Rocket Media Lab ร็อกเกต มีเดีย แล็บ

ร็อกเกต มีเดีย แล็บ คือแหล่งข้อมูลติดตามประเด็นสังคม ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เพื่อต่อยอดในงานข่าว

เอกลักษณ์ของร็อกเกต มีเดีย แล็บ คือการคัดเลือกโจทย์วิจัยจากประเด็นที่มีคุณค่าข่าว (newsworthy) นำเสนอเป็นสองส่วน คือ 1) ฐานข้อมูลดิบ เป็นฐานข้อมูลสาธารณะให้สื่อมวลชนและผู้ที่สนใจสามารถอ้างอิงได้ และ 2) บทวิเคราะห์ เป็นบทความความคิดเห็นที่ตั้งอยู่บนฐานข้อมูล

ร็อกเกต มีเดีย แล็บ ออกแบบการวิจัยด้วยระเ

บียบวิธีหลากหลาย อาทิ การค้นคว้าสอบทานจากฐานข้อมูลสาธารณะ ทั้งที่มีอยู่แล้วและที่รวบรวมขึ้นใหม่ การสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมของคน ผ่านแบบสอบถามหรือเครื่องมือติดตามบทสนทนาในสื่อสังคม การทบทวนวรรณกรรม และการสัมภาษณ์

ร็อกเกต มีเดีย แล็บ รวบรวม วิจัย และผลิตข้อมูลสาธารณะ ยินดีให้สื่อและบุคคลทั่วไปนำไปใช้งานได้ฟรีโดยอ้างอิงแหล่งที่มา

หากต้องการข้อมูลดิบเพื่อนำไปดัดแปลงหรือต่อยอด สามารถดูได้ที่ https://rocketmedialab.co/category/database/ หรือติดต่อเพิ่มเติมที่ contact [at] rocketmedialab.co

ร็อกเกต มีเดีย แล็บ ได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินงานบางส่วนจาก National Endowment for Democracy (NED) https://www.ned.org/

รู้ไหม เขตไหนในกรุงเทพฯ มีขนส่งสาธารณะดีที่สุดจากการจัดอันดับของ Bangkok Index 2024 เขตที่มีคะแนนในหัวข้อขนส่งสาธารณะมาก...
14/07/2025

รู้ไหม เขตไหนในกรุงเทพฯ มีขนส่งสาธารณะดีที่สุดจากการจัดอันดับของ Bangkok Index 2024

เขตที่มีคะแนนในหัวข้อขนส่งสาธารณะมากที่สุด คือ เขตราชเทวี 48.75 คะแนน โดยมีสายรถเมล์ 72 สาย และมีสถานีรถไฟฟ้า 6 สถานี รองลงมาคือ เขตปทุมวัน 48.25 คะแนน โดยมีสายรถเมล์ 60 สาย และมีสถานีรถไฟฟ้า 10 สถานี และเขตจตุจักร ได้ 47.75 คะแนน จาก 50 คะแนน โดยมีสายรถเมล์ 56 สาย และมีสถานีรถไฟฟ้า 19 สถานี
ส่วนเขตที่มีคะแนนในหัวข้อขนส่งสาธารณะน้อยที่สุด คือ เขตคลองสามวา ได้เพียง 0.75 คะแนน จาก 50 คะแนน โดยมีสายรถเมล์เพียง 3 สาย และไม่มีสถานีรถไฟฟ้า ตามมาด้วยเขตทุ่งครุ 1.5 คะแนน โดยมีสายรถเมล์เพียง 4 สาย และไม่มีสถานีรถไฟฟ้า และเขตหนองจอก 2 คะแนน โดยมีสายรถเมล์เพียง 5 สาย และไม่มีสถานีรถไฟฟ้า
ดู Bangkok Index 2024 : https://bkkindex.rocketmedialab.co

จังหวัดไหนได้งบกระตุ้นเศรษฐกิจไปมาก-น้อย ที่สุดจากข้อมูลทั้งหมด จะเป็นได้ว่าแม้ภาคกลางจะได้งบประมาณมากที่สุด แต่อาจเป็นเ...
13/07/2025

