กรุงเทพธุรกิจ

กรุงเทพธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจ สื่อเพื่อผู้สนใจทุกแง่มุมเศรษฐกิจ การลงทุน ธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ

ติดต่อฝ่ายโฆษณากรุงเทพธุรกิจ:
- อัลเลียซ สะอิ
Direct ฝ่ายโฆษณา กรุงเทพธุรกิจ : 02-338-3561
Mobile : 087-519-1379
[email protected]
- เมธิกา เมธาพิทักษ์
Direct ฝ่ายโฆษณา กรุงเทพธุรกิจ
โทร. 02-338-3198
[email protected]
----------------------------------------
📲 สมัครสมาชิก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ
โทร. 0-2338-3000 กด 1, 086-310-3539

รัฐบาลอัด 'แพ็กเกจเยียวยา' ผลกระทบ  #ภาษีทรัมป์ คลังจ่อชงลดภาษีภายหลังจากที่ทีมไทยแลนด์สามารถเจรจาภาษีกับสหรัฐ จนได้ข้อส...
08/08/2025

รัฐบาลอัด 'แพ็กเกจเยียวยา' ผลกระทบ #ภาษีทรัมป์ คลังจ่อชงลดภาษี
ภายหลังจากที่ทีมไทยแลนด์สามารถเจรจาภาษีกับสหรัฐ จนได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่าประเทศไทยจะถูกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่อัตรา 19% ลดลงจากเดิมที่ต้องจ่ายในอัตรา 36% โดยมีผลวันที่ 7 ส.ค.2568 โดยมีเงื่อนไขสำคัญในการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 0% นับหมื่นรายการ
รวมถึงมีการเปิดตลาดให้นำเข้าสินค้าเกษตร รวมทั้งการเพิ่มโควตาการนำเข้าสินค้าเกษตรบางชนิดที่มีความอ่อนไหวให้กับสหรัฐ ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนจะส่งลิสต์สินค้าที่ต้องแก้ไขภาษีศุลกากรให้ที่ประชุมสภาฯพิจารณาซึ่งใช้ระยะเวลาอีกนับเดือน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสรุปแนวทางการเยียวยาผลกระทบจากภาษีทรัมป์ เพื่อกลับมาหารือแนวทางที่เหมาะสมแต่ละเซกเตอร์ ซึ่งแต่ละธุรกิจได้รับผลกระทบแตกต่างกัน เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาหารสำเร็จรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า
“บางธุรกิจที่มีกำไรสูง เช่น ผู้ส่งออกเพชร พลอย อาจถูกผู้ซื้อขอให้รับภาระส่วนแบ่งต้นทุนบางส่วน เช่น การรับภาระภาษีครึ่งหนึ่ง ขณะที่บางภาคส่วนซึ่งมีการแข่งขันสูงและมีสินค้าจากหลายประเทศ อาจให้ผู้ซื้อหรือชาวอเมริกันเป็นผู้รับภาระต้นทุนส่วนใหญ่”
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า แม้รัฐบาลประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจได้ไม่ชัดเจน แต่รัฐบาลอยู่ระหว่างการเตรียมมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกและเกษตรกร โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเป็นแพคเกจ ควบคู่ไปกับการจัดทำแผนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ โดยแบ่งการเยียวยาผลกระทบเป็น 3 มาตรการ ดังนี้
1. มาตรการเงินอุดหนุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยดำเนินการผ่านกองทุนที่มีอยู่แล้วในการสนับสนุนเงินทุนให้ผู้ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย
กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดย ครม.อนุมัติงบประมาณเพิ่มให้กองทุน 10,000 ล้านบาท จากงบกลางรายการกระตุ้นเศรษฐกิจปีงบประมาณ 2568 ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือจะให้เงินลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรเป็นดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ
2. มาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ผ่านสถาบันการเงินการเงินเฉพาะกิจของรัฐเบื้องต้น 200,000 ล้านบาท นอกจากนั้นกระทรวงการคลังยังมีการประสานกับธนาคารพาณิชย์เพื่อเตรียมซอฟต์โลนเพิ่มเติมเพื่อรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐด้วย
สำหรับการใช้กลไกของ Soft Loan อาจจะอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องสต็อกสินค้าเอาไว้ และจำเป็นต้องมีสภาพคล่องในช่วงนั้น เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้
3. มาตรการด้านภาษีเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านภาษี 19% เช่น การลดหย่อยภาษี การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือการให้เครดิตภาษี โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้คำแนะนำกับรัฐบาลในการใช้งบกลางรายการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 ในส่วนที่เหลือ 24,000 ล้านบาท ควรติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการใช้งบประมาณอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีกระบวนการตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนให้เป็นรูปธรรมและมีความโปร่งใส
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

