21/08/2025
20 สิงหาคม 2568 @ห้องแถลงข่าว-รัฐสภา
หมูคัดค้านแก้กฎหมายสารเร่งเนื้อแดง-นำเข้าหมูสหรัฐฯ ยื่น 2 คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข และคณะกรรมาธิการการเกษตรฯ สภาผู้แทนราษฎร
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สพ.ญ.ดร.เมตตา เมฆานนท์ นายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย และน.สพ.สุเมธ ทรัพย์ชูกุล นายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสัตว์ปีก 3 สมาคมฯ ร่วมยื่นต่อ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข และประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เชิญทุกฝ่ายเข้าร่วมหารือหาทางออกหลังการเจรจาระหว่างไทย - สหรัฐฯ มีท่าทีจะแก้กฎหมายกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเปิดตลาดเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ ที่มีกฎหมายอนุญาตให้ใช้สารเร่งเนื้อแดง ซึ่งขัดกับกฎหมายภายในประเทศของไทย
นายสิทธิพันธ์ กล่าวว่า จากความต้องการเพิ่มปริมาณการค้าเนื้อสัตว์ระหว่างประเทศ ที่มีการผลักดันการลดมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety) ผ่านคณะกรรมาธิการมาตรฐานอาหารสากล (CODEX) ให้พิจารณากำหนดค่าสารตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limits; MRLs) ของแรคโตพามีน (สารเร่งเนื้อแดง) โดยสหรัฐอเมริกา ในปี 2555 ในการประชุม CODEX ครั้งที่ 35 ที่ประเทศอิตาลี การประชุมดังกล่าว น.สพ.ศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย นำหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมในครั้งนั้น โดยไทยวางตัวเป็นกลางในการโหวต ผลการนับคะแนนที่ประชุมเห็นชอบรับรองร่างมาตรฐานฯ 69 : 67 ซึ่งผู้แทนของประเทศไทยมิได้ใช้เอกสิทธิ์ใดๆ ที่จะแสดงเจตนารมย์ในการคงกฎหมายภายในประเทศของไทยไว้ ซึ่งกฎหมายภายในประเทศบัญญัติห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์สำหรับการเลี้ยงสุกรไทย ตั้งแต่ปี 2545 จึงเป็นปฐมเหตุของปัญหาแรงกดดันต่ออุตสาหกรรมสุกรของประเทศไทย ให้เปิดตลาดเนื้อสุกร และเครื่องในสุกรจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา โดยสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติมีการร้องขอให้ มกอช. ไปทำคำสงวนย้อนหลัง เพราะจะเป็นประเด็นให้ถูก หยิบยกมากดดัน ว่าไทยกีดกันทางการค้า NTB ซึ่งไม่ได้ดำเนินการใดๆ จึงเป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบัน
สพ.ญ.ดร.เมตตา กล่าวว่า ปัจจุบันไทยกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรฐาน Compartment เพื่อการส่งออกเนื้อสุกรไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ซึ่งประเทศเหล่านี้มีข้อห้ามเรื่องการใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างเคร่งครัด หากไทยมีการผ่อนปรนมาตรการเกี่ยวกับสารเร่งเนื้อแดง ย่อมกระทบต่อโอกาสในการส่งออกเนื้อสุกรไทยด้วย นอกจากนี้ยังมีอีก 160 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศในสหภาพยุโรป สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ใช้สารเร่งเนื้อแดงซึ่งจะกระทบกับการค้าระหว่างประเทศในอนาคตเช่นกัน
น.สพ.สุเมธ กล่าวถึงความห่วงใยที่อาจจะกระทบต่อการส่งออกสินค้ากลุ่มไก่เนื้อ หากประเทศลดมาตรฐานด้านสารปนเปื้อนลงมา ปัจจุบันสหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกหลักของไก่เนื้อ และในฐานะองค์กรวิชาชีพสัตวแพทย์ขอกราบเรียนต่อคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข ว่าการรักษามาตรการห้ามใช้และห้ามปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อคุ้มครองสุขภาพประชาชน รักษามาตรฐานอาหารปลอดภัย และสร้างความมั่นคงด้านการส่งออกสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ของไทยทั้งระบบ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสารเร่งเนื้อแดง กลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ มี 2 ฉบับ ที่สอดคล้องกับความปลอดภัยโดยไม่มีลักษณะเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ตามนิยามของ“ความปลอดภัยด้านอาหาร”
1.ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ พ.ศ.2559 ที่ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 (แทนฉบับปี 2545 ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2525 ที่ยกเลิกไป)
2.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 269) พ.ศ.2546 เรื่อง มาตรฐานอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ ที่ออกตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522
จากการประชุมทีมเจรจาของรัฐบาลไทย ครั้งที่ 6 กับผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกาเสนอให้ กระทรวงสาธารณสุข แก้ไขหรือยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 269) พ.ศ.2546 ดังกล่าวข้างต้นนั้น จะทำให้เกิดการขัดหลักการปฏิบัติเยี่ยงคนชาติ (National Treatment) คือ หลักการที่ประเทศสมาชิกขององค์การการค้าโลก (WTO) จะต้องปฏิบัติต่อสินค้าบริการหรือนักลงทุนจากประเทศสมาชิกอื่นๆ อย่างเท่าเทียมกับที่ปฏิบัติต่อสินค้าบริการหรือนักลงทุนของตัวเอง โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งประเด็นการจะแก้/ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับดังกล่าว นอกจากขัดหลักการปฏิบัติเยี่ยงคนชาติแล้ว จะเป็นการตัดโอกาสในการค้าสินค้าปศุสัตว์ระหว่างประเทศของไทย กับ 160 ประเทศที่มีกฎหมายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง โดยเฉพาะกลุ่มสหภาพยุโรป รวมทั้งประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ เช่น ประเทศจีน ประเทศรัสเซีย
จากประเด็นดังกล่าวข้างต้น สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย สมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสัตว์ปีก และผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ
1)ขอคัดค้านการเปิดตลาดสินค้าสุกรจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จะเกิดผลกระทบต่อสุขอนามัยของผู้บริโภค และการประกอบอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่การผลิตสุกร และการค้าสินค้าปศุสัตว์ระหว่างประเทศ
2)ประเด็นการงดออกเสียงในการประชุม CODEX ครั้งที่ 35 ปี พ.ศ.2555 ทำให้ไทยในฐานะภาคีสมาชิกต้องรับร่างมาตรฐานฯ ตามมติฯ โดยปริยาย แต่ไทยยังสามารถใช้เอกสิทธิ์ในการยื่นคำสงวนย้อนหลังที่จะขอคงกฎหมายด้าน Safety Concern ของตนเองได้ตลอดเวลา เพราะปัจจุบันประเทศไทยใช้เอกสิทธิ์ในการประเมินความเสี่ยง และอยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดค่า MRLs ของประเทศไทย ซึ่งมีการรายงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ในที่ประชุมร่วมด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา (TIFA JC) ตลอดระยะเวลา 13 ปี
3)ขอคัดค้านการแก้ไขหรือยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 269) พ.ศ.2546 เรื่อง มาตรฐานอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ ที่ออกตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522
จึงมายื่น 2 คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข และคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมพิจารณาแก้ปัญหาให้ กับ ภารกิจของชาติ อุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของไทย กับ นโยบายความปลอดภัยด้านอาหารของชาติ เพื่อสุขอนามัยของคนไทยตลอดไป