เกษตรดิจิทัลนิวส์ Kaset Digital news

เกษตรดิจิทัลนิวส์ Kaset Digital news เพจเล็กๆ ที่อยากสื่อสารงานข่าว ด้านเศรษฐกิจ เกษตร สังคม ท่องเที่ยว การศึกษาที่น่าสนใจเป็นประโยชน์❤️🇹🇭❤️

53 ปี กรมส่งเสริมสหกรณ์ เดินหน้ายกระดับศักยภาพบุคลากรสหกรณ์ ร่วมสร้างความเข้มแข็งแก่สหกรณ์ไทยอย่างยั่งยืนนายวิศิษฐ์ ศรีส...
02/10/2025

53 ปี กรมส่งเสริมสหกรณ์ เดินหน้ายกระดับศักยภาพบุคลากรสหกรณ์
ร่วมสร้างความเข้มแข็งแก่สหกรณ์ไทยอย่างยั่งยืน

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการจัดงานเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์ ครบรอบ 53 ปี ว่า ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะครบรอบ 53 ปี จึงเป็นโอกาสดีที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะได้จัดงานเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์ และกำหนดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการปฏิบัติงานของบุคลากรกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเรื่อง “การพัฒนาบุคลากร” เป็นนโยบายที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ให้ความสำคัญ และกำหนดให้เป็น 1 ใน 7 เป้าหมายของการทำงานในปี 2568 ที่ตั้งเป้าให้บุคลากรของกรม มีศักยภาพการทำงานในระดับสูง เข้าใจองค์ความรู้ในเรื่องการกำกับดูแลสหกรณ์ การบริหารจัดการ สามารถขับเคลื่อนนโยบายกรมร่วมกับสหกรณ์ที่รับผิดชอบได้อย่างราบรื่น และช่วยพัฒนาสหกรณ์ให้เป็นสถาบันเกษตรกรที่มีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิก ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา

กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินการส่งเสริมพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้เป็นสถาบันที่เข้มแข็ง สามารถช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม และยังครอบคลุมไปถึงการปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกสหกรณ์ด้วย
การจัดโครงการจัดงานเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์ ครบรอบ 53 ปี นอกจากจะเป็นการรำลึกถึงวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมสหกรณ์แล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้และเพิ่มทักษะสมัยใหม่ให้แก่บุคลากรกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและยกระดับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง สอดคล้องกับนโยบายการสร้างความเข้มแข็งของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่กรมต้องการผลักดันให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศสามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง มีระบบการบริหารจัดการที่เข้มแข็ง โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล สามารถพัฒนาเป็นองค์กรเศรษฐกิจของชุมชนที่สร้างรายได้อย่างมั่นคงแก่สมาชิก ตลอดจนช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรอย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่บุคลากรของสหกรณ์ บุคลากรกรมส่งเสริมสหกรณ์ และหน่วยงานในสังกัดกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่มีผลงานโดดเด่น ทั้งในด้านการพัฒนาสหกรณ์ การให้บริการประชาชน และการสร้างสรรค์นวัตกรรมการทำงาน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทที่ทุกฝ่ายร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
“ขอแสดงความยินดีและชื่นชมทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัล ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความตั้งใจและความรับผิดชอบที่ทุกคนมีต่อภารกิจของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ความสำเร็จเหล่านี้จะถูกส่งต่อเป็นแรงบันดาลใจแก่เพื่อนร่วมงานและเครือข่ายสหกรณ์ทั่วประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐานการทำงานที่สูงขึ้นและก้าวไปพร้อมกัน ดังนั้น ในงานวันนี้จึงอยากให้ทุกหน่วยงานได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานร่วมกัน เสริมสร้างความร่วมมือ และพัฒนาต่อยอดวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว

ท้ายสุดนี้ อธิบดีวิศิษฐ์ ได้กล่าวย้ำว่าการพัฒนาสหกรณ์ไทยจะต้องอาศัยทั้งพลังของบุคลากรในกรม และพลังของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน ภายใต้หลักความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล พร้อมกับเปิดรับการเรียนรู้ใหม่ ๆ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือและสนับสนุนกันอย่างจริงจัง ย่อมจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหกรณ์ไทย และวางรากฐานที่มั่นคงให้แก่เศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน

"จากสนามรบสู่ผืนนา" พลโท บุญสิน พลิกบทบาทสู่ภารกิจใหม่เพื่อความมั่นคงทางอาหาร เปิดตัวแบรนด์ "ข้าวแม่ทัพไทย" - "ข้าวสีสด"...
01/10/2025

"จากสนามรบสู่ผืนนา" พลโท บุญสิน พลิกบทบาทสู่ภารกิจใหม่เพื่อความมั่นคงทางอาหาร เปิดตัวแบรนด์ "ข้าวแม่ทัพไทย" - "ข้าวสีสด" พร้อมร่วมขับเคลื่อน Sirin Farm Market ยกระดับคุณภาพชีวิตทหารและเกษตรกรไทย

กรุงเทพฯ – 30 กันยายน 2568 – พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นายทหารผู้ทุ่มเทปกป้องแผ่นดิน ได้ประกาศภารกิจครั้งสำคัญในด้านความมั่นคงทางอาหารยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้บริโภคอาหารปลอดภัยไร้สารพิษ ด้วยเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้ได้มีการเปิดตัวแบรนด์ข้าวคุณภาพ “ข้าวแม่ทัพไทย” และ “Sirin ข้าวสีสด” สร้างมิติใหม่ให้กับวงการเกษตรและสุขภาพ ณ สวนเสียงไผ่ สถาบันทิวา ทาวน์อินทาวน์