ตลท.หวัง ‘ฟันด์โฟลว์’ ไหลเข้าต่อ ลุ้น MSCI-FTSE เพิ่มน้ำหนักในช่วงเดือนก.ค. 2568 ปัจจัยที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ “ดัชนีห...
08/08/2025

ตลท.หวัง ‘ฟันด์โฟลว์’ ไหลเข้าต่อ ลุ้น MSCI-FTSE เพิ่มน้ำหนัก
ในช่วงเดือนก.ค. 2568 ปัจจัยที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ “ดัชนีหุ้นไทย” เพิ่มขึ้น 14% จากเดือนก่อนหน้า และที่สำคัญคือ “เงินลงทุนจากต่างชาติ” (Fund Flow) ที่กลับมาซื้อสุทธิสูงถึง 16,121 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการกลับมาซื้อสุทธิเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.ย.2567 โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนก.ค. 2568 ถือว่า “อยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้น” จากหลายปัจจัยหนุนทั้งดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 14% จากเดือนก่อนหน้า และเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ซื้อสุทธิ 16,121 ล้านบาท เป็นการกลับมาซื้อสุทธิเดือนแรกตั้งแต่ก.ย. 2567
โดยหลายปัจจัยส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งมาตรการภาษีทรัมป์ 19% ใกล้เคียงภูมิภาค ส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศที่สูง และเงินลงทุนออกจากสหรัฐกลับเข้าสู่ “ตลาดเกิดใหม่” (Emerging Markets) ด้วยราคาหุ้น (Valuation) น่าสนใจ และแนวโน้มการแข็งค่าของ “เงินบาท” มักช่วยให้มีเงินทุนไหลเข้า และดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับ “จีดีพีไทย” ปีนี้ขยับขึ้นจาก 2.0% เป็น 2.1% ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โดยได้จากแรงหนุนของการบริโภคเอกชน การลงทุนภาครัฐ และส่งออกยังขยายตัว
ขณะเดียวกัน ยังคงคาดหวังโมเมนตัม “เชิงบวก” ต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยและกระแสฟันด์โฟลว์ในระยะข้างหน้าต่อเนื่อง จากตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. มานี้ ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยหนุนอีกหลายเรื่อง ทั้งการกลับมาเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของหุ้นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI อีกครั้งได้สร้างบรรยากาศ “ความคึกคัก” ในตลาดหุ้นไทย และถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่เข้ามา ด้วยมูลค่ามาร์เก็ตแคปถึงระดับ 300,000 ล้านบาท
📌 ลุ้น MSCI-FTSE จ่อปรับเพิ่มน้ำหนัก “หุ้นไทย”
และที่สำคัญ “หุ้นไทย” มีโอกาสถูกปรับเพิ่มน้ำหนักใน “ดัชนี MSCI” ซึ่งรอติดตามประกาศผลในวันนี้ (8 ส.ค. 2568) และ FTSE ประกาศในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่ “เงินทุนจะไหลเข้าหุ้นไทย” หลังจากมาตรการภาษีทรัมป์กับประเทศไทยมีความชัดเจนแล้ว
รวมถึงเดินหน้าฟื้นความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยได้ และดึงเงินลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาต่อเนื่อง จากคดีหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ที่ความคืบหน้ามากขึ้น และดำเนินการสั่งฟ้องผู้กระทำผิดทางคดีอาญา และในวันที่ 27 ส.ค.นี้ ตลท. จะมีการจัดงาน “Thailand Focus 2025” ภายใต้ธีม Beyond the Challenges พลิกความท้าทาย สู่โอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศไทย
นอกจากนี้ เตรียมนำเสนอโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน (JUMP+) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทยปัจจุบันมีบริษัทที่เข้าร่วมโครงการอย่างเป็นทางการแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC และ บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ในตลาด SET และบริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ในตลาด mai และคาดว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ เข้าร่วมโครงการอีกกว่า 80 บริษัทในอนาคตที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการอนุมัติภายในบริษัท ยังต้องรอติดตามว่าจะมียื่นสมัครจริงแค่ไหน โดยได้ให้ทีมงานตลท. เข้าไปติดตามทำความเข้าใจ เพราะถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างเกินความคาดหมายไว้
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจWealth #กรุงเทพธุรกิจStock

