อุดรมาร์เก็ตเพลส

01/09/2025

เหตุผลที่เราควรยึดมั่นในอุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตย
ปี 2568 การเมืองไทยช่วงเวลานี้ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาระส่ำระส่ายของฝ่ายประชาธิปไตยอย่างยิ่ง เพราะเมื่อฝ่ายอนุรักษ์นิยมพยายามใช้กลวิธีต่างๆ เพื่อปลุกปั่นกระแสเชิงลบสร้างความขัดแย้งโดยไม่จำเป็นในหมู่ผู้สนับสนุนประชาธิปไตย อีกทั้ง ปลุกประเด็นเพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือว่าใครเป็นประชาธิปไตยและใครไม่ใช่ ในหมู่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเอง
เราต้องไม่ลืมว่า อุดมการณ์ของฝ่ายประชาธิปไตยในที่นี้คือ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน (ก้าวไกลเดิม) มีความสอดคล้องและเป็นไปในแนวเดียวกัน แม้ว่าในบางนโยบายจะมีข้อเสนอแตกต่างกันรายละเอียดและวิธีการเพียงเล็กน้อย แต่จุดร่วมมีความคล้ายคลึงกันมาก ยกตัวอย่างเช่น
1.การยกเลิกเกณฑ์ทหาร เราฝันถึงการที่ประชาชนจะสมัครใจรับใช้ชาติ และลุกขึ้นต่อต้านอำนาจนิยมกดขี่ภายในกองทัพเหมือนกัน เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ทหารเกณฑ์กลายเป็นสิ่งบันเทิงบำเรอใจแก่ทหารยศสูงกว่าอย่างไร้มนุษยธรรม
2.การสนับสนุนสมรสเท่าเทียม เราฝันถึงสังคมที่คนทุกเพศทุกวัยเท่าเทียมกันเหมือนกัน สังคมไม่ควรมีการแบ่งแยกและเหยียดหยาม จึงต้องมีกฎระเบียบใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อปกป้องความสงบสุขของสังคม
3.หรือการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ และนโยบายอื่น ๆ ที่เป็นความสำเร็จของพรรคเพื่อไทยในอดีตที่พยายามผลักดันให้ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การผลักดันนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ปลายทางของมันคือการมอบสาธารณสุขถ้วนหน้าแก่ประชาชน หรือ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่คำนึงถึงหลักความเสมอภาคและความเท่าเทียมเป็นพื้นฐาน เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก
พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนมีจุดยืนเดียวกัน ความคิดเดียวกัน ต่างเพียงวิธีการ แต่เป้าหมายยังคงเหมือนกันคือ การสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืนแก่ประเทศไทย และการสะท้อนให้เห็นว่าเจตนารมณ์ของประชาชนเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้
ถ้าไม่ใช่สองพรรคนี้แล้ว ใครจะกล้าเปลี่ยนแปลงประเทศ ท้าทายอำนาจเดิมเพื่อประชาชนอีกเล่า นี่ตือเหตุผลดังกล่าว และเป็นเรื่องที่เราต้องกลับไปทบทวนด้วยกันว่า แต่ละฝ่ายยังยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยหรือไม่ ?
ถ้ายังคงเชื่อมั่นในประชาธิปไตย แม้วิธีการบางครั้งในหมู่ผู้เชื่อมั่นในประชาธิปไตยจะแตกต่างกัน แต่เมื่อมีเจตนารมณ์เดียวกันแล้วก็ควรหันมาสนับสนุนซึ่งกันและกันในตอนนี้
ดังนั้นแล้ว ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน จงอย่าลืมจุดยืนของตนเอง! ใครจะปลุกปั่นอย่าหวั่นไหวหาก จงอย่าลืมว่าในจุดแรกเริ่มเรามีเจตนารมณ์เดียวกัน
เพื่อเปลี่ยนประเทศให้เป็นของคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง

