BT Beartai แบไต๋

BT Beartai แบไต๋ BT beartai เป็นมากกว่าไอที

BT beartai สารพัดเรื่องราวข่าวสารเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ ข่าวสารสดใหม่ร้อน ๆ ส่งตรงถึงหน้าจอคุณ

ติดต่อโฆษณา ดูรายละเอียดได้ที่เว็บแบไต๋ครับ https://bt.th/contact

30/09/2025

ภารกิจฝากกล้อง iPhone 17 Pro Max ไว้กับ "เอิร์น ภัทรวดี" ให้ไปถ่ายรูป ย่านยอดฮิตของ Gen Z ที่ถนนทรงวาด จะสวยงาม และชิคแค่ไหน ต้องติดตาม

อวกาศและวัฒนธรรมการ์ตูนญี่ปุ่น เกี่ยวข้องกันอย่างไร หาคำตอบกันได้วันพุธที่ 1 ต.ค. นี้ 18.00 น.  ที่ YouTube ของ BT beart...
30/09/2025

อวกาศและวัฒนธรรมการ์ตูนญี่ปุ่น เกี่ยวข้องกันอย่างไร หาคำตอบกันได้
วันพุธที่ 1 ต.ค. นี้ 18.00 น. ที่ YouTube ของ BT beartai

🌐 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย ด้วย SAP Cloud ERP จาก Eviden – an Atos GroupERP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจไทยทุกขนาด ตั้งแต่โรงงานถึงโ...
30/09/2025

🌐 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย ด้วย SAP Cloud ERP จาก Eviden – an Atos Group
ERP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจไทยทุกขนาด ตั้งแต่โรงงานถึงโรงพยาบาล

ในยุคที่การตัดสินใจต้องเร็ว ข้อมูลต้องแม่น และระบบต้องยืดหยุ่นพร้อมสนับสนุนพันธกิจต่างๆ
Eviden – an Atos Group ในฐานะ SAP Platinum Partner พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธุรกิจในไทย ด้วยโซลูชันที่ผสานเทคโนโลยี และมาตรฐานระดับโลกเข้ากับความเข้าใจในบริบทของธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง

หัวใจสำคัญคือ SAP Cloud ERP โดย SAP S/4HANA ทั้งในรูปแบบ Public และ Private Edition บน Cloud ที่ออกแบบมาสำหรับองค์กรที่ต้องการนวัตกรรม ความเร็ว ความคุ้มค่า การให้บริการแบบครบวงจร และความยืดหยุ่นในการเติบโต

🏭 สำหรับภาคการผลิต (Manufacturing)

หัวใจสำคัญของการผลิตที่ดีในปัจจุบัน คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงต่อวัตถุประสงค์การใช้งาน ใช้วัสดุที่มีคุณภาพ การผลิตมีขั้นตอน และต้นทุนที่สอดคล้องกัน จนถึงความสามารถในการประมาณการ การปรับปรุงจากยอดขาย การประมาณการบุคลากร และวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ เพื่อให้การผลิตให้มีประสิทธภาพสูงสุด SAP Cloud ERP – Private (RISE with SAP) เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจภาคการผลิตขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ที่ต้องการ

วางแผนการใช้ทรัพยากร และบริหารกระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อนให้มีประสิทธิภาพแบบ End-to-End บริหารจัดการทรัพยากร และซัพพลายเชนด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อบริหารต้นทุนในการผลิต รองรับการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, IoT และ Automation ในการทำงานแบบ Industry 4.0 พร้อมขยายศักยภาพด้วย SAP Digital Supply Chain สำหรับการวางแผนและควบคุมซัพพลายเชนอย่างแม่นยำ

ทั้งนี้กลุ่มภาคการผลิต ขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือที่มีกระบวกการที่ซับซ้อนน้อยลงมา ก็สามารถพิจารณา SAP Cloud ERP – Public (GROW with SAP) สำหรับระบบบริหารงานทางการผลิต การขาย การจัดซื้อ และบัญชี ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

