The Lookout Art & Entertainment

รู้หรือไม่ว่า คุณไม่สามารถหาเพลง 'ก่อน' ของวง Moderndog แบบ Official ฟังในสตรีมมิ่งได้
19/06/2025

รู้หรือไม่ว่า คุณไม่สามารถหาเพลง 'ก่อน' ของวง Moderndog แบบ Official ฟังในสตรีมมิ่งได้

หาข้อมูลเกี่ยวกับอัลบั้มนี้อ่าน ก็ไปเจอคอลัมน์ใน The New Yorker ที่เขียนเล่าว่า ไอ้การทัวร์ครั้งสุดท้ายนี้มันมีสตอรี่เบื...
17/06/2025

หาข้อมูลเกี่ยวกับอัลบั้มนี้อ่าน ก็ไปเจอคอลัมน์ใน The New Yorker ที่เขียนเล่าว่า ไอ้การทัวร์ครั้งสุดท้ายนี้มันมีสตอรี่เบื้องหลังอยู่นะ ซึ่งคุณจะได้ยินตอนฟังอัลบั้มด้วย เราก็นึกว่าเป็นเสียงคุยกันหรือสัมภาษณ์เหรอ แต่เปล่า
ง่ายๆ คือ ตอนนั้นโคลเทรนในฐานะที่เป็น 'sideman' ของไมล์สมาตลอด พร้อมที่จะติดปีกบินออกจากวงแล้ว แต่ไมล์สยังรั้งเขาไว้ให้ไปทัวร์ยุโรปด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย โคลเทรนผู้ซึ่งจริงๆ หามือแซกโซโฟนมาแทนตัวเองไว้ให้เรียบร้อย จึงต้องจำใจไป ผลก็คือ ในทัวร์นี้โคลเทรนเล่นแบบกูไม่สน เล่นด้วยความโกรธเกรี้ยว และตามใจตัวเอง บางครั้งเขาโซโลนานมาก นานกว่าไมล์สจนไมล์สกลายเป็นเหมือนไซด์แมนในวงของตัวเอง ซึ่งก็มีทั้งได้รับทั้งเสียงปรบมือและเสียงโห่
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนคอลัมน์นี้มองว่า นี่แหละที่ทำให้อัลบั้มนี้มันน่าสนใจขึ้นมา เพราะจริงๆ แล้วโคลเทรนนั้นใช้ทัวร์นี้ในการฝึกฝนและทดลองกับไอเดียซึ่งจะคลี่คลายกลายเป็นอีกสไตล์ของเขาในเวลาต่อมา

ที่มา: https://www.newyorker.com/culture/richard-brody/listening-to-miles-davis-and-john-coltranes-final-tour

Rocket Queen – เรื่องราวเซ็กซ์จริง เสียงจริง และดราม่าหลังไมค์ของ Guns N’ Rosesวันนี้อยากเล่าเรื่องเกี่ยวกับเพลง Rocket ...
15/06/2025