21/08/2025

เปิดตัวเปิดใจ รู้แล้วใช่ไหมใครอยู่เบื้องหลังคลิปแฉของฮุนเซ็น
ก็ว่าอยู่ ทำไมบางพรรคการเมืองถึงรู้ตั้งแต่เช้าว่าจะมีคลิปปล่อยออกมา
แล้วทำไมฮุนเซ็นถึงบอกว่า นายกรัฐมนตรีไทยจะเปลี่ยนในอีก 3 เดือน
แถมระบุชื่อด้วยว่า ใครจะได้เป็นนายกคนต่อไป เพราะอยู่ไม่ไกล้ไม่ไกลชายแดนเขมรนี่เอง
รู้จัก 'ชนินทร์ แก่นหิรัญ' คีย์แมนคนสำคัญที่เอามาล้ม รบ เพื่อไทย เขาคือทนายความคนสำคัญของครอบครัว “ชิดชอบ” คนที่ออกมาพูดแก้ต่างในคดี "ที่ดินเขากระโดง" และในวันนี้ก็มาเป็นทนายความฝั่ง "สว." ที่ร้องถอดถอนนายก
ใครไม่เป็นความเชื่อมโยงก็คงจะตาบอด ทั้งศาล. สว. กกต. ทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกัน
ในเมื่อ สว. เป็นผู้เลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สว. เป็นคนเลือก กกต. มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าทั้งสององค์กร จะมีการทำหน้าที่ไปในทิศทางใด
มาวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าใครเป็นใคร ไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีกต่อไป ใครอยู่เบื้องหลัง สว. ใครอยู่เบื้องหลังการยื่นคำร้องครั้งนี้ ใครที่สมคบคิดกับบุคคลภายนอกประเทศ เพื่อปั่นหัวประเทศไทย คอยส่งข่าวให้อีกฝั่ง ใช้คดีคลิปเสียงการสนทนาลับ ที่ไม่มีประเด็นอะไรมากมาย มาเพื่อทำร้ายคนบริสุทธ์เพื่อสร้างอำนาจทางการเมือง
ถ้าคนกลุ่มนี้ พวกนี้ ครองอำนาจทั้งหมดของการเมือง ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ บ้านเมืองของเราจะเป็นอย่างไร งบประมาณจะถูกโกงกินไปขนาดไหน อนาคตลูกหลานของเราจะลืมตาอ้าปากได้เมื่อไหร่
คงไม่ต้องจินตนาการหรอก ตอนที่มันเป็นรัฐบาลมาหลายปี มันทำอะไรกันมาบ้าง ลองนึกดูเอาก็แล้วกัน