🏥 สำหรับภาคสาธารณสุข (Healthcare)
การแพทย์สมัยใหม่ต้องอาศัย “ข้อมูล” เพื่อการวิเคราะห์การบริหารงาน การจัดเตรียมบุคลากร และการจัดหาเวชภัณฑ์ เพื่อรักษาผู้เข้ารับบริการอย่างแม่นยำและรวดเร็ว Eviden ให้บริการ Core ERP ด้วย SAP S/4HANA Cloud และ SAP Software as a Service อื่นๆ เพื่อช่วยองค์กรในภาคสาธารณสุขบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยรองรับ

วางแผนบุคลากรทางการแพทย์ การจัดเวรการทำงาน (SuccessFactors) การประมาณการ และจัดหายาเวชภัณฑ์ ให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงของการดำเนินการ บริหารต้นทุนการสั่งซื้อ การจัดยาเวชภัณฑ์เพื่อลดปัญหาด้านสินค้าคงคลัง และ shelf life วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน แบบReal-time เพื่อปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์

ทั้งนี้ในภาคสาธารณสุข ยังมีโซลูชันที่ ร่วมมือกับทีมแพทย์ในการพัฒนา Web Application ที่ใช้เทคโนโลยี Image Recognition เพื่อวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ เช่น การวิเคราะห์ฟิล์มเอกซเรย์ หรือภาพจากกล้องจุลทรรศน์ ช่วยให้แพทย์สามารถ วิเคราะห์แนวโน้มของโรคจากภาพทางการแพทย์จำนวนมาก ศึกษาข้อมูลเชิงลึกแบบ Real-time (SAP Analytic Cloud) วางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที

📈 สำหรับธุรกิจขนาดกลาง (Mid-Market) SAP ไม่ได้เป็นเรื่องขององค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น

SAP Cloud ERP – Public (GROW with SAP) เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดเล็ก และกลุ่มธุรกิจแบบเริ่มต้น ที่ต้องการระบบมาตรฐานด้านบัญชี การจัดซื้อ และการขาย ระบบ ERP พร้อมใช้งานด้วยกระบวนการมาตรฐาน เพื่อความรวดเร็ว (Fast Time-to-Value) การลงทุนที่คุ้มค่าและควบคุมได้

ความสามารถในการปรับตัว และเติบโตอย่างเป็นระบบ

ฟังก์ชัน Cloud ERP ครบถ้วนที่ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจหลัก อีกทั้งระบบ SAP Software as a Service (SaaS) อื่นๆ หากมีความจำเป็นในการใช้งานที่มากขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนระบบขนาดใหญ่เกินความจำเป็นตั้งแต่วันแรกที่เริ่มใช้ระบบ
✳️ และเมื่อธุรกิจเติบโตมากขึ้นในอนาคต ก็สามารถต่อยอดโซลูชันเพิ่มเติม เช่น ด้านซัพพลายเชน หรือ HR ที่เป็น SAP Software as a Service ได้อย่างไร้รอยต่อ

🌍 ความเชี่ยวชาญระดับโลก + ความเข้าใจธุรกิจไทย
การที่ Eviden มีความเชี่ยวชาญทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย หมายถึง:
เรานำแนวปฏิบัติ (Best Practices) และเทคโนโลยีระดับสากลมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของไทย

เข้าใจทั้งข้อกำหนดทางกฎหมาย ภาษี และรูปแบบการทำงานขององค์กรไทย
มีทีมงานในประเทศที่ให้คำปรึกษาได้ทั้งเชิงเทคนิคและธุรกิจ ลูกค้าในไทยจึงมั่นใจได้ว่าได้รับบริการที่ มีมาตรฐานระดับโลก แต่ ยืดหยุ่นและใช้งานได้จริงในประเทศไทย

🚀 ถึงเวลาขยับธุรกิจให้พร้อมสำหรับอนาคต
ไม่ว่าคุณจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ หรือธุรกิจขนาดกลาง ให้ Eviden – an Atos Group เป็นพาร์ทเนอร์ที่คุณไว้วางใจในการเดินหน้าสู่ Digital Transformation อย่างยั่งยืน

📩 ติดต่อเราเพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง คุณธาริณี ศรีจามร อีเมล [email protected] หรือ ติดต่อมาที่ 02-7879000

Ridepods’ เกมใหม่จาก iOS ที่ใช้ AirPods ควบคุมการเคลื่อนไหว !ลืมไปเลยกับเกมที่ต้องใช้นิ้วสัมผัส หรือใช้จอยคอนโทรลเลอร์ เ...
30/09/2025

Ridepods’ เกมใหม่จาก iOS ที่ใช้ AirPods ควบคุมการเคลื่อนไหว !