Rocket Queen – เรื่องราวเซ็กซ์จริง เสียงจริง และดราม่าหลังไมค์ของ Guns N’ Roses
วันนี้อยากเล่าเรื่องเกี่ยวกับเพลง Rocket Queen เพลงโปรดอันดับหนึ่งจากวง Guns N' Roses ของแอดเอง เพลงนี้เป็นแทร็คสุดท้ายในอัลบั้ม
Appetite for Destruction (1987) ถ้าใครเคยฟังจะรู้ว่าช่วงกลางเพลงมีเสียงร้องครวญครางของผู้หญิงซาวด์ประกอบ ซึ่งนั่นคือการบันทึกเสียงการมีเซ็กซ์จริงๆ ของ Axl Rose นักร้องนำกับผู้หญิงคนหนึ่งในสตูดิโอ
เรื่องมันเริ่มจาก Adriana Smith กรุ๊ปปี้ของวงนักเต้นเปลื้องผ้าในยุคนั้น ที่มีความสัมพันธ์คาราคาซังกับ Steven Adler มือกลองของวง วันหนึ่งเธอรู้ว่า Adler พาผู้หญิงคนอื่นไปออกเดต แล้วก็บอกกับเธอตรงๆ ว่า “เธอไม่ใช่แฟนฉัน” ด้วยความโกรธและเสียใจ Smith จึงพาตัวเองไปที่ห้องอัดซึ่ง Axl กับ Slash อยู่ที่นั่น แล้วจากนั้นก็เกิดเรื่องที่กลายเป็นตำนานในประวัติศาสตร์ร็อก
Axl Rose เสนอไอเดียที่เขาคิดไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ว่าอยากได้ “เสียงเซ็กซ์จริงๆ” ไปประกอบเพลง Rocket Queen ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการมิกซ์ในห้องอัดที่นิวยอร์ก Smith ตอบตกลงด้วยประโยคที่กลายเป็นตำนาน “เพื่อวง... และเหล้า Jack Daniel's หนึ่งขวด” แล้วก็เข้าไปในบูธบันทึกเสียงกับ Axl โดยตรง
เสียงครวญครางในช่วงกลางเพลงที่ทุกคนได้ยินมาจากการมีเซ็กซ์จริงๆ ครั้งนั้น ซาวด์เอนจิเนียร์ Steve Thompson เคยเล่าว่าบรรยากาศในสตูดิโอวันนั้นเหมือนฉากหนังโป๊ยุค 70 Axl กับ Smith ทำกิจกรรมอยู่ข้างใน ขณะที่ทีมงานต้องคอยปรับไมค์เพราะทั้งคู่เผลอไปชนจนล้มในระหว่าง “ปฏิบัติการ” หนึ่งในนั้นคือ Vic Deyglio ซึ่งถูกแซวไว้ในเครดิตว่าเป็น “Victor ‘the fu***ng engineer’ Deyglio”
ในวันนั้นทีมงานได้บันทึกเสียงเซ็กซ์ทั้งหมดไว้ราว 30 นาที ก่อนจะนำไปตัดต่อใส่ไว้เฉพาะช่วงกลางของเพลง Rocket Queen อย่างประณีต ส่วนเอนจิเนียร์อีกคนอย่าง Michael Barbiero ปฏิเสธที่จะทำหน้าที่นี้ด้วยตัวเอง เพราะเขาบอกว่า “รับไม่ไหว” กับฉากที่เกิดขึ้น จึงปล่อยให้ผู้ช่วยดูแลแทนทั้งหมด
เพลง Rocket Queen มีโครงสร้างแปลกกว่าหลายเพลงของ GN’R เพราะมันแบ่งเป็น 2 ช่วงอย่างชัดเจน ช่วงแรกเต็มไปด้วยอารมณ์ทางเพศ เสียงดิบ ก้าวร้าว ลีดกีตาร์สุดยั่ว จากนั้นเข้าสู่ช่วงที่สองซึ่งเปลี่ยนอารมณ์เป็นความอ่อนโยน มีความเป็นเพื่อน ความห่วงใย เจืออยู่ในเนื้อร้องอย่างชัดเจน
