Docteichannel Body Contouring Surgery

Docteichannel Body Contouring Surgery ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Docteichannel Body Contouring Surgery, Amphoe Pua.

นพ. วุฒิวัธ อนุพรรณสว่าง (หมอเต้ย)
Dr. Wutthiwat Anupansawang
Body Contouring Surgery ปรับเปลี่ยนรูปร่างด้วยศัลยกรรม--การเสริมซิลิโคนหน้าอก /สะโพก การดูดไขมัน/ฉีดไขมัน การตัดหนังยกกระชับสัดส่วน

สอบถาม/นัดหมาย Line : fraframe
whatsapp : TH +66 971077722

Filler Migration: ความจริงเบื้องหลังการฉีดก้น 1000cc แล้วไหลลงขา (ใครโกหกคุณ?)​คุณหมอเข้าใจความรู้สึกของคุณครับ การเห็นข...
02/12/2025

Filler Migration: ความจริงเบื้องหลังการฉีดก้น 1000cc แล้วไหลลงขา (ใครโกหกคุณ?)

​คุณหมอเข้าใจความรู้สึกของคุณครับ การเห็นข่าวหรือเห็นเคสที่ฉีดสารเติมเต็มมาแล้วไหลย้อยจนเสียรูปทรง เป็นเรื่องที่น่าตกใจและสร้างความกังวลใจ โดยเฉพาะเมื่อคำโฆษณาบอกว่า "ปลอดภัย" และ "เป็นธรรมชาติ"
​คำถามคือ ทำไมบริษัทถึงกล้าเคลม? และ ทำไมความเป็นจริงมันถึงไหลลงขาได้? นี่คือคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์แบบเจาะลึกครับ

​1. คำลวงเรื่อง "ปริมาณ" และ "ชนิดของสาร" (The Volume & Material Trap)
​ประเด็นแรกที่คุณต้องรู้ทันคือ "ต้นทุนของแท้ vs ราคาขาย" ครับ
​Hyaluronic Acid (HA) เกรดการแพทย์แท้ๆ: ราคาต้นทุนสูงมาก หากจะฉีดให้ได้ 1000cc (เท่ากับขวดน้ำ 1.5 ลิตรเกือบเต็มขวด) ค่าใช้จ่ายจะพุ่งไปถึง หลักล้านบาท
​สิ่งที่เกิดขึ้นจริง: โปรโมชั่น "เหมาๆ 100-1000cc" ในราคาหลักหมื่นหรือแสนต้นๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็น HA เกรดผ่านมาตรฐาน อย. ส่วนใหญ่มักจะเป็น:
​Hydrophilic Gel (เช่น Aquafilling / Los Deline): สารกลุ่ม Polyacrylamide ที่ชอบน้ำมาก ราคาถูกกว่า เคลมว่าอยู่นาน 5-8 ปี แต่มีข้อเสียร้ายแรงคือ "มันไม่เคยเกาะตัวเป็นก้อนนิ่งๆ"
​Liquid Silicone (ซิลิโคนเหลว): สารต้องห้ามที่ยังแอบใช้ ซึ่งจะไหลอย่างอิสระตามแรงโน้มถ่วง
​ใครหลอก? การตลาดที่ใช้คำว่า "ฟิลเลอร์น้ำ" หรือ "สารเติมเต็มธรรมชาติ" เพื่อให้คนไข้เข้าใจผิดว่าเป็น HA คือจุดเริ่มต้นของการเข้าใจผิดครับ

​2. ทำไมต้อง "ไหลลงขา"? (The Physics of Migration)
​ต่อให้เป็น HA แท้ๆ การฉีดปริมาณมหาศาลขนาดนั้น ก็ยังเสี่ยงไหลได้อยู่ดี เพราะหลักฟิสิกส์ 3 ข้อนี้ครับ:
​A. แรงโน้มถ่วงชนะทุกสิ่ง (Gravity Effect)
​การเติมสาร 1000cc เข้าไปที่ก้น เท่ากับคุณเอาถุงทรายหนัก 1 กิโลกรัม ไปแขวนไว้ใต้ผิวหนัง เนื้อเยื่อของมนุษย์ (Connective Tissue) ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รับน้ำหนักส่วนเกินขนาดนี้ได้ตลอดเวลา เมื่อนานวันเข้า แรงโน้มถ่วงโลก จะดึงก้อนน้ำหนักนี้ตกลงสู่ที่ต่ำเสมอ
​B. ไร้ห้องกั้น (No Anatomical Barrier)
​ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Layer): บริเวณก้นและต้นขาเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกัน ไม่มีผนังพังผืด (Fascia) ที่แข็งแรงมากั้นขวาง ระหว่างแก้มก้นกับต้นขา
​เมื่อสารเติมเต็มมีน้ำหนักมากและเป็นของเหลว มันจะค่อยๆ เซาะ (Dissect) ผ่านเนื้อเยื่อไขมันหลวมๆ ไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างกล้ามเนื้อและผิวหนัง ลงไปที่ต้นขา หัวเข่า หรือแม้แต่ข้อเท้า
​C. แรงบีบจากกล้ามเนื้อ (Muscle Pumping)
​ก้นคือกล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกาย (Gluteus Maximus) ทุกครั้งที่คุณ เดิน นั่ง หรือขยับ กล้ามเนื้อจะบีบตัวและทำหน้าที่เหมือน "ปั๊ม" ที่คอยรีดไล่สารเติมเต็ม (ที่อยู่เหนือกล้ามเนื้อ) ให้ไหลหนีไปในทิศทางที่มีแรงต้านน้อยที่สุด ซึ่งก็คือ "ด้านล่าง" (ลงขา) นั่นเอง

