MIMS Doctor Thailand

MIMS Doctor Thailand - Drug information
- Continuing medical education
- Connecting healthcare communities Log on to www.mims.com today!
(1)

Asia's one-stop drug resource, delivering officially approved drug information to medical professionals in Asia Pacific. Disclaimer: The information posted on this webpage is intended for medical professionals. Any information provided is not intended to serve as a substitute for clinical judgement and should not be relied upon solely for final treatment decisions. You are advised that approved dr

ug information differs from country to country and the information may not be applicable outside of the country or region it is indicated for. If you are not a medical professional, you should note that this website does not provide professional medical advice and is not intended to replace personal consultation with a qualified physician.

📢International Stroke Conference (ISC) 2025 – Highlights“เรารู้ว่าการใช้ไหมขัดฟันจะช่วยลดการอักเสบในร่างกายและการติดเชื้...
15/05/2025

📢International Stroke Conference (ISC) 2025 – Highlights

“เรารู้ว่าการใช้ไหมขัดฟันจะช่วยลดการอักเสบในร่างกายและการติดเชื้อในช่องปาก ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ไหมขัดฟันอาจช่วยลดอัตราการเกิด stroke, ภาวะ AF และcardioembolic stroke ได้” ผู้วิจัยกล่าว

ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้เข้าร่วม 6,278 ราย ในการศึกษา Atherosclerosis Risk in Communities (ARIC; การศึกษาทางระบาดวิทยาขนาดใหญ่ระยะยาวที่ยังคงดำเนินอยู่ในสหรัฐอเมริกา มุ่งเน้นศึกษาสาเหตุการเกิด atherosclerosis อาการแทรกซ้อน ปัจจัยเสี่ยง รวมถึง sociodemographic features) โดยจำแนกผู้เข้าร่วมตามพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากออกเป็น กลุ่มผู้ที่ใช้ไหมขัดฟัน (flosser; n=4,092) และกลุ่มที่ไม่ขัดฟัน (non-flosser; n=2,186)

จากการติดตามเป็นระยะเวลา 25 ปี แสดงให้เห็นว่า การใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำสัมพันธ์กับการลดลงของความเสี่ยงต่อ ischaemic stroke (aHR, 0.78), cardioembolic stroke (aHR, 0.56) และ AF (aHR, 0.88) อย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่ขึ้นกับพฤติกรรมการแปรงฟันหรือการไปพบทันตแพทย์ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้เข้าร่วมในกลุ่ม flosser มีระดับ HDL-C สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีระดับความรุนแรงของโรคปริทนต์และฟันผุลดลง

ผู้วิจัยสรุป “การใช้ไหมขัดฟันเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ ทำได้ง่าย ราคาไม่แพง และทำได้ทุกที่ การขัดฟันอาจมีบทบาทสำคัญในการป้องกัน stroke ในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เข้าถึงการดูแลทางทันตกรรมได้ยาก อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจถึงประโยชน์จากการขัดฟัน”

📌 อ่านบทความฉบับเต็ม: Link ในคอมเมนต์ใต้โพสต์

MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

📌อัปเดตแนวทางจัดการโรค acute coronary syndrome (ACS) ปี 2025 ACS guidelines โดย ACC/AHA📝ตัวอย่างคำแนะนำที่มีการปรับปรุง ...
10/05/2025

📌อัปเดตแนวทางจัดการโรค acute coronary syndrome (ACS) ปี 2025 ACS guidelines โดย ACC/AHA
📝ตัวอย่างคำแนะนำที่มีการปรับปรุง

👉 คำแนะนำการจัดการไขมัน
- การเริ่มยา high-intensity statin ในผู้ป่วย ACS ทั้งในผู้ที่ยังไม่เคยใช้ statin หรือกำลังใช้ low/moderate-intensity statin
- บทบาทของ non-statin LDL-lowering therapy เพื่อ add-on หรือใช้แทน statin ในกรณีต่าง ๆ

👉 คำแนะนำการใช้ dual antiplatelet therapy (DAPT)
- บทบาทการใช้ DAPT (aspirin + P2Y12 inhibitor) ในผู้ป่วย ACS ทั้งในระหว่างนอนโรงพยาบาลและหลัง discharge