ที่น่าสนใจคือ Axl เคยเล่าว่าเพลงนี้แต่งให้กับหญิงสาวชื่อ Barbi Von Greif หญิงสาวจากแวดวงใต้ดินของลอสแองเจลิส ที่เขาหลงรักและรู้สึกว่าเธอช่วยให้เขารอดชีวิตจากช่วงเวลาหนักๆ ในชีวิต เขาบอกว่า “ช่วงสุดท้ายของเพลง มันคือข้อความที่อยากส่งถึงเธอ หรือใครก็ตามที่เคยผ่านอะไรคล้ายกัน มันคือความหวัง... เป็นเหมือนข้อความแห่งมิตรภาพ”
Adriana Smith ในตอนนั้นอายุแค่ 19 ปี เป็นหญิงสาวที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง ไม่ได้ต้องการเป็นที่รู้จักในฐานะ “สาวเสียงเซ็กซ์” ในเพลงร็อก เมื่อเวลาผ่านไป เธอยอมรับในภายหลังว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความอับอายและรู้สึกผิดอย่างมาก ถึงขั้นใช้เวลาอีกหลายปีต่อมาจมอยู่กับแอลกอฮอล์และยาเสพติด เพราะแบกความรู้สึกผิดไว้ไม่ไหว
Smith ยังเล่าอีกว่าตัวเองไม่เคยบอกใครว่า “ฉันคือ Rocket Queen” เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับชื่อนั้นจริงๆ “คนที่เป็น Rocket Queen จริงๆ คือ Barbi” เธอกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์หนึ่ง
ด้าน Steven Adler เอง เมื่อรู้เรื่องก็โกรธจัด ถึงขั้น “freaked out” ตามคำบอกเล่าของ Smith เหตุการณ์นี้กลายเป็นชนวนของความตึงเครียดในวง ถึงแม้จะไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เขาถูกไล่ออกจากวงในปี 1990 (เพราะปัญหาเฮโรอีน) แต่ก็เป็นจุดแตกหักที่สำคัญ
หลายปีให้หลัง Smith เริ่มฟื้นตัวจากบาดแผลในอดีต เธอผันตัวเป็นที่ปรึกษาด้านสารเสพติด และมีวงดนตรีของตัวเองชื่อ Adriana and the Ghost in the Graveyard ที่น่าแปลกคือ เธอไม่เคยได้รับค่าตอบแทนหรือเครดิตใดๆ จากเสียงที่เธอมีส่วนร่วมในเพลง Rocket Queen เลยแม้แต่นิดเดียว
Rocket Queen กลายเป็นเพลงที่สื่อสารภาพรวมของวง Guns N’ Roses ได้ครบถ้วนที่สุด ทั้งความบ้าระห่ำ ดิบ เถื่อน แรงขับทางเพศ ดราม่าภายในวง และบทกวีแห่งมิตรภาพในท่อนสุดท้าย นี่คือแทร็คที่ปิดท้ายอัลบั้ม Appetite for Destruction ได้อย่างสมศักดิ์ศรีในฐานะงานเปิดตัวที่เปลี่ยนโฉมหน้าร็อกยุค 80 ไปตลอดกาล
และไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ เพลงนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรม S*x, Drugs & Rock ‘n Roll อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ในแง่เนื้อหาและเสียงประกอบ แต่ในวิธีที่มันถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ ความบ้าบิ่น และความบ้าคลั่งเฉพาะตัวของยุคนั้น
เพลงนี้จึงยังคงมีชีวิต และยังถูกพูดถึงในฐานะหนึ่งในเพลงที่ “จริง” ที่สุดในโลกของร็อกแอนด์โรล

