27/11/2023
NEWS อดีตตำรวจชุดจับกุมลูกน้องอัยการ เชื่อ“แป้งนาโหนด”พูดความจริง
อดีตตำรวจชุดจับกุม“จรวด” ลูกน้องอัยการ เผยที่ “แป้ง” พูดความจริงตัดพ้อต่อหน้า จนท. ถูกอัยการบอยหักหลัง ให้วางแผนปล้น คิดว่าเป็นโจรชิงตัวประกัน หลังเกิดเรื่องติดต่อขอคืนปืน สุดท้ายถูกต้องคดีคนเดียว พวกทั้งหมดรอด
พัทลุง วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 จากกรณีที่มีคลิป แป้ง นาโหนด เผยแพร่ออกมา ในคลิปมีการตัดพ้อถึงการที่เจ้าตัวไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกหักหลังจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง เป็นเหตุผลที่ได้วางแผนหนีจากเรือนจำ
ในคลิป แป้ง อ้างว่า ต้องการออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองและนักโทษกว่า 393 ราย
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้วิดีโอคอลพูดคุยกับ อดีต ผบ.ร้อย ตชด.434 พัทลุง พ.ต.ท.วีระศักดิ์ คงเพชร ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ ที่ตำรวจชุดจับกุม สิทธิเดช ทรงเดชะ หรือ จรวด ว่าเมื่อ 2 ก.ค.2562 ติดต่อขอกำลังเสริม หลังถูกกลุ่ม แป้ง นาโหนด และพวกกว่า 20 คน วางแผนปล้นชิงตัวประกัน
พ.ต.ท.วีระศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า วันที่ แป้ง พร้อมพวกกว่า 20 คน บุกเข้ามาชิงตัว จรวด ที่ก่อนหน้านี้ ตำรวจ จับกุม อัตชัย เลื่อนแป้น เครือข่ายยาเสพติดได้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนมีการขยายผล โดยได้ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของ อัตชัย ว่า หัวหน้าใหญ่เจ้าของยาเสพติด คือ ต้น ฉายา “ต้น พม่า” ซึ่งข้อมูลแชทการสนทนาระหว่างอัตชัย กับ ต้น นั้น มีการระบุชื่อและข้อมูลผู้รับยาเสพติด โดยมีของ “บอย” เป็นคนรับยาบ้าไป
จากข้อมูลแชท คือ ต้น เจ้าของยาบ้า มีการซื้อขายยาบ้ากับ บอย โดยนำยาบ้าไปให้จำนวน 17 เป้ รวม 850 มัด คิดยาบ้ามัดละ 15,600 บาท รวมเป็นเงิน 13,260,000 บาท ในบิลระบุ มีการจ่ายเงินไปแล้ว 2.9 ล้าน ค้างจ่ายอยู่อีก 10,360,000 บาท
โดย ต้น ได้ใช้ให้ อัตชัย มีหน้าที่ไปทวงเงินค่ายาบ้าในส่วนที่เหลือ จากนั้นเมื่อจับกุม อัตชัยได้ ตำรวจจึงได้ติดต่อไปถึง ต้น เจ้าของยาบ้าตัวจริง เพื่อขยายผลจับกุมต่อ
ทีมข่าวยังได้คลิปเสียงการสนทนาระหว่าง ต้น กับ ตำรวจด้วย โดยในคลิปเสียง ต้น ให้เบาะแสว่า บอย ที่นำยาบ้าไปนั้น แท้จริง คือ สิทธิเดช หรือ จรวด โดยนำยาบ้าไปทั้งหมด 850 มัด
ต่อมาเมื่อตำรวจได้ข้อมูลจาก อัตชัย และ ต้น เจ้าของยาบ้าแล้ว จึงได้ขยายผลไปจับกุม บอย ที่บ้านพักที่ จ.พัทลุง โดยนำตัว อัตชัย ขึ้นรถไปด้วย เพื่อชี้พิกัดบ้าน
จากนั้นเมื่อไปถึงบ้านบอย เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุม และมารู้ว่า บอยนั้น จริงๆ แล้ว คือ ชื่อจริงคือ สิทธิเดช หรือ จรวด โดยมีการถ่ายภาพ และบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งคลิปเสียงอีกคลิปจะได้ยินตำรวจคุยกับ จรวด ให้ขยายผลนำยาบ้า ที่เอาไป เอามาส่งคืน โดยนัดให้นำยาบ้าที่เหลือมาวางไว้ มีการพูดคุยยาบ้าจำนวน 5 เป้ จำนวน 300 มัด
และในคลิปเสียง จรวด ได้มีการต่อรอง ว่า หากทำตามจะขอไม่ถูกจับ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัว จรวด และ อัตชัย นำไปขยายผล โดยให้ จรวด โทรศัพท์ติดต่อไปยังเครือข่ายที่ได้นำยาเสพติดไปฝากไว้นำมาส่งคืน เพื่อแลกกับการปล่อยตัว และไม่โดนดำเนินคดี