การเปิดตัวแบรนด์ข้าวนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ร่วมขับเคลื่อนโครงการ Sirin Farm Market และ Grow Longevity Ecovillage ที่มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ได้บริโภคอาหารปลอดภัยไร้สารพิษ และนำไปสู่ “สังคมสุขยืนยาว” (Longevity Society) อย่างยั่งยืน ผ่านการเน้นย้ำถึงการใช้เกษตรอินทรีย์ 100% จากนักรบสู่ชาวนาผู้พิทักษ์: ปณิธานเพื่อสุขภาพคนไทย

พลโท บุญสิน ได้กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ “จากลูกชาวนาสู่ภารกิจความมั่นคงของแผ่นดินไทย ก้าวสู่ภารกิจใหม่สร้างความมั่นคงทางอาหารและสังคมไทย” โดยเน้นย้ำว่าการเข้าร่วมสนับสนุนโครงการนี้ เพราะประทับใจในแนวคิดที่จะทำเพื่อคนไทยอย่างแท้จริง และไม่มุ่งเน้นผลกำไรสูงสุด โดยชี้ว่าโครงการนี้คือ "ยุทธศาสตร์ความมั่นคงอีกแขนงหนึ่งของประเทศชาติ" นอกเหนือจากการป้องกันชายแดน และยังมีความชื่นชมในจุดยืนที่ต้องการสร้าง "บลูโซน" (Blue Zone) ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อให้คนไทยมีอายุยืนยาว สุขภาพดี ด้วยการบริโภค อาหารดี อากาศดี และอารมณ์ดี

“โครงการนี้จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะ ระบบ AI มาใช้ในการสั่งสินค้าและบริหารจัดการผลผลิต เพื่อแก้ปัญหาการตลาดของโครงการทหารพันธุ์ดีและโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ที่ก่อนหน้านี้ทหารต้องนำสินค้าไปจำหน่ายเองตามตลาด มาเป็นการจำหน่ายใน Sirin Farm Market ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผักที่ไร้สารเคมี และข้าวสีสด ซึ่งเป็นข้าวบริสุทธิ์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งทหาร ประชาชนและเกษตรกร” พลโท บุญสิน กล่าว

ด้านนายชยดิษฐ์ หุตานุวัชร์ ประธานสถาบันทิวาและ Grow Longevity Ecovillage กล่าวว่า โครงการ Grow Longevity Ecovillage ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แห่งนี้ เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ Longevity Living และ Social Enterprise ที่ผสมผสานการทำฟาร์มแบบ Smart Farm เข้ากับการสร้างชุมชนเพื่อการมีสุขภาพดี โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการผลักดันให้พื้นที่นี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการเกษตรระดับโลก หรือ "Blue Zone" แห่งใหม่ของประเทศไทย ซึ่งจะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

“เศรษฐกิจของประเทศไม่ควรพึ่งพาแค่การส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างระบบที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้คนหนุ่มสาวสามารถกลับไปอยู่ต่างจังหวัดได้อย่างมีความสุข นำไปสู่การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใหม่ LongivityEconomy โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นเมืองที่น่าสนใจสำหรับการมีชีวิตยืนยาวและสุขภาพดี มีการออกแบบชีวิตใหม่ที่ให้คนได้มีอากาศที่ดี อาหารที่ไร้สารเคมี และสามารถทำงานได้ในทุกที่ ท่ามกลางชุมชนที่เกื้อกูล จะทำให้คนไทยมีความสุขมากขึ้น” นายชยดิษฐ์กล่าว

การผนึกกำลัง สู่ Grow Longevity Ecovillage ในงานยังได้มีพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือภาคีเครือข่าย (MOU) การพัฒนารูปแบบนวัตกรรมและระบบของการพัฒนาเมือง ภายใต้แนวความคิด “Longevity Farm Stay Destination” ต่อการส่งเสริมซอร์ฟพาวเวอร์ทางวัฒนธรรมไทยและอัตลักษณ์ของวิถีชุมชน เพื่อการยกระดับเศรษฐกิจคุณภาพชีวิตและการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ในเขตพื้นที่ Blue Zone เพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ระหว่างสถาบันทิวา,กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 2 , Grow Longevity Ecovillage และ Grow Longevity Ecovillage :Khao Yai

“Sirin ข้าวสีสด”: นวัตกรรมสีข้าวโชว์ ตอบโจทย์รสชาติและคุณค่า
ผลิตภัณฑ์เรือธงในงานนี้คือ “Sirin ข้าวสีสด” ชูจุดเด่นด้วยนวัตกรรม "สีสดใหม่ตามคำสั่งซื้อ" โดยในงานมีการ นำโรงสีขนาดเล็กมาสีข้าวให้ชมและชิมกันสดๆ เพื่อยืนยันถึงความสดใหม่และคุณภาพที่คงไว้ครบถ้วน “ข้าวสีสด” ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยรสชาติที่หอม อร่อย นุ่มหนึบ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หลักการคือการเก็บข้าวในรูปแบบ "ข้าวเปลือก" และสีเป็นข้าวสารเมื่อลูกค้าสั่งเท่านั้น ซึ่งตอกย้ำถึงคุณภาพ:ปลอดภัย 100%: เก็บในรูปแบบข้าวเปลือกที่จะรักษาคุณค่าได้ดีที่สุดและสีสดส่งตรงถึงมือผู้บริโภค
คุณค่าเต็มเมล็ด: กระบวนการสีถูกออกแบบมาเพื่อรักษาส่วนของ "จมูกข้าว" และเยื่อหุ้มเมล็ดไว้