Jarvis Cocker กับเสียงเพลงแห่งการเติบโต: เมื่อฟรอนต์แมนวง Pulp หันกลับมามองชีวิต ความตาย ความรัก และการยอมรับตัวเองผ่านอ...
08/06/2025

Jarvis Cocker กับเสียงเพลงแห่งการเติบโต: เมื่อฟรอนต์แมนวง Pulp หันกลับมามองชีวิต ความตาย ความรัก และการยอมรับตัวเองผ่านอัลบั้มใหม่ “More”
ในปี 2025 นี้ วงดนตรีอังกฤษระดับตำนานอย่าง Pulp กำลังจะปล่อยอัลบั้มใหม่ชื่อ “More” ซึ่งถือเป็นอัลบั้มใหม่ครั้งแรกในรอบ 24 ปีนับจากที่พวกเขาห่างหายจากการออกผลงานเต็มชุดไปตั้งแต่ยุค 2000 ต้นๆ แต่นี่ไม่ใช่แค่การกลับมาของวง Britpop ชื่อดังเท่านั้น — มันคือการกลับมาของเสียงสะท้อนความคิดของชายที่ชื่อว่า Jarvis Cocker ในวัย 60 ที่ผ่านชีวิตมาหลายรูปแบบ และพร้อมจะพูดถึงมันอย่างเปิดเผย ลึก และซื่อตรง
บทสัมภาษณ์ในนิตยสาร The New Yorker พาเราไปสำรวจทั้งมุมศิลปะ ความสูญเสีย ความรัก และความเข้าใจตนเองของ Jarvis ผ่านเรื่องราวที่เป็นทั้งส่วนตัวและสากลอย่างประหลาด
[1. “Grown Ups” และการเติบโตที่ไม่โรแมนติก]
เพลง “Grown Ups” อาจเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของหัวข้อทั้งหมดในบทสัมภาษณ์นี้—ไม่ใช่แค่ชื่อเพลง แต่คือคำถามต่อการใช้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่
Jarvis เล่าว่าเขาเริ่มแต่งเพลงนี้ตั้งแต่ช่วงทำอัลบั้ม “This Is Hardcore” เมื่อกว่า 25 ปีก่อน เขามีชื่อเพลงในหัว แต่ไม่สามารถหาถ้อยคำที่เหมาะสมมาเติมเต็มได้ จนกระทั่งเขาโตพอที่จะเข้าใจว่า “being grown up” ไม่ได้แปลว่าการรู้ทุกอย่าง หรือการเป็นผู้ใหญ่ในนิยามของสังคม แต่คือการยอมรับว่าโลกไม่ชัดเจน และบางครั้งเราเองก็รู้สึกคลื่นไส้ก่อนจะทันเริ่มเดินทางเสียด้วยซ้ำ
เนื้อเพลงถามว่า “But what if you get travel sick / Before you’ve even left the station?” มันคือประโยคที่แทงใจใครหลายคนในยุคที่ทุกอย่างเริ่มเร็วเกินไป และชีวิตดูเหมือนจะต้องรีบไปถึง “เป้าหมาย” ให้ไวที่สุด ทั้งที่คนจำนวนมากยังไม่พร้อมแม้แต่จะก้าวขึ้นรถไฟ
[2. ศิลปะจากสิ่งเล็กๆ: แรงบันดาลใจที่อยู่รอบตัว]
แทนที่จะมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอกหรือแรงกระตุ้นเหนือธรรมชาติ Jarvis กลับเชื่อว่า สิ่งที่มีพลังมากที่สุดอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นข้าวของในห้องเก็บของเก่า สมุดบันทึกวัยรุ่น หรือแม้แต่ความทรงจำที่ถูกกระตุ้นจากวัตถุธรรมดาๆ อย่างรองเท้าเก่า
หนังสือ “Good Pop Bad Pop” ของเขาไม่ได้เป็นอัตชีวประวัติที่เล่าเรื่องเรียงลำดับ แต่เป็นการเล่าผ่าน “วัตถุ” ที่กระตุ้นให้เขาคิดถึงช่วงเวลานั้นๆ แบบสดใหม่ บางตอนในหนังสือพูดถึงกีตาร์ตัวแรกที่เขาได้จากแฟนชาวเยอรมันของแม่—ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตในฐานะนักดนตรี แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ไม่เคยได้พูดออกมา จนกระทั่งมีโอกาสได้กลับไปเจอชายคนนั้นอีกครั้งก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในวันถัดมา
[3. ความตาย ความรัก และการเลือกจะใช้ชีวิต]
การกลับมาทำอัลบั้ม “More” เกิดขึ้นจากความรู้สึกของการสูญเสียที่ทับซ้อนกัน: ทั้งการจากไปของแม่ และ Steve Mackey มือเบสของวง Pulp มันกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ Jarvis อยากกลับมาทำเพลงกับสมาชิกวงอีกครั้ง
“เมื่อมีคนใกล้ตัวจากไป หนึ่งในวิธีรับมือคือการถามตัวเองว่า ถ้างั้นเราจะใช้เวลาที่เหลือยังไง?” เขากล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์
