THE STATES TIMES New Gen News Agency
สำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่

สำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ (New Gen News Agency)
ความมุ่งมั่น : สร้างความสนใจ และ เข้าใจ ระหว่างทุกคนในสังคม (Click on Clear)
ติดต่อ THE STATES TIMES: [email protected] (คุณท็อป)

(29 ต.ค. 68) ศาลญี่ปุ่นเปิดการพิจารณาคดีนายเท็ตสึยะ ยามากามิ (Tetsuya Yamagami) วัย 45 ปี ผู้ต้องหาคดีลอบสังหารอดีตนายกร...
29/10/2025

(29 ต.ค. 68) ศาลญี่ปุ่นเปิดการพิจารณาคดีนายเท็ตสึยะ ยามากามิ (Tetsuya Yamagami) วัย 45 ปี ผู้ต้องหาคดีลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) เมื่อปี 2022 โดยยามากามิได้รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา รวมถึงข้อหาฆ่าคนตายและฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมอาวุธ หลังใช้ปืนประดิษฐ์เองยิงอาเบะระหว่างขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองนารา
รายงานระบุว่า แรงจูงใจเกิดจากความไม่พอใจที่ครอบครัวของเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับโบสถ์ยูนิฟิเคชัน ( Unification Church) หรือ ลัทธิโบสถ์แห่งความสามัคคี ซึ่งแม่ของเขาบริจาคเงินกว่า 100 ล้านเยนจนหมดตัว (ราว 21 ล้านบาท) ยามากามิเชื่อว่าอาเบะมีความเชื่อมโยงกับองค์กรนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การเปิดโปงความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) กว่าร้อยรายกับกลุ่มศาสนา
ทั้งนี้ การไต่สวนคดีนี้จะมีขึ้นอีก 17 ครั้ง ก่อนศาลจะมีคำตัดสินในวันที่ 21 มกราคมปีหน้า ขณะที่คดีนี้ยังคงเป็นบาดแผลใหญ่ในสังคมญี่ปุ่น และเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพบกันที่กรุงโตเกียว โดยต่างกล่าวถึงอาเบะในฐานะผู้นำผู้ทรงอิทธิพลของญี่ปุ่น
ที่มา : https://www.aljazeera.com/news/2025/10/28/suspect-pleads-guilty-to-murdering-former-japanese-pm-abe



#เท็ตสึยะยามากามิ
#ชินโซอาเบะ
#ญี่ปุ่น
#ซานาเอะทาคาอิจิ
#โบสถ์แห่งความสามัคคี
#โบสถ์ยูนิฟิเคชัน

29/10/2025

บีโอไอเผยยอดลงทุน9เดือนแรกรวม1.3ล้านล้านบาทต่างชาติมั่นใจไทยเป็นฐานลงทุนระยะยาว

ครบรอบ 3 ปี เหตุโศกนาฏกรรม “อิแทวอน” ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 159 คน บาดเจ็...
29/10/2025

ครบรอบ 3 ปี เหตุโศกนาฏกรรม “อิแทวอน” ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 159 คน บาดเจ็บอีกกว่า 190 คน และกลายเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจทั่วโลก ขณะชาวเกาหลีใต้และนักท่องเที่ยวกว่าแสนคนร่วมฉลองเทศกาลฮาโลวีนเป็นครั้งแรกหลังโควิด-19
โดยในคืนเกิดเหตุ ผู้คนเบียดเสียดในซอยแคบใกล้โรงแรมแฮมิลตัน ย่านอิแทวอน จนเกิดเหตุล้มทับกันต่อเนื่อง ผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นช่วงอายุ 20–30 ปี ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติ 20 ราย และคนไทย 1 ราย ส่งผลให้รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 7 วัน
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เกาหลีใต้ได้ ‘ถอดบทเรียน’ อะไร เพื่อป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ติดกล้องวงจรปิดพร้อมระบบ AI มาติดตั้งจำนวน 909 ตัว ในจุดสำคัญของเมือง 71 จุด เพื่อวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของฝูงชน รวมถึงความแออัด, ตรวจสอบการก่อสร้างที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากโรงแรมแฮมิลตัน ก่อสร้างขึ้นอย่างผิดกฎหมาย จนเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นขึ้น และ ปราบปรามการซื้อขายชุดตำรวจ หลังมีการอ้างว่าในโศฏนาฏกรรมอิแทวอน มีคนจำนวนมากที่แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ ออกคำสั่งด้านความปลอดภัย หลายๆ คนไม่ได้ปฏิบัติตาม
สำหรับในปีนี้ รัฐบาลกรุงโซลเพิ่มแผนพิเศษดูแลความปลอดภัยในช่วงฮาโลวีน 2025 ครอบคลุม 14 พื้นที่เสี่ยงทั่วกรุงโซล เช่น อิแทวอน ฮงแด คอนกุก กังนัม และเมียงดง โดยจะมีศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ ระบบกล้องตรวจจับความหนาแน่นฝูงชน และเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนตลอดช่วงสุดสัปดาห์
ทั้งนี้ หากพื้นที่ใดมีความหนาแน่นเกินระดับเตือนภัย เมืองโซลจะบังคับใช้การเดินทางทางเดียว (one-way) และอาจปิดหรือให้รถไฟใต้ดินข้ามสถานีอิแทวอนชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำในเทศกาลแห่งความสนุกที่ควรปลอดภัยสำหรับทุกคน
ที่มา : koreajoongangdaily