Sirin Farm Market: เพื่อสังคมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์แบรนด์ข้าวเรือธงทั้งสองชนิดจัดจำหน่ายผ่าน Sirin Farm Market ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลัก 3 มิติ ได้แก่:ยกระดับคุณภาพชีวิตทหารและเกษตรกร: เป็นช่องทางหลักในการจัดจำหน่ายสินค้าจากโครงการ "ทหารพันธุ์ดี" ที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ใน 20 ค่ายทหารภาคอีสาน เพื่อสร้างรายได้และอาชีพที่ยั่งยืน รวมถึงรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรและชุมชนในราคาที่เป็นธรรม
สร้างความมั่นคงทางอาหาร: ทำให้คนไทยเข้าถึงอาหารอินทรีย์ปลอดภัยและมีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้
ขับเคลื่อน Soft Power และเศรษฐกิจสร้างสรรค์: มุ่งเน้นการใช้ทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ผ่านแนวคิด Grow Low Carbon City และ Grow Organic AI Smart Farming

Sirin Farm Market ประกอบด้วยพื้นที่บริการหลัก ได้แก่ SIRIN Market, SIRIN Gindee Restaurant และ SIRIN ข้าวสีสด
ทั้งนี้งานวันนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หรือ บพข.และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการดำเนินงานเพื่อให้โครงการมีประสิทธิภาพ และดำเนินต่อไปด้วยความยั่งยืน

📣📣 โอกาสของลูกหลานสหกรณ์มาถึงแล้วค่ะ....ไปทำเกษตรที่ญี่ปุ่นกันเถอะ!!🇹🇭🇯🇵เปิดรับสมัครแล้ว โครงการฝึกงานผู้นำเยาวชนเกษตรไท...
24/09/2025

📣📣 โอกาสของลูกหลานสหกรณ์มาถึงแล้วค่ะ....ไปทำเกษตรที่ญี่ปุ่นกันเถอะ!!
🇹🇭🇯🇵เปิดรับสมัครแล้ว โครงการฝึกงานผู้นำเยาวชนเกษตรไทยในประเทศญี่ปุ่น ปี 2569 (รุ่นที่ 44)
📌 กรมส่งเสริมสหกรณ์เปิดรับสมัครเยาวชนเกษตร อายุระหว่าง 20-30 ปี ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ หรือบุตร-หลานสมาชิกสหกรณ์การเกษตรและสหกรณ์นิคม เพื่อคัดเลือกไปฝึกงานด้านเกษตรที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 11 เดือน โดยเยาวชนเกษตร 1 คน จะพักอาศัยและทำงานกับครอบครัวเกษตรกรญี่ปุ่น
📌 รับสมัครตั้งแต่บัดนี้ จนถึง 29 ต.ค. 68
สอบถามรายละเอียดและสมัครได้ที่ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด หรือที่สหกรณ์การเกษตร/สหกรณ์นิคมต้นสังกัด
📌โดยกรมจะมีการชี้แจงรายละเอียดโครงการในวันที่ 6 ต.ต. 68 ผ่านทางระบบ Zoom Meeting เยาวชนผู้สนใจสมัครสามารถเข้ารับฟังได้ที่สหกรณ์การเกษตร/สหกรณ์นิคมต้นสังกัด
📌 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://sites.google.com/view/cpdpdfr

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเยาวชนผู้สนใจเข้าร่วมสมัครในโครงการฝึกงานผู้นำเย...
24/09/2025

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเยาวชนผู้สนใจเข้าร่วมสมัครในโครงการฝึกงานผู้นำเยาวชนเกษตรไทยในประเทศญี่ปุ่น (JAEC) รุ่นที่ 44 ประจำปี 2569

กรมปศุสัตว์เร่งช่วยเหลือผู้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” อย่างเต็มที่https://www.thailandquicknews.com/v/4...
09/09/2025

กรมปศุสัตว์เร่งช่วยเหลือผู้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” อย่างเต็มที่

https://www.thailandquicknews.com/v/42

“คต.จัดทัพผู้ส่งออกข้าวไทย...กระชับสัมพันธ์การค้าภาครัฐ-เอกชนญี่ปุ่น หวังหนุนส่งออกข้าวไทย”“กรมการค้าต่างประเทศ เตรียมนำ...
08/09/2025

“คต.จัดทัพผู้ส่งออกข้าวไทย...กระชับสัมพันธ์การค้าภาครัฐ-เอกชนญี่ปุ่น หวังหนุนส่งออกข้าวไทย”

“กรมการค้าต่างประเทศ เตรียมนำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและภาคเอกชนไทยเดินทางไปพบปะหารือและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าข้าวกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2568 เพื่อมุ่งรักษาส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในญี่ปุ่น”
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 7 – 11 กันยายน 2568