ลืมไปเลยกับเกมที่ต้องใช้นิ้วสัมผัส หรือใช้จอยคอนโทรลเลอร์ เพราะ RidePods คือเกมที่ใช้ฟังก์ชันของหูฟังอย่าง AirPods เล่นแทน โดยเกมนี้เป็นผลงานของนักพัฒนาชื่อ อาลี ทานิส (Ali Tanis) ซึ่งถือเป็นเกมแรกที่ใช้ AirPods เป็นเหมือนจอยควบคุมการเคลื่อนไหว !

วิธีการเล่นก็ง่ายมาก ตัวเกมก็เหมือนเกมขับมอเตอร์ไซค์ทั่วไปที่เราต้องขับฝ่าการจราจรที่หนาแน่นด้วยความเร็วสูง แต่ความเจ๋งคือ แทนที่จะต้องใช้นิ้วปัดหน้าจอหรือเอียงโทรศัพท์ เราแค่ต้องเอียงหัวไปทางซ้ายหรือขวาในขณะที่สวม AirPods เพื่อควบคุมรถมอเตอร์ไซค์ในเกม เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าสนใจมากจริง ๆ

หลักการของเกมนี้คือเราไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ แต่ใช้จังหวะการโยกหัวไปมาเพื่อหลบอุปสรรคบนท้องถนนแทน โดย RidePods จะอาศัย Motion Sensors หรือเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวของหัวซึ่งถูกฝังไว้ใน AirPods และจะคอยจับเวลาเราขยับหัวไปซ้ายที ขวาที ยิ่งหลบได้ไกลแค่ไหนคะแนนก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ

รองรับ AirPods รุ่นไหนบ้าง ?

เกมนี้ต้องอาศัยเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวเป็นหลัก จึงต้องใช้ AirPods ที่มีเซนเซอร์นี้ ซึ่งในตอนนี้หูฟังรุ่นที่ใช้งานได้คือ AirPods Pro รุ่น 1, 2 และ 3 นอกจากนี้ยังมี AirPods รุ่นที่ 3 และใหม่กว่า รวมถึง AirPods Max ที่สามารถใช้งานได้เช่นกัน

จากที่ได้ลองเล่นแล้วรู้สึกว่าหัวของเราที่ใช้เล่นจะต้องนิ่งพอสมควร ถ้าอยู่บนรถแล้วเล่นอาจจะทำให้ Game Over ง่ายมาก เพราะตัวเราจะไม่นิ่งและมีโอกาสชนรถคันอื่นได้เลย นอกจากนี้ เรายังสามารถปรับฟังก์ชันในการเร่งหรือเบรกเครื่องได้ในเมนูตั้งค่าของเกม โดยจะใช้การเคลื่อนไหวหัวหน้า-หลัง เป็นการเร่ง-เบรกตามลำดับ

นอกจากนี้ยังมีกิมมิกเล็ก ๆ คือเราสามารถบันทึกวิดีโอหน้าตัวเองขณะเล่นได้ เป็นฟีเจอร์น่ารัก ๆ เอาไว้ดูว่าเวลาที่รถชนแล้วเราทำสีหน้าอย่างไรอาจจะบันทึกเก็บไว้ดูเองได้ หรือสำหรับใครที่เป็นสายคอนเทนต์ก็เอาไว้แชร์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขำ ๆ ได้เหมือนกัน

โดยรวมแล้วอาจไม่ได้กลับมาเล่นตลอด แต่การพัฒนาครั้งนี้ก็ถือเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่สำคัญ เพราะเป็นการใช้ฟังก์ชันที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาใหม่ ๆ ขึ้นในอนาคตได้ด้วย

30/09/2025

เลี้ยงลูกให้เลอะ แข็งแรงกว่า ?