ต่อมา จรวด จึงได้โทรศัพท์ไปยังบุคคลรายหนึ่งที่อ้างว่า เป็นลูกพี่ ทราบภายหลังว่า คือ “อัยการบอย” เพื่อให้ลูกน้องนำของกลางที่เป็นยาเสพติดคงเหลือมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่า เจ้าของยาบ้า เขามาทวงยาบ้าคืน เพราะจ่ายเงินไม่ครบ
ขณะนั้นตำรวจมีการถ่ายคลิปมือถือ และบันทึกการสนทนาไว้ทั้งหมด และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ยังได้โทรศัพท์หาตนเองว่า หากยาบ้ามาถึงแล้ว จะขอกำลังเสริมจากตนเองบุกเข้ารวบตัวเครือข่ายที่นำยาบ้ามาส่งทันที ตนเองก็เตรียมตัวรอ
กระทั่งผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง จรวด พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้มีการนัดหมายกันในพื้นที่ ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุในตอนนั้น เมื่อถึงเวลานัดหมาย ปรากฏว่า ได้มีรถปริศนา รถตู้ จำนวน 1 คัน และรถกระบะสีดำอีก 2 คัน ได้ขับรถมาประกบหน้า-หลังรถของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จากนั้นได้มีชายฉรรจน์ เกือบ 20 คน ทุกคนใส่หมวกไอ้โม่งถืออาวุธปืนลงจากรถ และแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกให้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมหยุด อย่าขยับ พร้อมกับอ้างว่า เป็นตำรวจจับยาเสพติด ทำให้ตอนนั้น ตำรวจชุดจับกุม ตกใจและงงมากกว่า เป็นตำรวจชุดไหน และแสดงตัวเป็นตำรวจเช่นกัน ก่อนที่ตอนนั้น มีชายคนหนึ่ง ภายหลังทราบว่า คือ แป้ง หัวหน้าที่บุกมาชิงตัวประกัน ถามตำรวจว่า “อ่าว เป็นตำรวจจริงๆหรอ ไหนเอาบัตรตำรวจมาดู” เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงแสดงบัตรให้ดู แป้ง จึงได้พูดกลางวงที่ชิงตัวประกัน โดยต่อว่า จรวดว่า
“ไหนลูกพี่มึง บอกว่า เป็นโจรมาชิงตัวมึงไป อัยการบอกว่า โจรจับมึงไปไอ้จรวด ถ้ากูรู้ว่าเป็นตำรวจกูไม่มาหรอก ทำไมหลอกกูแบบนี้ “
ตอนนั้น จรวด ซึ่งหนีลงจากรถเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแล้ว ได้เข้ามาอยู่ฝั่งพวก แป้ง ที่มาช่วย โดยมีพวก ประธานติ่ง จ่าติ๊ก
ระหว่างนั้น จรวด ที่ได้เข้าไปแย่งปืนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และจะยิงตำรวจชุดจับกุม แต่ถูก แป้ง ได้ห้ามไว้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ยิน แป้ง บอกกับจรวดว่า “มึงอย่ายิงตำรวจ ถ้ามึงยิง มึงมีเรื่องกับกูแน่ เขาเป็นตำรวจจริง“ แต่ตอนนั้น จรวด ไม่ฟัง และได้ยิงใส่เจ้าหน้าที่ 1 คนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขา โดย แป้ง ไม่ใช่คนยิง ก่อนที่ แป้ง และพวก จะหลบหนีไป
ส่วน จรวด และอัตชัย ก็ได้ขึ้นรถพวกแป้ง ไปอีกคัน โดยก่อนจะหลบหนี จรวด ได้นำโทรศัพท์มือถือของตัวเอง และมือถือที่ตำรวจบันทึกการจับกุมเอาไปด้วยทั้งหมด
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมด้วยความตกใจและกังวล ไม่กล้าที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ทำได้เพียงเข้าไปปฐมพยาบาลที่โรงพยาบาลควนขนุน ก่อนย้ายไปพักที่โรงพยาบาลจังหวัดกระบี่
และหลังเกิดเรื่องขึ้น ช่วงเช้าของอีกวันทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้โทรศัพท์ติดต่อมายังตนเองเพื่อขอกำลังเสริมไปคุมกันเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เพื่อเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.นาขยาด
