The Econ News

  • Home
  • The Econ News

The Econ News เพจรวบรวมข่าวเศรษฐกิจ นโยบายเศรษฐกิจที่น่าสนใจ Economic and Social News You can TRUST

 #เตรียมรับแรงกระแทก  #ภาษีทรัมป์  #ฉุดจีดีพีไทยถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันที่ 1 ส.ค.นี้ สหรัฐฯจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจาก...
09/07/2025

#เตรียมรับแรงกระแทก #ภาษีทรัมป์ #ฉุดจีดีพีไทย
ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันที่ 1 ส.ค.นี้ สหรัฐฯจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% จากเดิมที่เคยเก็บตั้งแต่ 0 – 20% แล้วแต่เป็นสินค้าประเภทใด เช่น เสื้อผ้า/สิ่งทอ 8-20% อาหารแปรรูป/เครื่องดื่ม 0-10% ถือว่าปรับขึ้นสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แถมเวียดนามยังเจรจาลดลงเหลือแค่ 20% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไทยในหลายมิติ
#ส่งออก สำนักวิจัยหลายแห่งประเมินว่า ผลจากภาษีทรัมป์จะทำให้ไทยสูญเสียตลาดส่งออก มูลค่าประมาณ 9 แสนล้านบาท ซึ่งตลาดส่งออกเป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คิดเป็น 57% ของจีดีพี
#แรงงาน ส่งผลโดยตรงต่อตลาดแรงงานในภาคการส่งออก ที่มีอยู่ประมาณ 18 – 20 ล้านคน ซึ่งจะกระทบมากหรือน้อยที่อยู่อุตสาหกรรมนั้น ๆ พึ่งพาตลาดสหรัฐมากน้อยเพียงใด
#การแข่งขัน ไทยเสี่ยงสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม สามารถเจรจาลดภาษีเหลือ 20% อาจทำให้เกิดการย้ายฐานลงทุน
#เศรษฐกิจถดถอย IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทย ปี 2568 จะขยายตัว 1.8% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งอยู่ที่ 4% และผลจากภาษีทรัมป์ จะทำให้อัตราการเติบโตลดลงอีก เหลือ 1.4 – 1.6% และเสี่ยงเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยโตต่ำสุดในภูมิภาค แถมในประเทศยังมีปัญหาในเชิงโครงสร้าง ความสามารถการแข่งขันที่ถดถอย หนี้ครัวเรือนที่เรื้อรัง ฉุดกำลังซื้อและการบริโภคภายในประเทศ ยิ่งมาเจอภาษีทรัมป์ซ้ำเติมเข้าไปอีก ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลกระทบในไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป เศรษฐกิจไทยเตรียมตัวรับแรงกระแทกระลอกใหม่ได้เลย

 #เที่ยวไทยสะสม17ล้านคนสร้างรายได้เฉียด8แสนล้านสถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2568  นายสรวง...
08/07/2025

#เที่ยวไทยสะสม17ล้านคนสร้างรายได้เฉียด8แสนล้าน

สถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2568

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงผลการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวเบื้องต้นพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 6 ก.ค. 68 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาสะสมแล้วกว่า 17 ล้านคน สำหรับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการเดินทางท่องเที่ยวในช่วง Summer holiday ของภูมิภาคยุโรป และ Winter holiday ของตลาดออสเตรเลียนั้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.54 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวออสเตรเลีย
ที่เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 26.88 และขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 5 จากเดิมในอันดับที่ 11 อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดปิดภาคเรียน ส่งผลให้ภาพรวมในสัปดาห์นี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ทั้งสิ้น 569,051 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 1,265 คน หรือร้อยละ 0.22 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 81,293 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ได้แก่ จีน (89,479 คน) มาเลเซีย (81,330 คน) อินเดีย (40,503 คน) เกาหลีใต้ (23,397 คน) และออสเตรเลีย (21,105 คน) โดยนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย จีน และเกาหลีใต้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าร้อยละ 26.88 ร้อยละ 11.06 และร้อยละ 1.32 ตามลำดับ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และอินเดีย
มีการปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าร้อยละ 20.96 และ 11.07 ตามลำดับ

สําหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทรงตัว
จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การปิดภาคเรียนในประเทศจีน ออสเตรเลีย และภูมิภาคยุโรป
การประกาศปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬา การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาลที่ช่วยเพิ่มการอํานวยความสะดวก
ในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตรตม.6 รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจํานวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น