ในยุคที่ทุกอย่างต้องเร็วทันใจ การโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันมือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ไม่ว่าจะจ่ายค่...
30/09/2025

ในยุคที่ทุกอย่างต้องเร็วทันใจ การโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันมือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ไม่ว่าจะจ่ายค่ากาแฟ, โอนให้เพื่อน หรือจ่ายบิลล์ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส

แต่ความสะดวกสบายนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่หลายคนอาจมองข้าม นั่นคือ “การโอนเงินผิดบัญชี” ซึ่งแม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อย หากเกิดขึ้นแล้วก็สร้างความปวดหัวให้กับคนโอนและคนรับได้ไม่น้อย

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าธนาคารมีอำนาจที่จะดึงเงินกลับมาได้ทันทีที่แจ้ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ธนาคารไม่สามารถทำแบบนั้นได้หากยังไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของบัญชีปลายทาง เพราะเมื่อเงินเข้าบัญชีไปแล้ว เงินนั้นก็ถือเป็นทรัพย์สินของเจ้าของบัญชีนั้น ๆ ตามกฎหมาย

ดังนั้น การแก้ไขปัญหาจึงต้องอาศัยขั้นตอนที่ถูกต้องและอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย บทความนี้จะมาสรุปทุกเรื่องที่คุณควรรู้ ทั้งกรณีที่เราเผลอโอนผิด และกรณีที่ใครไม่รู้โอนมาให้เรา

และนี่คือคู่มือแก้ปัญหา เวลาที่ต้องเจอกับปัญหา "โอนเงินผิดบัญชี"​ ทั้งกรณีเผลอโอนผิด และรับเงินโอนจากใครไม่รู้

ถ้าคุณเป็นคนที่โอนเงินผิดบัญชี อย่างแรกที่ต้องทำคือตั้งสติให้ดี สิ่งที่ต้องทำทันทีคือรวบรวมหลักฐานและรีบไปติดต่อธนาคารของคุณ (ธนาคารต้นทาง) เพื่อแจ้งปัญหา หลักฐานที่จำเป็นต้องใช้คือข้อมูลวัน-เวลา, จำนวนเงิน, ช่องทางการโอน และที่สำคัญที่สุดคือใบสลิปการโอนเงิน ไม่ว่าจะเป็นสลิปจริงจากตู้ ATM หรือ e-slip จากแอปพลิเคชันมือถือ

เมื่อธนาคารได้รับเรื่องแล้ว พวกเขาจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเพื่อติดต่อบัญชีปลายทางและขอความยินยอมในการโอนเงินคืนให้ ซึ่งหากเจ้าของบัญชีปลายทางมีเจตนาดีและยินยอมโอนเงินคืนให้ การดำเนินการก็จะเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วและคุณจะได้เงินคืนอย่างครบถ้วน

แต่ถ้าโชคร้ายที่ธนาคารติดต่อแล้วแต่ผู้รับโอนไม่ยอมคืนเงิน หรือไม่สามารถติดต่อได้เลย ขั้นตอนนี้จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ธนาคารจะให้หลักฐานการติดต่อกับคุณ จากนั้นคุณจะต้องนำหลักฐานดังกล่าวไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ตำรวจออกคำสั่งทางกฎหมายให้ธนาคารของบัญชีปลายทางอายัดบัญชีหรือเปิดเผยข้อมูลเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป

ในทางกลับกัน ถ้าคุณตื่นเช้ามาแล้วพบว่ามีเงินปริศนาโอนเข้ามาในบัญชีของคุณ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “อย่าโอนเงินกลับไปเองเด็ดขาด !” เพราะมีกรณีที่มิจฉาชีพใช้บัญชีของเราเป็นทางผ่านในการฟอกเงิน หรือที่เรียกกันว่า “บัญชีม้า”

อ่านต่อใต้คอมเมนต์

#โอนเงินผิดบัญชี

Spotify ลบเพลง AI ออกจากระบบแล้วกว่า 75 ล้านเพลงแม้ AI จะเข้ามาเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ หรือเครื่องมือสำคัญให้กับศิลปินห...
29/09/2025