Jarvis ไม่ได้มองความตายอย่างดราม่า แต่เขาใช้มันเป็นหมุดหมายให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง “Instead of having us this Slow Death / We should be having us a Slow Jam” เขาร้องในเพลงใหม่ เปรียบเปรยว่าถ้าเราหนีไม่พ้นความช้าและแก่เฒ่า ก็อาจทำให้มันกลายเป็นจังหวะที่เราร่วมเต้นรำได้
[4. เพศ ความรัก และความเปราะบางของตัวตน]
เพลง “My S*x” เป็นหนึ่งในเพลงที่เปิดเผยและอ่อนไหวที่สุดในอัลบั้มใหม่ เนื้อเพลงไม่ได้จัดวางตัวตนทางเพศในกล่องใดกล่องหนึ่ง แต่เลือกที่จะปล่อยให้มันลื่นไหล “My s*x is neither here nor there / It’s an out-of-body experience” ไม่ใช่การยั่วยุ แต่คือความพยายามเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ที่อยู่เหนือเพศสภาพ
Jarvis บอกว่าการเติบโตในบ้านที่มีแต่ผู้หญิง ทำให้เขาได้รับมุมมองจาก “ฝั่งที่ถูกทิ้ง” และเขาพยายามอย่างมากที่จะไม่กลายเป็น “ผู้ชายแย่ๆ” อย่างที่เขาเคยเห็นในชีวิตจริง นี่จึงไม่ใช่เพลงรักธรรมดา แต่มันคือบันทึกของการเติบโตภายใต้ความเปราะบางและการแสวงหาความรักในรูปแบบที่ไม่ตายตัว
[5. จากคนกลัวฝนสู่คนรักธรรมชาติ: ธรรมชาติคือกระจกสะท้อนชีวิต]
Jarvis เคยเป็นคนเมืองที่ “ไม่เข้าใจธรรมชาติ” เขาเคยกลัวฝน เกลียดการเดินขึ้นเขา และรู้สึกว่าธรรมชาติไม่มีอะไรให้เขาทำ แต่หลังจากมีบ้านในชนบทและใช้ชีวิตท่ามกลางต้นไม้ ภูเขา และฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน เขาก็เริ่มเข้าใจบางสิ่งที่ไม่มีในเมือง
“ธรรมชาติจะยังอยู่หลังจากเราตายไปแล้ว” เขากล่าว พร้อมเสริมว่ามันช่วยทำให้เขาอ่อนน้อมลง และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเอง
นอกจากนี้ เพลงปิดอัลบั้ม “A Sunset” ก็พูดถึงการเปลี่ยนจากความกลัวธรรมชาติ (รวมถึงความกลัวการคลอดลูกของอดีตภรรยา) สู่การยอมรับและรักในสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้เลย
[6. สายตาสั้นกับโลกเบลอๆ: รากของความเป็นศิลปินที่พูดกับคนหมู่มาก]
หนึ่งในประเด็นลึกที่สุดของบทสัมภาษณ์คือเรื่องที่ Jarvis พูดถึงปัญหาในการสื่อสารกับคนใกล้ตัว
เขายอมรับว่าเขา “สื่อสารไม่เก่ง” ในความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่ชอบการเผชิญหน้า และไม่ชอบเป็นจุดสนใจในกลุ่มคน แต่กลับรู้สึกสบายใจเวลาพูดกับ “กลุ่มผู้ชม” ที่ไม่มีหน้าตาเฉพาะ
เขาเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเชื่อมโยงกับการที่เขาเป็นคนสายตาสั้นตั้งแต่เกิด—จนเคยชินกับโลกที่เบลอ ไม่ชัดเจน และไร้รายละเอียด มันทำให้เขารับรู้โลกแบบ “รวมหมู่” มากกว่าจะมองเห็นเป็นปัจเจกคน
และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่เขาสามารถสื่อสารกับคนหลายพันคนได้ดีผ่านเพลง แต่กลับพูดคำง่าย ๆ อย่าง “ฉันรักเธอ” หรือ “ขอโทษ” กับคนใกล้ชิดได้ยากเหลือเกิน
[7. Pulp ในวันที่สงบกว่าเดิม]
หลังจากผ่านทั้งชื่อเสียง ความวุ่นวาย ความเจ็บปวด และการค้นหาตัวเองมานานหลายทศวรรษ Jarvis Cocker กลับมาสู่เวทีอีกครั้ง ไม่ใช่ด้วยความเยาว์วัยหรือพลังวัยรุ่น แต่ด้วยเสียงของคนที่เข้าใจจังหวะชีวิตของตัวเองอย่างแท้จริง
เขาบอกว่า เมื่อก่อนเขาคิดว่า “ความดังจะเปลี่ยนชีวิต” เขาอยากเป็นเหมือนตัวละครในทีวี อยากหนีโลกแห่งความจริง แต่ตอนนี้เขากลับมาร้องเพลงเดิมๆ เหล่านั้นได้ด้วยความสุข และไม่มีความขัดแย้งกับมันอีกต่อไป
อัลบั้ม “More” จึงไม่ใช่แค่ของขวัญสำหรับแฟนเพลง Pulp แต่เป็นสมุดบันทึกของชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ซื่อตรงที่สุดของ Jarvis Cocker
“More” วางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2025
#สายตาสั้นและโลกเบลอ