👉 ข้อควรพิจารณาในการทำหัตถการ
- คำแนะนำการทำ revascularisation ทั้งในผู้ป่วย STEMI และ NSTEMI รวมถึง ACS with cardiogenic shock
- บทบาทการใช้ intracoronary imaging ในเคส PCI

👉 คำแนะนำการใช้อุปกรณ์ mechanical circulatory support device (MCSD)
- บทบาทการใช้ intravascular microaxial flow pump ในผู้ป่วย STEMI with cardiogenic shock บางเคสเพื่อลดการเสียชีวิต

👉 คำแนะนำอื่น ๆ เช่น
- บทบาทของการทำ OPD cardiac rehabilitation ก่อน discharge ผู้ป่วย

"แนวทางฉบับนี้ คือ ผลลัพธ์ของการสังเคราะห์ข้อมูลจากหลักฐานที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เราคุ้นเคย สิ่งใหม่ ๆ สิ่งที่นำมาปรับใช้ และสิ่งที่ผ่านการพิจารณามาอย่างถี่ถ้วน" – Dr Sunil Rao ประธานคณะกรรมการร่างแนวทาง

ที่มา: Rao SV, et al. J Am Coll Cardiol. Published online February 27, 2025. doi:10.1016/j.jacc.2024.11.009.



📌 อ่านบทความฉบับเต็ม: Link ในคอมเมนต์ใต้โพสต์
MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

ความปวด ภาวะกายใจไม่สงบ ภาวะเพ้อคลั่ง และภาวะขาดการนอนหลับ: นิยาม ความสำคัญ และแนวทางการจัดการในผู้ป่วยวิกฤต 👨‍⚕️ผศ. นพ....
25/04/2025

ความปวด ภาวะกายใจไม่สงบ ภาวะเพ้อคลั่ง และภาวะขาดการนอนหลับ: นิยาม ความสำคัญ และแนวทางการจัดการในผู้ป่วยวิกฤต

👨‍⚕️ผศ. นพ.กฤษณ์ ลีมะสวัสดิ์
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
👩‍⚕️ผศ. ภญ.พิชญา ดิลกพัฒนมงคล
ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ภาวะกายใจไม่สงบ (agitation) เป็นภาวะไม่พึงประสงค์ที่พบในผู้ป่วยหนัก โดยมีอุบัติการณ์ในช่วง 50–70% ของผู้ป่วยที่ถูกรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต สาเหตุส่วนใหญ่ของภาวะกายใจไม่สงบ คือ ความปวด (pain) และความวิตกกังวล (anxiety) ซึ่งภาวะกายใจไม่สงบนี้ สัมพันธ์กับการที่ผู้ป่วยต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนานขึ้น จำนวนวันที่ใส่เครื่องช่วยหายใจมากขึ้น รวมถึงอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น

ภาวะเพ้อคลั่ง (delirium) คือ ภาวะที่มีความผิดปกติของความตั้งใจและการรับรู้อย่างฉับพลัน โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงจากพื้นฐานเดิมของผู้ป่วยและมีการผันผวนขึ้นลงในระยะเวลาอันสั้นระหว่างวัน การเกิดภาวะเพ้อคลั่งเป็นปัญหาสำคัญที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยวิกฤต ทั้งยังสัมพันธ์กับการเกิดภาวะแทรกซ้อนและผลลัพธ์ในการรักษาที่ไม่พึงประสงค์หลายชนิด เช่น การถอดเครื่องช่วยหายใจด้วยตนเอง, การถอดสายสวนด้วยตนเอง, การเพิ่มจำนวนวันในการใช้เครื่องช่วยหายใจ, จำนวนวันในการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต, จำนวนวันในการรักษาตัวในโรงพยาบาล, ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น, การเกิดความบกพร่องทางสติปัญญาในระยะยาว และการเสียชีวิต