กรมฯ มีกำหนดจะนำคณะผู้ส่งออกข้าวไทยเดินทางไปพบปะหารือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าข้าวของญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า และรักษาตลาดข้าวไทย
ในญี่ปุ่น ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่มอบหมายให้กรมฯ รักษาปริมาณการส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นที่ปีละประมาณ 300,000 ตัน
สำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นที่กรมฯ มีกำหนดจะนำคณะผู้ส่งออกข้าวไทยไปพบหารือในครั้งนี้ได้แก่ กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น (Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries: MAFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่กำหนดปริมาณการนำเข้าข้าวและกำกับดูแลการประมูลเพื่อนำเข้าข้าวของญี่ปุ่น บริษัท Overseas Merchandise Inspection Company (OMIC) ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพข้าวที่จะนำเข้าของญี่ปุ่น และผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญของญี่ปุ่น ประกอบด้วย บริษัท Kitoku Shinryo Co., Ltd. บริษัท ITOCHU Food Sales and Marketing Co., Ltd. และบริษัท Kanematsu Corporation รวมทั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวรายสำคัญของญี่ปุ่น ซึ่งต่างล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการค้าข้าวของญี่ปุ่นและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฝ่ายไทยมาโดยตลอด

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญของโลก โดยแต่ละปีมีผลผลิตข้าว ประมาณ 7.28 – 7.64 ล้านตัน และมีความต้องการข้าวปีละมากกว่า 8 ล้านตัน
โดยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศปีละประมาณ 700,000 ตัน ซึ่งแหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ไทย สหรัฐฯ ออสเตรเลีย
และจีน สำหรับปี 2568 ญี่ปุ่นนำเข้าข้าวจากต่างประเทศแล้วประมาณ 402,157 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.15 โดยนำเข้าจากสหรัฐฯ มากที่สุด รองลงมา ได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย และจีน ตามลำดับ ในส่วนการส่งออกข้าวไทยไปญี่ปุ่น ในแต่ละปีไทยส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นประมาณ 257,000 – 336,000 ตัน ครองส่วนแบ่งตลาดนำเข้าข้าวของญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 37 – 45 โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นแล้วประมาณ 148,000 ตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.36 ที่ส่งออกประมาณ 183,000 ตัน เนื่องจาก
ชาวญี่ปุ่นนิยมบริโภคข้าวเมล็ดสั้น (Japonica) เป็นอาหารหลัก แต่ในช่วงที่ผ่านมาญี่ปุ่นผลิตข้าวได้ไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ จึงต้องนำเข้าข้าวเมล็ดสั้นหรือเมล็ดกลางจากต่างประเทศเข้าไปทดแทนผลผลิตข้าวในประเทศ ขณะที่ข้าวไทยที่ส่งออกไปญี่ปุ่นเป็นข้าวเมล็ดยาว ได้แก่ ข้าวขาว ข้าวเหนียว และข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 90 ของปริมาณข้าวไทยที่ส่งออกไปญี่ปุ่นถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เช่น ผลิตสาเก และขนมอบกรอบ เนื่องจากข้าวไทยเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพและมาตรฐาน ส่วนข้าวไทยที่เหลืออีกร้อยละ 10 ถูกนำไปใช้ในครัวเรือนและร้านอาหารในญี่ปุ่น ด้วยจุดเด่นของข้าวไทยโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยในด้านความนุ่มความหอม และรสชาติเฉพาะตัวจึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคข้าวในญี่ปุ่น ดังนั้น การเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ นอกจากเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าข้าวแล้ว ยังมุ่งหวังจะช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในญี่ปุ่น และส่งเสริมปริมาณการส่งออกข้าวไทยไปญี่ปุ่นให้เพิ่มขึ้นด้วย

กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล เปิดให้บริการแผนที่ออนไลน์ (FGIS) ผ่าน Web Map Applicati...
08/09/2025

กรมประมง..ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศสู่ยุคดิจิทัล
เปิดให้บริการแผนที่ออนไลน์ (FGIS) ผ่าน Web Map Application
ตัวช่วย..ค้นหาพิกัดด้านการประมงทุกพื้นที่ทั่วไทย

https://www.thailandquicknews.com/v/37

กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ดูงานสหกรณ์ครั้งแรกของสยาม ณ ประเทศอินเดีย ในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๔๖๕ เพื่อนำแนวทางมาปรับใช้กับประชา...
08/09/2025

กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ดูงานสหกรณ์ครั้งแรกของสยาม ณ ประเทศอินเดีย ในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๔๖๕ เพื่อนำแนวทางมาปรับใช้กับประชาชนในชาติ พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์(บิดาการสหกรณ์)เสด็จไปดูงานสหกรณ์ ณ ประเทศพม่า และประเทศอินเดีย เป็นเวลา ๖ เดือน จากนั้นจึงทรงดำริให้จัดสร้างสหกรณ์วัดจันทร์ สหกรณ์แห่งแรกของประเทศไทย ในการนี้พระพิจารณ์พาณิชย์ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานสหกรณ์ และเลขานุการในพระองค์ ในภาพพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ประทับบนโซฟาโดยมี หม่อมเจ้าพรพิมลพรรณ รัชนี พระชายา ประทับอยู่ทางด้านขวา ด้านงานพระนิพนธ์ พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ทรงเป็นกวีเอก ในการนิพนธ์ร้อยกรองและร้อยแก้วมากมายหลายเรื่อง ทรงใช้พระนามแฝงว่า "น.ม.ส." ย่อมาจากตัวอักษรท้ายพระนามเดิม รัชนี แจ่ม จรัส ส่วนพระพิจารณ์พาณิชย์คือผู้ที่นั่งวางมือบนหมวกอยู่ทางด้านขวาของภาพ ต่อมา พระพิจารณ์พาณิชย์ได้ก่อตั้งสหกรณ์กรุงเทพ และ สหกรณ์พระนคร ในเวลาต่อมา #พระพิจารณ์พาณิชย์
ที่มา http://www.pasasiam.com/phpbb/viewtopic.php?f=6&t=643...