#อิแทวอน

#เกาหลีใต้
#โศกนาฏกรรมอิแทวอน
#วันฮาโลวีน
#เที่ยวโซล
#เที่ยวเกาหลี

28/10/2025

ส.ว.นันทนาสู้กลับทั้งน้ำตา ว่าเป็นมติอัปยศ ที่ถูกสว.สีน้ำเงินฟันผิดจริยธรรมร้ายแรง ปมด้อยค่า สว.ขายหมู

28/10/2025

ส.ว.เสียงข้างมาก มีมติฟัน ส.ว.นันทนา ผิดจริยธรรมร้ายแรง 130/23 งดออกเสียง11 ไม่ลงคะแนน 2 ส่งต่อ ปปช.เชือด

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ไทย-สหรัฐฯ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในก...
28/10/2025

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ไทย-สหรัฐฯ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญ เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมแร่ธาตุสำคัญ พร้อมเสริมสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานในระดับโลก เพิ่มแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมมือกันในการเสริมสร้างการกำกับดูแลที่ดีต่อทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ เพื่อขยายความเชื่อมโยงของประเทศไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลกที่มีความมั่นคงและเชื่อถือได้ โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของความมั่นคง ความหลากหลาย ความคล่องตัว และความเป็นธรรมสำหรับห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญ ทั้งในด้านการสนับสนุนการสำรวจ การสกัด การแปรรูป การใช้ประโยชน์ปลายทางอย่างเหมาะสม การนำกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในเชิงลึกยิ่งขึ้น เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและทรัพยากรที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ไทยสามารถเข้าร่วมในห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญในระดับโลก โดยเน้นย้ำว่าต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลขั้นสูงสุด และตระหนักถึงความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค กฎระเบียบ นโยบาย การดำเนินงาน การบริหารจัดการภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงประสบการณ์ที่เป็นลักษณะเฉพาะด้านทรัพยากรแร่ธาตุที่ทั้งสองประเทศมีอยู่ เพื่อก่อให้เกิดความมั่นคงและความน่าเชื่อถือในการจัดหาทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา ไปจนถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม
นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อธิบายว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ และจากข้อมูลเบื้องต้นยังไม่มีแหล่งที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ ดังนั้น การลงนามใน MOU นี้จะช่วยส่งเสริมความมั่นคงและยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญในประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการสำรวจ การแปรรูป และการใช้ประโยชน์จากแร่ธาตุที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พลังงานสะอาด และรถยนต์ไฟฟ้า สอดคล้องกับนโยบายของ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าภายในประเทศและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาแหล่งทรัพยากรในประเทศ
“ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ร่วมกันในการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีเสถียรภาพสำหรับการลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ไทยได้ประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนข้อมูล การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการลงทุน อย่างไรก็ตาม บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย และหากจะมีการลงทุนในประเทศไทยจริง ผู้ประกอบการก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของไทย รวมถึงมาตรการในการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างเข้มงวด” นายอดิทัตฯ กล่าว