สรุปภาพรวมการท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 7 ก.ค. 68 พบว่า ประเทศไทย
มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 6 ก.ค. 68 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 17,183,308 คน
สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 794,741 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย (2,374,584 คน) จีน (2,342,988 คน) อินเดีย (1,219,746 คน) รัสเซีย (1,049,951 คน) และเกาหลีใต้ (792,376 คน)

มาแล้ว  #คุณสู้เราช่วยเฟส2
02/07/2025

มาแล้ว #คุณสู้เราช่วยเฟส2

มาแล้ว โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 🎉
เพิ่มเติม มาตรการใหม่✅ “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมทั้งขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม☑️ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ ☑️ “จ่าย ปิด จบ”
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม📝พร้อมลงทะเบียนทางเว็บไซต์แบงก์ชาติ🌐 ได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo และที่สาขาธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 ก.ย. 68
#แบงก์ชาติ #หนี้ #แก้หนี้ #คุณสู้เราช่วย

27/05/2025

เล็งดันซอฟต์พาวเวอร์สู้ภาษีทรัมป์ ดีอีเอาจริง จับมือดีป้า พัฒนานักรบดิจิทัล 5 หมื่นคน สร้างอุตสาหกรรมแสนล้าน

อ่านเพิ่มเติมที่
https://www.balancemag.net/82259

ใครรวย? ยกมือขึ้นสลากดิจิทัล บนแอปฯเป๋าตัง ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 27 ใบ รวม 162 ล้านบาท ถูกคนเดียวมากสุด 2 ใบ รับ 12 ล้านบ...
01/02/2025

ใครรวย? ยกมือขึ้น

สลากดิจิทัล บนแอปฯเป๋าตัง ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 27 ใบ รวม 162 ล้านบาท ถูกคนเดียวมากสุด 2 ใบ รับ 12 ล้านบาท

สลากดิจิทัล บนแอปฯเป๋าตัง ของธนาคารกรุงไทย งวดวันที่ 1 ก.พ. 68 เลขสลากรางวัลที่ 1: 558700มีคนถูกรางวัลที่ 1 รวม 27 ใบ 162 ล้านบาท

ถูก 1 ใบ จำนวน 21 คน
ถูก 2 ใบ จำนวน 3 คน

สลากตัวเลขสามหลัก งวดประจำวันที่ 1 ก.พ. 68

เลขรางวัลสามตรง: 700 รางวัลละ 10,053 บาท
เลขรางวัลสามสลับหลัก: 007 070 รางวัลละ 3,358 บาท
เลขรางวัลสองตรง: 51 รางวัลละ 666 บาท
เลขรางวัลพิเศษ: 700000000043 รางวัลละ 105,974 บาท

ตรวจผลการถูกรางวัลสลากดิจิทัล และสามารถขึ้นรางวัลได้ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง
รายละเอียดเพิ่มเติม https://krungthai.com/link/paotang-digital-lottery-facebook

ธปท.ขีดเส้นจัดการบัญชีม้าภายในมี.ค.นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)...
30/01/2025

ธปท.ขีดเส้นจัดการบัญชีม้าภายในมี.ค.

นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยทุจริตทางการเงินมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา มีการดำเนินการสำคัญ อาทิ การกำกับดูแลให้สถาบันการเงินมีมาตรฐานการให้บริการ mobile banking ที่ปลอดภัยมากขึ้น การยกระดับการจัดการบัญชีม้าจากระดับบัญชีเป็นระดับบุคคล ซึ่งช่วยให้บัญชีม้าถูกระงับเป็นจำนวนมากและเปิดใหม่ได้ยากขึ้น อย่างไรก็ดี รูปแบบและพฤติกรรมของมิจฉาชีพที่เปลี่ยนไปต่อเนื่อง ทำให้ความเสียหายจากภัยทุจริตทางการเงินไม่ได้ลดลง ในครั้งนี้ ธปท. จึงยกระดับมาตรการเชิงป้องกัน โดยเพิ่มความเข้มข้นและขยายผลการจัดการบัญชีต้องสงสัย เพื่อให้ธนาคารสามารถดำเนินการเชิงรุกในการป้องกันความเสี่ยงและแก้ปัญหาภัยทุจริตทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น



นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ชี้แจงว่ามาตรการยกระดับการจัดการบัญชีม้าเพิ่มเติม ประกอบด้วย


