THE STANDARD สำนักข่าวที่มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่สังคม News outlets that drive positive social change

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงเงื่อนไขช่วยโหวตนายกรัฐมนตรีชั่วคราวของพรรคประชาชน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568...
04/07/2025

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงเงื่อนไขช่วยโหวตนายกรัฐมนตรีชั่วคราวของพรรคประชาชน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568

ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอบคำถามสื่อมวลชน หลังเข้าปฏิบัติหน้าที่วันแรกที่กระทรวง เมื่อวันท...
04/07/2025

ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอบคำถามสื่อมวลชน หลังเข้าปฏิบัติหน้าที่วันแรกที่กระทรวง เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568

ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวมอบนโยบายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย วันที่ 4 กรกฎาคม 2...
04/07/2025

ภูมิธรรม เวชยชัย
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
กล่าวมอบนโยบายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย
วันที่ 4 กรกฎาคม 2568

UPDATE: ลิณธิภรณ์ น้อมรับโซเชียลวิจารณ์สะกดภาษาไทยผิด พร้อมปรับปรุงให้ดีขึ้น ขอมองเนื้องาน ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด วันนี้ ...
04/07/2025

UPDATE: ลิณธิภรณ์ น้อมรับโซเชียลวิจารณ์สะกดภาษาไทยผิด พร้อมปรับปรุงให้ดีขึ้น ขอมองเนื้องาน ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด
วันนี้ (4 กรกฎาคม) ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การใช้ภาษาไทยที่ไม่ถูกต้องในโซเชียล ว่า อันดับแรกขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งการสะกดของตัวเองอาจมีความผิดพลาดในเรื่องของไมโครโฟนในการพูด ซึ่งเมื่อโพสต์ไปแล้วผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มารู้ตัวอีกที
มันเป็นความผิดพลาดซึ่งส่วนตัวขอยอมรับด้วยความจริงใจ และสิ่งที่จำเป็นต้องทำคือการปรับปรุง และหลังจากนี้ความผิดพลาดเรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งตนอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชนของประเทศเหมือนกัน นอกจากนี้ในเรื่องของการออกเสียงควบกล้ำเป็นปัญหาด้านสุขภาพของตน ซึ่งเป็นส่วนที่อยากจะพยายามทำให้ดีที่สุด
ขณะที่บทบาทด้านกระทรวงศึกษาธิการที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งยังไม่มีการคุยในรายละเอียดอย่างชัดเจน โดยจะมีการเข้าทำงานที่กระทรวงในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้
ลิณธิภรณ์กล่าวอีกว่า หากใครได้ติดตามจะพบว่าตนพูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาตลอด ตั้งแต่ตอนเป็นโฆษกพรรคเพื่อไทยในการเรียกร้องลดค่าใช้จ่าย TCAS ให้กับเด็กๆ และทำโครงการที่อยากให้เด็กไทยดีขึ้นในเรื่องของสุขภาวะจิต ซึ่งอาจเป็นโครงการที่จะนำกลับมาสานต่อในการเยียวยาใจครูฟื้นฟูใจเด็ก
ทั้งนี้อยากให้สังคมมองเรื่องการทำงานและเนื้องานที่ตนจะทำอย่างตั้งใจ เพราะครอบครัว ครูบาอาจารย์ พ่อ แม่ น้า อา ป้า เป็นครูทั้งหมด และตนก็เคยเป็นอดีตอาจารย์ ฉะนั้นเชื่อว่าปัญหาของข้าราชการครูที่ได้รับทราบมาในระดับหนึ่งจะได้เห็นว่าสามารถทำอะไรได้ โดยต้องหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก่อน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าในฐานะที่เคยเป็นอาจารย์มาก่อน แต่มีความผิดพลาดด้านการใช้ภาษาในโซเชียลนั้น ลิณธิภรณ์กล่าวว่า เป็นอาจารย์มาก่อนก็มีความผิดพลาดได้ เหมือนกับเรื่องความรู้ของคนเป็นอาจารย์ ก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ซึ่งส่วนตัวยอมรับความผิดพลาดเรื่องการสะกดคำ อาจไม่ถูกต้องตามอักขระตามหลักเกณฑ์ บางครั้งใช้ความรวดเร็วโดยไม่ได้ตรวจสอบ ซึ่งเกิดผลเสียอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในวันนี้
ทั้งนี้ส่วนตัวน้อมรับเรื่องเหล่านั้นและพร้อมที่จะแก้ไข เพราะตนมาอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็อยากให้เด็กและเยาวชนเดินในทางที่ถูก พร้อมย้ำว่าจะไม่มีความผิดพลาดในเรื่องเหล่านี้อีก ถ้าหากจะบอกว่าคนเป็นครูบาอาจารย์ผิดไม่ได้เลยคงไม่เป็นความจริง แต่เมื่อผิดแล้วรู้ว่าผิดจะแก้ไขหรือไม่ วันนี้ตนรับแล้วทั้ง 2 ข้อ ว่าผิดแล้วแก้ไขให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนรับปากได้ในวันนี้

