MIMS Doctor Thailand

MIMS Doctor Thailand - Drug information
- Continuing medical education
- Connecting healthcare communities Log on to www.mims.com today!
(1)

Asia's one-stop drug resource, delivering officially approved drug information to medical professionals in Asia Pacific. Disclaimer: The information posted on this webpage is intended for medical professionals. Any information provided is not intended to serve as a substitute for clinical judgement and should not be relied upon solely for final treatment decisions. You are advised that approved dr

ug information differs from country to country and the information may not be applicable outside of the country or region it is indicated for. If you are not a medical professional, you should note that this website does not provide professional medical advice and is not intended to replace personal consultation with a qualified physician.

Type 2 inflammation เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการคันในโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังหลายชนิด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภา...
27/08/2025

Type 2 inflammation เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการคันในโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังหลายชนิด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

⚡โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (atopic dermatitis; AD)
⚡โรคผื่นตุ่มแข็งคันเรื้อรัง (prurigo nodularis; PN)
⚡โรคผื่นลมพิษเรื้อรัง (chronic spontaneous urticaria; CSU)
⚡โรคตุ่มน้ำพอง เพมฟิกอยด์ (bullous pemphigoid; BP)

💥Type 2 inflammation ขับเคลื่อนความรุนแรงของอาการคันผ่านกลไกทางประสาทและภูมิคุ้มกันที่ซับซ้อน เซลล์ภูมิคุ้มกันจะหลั่ง type 2 cytokine เช่น IL-4, IL-13 และ IL-31 ซึ่งกระตุ้นและเพิ่มความไวของเส้นประสาทรับความรู้สึก ทำให้เกิดอาการคันเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

💉ยา dupilumab เป็นยาในกลุ่ม IgG4 monoclonal antibody มีฤทธิ์ยับยั้ง IL-4 และ IL-13 เป็นหนึ่งในยาที่มีผลการศึกษาทางคลินิกแสดงให้เห็นประสิทธิภาพในการลดอาการคันและรอยโรค รวมถึงลดการใช้สเตียรอยด์ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ ซึ่งยืนยันว่าการยับยั้งการอักเสบชนิดที่ 2 เป็นแนวทางการรักษาที่มีผลดีต่อโรคผิวหนังเหล่านี้อย่างมีนัยสำคัญ

🧑🏻‍⚕️👩🏻‍⚕️งานประชุมวิชาการ “Expanding the Landscape of Type 2 Inflammation: From Shared Pathways toward Therapeutic Innovation” จัดขึ้นวันที่ 1 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้รับเกียรติจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเป็นผู้บรรยายและร่วมอภิปรายแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับบทบาทและการจัดการ type 2 inflammation ในโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

อ่านบทความ: https://qr.mimsit.net/fb-expanding-the-landscape-of-type-2-inflammation/



MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

การศึกษารูปแบบ randomised, open label, parallel controlled, multicentre ในประเทศจีน รวบรวมผู้ป่วย HIV ผู้ที่ยังไม่เคยได้...
22/08/2025

การศึกษารูปแบบ randomised, open label, parallel controlled, multicentre ในประเทศจีน รวบรวมผู้ป่วย HIV ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับ ARV มาก่อน และกำลังรับการรักษาวัณโรคด้วยสูตรยาที่มี rifampicin มาไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ (N=88) นำมาสุ่มแบบ 1:1 ให้ได้รับ dual therapy (double-dose DTG/3TC; n=48) หรือ triple therapy (EFV/TDF/3TC; n=40) ทั้งสองกลุ่มมีลักษณะประชากรคล้ายคลึงกัน (อายุ เพศ ระดับ HIV-1 RNA และ CD4+ counts)

กำหนดเป้าหมาย virological suppression: HIV-1 RNA

📣 MIMS เข้าร่วมงานประชุมวิชาการประจำปี 2568 โดยสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้ธีม “Committing to progress towards i...
07/08/2025

📣 MIMS เข้าร่วมงานประชุมวิชาการประจำปี 2568 โดยสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้ธีม “Committing to progress towards improving diabetes care”
📍 7–8 สิงหาคม 2568 | โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ

เราร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcomes พร้อมแจก MIMS Doctor Thailand Magazine – แมกกาซีนที่รวมข่าวสารทางการแพทย์อัปเดต และสรุปงานประชุมใหญ่จากทั่วโลก ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่มาร่วมงาน
🗞️ สนใจรับแมกกาซีนรายไตรมาส (Quarterly)?
ลงทะเบียน: https://forms.office.com/r/14VnfrwnLV
(ขอสงวนสิทธิ์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้นนะค่ะ)

MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

“มีผู้ป่วย T2D จำนวนมากไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้ตามเป้าหมาย แม้จะได้รับการรักษาด้วยยาหลายชนิดและพยายามปรับเปลี่ยน...
04/08/2025

“มีผู้ป่วย T2D จำนวนมากไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้ตามเป้าหมาย แม้จะได้รับการรักษาด้วยยาหลายชนิดและพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วก็ตาม”

การศึกษา CATALYST มีวัตถุประสงค์เพื่อหาคำตอบว่า ภาวะ hypercortisolism ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควบคุมระดับ HbA1c ได้ยากหรือไม่ โดยแบ่งเป็น 2 part ได้แก่

🔴 CATALYST Part 1 – ประเมินความชุกของภาวะ hypercortisolism ในกลุ่มผู้ป่วย T2D ที่ควบคุมได้ยาก

ผู้วิจัยได้คัดกรองผู้ป่วย T2D จำนวน 1,057 ราย ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่องแม้จะได้รับการรักษาด้วยยาหลายชนิด ผลการคัดกรองพบว่าผู้ป่วยเกือบ 1 ใน 4 (23.8%) มีภาวะ hypercortisolism ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันว่าภาวะนี้เป็นปัจจัยที่พบบ่อยกว่าในคนปกติ และอาจเป็นสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการดื้อต่ออินซูลิน ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักต้องใช้ยาเบาหวานและยาลดความดันโลหิตหลายชนิด และมีโรคแทรกซ้อนมากกว่าผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะดังกล่าว

🔴 CATALYST Part 2 – ศึกษาผลการใช้ยา mifepristone ซึ่งเป็นยาที่ใช้ลดผลกระทบของ cortisol

RCT ทำในผู้ป่วย 136 ราย ที่มีภาวะ hypercortisolism พบว่า ในสัปดาห์ที่ 24 ยา mifepristone สามารถลดระดับ HbA1c ลงได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ placebo (-1.47% vs -0.15%; p5 cm และยังช่วยให้ผู้ป่วยสามารถลดหรือหยุดยาเบาหวานที่ใช้อยู่ได้ (เช่น insulin, SU) ส่วนผลข้างเคียงที่พบเกิดในกลุ่มที่ได้รับยา mifepristone >10% เช่น hypokalemia, บวมปลายแขนขา, ปวดศีรษะ, คลื่นไส้อาเจียน และอ่อนเพลีย ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลความทนต่อยา นอกจากนี้ ยังพบว่ามีความดันโลหิตสูงขึ้นด้วย

👩‍🔬 ผลจาก CATALYST เสนอมุมมองใหม่โดยชี้ว่า ภาวะ hypercortisolism อาจเป็น “สาเหตุของปัญหา” ในผู้ป่วย T2D ที่ควบคุมได้ยาก ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลผู้ป่วยในอนาคต อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการวิจัยในระยะยาวเพิ่มเติมเพื่อยืนยันถึงประโยชน์ของการรักษานี้ต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ จากเบาหวาน



ที่มา: ใน Comment ใต้โพสต์

MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

แจกฟรี❗ MIMS Pharmacy Patient Counselling Guide (Thailand 2025) แหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์สําหรับ  #ร้านยา ซึ่งประกอบด้ว...
17/07/2025

แจกฟรี❗ MIMS Pharmacy Patient Counselling Guide (Thailand 2025) แหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์สําหรับ #ร้านยา ซึ่งประกอบด้วย

1. หมวดโรคหรืออาการป่วย Health Topics Section ที่พบบ่อยในร้านยา นําเสนอในรูปแผนภูมิ การวินิจฉัย คําแนะนําสําหรับผู้ป่วย ทางเลือกในการรักษา การส่งต่อแพทย์เมื่อจําเป็น และ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รักษา