  โดนปรับ 1 ล้านยูโร ฐาน ‘ฟอกเขียว’ ในอิตาลี ให้ข้อมูลคลุมเครือ ทำคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับเป้าหมายความยั่งยืนสำนักงานการแข่ง...
08/08/2025

โดนปรับ 1 ล้านยูโร ฐาน ‘ฟอกเขียว’ ในอิตาลี ให้ข้อมูลคลุมเครือ ทำคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับเป้าหมายความยั่งยืน
สำนักงานการแข่งขันทางการค้าของอิตาลี (AGCM) ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าได้สั่งปรับ SHEIN บริษัทเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นเป็นเงิน 1 ล้านยูโร หรือราว 37.5 ล้านบาท ในข้อหา “ส่งข้อความและข้อกล่าวอ้างด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เข้าใจผิดและ/หรือหลอกลวง”
นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึงหนึ่งเดือน ที่ SHEIN ถูกหน่วยงานในยุโรปปรับเงิน หลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าของฝรั่งเศสสั่งปรับบริษัทเป็นเงิน 40 ล้านยูโร (ราว 1,503 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ฐานให้ส่วนลดปลอมและกล่าวอ้างด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เข้าใจผิด
ค่าปรับจากอิตาลีนี้ เป็นการสั่งปรับ Infinite Styles Services Co. Limited ซึ่งเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ของ SHEIN ในยุโรป
AGCM ได้วิพากษ์วิจารณ์คำกล่าวอ้างของ SHEIN เกี่ยวกับความสามารถในการรีไซเคิลและ “ระบบหมุนเวียน” เพื่อลดปริมาณขยะ ซึ่งไม่เป็นความจริง หรืออย่างน้อยก็ทำให้สับสน รวมถึงขณะที่คำกล่าวอ้างที่ว่าผลิตภัณฑ์จากคอลเล็กชัน “evoluSHEIN by Design” มีความยั่งยืนมากกว่าเป็นเรื่องที่เกินจริง
เจ้าหน้าที่อิตาลียังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ SHEIN โดยบริษัทอ้างว่าตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 25% ภายในปี 2030 และหวังว่าจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยระบุว่าข้อเสนอเหล่านี้คลุมเครือ และขัดแย้งกับปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ SHEIN ที่เพิ่มขึ้นในปี 2023 และ 2024
SHEIN ยอมรับค่าปรับและระบุว่าได้ดำเนินการแก้ไขการละเมิดดังกล่าวแล้วหลังจากได้รับแจ้งจากหน่วยงานกำกับดูแลเมื่อปีที่แล้ว
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจSustain

HP เปิดตัว 'Z Workstations' ขุมพลัง AI อัปเวลครีเอเตอร์และนักพัฒนาเอชพี ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนอนาคตแห...
08/08/2025