จับมือพันธมิตรฝ่ายค้าน ‘ประชาชน-ภูมิใจไทย’ ฝ่าวิกฤตการเมือง วานนี้ (3 กรกฎาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐ...
04/07/2025

จับมือพันธมิตรฝ่ายค้าน ‘ประชาชน-ภูมิใจไทย’ ฝ่าวิกฤตการเมือง
วานนี้ (3 กรกฎาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะฝ่ายค้านหน้าใหม่ ปิดห้องหารือส่วนตัวกับ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะร่วมกันหารือทิศทางการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อหาทางปลดล็อกประเทศออกจากวิกฤตการเมือง มีเรื่องใดที่ทั้ง 2 พรรค เห็นตรงกันบ้าง และเรื่องไหนที่ยังต้องรอความชัดเจนในรายละเอียด
#พันธมิตรฝ่ายค้าน #ประชาชน #ภูมิใจไทย

UPDATE: วันนอร์ชี้สภาหวิดล่มเหตุ สส. หลายคนเป็น รมต. และบางส่วนติดประชุม กมธ. หากเจอนับองค์บ่อยอาจเปลี่ยนวันวันนี้ (4 กร...
04/07/2025

UPDATE: วันนอร์ชี้สภาหวิดล่มเหตุ สส. หลายคนเป็น รมต. และบางส่วนติดประชุม กมธ. หากเจอนับองค์บ่อยอาจเปลี่ยนวัน
วันนี้ (4 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมสภาฯ นัดแรกของสมัยประชุม เมื่อวานนี้ (3 กรกฎาคม) โดยระบุว่า การประชุมวันแรกที่ไม่ครบองค์ประชุมเนื่องจากเป็นการประชุมวันแรก และรัฐมนตรีมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ซึ่งหลายคนที่เป็นรัฐมนตรีก็เป็น สส.ด้วย จึงไม่สามารถมาประชุมได้
ประกอบกับมีการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญ และกรรมาธิการวิสามัญอยู่ด้วย แต่ก็เป็นหน้าที่ของ สส. ทุกคน ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ที่ต้องมาประชุมให้ครบองค์ประชุม
“ดังนั้น การประชุมสภาฯ ครั้งถัดไป วิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาลควรคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้องค์ประชุมสามารถเดินหน้าได้ เพราะนอกจากการปรึกษาหารือ และการตั้งกระทู้ถามแล้ว ยังมีกฎหมายสำคัญที่ค้างการพิจารณาหลายฉบับ รวมถึงรายงานการปฎิบัติหน้าที่ของกรรมาธิการอีกหลายชุด หากต่อไปมีการนับองค์ประชุมแบบนี้ การประชุมกรรมาธิการอาจต้องไปประชุมวันอื่นที่ไม่ใช่วันพุธและวันพฤหัสฯ และต้องดูเวลาให้เหมาะสม ต้องแก้กันไป” ประธานสภาฯ กล่าว
ส่วนในเมื่อรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำอาจต้องถูกนับองค์ประชุมตลอด ควรแก้ปัญหานี้อย่างไร วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า รัฐบาลจะเสียงข้างมากหรือเสียงปริ่มน้ำคงไม่เกี่ยวกับการประชุม เพราะรัฐบาลเสียงข้างมากก็ล่มได้ถ้าสมาชิกอยู่ในห้องประชุมไม่ครบ ส่วนนี้ก็ต้องปรับ สภาผู้แทนราษฎรก็ต้องดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระ ส่วนองค์ประชุมก็เป็นหน้าที่ของ สส. ทุกคน เพราะเป็นหน้าที่สำคัญ
สำหรับกรณีที่ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 สั่งปิดประชุมก่อนรู้จำนวนองค์ประชุม เหมาะสมหรือไม่นั้น วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ประธานในที่ประชุมจะพิจารณาดูว่า ถ้าประชุมต่อไปจะครบองค์ประชุมหรือไม่ ถ้านับไปไม่ครบ การปิดประชุม พักการประชุม หรือนับองค์ประชุม ก็เป็นกระบวนการของสภาฯ ที่สามารถทำได้ เพราะเห็นว่าถ้านับองค์ประชุมไปก็เสียเวลา เมื่อปิดประชุมไปจะได้ไปทำกิจกรรมอย่างอื่น จึงสามารถเลิกประชุมก่อนได้
ส่วนข้อเสนอให้มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจ เพื่อให้สามารถผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ในฐานะประธานสภาฯ ต้องเป็นกลางทางการเมือง การคุยและปรับปรุงรัฐบาลเป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ไม่สามารถแสดงความเห็นว่าเหมาะสมอย่างไรได้
“ถ้าเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับและกฎหมาย ทุกฝ่ายสามารถดำเนินการได้ ประชาธิปไตยก็เป็นอย่างนี้ สามารถปรับได้เพื่อประโยชน์ของประชาชน” ประธานสภาฯ กล่าว
แฟ้มภาพ: ศวิตา พูลเสถียร
#ศวิตาพูลเสถียร

แพทองธารสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงวัฒนธรรม บอกแย่หน่อยถูกพักปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ด้านปลัดฯบอกประวัติศาสตร์ครั้งท...
04/07/2025

แพทองธารสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงวัฒนธรรม บอกแย่หน่อยถูกพักปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ด้านปลัดฯบอกประวัติศาสตร์ครั้งที่ 2 นายกฯควบ วธ.
วันนี้ (4 กรกฎาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางเข้าปฏิบัติงานที่กระทรวงวัฒนธรรมเป็นวันแรก ในเวลา 09.09 น. โดยสวมชุดผ้าไทยสีม่วง ซึ่งเป็นสีประจำกระทรวงฯ
โดยมี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม , สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา พร้อมด้วย สส.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงวัฒนธรรม มารอต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง
ทันทีที่มาถึงแพทองธารได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง จากนั้นสุดาวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบช่อดอกไม้
ขณะที่ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมได้มอบพวงมาลัย เป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรี พร้อมกล่าวต้อนรับว่า ในฐานะปลัดกระทรวงวัฒนธรรมและในนามกระทรวงฯ ทั้งคณะผู้บริหารบุคลากรและเจ้าหน้าที่ รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมอีกหนึ่งตำแหน่ง
ทางกระทรวงมีความรู้สึกว่านโยบายที่นายกรัฐมนตรีอยากทำทั้งเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ตลอดจนการต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ แม้แต่เรื่องการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนจะมีพลังในการขับเคลื่อนมากขึ้น เมื่อประมาณ 70 กว่าปีที่แล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก่อตั้งกระทรวงวัฒนธรรมครั้งแรก ปี 2495 พร้อมควบตำแหน่งรัฐมนตรี ดังนั้นวันนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้ง 2 ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว แปลว่า Spotlight การทำงานต่างๆ จะส่องเข้ามาที่กระทรวงวัฒนธรรมและพลังการขับเคลื่อนจะมีความสำคัญมากขึ้น
นอกจากนี้ที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่ว่ากระทรวงจะเกรดอะไรก็ตาม แต่มีความสำคัญระดับประเทศ จึงขอชวนทุกท่านการต่อยอดวัฒนธรรมให้เป็นเศรษฐกิจวัฒนธรรม ในนามของข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรมขอต้อนรับอย่างจริงใจ และยินดีจะสนองการทำงานอย่างเต็มที่เต็มความสามารถ และเชื่อว่าการดำเนินการภายใต้การนำของแพทองธารเป็นบทบาทสำคัญในการยกระดับงานวัฒนธรรมให้เพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นในหลายเรื่องและตลอดไป
ด้านแพทองธารกล่าวว่า ดีใจที่ได้มาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงวัฒนธรรมครบทุกจุด ซึ่งถือเป็นการเริ่มวันที่ดีมาก พร้อมระบุว่า กระทรวงวัฒนธรรมมีนโยบายที่ขับเคลื่อนวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ และวัฒนธรรมของเราไปที่ไหนก็ขายได้ทั่วโลก แม้จะเคยได้ยินว่ากระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงเล็กๆ แต่วัฒนธรรมของเราทั่วโลกชื่นชอบและมีมูลค่าในตัวเองอยู่แล้ว
“ตอนนี้อาจจะแย่หน่อยที่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ดีใจมากที่ได้มีโอกาสเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ถือเป็นรัฐมนตรีครั้งแรก จึงขอฝากเนื้อฝากตัวกับกระทรวง ซึ่งดิฉันอยากให้กระทรวงวัฒนธรรมเติบโตและยิ่งใหญ่กว่าหลายๆ ประเทศ”
แพทองธารยังได้ยกตัวอย่างประเทศเกาหลีใต้ ที่มีกระทรวงวัฒนธรรมของตัวเอง ซึ่งส่วนตัวได้มีโอกาสพูดคุยกับทูต ในการใช้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงหลักที่ทำให้รายได้ของประชาชนเพิ่มมากขึ้น เป็นรายได้ใหม่ๆ ซึ่งเป็นมุมมองเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ แม้ส่วนตัวจะพักหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีแต่เป็นโอกาสที่ได้ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากๆ
แพทองธารยังได้กล่าวขอบคุณการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมระบุว่า วันนี้ตนพร้อมแล้วและยังเหลือพลังอีกมากในการทำงานขอให้ทุกคนมีพลังมากๆ วันนี้เป็นการทักทายทุกคนที่อยู่ที่นี่และหวังว่าจะได้เจอกันมากขึ้น ทำความรู้จักกันมากขึ้น ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้ง หากมีร้านอาหารร้านไหนอร่อยขอให้ช่วยแนะนำด้วย เพราะอยู่ที่นี่ต้องได้ทานหลายมื้อแน่นอน
จากนั้นแพทองธารได้ถ่ายภาพรวมกับผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรม ก่อนจะประชุมหารือร่วมกับข้าราชการประจำกระทรวง เพื่อมอบนโยบายและสานต่องานต่อไป
ภาพ: ฐานิส สุดโต
#ฐานิสสุดโต