2. หมวดข้อมูลเฉพาะของยา Quick Find Guide เป็นข้อมูลสําคัญที่เกี่ยวกับการใช้ยา ได้แก่ ดัชนีคําย่อทางการแพทย์และเภสัชวิทยา Abbreviation Index ดัชนีการจัดหมวดหมู่ยาตามกลุ่มการรักษา Pharmacological Class Index

3. หมวดข้อมูลยาและผลิตภัณฑ์ทางสุขภาพ Product Section

4. รายชื่อผู้ผลิตและผู้จัดจําหน่าย Company Directory

5. ดัชนีรายชื่อทางการค้าและชื่อสามัญของยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ Brand & Generic Name Index

หรือสามารถหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์มากขึ้นได้ที่ MIMS Website หรือ MIMS Mobile app

--------------------------------------------------------

แจกฟรี❗😲 สำหรับแฟนเพจเภสัชสายร้านยา (มูลค่า 500 บาท) 📘

กติกา: ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้และไอเดียดีๆ ในคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้ โดยแนะนำว่า..🔍 คุณมีทริคอะไรในการค้นหาข้อมูลยาให้ไวและแม่นยำที่สุดเวลาทำงานในร้านยา?

ผู้โชคดี 30 ท่าน ตอบคำถามโดนใจแอดมินรับฟรี! MIMS Pharmacy Patient Counselling Guide (Thailand)

(ขอสงวนสิทธิ์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น)
หมดเขต: วันอาทิตย์ที่ 27 กค. 2568

MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome
#เภสัชกร #เภสัชกรร้านยา #ร้านยา

American College of Cardiology 74th Annual Scientific Session & Expo (ACC 2025) highlights“การอนุญาตให้ผู้ป่วย chronic H...
16/06/2025

American College of Cardiology 74th Annual Scientific Session & Expo (ACC 2025) highlights

“การอนุญาตให้ผู้ป่วย chronic HF ดื่มน้ำได้ตามที่ต้องการ ไม่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อ adverse outcomes ที่รวมถึง hospitalization และการเสียชีวิต” >>> สิ่งนี้ท้าทายคำแนะนำจาก guidelines ปัจจุบันของ US และ EU เรื่อง fluid restriction ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ ที่แนะนำไม่เกิน 1.5 ลิตร/วัน

การศึกษา FRESH-UP: multi-centre, open-label trail รวบรวมผู้ป่วย HF (NYHA class II–III; N=504) (อายุเฉลี่ย 69 ปี เพศชาย 67%, เป็นชาวผิวขาว 98%, เป็นเบาหวาน 22%, mean LVEF 40%, mean eGFR 62 mL/min/1.73m2, เป็นผู้ใช้ยา SGLT2i 60% และส่วนใหญ่ได้รับยา RAASi และ BBs) นำมาสุ่มเข้ากลุ่ม fluid restriction (ไม่เกิน 1.5 ลิตร/วัน) หรือกลุ่ม liberal fluid intake (ไม่จำกัดของเหลว)

หลังการติดตามเป็นเวลา 3 เดือน ผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่ม มีการเปลี่ยนแปลงของคะแนน KCCQ-OSS (ตัวชี้วัดอาการและข้อจำกัดในการทำกิจกรรมของผู้ป่วยภาวะ HF) ที่ใกล้เคียงกัน (74 vs 72 คะแนน) โดยกลุ่ม liberal fluid intake มีอาการดีขึ้นกว่ากลุ่ม fluid restriction เล็กน้อย (2.17 คะแนน) แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ สำหรับข้อมูลด้านความปลอดภัยพบว่า adverse outcomes ไม่มีความแตกต่างกันระหว่างทั้ง 2 กลุ่ม

อย่างไรก็ตาม การจำกัดปริมาณของเหลวอาจสร้างความยุ่งยากแก่ผู้ป่วยในการบันทึก/ติดตามปริมาณ fluid intake และยังอาจส่งผลกระทบต่อ QoL ของผู้ป่วยด้วย โดยพบว่าผู้ป่วยในกลุ่ม fluid restriction มีความรู้สึกไม่สบายจากอาการกระหายน้ำสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ (p

📢International Stroke Conference (ISC) 2025 – Highlights“เรารู้ว่าการใช้ไหมขัดฟันจะช่วยลดการอักเสบในร่างกายและการติดเชื้...
15/05/2025