จังหวัดไหนได้งบกระตุ้นเศรษฐกิจไปมาก-น้อย ที่สุด
จากข้อมูลทั้งหมด จะเป็นได้ว่าแม้ภาคกลางจะได้งบประมาณมากที่สุด แต่อาจเป็นเพราะนนทบุรีและกรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งของหน่วยงานที่ได้งบก่อนจะกระจายไปสู่พื้นที่ต่างๆ อีกที แต่หากตัดนนทบุรีและกรุงเทพฯ ออกไป จะพบว่านครราชสีมาเป็นจังหวัดที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด 3,539,738,200 บาท คิดเป็น 3.07% ของงบทั้งหมด และใน 10 อันดับแรก (หากตัดนนทบุรีและกรุงเทพฯ ออก) ก็มีจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือถึง 6 จังหวัดด้วยกัน ในขณะที่จังหวัดที่ได้รับงบประมาณน้อยที่สุดในประเทศ 10 อันดับแรก เป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคกลางและภาคใต้ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยมีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวนั้นได้งบประมาณน้อยเป็นอันดับที่ 75 ของประเทศเลยทีเดียว
อ่านทั้งหมดได้ที่ https://rocketmedialab.co/economic-stimulus-budget/
#งบประมาณ #งบกระตุ้นเศรษฐกิจ #งบ68

ภาคกลางได้งบไปมากที่สุด ภาคตะวันออกได้งบไปน้อยที่สุดเมื่อนำข้อมูลโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิ...
12/07/2025

ภาคกลางได้งบไปมากที่สุด ภาคตะวันออกได้งบไปน้อยที่สุด
เมื่อนำข้อมูลโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ซึ่ง ครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2568 จำนวน 481 โครงการ 8,939 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 115,375.2715 ล้านบาท เมื่อนำมาแยกเป็นรายพื้นที่ว่าได้รับงบประมาณมาก-น้อย ที่สุด หากพิจารณาเป็นรายภาคจะพบว่า ภาคกลางได้รับงบประมาณไปมากที่สุด 43,858,160,900 บาท หรือคิดเป็น 38.01% ของงบทั้งหมด นนทบุรีและกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่ได้งบมากที่สุดอันดับ 1 และ 2 มีสาเหตุจากทั้งการเป็นที่ตั้งของหน่วยงานที่ได้งบ เช่น สำนักงานประกันสังคม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการที่งบบางส่วนยังไม่ได้ระบุพื้นที่
อ่านทั้งหมดได้ที่ https://rocketmedialab.co/economic-stimulus-budget/
#งบประมาณ #งบกระตุ้นเศรษฐกิจ #งบ68

ในงบ 1.15 แสนล้าน พบเป็นงบปรับปรุงซ่อมแซมมากที่สุดจากงบประมาณในโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ...
11/07/2025

ในงบ 1.15 แสนล้าน พบเป็นงบปรับปรุงซ่อมแซมมากที่สุด
จากงบประมาณในโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งหมด 115,375,271,500 บาท หากจำแนกตามลักษณะงานเป็น 4 แบบ ได้แก่ สร้าง ปรับปรุงซ่อมแซม เพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาศักยภาพและกระจายรายได้ พบว่า การปรับปรุงซ่อมแซม ซึ่งหมายถึงโครงการที่เป็นการปรับปรุง บำรุงรักษา สิ่งก่อสร้างหรืออุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว มีสัดส่วนมากที่สุด 37.22% รองลงมาเป็นการสร้าง ซึ่งหมายถึงการสร้างสิ่งก่อสร้างและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ถนน อาคาร ระบบชลประทาน ระบบสัญญาณไฟจราจร เครื่องหมายจราจร 36.98% อันดับ 3 การพัฒนาศักยภาพและกระจายรายได้ ซึ่งหมายถึง การกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน การท่องเที่ยว 22.02% และอันดับ 4 เพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งหมายถึงโครงการที่ระบุว่าเป็นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ ในกรมทรัพยากรน้ำและกรมชลประทาน 3.78%
อ่านทั้งหมดได้ที่ https://rocketmedialab.co/economic-stimulus-budget/
#งบประมาณ #งบกระตุ้นเศรษฐกิจ #งบ68

งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้าน ถูกนำไปใช้เรื่องอะไร ผ่านหน่วยงานไหนบ้างเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ...
10/07/2025

งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้าน ถูกนำไปใช้เรื่องอะไร ผ่านหน่วยงานไหนบ้าง
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งจะดำเนินโครงการโดย 50 หน่วยรับงบประมาณ จำนวน 481 โครงการ 8,939 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 115,375.2715 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน (น้ำและคมนาคม), การท่องเที่ยว, การส่งออกและเพิ่มผลิตภาพ, และเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งคาดว่างบประมาณนี้จะช่วยกระตุ้น GDP ได้ประมาณ 0.4%
Rocket Media Lab ชวนสำรวจ งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้าน ว่าถูกนำไปใช้เรื่องอะไร ผ่านหน่วยงานไหนบ้าง
อ่านทั้งหมดได้ที่ https://rocketmedialab.co/economic-stimulus-budget/
#งบประมาณ #งบกระตุ้นเศรษฐกิจ #งบ68

จากข้อมูลของมูลค่าตลาดเครื่องปรุงรสของไทย จากปี 2562 - 2568 โดย Krungthai COMPASS พบว่า มูลค่าตลาดเครื่องปรุงรสของไทยมีก...
09/07/2025

จากข้อมูลของมูลค่าตลาดเครื่องปรุงรสของไทย จากปี 2562 - 2568 โดย Krungthai COMPASS พบว่า มูลค่าตลาดเครื่องปรุงรสของไทยมีการเติบโตขึ้นตลอด 5 ปี โดย มูลค่าตลาดในปี 2562 อยู่ที่ 4.57 หมื่นล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 5.64 หมื่นล้านบาท ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้น กว่า 23.41% ทั้งนี้จากข้อมูลของมูลค่าตลาดเครื่องปรุงรสของไทย จากปี 2561 - 2565 โดยศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรม เครื่องปรุงรสที่มีสัดส่วนการขายในตลาดมากที่สุดคือซุปก้อน 23% รองลงมาก็คือน้ำปลา 22% ซอสถั่วเหลือง 18% ผงชูรส 12% ซอสหอยนางรม 9% สมุนไพรและเครื่องเทศ 3% และอื่นๆ อีก 13%
จากตัวเลขการเติบโตของผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมสูงทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การเป็นโรคไตเรื้อรังมากขึ้น การรณรงค์ให้เห็นถึงผลของการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในระยะยาวและเกินปริมาณที่พอเหมาะที่อาจจะนำไปสู่หนทางของการเป็นโรคไตเรื้อรัง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้คนตระหนักถึงไลฟ์สไตล์และการบริโภคที่สร้างความเสี่ยงของตนเอง ขณะเดียวกันภาครัฐก็อาจมีมาตรการอื่นๆ มาเสริมเพื่อทำให้การบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมสูงอยู่ในเกณฑ์ที่พอดี หนึ่งในมาตรการที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือการเก็บภาษีจากผลิตภัณฑ์โซเดียมสูงบางประเภท หรือที่เรียกว่า ‘ภาษีความเค็ม’
อ่านทั้งหมดที่ https://rocketmedialab.co/kidney-disease/
#โรคไต #โรคไตเรื้อรัง #โรคไตวายเรื้อรัง

จากข้อมูล Global Demand Rankings Instant noodle โดย World Instant Noodle Association พบว่าคนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป...
08/07/2025

จากข้อมูล Global Demand Rankings Instant noodle โดย World Instant Noodle Association พบว่าคนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากปี 2562 อยู่ที่ 3,710 ล้านซอง เพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านซองในปี 2567 และมากเป็นอันดับ 9 ของโลก
ไม่เพียงแค่อาหารเท่านั้น ที่ทำให้เห็นถึงพฤติกรรมการ ‘ติดเค็ม’ ของคนไทย แต่เมื่อเราพิจารณาจากยอดขายเครื่องปรุงรส ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณโซเดียมสูงและเป็นสิ่งที่อยู่ในวัฒนธรรมอาหารของไทย ที่ต้องมีการปรุงรส ไม่ว่าจะด้วยน้ำปลา ซอสประเภทต่างๆ ไปจนถึงผงปรุงรส หรือผงชูรสที่กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการประกอบอาหารของคนไทย
อ่านทั้งหมดที่ https://rocketmedialab.co/kidney-disease/
#โรคไต #โรคไตเรื้อรัง #โรคไตวายเรื้อรัง

นอกจากพฤติกรรมติดหวานของคนไทยแล้ว ยังพบว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนไทยยังมีการ ‘ติดเค็ม’ อีกด้วย ซึ่งการกินเค็มมีโอกา...
08/07/2025