​3. กับดักคำว่า "Hya ปลอดภัย ฉีดได้ทุกจุด"
​คำเคลมนี้ "จริงแค่ครึ่งเดียว" ครับ
​จริง: HA ปลอดภัยสูง ถ้า ฉีดในปริมาณน้อย (1-2cc) บนใบหน้า เพื่อปรับรูปทรง
​ไม่จริง: เมื่อนำมาใช้ในปริมาณ Mega-Volume (หลัก 100cc ขึ้นไป) เพื่อปั้นทรงก้น คุณสมบัติของ HA ที่เรียกว่า Hydrophilic (ดูดน้ำ) จะกลายเป็นดาบสองคม
​มันจะดูดน้ำจากร่างกายเข้ามาสะสมในตัวมันเอง ทำให้มัน "หนักขึ้น" และ "บวมขึ้น" กว่าตอนฉีดแรกๆ ยิ่งเพิ่มน้ำหนักถ่วงให้ไหลลงขาได้ง่ายขึ้นไปอีก

​สรุป: บทเรียนจากเรื่องนี้
​อย่าเชื่อคำว่า "เหมา cc": ในทางการแพทย์ การเติมก้นที่ปลอดภัยด้วย Filler มักทำเพียงเพื่อแก้รอยบุ๋ม (Hip dip) ปริมาณไม่มาก (ข้างละ 10-20cc) ไม่ใช่การถมให้ใหญ่บึ้มเป็นลูกส้มโอ
​ถ้าอยากใหญ่ ต้องมีโครงสร้างรับ: หากต้องการเพิ่มขนาดสะโพกหลายร้อย cc ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าคือ การเสริมซิลิโคน (Buttock Implants) เพราะเป็นของแข็งที่ไม่ไหล หรือ การเติมไขมันตัวเอง (Fat Transfer) เพราะไขมันเป็นเซลล์ที่มีชีวิต เกาะติดกับเนื้อเยื่อได้จริง ไม่ไหลเยิ้มเหมือนเจลสังเคราะห์
​การแก้ไข: หากสารไหลลงขาแล้ว การดูดออกมักไม่หมด 100% เพราะสารมักแทรกซึมไปในเนื้อเยื่อ การผ่าตัดเลาะออก (Surgical Excision) หรือการใช้ MRI เพื่อระบุตำแหน่งก่อนผ่าตัด คือวิธีที่มาตรฐานที่สุดครับ

​สิ่งที่หมออยากบอก: ร่างกายเรามีขีดจำกัดทางฟิสิกส์ครับ ของเหลวปริมาณมากใต้ผิวหนัง ย่อมพ่ายแพ้ต่อแรงโน้มถ่วงเสมอ ไม่ช้าก็เร็วครับ

เขียนโดย :นพ.วุฒิวัธ อนุพรรณสว่าง (หมอเต้ย)
Wutthiwat Anupansawang, MD.

สอบถามเพิ่มเติม : line Fraframe
Whatsapp TH +66 971077722

22/11/2025

👃 คลายความกังวลใจ! การผ่าตัดเสริมจมูกแบบ Close Technique ด้วยยาชา... ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด!
​การตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก (Rhinoplasty) ย่อมมาพร้อมกับความตื่นเต้นและความกังวลใจ โดยเฉพาะเรื่องของ "ความเจ็บปวด" และ "ความราบรื่น" ในการผ่าตัด บทความนี้จะช่วยให้คุณคลายความกังวลและมองเห็นภาพรวมของการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique) ด้วยวิธีฉีดยาชา ว่าเป็นหัตถการที่สามารถทำได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย เมื่ออยู่ภายใต้มาตรฐานและความชำนาญ
​✨ เหตุผลที่การเสริมจมูกแบบ Close Technique ด้วยยาชาเป็นทางเลือกที่ผ่อนคลาย
​การเสริมจมูกแบบ Close Technique คือการเปิดแผลเล็กๆ บริเวณด้านในรูจมูก ซึ่งมีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะเมื่อทำควบคู่กับการใช้ยาชาเฉพาะที่:
​1. การควบคุมความเจ็บปวดที่ยอดเยี่ยมด้วยยาชาเฉพาะที่
​ระงับความรู้สึกเฉพาะจุด: การผ่าตัดด้วยวิธีฉีดยาชาเฉพาะที่หมายถึงแพทย์จะฉีดยาชาเข้าบริเวณที่จะทำการผ่าตัดโดยตรง ทำให้ในช่วงเวลาของการผ่าตัดจริง คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย รู้สึกเพียงแรงกดหรือการขยับเท่านั้น
​ลดความเสี่ยงจากการดมยาสลบ: สำหรับหลายๆ คน การใช้ยาชาเฉพาะที่เป็นการลดความกังวลและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดมยาสลบ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและควบคุมตัวเองได้มากกว่า
​2. ใช้เวลาน้อยมาก... เร็วกว่าที่คิด!
​การผ่าตัดเสริมจมูกแบบ Close Technique โดยทั่วไปมักใช้เวลาเพียง ไม่เกิน 30 นาที เท่านั้น! ด้วยเวลาที่สั้นขนาดนี้ โอกาสที่คุณจะรู้สึกกังวลหรือเหนื่อยล้าจากการผ่าตัดจึงมีน้อยมาก การผ่าตัดจึงผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว
​3. การวางแผนที่แม่นยำและการเลือกซิลิโคนที่เหมาะสม
​ความราบรื่นในการผ่าตัดเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การเลือกรูปทรงและขนาดของซิลิโคนที่เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าและฐานจมูกเดิม ของแต่ละบุคคล จะช่วยให้การจัดวางซิลิโคนเป็นไปอย่างง่ายดายและลงตัว ลดความจำเป็นในการแก้ไขหรือใช้เวลาปรับแต่งที่นานเกินควร
​🛡️ มาตรฐานและความชำนาญ: กุญแจสู่ความสำเร็จและความปลอดภัย
​ความกังวลว่าการผ่าตัดจะ "น่ากลัว" หรือ "เจ็บ" จะลดลงอย่างมาก หากคุณเลือกสถานพยาบาลและศัลยแพทย์ที่มี:
​ประสบการณ์และความชำนาญสูง: ศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญจะสามารถผ่าตัดได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ทำให้เนื้อเยื่อบอบช้ำน้อยที่สุด
​การดูแลมาตรฐาน: การใช้เครื่องมือที่ปราศจากเชื้อ และการผ่าตัดในสภาพแวดล้อมที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์
​🧘 เตรียมพร้อมก่อนผ่าตัด: ลดความกังวลและผลข้างเคียง
​การเตรียมตัวและเตรียมใจที่ดีเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์หลังการผ่าตัดออกมาดีที่สุดและลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