📢International Stroke Conference (ISC) 2025 – Highlights

“เรารู้ว่าการใช้ไหมขัดฟันจะช่วยลดการอักเสบในร่างกายและการติดเชื้อในช่องปาก ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ไหมขัดฟันอาจช่วยลดอัตราการเกิด stroke, ภาวะ AF และcardioembolic stroke ได้” ผู้วิจัยกล่าว

ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้เข้าร่วม 6,278 ราย ในการศึกษา Atherosclerosis Risk in Communities (ARIC; การศึกษาทางระบาดวิทยาขนาดใหญ่ระยะยาวที่ยังคงดำเนินอยู่ในสหรัฐอเมริกา มุ่งเน้นศึกษาสาเหตุการเกิด atherosclerosis อาการแทรกซ้อน ปัจจัยเสี่ยง รวมถึง sociodemographic features) โดยจำแนกผู้เข้าร่วมตามพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากออกเป็น กลุ่มผู้ที่ใช้ไหมขัดฟัน (flosser; n=4,092) และกลุ่มที่ไม่ขัดฟัน (non-flosser; n=2,186)

จากการติดตามเป็นระยะเวลา 25 ปี แสดงให้เห็นว่า การใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำสัมพันธ์กับการลดลงของความเสี่ยงต่อ ischaemic stroke (aHR, 0.78), cardioembolic stroke (aHR, 0.56) และ AF (aHR, 0.88) อย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่ขึ้นกับพฤติกรรมการแปรงฟันหรือการไปพบทันตแพทย์ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้เข้าร่วมในกลุ่ม flosser มีระดับ HDL-C สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีระดับความรุนแรงของโรคปริทนต์และฟันผุลดลง

ผู้วิจัยสรุป “การใช้ไหมขัดฟันเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ ทำได้ง่าย ราคาไม่แพง และทำได้ทุกที่ การขัดฟันอาจมีบทบาทสำคัญในการป้องกัน stroke ในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เข้าถึงการดูแลทางทันตกรรมได้ยาก อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจถึงประโยชน์จากการขัดฟัน”

📌 อ่านบทความฉบับเต็ม: Link ในคอมเมนต์ใต้โพสต์

MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

📌อัปเดตแนวทางจัดการโรค acute coronary syndrome (ACS) ปี 2025 ACS guidelines โดย ACC/AHA📝ตัวอย่างคำแนะนำที่มีการปรับปรุง ...
10/05/2025

📌อัปเดตแนวทางจัดการโรค acute coronary syndrome (ACS) ปี 2025 ACS guidelines โดย ACC/AHA
📝ตัวอย่างคำแนะนำที่มีการปรับปรุง

👉 คำแนะนำการจัดการไขมัน
- การเริ่มยา high-intensity statin ในผู้ป่วย ACS ทั้งในผู้ที่ยังไม่เคยใช้ statin หรือกำลังใช้ low/moderate-intensity statin
- บทบาทของ non-statin LDL-lowering therapy เพื่อ add-on หรือใช้แทน statin ในกรณีต่าง ๆ

👉 คำแนะนำการใช้ dual antiplatelet therapy (DAPT)
- บทบาทการใช้ DAPT (aspirin + P2Y12 inhibitor) ในผู้ป่วย ACS ทั้งในระหว่างนอนโรงพยาบาลและหลัง discharge

👉 ข้อควรพิจารณาในการทำหัตถการ
- คำแนะนำการทำ revascularisation ทั้งในผู้ป่วย STEMI และ NSTEMI รวมถึง ACS with cardiogenic shock
- บทบาทการใช้ intracoronary imaging ในเคส PCI

👉 คำแนะนำการใช้อุปกรณ์ mechanical circulatory support device (MCSD)
- บทบาทการใช้ intravascular microaxial flow pump ในผู้ป่วย STEMI with cardiogenic shock บางเคสเพื่อลดการเสียชีวิต

👉 คำแนะนำอื่น ๆ เช่น
- บทบาทของการทำ OPD cardiac rehabilitation ก่อน discharge ผู้ป่วย

"แนวทางฉบับนี้ คือ ผลลัพธ์ของการสังเคราะห์ข้อมูลจากหลักฐานที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เราคุ้นเคย สิ่งใหม่ ๆ สิ่งที่นำมาปรับใช้ และสิ่งที่ผ่านการพิจารณามาอย่างถี่ถ้วน" – Dr Sunil Rao ประธานคณะกรรมการร่างแนวทาง

ที่มา: Rao SV, et al. J Am Coll Cardiol. Published online February 27, 2025. doi:10.1016/j.jacc.2024.11.009.