cr : เพจประตูกาลเวลา

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ สั่งลุยติดอาวุธแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ “รองนายทะเบียนสหกรณ์” เสริมความรู้ พัฒนาทักษะ ก้าวทันความเปล...
05/09/2025

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ สั่งลุยติดอาวุธแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ “รองนายทะเบียนสหกรณ์” เสริมความรู้ พัฒนาทักษะ ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่

ในยุคปัจจุบันที่สภาพแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ส่งผลให้การดำเนินภารกิจของกรมส่งเสริมสหกรณ์ต้องเผชิญความท้าทายหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบทบาทของสหกรณ์จังหวัด ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ “รองนายทะเบียนสหกรณ์” และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและกำกับดูแลสหกรณ์ในระดับพื้นที่ ตลอดจนเป็นผู้เชื่อมโยงนโยบายของกรมส่งเสริมสหกรณ์ไปสู่ขบวนการสหกรณ์ทั่วประเทศ

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตนในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ให้ความสำคัญในเรื่องการยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรในสังกัดทุกระดับ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าบทบาท “รองนายทะเบียนสหกรณ์” เป็นบทบาทที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนนโยบายกรมส่งเสริมสหกรณ์ รวมถึงนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ไปสู่สหกรณ์ในระดับพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2569 กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายด้านการสร้างความเข้มแข็งของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยใช้กลไกการพัฒนาสหกรณ์จังหวัด ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ ให้มีความพร้อมต่อการเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ ๆ ทั้งด้านบทบาทภารกิจในหน้าที่ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การมีส่วนร่วมของชุมชน รวมถึงการกำกับดูแลสหกรณ์ให้มีความโปร่งใส ทันสมัยและเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
“โครงการสัมมนาทางวิชาการขับเคลื่อนสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรสู่ความเข้มแข็งผ่านการถอดบทเรียนรองนายทะเบียนสหกรณ์ที่จัดขึ้นครั้งนี้ จะช่วยติดอาวุธ เสริมความรู้ และพัฒนาทักษะของผู้ปฏิบัติหน้าที่รองนายทะเบียนสหกรณ์ให้พร้อมรับมือทุกความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ สามารถปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายจากนายทะเบียนสหกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้ดุลพินิจของรองนายทะเบียนสหกรณ์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งป้องกันการเกิดข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่อาจเกิดในอนาคตได้ ซึ่งจะทำให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีประสิทธิภาพในการบริหารงาน โดยส่งผลต่อการยกระดับชั้นของสหกรณ์ให้สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้บุคลากรกรมส่งเสริมสหกรณ์

ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและแนวทางการขับเคลื่อนการส่งเสริมสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งผ่านการถอดบทเรียนร่วมกัน ตลอดจนการเสวนาให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
แนวทางการส่งเสริมกำกับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรสู่ความเข้มแข็งอีกด้วย” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
สำหรับโครงการสัมมนาทางวิชาการขับเคลื่อนสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรสู่ความเข้มแข็งผ่านการถอดบทเรียนรองนายทะเบียนสหกรณ์ มีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 3 – 5 กันยายน 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ พาลาสโซ่ พัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งโครงการได้รับเกียรติจากวิทยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมบรรยายให้ความรู้หลายเนื้อหาวิชา เช่น การบรรยายเรื่องกฎหมายการดำเนินคดีแพ่ง / อาญาที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและการดำเนินธุรกิจสหกรณ์ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่รองนายทะเบียนสหกรณ์ มีความรู้ที่จำเป็นสำหรับใช้ในการกำกับดูแลสหกรณ์ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยป้องกันการกระทำความผิดที่มีความเสี่ยงกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และการบรรยายเรื่องการวางแผนทางการเงินเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต

ผลพวงจากนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายของรัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้โครงการ...
28/08/2025

ผลพวงจากนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายของรัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้โครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร (GAP) ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาภาคการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าสหกรณ์ทั้งตลาดในและต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การนำของ “อรรถกร ศิริลัทธยากร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ซึ่งได้ให้ความสำคัญในเรื่องการยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย พร้อมกำหนดให้การส่งเสริมด้านการตลาดสินค้าเกษตรเป็นนโยบายเร่งด่วน ขณะที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ที่มีอธิบดี “วิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์” รับไม้ต่อสนองนโยบายอย่างทันท่วงที
มาตรการด้านการผลิตและรวบรวม ผ่านโครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร (GAP) โครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นและภูมิปัญญาพื้นถิ่นให้มีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงการสนับสนุนอุปกรณ์การตลาดที่จำเป็น เพื่อให้สหกรณ์เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมและกระจายผลผลิตของสมาชิก เป็นนโยบายสำคัญที่กรมดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง “วิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานในพิธีมอบอาคารรวบรวมผลผลิตขนาด 2,000 ตัน ของสหกรณ์การเกษตรโพธิ์ไทร จำกัด อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีด้านการเงิน ผ่านการสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) เพื่อให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรกู้ยืมไปดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ตลอดจนการส่งเสริมการค้าทั้งตลาด Offline และตลาด Online ทั้ง 3 มาตรการข้างต้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับคุณภาพผลผลิตตามมาตรฐาน GAP สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร อีกทั้งส่งเสริมการเชื่อมโยงสินค้าเกษตร โดยมีสหกรณ์เป็นกลไกในการขับเคลื่อน ถือเป็นการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจฐานรากให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรอย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตามโครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินการขับเคลื่อนผ่านสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร มาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบัน (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568) โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ได้ดำเนินการจัดทำโครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร โดยการส่งเสริมสมาชิกและสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกร ให้มีองค์ความรู้ด้านมาตรฐานสินค้าเกษตร จำนวน 114 แห่ง โดยมีเป้าหมายสมาชิกผู้เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 2,280 ราย
สหกรณ์การเกษตรแก้มลิงหนองเลิงเปือย จำกัด อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ 1 ใน 114 แห่งที่เข้าร่วมโครงการฯ ในปีนี้ โดยนางประมวล ปองได้ ประธานกรรมการสหกรณ์ฯ กล่าวว่าในอดีตที่ผ่านมานั้นการผลิตสินค้าการเกษตร มีจุดอ่อนทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ เมื่อสหกรณ์มีตลาดที่สำคัญในการรับซื้อผลผลิต ได้แก่ ห้างแม็คโคร ห้างบิ๊กซี และโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ แต่ต้องมีข้อกำหนดคุณภาพของสินค้าตามมาตรฐานจีเอพี (GAP) ซึ่งเกษตรกรต้องปฏิบัติตามทำให้เกษตรกรเรียนรู้ที่จะวางแผนการผลิตที่ยกระดับสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับมีปริมาณผลผลิตที่สามารถขายได้ตลอดทั้งปี
“สหกรณ์สนับสนุนให้สมาชิกเข้าอบรม Good Agricultural Practices : GAP เพื่อให้สามารถขอรับรองมาตรฐานเครื่องหมาย Q ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าเกษตร เพราะว่าเราจะเอาใบรับรองนี้ไปกับพืชผักเวลาไปส่งให้กับทางโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ห้างแม็คโคร และบิ๊กซี ส่งสัปดาห์ละ 2 วัน (พุธและศุกร์) ส่วนใหญ่ก็จะเป็นต้นหอม ผักชี ผักกาดหอม เคล คะน้า และอีกหลายชนิด โดยสมาชิกจะรวมกลุ่มกันปลูกพืชผักแต่ละชนิด ซึ่งจะสลับหมุนเวียนกันไปตามวงรอบ สมาชิกบางรายก็อาศัยพื้นที่บริเวณข้างบ้านปลูก ผลผลิตได้มาก็ส่งให้กับสหกรณ์ ปัจจุบันสหกรณ์มีสมาชิกอยู่ 200 ราย อาชีพหลักทำนารองลงมาปลูกพืชผัก ทำให้สมาชิกมีรายได้ทุกเดือนเฉลี่ย 3,000 - 4,000 บาท ถือว่าอยู่ได้ นางประมวล กล่าวว่า ในส่วนสหกรณ์จะดูแลเรื่องการตลาดให้กับสมาชิกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำนำไปลงทุนปลูกพืชผักดังกล่าว
ขณะว่าที่ ร.ต.หญิง บุษกร จงกลรัตน์ นักวิชาการมาตรฐานสินค้า กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวถึงสหกรณ์การเกษตรแก้มลิงหนองเลิงเปือย จำกัด ซึ่งเข้าร่วมโครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร ของสมาชิกสหกรณ์ว่าในส่วนสำนักงานสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลลงตรวจแปลงอย่างต่อเนื่อง หลังได้มีการประสานเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาฬสินธุ์ มาทำการอบรมการจัดทำมาตรฐานแปลง ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกเป็นอย่างดี
“ทางเราช่วยในเรื่องการจัดการอบรม ประสานเจ้าหน้าที่จาก ศวพ.กาฬสินธุ์มาอบรมแล้วก็จัดทำและรวบรวมเอกสารต่าง ๆ ของสมาชิกสหกรณ์ให้กับทาง ศวพ.กาฬสินธุ์ เวลาเจ้าหน้าที่เขาลงพื้นที่ตรวจแปลง เราก็จะร่วมตรวจด้วย ส่วนการเลือกสหกรณ์การเกษตรแก้มลิงหนองเลิงเปือย จำกัด เข้าร่วมโครงการเป็นเป้าหมายมาจากกรม เพราะเป็นสหกรณ์ที่มีความพร้อมทั้งอุปกรณ์การตลาดโรงคัดแยกพืชผักและสมาชิกมีความเข้มแข็ง ส่วนปัญหาที่ผ่านมาไม่มียกเว้นเรื่องน้ำต้องใช้น้ำบาดาลและน้ำฝนเท่านั้น เนื่องจากระบบชลประทานยังมาไม่ถึง” นักวิชาการฯ คนเดิมกล่าว
สหกรณ์การเกษตรสอยดาว จำกัด อ.สอยดาว จ.จันทบุรี เป็นอีกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร (GAP) ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 60 ราย มีอาชีพทำสวนลำไยเป็นหลักในการสร้างรายได้ แต่ที่ผ่านมาแปลงปลูกลำไยส่วนใหญ่ยังไม่ได้ยกระดับแปลงปลูกตามมาตรฐานจีเอพี (GAP) เนื่องจากสมาชิกมองว่าการยกระดับแปลงปลูกให้ได้มาตรฐานกับทำแปลงแบบดั้งเดิมราคาจำหน่ายก็ไม่ได้ต่างกัน สมาชิกจึงมุ่งทำแปลงแบบดั้งเดิมเป็นหลัก ทว่าปัจจุบันเริ่มเห็นความแตกต่างมากขึ้นในเรื่องราคาจำหน่าย
”สอยดาวเป็นสหกรณ์เล็ก ๆ มีสมาชิกแค่ 60 ราย ยึดอาชีพทำสวนลำไยเป็นหลัก สมาชิกส่วนใหญ่ทำแปลงปลูกแบบดั้งเดิม ไม่มีมาตรฐานจีเอพี (GAP) แต่มีสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ เพียง 20 รายเท่านั้น เป็นเพราะสหกรณ์ไม่มีทุนเพียงพอรับซื้อผลผลิตจากสมาชิก เราจึงเน้นสมาชิกไม่มีตลาดรองรับก่อน ส่วนใหญ่ดีลตรงกับล้งอยู่แล้ว” นางธำรงลักษณ์ นักเสียง ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดจันทบุรี เผยสาเหตุคัดเลือกสหกรณ์การเกษตรสอยดาว จำกัด ให้เป็นสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยยอมรับว่าการยกระดับมาตรฐานสวนลำไยจีเอพี (GAP) มีข้อแตกต่างอย่างชัดเจนกับการทำสวนแบบดั้งเดิม หากไม่มีใบรับรองมาตรฐานจีเอพี (GAP) กำกับในการซื้อขายผลผลิตในอนาคตจะลำบาก หากต้องส่งออกผลผลิตไปยังต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสำหรับเกษตรกรทั่วไป แต่หากเป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ ทุกอย่างจะฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายทั้งการฝึกอบรม การประสานเจ้าหน้าที่ ศวพ.ที่ 6 จันทบุรีมาฝึกอบรมให้ความรู้การจัดการแปลง ตลอดจนการจัดทำเอกสารยื่นขอจีเอพี (GAP) ซึ่งทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดจันทบุรี ดำเนินการให้ทั้งหมด
“เราเข้าไปดูแลจัดอบรม โดยประสานไปยัง ศวพ.6 จันทบุรี ส่งเจ้าหน้าที่มาอบรมให้ความรู้ให้ที่สหกรณ์ฯ สอยดาว ทำให้จบตรงนั้นเลย โดยสมาชิกไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไป ศวพ.6 จันทบุรี ระยะทางก็ไกล ประมาณ 70 กิโลเมตร บางรายที่มีใบจีเอพี (GAP) อยู่แล้วแต่หมดอายุก็มาต่อได้ สหกรณ์ฯ เป็นผู้ประสานให้ ต่อไปการต่อใบอนุญาตแต่ละครั้งจะมีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเป็นสมาชิกสหกรณ์ไม่ต้องเสีย แต่ก่อนไม่มีใครสนใจ ทำให้ตอนนี้มีแต่คนอยากเข้ามาเป็นสมาชิกมากขึ้น นี่คือข้อดีของการเป็นสมาชิกสหกรณ์” นางธำรงลักษณ์ กล่าวย้ำ
นับเป็นอีกก้าวของขบวนการสหกรณ์ไทยในการยกระดับมาตรฐานสินค้าสหกรณ์ผ่านแปลงปลูกจีเอพี (GAP) ตามนโยบายกรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคสู่ความยั่งยืนของเกษตรกรสมาชิก