1) การกวาดล้างบัญชีม้าให้ได้มากขึ้น โดยปรับเงื่อนไขการเข้าข่ายเป็นบัญชีม้าให้เข้มขึ้น โดยคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น พฤติกรรมการโอนของบัญชีม้า มูลค่าของธุรกรรม เพื่อให้ครอบคลุมพฤติกรรมของมิจฉาชีพที่เปลี่ยนไป รวมทั้งสามารถดำเนินการกับบัญชีม้าได้แม้ยังไม่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย เพื่อยกระดับการจัดการบัญชีม้าแต่ละระดับให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ


2) การจัดการบัญชีม้าระดับบุคคลที่เข้มข้นขึ้น โดยธนาคารต้องขยายให้การระงับการโอนเงินออกจากบัญชีม้าและการปฏิเสธการเปิดบัญชีใหม่ ครอบคลุมไปถึงกรณีของบัญชีที่มีความเสี่ยงสูงว่าจะเป็นบัญชีม้า (แต่ยังไม่ถูกแจ้งว่าทำให้เกิดความเสียหาย) เพิ่มเติมด้วย รวมทั้งต้องกันเงินไม่ให้เข้าไปยังบัญชีของม้าทุกประเภทที่ระบุได้ชัดเจนว่ามีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ ธนาคารต้องแจ้งเตือนให้ผู้โอนรู้ตัวว่าอาจกำลังโอนเงินไปยังบัญชีม้า เพื่อป้องกันความเสียหายตั้งแต่ต้น และผู้ถูกหลอกไม่ต้องเสียเวลาในการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อรับเงินคืน

3) การขยายการจัดการในวงที่กว้างขึ้น โดยกำหนดให้ธนาคารต้องแลกเปลี่ยนรายชื่อบุคคลที่ธนาคารตรวจสอบว่ามีพฤติกรรมต้องสงสัยระหว่างกันเพิ่มเติมแม้ยังไม่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย จากเดิมที่แลกเปลี่ยนกันเฉพาะรายชื่อบุคคลที่เข้าข่ายการกระทำความผิดตามฐานข้อมูลสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และรายชื่อบุคคลที่ถูกแจ้งความหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในเส้นทางการเงินทุจริตเท่านั้น เพื่อให้ธนาคารดำเนินการป้องกันภัยทุจริตได้ครอบคลุม รวดเร็ว เป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น



นอกจากนี้ ธปท. ยังกำหนดให้ธนาคารต้องพัฒนาการจัดการบัญชีม้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงจากรูปแบบการหลอกลวงและพฤติกรรมของมิจฉาชีพในอนาคต เช่น การปรับปรุงเงื่อนไขการตรวจจับบัญชีม้าให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ การพัฒนาระบบการตรวจจับบัญชีม้าและพฤติกรรมผิดปกติของลูกค้า เพื่อให้ธนาคารสามารถดำเนินการได้อย่างเหมาะสมกับพฤติกรรมรายบุคคลอย่างรวดเร็ว ตลอดจนร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้กำกับดูแลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ในการปิดช่องโหว่เส้นทางเงินที่สำคัญของมิจฉาชีพ



ทั้งนี้ ธปท. เห็นว่าการแก้ไขปัญหาภัยทุจริตทางการเงินให้ได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาคธนาคาร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม (Telco) หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนผู้ใช้บริการ ในการรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองตามขอบเขตมาตรฐานที่ผู้กำกับดูแลกำหนดไว้อย่างชัดเจน หากฝ่ายไหนละเลยการปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด ควรที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบและชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น (Shared responsibility) โดย ธปท. จะประกาศกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบที่ธนาคารพึงปฏิบัติให้ชัดเจน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาความรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับผู้กำกับดูแลด้านอื่น ๆ ต่อไป

20/01/2025

คุณเป็นนักออมแบบไหน?
1. มือใหม่หัดออม (First Jobbers)
2. มืออาชีพสายเติบโต (Career Growers)
3. นักลงทุนมุ่งเป้า (Investment-Minded Achievers)
4. ผู้เชี่ยวชาญวัยเกษียณ (Retirement Strategists)

4 พฤติกรรมการออม ออมยังไงให้ถึงเป้าหมาย
#อ่านต่อในคอมเมนต์

ตลาดบริการรักษาผู้มีบุตรยากเติบโตสูงทั่วโลก โอกาสไทยจุดหมาย Fertility Tourismตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากของโลกในปี 2568...
08/01/2025