📌 อ่านบทความฉบับเต็ม: Link ในคอมเมนต์ใต้โพสต์
MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

ความปวด ภาวะกายใจไม่สงบ ภาวะเพ้อคลั่ง และภาวะขาดการนอนหลับ: นิยาม ความสำคัญ และแนวทางการจัดการในผู้ป่วยวิกฤต 👨‍⚕️ผศ. นพ....
25/04/2025

ความปวด ภาวะกายใจไม่สงบ ภาวะเพ้อคลั่ง และภาวะขาดการนอนหลับ: นิยาม ความสำคัญ และแนวทางการจัดการในผู้ป่วยวิกฤต

👨‍⚕️ผศ. นพ.กฤษณ์ ลีมะสวัสดิ์
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
👩‍⚕️ผศ. ภญ.พิชญา ดิลกพัฒนมงคล
ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ภาวะกายใจไม่สงบ (agitation) เป็นภาวะไม่พึงประสงค์ที่พบในผู้ป่วยหนัก โดยมีอุบัติการณ์ในช่วง 50–70% ของผู้ป่วยที่ถูกรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต สาเหตุส่วนใหญ่ของภาวะกายใจไม่สงบ คือ ความปวด (pain) และความวิตกกังวล (anxiety) ซึ่งภาวะกายใจไม่สงบนี้ สัมพันธ์กับการที่ผู้ป่วยต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนานขึ้น จำนวนวันที่ใส่เครื่องช่วยหายใจมากขึ้น รวมถึงอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น

ภาวะเพ้อคลั่ง (delirium) คือ ภาวะที่มีความผิดปกติของความตั้งใจและการรับรู้อย่างฉับพลัน โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงจากพื้นฐานเดิมของผู้ป่วยและมีการผันผวนขึ้นลงในระยะเวลาอันสั้นระหว่างวัน การเกิดภาวะเพ้อคลั่งเป็นปัญหาสำคัญที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยวิกฤต ทั้งยังสัมพันธ์กับการเกิดภาวะแทรกซ้อนและผลลัพธ์ในการรักษาที่ไม่พึงประสงค์หลายชนิด เช่น การถอดเครื่องช่วยหายใจด้วยตนเอง, การถอดสายสวนด้วยตนเอง, การเพิ่มจำนวนวันในการใช้เครื่องช่วยหายใจ, จำนวนวันในการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต, จำนวนวันในการรักษาตัวในโรงพยาบาล, ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น, การเกิดความบกพร่องทางสติปัญญาในระยะยาว และการเสียชีวิต

PADS protocol หรือแนวทางในการจัดการความปวด ภาวะกายใจไม่สงบ ภาวะเพ้อคลั่ง และภาวะขาดการนอนหลับในผู้ป่วยวิกฤต เป็นแนวทางดูแลผู้ป่วยวิกฤตในองค์รวม โดยนำเครื่องมือต่าง ๆ มาช่วยประเมินสภาวะของผู้ป่วย ซึ่งพบว่าการเพิ่มจำนวนครั้งของการประเมิน ติดตาม และการจัดการความปวด ภาวะกายใจไม่สงบ ภาวะเพ้อคลั่ง และภาวะขาดการนอนหลับของผู้ป่วย ซึ่งการจัดการมีทั้งแบบใช้ยาและไม่ใช้ยา ทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาผู้ป่วยดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น จำนวนวันที่ไม่ต้องรับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตเพิ่มขึ้น, ภาวะเพ้อคลั่งลดลง และความจำเป็นในการใช้ยากลุ่ม benzodiazepines ลดลง เป็นต้น จึงควรนำ PADS protocol มาใช้ในการดูแลผู้ป่วยวิกฤตในวงกว้างต่อไป

📌 อ่านบทความฉบับเต็ม: Link ในคอมเมนต์ใต้โพสต์

MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

“อะไรใหม่ อะไรเปลี่ยน” อัปเดตความรู้เบาหวาน!Comprehensive Diabetes Update 2025Bridging Guideline and Clinical Practiceขอ...
23/04/2025