Spotify ลบเพลง AI ออกจากระบบแล้วกว่า 75 ล้านเพลง

แม้ AI จะเข้ามาเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ หรือเครื่องมือสำคัญให้กับศิลปินหน้าใหม่ได้เฉิดฉาย แต่ในทางกลับกัน AI ก็ถูกใช้เป็นช่องทางสร้างรายได้โดยมิชอบ ทั้งการสร้างศิลปินที่ไม่มีตัวตนจริง ไปจนถึงการแอบอ้างผลงานของศิลปินผู้ล่วงลับไปแล้ว

ล่าสุด Spotify แพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงยักษ์ใหญ่ ได้ตระหนักถึงปัญหานี้และได้ลบเพลงที่เข้าข่ายสร้างโดย AI ออกไปแล้วกว่า 75 ล้านเพลง พร้อมประกาศยกระดับมาตรการป้องกันให้เข้มข้นขึ้น

- ตรวจสอบและจัดการกับการแอบอ้างเป็นศิลปินอื่น รวมถึงเนื้อหาที่หลอกลวงผู้ฟัง
- พัฒนาระบบเพื่อคัดกรองเพลงที่ไม่มีคุณภาพ และทำให้แน่ใจว่ารายได้จะถูกส่งมอบให้กับศิลปินตัวจริง
- แสดงข้อมูลเพลง AI เตรียมเปิดเผยให้ผู้ฟังทราบอย่างชัดเจน ว่าเพลงใดถูกสร้างขึ้นโดย AI ผ่านการแสดงข้อมูลในแอปพลิเคชัน

ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับ Spotify เท่านั้น ก่อนหน้านี้ Deezer ซึ่งเป็นคู่แข่งในตลาดได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า 28% ของเพลงใหม่ที่ถูกอัปโหลดขึ้นแพลตฟอร์ม หรือคิดเป็นกว่า 30,000 เพลงต่อวัน เป็นเพลงที่สร้างจาก AI ทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมเพลง

การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกำหนดทิศทางระหว่างอุตสาหกรรมเพลงและเทคโนโลยี AI ในอนาคต

ที่มา Cybernews

29/09/2025

เหตุการณ์หรือความคิดไหน
ที่ทำให้คุณผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้ ?

#บุคคลล้มละลุก EP. 4 พีท ทองเจือ แบไต๋ชีวิตช่วงวิกฤต 2 ต.ค. นี้ เวลา 18.00 น.

หลังช่วงต้นปี 2025 ที่ผ่านมา มีข่าวของแวดวงวิทยาศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับขยะพลาสติก โดยมีการดัดแปลงพันธุกรรมของแบคที...
29/09/2025