🌟 อีกหนึ่งความภาคภูมิใจในเวทีต่างประเทศ! 🌟​ขอขอบพระคุณพส.จีน ทุกท่านจากใจจริง ที่มอบความไว้วางใจในฝีมือแพทย์ไทย🙏 ไม่ว่าจ...
19/11/2025

🌟 อีกหนึ่งความภาคภูมิใจในเวทีต่างประเทศ! 🌟
​ขอขอบพระคุณพส.จีน ทุกท่านจากใจจริง ที่มอบความไว้วางใจในฝีมือแพทย์ไทย🙏 ไม่ว่าจะเป็นการเชิญหมอไปร่วมผ่าตัดที่โรงพยาบาลในประเทศจีน หรือการตัดสินใจบินตามกลับมาให้หมอดูแลถึงประเทศไทย... ทุกความเชื่อมั่นมีความหมายกับหมอเสมอครับ!
​หมอตั้งใจเต็มที่ในทุกเคส เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดสมกับที่ทุกท่านไว้วางใจค 😊
​ #แพทย์ไทยสู่สากล #ความภาคภูมิใจ #ขอบคุณชาวจีน

24/10/2025

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย ในการเสริมหน้าอก ในเคสที่มีภาวะหน้าอกไม่สมดุล บางครั้งโครงสร้างภายในบางอย่างไม่สามารถแก้ไขได้โดยการปรับขนาดsilicone แค่เพียงอย่างเดียวนะครับ

22/10/2025

Paradoxical adipose hyperplasia (PAH) จากการทำ cryolipolysis ถ้าเป็นงานแก้คือยากและหินมาก ใครคิดจะ freeze ไขมันให้เอวบางๆ ก่อนทำคิดให้ดีก่อนนะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้ในระยะยาว

22/10/2025

อธิบายด้วย vdo ให้เห็นภาพกันชัดๆ เรื่องแผลเสริมหน้าอกเล็กกว่า 2ซม. มีอะไรที่ต้องทราบ ต้องระวัง

💠 “แผลเล็กไม่ใช่คำตอบเสมอไป” — ขนาดแผลเสริมหน้าอกที่เหมาะสมกับความปลอดภัยและผลลัพธ์ระยะยาวในยุคที่การตลาดความงามแข่งขันก...
19/10/2025

💠 “แผลเล็กไม่ใช่คำตอบเสมอไป” — ขนาดแผลเสริมหน้าอกที่เหมาะสมกับความปลอดภัยและผลลัพธ์ระยะยาว

ในยุคที่การตลาดความงามแข่งขันกันสูง คำโฆษณาอย่าง “แผลเล็กกว่า 2 เซนติเมตร ใส่ซิลิโคนได้” มักถูกใช้เพื่อดึงดูดใจลูกค้า เพราะฟังดูเหมือนเจ็บน้อย แผลหายเร็ว และไม่มีรอย แต่ในความเป็นจริง — ขนาดแผลที่เล็กเกินไปอาจไม่ได้หมายถึง “ดีกว่า” เสมอไป แถมยังอาจซ่อนความเสี่ยงต่อทั้ง “ซิลิโคน” และ “ผลลัพธ์ของหน้าอก” ในระยะยาวได้อย่างคาดไม่ถึง

🔹 ขนาดแผลที่เหมาะสมสำหรับการใส่ซิลิโคนเสริมหน้าอก

โดยทั่วไป ขนาดแผลมาตรฐานจะอยู่ที่ประมาณ 3.0-4.0 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดของซิลิโคนที่ใช้

สำหรับซิลิโคนขนาดเล็ก 200–275 cc อาจใช้แผลราว 3 ซม.