ตลาดบริการรักษาผู้มีบุตรยากเติบโตสูงทั่วโลก โอกาสไทยจุดหมาย Fertility Tourism

ตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากของโลกในปี 2568 มีมูลค่ากว่า 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 6.8% จากปี 2567 จากแนวโน้มอัตราเจริญพันธุ์ของคนที่ลดลง โดยปี 2513 ผู้หญิง 1 คนมีบุตรได้จ 4.8 คน เหลือเพียง 2.2 คน ในปี 2568

ปัญหาด้านการเจริญพันธุ์ที่พบบ่อยขึ้นทั่วโลก ยังสนับสนุนการเดินทางออกไปรับบริการรักษาภาวะมีบุตรยากในต่างประเทศ (Fertility Tourism) ให้ขยายตัว ซึ่งไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการเดินทางรักษาภาวะมีบุตรยากของคนทั่วโลก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากของไทย จะมีมูลค่า 6,300 ล้านบาท เติบโต 6.2% จากปี 2567 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ ลูกค้าชาวไทย มีสัดส่วน 70% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด และลูกค้าต่างชาติอีก 30%

ประเทศไทยมีจุดเด่นทั้งในด้านค่ารักษาพยาบาลยังต่ำกว่าคู่แข่ง และความพร้อมด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งในอนาคตจากพรบ.สมรสเท่าเทียม และการเตรียมปรับกฎหมายอุ้มบุญของไทย จะทำให้ตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

อ่านต่อ :

FacebookFacebookXTwitterLINELineอัตราเจริญพันธุ์ที่ลดลง […]

แบงก์ชาติเตือนทรัมป์ 2.0 ช็อกเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังธนาคารแห่งประเทศไทย จัดงาน Monetary Policy Forum ครั้งที่ 4/2567 เผยม...
06/01/2025

แบงก์ชาติเตือนทรัมป์ 2.0 ช็อกเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง

ธนาคารแห่งประเทศไทย จัดงาน Monetary Policy Forum ครั้งที่ 4/2567 เผยมุมมองและทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2568 โดยกังวลความไม่แน่นอนจากนโยบายทรัมป์ 2.0 เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งในด้าน
- การค้า จากความไม่แน่นอนจากนโยบายกีดการค้า จะส่งผลกระทบให้ไทยส่งออกสินค้าไปจีนได้น้อยลง ขณะเดียวกันสินค้าไทยต้องแข่งขันกับสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามา (China flooding) ตั้งแต่รถยนต์ EV โลหะ เครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ
- การลงทุน แง่ดีนโยบายของสหรัฐอาจมีการย้ายฐานผลิตจากจีนมาไทยมากขึ้น ขณะเดียวกัน การลงทุนอาจชะลอตัวลง จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากนโยบายของทรัมป์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
- การเชื่อมโยงของเศรษฐกิจจีนและไทย หากเศรษฐกิจจีนมีปัญหาจะกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีระเบิดเวลาจากปัญหาเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรมรถยนต์ สงครามราคาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ตลอดซัพพลายเชน แม้รถยนต์จะมีสัดส่วนไม่มากต่อจีดีพีไทย แต่ในด้านจำนวนแรงงานที่มีอยู่กว่า 1 ล้านคน จะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัว 2.9% สูงกว่าปี 2567 ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.7% โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย 39.5 ล้านคนในปีนี้

5 ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสภาพคล่องและการปล่อยสินเชื่อ
27/11/2024

5 ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสภาพคล่องและการปล่อยสินเชื่อ

ค้นหาข่าวสาร สุนทรพจน์ สื่อประชาสัมพันธ์ รวมถึงกำหนดการกิจกรรมต่าง ๆ ล่าสุดของ ธปท.

 #คนไทยได้อะไร? จากการเป็นฐานผลิต PCBช่วงนี้จะเห็นข่าวเคลื่อนย้ายฐานลงทุนแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ PCB เข้ามาในประเทศไท...
31/10/2024

#คนไทยได้อะไร? จากการเป็นฐานผลิต PCB

ช่วงนี้จะเห็นข่าวเคลื่อนย้ายฐานลงทุนแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ PCB เข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก ข้อมูลจากบีโอไอระบุว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีคำขอส่งเสริมลงทุน PCB กว่า 90 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.6 แสนล้านบาท ถือเป็นคลื่นการลงทุนครั้งใหม่ในประเทศไทย แล้วคนจะได้ประโยชน์อย่างไร? กับการเป็นฐานผลิต PCB ครั้งนี้

#ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ PCB
แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board หรือ PCB) เป็นชิ้นส่วนสำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทุกชนิดตั้งแต่สมาร์ทโฟน ดาต้า เซ็นเตอร์ จนถึงยานยนต์ไฟฟ้า
การเติบโตของอุตสาหกรรม PCB และการเคลื่อนย้ายฐานลงทุนมายังประเทศไทยครั้งนี้ เกิดจากปัจจัย
- การเติบโตของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะระบบอัจฉริย และ AI
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายฐานลงทุนจากฐานผลิตหลักในจีน ไต้หวันมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะไทย
- ไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม และคุณภาพของบุคลากรที่มีทักษะสูง
- มาตรการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ ที่ให้สิทธิประโยชน์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

#ไทยฐานผลิตอันดับ 1 ในอาเซียน
การเคลื่อนย้านฐานลงทุน PCB จากต่างประเทศ ไม่เพียงทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ของ PCB ในประเทศไทย ผู้ประกอบการรายเดิมที่มีศักยภาพ อย่าง KCE และ Mektec ได้ขยายกำลังผลิตเพิ่มครั้งใหญ่ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดโลก ทำให้ปัจจุบันไทยจึงเป็นฐานผลิต PCB อันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับ 5 ของโลก
ปัจจุบันมี บริษัทผู้ผลิต PCB ระดับโลก โดยเฉพาะจากจีนและไต้หวันที่เข้ามาลงทุนจำนวนมาก เช่น กลุ่ม ZDT, Unimicron, Compeq, WUS, Gold Circuit, Chin P**n, Dynamic Electronics, Unitech, Multi-Fineline และ Well Tek เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงาน จะแล้วเสร็จพร้อมทยอยเปิดสายการผลิตตั้งแต่ปลายปี 2567 เป็นต้นไป

#ไทยได้อะไร? จากการเป็นฐานผลิต PCB
คลื่นลูกใหม่ของการเข้ามาลงทุนของผู้ผลิต PCB ระดับโลกครั้งนี้ ทำให้ไทยได้ประโยชน์หลายด้าน อาทิ
- เม็ดเงินลงทุนจาก 95 โครงการ มูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งจะทยอยลงทุนในปี 2567 – 2568
- ความต้องการในตลาดแรงงานกว่า 80,000 ตำแหน่ง ในช่วง 2 ปีข้างหน้า
- มีการใช้วัตถุดิบในประเทศ มูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท
- มีการส่งออกในผลิตภัณฑ์ PCB เพิ่มขึ้น 7 แสนล้านบาทต่อปี
- การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาทักษะให้กับคนไทย
- เสริมความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมหลักของไทย ไม่ว่าจะเป็นอิเลกทรอนิกส์, ยานยนต์ไฟฟ้า, ดิจิทัลและดาต้า เซ็นเตอร์

หวังว่า PCB จะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมคลื่นลูกใหม่ ที่จะเข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับคนไทยและเศรษฐกิจไทย เพื่อก้าวสู่เศรษฐกิจใหม่ได้อย่างยั่งยืน

รัฐชูมาตรการ​ 5X5 แก้วิกฤตผู้สูอายุปัจจุบันผู้สูงอายุในประเทศไทย​มีจำนวน​ 13 ล้านคน​ และอีก​ 10 ปีข้างหน้า​ จะเพิ่มเป็น​...
25/10/2024

รัฐชูมาตรการ​ 5X5 แก้วิกฤตผู้สูอายุ

ปัจจุบันผู้สูงอายุในประเทศไทย​มีจำนวน​ 13 ล้านคน​ และอีก​ 10 ปีข้างหน้า​ จะเพิ่มเป็น​ 30% ของจำนวนประชากรในประเทศไทย

รัฐบาลเตรียมมาตรการ​ 5X5 แก้วิกฤติผู้สูงอายุ
- เพิ่มพลังวัยทำงาน​ ให้ตั้งตัวได้​ เข้่าสู่วัยเกษียณอย่างมีคุณภาพ
- เพิ่มคุณภาพเด็กและเยาวชน
- เสริมพลังผู้สูงอายุ​ เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ​ สุขภาพ
- เพิ่มโอกาสคนพิการ
- สร้างความเข้มแข็งครัวเรือน

รวม​ 25 มาตราการดูแลผู้สูงอายุ​ เตรียมใข้ปีงบประมาณ​ 2568 นี้

อ่านเพิ่มเติม​ https://www.balancemag.net/75855

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when The Econ News posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Shortcuts

  • Address
  • Alerts
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share