หลังช่วงต้นปี 2025 ที่ผ่านมา มีข่าวของแวดวงวิทยาศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับขยะพลาสติก โดยมีการดัดแปลงพันธุกรรมของแบคทีเรียสายพันธุ์ทั่วไปชนิดหนึ่งให้สามารถกินโมเลกุลที่มาจากพลาสติก แล้วย่อยสลายมันเพื่อผลิตเป็น “ยาพาราเซตามอล” ซึ่งเป็นยาแก้ปวดที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันได้
งานวิจัยนี้นำทีมโดย ศาสตราจารย์ วอลเลซ (Prof. Wallace) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางเคมี นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ (University of Edinburgh) ในสหราชอาณาจักร ได้ค้นพบวิธีใหม่ในการเปลี่ยนขยะพลาสติกประเภท PET (Polyethylene terephthalate) ซึ่งเป็นพลาสติกที่ใช้ทำขวดน้ำดื่มและบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ให้กลายเป็นยาแก้ปวดพาราเซตามอล (Paracetamol หรือ Acetaminophen) ได้สำเร็จ โดยใช้แบคทีเรียที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม
แบคทีเรียที่ใช้ในการทดลองนี้คือ Escherichia coli หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ E. coli เป็นเชื้อแบคทีเรียประจําถิ่น (Normal flora) พบได้เป็นปกติในลำไส้ของคนและสัตว์บางชนิด แต่เราอาจคุ้นเคยกับมันในฐานะเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการป่วยมากกว่า
ศาสตราจารย์วอลเลซเลือกใช้ E. coli เนื่องจากสายพันธุ์ที่ไม่ก่อโรคถูกนำมาใช้ในห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพและวิศวกรรมชีวภาพอย่างแพร่หลาย เพื่อทดสอบว่าสิ่งต่าง ๆ สามารถทำงานได้หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้เขาก็เคยดัดแปลงพันธุกรรม E. coli ในห้องทดลองให้เปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นกลิ่นวานิลลา และเปลี่ยน “แฟตเบิร์ก” (Fatberg) หรือ ไขมันอุดตันจากท่อระบายน้ำ ให้เป็นน้ำหอมได้มาแล้ว
ศาสตราจารย์วอลเลซ ระบุว่า การใช้งานของแบคทีเรียชนิดนี้ไม่ได้จำกัดแค่ในห้องทดลองเท่านั้น ในระดับอุตสาหกรรม ถังหมักที่มี E. coli ที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมจะทำหน้าที่เหมือนโรงงานที่มีชีวิต เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ยาอย่างอินซูลินที่จำเป็นต่อการรักษาเบาหวาน ไปจนถึงสารเคมีตั้งต้นต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงและตัวทำละลาย
E. coli คือเครื่องมือสำคัญของวงการเทคโนโลยีชีวภาพ
E. coli กลายมาเป็นแบคทีเรียที่โดดเด่นในวงการเทคโนโลยีชีวภาพเนื่องจากบทบาทของมันในฐานะสิ่งมีชีวิตต้นแบบ (model organism) E. coli ถูกแยกได้ครั้งแรกในปี 1885 โดยแพทย์ชาวเยอรมัน ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1940 การค้นพบโดยบังเอิญทำให้ E. coli ก้าวขึ้นมามีความสำคัญอย่างมาก โดยสายพันธุ์ที่ไม่ก่อโรค (K-12) ถูกนำมาใช้เพื่อแสดงให้เห็นว่าแบคทีเรียไม่เพียงแต่แบ่งตัวได้เท่านั้น แต่ยังสามารถมี “เพศสัมพันธ์ของแบคทีเรีย” โดยการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนยีนเพื่อสร้างคุณสมบัติใหม่ได้
ซินเธีย คอลลินส์ (Cynthia Collins) ผู้อำนวยการอาวุโสจาก Ginkgo Bioworks บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสหรัฐฯ กล่าวว่า ถึงแม้จะมีตัวเลือกของสิ่งมีชีวิตในกระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ E. coli ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดี ในการผลิตผลิตภัณฑ์หลายชนิด เพราะ “ประหยัดมาก และสามารถผลิตได้ปริมาณมหาศาล” และหากผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเป็นพิษต่อเซลล์ ก็สามารถดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้แบคทีเรียมีความทนทานได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่างานวิจัยในการค้นพบการเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นยาด้วยการใช้ E. coli ของศาสตราจารย์วอลเลซจะเป็นก้าวสำคัญของวิทยาศาตร์ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับประโยชน์ทางการแพทย์ แต่อีกด้านก็มีเสียงสะท้อนจากนักวิจัยบางส่วนที่เริ่มตั้งคำถามว่า การใช้แต่ E. coli มาเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการทางชีวภาพเพียงตัวเลือกเดียว อาจทำให้ปิดกั้นโอกาสจากการค้นพบโซลูชันทางชีวภาพอื่น ๆ ที่อาจจะดีที่สุดอยู่
ที่มา : bbc, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
#แบคทีเรีย #พลาสติก #ยาแก้ปวด

29/09/2025

How To ตั้งค่าฟีเจอร์ Facebook Affiliate
จับมือสอน วิธีตั้งค่าฟีเจอร์ใหม่ Facebook Affiliate Partnerships ใช้เวลาไม่กี่นาที ฟีเจอร์ใหม่ตัวนี้จะช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์ ปักลิงก์สินค้าได้ง่ายขึ้น ลิงก์ไม่หาย คนดูเห็นสินค้าไวกว่าเดิม