ที่มา: https://www.newyorker.com/.../jarvis-cocker-is-out-of-the...

อย่างเดือด!“สันติ” (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) เด็กดอยที่เติบโตมาในหมู่บ้านห่างไกลบนดอยวาวี ผู้มีความฝันจะถีบตนเองและค...
24/04/2025

อย่างเดือด!
“สันติ” (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) เด็กดอยที่เติบโตมาในหมู่บ้านห่างไกลบนดอยวาวี ผู้มีความฝันจะถีบตนเองและครอบครัวให้พ้นจากความยากจนให้ได้ เขากำฝันนั้นเดินทางมายังกรุงเทพฯ พร้อมสิ่งเดียวที่มีติดตัวคือ ภาษาจีนที่ร่ำเรียนจากแม่มาตั้งแต่เด็ก สันติค้นพบโอกาสสู่ความร่ำรวย เมื่อเล็งเห็นว่าราคาขนส่งพัสดุระหว่างไทยกับจีนแตกต่างกันอย่างมหาศาล เขาจึงตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตัก ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัป “ธันเดอร์ เอ็กซ์เพรส” ร่วมกับ “เสี่ยวหยู” (เจนเย่ จีรนรภัทร) นักการเงินระดับหัวกะทิที่ไหวพริบเฉียบคม และ “รุ่ยเจี๋ย” (ดร.พลัง โลกศิลป์) โปรแกรมเมอร์ระดับพระกาฬที่เย็นชาไร้มนุษยสัมพันธ์ แล้วกระโจนลงสู่สมรภูมิธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ท้าชนคู่แข่งทุนยักษ์ที่เคยหักหลังเขาอย่างเจ็บแสบ นำไปสู่การลุยชนทุกสิ่งกีดขวางอย่างบ้าดีเดือด เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดมูลค่าหมื่นล้านมาครองให้ได้
'สงคราม ส่งด่วน' ซีรีส์ดราม่าสุดเดือดที่ได้แรงบันดาลใจจากสตาร์ทอัปยูนิคอร์นตัวแรกของประเทศไทย กำกับโดย ณฐพล บุญประกอบ 29 พฤษภาคมนี้ ที่ Netflix เท่านั้น

#ทีไทยทีมันส์2025

Rosé บนปกนิตยสาร GQ Korea ฉบับกุมภาพันธ์ 2025
17/01/2025

Rosé บนปกนิตยสาร GQ Korea ฉบับกุมภาพันธ์ 2025

02/10/2024

เพื่อฉลอง 60 ปีแห่งการสร้างสรรค์และส่งมอบรอยยิ้มให้คนไทย คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคและเคมีภัณฑ์ชั้นนำจัดนิทรรศการ คาโอ 60 ปี Saving Future Smiles ที่สะท้อนถึงพันธกิจการดูแลทั้งผู้คนและโลกผ่านนวัตกรรมรักษ์โลก ภายใต้แนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance)
นิทรรศการนี้เต็มไปด้วยสีสันจากผลงานศิลปะของเยาวชนและศิลปินชั้นนำ เช่น Asasak, Benzilla, และ พลอย หอวัง ที่นำ Upcycled Plasticหรือพลาสติกรีไซเคิลมาสร้างงานศิลป์ สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด
คาโอที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 60 ปี ได้มอบสุขอนามัยและผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในงานนี้ ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมที่ออกแบบเพื่อยกระดับชีวิตและเป็นมิตรต่อโลก นิทรรศการจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 กันยายน – 5 ตุลาคม 2567 ณ ศูนย์การค้า สามย่านมิตรทาวน์ ชั้น G เข้าชมฟรี!

บางส่วนของผลงานภาพวาดจากชุด 'Oh, Dystopia' โดยศิลปิน Scott Listfield ที่เพิ่งแสดงจบไป ณ แกลเลอรี่ Think Space ในแอลเอ ซึ...
21/09/2024

บางส่วนของผลงานภาพวาดจากชุด 'Oh, Dystopia' โดยศิลปิน Scott Listfield ที่เพิ่งแสดงจบไป ณ แกลเลอรี่ Think Space ในแอลเอ ซึ่งพูดถึงการค้นหาความงามในจุดจบของสิ่งต่างๆ
"คุณรู้สึกเครียดหรือกังวลอยู่หรือเปล่า? การเสื่อมถอยของประชาธิปไตยและความรู้สึกถึงการล่มสลายของสังคมทำให้คุณหมดกำลังใจใช่ไหม? คุณเบื่อกับเทคโนโลยีที่ไม่มีใครต้องการใช่ไหม? เหนื่อยล้าจากระบบทุนนิยมขั้นสุดหรือยัง? เบื่อโซเชียลมีเดีย? มหาเศรษฐี? รถติด? สงคราม? ศาลสูงสุด? ถ้าอย่างนั้น ผมมีสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ! นี่คือจุดจบของโลกอย่างที่เรารู้กัน และผมก็รู้สึกโอเคดี"
ชมผลงานเพิ่มเติมของศิลปินได้ที่

เมื่อเลียม กัลลาเกอร์ อวยพรวันเกิดอายุครบ 52 ให้ตัวเองในวันนี้... "สุขสันต์วันเกิดให้กับตัวเอง สุขสันต์วันเกิดให้กับข้า ...
21/09/2024

เมื่อเลียม กัลลาเกอร์ อวยพรวันเกิดอายุครบ 52 ให้ตัวเองในวันนี้...