นอกจากพฤติกรรมติดหวานของคนไทยแล้ว ยังพบว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนไทยยังมีการ ‘ติดเค็ม’ อีกด้วย ซึ่งการกินเค็มมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรังมากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการบริโภคขนมขบเคี้ยวรสเค็ม (Salty Snacks) ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50% ในบรรดาขนมทั้งหลายที่เราเห็นวางขายบนชั้นในร้านสะดวกซื้อ นอกจากนี้ จากข้อมูลแนวโน้มตลาดขนมขบเคี้ยวไทย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังพบว่าตลาดขนมขบเคี้ยวรสเค็มหรือเผ็ดของไทยยังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
โดยยอดขายขนมขบเคี้ยวในไทยในปี 2564 อยู่ที่ 45,328 ล้านบาท และเติบโตขึ้นถึง 50,400 ล้านบาทในปี 2568 ซึ่งสะท้อนให้เห็นความนิยมในการบริโภคขนมขบเคี้ยวรสเค็มหรือเผ็ดของไทยของคนไทยที่มีมากขึ้น โดยขนมขบเคี้ยวประเภทมันฝรั่ง มีปริมาณโซเดียมตั้งแต่ 80 – 1,080 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ซึ่งมากกว่าครึ่งของปริมาณโซเดียมที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน ( 2,000 มก. หรือ 1 ช้อนชาต่อวัน) และยังเป็นประเภทของขนมขบเคี้ยวรสเค็มที่ได้รับความนิยมสูงอีกด้วย
ไม่เพียงแค่ขนมขบเคี้ยวเท่านั้นที่มีปริมาณโซเดียมสูง อีกหนึ่งอาหารที่เป็นที่นิยมของคนไทยอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็เต็มไปด้วยโซเดียมเช่นเดียวกัน โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะมีปริมาณโซเดียมแตกต่างกันไปตามรสชาตินั้นๆ ซึ่งจากผลสำรวจพบว่า ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณโซเดียมน้อยที่สุด คือ 700 มก.ต่อซอง ในขณะที่ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมมากที่สุด คือ มากถึง 2,360 มก. ต่อซอง ซึ่งเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำใน 1 วัน คือ 2,000 มก.
อ่านทั้งหมดที่ https://rocketmedialab.co/kidney-disease/
#โรคไต #โรคไตเรื้อรัง #โรคไตวายเรื้อรัง

โรคเบาหวาน นอกจากพันธุกรรมแล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตยังอาจส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานได้อีกด้วย โดยเฉพาะการรับประทานของหวานมากเ...
07/07/2025

โรคเบาหวาน นอกจากพันธุกรรมแล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตยังอาจส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานได้อีกด้วย โดยเฉพาะการรับประทานของหวานมากเกินไปจนเกิดภาวะน้ำหนักเกิน และทำให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง การบริโภคความหวานจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคเบาหวานได้ และอาจนำไปสู่การเป็นโรคไตเรื้อรังได้เช่นเดียวกัน
จากข้อมูลของสำนักคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ที่แสดงให้เห็นถึงการบริโภคน้ำตาลทางอ้อมภายในประเทศของคนไทยพบว่า ในปี 2565 คนไทยบริโภคน้ำตาล 25.4 ช้อนชา/วัน (จากการคำนวณโดยน้ำตาล 1 ช้อนชา = 4 กรัม) เกินกว่าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดปริมาณการบริโภคน้ำตาลไว้ที่ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา กว่า 4 เท่า
อ่านทั้งหมดที่ https://rocketmedialab.co/kidney-disease/
#โรคไต #โรคไตเรื้อรัง #โรคไตวายเรื้อรัง

ส่วนเครื่องฟอกไตนั้น จากข้อมูลทรัพยากรสาธารณสุขในปี 2566 พบว่า จำนวนเครื่องฟอกไตทั่วประเทศมีจำนวน 9,654 เครื่อง โดยภาคกล...
07/07/2025