18/08/2025

ทำไมศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรแทรกแซงการเมือง?
วันที่ 13 ส.ค.68 ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดลงมติและนัดฟังคำวินิจฉัย "ปมคลิปเสียง" นายกฯ แพทองธาร ชินวัตรและสมเด็จฮุน เซน ในวันศุกร์ที่ 29 ส.ค.68 ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 31 มีความผิด ก็อาจทำให้ต้องกลายเป็นนายกคนที่สองหลังจากการเลือกตั้งปี 66 ที่ต้องพ้นตำแหน่งไปเพราะคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
สิ่งนี้นำมาซึ่งการตั้งคำถามถึง "บทบาทและหน้าที่" ของศาลรัฐธรรมนูญว่ามีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ในการตัดสินอนาคตทางการเมืองของทั้งนักการเมืองและพรรคการเมืองไทย ภายใต้กรอบที่เรียกว่า “มาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงดำแหน่งทางการเมือง”
ในความเป็นจริง ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่หรือถอดถอนผู้นำฝ่ายบริหาร อย่างมากที่สุดก็จำเป็นต้องอาศัยกลไกรัฐสภา ทั้งสภาบนและสภาล่าง ในกระบวนการถอนถอน (impeachment) ขณะที่บุคคลที่จะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งทางการเมืองได้ต้องถูกตัดสินว่า กระทำผิดในข้อหากบฎ ตัดสินบน หรือกระทำผิดทาอาญาและประพฤติผิดอย่างร้ายแรงต่าง ๆ แม้ว่ากรณีของนายกฯ แพทองธารจะถูกสมาชิกวุฒิสภายื่นศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่กระบวนการถอดถอนหลายประเทศทั่วโลกมักจะไม่ถึงมือศาลด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น บทบาทและอำนาจหน้าที่ของศาลที่สามารถถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ย่อมเป็นปัญหาต่อระบอบประชาธิปไตย (democracy) เพราะสุดท้ายแล้วประชาชนจะไม่มีสิทธิ์ให้ผู้นำทางการเมืองหลุดออกจากตำแหน่งด้วยการเลือกตั้ง แต่กลับทำให้หลุดจากตำแหน่งด้วยการใช้นิติสงครามอย่างหยาบช้า นี่จะไม่ใช่แค่เป็นภัยต่อประชาธิปไตยอย่างเดียว แต่เป็นการดูหมิ่นเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกรัฐบาลของพวกเขาเข้ามาอีกด้วย
ย้อนกลับมาดูรูปคดี "คลิปเสียง" จะพบว่าบทสนทนาข้างในไม่มีเหตุทำให้ต้องถูกตั้งคำถามถึง 'มาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง' เมื่อพิจารณาจากคำแถลงข่าวในวันที่ 19 มิ.ย.68 ที่ผ่านมาแสดงถึง "ความตั้งใจที่อยากให้สถานการณ์สงบสุข" ด้วยแนวสันติวิธีและการเจรจาพูดคุยมากกว่าการใช้กำลังอาวุธจะสร้างความสูญเสียแก่ทั้งสองฝ่าย
ลำพังคลิปเสียงไม่เพียงพอต่อการถูกตั้งคำถามอย่างเดียว แต่ศาลไม่ควรเข้ามามีบทบาทเหล่านี้เสียด้วยซ้ำ อีกทั้งการสนทนาในทางลับก็ไม่ควรเป็นเหตุที่ทำให้หลุดออกจากตำแหน่งทางการเมืองได้เลย หากเปรียบเทียบอย่างง่ายว่าวิธีทางการทูตแบบส่วนตัว (Personal diplomacy) มีผลต่อการตั้งคำถามจริยธรรมทางการเมืองของผู้นำประเทศแล้ว ผู้นำหลายทุกประเทศก็มีสิทธิ์ที่จะถูกถอดถอนเช่นเดียวกัน ไม่เว้นแต่ว่าบทสนทนาดังกล่าวจะมีความอ่อนไหวมากน้อยเพียงใด
ด้วยเหตุนี้ คนไทยต้องกลับมาทำความเข้าใจและตั้งคำถามถึงบทบาทและหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมันเป็นปัญหาเรื้อรังมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะการที่ตุลาการมีอำนาจเหนือรัฐบาลที่มาจากประชาชน แล้วใช้คำตัดสินเพื่อให้ออกจากตำแหน่งอย่างง่ายดาย ไม่ใช่แค่นั้น หลักการที่แสดงออกถึงเจตนารมณ์อันดีของนายกฯ ตามคลิปเสียงไม่ควรถูกเพิกเฉย ไม่ว่าสิ่งนั้นจะขัดกับความรู้สึกประชาชนส่วนใหญ่ก็ตาม แต่มันจะทำให้ประชาชนคนส่วนใหญ่อยู่รอดปลอดภัย โดยไม่ต้องสูญเสียชีวิตอย่างไม่จำเป็น


ไม่ต้องรักนายก แต่ขอให้ปกป้องหลักการ ศาลไม่ควรเข้ามาแซกแทรงการเมือง การคุยทางลับไม่ควรเป็นเหตุให้หลุดจากตำแหน่ง จริยธรรมที่ไร้ขอบเขตไม่ควรนำมาเป็นมาตรฐานในการตัดสินคดี
ขอแค่เรื่องนี้ที่อยากให้ประชาชนคนไทยเห็นตรงกัน แม้จะชอบหรือไม่ชอบแพรทองธารก็ตาม

18/08/2025

อย่าลืมจุดเริ่ม เหตุปะทะ การสูญเสีย พรรคการเมืองหนึ่งสมคบคิดกับฮุนเซ็น เพราะบ่อนแถวชายแดนที่มันลงทุนกำลังจะเสียเม็ดเงินไป