‘Veritas’ แชตบอตของ Siri ยังไม่เปิดเบตาให้ทดลอง และอาจใช้ Gemini ช่วยเซิร์ชอยู่ Apple กำลังซุ่มทดสอบ Veritas แชตบอตสุดล้...
29/09/2025

‘Veritas’ แชตบอตของ Siri ยังไม่เปิดเบตาให้ทดลอง และอาจใช้ Gemini ช่วยเซิร์ชอยู่
Apple กำลังซุ่มทดสอบ Veritas แชตบอตสุดล้ำที่คล้ายกับ ChatGPT และ Gemini เพื่อยกระดับ Siri ให้ฉลาดขึ้น แต่ข่าวร้ายคือเจ้าแชตบอตนี้ถูกสงวนไว้ให้พนักงานเท่านั้น และดูเหมือนว่า Apple จะยังไม่คิดปล่อยให้คนทั่วไปใช้ เพราะมีข่าวลือหนาหูว่า Apple จะจับมือกับ Google เพื่อนำ Gemini มาเป็นขุมพลัง AI สำหรับการค้นหาแทน
อย่างที่เราได้รู้กันว่า Apple กำลังซุ่มทำและเทสต์ AI แชตบอตตัวใหม่ของ Siri ภายใต้ชื่อว่า ‘Veritas’ หลังจากที่โดนข้อติชมต่าง ๆ นานา ว่าประสิทธิภาพของ Siri เริ่มแย่ลง และตัว Apple Intelligence ที่เพิ่งปล่อยออกมาก็กระแสไม่ดีนัก เพิ่มความกดดันเข้าไปอีกเท่าตัว
เป้าหมายของ Veritas คือต้องการพัฒนาเพื่อหักล้างข้อเสียเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสามารถในการพัฒนา ทดสอบ และรวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ของ Siri ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การค้นหาผ่านข้อมูลส่วนตัว และการดำเนินการภายในแอปฯ เช่น การแก้ไขรูปภาพ เป็นต้น
มาร์ก เกอร์แมน (Mark Gurman) จาก Bloomberg เปิดเผยว่า Veritas แชตบอตของ Apple มีรูปแบบคล้ายกับ ChatGPT และ Gemini โดยพนักงานสามารถพิมพ์คำถาม โต้ตอบ และย้อนกลับไปดูบทสนทนาเก่า ๆ เพื่อเจาะลึกข้อมูลได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีแผนจะเปิดให้คนทั่วไปใช้ (ซึ่งเกอร์แมนเองก็มองว่าเป็นความผิดพลาดนอยู่นะ) เพราะ Apple ตั้งใจจะใช้แชตบอตนี้แค่ภายในองค์กรเท่านั้น และมีแนวโน้มสูงที่จะใช้ Gemini ของ Google เป็น AI สำหรับการค้นหาแทน
Siri กับตำนานผู้ช่วยส่วนตัวที่มาพร้อมกับ iPhone 4S และความท้าทายในยุคที่ AI มาแทนที่
Siri เคยเป็นที่ฮือฮาและแปลกใหม่มากในยุคแรกที่เปิดตัวพร้อมกับ iPhone 4S ในปี 2011 เพราะเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ใช้เสียงสั่งการได้จริง ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวในโทรศัพท์
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยี AI และแชตบอตอย่าง ChatGPT และ Gemini ได้พัฒนาไปไกลกว่า Siri มาก โดยเฉพาะในด้านการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) การตอบคำถามที่ซับซ้อน และการทำงานร่วมกับข้อมูลส่วนตัวและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
น่าสนใจว่าการที่ Apple เคยมาเหนือมาก ๆ กับ Siri ในยุคนั้น กลับกลายเป็นความท้าทายในยุคที่ AI มีการแข่งขันสูง และ Siri กลับตกกระป๋องจนต้องหาแนวทางพัฒนาภายใต้แรงกดดันนี้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า Apple อาจยอมรับว่าการพัฒนา AI ของตัวเองยังไม่ทันคู่แข่ง จึงเลือกที่จะใช้ Gemini ของ Google สำหรับการค้นหาด้วย AI แทน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า Siri ที่เคยเป็น ‘ผู้นำ’ ในอดีต กำลังกลายเป็น ‘ผู้ตาม’ ในยุค AI นี้ซะแล้ว