ส่วนเครื่องฟอกไตนั้น จากข้อมูลทรัพยากรสาธารณสุขในปี 2566 พบว่า จำนวนเครื่องฟอกไตทั่วประเทศมีจำนวน 9,654 เครื่อง โดยภาคกลางมีจำนวนเครื่องฟอกไตมากที่สุด 3,940 เครื่อง รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตามลำดับ ซึ่งหากนำจำนวนเครื่องฟอกไตมาหารเฉลี่ยกับผู้ป่วยระยะที่ 4-5 ที่จำเป็นต้องฟอกไตรายภาคแล้ว จะพบว่าภาคที่เครื่องฟอกไตต้องรองรับผู้ป่วยมากที่สุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย 1 เครื่องต้องรองรับผู้ป่วย 47 คน รองลงมาคือภาคใต้ และภาคเหนือ ซึ่งยิ่งตอกย้ำภาระทางสาธารณสุขของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่น่ากังวลทั้งในปัจจุบันและอนาคตมากขึ้นไปอีก
ไม่เพียงแค่นั้น หากจะพิจารณาถึงความเพียงพอระหว่างผู้ป่วยที่ต้องฟอกไตกับจำนวนเครื่องฟอกไตที่มี โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ว่าผู้ป่วยไตวายที่ต้องบำบัดด้วยการฟอกเลือดล้างไตจะต้องล้างวันละ 4 – 5 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง หรือใน 1 วัน ตามเวลาราชการ 8:30 – 16:30 น. จะทำการฟอกไตผู้ป่วยได้เพียง 2 คนต่อวันในเวลาราชการ ต่อ 1 เครื่องฟอกไต และอาจจะสามารถฟอกได้ เพียง 4-6 คน ต่อสัปดาห์ ต่อการให้บริการ 1 เครื่อง หากมีการจัดคิวฟอกไตอย่างเป็นระบบ
การคำนวณอัตราการให้บริการเครื่องฟอกไต หากมีการให้บริการตามเวลาราชการ 8:30 – 16:30 น. (8 ชั่วโมง) ซึ่งสถานบริการฟอกไตส่วนใหญ่มักเปิดทำการ 6 วันต่อสัปดาห์ จะเท่ากับ 1 x 2 x 6 = 12 ครั้ง ต่อสัปดาห์ สำหรับ 1 เครื่อง (ไม่นับรวมกรุงเทพฯ ที่บางโรงพยาบาลสามารถให้บริการนอกเวลาได้) จะพบว่ามีเพียงพื้นที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถรองรับความต้องการฟอกไตของผู้ป่วยไตเรื้อรังในระยะที่ 4 - 5 ได้ ในขณะที่จังหวัดอื่นๆ อาจมีไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ หากคำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับการฟอกไต สำหรับการฟอกไตในส่วนของการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเพียงอย่างเดียว ด้วยจำนวนผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง กว่า 63,352 คน ซึ่งผู้ป่วย 1 คน มีค่าใช้จ่ายต่อปีอยู่ที่ 160,000-170,000 บาท แล้วนั้น จะพบว่าต้องใช้งบประมาณมากกว่า 10,136,320,000 - 10,769,840,000 บาท ซึ่งนี่เป็นเพียงตัวเลขจากผู้มีสิทธิบัตรทอง ที่สามารถเข้าถึงการล้างไตด้วยการฟอกเลือดโดยเครื่องไตเทียม ได้อย่างเหมาะสมเท่านั้น แต่หากดูตัวเลขผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในระยะที่ 4 - 5 นั้น จะพบว่ามีอีกจำนวนมากที่อาจจะยังเข้าไม่ถึงการรักษาที่เหมาะสม