01/08/2025

รอดูจุดจบของคนขายชาติ สมคบคิดฮุบที่ดินหลวงเขากระโดง
เมื่อวานนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย เซ็นคำสั่งเพิกถอนโฉยดที่ดินเขากระโดง "ทันที"
ใครเห็นก็ดูออกว่าเป็นการล้างแค้น ระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่ แต่ภายใต้ต่อสู้กันนี้ก็เป็นโอกาสดีที่แผนการชั่วๆ จ้องจะฮุบพื้นที่เขากระโดงจะได้จบลงเสียที
แต่เดิมพื้นที่เขากระโดง จำนวน 5,080 ไร่ เป็นที่ดินของการรถไฟ แต่เมื่อชาวบ้านเข้ามาอาศัยก็มีการบุกรุกบริเวณพื้นที่ กลายเป็นปัญหาที่พบเจอได้บ่อยๆในหลายจังหวัดทั่วประเทศ
แต่ที่ จ.บุรีรัมย์ในกลุ่มชาวบ้านก็มีพื้นที่ของตระกูล "ชิดชอบ" ที่เข้าบุกรุกพื้นที่กว่า 288 ไร่ พัฒนาสร้างเป็นสนามฟุตบอล สนามแข่งรถ เมื่อลงทุนไปขนาดนี้แล้วจึงอยากจะได้โฉนดที่ดินเป็นของตัวเองจึงไปกดดันให้กรมที่ดินจังหวัดออกโฉนดในพื้นที่ดังกล่าว
มันก็ชิบหายกลายเป็นพื้นที่โฉนดทับซ้อน ฟ้องร้องจนศาลฏีกามีคำตัดสินแล้วว่าเป็นพื้นที่ของการรถไฟ ให้ย้ายออก หรือถ้าไม่ย้ายออกก็ทำสัญญาให้เช่ากับการรถไฟ ชาวบ้านหลายคนเขาก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี.....เผอิญว่าคนมีสีมันยอมไม่ได้
แม้ว่าศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ชัดเจนและมีคำสั่งให้กรมที่ดินไปจัดการ...แต่ไม่มีใครกล้าทำ
กรมที่ดินอยู่ใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทยถูกรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยกดดันอย่างหนักจนอธิปดีลาออก ทำให้เรื่องปล่อยค้างเติ่งมาหลายปีไม่ยอมขยับ ปล่อยให้ตระกูลชิดชอบแสวงหาผลประโยชน์บนที่ดินหลวงโดยไม่สนคำสั่งศาล แถมรัฐบาลก็ไม่สามารถเก็บเงินค่าเช่าหรือผลประโยชน์ใดๆ บนที่ดินนั้นได้อีก แบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือ ?
แม้การเร่งรัดคดีของอ้วน ภูมิธรรม สาเหตุมาจากทะเลาะกันของคนเคยรักกัน แต่ผลพลอยได้ของประชาชน คือ โอกาสในการทวงผลประโยชน์ของประเทศกลับคืนมา
ดังนั้นทะเลาะกันให้มากๆ พวกเราจะคอยเชียร์ให้พวกขายชาติ ฮุบที่ดินหลวง ประสบพบเจอกับวาระสุดท้ายของมันไวๆ