#ธนกรวังบุญคงชนะ
#กระทรวงอุตสาหกรรม
#แร่แรร์เอิร์ธ
#แร่ธาตุหายาก

#ไทยสหรัฐอเมริกา
#เหมืองแร่

(28 ต.ค. 68) บริษัท OnlyFans แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถสร้างรายได้จากการเก็บค่าสมาชิกจากผู้ติดตาม กลายเป็...
28/10/2025

(28 ต.ค. 68) บริษัท OnlyFans แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถสร้างรายได้จากการเก็บค่าสมาชิกจากผู้ติดตาม กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีรายได้ต่อพนักงานสูงที่สุดในโลก ด้วยตัวเลขเฉลี่ยกว่า 37.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อคน (ราว 1.37 พันล้านบาท) ในปี 2024 แซงหน้าแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia, Apple, Meta, Google และ Microsoft หลายเท่าตัว จากข้อมูลของ Barchart ที่เผยแพร่โดย The Economic Times
OnlyFans ทำรายได้สุทธิราว 1.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าการทำธุรกรรมรวมกว่า 7.22 พันล้านดอลลาร์ โดยมีพนักงานเพียง 42 คนทั่วโลก ตัวเลขนี้ทำให้รายได้ต่อหัวของบริษัทสูงกว่า Nvidia ถึง 10 เท่า และมากกว่า Apple กว่า 15 เท่า
รายได้ของ OnlyFans มาจากการหักค่าคอมมิชชัน 20% จากรายได้ของครีเอเตอร์ ขณะที่อีก 80% เป็นส่วนแบ่งของผู้สร้างคอนเทนต์ ซึ่งปัจจุบันแพลตฟอร์มมีผู้สร้างกว่า 4.6 ล้านบัญชี และแฟนคลับกว่า 377 ล้านบัญชีทั่วโลก โดยรายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากคอนเทนต์ 18+ สำหรับผู้ใหญ่
ทั้งนี้ เมื่อปี 2024 บริษัท OnlyFans มีกำไรก่อนหักภาษี 684 ล้านดอลลาร์ และจ่ายเงินปันผลกว่า 701 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ เลโอนิด รัดวินสกี (Leonid Radvinsky) เจ้าของแพลตฟอร์มชาวอเมริกันเชื้อสายยูเครน วัย 43 ปี
ที่มา : https://www.ndtv.com/world-news/onlyfans-outperforms-tech-giants-tops-revenue-efficiency-rankings-in-2024-9508524?fbclid=IwZnRzaANtTbRleHRuA2FlbQIxMQABHj2yQ6vwZOmp1DL8_NA4umXaEi-moWq_k2i9_mkp3L71AltzzDudOwce0kgr_aem_TehiVVPSO8LPDNbpP687dw




#โอลี่แฟน




#รายได้ต่อพนักงาน

สรุปมหากาพย์โฮปเวลล์ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ผู้หยุดการจ่ายค่าโง่พ.ศ. 2533 เกิด "โครงการโฮปเวลล์" (BERTS) 9 พฤศจิกายน พ....
28/10/2025

สรุปมหากาพย์โฮปเวลล์
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ผู้หยุดการจ่ายค่าโง่
พ.ศ. 2533 เกิด "โครงการโฮปเวลล์" (BERTS)
9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 มีการลงนามในสัญญา สัมปทานระหว่างกระทรวงคมนาคม กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย)
20 มกราคม พ.ศ. 2541 กระทรวงคมนาคมบอกเลิกสัญญาสัมปทานอย่างเป็นทางการ
30 มกราคม พ.ศ. 2541 "โฮปเวลล์" ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญา
24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 "โฮปเวลล์" ยื่นคำร้องต่อคณะอนุญาโตตุลาการให้วินิจฉัยชี้ขาด
8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 คณะอนุญาโตตุลาการมีคำวินิจฉัยชี้ขาดให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย คืนเงินชดเชยแก่โฮปเวลล์โฮลดิงส์
พ.ศ. 2562 รัฐบาลไทยแพ้คดีในชั้นศาลปกครองสูงสุด
กลางปี พ.ศ. 2562 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบหมายให้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เข้ามาสะสางคดีใหม่
พ.ศ. 2564 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 5/2564 เรื่องการนับอายุความ
4 มีนาคม พ.ศ. 2565 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำร้องของกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท. ที่ขอให้นำคดีนี้มารื้อฟื้นใหม่ไว้พิจารณา
18 กันยายน พ.ศ. 2566 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ
(เนื่องจาก "โฮปเวลล์" ยื่นฟ้องคดีพิพาทพ้นกำหนดระยะเวลา)


#พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค
#สรุปมหากาพย์
#โฮปเวลล์
#โครงการโฮปเวลล์

(28 ต.ค. 68) จีนรายงานตัวเลขการคืนเงินภาษีของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเดือนมกราคม–กันยายน 2568 ว่า มีนักท่องเที่ยวขอคื...
28/10/2025

(28 ต.ค. 68) จีนรายงานตัวเลขการคืนเงินภาษีของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเดือนมกราคม–กันยายน 2568 ว่า มีนักท่องเที่ยวขอคืนภาษีเพิ่มขึ้น 229.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่มูลค่าการคืนภาษีรวมเพิ่มขึ้น 97.4% ตามข้อมูลของกรมสรรพากรจีน
ตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นมา จีนได้ปรับปรุงระบบคืนภาษีผู้เดินทางชาวต่างชาติหลายด้าน เช่น เพิ่มความเร็วในการดำเนินการ และเปิดบริการคืนภาษีข้ามเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกและกระตุ้นการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว
ขณะที่มาตรการสำคัญ ได้แก่ การตั้งเคาน์เตอร์คืนภาษีทันทีในย่านชอปปิงหลักของเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง เฉิงตู และกวางโจว รวมถึงเมืองอย่างเซี่ยงไฮ้และหางโจวที่เปิดบริการคืนภาษีออนไลน์ ทำให้ขั้นตอนสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
ทั้งนี้ จีนเริ่มนโยบายคืนภาษีผู้เดินทางต่างชาติครั้งแรกในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) และตั้งแต่นั้นมาก็มีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการคืนภาษีและกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ
ที่มา : Xinhua




#ขอคืนเงินภาษี
#เงินภาษี
#เที่ยวจีน
#จีน
#ขอคืนภาษีจีน

(28 ต.ค. 68) ภราดา ดร.เดชาชัย ศรีพิจารณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญ ในฐานะประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ครั...
28/10/2025

(28 ต.ค. 68) ภราดา ดร.เดชาชัย ศรีพิจารณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญ ในฐานะประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 31 พร้อมด้วย นางวราภรณ์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการและผู้จัดการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ดร.ภูมิสิษฐ์ สุคนธวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และนายวิธาน พรหมสินธุศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพศิรินทร์ พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขัน มีมติจัดการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 31 ตามวันเวลาเดิม ระหว่างวันที่ 15, 17, 19 และ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2568 ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
โดยน้อมนำพระราชกรณียกิจและพระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่พลังความสามัคคีแห่ง 4 สถาบัน ของความจงรักภักดี ในรูปแบบการนำเสนอเรื่องราวจากพลังเล็ก ๆ ของโรงเรียนในเครือจตุรมิตรสามัคคี ผ่านกิจกรรมการแปรอักษร ขบวนพาเหรด “รักษ์โลกให้ยั่งยืน” เรื่อง พลังแห่งป่า พลังแห่งชีวิต, นํ้าดี ชีวีเป็นสุข, พลังงานสะอาด และ ขยะถูกที่ โลกยิ้มได้

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 31 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประกอบด้วย โรงเรียนอัสสัมชัญ เจ้าภาพการจัดการแข่งขันโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนเทพศิรินทร์ ภายใต้แนวคิด “สี่พี่น้องประคองรัก รักษ์โลกให้ยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 15, 17, 19 และ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2568 ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ


#โรงเรียนอัสสัมชัญ
#โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
#โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
#โรงเรียนเทพศิรินทร์
#จตุรมิตรสามัคคีครั้งที่31
#ฟุตบอลจตุรมิตร
#สี่พี่น้องประคองรัก