HP เปิดตัว 'Z Workstations' ขุมพลัง AI อัปเวลครีเอเตอร์และนักพัฒนา
เอชพี ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนอนาคตแห่งการทำงาน ด้วยการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เวิร์กสเตชันซีรีส์ "HP Z" ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI ครบวงจร เพื่อเสริมศักยภาพให้กลุ่มครีเอเตอร์ นักพัฒนา AI และองค์กรธุรกิจทุกขนาดในไทย พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าสนับสนุนโครงการ "Made in Thailand" เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโต
การเปิดตัวครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มการใช้ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยรายงาน Work Relationship Index ล่าสุดของเอชพีระบุว่า พนักงานกว่า 66 เปอร์เซ็นต์ ได้นำ AI มาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว
📌 เจาะลึกขุมพลัง "HP Z Series"
หัวใจสำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ HP Z Workstations ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับเวิร์กโฟลว์ที่ต้องพึ่งพา AI โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล การสร้างสรรค์ผลงาน ไปจนถึงงานออกแบบและวิศวกรรมที่ซับซ้อน โดยมีให้เลือกทั้งแบบพกพาในซีรีส์ ZBook และแบบเดสก์ท็อปประสิทธิภาพสูง Z Desktop
เบื้องหลังประสิทธิภาพอันทรงพลังคือความร่วมมือกับ NVIDIA ในการนำเสนอการ์ดจอระดับมืออาชีพรุ่นล่าสุด NVIDIA RTX™ Pro Blackwell Series สู่ตลาดประเทศไทย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานจัดการกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) บนตัวเครื่อง และประมวลผลงานกราฟิกที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากด้านประสิทธิภาพ เอชพียังให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการทำงานแบบไฮบริดผ่านโซลูชัน HP Remote Access Solutions ที่ช่วยให้เข้าถึงเวิร์กสเตชันได้อย่างปลอดภัยจากทุกที่ ควบคู่ไปกับ HP Wolf Security for Business ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยขั้นสูงสำหรับปกป้องข้อมูลและอุปกรณ์จากภัยคุกคามทางไซเบอร์
📌 สนับสนุน "Made in Thailand" ดันเศรษฐกิจไทย
เอชพีแสดงความมุ่งมั่นต่อตลาดในประเทศผ่านโครงการ "Made in Thailand" ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ Z Workstations เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ด้วย กลยุทธ์ดังกล่าวไม่เพียงช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ห่วงโซ่อุปทานและลดระยะเวลาการจัดส่ง แต่ยังเป็นการสนับสนุนธุรกิจและส่งเสริมการจ้างงานที่มีทักษะในประเทศ
นอกจากนี้ เอชพียังเปิดโอกาสให้นักพัฒนา AI และบริษัทสตาร์ทอัพไทยเข้าร่วมเป็นพันธมิตร เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ของเอชพีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของตลาดไทยได้ดียิ่งขึ้น
วรานิษฐ์ อธิจรัสโรจน์ กรรมการผู้จัดการ เอชพี ประเทศไทย กล่าวว่า "การเปิดตัวในวันนี้ไม่เพียงเป็นการนำเสนอนวัตกรรมที่ล้ำสมัย แต่ยังเป็นการแสดงวิสัยทัศน์สำหรับการทำงานในอนาคต พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ผ่านการจัดหาเครื่องมืออัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้กับบุคลากร"
ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์
#กรุงเทพธุรกิจIT #กรุงเทพธุรกิจ

ทวิภาคีแก้วิกฤติไทย-กัมพูชาฉลองวันเกิด 58 ปีอาเซียน |  #บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ โล่งอกโล่งใจเมื่อการประชุมคณะกรรมการชา...
07/08/2025