"สุขสันต์วันเกิดให้กับตัวเอง สุขสันต์วันเกิดให้กับข้า ข้านี่แหละสุดยอด! สุขสันต์วันเกิดให้กับข้า 52 แต่ความรู้สึกเหมือน 7 ขวบครึ่ง Lโคตรฟิน x"

“ดินแดนล่มสลาย – แฝดผู้สงสัยโลกภายนอก – ปีศาจร้ายรอฉุดลงนรก”  เตรียมพบกับทุกความระทึกขั้นสุดใน “Never Let Go ผูกเป็น หลุ...
12/09/2024

“ดินแดนล่มสลาย – แฝดผู้สงสัยโลกภายนอก – ปีศาจร้ายรอฉุดลงนรก”
เตรียมพบกับทุกความระทึกขั้นสุดใน “Never Let Go ผูกเป็น หลุดตาย” วันที่ 19 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
นับถอยหลังสู่การเผชิญหน้ากับความสยองสุดระทึก เมื่อสามแม่ลูกต้องต่อกรกับสิ่งชั่วร้ายหลังโลกล่มสลาย สิ่งเดียวที่จะชี้ชะตาคือ “เชือก” ที่จะกำหนดชะตาชีวิตของพวกเขา “Never Let Go ผูกเป็น หลุดตาย” ภาพยนตร์กระตุกขวัญที่ทุกคนจับตามอง ผลงานล่าสุดของผู้กำกับชื่อดัง อเล็กซองดร์ อาฌา ผู้เคยสร้างความระทึกขวัญไว้ในภาพยนตร์เรื่อง “Crawl คลานขย้ำ” (2019)
ครั้งนี้ เตรียมลุ้นจนหายใจไม่ทั่วท้องกับเรื่องราวของ แม่เลี้ยงเดี่ยว (รับบทโดย ฮัลลี เบอร์รี) ที่ต้องพยายามปกป้อง ลูกชายฝาแฝดท่ามกลางโลกที่พังทลายและเต็มไปด้วยปีศาจปริศนาที่พร้อมจะฉุดกระชากพวกเขาลงนรก ทุกขณะของการออกไปสู่โลกภายนอก พวกเขาจำเป็นต้องใช้ “เชือก” ผูกติดกันไว้อย่าให้หลุด!
ความระทึกขั้นสุด 3 ด้านที่คุณจะได้สัมผัสใน “Never Let Go ผูกเป็น หลุดตาย”
1. “ดินแดนล่มสลาย”
หลังโลกแตกสลาย ความอันตรายแฝงตัวอยู่ทุกที่ มีเพียงแม่และลูกชายฝาแฝดที่รอดชีวิตในบ้านท่ามกลางป่าใหญ่ แต่เชือกที่ยึดโยงบ้านไว้เป็นสิ่งเดียวที่ปกป้องพวกเขาจากหายนะของปีศาจจากนรก
2. “แฝดผู้สงสัยโลกภายนอก”
ลูกชายฝาแฝดเติบโตมาในโลกที่ถูกควบคุมด้วยความหวาดกลัว แม่ของพวกเขาย้ำเตือนเสมอว่าเชือกนี้คือสิ่งที่ปกป้องพวกเขาจากปีศาจร้าย แต่คำเตือนเหล่านั้นกลับสร้างความสงสัยให้แก่เด็กๆ พวกเขาเริ่มตั้งคำถามว่าสิ่งที่แม่พูดคือความจริงหรือเพียงคำลวง และอะไรคือความจริงเบื้องหลังโลกภายนอกที่พวกเขาถูกห้ามไม่ให้ไปสัมผัส
3. “ปีศาจร้ายรอฉุดลงนรก”
ปีศาจปริศนาที่ยังไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร มาพร้อมกับความสยดสยองเกินคาดคิด แค่เพียงสัมผัสจากมันก็สามารถส่งมนุษย์ลงนรกทั้งเป็นได้ ผู้เป็นแม่จึงต้องตั้งกฎเหล็กเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือ “4 กฎพ้นนรกจากปีศาจ” :