01/08/2025

อย่าหลงกลให้ยกเลิก MOU 43/44 เพราะสุดท้ายแล้วไทยจะเสียจุดยืนในเวทีโลก
MOU 43/44 เป็นบันทึกความเข้าใจรัฐบาลไทยและกัมพูชาเพื่อรับประกันอนาคตของประเทศไทย ด้วยการวางกรอบการจัดการปัญหาชายแดนที่ยังไม่มีข้อยุติ โดยเฉพาะพื้นที่พิพาททางบกและทางทะเล ซึ่ง MOU ฉบับปี 2543 มีวัตถุประสงค์กำหนดหลักเกณฑ์จัดทำเส้นเขตแดนทางบก และคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา ว่าด้วยเขตแดน ขณะที่ MOU ฉบับปี 2544 มุ่งเป้าไปที่ความร่วมมือในด้านการสำรวจพัฒนาทรัพยากรในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
เป็นที่แน่นอนว่าการยกเลิกข้อตกลงทั้งสองฉบับ เป็นการทำลายบรรยากาศแห่งสันติภาพ และการลดทอนโอกาสการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากข้อตกลงทั้งสองฉบับมีแผนมุ่งเป้าเพื่อระงับการใช้ความรุนแรงทางการทหารที่เป็นผลมาจากสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 และแก้ปัญหาข้อพิพาททางดินแดนด้วยการเบนไปหาความร่วมมือด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศแทน ทว่าบางพรรคการเมืองอาจฉกฉวยโอกาสจากความเข้าใจวัตถุประสงค์ของข้อตกลงทั้งสองที่คลาดเคลื่อนเรียกคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง ผ่านวาทกรรม “สูญเสียอธิปไตยของชาติ”
แต่ในความเป็นจริง MOU ทั้งสองฉบับเขียนขึ้นตามหลักการกฎหมายระหว่างประเทศอยู่แล้ว ก็ต้องทำโดยทั้งสองฝ่ายคือทั้งไทยและกัมพูชา ไทยจะทำฝ่ายเดียวเป็นไปไม่ได้ และต้องไม่ลืมว่า สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ฉบับ ปี 1907 มีระบุเอาไว้ว่า “ตราดและเกาะกูดเป็นตินแดนของสยาม” ฉะนั้น ข้อกล่าวหาเรื่องสูญเสียอธิปไตยภายใต้กลไกระหว่างประเทศที่เคารพอธิปไตยของแต่ละชาติอยู่แล้วนั้นจึงไม่มีมูล
นี้เป็นการทำให้ประเทศไทยไม่ปลอดภัยจากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ การฉีกข้อตกลงระหว่างประเทศอย่างไม่มีเหตุผลสมควรทำให้ประเทศไทยสูญเสียความชอบธรรมทางการทูต อันเนื่องมาจากการตัดช่องเจรจาอย่างสันติและอาจทำลายภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของไทยในเวทีระหว่างประเทศโดยเฉพาะในอาเซียน
คนไทยต้องไม่หลงคารมของพรรคการเมืองที่มุ่งหวังทำลายโอกาสความร่วมมือระหว่างประเทศ การไหลตามกระแสสังคมบางครั้งมักจะนำไปสู่ผลกระทบต่อสังคมในภาพรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเราคนไทยควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าสิ่งใดจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยมากกว่ากัน? และจะต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้การปลุกปั่นกลายเป็นต้นเหตุที่สร้างสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

23/07/2025

มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกที่ทหารจะมาโดนกับระเบิดในช่วงนี้
แม่ทัพภาคที่สองระบุชัดเจน กับระเบิดนี้เป็นของใหม่ คาดว่าเพิ่งมาวาง เดาว่าคงจะมาวางช่วงสัปดาห์ก่อนช่วงวันที่ 15 - 16 กรกฏาคม
ทำไมต้องหลังวันที่ 15 กรกฏาคม เพราะว่าเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับพิจารณาข้อเรียกร้องเรื่องเอกสารของนายก เพราะตอนแรกให้เวลา 15 วัน แต่ทางนายกทำหนังสือขอเลื่อนเวลา ดังนั้นถ้ารวมศาลพิจาณาให้เลื่อนแล้ว การตัดสินนายกแพรทองธารอย่างเร็วน่าจะช่วงปลายเดือน สิงหาคม - กลางเดือน กันยายน
มันนานเกินไป
ระเบิดครั้งนี้หวังผลให้คนไทยตื่นกลัว และหวังผลให้ศาลต้องตัดสินนายกเร็วขึ้น ประจวบเหมาะกับเรื่องภาษีทรัมป์ที่จะส่งผล 1 สิงหาคมนี้ ถ้าหากความวุ่นวายหลายเรื่องมารวมกัน เป็นไปได้ที่ศาลจะตัดสินไวขึ้น และนายกแพรทองธารจะหลุดจากตำแหน่ง ภายในต้นเดือนสิงหาคมนี้
ในวันพรุ่งนี้ เราจะเห็นใครหลายคน พร้อมพรรคการเมืองบางพรรค ดาหน้าออกมาพูดว่า "ประเทศไทยถึงทางตัน" ต้อง "ยุบสภา"
รักษาการนายกภูมิธรรมไม่มีอำนาจ ส่วนนายกตัวจริงบริหารประเทศไม่ได้ แก้ไขปัญหาไม่ได้ ดังนั้น ยุบสภา คือ "ทางออก"
หรือถ้าหาทางออกไม่ได้ เดี๋ยวศาลรัฐธรรมนูญ จะหาทางออกให้เอง
แล้วคิดดูจะส่งผลอะไรบ้าง
เรื่องที่ดินเขากระโดง - หยุด
การทำหน้าที่ของกองทัพ - สะดุด
แผนรุกล้ำเขตแดนของฮุนเซ็น - เดินหน้า
พรรคการเมืองบางพรรค - เตรียมเลือกตั้ง รอจับมือกันมาเป็นรัฐบาล
เขาเตรียมพร้อมกันไว้แล้ว กับระเบิดเป็นแค่ตัวจุดชนวนเฉยๆ
และดันบังเอิญทหารชั้นผู้น้อยเดินมาเหยียบพอดี