จากนั้น จึงได้ทราบเรื่องทั้งหมดจากชุดจับกุมว่า กลุ่มคนที่มาชิงตัว จรวด และ อัตชัย ไป คือ แป้ง หลังจากรู้ว่าเป็น แป้ง ตนเองจึงได้โทรศัพท์ไปหา แป้ง เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ทำไม แป้ง ทำแบบนี้
แป้งจึงบอกกับตนเองว่า เจ้าตัวไม่ทราบว่า บุคคลที่จับกุม จรวดไปคือตำรวจ เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง ได้รับโทรศัพท์จากคนที่ชื่อ ”อัยการบอย“ และ ”ประธานติ่ง“ และพ่อของจรวด ซึ่งได้ติดต่อ แป้ง มาขอความช่วยเหลือ อ้างว่า จรวดโดนกลุ่มรีดไถเกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดอุ้มไป อัยการบอย จึงได้โทรศัพท์ให้ แป้ง พร้อมทีมงานเข้าไปช่วยเหลือ โดยที่ไม่ได้มีการบอกความจริงว่า จรวดถูกตำรวจจับกุม เนื่องจากการขยายผลเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด
ตนเองจึงได้บอกให้ แป้ง นำอาวุธปืนที่พรรคพวกปล้นตำรวจไปนำมาคืน ตอนนั้น แป้ง บอกว่า ผมไม่ได้เอาปืนไป แต่คนที่นำปืนตำรวจไป คือ ประธานติ่ง 1 กระบอก , จ่าติ๊ก 1 กระบอก และ จรวด เอาไป 1 กระบอก รวม 3 กระบอก แต่ขณะนั้น แป้ง ได้ขอเวลา 2 วัน เพื่อนำปืนมาคืน เพราะประธานติ่ง นำปืน 1 กระบอกไปจำนวน ต้องไปไถ่ถอนออกมาก่อน
จนกระทั่งผ่านไป 2 วัน แป้งก็ได้นำปืนทั้งหมดมาคืนให้กับตนเอง เพื่อส่งมอบให้กับทางตำรวจ โดยให้ลูกน้องเป็นคนนำใส่ถุงมาให้ ก่อนที่ แป้ง และพวกทั้งหมด จะถูกจับกุมภายหลัง และมีการตั้งข้อหากับ แป้ง และพวก
แต่ต่อมา ตนเองไม่รู้ว่า กระบวนการแจ้งข้อหาเกิดอะไรขึ้น กลุ่มที่มีการเข้าไปชิงตัวประกัน กลับไม่มีใครโดนคดี และบางรายสามารถประกันตัวออกมาได้ แต่กลับดำเนินคดีและคัดค้านการประกันตัว แป้ง เพียงคนเดียว
ส่วนข้อครหาที่ว่า ตำรวจภาค 8 และกลุ่มพวกตนเอง มีการจับกุม จรวด พ่อค้ายาเสพติดไปเรียกค่าไถ่ เสนอเงิน 3 ล้าน ยืนยัน ไม่เป็นเรื่องจริง แต่ยอมรับว่า ระหว่างจับกุม จรวด ได้เสนอเงินเป็นค่าดูแลตำรวจ เพื่อแลกการปล่อยตัวจริง ตอนนั้น ตำรวจได้แกล้งรับปากไปเท่านั้น เพื่อ ให้จรวด ทำตามคำสั่งเพื่อนำยาบ้ามาให้ได้ ซึ่งไม่มีการรับเงินเพื่อเรียกค่าไถ่แต่อย่างใด
ส่วนการที่ แป้ง หลบและระบายออกมาในคลิปดังกล่าวนั้น ตนเองซึ่งเป็นคนที่รู้เหตุการณ์และรู้เรื่องราวก่อนหน้านี้ ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ซึ่งตนก็ยังคงมีหลักฐานบางส่วนที่ยังเก็บไว้
ทั้งนี้ มองการออกมาให้สัมภาษณ์ของ จรวด ที่อ้างว่า ตำรวจมีการรีดไถ่เงิน จึงทำให้ต้องมีการชิงตัวนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องราวทั้งหมดมาจากที่ จรวด ไปเบี้ยวค่ายาเสพติดจากทางกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดระดับสูงในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน มองสิ่งที่เกิดขึ้นทางครอบครัว จรวด รวมไปถึงอัยการบอย และบุคคลอื่นๆ น่าจะมีส่วนรู้เห็นและร่วมกันวางแผน ก่อนที่จะมาหลอก แป้ง ให้เข้าไปช่วย
สอดคล้องกับที่ แป้ง เองได้ให้ข้อมูลกับตนเองว่า บุคคลที่ แป้ง เชื่อและไว้วางใจจะมีเพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้น คือ อัยการบอย และประธานติ่ง
ดังนั้น เชื่อว่า การออกมาของ แป้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง น่าจะเกิดมาจากตัว แป้ง ถูกตั้งข้อหาและโดนจับกุม ทั้ง ๆ ที่แป้งไม่ได้เป็นคนทำ และไม่ได้เป็นคนยิงตำรวจ แถมยังห้าม “จรวด” ไม่ให้ทำร้ายร่างกายตำรวจด้วย
เหตุการณ์วันนั้นถ้าหากอัยการบอย ไม่ได้เป็นคนสั่ง หรือขอให้ช่วยเหลือ แป้งเองก็คงนิ่งเฉยและไม่กล้าที่จะเข้าไปช่วยอยู่แล้ว หากรู้ว่า เป็นตำรวจจริง