ส่วนขนาดใหญ่กว่า 300–400 cc มักต้องใช้แผล 3.5–4 ซม. เพื่อให้ใส่ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่กดเบียดเนื้อซิลิโคนมากเกินไป

เหตุผลไม่ใช่เรื่อง “ความสะดวกของหมอ” แต่เป็นเรื่อง “ความปลอดภัยของซิลิโคนและเนื้อเยื่อของคนไข้”

---

🔹 ทำไม “แผลเล็กเกินไป” ถึงอาจสร้างปัญหา

1. เสี่ยงต่อการบีบหรือกดซิลิโคนมากเกินไปขณะใส่เข้าไปในแผล
การใช้แรงดันหรือคีมช่วยดันซิลิโคนผ่านช่องแผลเล็กอาจทำให้ ผิวซิลิโคนชั้นนอก (shell) เกิด microdamage หรือรอยถลอกระดับจุลภาค ซึ่งแม้จะไม่เห็นทันที แต่ในระยะยาวอาจเป็นจุดเริ่มของการรั่วซึมหรือเปลี่ยนรูปร่างได้

2. เพิ่มโอกาสการปนเปื้อนของแบคทีเรีย
เมื่อแผลเล็กและต้องใช้แรงในการใส่ ซิลิโคนอาจสัมผัสผิวหนังรอบแผลมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของการนำเชื้อเข้าสู่แผลผ่าตัด ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่การเกิด capsular contracture (พังผืดรัดซิลิโคน) ในภายหลัง

3. ทำให้เกิดการบิดหรือเบี้ยวของซิลิโคน
หากต้องยัดผ่านช่องเล็กเกินไป ซิลิโคนอาจพลิกตัวหรือบิดระหว่างใส่ ทำให้ตำแหน่งไม่สมมาตร ซึ่งบางกรณีต้องผ่าซ้ำเพื่อแก้ไข

4. เพิ่มแรงตึงของขอบแผล ทำให้แผลหายช้าและขยายภายหลัง
การเย็บแผลที่ถูกดึงมากเกินไปเพราะช่องเล็กเกิน จะทำให้แรงตึงบนผิวหนังสูงขึ้น เสี่ยงต่อรอยแผลเป็นนูนหรือแผลขยายในระยะยาว ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่หลายคนคิดว่า “แผลเล็ก = แผลสวย”

---

🔹 แล้วทำไมบางที่ถึงโฆษณาได้ว่า “แผล 2 ซม. ก็ใส่ได้”?

ในทางเทคนิคสามารถทำได้จริง หากใช้ซิลิโคนขนาดเล็ก หรือใช้เครื่องมือช่วยอย่าง Keller Funnel (อุปกรณ์ที่ช่วยสอดซิลิโคนผ่านแผลโดยไม่สัมผัสผิวหนัง)
แต่ต้องย้ำว่า “การทำได้” ไม่เท่ากับ “เหมาะสมกับทุกคน” เพราะเมื่อใช้ซิลิโคนขนาดใหญ่กว่า หรือเนื้อหน้าอกหนา–ตึงมาก การฝืนผ่านแผลเล็กอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อซิลิโคนทันทีที่ใส่

---

🔹 ความจริงที่ควรมี “Awareness” ก่อนตัดสินใจ

1. อย่าให้ขนาดแผลเป็นจุดชี้ขาดการเลือกหมอ
สิ่งสำคัญกว่าคือเทคนิคการผ่าตัดที่สะอาด ปลอดเชื้อ การวางตำแหน่งซิลิโคนอย่างถูกต้อง และการเย็บแผลละเอียด

2. แผลสวยเกิดจากฝีมือ ไม่ใช่ขนาด
หมอที่เย็บแผลละเอียด ประณีต และจัดแนวแผลให้เข้ากับแนวผิวหนังตามธรรมชาติ จะทำให้แผลเรียบเนียนจนแทบมองไม่เห็น — ดังเช่นภาพแผลตัวอย่างในบทความนี้

3. การเลือกขนาดซิลิโคนที่เหมาะกับสรีระสำคัญกว่า
ซิลิโคนที่ใหญ่เกิน หรือใส่ผ่านแผลเล็กโดยไม่สมดุลกับเนื้อเต้านม จะสร้างแรงตึงต่อเนื้อเยื่อและเพิ่มโอกาสเกิดพังผืด

---

🔹 สรุปสั้น ๆ

ขนาดแผลเหมาะสมอยู่ที่ 3-4 ซม. แล้วแต่ขนาดซิลิโคน

แผลเล็กเกินไปอาจทำให้เกิด microdamage, การปนเปื้อน, การบิดของซิลิโคน และแผลหายไม่สวย

แผลที่สวยและเรียบเนียนไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ความเล็ก” แต่ขึ้นอยู่กับ “เทคนิคและความประณีต”

อย่าหลงเชื่อคำโฆษณา “แผลจิ๋ว” หากไม่มีการอธิบายถึงเทคนิคการป้องกันความเสียหายของซิลิโคนอย่างชัดเจน

---

✨ เพราะในท้ายที่สุด — ความงามที่ยั่งยืน คือความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
ไม่ใช่เพียงแค่แผลเล็กในวันแรก แต่คือความเรียบเนียนไร้รอยในปีต่อ ๆ ไปต่างหากที่สำคัญที่สุด

บทความโดย :
นพ.วุฒิวัธ อนุพรรณสว่าง (หมอเต้ย)
Wutthiwat Anupansawang, MD.