18/07/2025

ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้ประเทศไทยมี Entertainment Complex หรอก

เมื่อวันก่อน มีข่าวจากนักการเมืองท่านหนึ่งออกมาเปิดเผยว่า "จีน" ไม่อยากให้ไทยสร้าง Entertainment Complex เพราะกังวลในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องความปลอดภัย ศีลธรรม มอมเมาประชาชน ฯลฯ

ฟังแล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องคลองคลอดกระ
เรื่องนี้เราเถียงกันมาตั้งแต่สมัยปี 2500 ต้นๆ

เรารู้กันดีว่าถ้าหากขุดลอกคลองเชื่อมระหว่างทะเลอันดามันกับอ่าวไทย จะช่วยร่นระยะทางการขนส่งสินค้าได้มหาศาล สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมหาศาล

แต่สุดท้ายเราก็ติดเกรงใจ เกรงใจสิงค์โปร เกรงใจมาเลเซีย เกรงใจอินโดนีเซีย สุดท้ายประเทศเหล่านี้เขาก็ตั้งท่าเรือเก็บภาษีเอาไปกินเองหมด

มาวันนี้จะทำคลองคลอดกระอีกครั้งก็ไม่ทันแล้ว สิงค์โปรเขาไปไหนต่อไหนแล้ว เป็นทั้ง Financial Hub ทั้งจะเป็นผู้นำด้าน AI ตามมาด้วยเวียดนาม เขาก็เตรียมพัฒนาจังหวัดกว๋างนิญ (Quảng Ninh) สร้าง Tourist Hub เรียบร้อย

มาวันนี้จะให้ล้มเลิก Entertainment Complex เพราะเกรงใจประเทศรอบข้าง คนพูดนี่บ้าหรือเปล่า จะไม่ให้ประเทศพัฒนาไปถึงไหน

ทุกวันนี้หลายประเทศคัดค้าน Entertainment Complex เพราะกลัวศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของไทย แต่ถ้าคนไทยยังติด "เกรงใจ" ประเทศรอบข้างแล้วล่ะก็
...วันนึงอาจจะต้องขายแรงงาน ลำบากไปทำงานเอาค่าแรงสูงๆ ในประเทศเหล่านั้นก็ได้

14/07/2025

ไม่เรียกว่า ภูมิใจเขมร สมคบคิดกับหมา มีแต่บรรดาพวกขายชาติ แล้วจะเรียกว่าอะไร ?