28/10/2025

หยุดดม แล้วเช็กด่วน!! อย. แจ้งเตือน ‘ยาดมหงส์ไทย สูตร 2’ เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ผิดมาตรฐาน หลังพบ ‘การปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์’ จากการเก็บตัวอย่าง รุ่นการผลิต 000332 ผลิตเมื่อ 9/12/2024

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2025 ไทย–สหรัฐฯ ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่องความร่วมมือเพื่อกระจายห่วงโซ่อุปทานแร่สำคัญและส่งเ...
28/10/2025

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2025 ไทย–สหรัฐฯ ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่องความร่วมมือเพื่อกระจายห่วงโซ่อุปทานแร่สำคัญและส่งเสริมการลงทุน เน้นตั้งแต่สำรวจ–แยกถลุง–รีไซเคิล–ลงทุน โดยเป็นกรอบไม่ผูกพันทางกฎหมาย เพื่อเดินงานเร็วขึ้นตามบริบทภูมิรัฐศาสตร์ปัจจุบัน
1) บริบทโลกกดดันให้ “หาเพื่อน” ด่วน
• จีนเข้มงวดการควบคุมส่งออกแรร์เอิร์ธ วัสดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้นในเดือน ต.ค. 2025 ทำให้ผู้ผลิตฝั่งสหรัฐฯ–ญี่ปุ่น–ยุโรปเร่งกระจายความเสี่ยง หันหาฐานซัพพลายใหม่ในอาเซียน
• แรงกดดันทางนโยบายสะท้อนทันทีทั้งในตลาดสินค้าและดีลพหุภาคีที่สหรัฐฯ เร่งเดินกับประเทศในภูมิภาค
2) “ไทยตอนนี้” ไม่เหมือน “ไทยเมื่อก่อน”
• การผลิตพุ่งแรง: ปี 2024 ไทยผลิตแรร์เอิร์ธประมาณ 13,000 ตัน โตมากจากปีก่อน สะท้อนว่ามีฐานอุตสาหกรรมที่จับต้องได้ แม้ยังไม่ใหญ่เท่าประเทศผู้นำ
• มีฐาน downstream สำคัญ: โรงงาน Neo Magnequench (โคราช) ผลิตผง/วัสดุแม่เหล็กสำหรับมอเตอร์ EV อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงานลม เชื่อมจุด ‘จากแร่ → แม่เหล็กมูลค่าสูง’
• ข้อเท็จจริงต้องรู้: แม้ผลิตพุ่ง แต่สำรองที่พิสูจน์แล้วในไทยยังเล็ก จุดแข็งของไทยจึงอยู่ที่การแปรรูป–รีไซเคิล–คลัสเตอร์อุตสาหกรรม มากกว่าการมีเหมืองขนาดยักษ์
3) ทำไมสหรัฐฯ ต้อง “ไทย” ตอนนี้
• ลดการพึ่งพาแหล่งเดียว: เมื่อจีนเข้มงวดใบอนุญาตส่งออกแรร์เอิร์ธและแม่เหล็ก การดึงพาร์ตเนอร์ที่มีฐานการผลิตจริงอย่างไทย คือยุทธศาสตร์ friend‑shoring เพื่อกันช็อกซัพพลายของอุตสาหกรรม EV–พลังงานลม–ป้องกันประเทศ
• มีกลไกระดับภูมิภาคพร้อมเสียบ: กรอบ IPEF (Supply Chain Agreement + Critical Minerals Dialogue) เชื่อมมาตรฐาน ข้อมูลทรัพยากร มาตรฐานแรงงาน/สิ่งแวดล้อม และแผนรับมือช็อกห่วงโซ่ได้ทันที
• สัญญาณการเมือง–เศรษฐกิจหนุน: สหรัฐฯ เดินดีลคริติคอลมิเนอรัลกับอาเซียนเพื่อถ่วงน้ำหนักข้อจำกัดส่งออกจากจีน—ไทยถูกวางบทบาทศูนย์แปรรูป/แม่เหล็ก/รีไซเคิล มากกว่า ‘ประเทศเหมือง’