สอบถามเพิ่มเติม : line Fraframe
Whatsapp TH +66 971077722

🩺 ทำไมเต้านมถึงไม่เท่ากัน?เข้าใจความจริงจากมุมมองทางกายวิภาค“เต้านมสองข้างไม่เท่ากัน” เป็นเรื่องที่พบได้มากกว่าที่คิด หล...
08/10/2025

🩺 ทำไมเต้านมถึงไม่เท่ากัน?

เข้าใจความจริงจากมุมมองทางกายวิภาค

“เต้านมสองข้างไม่เท่ากัน” เป็นเรื่องที่พบได้มากกว่าที่คิด หลายคนสังเกตเห็นว่าหน้าอกด้านหนึ่งดูใหญ่กว่า นูนกว่า หรืออยู่สูงต่ำต่างกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความไม่เท่ากันนี้ ไม่ได้เกิดจากเนื้อเต้านมหรือไขมันเพียงอย่างเดียว แต่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับ “โครงสร้างกระดูก ช่องอก และกล้ามเนื้อ” ใต้ผิวหนังด้วย

---

🔍 สาเหตุของเต้านมไม่เท่ากัน

1. ความไม่สมมาตรของกระดูกสันหลังและกระดูกซี่โครง (Rib cage asymmetry)

นี่คือสาเหตุสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม

ผู้ที่มีกระดูกสันหลังคด (scoliosis) หรือแนวกระดูกซี่โครงที่ไม่เท่ากัน อาจทำให้ ช่องอกข้างหนึ่งยื่นออกมามากกว่าอีกข้าง

การบิดหมุนของกระดูกซี่โครงทำให้ความนูนของผนังทรวงอกด้านหน้าไม่เท่ากัน ส่งผลให้ “ฐานของเต้านม” อยู่ในระดับต่างกัน

เมื่อเต้านมถูกสร้างอยู่บนโครงสร้างที่ไม่เท่ากัน จึงเห็นความแตกต่างชัดเจน แม้ขนาดเต้านมจริงจะใกล้เคียงกันก็ตาม

2. กล้ามเนื้อหน้าอก (Pectoralis major muscle)

กล้ามเนื้อข้างหนึ่งอาจมีขนาดหรือความหนาแน่นมากกว่าอีกข้าง โดยเฉพาะในคนที่ถนัดมือข้างใดข้างหนึ่ง เช่น ถนัดขวา กล้ามเนื้อขวาอาจพัฒนาเด่นกว่าเล็กน้อย ทำให้หน้าอกข้างนั้นนูนมากกว่า

3. ความแตกต่างของเนื้อเต้านมเอง

ในบางคน เนื้อเยื่อเต้านมหรือไขมันใต้ผิวหนังมีปริมาณไม่เท่ากันตั้งแต่กำเนิด หรืออาจเปลี่ยนแปลงภายหลังจากการให้นมบุตร ฮอร์โมน หรืออายุที่มากขึ้น

4. ความไม่สมดุลของโครงสร้างกระดูกหน้าอก (Sternal asymmetry)

ในบางกรณี กระดูกอก (sternum) มีลักษณะบิดหรือเอียง ทำให้หน้าอกข้างหนึ่งดูยุบ หรืออีกข้างดูยื่นกว่า เรียกว่า “pigeon chest” หรือ “pectus carinatum/pectus excavatum” ซึ่งเป็นความแตกต่างทางโครงสร้างตั้งแต่กำเนิด

5. พฤติกรรมและท่าทางในชีวิตประจำวัน

การนั่งทำงานเอียงข้าง การยกของด้วยแขนข้างเดียว การออกกำลังกายไม่สมดุล หรือการนอนตะแคงข้างเดิมนาน ๆ ล้วนมีส่วนทำให้โครงสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกทรวงอกเปลี่ยนไปในระยะยาว

---

🩻 ทำไมต้องตรวจด้วยเอกซเรย์หรือการประเมินโครงสร้างก่อนเสริมหน้าอก

ในผู้ที่วางแผนผ่าตัดเสริมหน้าอก แพทย์จะประเมินอย่างละเอียด โดยเฉพาะ “แนวกระดูกซี่โครงและกระดูกสันหลัง” เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสมมาตรหลังผ่าตัด
การถ่ายภาพเอกซเรย์ทรวงอกจะช่วยให้เห็นว่า

โครงสร้างของกระดูกซี่โครงเอียงหรือนูนข้างใดมากกว่า

กระดูกสันหลังมีความโค้ง (scoliosis) หรือการหมุนของซี่โครงหรือไม่

ช่องอกมีความลึกหรือกว้างไม่เท่ากันหรือเปล่า

เมื่อเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานแล้ว แพทย์สามารถออกแบบการผ่าตัดให้เหมาะสมกับแต่ละคน เช่น

ปรับขนาดซิลิโคนให้ต่างกันเล็กน้อย

เลือกตำแหน่งการวางซิลิโคนหรือแนวแผลที่ช่วยให้สมดุลมากที่สุด

หรือให้คำแนะนำแก่คนไข้ล่วงหน้าว่า “ผลลัพธ์จะสมมาตรใกล้เคียงที่สุด แต่ไม่สามารถเท่ากันได้ 100% เพราะโครงสร้างร่างกายเดิมต่างกัน”

---

💡 แนวทางการรักษาและการปรับสมดุล

1. การปรับสมดุลกล้ามเนื้อ

ในบางรายที่กล้ามเนื้อสองข้างพัฒนาไม่เท่ากัน สามารถออกกำลังกายเฉพาะส่วน หรือกายภาพบำบัดเพื่อเสริมข้างที่อ่อนกว่าได้