ทวิภาคีแก้วิกฤติไทย-กัมพูชาฉลองวันเกิด 58 ปีอาเซียน | #บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ
โล่งอกโล่งใจเมื่อการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย - กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย เมื่อวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.) จบลงด้วยดีทั้งสองชาติเห็นชอบข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ
นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สรุปว่า แม้การประชุมจะมีตัวแทนสหรัฐและจีนร่วมด้วยแต่ก็มาในฐานะผู้สังเกตการณ์ ไม่มีผลใดๆ กับการประชุมเพราะนี่คือการประชุมทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชาเท่านั้น
ก่อนประชุมประธาน GBC ของทั้งสองฝ่ายได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซียประธานอาเซียน ซึ่งนายกฯ อันวาร์ยืนยันว่า มาเลเซียและสมาชิกอาเซียนเห็นพ้องและสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา ได้ยินประธานอาเซียนพูดแบบนี้ เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ เพราะนี่คือสิ่งที่รัฐบาลไทยยืนยันมาโดยตลอด! จุดยืนไทยไม่เคยเปลี่ยนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างสองประเทศ จึงต้องคุยกันเองให้รู้เรื่อง
แต่ดูเหมือนกัมพูชาจะไม่อยากคุยด้วย พยายามขยายวงให้เป็นประเด็นระหว่างประเทศด้วยการบอกว่าจะยื่นฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ณ กรุงเฮกให้พิพากษาสี่พื้นที่พิพาทกับไทย ซึ่งไทยก็ประกาศไปแล้วว่า ไม่ยอมรับอำนาจศาลเรื่องนี้ต้องแก้ด้วยการเจรจาทวิภาคีที่เรามีด้วยกันสามกรอบ RBC, GBC และ JBC ข่าวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย. ผู้อ่านสงสัยหรือไม่ว่า เรื่องไปถึงไหนแล้ว ICJ ประทับรับฟ้องหรือยัง? ทำไมฝ่ายกัมพูชาถึงเงียบกริบทั้งๆ ที่ชอบตีปี๊บฟ้องโลกตลอดเวลา
เท่านั้นยังไม่พอเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน กัมพูชาก็ส่งเรื่องความขัดแย้งบริเวณชายแดนกับไทยไปให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) พิจารณา ขณะนั้น UNSC มีวาระเรื่องตะวันออกกลาง แต่ก็รับเรื่องไทย-กัมพูชามาพิจารณาแล้วได้ข้อสรุปว่า ไม่ใช่ภัยคุกคามสันติภาพโลก ไม่ได้ออกข้อมติใดๆ ออกมา นั่นเท่ากับว่า สองประเทศต้องไปคุยกันเอง ซึ่งเป็นจุดยืนของไทย
และล่าสุดการประชุม GBC ซึ่งก็คือกลไกหนึ่งของทวิภาคีไทย-กัมพูชา ผลการประชุม 13 ข้อ มีข้อที่น่าสนใจคือ ข้อ 7 กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์ ข้อ 8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์นับจากการประชุม GBC ใน 7 ส.ค. 68 และข้อ 13 ให้จัดการประชุม GBC ในหนึ่งเดือนหลัง 7 ส.ค.68 (สถานที่จะตกลงกันภายหลัง) หรือมิเช่นนั้นการประชุม GBC วิสามัญ จะถูกจัดขึ้นเพื่อเจรจาการหยุดยิง
อ่านไปตรงไหนก็มีแต่คำว่า “ทวิภาคี” นั่นคือสองประเทศต้องไปคุยกัน ถ้ากัมพูชายอมรับตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ สำหรับรัฐบาลไทยตอนแรกต้องเจอศึกหนักทั้งที่ชายแดนและอารมณ์ของผู้คนที่เกรี้ยวกราดรัฐบาลทำอะไรดูเหมือนไม่ถูกใจไปหมด จนกระทั่งมาถึงนาทีนี้คำตอบค่อยๆ คลี่ออกมาว่าจุดยืนของรัฐบาลนั้นถูกแล้ว ประเทศไทยยืนหยัดอย่างมีศักดิ์ศรีเพราะยึดมั่นในหลักการ วิกฤตินี้จบที่‘ทวิภาคี’ ถือเป็นข่าวดีรับวันเกิดอาเซียน 8 ส.ค. องค์กรระดับภูมิภาคที่ก่อตั้งขึ้นด้วย ‘ปฏิญญากรุงเทพฯ’ ตอกย้ำว่านี่คือเกียรติภูมิของไทย
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจGeopolitics

เบญจภาคี วันที่ 8 สิงหาคม 2568  ติดตามข่าวสาร บทวิเคราะห์ที่น่าสนใจในแวดวงตลาดหุ้น เพิ่มเติมได้ที่: https://bangkokbizne...
07/08/2025

เบญจภาคี วันที่ 8 สิงหาคม 2568
ติดตามข่าวสาร บทวิเคราะห์ที่น่าสนใจในแวดวงตลาดหุ้น เพิ่มเติมได้ที่: https://bangkokbiznews.com/category/finance/stock
#กรุงเทพธุรกิจ #เบญจภาคี

