18/09/2025
รีโพส !!
FED ลดดอกเบี้ยแล้วหุ้นจะขึ้นได้ ต้องดูว่า “ลดเพราะอะไร” ถ้าลดในภาวะเศรษฐกิจยังไปได้ (soft landing) ตลาดมักเดินหน้าต่อ แต่ถ้าลดเพราะกลัวเศรษฐกิจชะลอแรงหรือเสี่ยงถดถอย (hard landing) หุ้นอาจไปไม่ไกล หรือตกแรงด้วย
ตัวอย่างช่วงวิกฤตโควิดช่วงต้นมีการลดดอกเบี้ยแต่ไม่ทันแล้วตลาดหุ้นดิ่งแรงจนได้ Unlimited QE มาช่วยไว้
ก่อนอื่นต้องเข้าใจ “ที่มา-ที่ไป” ของรอบลดดอกเบี้ย มักเริ่มจากการชะลอขึ้นดอก → หยุดขึ้น (pause) → ส่งสัญญาณคุมสภาพคล่องผ่านงบดุล (QT ช้าลง/หยุด) → แล้วค่อยเข้าสู่รอบลดดอกเบี้ย (rate cut cycle)
แล้วตลาดหุ้นตอบรับยังไงเมื่อลดดอกเบี้ย? ส่วนใหญ่บวกได้ แต่จะบวกเท่าไหร่ขึ้นกับบริบทเศรษฐกิจ รายได้บริษัท (EPS) และทิศทางบอนด์ยีลด์ในช่วงนั้นมากกว่าตัวเลขดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว
รายละเอียดสำคัญที่ต้องรู้ทันการลดดอกเบี้ย
1. เหตุผลที่ลด
– ถ้าลดเพราะเงินเฟ้อชะลอและดีมานด์ยังโอเค (soft landing) สินทรัพย์เสี่ยงมักได้แรงหนุน เช่น ปี 2019 ที่เศรษฐกิจชะลอจากภาษีการค้าสหรัฐ-จีน และปีที่แล้ว 2024
– ถ้าลดเพราะเศรษฐกิจแผ่ว/ความเสี่ยงถดถอยสูง (hard landing) หุ้นอาจโดนกดดัน แม้ดอกจะต่ำลงก็ตาม เช่น ปีโควิด 2020 หรือปี 2008 subprime แล้วต้องใช้ QE มาช่วย
2. จังหวะและสปีด
– ลด “ค่อยเป็นค่อยไป” มักให้เวลาตลาดปรับตัวได้ดี
– ลด “เร่งด่วน” มักสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง ควรจะระวังตัวมาก
3. ผลต่อกลุ่มอุตสาหกรรม (sector) โดยคร่าว
– REITs/Utilities ได้อานิสงส์จากยีลด์พันธบัตรลง ต้นทุนเงินถูกลง
– Small Caps ได้ประโยชน์เมื่อสินเชื่อผ่อนคลายและดีมานด์ในประเทศกระเตื้อง
– Tech/High Duration ได้ประโยชน์จากส่วนลดกระแสเงินสด (discount rate) แต่ยังต้องพึ่ง EPS จริง ไม่ใช่แรงดอกเบี้ยอย่างเดียว
4. ระยะสั้นรอบประกาศ
– ก่อน-หลังวันลดดอกเบี้ย มักเหวี่ยงแรงจากการ “เทียบกับความคาดหวัง” (expectation vs reality) กลยุทธ์ที่เวิร์กคือแบ่งไม้ซื้อแทนการ all-in
5. สิ่งที่ต้องจับตาคู่กัน
– แนวโน้ม EPS/Margin ของบริษัทจดทะเบียน
– ดัชนีแรงงาน/การบริโภค วัดแรงเศรษฐกิจจริง
– เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (yield curve) และสภาพคล่องระบบ
สรุป
Fed ลดดอกไม่ใช่การันตีของขาขึ้นตลาดหุ้น ทุกอย่างขึ้นกับบริบทเศรษฐกิจและกำไรบริษัท ถ้าเป็นรอบลดเพื่อค้ำการขยายตัว โอกาสรีเรทมีสูงกว่า แต่ถ้าลดเพราะเศรษฐกิจแผ่ว ควรถือเป็นเชิงรับมากขึ้น