ส.ป.ก.ออกโฉนดเพื่อการเกษตร ทะลุ 7 ล้านไร่    ส.ป.ก.ออกโฉนดเพื่อการเกษตรกว่า 7 ล้านไร่ พร้อมย้ำเร่งออกโฉนดเพื่อการเกษตรให...
23/08/2025

ส.ป.ก.ออกโฉนดเพื่อการเกษตร ทะลุ 7 ล้านไร่

ส.ป.ก.ออกโฉนดเพื่อการเกษตรกว่า 7 ล้านไร่ พร้อมย้ำเร่งออกโฉนดเพื่อการเกษตรให้ได้ตามเป้า ภายใน 2 ปี

ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน เพื่อสร้างอาชีพรายได้ และความมั่นคงในชีวิต โดยจะเร่งดำเนินการให้ประชาชนมีสิทธิในที่ดิน โดยพิจารณาเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร เพื่อสามารถนำไปต่อยอด เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้นั้น โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ในการยกระดับมูลค่าที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อทำให้ เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ไปต่อยอดเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อนำมาพัฒนาที่ดินในการสร้างโอกาสการ มีอาชีพ รายได้ และคุณภาพชีวิตระยะยาว ซึ่งได้ดำเนินการจัดทำโครงการปรับปรุงหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ภายใน 2 ปี ในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 67 จังหวัด ซึ่งในปัจจุบันมีผลการดำเนินงานรับคำขออออกโฉนดเพื่อการเกษตร จำนวน 1.604,927 แปลง 18.16 ล้านไร่ คิดเป็น ร้อยละ 90.16 และออกโฉนดเพื่อการเกษตร จำนวน 652,597 แปลง 7.02 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 36.66 (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ส.ค.68)

นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า “จากนโยบายการยกระดับ ส.ป.ก. 4-01 เป็น โฉนดเพื่อการเกษตร ส.ป.ก.ได้ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า จนถึงปัจจุบันสามารถดำเนินการออกโฉนดเพื่อการเกษตรได้กว่า 7 ล้านไร่ โดยมี เป้าหมายการดำเนินงาน ในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 67 จังหวัด โดยส่วนกลางได้ส่งทีม Alro force ลงปฏิบัติภารกิจสนับสนุนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดในการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย”

ทั้งนี้ ส.ป.ก. ได้จัดทีมหน่วยเคลื่อนที่เร็ว (ALRO FORCE) เพื่อลงพื้นที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของสำนักงาน การปฏิรูปที่ดินจังหวัดช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2568 ในภารกิจการรับคำขอออกโฉนดเพื่อการเกษตร จำลองรูป แผนที่แปลงที่ดินเพื่อจัดทำโฉนดเพื่อการเกษตร และตรวจแผนที่แปลงที่ดิน ซึ่งมีผลการปฏิบัติงานรับยื่นคำขอออก โฉนดเพื่อการเกษตร จำนวน 7,596 แปลง และจำลองรูปแผนที่แปลงที่ดินเพื่อออกโฉนด จำนวน 4,335 แปลง ตรวจแผนที่ แปลงที่ดิน 2,138 แปลง

#โฉนดเพื่อการเกษตร #เพิ่มมูลค่าที่ดิน #โอกาสใหม่

กรมส่งเสริมสหกรณ์ คว้าอันดับ 1 ผลประเมิน ITA กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 ปีซ้อนย้ำจุดยืนบริหารองค์กรด้วยหลักธรรมาภิบาล โปร่ง...
21/08/2025

กรมส่งเสริมสหกรณ์ คว้าอันดับ 1 ผลประเมิน ITA กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 ปีซ้อน
ย้ำจุดยืนบริหารองค์กรด้วยหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้

ภายหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ 2568 ซึ่งปรากฏว่า “กรมส่งเสริมสหกรณ์” ได้รับผลคะแนน 98.40 คะแนน จัดเป็นหน่วยงานระดับ “ผ่านดีเยี่ยม” คว้าอันดับ 1 ของหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และอันดับ 10 ของประเทศ ในประเภทกรมหรือเทียบเท่า นอกจากนี้ คะแนน 98.40 ยังเป็นคะแนนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่กรมส่งเสริมสหกรณ์เข้ารับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) อีกด้วย

ด้านนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ตนได้ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของการประเมิน ITA จึงได้มีการมอบนโยบายในการแต่งตั้งคณะทำงานคุณธรรมและความโปร่งใสภายในหน่วยงานของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อมอบหมายให้ผู้บริหารภายในหน่วยงานแต่ละกอง/สำนัก เข้ามามีบทบาท หน้าที่รับผิดชอบ และมีส่วนร่วมในการประเมิน ITA เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการสร้างความเข้าใจในข้อคำถามเกี่ยวกับการตอบแบบประเมิน ITA ในทุกตัวชี้วัด โดยมีการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการประเมิน ITA จากแต่ละปีมาวิเคราะห์หาจุดบกพร่องที่ต้องเร่งแก้ไข พร้อมกับนำคำแนะนำของสำนักงาน ป.ป.ช มาปรับปรุง และเสนอต่อที่ประชุมคณะทำงานคุณธรรมและความโปร่งใสของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนงานให้เกิดประสิทธิภาพร่วมกัน

“รางวัลนี้ถือเป็นรางวัลที่สร้างความภาคภูมิใจแก่บุคลากรกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในด้านการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะและการบริหารงานด้วยหลักคุณธรรมและความโปร่งใส ซึ่งตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เป็นต้นมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ต่างได้รับคะแนนผลการประเมิน ITA ในระดับสูง (ปี 2564 ได้ 93.80 คะแนน , ปี 2565 ได้ 93.90 คะแนน , ปี 2566 ได้ 96.61 คะแนน , ปี 2567 ได้ 95.39 คะแนน และ ปี 2568 ได้ 98.40 คะแนน) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรมที่ต้องการปรับปรุงการบริหารงานและกำกับดูแลการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว

สำหรับการเตรียมความพร้อมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ในอนาคต อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เน้นย้ำว่ากรมจะไม่หยุดพัฒนา โดยจะดำเนินการนำผลการประเมิน ITA และคำแนะนำของสำนักงาน ป.ป.ช. มาปรับปรุงและพัฒนาการปฏิบัติงานของกรมให้มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส พร้อมทั้งสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่บุคลากรของกรม รวมถึงบุคคลภายนอกอย่างสม่ำเสมอด้วย

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66897716426

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เกษตรดิจิทัลนิวส์ Kaset Digital newsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง เกษตรดิจิทัลนิวส์ Kaset Digital news:

แชร์