Privacy Paradox เมื่อใจอยากส่วนตัวส่วนใหญ่กลับสวนทางในยุคที่สมาร์ตโฟนกลายเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การสื่อสา...
29/09/2025

Privacy Paradox เมื่อใจอยากส่วนตัวส่วนใหญ่กลับสวนทาง

ในยุคที่สมาร์ตโฟนกลายเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การสื่อสาร ธุรกรรมทางการเงิน ไปจนถึงความบันเทิงและบริการต่าง ๆ ที่ต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อให้เข้าถึงบริการนั้นได้ง่ายขึ้น แต่ลึก ๆ แล้วคิดว่าหลายคนก็น่าจะกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวของเราจะปลอดภัยจริงหรือไม่ ? ความรู้สึกนี้กำลังสะท้อนถึง “Privacy Paradox” หรือความย้อนแย้งด้านความเป็นส่วนตัว

กลัวข้อมูลรั่ว แต่ก็กดอนุญาต ชวนทำความเข้าใจ Privacy Paradox ความย้อนแย้งที่เราต่างก็เป็น

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยรู้สึกคล้าย ๆ กัน เวลาจะโหลดแอปพลิเคชัน เข้าบริการใหม่ ๆ หรือเข้าเว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคย พอมีหน้าต่างที่มีข้อความยาวเหยียดจนลายตาเด้งขึ้นมาพร้อมปุ่ม อนุญาต หรือ Allow / Agree จะต้องรีบหาปุ่มกดยอมรับโดยทันที แทบไม่ได้อ่านรายละเอียดข้อตกลงอะไรเลย แม้จะมีแวบหนึ่งที่นึกถึงความไม่ปลอดภัยของข้อมูลอยู่ก็ตาม

ปรากฏการณ์นี้ก่อให้เกิดความย้อนแย้งในด้านความเป็นส่วนตัว (Privacy Paradox) ที่กังวลถึงความปลอดภัยเกี่ยวกับการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม แต่ก็ยังปล่อยให้บริษัทหรือระบบออนไลน์เก็บรวบรวมและเข้าถึงความเป็นส่วนตัวข้อมูลของเรา เพราะถึงหากไม่ให้เข้าถึงความเป็นส่วนตัวหรือ Privacy ก็จะไม่สามารถใช้บริการได้ นั่นจึงเป็นส่วนที่ทำให้ความเป็นส่วนตัวน้อยลง

แม้จะรู้ดีว่าข้อมูลส่วนตัวของเรามีค่า มีคนที่หมายปองอยากจะได้ เพื่อไปใช้ในทางที่ผิด แต่ถึงอย่างนั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังยอมมอบให้อยู่ดีเพื่อแลกกับการใช้บริการ

โดยเฉพาะเทรนด์ที่มีการเอาภาพถ่ายส่วนตัวไปให้ AI สร้างเป็นภาพใหม่ ๆ นี่คือความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นเพราะมัวแต่สนุกกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและความสะดวกสบายในการเข้าถึง จนลืมนึกถึงความปลอดภัยของข้อมูลไปชั่วขณะ

ท้ายที่สุดแล้ว Privacy Paradox อาจจะไม่ได้สะท้อนถึงความละเลยความปลอดภัยของผู้ใช้งาน แต่เพื่อแลกกับความสะดวกสบายที่ได้มา เราอาจจะต้องย้อนถามตัวเองแล้วว่า ระหว่างความง่ายในการเข้าถึงบริการ กับ ความเป็นส่วนตัวในโลกดิจิทัล เราให้น้ำหนักกับเรื่องไหนมากกว่ากัน

อ่านต่อใต้คอมเมนต์

ที่อยู่

บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด ชั้น 6 ตึก Pegasus True Digital Park 101 ถนนสุขุมวิท 101/1
Bangkok
10260

เบอร์โทรศัพท์

+66858482253

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ BT Beartai แบไต๋ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง BT Beartai แบไต๋:

แชร์