- ผูกเชือกไว้กับรากฐานของบ้านศักดิ์สิทธิ์
- กล่าวคำศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกปักบ้าน
- จงระลึกไว้ว่าสิ่งที่เห็นอาจเป็นภาพลวงตาของปีศาจ
- ห้ามปล่อยเชือกเด็ดขาด
เตรียมตัวให้พร้อมกับประสบการณ์สยองสุดระทึก และร่วมค้นหาคำตอบของความลับที่ซ่อนอยู่ภายนอกดินแดนล่มสลายใน “Never Let Go ผูกเป็น หลุดตาย” 19 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์!

‘วิมานหนาม’ ยังคงแรงต่อเนื่อง ทำรายได้อันดับหนึ่งทั่วประเทศ 3 สัปดาห์ซ้อนภาพยนตร์จาก จีดีเอช และ ใจ สตูดิโอ ‘วิมานหนาม’ ...
12/09/2024

‘วิมานหนาม’ ยังคงแรงต่อเนื่อง ทำรายได้อันดับหนึ่งทั่วประเทศ 3 สัปดาห์ซ้อน
ภาพยนตร์จาก จีดีเอช และ ใจ สตูดิโอ ‘วิมานหนาม’ ยังคงตอกย้ำความสำเร็จด้วยการสร้างสถิติใหม่ ทำรายได้ทั่วประเทศเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันถึง 3 สัปดาห์ พร้อมขอบคุณผู้ชมที่สนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ และเชิญชวนให้ร่วมเดินทางไปสู่เป้าหมายใหม่ที่รายได้ทะยานสู่ 150 ล้านบาท
เจฟ ซาเตอร์ นักแสดงนำของเรื่องนี้ กล่าวแสดงความรู้สึกว่า “ผมขอเป็นตัวแทนของนักแสดงและทีมงานทุกคน ขอบคุณผู้ชมทุกท่านจากใจจริงครับ ตอนแรกไม่คาดคิดว่าภาพยนตร์จะประสบความสำเร็จมาถึงจุดนี้ได้ ต้องขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน และทำให้เกิดปรากฏการณ์โรงภาพยนตร์เต็มแน่นทุกครั้งที่ฉาย"
เขายังเสริมอีกว่า “หนังเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากการบอกต่อของผู้ชม คนที่ดูแล้วรีวิวและพูดถึงในเชิงบวก ปากต่อปาก นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมและทีมงานรู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่คนดูอินไปกับเรื่องราวที่พวกเราตั้งใจถ่ายทอด ผมเชื่อว่าความสำเร็จนี้มาจากความตั้งใจของทุกคนในทีม ทำให้วันนี้เราได้รับรางวัลด้วยรายได้ที่ยังคงเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันถึง 3 สัปดาห์ และกำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมายรายได้ 150 ล้านบาท ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้พวกเราต่อไปครับ”
‘วิมานหนาม’ ยังคงมอบความสนุกและความมันส์ให้กับผู้ชมในโรงภาพยนตร์ทุกวันนี้ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์นี้ด้วยกัน!

#วิมานหนาม

#วิมานหนามมุ่งสู่150ล้าน

ภาพยนตร์ 9 เรื่อง 9 ไฮไลต์น่าดู   “งานภาพยนตร์ฮ่องกง 2024” พลังหนังขับเคลื่อนเมืองและนิทรรศการหนังฮ่องกง (Hong Kong Film...
13/08/2024

ภาพยนตร์ 9 เรื่อง 9 ไฮไลต์น่าดู
“งานภาพยนตร์ฮ่องกง 2024” พลังหนังขับเคลื่อนเมืองและนิทรรศการหนังฮ่องกง (Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films Exhibition)

พบ 9 เรื่อง 9 รสชาติ
พร้อมนิทรรศการไฮไลต์ภาพยนตร์สุดตื่นตาตื่นใจ
16-25 สิงหาคม 2567 ที่โรงภาพยนตร์ House สามย่าน

🎟️ ซื้อตั๋วได้แล้วทาง App: House Cinema
https://www.housesamyan.com/site/Event/detail/34
หรือหน้าเคาน์เตอร์โรง ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ (MRT สามย่าน)

#เพื่อนบ้านคนรักหนัง

ที่อยู่

Phra Nakhon

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The Lookoutผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง The Lookout:

แชร์