PADS protocol หรือแนวทางในการจัดการความปวด ภาวะกายใจไม่สงบ ภาวะเพ้อคลั่ง และภาวะขาดการนอนหลับในผู้ป่วยวิกฤต เป็นแนวทางดูแลผู้ป่วยวิกฤตในองค์รวม โดยนำเครื่องมือต่าง ๆ มาช่วยประเมินสภาวะของผู้ป่วย ซึ่งพบว่าการเพิ่มจำนวนครั้งของการประเมิน ติดตาม และการจัดการความปวด ภาวะกายใจไม่สงบ ภาวะเพ้อคลั่ง และภาวะขาดการนอนหลับของผู้ป่วย ซึ่งการจัดการมีทั้งแบบใช้ยาและไม่ใช้ยา ทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาผู้ป่วยดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น จำนวนวันที่ไม่ต้องรับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตเพิ่มขึ้น, ภาวะเพ้อคลั่งลดลง และความจำเป็นในการใช้ยากลุ่ม benzodiazepines ลดลง เป็นต้น จึงควรนำ PADS protocol มาใช้ในการดูแลผู้ป่วยวิกฤตในวงกว้างต่อไป

📌 อ่านบทความฉบับเต็ม: Link ในคอมเมนต์ใต้โพสต์

MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

“อะไรใหม่ อะไรเปลี่ยน” อัปเดตความรู้เบาหวาน!Comprehensive Diabetes Update 2025Bridging Guideline and Clinical Practiceขอ...
23/04/2025

“อะไรใหม่ อะไรเปลี่ยน” อัปเดตความรู้เบาหวาน!
Comprehensive Diabetes Update 2025
Bridging Guideline and Clinical Practice

ขอเรียนเชิญแพทย์ร่วมงานอัปเดตความรู้
📅 วันพุธที่ 30 เม.ย. 68 เวลา 08:30-15:40 น.
📍 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท หรือเข้าร่วมผ่าน Zoom

💁‍♀️ ลงทะเบียน: https://qr.mimsit.net/mims-fb-register-roche-comprehensive-diabetes-update-2025/

สนับสนุนการจัดงานโดย บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย)

สวัสดีปีใหม่ไทยจากทีม MIMS 💦🙏 ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี มีความสุขตลอดปี ❤️วันนี้ทีมงานมี 6 ไอเดียฉลองสงกรานต์แบบฟีลกู๊ด พร้อม...
13/04/2025

สวัสดีปีใหม่ไทยจากทีม MIMS 💦🙏 ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี มีความสุขตลอดปี ❤️
วันนี้ทีมงานมี 6 ไอเดียฉลองสงกรานต์แบบฟีลกู๊ด พร้อมสุขภาพดี มาฝาก..อย่าลืมดูแลตัวเองในช่วงวันหยุดนี้นะคะ 🌞

MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

BPROAD – การศึกษาทางคลินิกรูปแบบสุ่ม, parallel-design ดำเนินการใน 145 clinical sites ทั่วประเทศจีน รวบรวมผู้ป่วย T2D จำน...
10/04/2025

BPROAD – การศึกษาทางคลินิกรูปแบบสุ่ม, parallel-design ดำเนินการใน 145 clinical sites ทั่วประเทศจีน รวบรวมผู้ป่วย T2D จำนวน 12,821 ราย อายุ ≥50 ปี ที่มีความดันโลหิตสูง (SBP ≥140 mmHg ที่ไม่ได้ใช้ยาลดความดัน หรือ SBP ≥130 mmHg ที่ใช้ยาลดความดัน ≥1 ชนิด) และมีความเสี่ยงสูงต่อ CVD (มีประวัติ CVD ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา, subclinical CVD ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา, มี ≥2 CVD risk factors, CKD ที่มี eGFR 30–59 mL/min/1.73m2) เปรียบเทียบแนวทางการรักษาแบบ intensive treatment (SBP target >120 mmHg) กับ standard treatment (SBP target >140 mmHg)

ผลการศึกษาพบว่า 📑🧐 ผู้ป่วยในกลุ่ม intensive treatment เกิด primary outcome (ซึ่งประกอบด้วย nonfatal stroke, nonfatal MI, treatment or hospitalization for HF หรือ CV death) น้อยกว่ากลุ่ม standard treatment (393 ราย; 1.65 เหตุการณ์ต่อ 100 ราย-ปี vs 492 ราย; 2.09 เหตุการณ์ต่อ 100 ราย-ปี) hazard ratio (HR) เท่ากับ 0.79 (95% CI, 0.69–0.90; p5.5 mmol/L; p=0.003) “สิ่งเหล่านี้ควรได้รับการเฝ้าระวัง แต่ไม่ได้หักล้างกับ CV benefits ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด” ผู้วิจัยกล่าว