 #ข่าวหน้าหนึ่งกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 8 สิงหาคม 2568🗞️หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจรูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper พร้อมเสิร์ฟแล...
07/08/2025

#ข่าวหน้าหนึ่งกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 8 สิงหาคม 2568
🗞️หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจรูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper พร้อมเสิร์ฟแล้ว ทุกที่ทุกเวลา
สามารถสมัครสมาชิกด้วยตัวเองได้ที่
👉https://inews.bangkokbiznews.com/
หรือสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสมาชิก โทร. 02 338 3770-1 , Line ID : sub3770
Email : [email protected]
#กรุงเทพธุรกิจ

กรมการแพทย์ทุ่ม 1,000 ล้านบาท  ลุยปั้นคน-เทคโนโลยีขั้นสูง ดันไทยติด Top 3 เอเชีย“กรมการแพทย์” เป็นหนึ่งในหน่วยงานสังกัดก...
07/08/2025

กรมการแพทย์ทุ่ม 1,000 ล้านบาท ลุยปั้นคน-เทคโนโลยีขั้นสูง ดันไทยติด Top 3 เอเชีย
“กรมการแพทย์” เป็นหนึ่งในหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ที่มีหน่วยงานในสังกัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฏกระทรวง จำนวน 21 หน่วยงาน หน่วยงานที่ขึ้นตรงต่ออธิบดีกรมการแพทย์ 2 กลุ่ม หน่วยงานภายใต้กำกับของสถาบันหลักในภูมิภาค ซึ่งคณะอนุกรรมการสามัญประจำกระทรวง (อ.ก.พ. กระทรวง)ให้ความเห็นชอบ 17 หน่วยงาน และหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเป็นการภายใน 3 หน่วยงาน
ปัจจุบันกรมการแพทย์ มีเป้าหมายทั้งระยะสั้น 5 ปี และระยะสั้น 20 ปี เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานวิชาชีพอย่างเสมอภาค และตั้งเป้าให้การแพทย์ไทยเป็นหนึ่งใน 3 ของเอเชีย
จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การใช้ชีวิตของผู้คนที่ต้องดิ้นรนให้อยู่รอดในยุคแห่งการแข่งขัน ภาวะเศรษฐกิจ และวิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้คนเผชิญกับความเครียด และปัญหาสุขภาพมากมายที่มาจากพฤติกรรมทั้งเรื่องการกิน การนอน หรือสภาพจิตใจ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ มุ่งเน้นการทำให้ผู้คนมีสุขภาพดี มีความสุข และมีระบบสุขภาพที่ยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
“นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” อธิบดีกรมการแพทย์ ได้ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าอดีตกระทรวงสาธารณสุขถูกมองว่าเป็นกระทรวงที่ใช้เงินจำนวนมาก โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จึงได้ให้แนวทางใหม่แก่กรมการแพทย์ ในการปรับบทบาทสู่การเป็น "เศรษฐกิจสุขภาพ" แนวคิดหลักมี 2 ประการ คือ การลดค่าใช้จ่าย และการหารายได้เพิ่มขึ้น
“แนวทางในการลดค่าใช้จ่ายจะประกอบด้วยการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด เช่น การเพิ่มรอบการใช้เครื่องฉายรังสีที่มีราคาสูง รวมถึงการส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรไทยเพื่อทดแทนยาแผนตะวันตก ส่วนการเพิ่มรายได้มุ่งเน้นเพิ่มการเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ให้กับผู้ป่วย เช่น การเปิดคลินิกนอกเวลาราชการ โดยเฉพาะในทำเลทอง อย่าง กลุ่มโรงพยาบาลทุ่งพญาไท ประกอบด้วย 7 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี, สถาบันโรคผิวหนัง, สถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติมหาราชินี, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติฯ ,สถาบันประสาทวิทยา, สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นต้น โดยเน้นรองรับผู้ป่วยที่มีกำลังจ่ายแต่ไม่ต้องการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูง”
สำหรับการบริหารจัดการเครือข่ายโรงพยาบาลนั้น แม้จะการจัดแบ่งโรงพยาบาลในกลุ่มเดียวกัน เช่น กลุ่มทุ่งพญาไท หรือกลุ่มทุ่งแคราย (สถาบันโรคทรวงอก, สถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ, สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพแห่งชาติ, สถาบันการแพทย์ด้านตา โรงพยาบาลแม่ตาประชารัฐ) แต่ทุกโรงพยาบาลจะต้องทำงานร่วมกัน สามารถส่งต่อผู้ป่วยและกระจายผู้ป่วยยามจำเป็นได้ เพื่อแบ่งเบาภาระ ลดความแออัดในโรงพยาบาล
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจUpdate

07/08/2025

แม้ถูกสหรัฐภายใต้ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าถึง 50% แต่บราซิลและอินเดียเลือกยืนหยัดไม่ถอย ลูลา ปฏิเสธเจรจาตรงกับทรัมป์ ชี้ไม่จำเป็นต้องอ้อนวอนหรือยอมให้ถูกดูหมิ่น พร้อมเดินเกมร่วม BRICS โต้กลับผ่านเวทีโลกอย่าง WTO

ขณะที่ อินเดีย ยังคงนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แม้ต้องแลกกับแรงกดดันทางการค้า เพราะพลังงานราคาถูกคือเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจประเทศ การเผชิญหน้าครั้งนี้อาจสะท้อนจุดเปลี่ยนของ “ระเบียบโลก” ที่ไม่ได้หมุนรอบสหรัฐอีกต่อไป

#ทรัมป์รีดภาษี
#ศึกการค้าโลกใหม่

#ลูลาไม่ง้อ
#อินเดียเลือกน้ำมันรัสเซีย

CPAXT กำไร Q2/68 โต 5 % ที่ 2,286 ลบ. ยอดขาย-กำไรขั้นต้นเพิ่มพร้อมปันผล 0.18 บ.CPAXT รายงานกำไร Q2/2568 เพิ่มขึ้น 5 % ที...
07/08/2025

CPAXT กำไร Q2/68 โต 5 % ที่ 2,286 ลบ. ยอดขาย-กำไรขั้นต้นเพิ่มพร้อมปันผล 0.18 บ.
CPAXT รายงานกำไร Q2/2568 เพิ่มขึ้น 5 % ที่ 2,286 ล้านบาท จากการเติบโตของยอดขายและ กำไรขั้นต้น รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นผลจากการควบบริษัท พร้อมจ่ายปันผล 0.18 บาท XD 20 ส.ค.
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัท และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าปลีกบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT รายงานไตรมาส 2 ของปี 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 2,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 110 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.1เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายและ กำไรขั้นต้น รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นผลจากการควบบริษัท อนึ่ง หากไม่รวมรายการปรับปรุง กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,337 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.7เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
กำไรสุทธิต่อหุ้นขั้นพื้นฐานสำหรับไตรมาส 2 ของปี 2568 อยู่ที่ 0.22 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับ 0.41 บาทต่อหุ้นใน ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากจำนวนหุ้นถัวเฉลี่ยคำนวณใหม่ ทั้งนี้หากเทียบจำนวนหุ้นที่เท่ากัน กำไรสุทธิต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 จาก 0.21 บาทต่อหุ้นในไตรมาส 2ของปี 2567
รายได้รวมทั้งสิ้น 129,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,124 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายสินค้าจำนวน 123,892 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจ านวน 2,518 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่งร้อยละ 2.4 หนุนจากการเติบโตของทุกหน่วย ธุรกิจ
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจWealth #กรุงเทพธุรกิจFinance

รัสเซียส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบ ไป ‘เวียดนาม’ เป็นครั้งแรก! ผ่านเรือบรรทุก 60,000 ตัน ภายใต้แรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรของชา...
07/08/2025