หากจะให้เข้าถึงการรักษาและสามารถฟอกไตได้ทุกคน เมื่อคำนวณจากผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในระยะที่ 4-5 ที่จำเป็นต้องได้รับการฟอกไตในปี 2567 ซึ่งมีทั้งหมด 294,691 คน (รวมจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่ในสิทธิบัตรทอง) อาจจะต้องใช้งบประมาณถึง 47,150,560,000- 50,097,470,000 บาท
และหากพิจารณาในส่วนของเครื่องฟอกไต โดยอ้างอิงข้อมูลที่ว่าสถานพยาบาลนั้นเปิดบริการ 6 วัน (ไม่รวมคลินิกฟอกไต) จะเท่ากับว่าใน 1 สัปดาห์จะล้างไตให้ผู้ป่วยได้ 4 - 6 คน หรือหากคำนวณตามจำนวนเครื่องฟอกไตที่อยู่ทั้งหมดในปัจจุบันจะรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 38,616 - 57,924 คน ซึ่งอาจจะทำให้มีผู้ป่วยที่อาจจะเข้าไม่ถึงการฟอกไตอย่างสม่ำเสมอ อีกกว่า 256,075 - 236,767 คนจากจำนวนผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องฟอกไตทั้งหมด
ซึ่งหากอยากให้ผู้ป่วยในระยะที่ 4-5 เข้าถึงการฟอกไตด้วยการจัดหาเครื่องฟอกไตให้มีจำนวนเพียงพอต่อผู้ป่วย จะพบว่าต้องมีการจัดหาเครื่องฟอกไตเพิ่มอีกอย่างน้อย 54,365 เครื่อง ถึงจะเพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 4-5 และหากอ้างอิงราคามาตรฐานของเครื่องฟอกไตทั่วไปในราคาเครื่องละ 500,000 บาทก็จะพบว่าต้องใช้งบประมาณมากกว่า 32,009,375,000 บาท อย่างไรก็ตาม ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่เครื่องฟอกไตที่มีประสิทธิภาพสูงอาจมีราคาสูงถึง 940,000 บาท ซึ่งก็อาจจะทำให้งบประมาณที่ต้องใช้เพิ่มมากขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้น ความพยายามจะให้ผู้ป่วยในระยะที่ 4-5 เข้าถึงการฟอกไตได้อย่างสม่ำเสมอไม่ได้มีเพียงปัจจัยในเรื่องของเครื่องฟอกไตเท่านั้น แม้จะมีงบประมาณเพื่อจัดหาเครื่องฟอกไตมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องเพิ่มขึ้นตามกันด้วยก็คือบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งก็ต้องใช้งบประมาณมหาศาลอีกเช่นเดียวกัน
จากข้อมูลทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงว่า วิกฤตของโรคไตเรื้อรังในประเทศไทย ไม่ได้มีเพียงแค่ประเด็นเรื่องจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภาระทางสาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ซึ่งปัจจุบันยังมีไม่เพียงพอ และทำให้ผู้ป่วยไม่อาจเข้าการรักษาได้อย่างสม่ำเสมอ และดูเหมือนว่าหากจำนวนผู้ป่วยยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และบุคลากรทางการแพทย์ รวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ยังคงมีไม่เพียงพอเช่นนี้ก็จะทำให้โรคไตเรื้อรังยากที่จะดูแลจัดการได้ในอนาคต
อ่านทั้งหมดที่ https://rocketmedialab.co/kidney-disease/
#โรคไต #โรคไตเรื้อรัง #โรคไตวายเรื้อรัง