UPDATE: ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ลาออกประชาธิปัตย์ ย้ำยังมั่นยึดประชาธิปไตย เดินหน้าภารกิจปฏิรูปการศึกษาวันนี้ (4 กรกฎาคม) ดร.สุ...
04/07/2025

UPDATE: ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ลาออกประชาธิปัตย์ ย้ำยังมั่นยึดประชาธิปไตย เดินหน้าภารกิจปฏิรูปการศึกษา
วันนี้ (4 กรกฎาคม) ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกแถลงการณ์ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้โดยระบุว่า ผมได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต่อทั้งนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และนายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ มีผลตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ตนเองขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคทุกท่าน สำหรับโอกาสอันทรงคุณค่า ที่ได้ให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของพรรคการเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตลอดระยะเวลาที่เป็นสมาชิกพรรค ผมได้รับเกียรติและประสบการณ์อันล้ำค่า ซึ่งได้หล่อหลอมผมให้เติบโตขึ้น ทั้งในด้านความคิดและจิตใจ เป็นบทเรียนสำคัญที่ผมจะจดจำตลอดไป
การตัดสินใจก้าวออกจากพรรคในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้ง แต่เกิดจากอุดมการณ์ที่ผมยึดมั่นมาตลอดชีวิตว่า การศึกษา คือ รากฐานที่มั่นคงที่สุดของการพัฒนาประเทศ ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ และผ่านการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ผมตัดสินใจที่จะอุทิศศักยภาพทั้งหมดที่มี เพื่อมุ่งมั่นขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาไทย ให้เป็นกลไกหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศในระยะยาว
ทั้งนี้ ในฐานะนักวิชาการ นักบริหาร วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผมมีความมุ่งมั่นที่จะนำทักษะ ประสบการณ์ และองค์ความรู้ทั้งหมด มาสานต่อภารกิจนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน ผมยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย และจะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน สังคมและประเทศชาติ พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษา และร่วมสร้างสรรค์การเมืองไทยให้ดีขึ้นกว่าเดิม
“ผมขอขอบพระคุณทุกกำลังใจเสมอมาเรามาร่วมกันทำให้ประเทศไทยก้าวใหม่ ไปด้วยกันนะครับ”
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวระบุว่า ดร.สุชัชวีร์ จะร่วมกับ คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยมุ่งเน้นนโยบายด้านการศึกษา นวัตกรรม และสวัสดิการสำหรับคนรุ่นใหม่