ผู้วิจัยสรุป 👩📝 “ผลการศึกษานี้สนับสนุน intensive SBP control

ผลจากการศึกษา OPTIMAS พบว่า การเริ่มใช้ยา direct oral anticoagulants (DOAC) ภายใน 4 วัน หลังการเกิด ischaemic stroke ในผ...
03/04/2025

ผลจากการศึกษา OPTIMAS พบว่า การเริ่มใช้ยา direct oral anticoagulants (DOAC) ภายใน 4 วัน หลังการเกิด ischaemic stroke ในผู้ป่วย atrial fibrillation (AF) มีความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับวิธี delayed initiation 👍

👩‍💼 OPTIMAS - การศึกษาทางคลินิกระยะที่ 4 รูปแบบ multicentre, open-label, blinded-endpoint, parallel-group, randomised controlled trial ดำเนินการในโรงพยาบาล 100 แห่ง ในสหราชอาณาจักร ผู้ป่วย AF ที่ได้รับการวินิจฉัย acute ischaemic stroke ซึ่งมีอาการคงอยู่ >24 hr และได้รับการตรวจ CT หรือ MRI สมอง อย่างน้อย 1 ครั้ง จำนวน 3,621 ราย ถูกสุ่มแบบ 1:1 ให้ได้รับยา DOAC แบบ early initiation (ภายใน 4 วันหลังเกิด stroke; n=1,814) และแบบ delayed initiation (7–14 วันหลังเกิด stroke; n=1,807)

🧐 ผลการวิเคราะห์ modified intention-to-treat พบการเกิด primary outcomes ซึ่งประกอบด้วย recurrent ischaemic stroke, symptomatic intracranial haemorrhage, unclassifiable stroke หรือ systemic embolism ภายใน 90 วัน ไม่แตกต่างกันระหว่างแนวทางการให้ยาทั้งสอง และเข้าได้กับเกณฑ์ noninferiority (3.3% vs 3.3%; adjusted risk difference [RD], 0.000; 95% CI, -0.001 ถึง 0.012; p=0.0003 for noninferiority) และพบการเกิด symptomatic intracranial haemorrhage

มาแล้ว MIMS Doctor Magazine ฉบับล่าสุดเดือนมีนาคม 🤩📌 [หมดแล้ว😥] ลงทะเบียนขอรับหนังสือฟรี! ที่คอมเมนต์ใต้โพสต์ตัวอย่างเนื...
31/03/2025

มาแล้ว MIMS Doctor Magazine ฉบับล่าสุดเดือนมีนาคม 🤩
📌 [หมดแล้ว😥] ลงทะเบียนขอรับหนังสือฟรี! ที่คอมเมนต์ใต้โพสต์

ตัวอย่างเนื้อหา:
👉 E-cigarettes: A Modern Health Risk You Cannot Ignore
👉 อัปเดตแนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวานไปกับ ADA 2025
👉 แนวทางการรักษาใหม่ หายขาดจากโรคหนองในในยุคการดื้อยา
👉 ความสำคัญและแนวทางการจัดการในผู้ป่วยวิกฤต
👉 บทความครอบคลุมทุกแง่มุมทั้ง HFSA, IDWeek, RCOG, APSR, AASLD และ AHA 2024

MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

🔍 ชวนอัปเดตความรู้ในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน (Lastest clinical updates):✅ ตรวจพบความเสี่ยงตั้งแต่ระยะเริ่มต้น 📊✅ กลยุทธ์ควบ...
24/03/2025

🔍 ชวนอัปเดตความรู้ในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน (Lastest clinical updates):

✅ ตรวจพบความเสี่ยงตั้งแต่ระยะเริ่มต้น 📊
✅ กลยุทธ์ควบคุมน้ำตาลในเลือดให้มีประสิทธิภาพ 💉
✅ ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นของผู้ป่วย 🍏

📌 https://qr.mimsit.net/fb-mims-diabetes-mellitus-disease-summary-last/

🔍 Are You on Top of Your Diabetes Management? Need a refresher on best practices in diabetes care?

Stay updated with key insights:
✅ Early detection & risk assessment 📊
✅ Optimizing glycemic control strategies 💉
✅ Lifestyle interventions for better patient outcomes 🍏

📖 Check the latest clinical updates here: https://www.mims.com/singapore/disease/diabetes-mellitus?utm_source=facebook&utm_medium=organic&utm_campaign=global_diseasepage_diabete_19mar2025
💬 How do you enhance diabetes management in your clinical practice? Share your insights below!