2. การแก้ไขความไม่สมดุลทางโครงสร้าง

หากเป็นกรณีโครงสร้างกระดูกผิดปกติรุนแรง เช่น scoliosis หรือ pectus deformity แพทย์อาจส่งต่อให้ศัลยแพทย์กระดูกเพื่อพิจารณาการรักษาเพิ่มเติม

3. การเสริมหน้าอก (Breast augmentation)

สำหรับกรณีที่โครงสร้างไม่สมมาตรเล็กน้อย การเสริมหน้าอกสามารถช่วย “พราง” ความไม่เท่ากันได้ดี

ศัลยแพทย์อาจเลือกขนาดซิลิโคนต่างกันเล็กน้อย หรือใช้เทคนิคการวางซิลิโคนเฉพาะด้าน เพื่อให้ผลลัพธ์ดูใกล้เคียงกันมากที่สุด

4. การให้คำปรึกษาและความเข้าใจที่ถูกต้อง

แพทย์ควรอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่าความไม่เท่ากันบางส่วนเป็นจากโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ใช่ความผิดพลาดของการผ่าตัด

จุดสำคัญคือ “ความสมดุลที่ดูเป็นธรรมชาติ” ไม่ใช่ “ความเท่ากันแบบสมบูรณ์” เพราะร่างกายของคนเราไม่มีใครสมมาตร 100%

---

❤️ สรุป

ความไม่เท่ากันของเต้านมเป็นภาวะที่พบได้ทั่วไป และมักมีสาเหตุจากโครงสร้างกระดูกซี่โครง ช่องอก และกล้ามเนื้อ มากกว่าปัญหาของเต้านมโดยตรง
การเข้าใจร่างกายของตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยลดความกังวล และทำให้สามารถวางแผนการรักษาหรือการเสริมหน้าอกได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติที่สุด

เขียนโดย

นพ.วุฒิวัธ อนุพรรณสว่าง (หมอเต้ย)
Wutthiwat Anupansawang, MD.

สอบถามเพิ่มเติม : line Fraframe
Whatsapp TH +66 971077722

High Definition Liposuction: ศิลปะของการดูดไขมันที่มากกว่าการลดสัดส่วนการดูดไขมัน (Liposuction) ถือเป็นหนึ่งในหัตถการศัล...
18/09/2025

High Definition Liposuction: ศิลปะของการดูดไขมันที่มากกว่าการลดสัดส่วน

การดูดไขมัน (Liposuction) ถือเป็นหนึ่งในหัตถการศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก เนื่องจากช่วยปรับรูปร่าง ลดไขมันเฉพาะจุดที่ดื้อการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเทคนิคที่ยกระดับขึ้นจากการดูดไขมันทั่วไป คือ High Definition Liposuction (HD Lipo) ซึ่งไม่ได้มุ่งแค่การลดไขมัน แต่ต้องการ “แกะสลัก” ร่างกายให้เห็นความชัดเจนของกล้ามเนื้อและโครงสร้างร่างกายที่ซ่อนอยู่ใต้ชั้นไขมัน

---
High Definition Liposuction คืออะไร?

HD Liposuction เป็นเทคนิคการดูดไขมันที่เน้นสร้างความคมชัดของสัดส่วน โดยเฉพาะบริเวณที่มีโครงสร้างกล้ามเนื้อ เช่น หน้าท้อง (six-pack หรือ line V) แขน ไหล่ หลัง เอว และต้นขา แพทย์จะไม่เพียงแค่เอาไขมันออก แต่จะ “ออกแบบ” และ “เหลาปรับ” ปริมาณไขมันที่เหลือไว้ เพื่อให้โครงสร้างกล้ามเนื้อเด่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

แตกต่างจากการดูดไขมันแบบดั้งเดิม (Conventional Liposuction) ที่เป้าหมายหลักคือการลดปริมาณไขมันและทำให้รูปร่างเล็กลง แต่ไม่เน้นรายละเอียดเชิงโครงสร้างมากนัก
---

ความท้าทายของ High Definition Liposuction

HD Lipo ต้องการทั้ง ศิลปะและความแม่นยำสูง จึงท้าทายกว่าการดูดไขมันทั่วไปในหลายมิติ ได้แก่:

1. การออกแบบรูปร่าง (Body Sculpting Skill)

แพทย์ต้องมีความเข้าใจเรื่องกายวิภาคและมิติของกล้ามเนื้อเป็นอย่างดี

การเหลือไขมันบางจุดและกำจัดบางจุดต้องแม่นยำ เพื่อสร้างเงาและไฮไลต์ให้เหมือนการแกะสลัก

2. ความสม่ำเสมอของผิว (Skin Smoothness)

หากทำไม่ชำนาญ อาจเกิดความไม่เรียบ ผิวขรุขระ หรือเป็นคลื่นได้ง่าย เพราะ HD Lipo ต้องดูดใกล้ผิวหนังมากกว่าปกติ

3. การควบคุมการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ

ยิ่งเน้นความละเอียดมากเท่าไร ความเสี่ยงในการบอบช้ำของเส้นเลือด เส้นประสาท และผิวหนังก็สูงขึ้น หากใช้เทคนิคไม่เหมาะสม