รัสเซียส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบ ไป ‘เวียดนาม’ เป็นครั้งแรก! ผ่านเรือบรรทุก 60,000 ตัน
ภายใต้แรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก รัสเซียเริ่มขยายตลาดพลังงานสู่เอเชีย ด้วยการส่งออก ‘แนฟทา’ วัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ไปยัง ‘เวียดนาม’ เป็นครั้งแรก เพื่อหาทางระบายของจากที่เคยพึ่งพาตลาดยุโรป
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัสเซียได้ส่งออก “แนฟทา” (Naphtha) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ ไปยัง “เวียดนาม” เป็นครั้งแรก ท่ามกลางความพยายามหาผู้ซื้อรายใหม่เพื่อชดเชยยอดขายที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ตามข้อมูลจากนักค้าพลังงานและนายหน้าขนส่งทางเรือ
สำหรับแนฟทา เป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในการผลิตโอเลฟิน และอะโรเมติกส์ ซึ่งต่อมาใช้ในการผลิตสินค้าหลากหลายประเภท เช่น พลาสติก วัสดุสังเคราะห์ และสารเคมีอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังถูกนำไปใช้ในการผสมกับน้ำมันเบนซินอีกด้วย
จากข้อมูลของ LSEG และ Vortexa พบว่า เรือบรรทุกน้ำมัน Northernlight ซึ่งจดทะเบียนภายใต้ธงชาติมอลตา ได้ขนส่งแนฟทาประมาณ 60,000 ตัน จากท่าเรือ Vysotsk ทางฝั่งทะเลบอลติกของรัสเซีย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน และได้ส่งมอบสินค้าที่ท่าเรือ Khanh Hoa ของเวียดนามแล้ว
หนึ่งในแหล่งข่าวระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันลำดังกล่าวได้ถ่ายแนฟทาจำนวนสูงสุดถึง 27,000 ตันที่ท่าเรือ Khanh Hoa
หลังจากแวะเวียดนามแล้ว เรือ Northernlight นี้ก็มุ่งหน้าไปยังท่าเรือต้าเหลียนของจีนเพื่อขนถ่ายสินค้าที่เหลือ
นับตั้งแต่สหภาพยุโรปเริ่มใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซียอย่างเต็มรูปแบบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ประเทศใน “ตะวันออกกลาง” และ “เอเชีย” ได้กลายเป็นจุดหมายหลักของการส่งออกแนฟทาจากรัสเซียแทน
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

MGI กำไรทรุด 97 % Q2/68 เหลือ 1.6 ล้าน เหตุไม่มีรายได้จากจัดประกวดมิสแกรนด์MGI รายงาน Q2/2568 รายได้-กำไรทรุด รายได้เหลื...
07/08/2025

MGI กำไรทรุด 97 % Q2/68 เหลือ 1.6 ล้าน เหตุไม่มีรายได้จากจัดประกวดมิสแกรนด์
MGI รายงาน Q2/2568 รายได้-กำไรทรุด รายได้เหลือ 104.63 ล้านบาท ลดลง55.90 % กำไร 1.61 ล้านบาท ลดลง 97.28 % สาเหตุจากไม่มีการจัดประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์
บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2568 จำนวน 1.61 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 97.28 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 92.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2567
การลดลงของกำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2568 มีสเหตุมาจากการไม่มีรายได้จากการจัดประกวด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ในช่วงไตรมาสดังกล่าวซึ่งเป็นไปตามแผนการดำเนินงานของบริษัท โดยบริษัทฯ ได้จัดกำรประกวดเสร็จ สิ้นไปแล้วในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจ ส่งผลให้กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิในไตรมาสนี้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรก ของปี2568 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ในกลุ่ม งานบริการ อาทิรายได้จากการจัดประกวด รายได้จากการบริหารศิลปิน และรายได้จากการจัดกิจกรรม อีเวนต์ต่าง ๆ ที่มีการจัดการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและเพิ่มศักยภาพในการทำกำไร ของบริษัทในระยะยาว
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจWealth #กรุงเทพธุรกิจFinance

ที่อยู่

1854 7th Floor, Debaratana Road, Bangna
Bangkok
10260

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ กรุงเทพธุรกิจผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง กรุงเทพธุรกิจ:

แชร์

Our Story

ความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจ การเมือง ธุรกิจ สังคม และสถานการณ์เด่น