Rocket Media Lab เคยสำรวจซีรีส์วาย BL ในไทยทั้งหมดในรอบ 10 ปี (2014-2023) โดยเลือกสำรวจรสนิยมทางเพศของตัวละครคู่หลักในซี...
06/07/2025

Rocket Media Lab เคยสำรวจซีรีส์วาย BL ในไทยทั้งหมดในรอบ 10 ปี (2014-2023) โดยเลือกสำรวจรสนิยมทางเพศของตัวละครคู่หลักในซีรีส์วาย 418 ตัวละคร 209 คู่ ซึ่งนับเฉพาะคู่หลักของเรื่อง พบว่าในจำนวนซีรีส์วาย 209 เรื่อง (จำนวน 209 คู่) จากปี 2014 ถึงปี 2023 มีตัวละครพระเอกและนายเอกที่แสดงให้เห็นรสนิยมทางเพศอย่างชัดเจนว่าชอบเพศเดียวกัน จำนวน 129 เรื่อง คิดเป็น 61.72%
ย้อนกลับไปที่ ซีรีส์ BL (Boys' Love) หลายคนมักนึกถึงพล็อตหรือเอกลักษณ์จำเพาะ เช่น เรื่องราวความรักในรั้วมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะคณะวิศวกรรมศาสตร์ หรือการที่ "ชายแท้" สองคนค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์จนเกิดเป็นความรัก คำถามที่น่าสนใจคือ แล้วในฝั่งของซีรีส์ GL (Girls' Love) มีเอกลักษณ์ทำนองนี้บ้างหรือไม่?
จากการสำรวจรสนิยมทางเพศของตัวละครคู่หลักในซีรีส์ Girls' Love (GL) ทั้งหมด 51 คู่ ซึ่งครอบคลุมตัวละคร 102 ตัว ในที่นี้แบ่งบทบาทของตัวละคร โดยจะเรียกว่าเป็นนางเอกคนที่ 1 และนางเอกคนที่ 2 พบ ดังภาพ
จากผลสำรวจทั้งหมด จะพบว่า ไม่ว่าจะเป็นนางเอกคนที่ 1 หรือนางเอกคนที่ 2 ของเรื่องพบว่าตัวละครที่มีรสนิยมทางเพศแบบไม่ระบุอัตลักษณ์ทางเพศสูงที่สุด ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มของซีรีส์ GL ที่ต้องการนำเสนอความลื่นไหลทางเพศ หรือการที่ตัวละครไม่ได้จำกัดอัตลักษณ์ของตนเองตายตัว และหากสำรวจลึกลงไปอีกว่ารสนิยมทางเพศแบบไหนที่มักจะเจอในซีรีส์ GL เมื่อสำรวจจาก 51 เรื่อง พบรูปแบบดังภาพ
ทั้งนี้ที่ไม่พบเลยคือประเภทที่ตั้งคำถามกับอัตลักษณ์ตัวเองอย่างหนัก แตกต่างจากฝั่ง BL โดยจะพบว่า ซีรีส์ GL ไทย มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่คือการที่ตัวละครหญิงมักจะก้าวข้ามการตั้งคำถามเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ กล่าวคือพวกเธอมักตกหลุมรักกันโดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการตั้งคำถามกับตัวเองอย่างหนักหน่วงเหมือนที่พบได้บ่อยในซีรีส์ BL โดยพบว่าหลายเรื่องเปิดตัวละครมาโดยระบุชัดเจนว่าเป็นเลสเบี้ยนหรือแซฟฟิก
และความขัดแย้งหลักในซีรีส์ GL ไม่ได้เกิดจากภายในใจของตัวละคร แต่เป็นการปะทะกับกำแพงภายนอก อย่างสถาบันครอบครัวและแนวคิดที่คาดหวังให้เป็นลูกสาวที่ดี ต้องแต่งงานกับผู้ชายเพื่อรักษาหน้าตาและสืบทอดวงศ์ตระกูล
ภาพนี้สะท้อนชัดเจนในซีรีส์อย่าง GAP The Series ทฤษฎีสีชมพู (2022) และภาคแยก Blank เติมคำว่า (รัก) ลงในช่องว่าง (2024) ที่ตัวละครอย่างหม่อมสาม และคุณหนึ่ง ไม่เคยสับสนในความรักที่มีต่อผู้หญิงด้วยกัน แต่ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการต่อสู้กับหม่อมย่า ที่พยายามจับคู่ให้ หรือในเรื่อง Club Friday The Series: Love Bully รักให้ร้าย (2024) ที่ปัญหาซับซ้อนยิ่งกว่าแค่เรื่องของตัวละคร เมื่อไนท์ต้องเจอกับเปิดเผยความจริงเรื่องพ่อที่เป็นกะเทย ซึ่งเป็นบาดแผลจากการถูกบูลลี่มาทั้งชีวิต คู่ไปกับการที่คนรักอย่างไอรีนต้องเผชิญหน้าปัญหาที่ว่า แม่ที่รับไม่ได้ที่ชอบผู้หญิง
อ่านทั้งหมดที่ https://rocketmedialab.co/13-years-thai-gl-evolution
#ฟรีนเบค #หลิงออม #อิงล็อต #ซีรีส์วาย #แซฟฟิก

สำหรับศูนย์ฟอกไตนั้น จากข้อมูลของระบบค้นหาหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช. พบหน่วยบำบัดทดแทนไต ทั้งหมด 1,...
06/07/2025

สำหรับศูนย์ฟอกไตนั้น จากข้อมูลของระบบค้นหาหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช. พบหน่วยบำบัดทดแทนไต ทั้งหมด 1,039 หน่วย แบ่งได้เป็นหน่วยบำบัดทดแทนไตในประเภทปลูกถ่ายไต (28 หน่วย), ล้างไตผ่านทางช่องท้อง (284 หน่วย), ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (998 หน่วย) (ทั้งนี้ แต่ละหน่วยบริการอาจมีบริการฟอกไตมากกว่า 1 ประเภท) ซึ่งจะพบว่าจำนวนหน่วยบำบัดทดแทนไต ต่อผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฟอกไตทั่วประเทศจะได้ 283.63 คน ต่อ 1 หน่วยบำบัดทดแทนไต โดยภาคกลางมีหน่วยบำบัดทดแทนไตมากที่สุด 401 หน่วย รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
อ่านทั้งหมดที่ https://rocketmedialab.co/kidney-disease/
#โรคไต #โรคไตเรื้อรัง #โรคไตวายเรื้อรัง

ที่อยู่

Din Daeng

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Rocket Media Labผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Rocket Media Lab:

แชร์