---

Ultrasound-Assisted Liposuction (UAL): ตัวช่วยสำคัญของ HD Lipo

หนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้ HD Liposuction ประสบความสำเร็จมากขึ้นคือ Ultrasound-Assisted Liposuction (UAL) เช่น VASER® ซึ่งใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ในการสลายไขมันก่อนดูดออก

คุณสมบัติเด่นของ UAL ที่ช่วย HD Lipo

1. สลายไขมันเฉพาะเจาะจง (Selective Fat Targeting)

คลื่นอัลตราซาวด์ทำให้ไขมันแตกตัวและกลายเป็นอิมัลชัน (liquefied fat) ดูดออกง่ายขึ้น

ลดแรงดึงของแพทย์และลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อรอบข้าง เช่น เส้นเลือดและเส้นประสาท

2. ผลงานคมชัด (Enhanced Definition)

UAL ช่วยให้สามารถดูดไขมันใกล้ชั้นผิวหนังได้อย่างปลอดภัยกว่า

ส่งผลให้การสร้างเส้นกล้ามเนื้อ (muscle definition) ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง แขน และแผ่นหลัง

3. ผิวเรียบและกระชับ (Skin Retraction)

ความร้อนที่เกิดขึ้นเล็กน้อยจากคลื่นอัลตราซาวด์กระตุ้นให้ผิวหนังหดตัวและกระชับ

ลดความเสี่ยงที่ผิวหนังจะหย่อนหรือย้วยหลังดูดไขมัน

4. ลดการเสียเลือดและบวมช้ำ (Less Trauma)

เพราะไขมันถูกทำให้เหลว การดูดจึงใช้แรงน้อยกว่า

ผู้ป่วยเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับเทคนิคทั่วไป
---

HD Liposuction + UAL: ผลลัพธ์ที่เหนือกว่า

เมื่อรวมเทคนิคการออกแบบรูปร่างแบบ HD เข้ากับเทคโนโลยี UAL แพทย์สามารถ:

ปั้นร่างกายให้ได้สัดส่วนที่สวยงาม เห็นกล้ามชัด

ลดความเสี่ยงผิวไม่เรียบหรือไม่สม่ำเสมอ

ลดบวมช้ำ ฟื้นตัวเร็ว

ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

---

สรุป

High Definition Liposuction ไม่ใช่แค่การดูดไขมัน แต่เป็นการสร้างสรีระให้ดูมีมิติราวกับงานศิลปะ ความท้าทายจึงอยู่ที่ทักษะของแพทย์และความแม่นยำในการออกแบบรูปร่าง การนำ Ultrasound-Assisted Liposuction (UAL) มาใช้ช่วยให้ไขมันสลายได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ลดบาดเจ็บ ฟื้นตัวไว และที่สำคัญทำให้ได้ ผลลัพธ์ที่คมชัดและปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจของการทำ HD Lipo ที่แท้จริง

เขียนโดยนพ.วุฒิวัธ อนุพรรณสว่าง (หมอเต้ย)
Wutthiwat Anupansawang, MD.

สอบถามเพิ่มเติม : line Fraframe
Whatsapp TH +66 971077722

Gynecomastia (ไกเนโคมาสตีอา) หรือ ภาวะเต้านมโตในผู้ชาย คือภาวะที่มีการขยายของเนื้อเยื่อต่อมเต้านม (glandular tissue) ทำใ...
10/09/2025

Gynecomastia (ไกเนโคมาสตีอา) หรือ ภาวะเต้านมโตในผู้ชาย คือภาวะที่มีการขยายของเนื้อเยื่อต่อมเต้านม (glandular tissue) ทำให้เต้านมของผู้ชายดูโตขึ้นผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้
---

🔎 สาเหตุหลัก

1. ฮอร์โมนไม่สมดุล

ระดับ เอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) สูงเกิน หรือ เทสโทสเตอโรน (ฮอร์โมนเพศชาย) ต่ำเกิน

มักพบในช่วงวัยรุ่น หรือในผู้สูงอายุ

2. ยาและสารบางชนิด

ยาลดความดัน (spironolactone, verapamil)

ยารักษาแผลในกระเพาะ (cimetidine)

สเตียรอยด์บางชนิด, ยาต้านแอนโดรเจน, กัญชา, แอลกอฮอล์

3. โรคบางอย่าง

โรคตับแข็ง, ไตวายเรื้อรัง, เนื้องอกอัณฑะหรือต่อมหมวกไต

4. สาเหตุไม่ทราบแน่ชัด (Idiopathic)

---

🩺 อาการ

หน้าอกขยาย มักคลำเจอก้อนเนื้อบริเวณใต้หัวนม (แตกต่างจาก “ไขมันสะสม” ที่มักกระจาย)

อาจมีความรู้สึกเจ็บหรือกดเจ็บ

ส่วนใหญ่ไม่ร้ายแรง แต่บางกรณีอาจต้องแยกโรคจาก มะเร็งเต้านมในผู้ชาย

---

✅ การรักษา

1. ติดตามอาการ

ในวัยรุ่น ส่วนใหญ่หายเองภายใน 6–18 เดือน

ถ้าไม่เจ็บ ไม่กังวลเรื่องรูปลักษณ์ อาจไม่ต้องรักษา

2. หยุดหรือปรับยา/สารที่เป็นสาเหตุ

3. รักษาด้วยยา (ถ้าอาการเป็นใหม่ๆ ไม่เกิน 6–12 เดือน)