4) ไทยได้–เสียอะไรจากดีลนี้ได้อะไร
• เงินลงทุน–เทคโนโลยี–มาตรฐาน: โอกาสดึง JV ในการแยกถลุง รีไซเคิล และผลิตแม่เหล็ก NdFeB พร้อมยกระดับมาตรฐาน ESG/แรงงานเข้าตลาดสหรัฐฯ–ยุโรป
• เชื่อมตลาดปลายน้ำมูลค่าสูง: เมื่อมีฐานผง/แม่เหล็กในประเทศ ผู้ประกอบการมอเตอร์–พลังงานลม–อิเล็กทรอนิกส์ จะเชื่อมต่อไทยง่ายขึ้น ลด lead time และความเสี่ยงใบอนุญาตส่งออกจากที่อื่น.
ต้องระวังอะไร
• แรงกดดันภูมิรัฐศาสตร์: การเลือกข้างชัดเกินไปอาจเสี่ยงแรงสะท้อนจากจีน ไทยควรย้ำว่า MOU ไม่ผูกขาด/ไม่ผูกพันทางกฎหมาย และเปิดกว้างต่อทุกพาร์ตเนอร์ที่เคารพมาตรฐาน
• สิ่งแวดล้อม–ความปลอดภัยรังสี: แร่รองอย่างมอนาไซต์/เซโนไทม์เกี่ยวพันธาตุกัมมันตรังสีร่วม ต้องเข้มมาตรฐานจัดการหางแร่ ตั้งโรงงานแยกถลุงโปร่งใส และระบบ EIA/ติดตามแบบเรียลไทม์
• ฐานทรัพยากรจำกัด: โมเดลที่คุ้มคือ รีไซเคิล + แยกถลุง + คลัสเตอร์แม่เหล็ก/มอเตอร์ พึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าบางส่วน แล้วทดแทนด้วยรีไซเคิลในระยะกลาง
5) ทางไปข้างหน้า (ข้อเสนอเชิงนโยบายแบบทำได้เลย)
1. 1) ตั้ง “Thailand Rare Earth & Magnet Cluster” ฝั่งอีสาน–EEC เชื่อมมหาวิทยาลัย/สถาบันวิจัย–เอกชน–ต่างชาติ ให้ครบห่วงโซ่ (แยกถลุง–รีไซเคิล–แม่เหล็ก–มอเตอร์) ภายใต้มาตรฐาน ESG/แรงงานระดับสากล
2. 2) Regulatory Sandbox ด้านรังสี/สิ่งแวดล้อมสำหรับโรงงานแยกถลุงและรีไซเคิลแรร์เอิร์ธ พร้อมระบบติดตามหางแร่อัจฉริยะและการเปิดข้อมูลสาธารณะ
3. 3) Roadmap รีไซเคิลแม่เหล็ก NdFeB (จากมอเตอร์ EV/ฮาร์ดดิสก์/กังหันลม) เพื่อป้อนวัตถุดิบกลับสู่คลัสเตอร์ไทย ลดการพึ่งพาเหมืองใหม่
4. 4) เชื่อม IPEF ให้เป็นดีลลงทุนจริง: ใช้กลไก Supply Chain Agreement + Critical Minerals Dialogue เป็นทางลัดเรื่องมาตรฐาน/การรับรอง เพื่อเร่งจาก MOU สู่โครงการลงทุน
สรุป: สหรัฐฯ ต้องเร่งดึงซัพพลายแรร์เอิร์ธออกนอกจีน ‘ตอนนี้’ เพราะกติกาส่งออกฝั่งจีนเข้มขึ้น ขณะที่ไทยเพิ่งมีฐานการผลิตจริง ให้เสียบเข้าห่วงโซ่ได้ ดีล MOU รอบนี้คือ ‘ตั๋วขึ้นรถไฟขบวนใหญ่’ ของไทยจากประเทศเจ้าทรัพยากรไม่มาก สู่ศูนย์แปรรูป–แม่เหล็ก–รีไซเคิลมูลค่าสูง หากวางมาตรฐาน สิ่งแวดล้อม และแรงงานให้ชนะตั้งแต่ต้น



#สหรัฐฯ
#ไทย
#ห่วงโซ่อุปทาน
#แรร์เอิร์ธ

ที่อยู่

165 สุขุมวิท 62/1 พระโขนงใต้ พระโขนง
Bangkok
10260

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ THE STATES TIMESผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง THE STATES TIMES:

แชร์

THE STATES TIMES

Creating 1 Oct 2020