ในการหาเสียง จะมีการโจมตี สาดโคลนใส่กันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เอาคลิปเสียงจากอังเคิลหมาๆ ตัวหนึ่งในประเทศแสกมเมอร์ มาเปิดเพื่อดิสเครดิส

ถามหน่อย นี่ไปรับงานจากอังเคิลมารึเปล่า เพื่อจะล้มรัฐบาล ปกป้องบ่อนแถวชายแดน ที่มีข่าวมาว่านักการเมืองสีน้ำเงินแถว ๆ นี้มีหุ้นส่วนอยู่ด้วย

เห็นว่ามีอีกหลายคลิป ที่คนของสีน้ำเงินเดินทางไปเอากับอังเคลเพื่อรอจังหวะเอามาเปิด แม้จะทำให้ประเทศสะดุด สังคมจะเกิดปัญหา สร้างความเกลียดชังต่อไปก็ไม่ว่า ขอเอาผลประโยชน์ของข้าและพวกพ้องไว้ก่อน

ตอนแรกก็ไม่เชื่อหรอกว่าพรรคการเมืองไทยจะไปสมคบคิดกับอังเคิลเขมรจริงๆ

แต่ลองคิดดูว่า

ใครกันที่เป็นคนลีลา ตอนรัฐบาลจะตัดไฟปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ใครกันที่เป็นคนบอกกับอังเคิลว่า ภูมิใจไทยจะโดนไล่ออกจากพรรคร่วม
และทำไมอังเคิลฮุนเซ็นถึงมันใจขนาดนั้นว่า "นายกไทยจะเปลี่ยนคน และนายกคนถัดไปจะชื่อ 'อนุทิน ชาญวีรกุล' อย่างแน่นอน"

ถ้าภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล เราจะเห็นนายกหนู บินไปขอบคุณฮุนเซ็นที่เขมร เปิดชายแดน ขายไฟให้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กลับมาทำงานอีกครั้งแน่ๆ

เพราะว่าธุรกิจนี้เขาลงทุนไว้แล้ว

10/07/2025

เผยออกมาชัดแล้ว เหตุผลที่อนุทินออกมาคัดค้าน Entertainment Complex ของพรรคเพื่อไทย แต่กลับอ้างว่า "จีน" ไม่ต้องการให้สร้างเพราะมันส่งผลเสียหลายอย่างต่อเศรษฐกิจของจีน
แท้จริงแล้วมันน่าจะส่งผลเสียต่อพวกบ่อนและธุรกิจสีเท่ามืดของกลุ่มเพื่อนเนวินสีน้ำเงินเสียมากกว่า
ยังจำกันได้ไหมว่า พอรัฐบาลจะมีแผนผลักดันเรื่องนี้เข้าสภา ก็ได้มีลุงฮุนเซ็นจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่งทหารออกมาโวยวายกันเสียใหญ่เพื่อสร้างความขัดแย้งภายในประเทศไทย
เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าหากประเทศไทยสร้าง Entertainment Complex ได้เมื่อไหร่ บ่อนที่ปอยเปตและสีหนุวิลล์ที่ถลุงเงินกว่า 1 แสนล้านบาท จะหายวับไปกับตา และรวมไปถึงเงินจากธุรกิจสีเทาๆของนักการเมืองบางค่ายด้วย
จริงๆแล้วบุรีรัมย์ก็ไม่ได้ไกลจากกัมพูชาซักเท่าไหร่ และมีข่าวแว่วๆ มาว่า "ครูใหญ่บางคน" ก็พูดภาษาเขมรได้คล่องเสียด้วย ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ลุงฮุนเซ็นบอกว่า "ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงนายก" แล้วใครกันล่ะที่รู้เบื้องลึกและใหญ่พอที่จะบอกฮุนเซ็นถึงผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญได้ล่วงหน้าแบบนี้
วันนี้อนุทินชักศึกเข้าบ้าน "อ้างจีน" บอกว่าสีจิ้นผิงไม่ชอบ ดันทุกวิถีทางไม่ให้ประเทศไทยสร้าง Entertainment Complex ให้ได้ทั้งที่เป้นเมืองท่องเที่ยว
ขอถามตรงๆเถอะว่า อนุทินเป็นคนไทยหรือเปล่า ทำไมไม่เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ จนถึงต้องทำตามที่จีนพูด หรือ เพราะมีกลุ่ม "จีนเทา" ที่เสียผลประโยชน์คอยเป็นนายทุนให้พรรคอยู่กันแน่
แล้วข่าวลือที่ว่าทุนบางส่วนของพรรคเองก็มาจากธุรกิจสีเทาตามชายแดน ไม่รู้เหมือนกันว่านี่รึเปล่าถึงเป็นเหตุผลที่ลีลา ไม่ยอมตัดน้ำตัดไฟ ขวางได้เท่าที่จะขวาง แม้ว่าคนในชาติจะเป็นยังไงก็ช่าง โดนหลอกสูญเสียกันไปหลายราย จนบางคนถึงกับKaตัวตายกันไปแล้วเท่าไหร่ก็ไม่รู้
เรามักจะบอกว่านักการเมืองมันชั่ว นี่แหละตัวอย่างของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ชั่วชาเลวระยำ เล่นการเมืองพวกพ้อง สนใจแต่ผลประโยชน์ตัวเอง ชักศึกเข้าบ้านขขายชาติ เพียงเพื่ออยากได้เงินจำนวนมากๆ
ที่ตายไปก็เอาไปไม่ได้

