยิบมือถือขึ้นมาเช็ค
พอกลับมา สมองก็ต้องใช้เวลา reset ใหม่หมด
นี่คือสิ่งที่ Thomas Frank เรียกว่า Cognitive Switching Cost
ซึ่งมันแอบโหดกว่าที่คิด เพราะทุกครั้งที่เราสลับงาน
สมองต้องใช้เวลา 5–10 นาทีในการ “กลับเข้าสู่โฟกัสเดิม”
ลองคิดดู…ถ้าวันหนึ่งเราสลับงาน 20–30 ครั้ง
นั่นแปลว่าคุณเสียเวลาทั้งวันไปกับ “การเริ่มใหม่” มากกว่าการทำงานจริง ๆ เสียอีก
------------------------
[3] วิธีแก้: Task Batching
ถ้า Ford ใช้สายพานการผลิตเพื่อจัดลำดับงานให้รถออกมาเร็วขึ้น
เราก็สามารถใช้หลักการเดียวกันนี้กับชีวิตเราได้เช่นกัน
แทนที่จะปล่อยให้ตัวเอง “โดนดึง” ไปมา
ให้ลอง จัดกลุ่มงานที่คล้ายกัน มาทำให้เสร็จทีเดียว
เช่น
- กำหนดเวลาเช็คเมลแค่ 2 รอบต่อวัน → แทนที่จะปล่อยให้เมลเด้งทั้งวัน
- นัดประชุมต่อกันในช่วงบ่าย → แทนที่จะกระจายเต็มวันจนขาดตอนทำงานจริง
- จัดงานประเภทเดียวกันไว้ในเวลาเดียว → ถ้าจะเขียนก็เขียนยาวๆเลย ถ้าจะพูดก็พูดยาวๆเลย
สิ่งนี้เรียกว่า "Task Batching"
มันไม่ได้ทำให้เราขยันขึ้น แต่ทำให้คุณ “เสียเวลาน้อยลง”
------------------
[4] ใช้เครื่องมือช่วยจัด Batch
การจะทำ Task Batching ให้ได้ผลจริง เราต้องมี “ระบบ” มารองรับ
ไม่อย่างนั้นงานก็จะยังหลุด ๆ ลอย ๆ อยู่ดี
Thomas Frank ใช้ Notion เป็นศูนย์กลาง
เขาสร้าง Database เอาไว้ แล้วติด Tag ให้แต่ละงาน เช่น
Research ,Writing ,Editing, Publish
จากนั้นสร้าง “View” แยกตาม Batch
เช่น เปิด Writing View → เห็นเฉพาะงานที่ต้องเขียน
วันนั้นเขาก็โฟกัสแค่การเขียน ไม่ต้องสนใจ Editing หรือ Publish เลย
เขาสามารถทำงานเป็นก้อนใหญ่ ๆ ได้จริง
งานไม่สะดุด สมองไม่ต้อง reset ไปมาเหมือนเดิม
ถ้าใครถนัดใช้ Todoist → ก็ใช้ Label แบบเดียวกันได้เลย
เช่น -energy
เวลาเปิดดู เราก็รู้ทันทีว่างานไหนควรถูกรวม batch แล้วลงมือทีเดียว
นี่คือการเปลี่ยน Productivity จาก “ความขยัน" ให้เป็น “ระบบ”
และระบบนี้แหละ ที่ทำให้เราทำงานเสร็จได้สองเท่า โดยไม่ต้องทำงานหนักขึ้น
----------------
#สรุปแบบลงดาบ
ส่วนตัวเบ้นก็ใช้ Notion เยอะมากๆ ในการจัดการระบบ เขียน อ่าน ติดตาม
เรียกได้ว่าเป็น Second Brian ของเบ้นเลย (ใครเอา Notion กับ Google Calendar เบ้นไปนี้คือ ไม่รู้แล้ววันนี้ต้องทำอะไร)
ถ้าใครเป็นเพื่อนเบ้นจะเคยเห็น ปฎิเสธสุดสยอง 5555 ของเบ้น
อีกสิ่งนึงที่อยากขอเสริมจาก Thomas คือ "Mental Management"
คือเราควร ดูด้วยว่า "งานไหนทำให้เราเหนื่อยใจเยอะ"
งานประเภทนี้ "ไม่ควรอยู่ในวันเดียวกันมากเกินไป"
เราต้องลำดับงานโดยปัจจัยนี้ด้วย (เพราะ Mental is everything)
ยิ่งเรา Task Batching ได้ดีเท่าไหร่ งานเราจะไหลมากขึ้น (เหมือนถ้าเบ้นมาเขียนตอนเย็นกับเขียนตอนเช้า Output จะคนละเรื่องเลย ตอนเช้าจะ Flow กว่ามากๆ เพราะ Mental ดีกว่า)
เลิกพยายาม “ขยัน” ให้มากขึ้น เพราะการขยันไม่ใช่คำตอบของ Productivity
การออกแบบระบบต่างหาก ที่ทำให้คุณทำงานเสร็จได้มากขึ้น
ผมหวังว่าเรื่องนี้จะช่วยสร้างวันของคุณ