🔍 เจาะลึกโรคติดเชื้อกับ MIMS Education (สำหรับแพทย์)👉 รับมือความลังเลของผู้ปกครองต่อวัคซีนเด็ก: บทบาทของแพทย์ปฐมภูมิ👉 แน...
12/03/2025

🔍 เจาะลึกโรคติดเชื้อกับ MIMS Education (สำหรับแพทย์)

👉 รับมือความลังเลของผู้ปกครองต่อวัคซีนเด็ก: บทบาทของแพทย์ปฐมภูมิ
👉 แนวทางวินิจฉัยและจัดการอาการตกขาว
👉 คลินิกเด็กสุขภาพดี: ดูแลเด็กตามวัยในสถานพยาบาลปฐมภูมิ

เรียนออนไลน์ฟรี! อัปเดตความรู้ทางการแพทย์กับ MIMS Education ไม่มีค่าใช้จ่าย 📚✨


MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

โพสต์นี้สำหรับพวกเราชาว content creator!😉👨‍⚕️👩‍⚕️
05/03/2025

โพสต์นี้สำหรับพวกเราชาว content creator!😉👨‍⚕️👩‍⚕️

Hypertrophic cardiomyopathy (HCM) เป็นโรคที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ ส่งผลต่อการบีบตัวและสูบฉีดเลือด มีสาเหตุจากพันธ...
21/01/2025

Hypertrophic cardiomyopathy (HCM) เป็นโรคที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ ส่งผลต่อการบีบตัวและสูบฉีดเลือด มีสาเหตุจากพันธุกรรมเป็นหลัก ผู้ป่วย HCM ส่วนใหญ่มักไม่ได้รับการวินิจฉัยเนื่องจากไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยมาก แต่หากโรคดำเนินไปอาจมีอาการ เช่น เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ใจสั่น เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีภาวะหัวใจล้มเหลวและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตกะทันหันได้ HCM แบ่งเป็น obstructive HCM (oHCM; กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวและเกิดการอุดกั้นการไหลเวียนเลือด) และ non-obstructive HCM (ไม่เกิดการอุดกั้นการไหลเวียนเลือดที่มีนัยสำคัญ)

การศึกษาประสิทธิผลของการใช้ยา aficamten ในผู้ป่วย oHCM จากศึกษา SEQUOIA-HCM ในสหรัฐอเมริกา ในผู้ป่วย 282 ราย ระยะเวลา 24 สัปดาห์ ศึกษาผลลัพธ์ทางคลินิกจากยา aficamten เทียบกับยาหลอก ได้แก่
🔎 1. อาการหรือข้อจำกัดการทำกิจกรรมลดลง ≥1 NYHA class และ/หรือคะแนน KCCQ-CCS เพิ่มขึ้น ≥10 คะแนน
🔎 2. complete haemodynamic response (ค่าความดันโลหิตขณะพักและขณะทดสอบ Valsalva ต่ำกว่า 30 และ 50 mmHg ตามลำดับ)
🔎 3. pVO2 เปลี่ยนแปลง ≥1.5 mL/kg/min
🔎 4. ระดับ NT-proBNP ในเลือดลดลง ≥50%

ผลพบว่าผู้ป่วย oHCM มีอาการทางคลินิกดีขึ้น, มีระดับ NT-proBNP ลดลง, มี complete haemodynamic response และความสามารถในการออกกำลังดีขึ้น ผลทั้งหมดดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับยาหลอก (p ≤0.002)

👉 อ่านบทความฉบับเต็ม: Link ในคอมเมนต์

ที่มา:
1. Antunes MO, Scudeler TL. Int J Cardiol Heart Vasc. 2020;27:100503.doi:10.1016/j.ijcha.2020.100503
2. Maron BJ, Rowin EJ, Maron MS. JACC Heart Fail. 2018;6(5):376-378. doi:10.1016/j.jchf.2018.03.004
3. MIMS



MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

ที่อยู่

88 The Parq Building, 10th Floor, Unit 10E01-02, Ratchadapisek Road, Khlong Toei, Khlong Toei
Bangkok
10110

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+6621143655

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ MIMS Doctor Thailandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์