19/03/2025

11/03/2025

เมื่อไหร่แอปเรียกรถพวกนี้จะเลิกหน้าด้านปัดความรับผิดชอบซักที

หลายครั้งแล้วที่แอปเรียกรถสร้างปัญหามากกว่า Taxi โดยเฉพาะแอปบางแอปที่ไม่ได้มีมาตรฐานแบบแอปอื่นๆเขา

ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เกิดการลวนลามผู้โดยสารในรถกลางวันแสกๆ ครั้งนี้ไม่ได้มาจากรถบริหารสาธารณะ แต่ภัยร้ายครั้งนี้แฝงตัวมากับแอปพลิเคชั่นเจ้าดังอย่าง Bolt แอปสัญญชาติเอสโตเนียน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดมาในไทยไม่นานมานี้

ผู้โดยสารหลายคนเห็นว่าราคาถูกกว่าเจ้าอื่นๆ ก็เลยเปลี่ยนมาลองใช้ แต่ก็มีหลายคนคอมเพลนว่า คนขับไม่ตรงกับในแอปบ้าง ขับหวาดเสียวบ้าง ขับพาหลงบ้างก็มี

ร้ายแรงไปกว่านั้นยังมีกรณีเปิดคลิปโป๊ในระหว่างขับรถ ลวนลามจนเป็นเรื่องเป็นราวมาแล้ว หลายคนก็เรียกว่าเป็นแอปตลาดล่าง และพยายามชักชวนให้ห่างๆกันไป

มาครั้งนี้คนขับ Bolt เอาใหญ่ ลวนลามผู้โดยสารกลางวันแสกๆ พอถูกจับได้โทรมาขอร้องบอกว่ามีลูกมีเมียต้องดูแล โถถถถ ตอนทำมันไม่คิด หรือไม่รู้ใช้หัวไหนคิด กล้าพูดมาได้ แล้วจะต้องให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดไปถึงอีกเมื่อไหร่ ควรจะมีการควบคุมดูแลจัดการแล้วหรือยัง

อย่างแรกทุกแอปควรมีมาตรฐานมากกว่านี้ ห้ามให้คนที่มีประวัติก่ออาชญากรรมมาขับเด็ดขาด และที่สำคัญห้ามให้คนอื่นมาขับแทน โดยเฉพาะต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง

อย่างที่สอง ทุกแอปต้องมีการประกันภัยทุกครั้ง หากเกิดเหตุอะไรก็ตามผู้โดยสารสามารถเรียกค่าชดเชยได้ ไม่ว่าจะเป็นของหาย เฉี่ยวชน ไม่ควรจะขอโทษขอโพยแล้วจบกันไป ควรสามารถไปร้องเรียนแอปให้รับผิดชอบได้โดยตรง

ประเทศก็เฮ็งซวย ระบบขนส่งสาธารณะก็ห่วยแสนห่วย แล้วชีวิตนี้กูจะต้องมาเจอคนขับหื่นกามอีกเหรอ อย่างน้อยกูจ่ายแพงขึ้นแล้วชีวิตกูควรมีความปลอดภัยบ้างรึเปล่าวะ