“อะไรใหม่ อะไรเปลี่ยน” อัปเดตความรู้เบาหวาน!
Comprehensive Diabetes Update 2025
Bridging Guideline and Clinical Practice

ขอเรียนเชิญแพทย์ร่วมงานอัปเดตความรู้
📅 วันพุธที่ 30 เม.ย. 68 เวลา 08:30-15:40 น.
📍 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท หรือเข้าร่วมผ่าน Zoom

💁‍♀️ ลงทะเบียน: https://qr.mimsit.net/mims-fb-register-roche-comprehensive-diabetes-update-2025/

สนับสนุนการจัดงานโดย บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย)

สวัสดีปีใหม่ไทยจากทีม MIMS 💦🙏 ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี มีความสุขตลอดปี ❤️วันนี้ทีมงานมี 6 ไอเดียฉลองสงกรานต์แบบฟีลกู๊ด พร้อม...
13/04/2025

สวัสดีปีใหม่ไทยจากทีม MIMS 💦🙏 ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี มีความสุขตลอดปี ❤️
วันนี้ทีมงานมี 6 ไอเดียฉลองสงกรานต์แบบฟีลกู๊ด พร้อมสุขภาพดี มาฝาก..อย่าลืมดูแลตัวเองในช่วงวันหยุดนี้นะคะ 🌞

MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

Hypertrophic cardiomyopathy (HCM) เป็นโรคที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ ส่งผลต่อการบีบตัวและสูบฉีดเลือด มีสาเหตุจากพันธ...
21/01/2025

Hypertrophic cardiomyopathy (HCM) เป็นโรคที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ ส่งผลต่อการบีบตัวและสูบฉีดเลือด มีสาเหตุจากพันธุกรรมเป็นหลัก ผู้ป่วย HCM ส่วนใหญ่มักไม่ได้รับการวินิจฉัยเนื่องจากไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยมาก แต่หากโรคดำเนินไปอาจมีอาการ เช่น เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ใจสั่น เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีภาวะหัวใจล้มเหลวและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตกะทันหันได้ HCM แบ่งเป็น obstructive HCM (oHCM; กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวและเกิดการอุดกั้นการไหลเวียนเลือด) และ non-obstructive HCM (ไม่เกิดการอุดกั้นการไหลเวียนเลือดที่มีนัยสำคัญ)

การศึกษาประสิทธิผลของการใช้ยา aficamten ในผู้ป่วย oHCM จากศึกษา SEQUOIA-HCM ในสหรัฐอเมริกา ในผู้ป่วย 282 ราย ระยะเวลา 24 สัปดาห์ ศึกษาผลลัพธ์ทางคลินิกจากยา aficamten เทียบกับยาหลอก ได้แก่
🔎 1. อาการหรือข้อจำกัดการทำกิจกรรมลดลง ≥1 NYHA class และ/หรือคะแนน KCCQ-CCS เพิ่มขึ้น ≥10 คะแนน
🔎 2. complete haemodynamic response (ค่าความดันโลหิตขณะพักและขณะทดสอบ Valsalva ต่ำกว่า 30 และ 50 mmHg ตามลำดับ)
🔎 3. pVO2 เปลี่ยนแปลง ≥1.5 mL/kg/min
🔎 4. ระดับ NT-proBNP ในเลือดลดลง ≥50%

ผลพบว่าผู้ป่วย oHCM มีอาการทางคลินิกดีขึ้น, มีระดับ NT-proBNP ลดลง, มี complete haemodynamic response และความสามารถในการออกกำลังดีขึ้น ผลทั้งหมดดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับยาหลอก (p ≤0.002)

👉 อ่านบทความฉบับเต็ม: Link ในคอมเมนต์

ที่มา:
1. Antunes MO, Scudeler TL. Int J Cardiol Heart Vasc. 2020;27:100503.doi:10.1016/j.ijcha.2020.100503
2. Maron BJ, Rowin EJ, Maron MS. JACC Heart Fail. 2018;6(5):376-378. doi:10.1016/j.jchf.2018.03.004
3. MIMS



MIMS 🔴 Empowering Healthcare Communities to Improve Patient Outcome

ที่อยู่

88 The Parq Building, 10th Floor, Unit 10E01-02, Ratchadapisek Road, Khlong Toei, Khlong Toei
Bangkok
10110

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+6621143655

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ MIMS Doctor Thailandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์