ยาต้านเอสโตรเจน เช่น Tamoxifen

Aromatase inhibitors (เช่น anastrozole) ใช้ในบางกรณี

4. การผ่าตัด (สำหรับผู้ที่เป็นเรื้อรัง, เต้านมโตมาก, หรือกังวลเรื่องความสวยงาม)

Liposuction ดูดไขมันออก

Subcutaneous mastectomy ตัดต่อมเต้านมออกผ่านแผลเล็กๆ

บางครั้งใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน

---

สรุป:
Gynecomastia คือการที่เนื้อต่อมเต้านมในผู้ชายขยายตัวจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน ยา หรือโรคบางชนิด ส่วนใหญ่ไม่อันตรายและอาจหายเอง แต่ถ้าเป็นมากหรือรบกวนความมั่นใจ สามารถรักษาด้วยยาและการผ่าตัดได้ครับ

เขียนโดย
นพ.วุฒิวัธ อนุพรรณสว่าง (หมอเต้ย)
Wutthiwat Anupansawang, MD.
สอบถามเพิ่มเติม : line Fraframe
Whatsapp TH +66 971077722

พังผืดรัดเต้านม หลบอย่างไร เลี่ยงยังไง แก้ได้ไหม..
31/08/2025

พังผืดรัดเต้านม หลบอย่างไร เลี่ยงยังไง แก้ได้ไหม..

เทรนด์เสริมหน้าอกของสาวไทย: จาก “ใหญ่พุ่ง” สู่ “สวยพอดี ดูเป็นธรรมชาติ”ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เทรนด์การเสริมหน้าอกของสาวไทยไ...
08/08/2025

เทรนด์เสริมหน้าอกของสาวไทย: จาก “ใหญ่พุ่ง” สู่ “สวยพอดี ดูเป็นธรรมชาติ”

ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เทรนด์การเสริมหน้าอกของสาวไทยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่ยุคก่อนสาวๆ มักนิยมซิลิโคนขนาดใหญ่ 350–450cc ทรงพุ่งแบบ High Profile เพื่อให้ได้ความอวบอิ่มและเต่งตึงชัดเจนในทันที แต่หลายครั้งก็อาจทำให้รูปร่างโดยรวมดูแน่นเกินไป ไม่สอดคล้องกับสรีระ หรือทำให้หุ่นดูไม่เพรียวตามค่านิยมความงามในเวลานั้น

จาก “ใหญ่จัดเต็ม” สู่ “สวยพอดี”

ในปัจจุบัน กระแสความงามได้เคลื่อนตัวมาสู่ความ เพรียวบางแต่มีส่วนโค้งเว้า (S-Curve) ที่ดูเป็นธรรมชาติ สาวๆ เริ่มให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างหน้าอกและรูปร่างมากขึ้น ไม่ต้องการเพียงแค่ “อกใหญ่” แต่ต้องการให้ดูเข้ากับโครงตัว สวมใส่เสื้อผ้าได้หลากหลาย และไม่บ่งบอกจนเกินไปว่าผ่านการศัลยกรรมมา

ผลลัพธ์คือ เทรนด์การเลือกซิลิโคนจึงขยับไปสู่ ขนาดเล็กลง อยู่ในช่วง 200–250cc และเลือกใช้ทรง Moderate Profile ที่ให้เนินอกสวยพอดี ไม่พุ่งเกินไป แต่ยังมีความโค้งมนและความนุ่มนวล ดูเป็นธรรมชาติ

ปัจจัยที่ทำให้เทรนด์เปลี่ยน

1. ค่านิยมความงามที่เปลี่ยนไป
แฟชั่นและโซเชียลมีเดียทำให้ภาพลักษณ์ของความงามในยุคนี้เอนเอียงไปทางความบางเพรียว แต่ยังคงความเป็นผู้หญิงที่มีสัดส่วนโค้งเว้า

2. ความรู้และข้อมูลที่มากขึ้น
ปัจจุบันสาวๆ สามารถหาข้อมูลเรื่องซิลิโคน โปรไฟล์ และขนาดที่เหมาะสมกับร่างกายได้ง่ายขึ้น ทำให้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่เข้ากับตัวเองมากกว่าเลือกตามกระแส

3. เทคนิคศัลยกรรมที่พัฒนา
ศัลยแพทย์มีเทคนิคการวางซิลิโคนที่แม่นยำมากขึ้น ทำให้สามารถใช้ขนาดเล็กลง แต่ยังได้รูปทรงที่สวยและดูเต็มตา

บทสรุปของเทรนด์ใหม่

การเสริมหน้าอกในปัจจุบันไม่ใช่การ “ทำให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่ทำได้” อีกต่อไป แต่เป็นการ “ออกแบบรูปร่างให้ลงตัว” สาวไทยจึงหันมาเลือกซิลิโคนขนาดพอดี โปรไฟล์กลางๆ เพื่อให้ได้ลุคที่ดูแพง หรูหรา และสวยอย่างเป็นธรรมชาติ

เทรนด์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ความงามในยุคปัจจุบัน คือความพอดีที่ส่งเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจ มากกว่าการทำตามกระแสเพียงอย่างเดียว

>>บทความโดย

ที่อยู่

Amphoe Pua
10540

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Docteichannel Body Contouring Surgeryผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Our Story

ผลิตภัณท์บำรุงผิวหน้าที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผิวขาวกระจ่างใส แลดูอ่อนวัย และมีสุขภาพผิวดีอย่างปลอดภัย Contact us

โทร 083 836 9421