UPDATE: วรงค์เผยมีผู้หวังแทรกแซงกระบวนยุติธรรมคดีชั้น 14 ด้านชาญชัยเชื่อศาลขอข้อมูลการรักษาตัวเพิ่มวันนี้ (4 ก.ค.2568) ศ...
04/07/2025

UPDATE: วรงค์เผยมีผู้หวังแทรกแซงกระบวนยุติธรรมคดีชั้น 14 ด้านชาญชัยเชื่อศาลขอข้อมูลการรักษาตัวเพิ่ม
วันนี้ (4 ก.ค.2568) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 เกี่ยวกับการบังคับโทษจำคุกของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้เข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยเป็นการนัดไต่สวนกลุ่มแพทย์และพยาบาล และมีกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเข้าร่วมสังเกตการณ์
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ที่มาร่วมสังเกตการณ์ กล่าวว่า คดีนี้เกี่ยวข้องทางการแพทย์ ซึ่งได้ติดตามมานานพอสมควร เชื่อว่าคดีนี้น่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจากที่มีการไต่สวนไป 1 ครั้งแล้ว ส่วนตัวทราบมาว่าข้อมูลไม่น่าจะเป็นคุณต่อทักษิณเท่าที่ควร เพราะได้อ่านรายละเอียดในคดี หลายประเด็นมีการอ้างถึงมาตรา 55 พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ในการส่งนักโทษไปรักษาภายนอก ส่วนตัวกฎกระทรวงในการส่งตัวนักโทษไปรักษาตัวนั้นมีความขัดแย้งกันอยู่
นพ.วรงค์ชี้ว่า ในกฎกระทรวงระบุไว้ว่า หากมีการเจ็บป่วย มีอาการทางจิต หรือโรคติดต่อให้ส่งต่อไปสถานพยาบาลโดยเร็ว แต่ในมาตรา 55 พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ ระบุว่าให้พบแพทย์โดยเร็ว ส่วนตัวมีความเห็นว่าการใช้กฎกระทรวงในการส่งทักษิณไปรักษาตัวนั้น ใช้ไม่ได้
ส่วนที่มีกลุ่มบุคคลพยายามแทรกแซงกระบวนการของศาล เพื่อหวังให้เกิดการตีตกการไต่สวนคดีชั้น 14 นพ.วรงค์ กล่าวว่าจากการตรวจสอบข้อมูลที่น่าเชื่อถือ คนที่เอาข้อมูลมาให้ตนเองระบุว่า เหตุเกิดตั้งแต่เดือน มีนาคม 2568
“เขาต้องการปราบกระบวนการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งปัจจุบันมีการตรวจสอบกรณีนี้เป็นการภายในแล้ว แต่ขอไม่พูดรายละเอียด เพราะทุกคนทำงานด้วยชาติบ้านเมือง เราไม่อยากให้คนไม่กี่คนทำให้กระบวนการยุติธรรมต้องเสียหาย โดยเฉพาะคนบางคนที่มีความสัมพันธ์กับนักการเมือง” นพ.วรงค์กล่าว
นพ.วรงค์กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันเข้าสู่ขั้นการไต่สวน ผ่านขั้นตอนการแทรกแซงมาแล้ว เพียงแต่อยากให้รับรู้ว่ามีความพยายามแทรกแซงในอดีต โชคดีที่เข้าสู่ขั้นตอนการไต่สวนแล้ว จึงขอชื่นชมศาลฎีกาที่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เข้าฟัง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน เมื่อถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษาประชาชนจะได้เข้าใจเพราะในอดีตที่ผ่านมาไม่มีการเผยแพร่ข้อมูล เมื่อมีคำตัดสินศาลก็จะถูกกล่าวหาว่าสองมาตรฐาน แต่วันนี้ศาลเปิดโอกาสให้เต็มที่
▪️คาใจใบเสร็จรักษาตัวทำไมไม่มีค่ายา
ด้าน ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า วันนี้จะมาฟังศาลเพื่อจะรู้ว่ามีประเด็นอะไรเพิ่มเติม ส่วนกรณีทนายส่วนตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่ามีการนำประวัติการรักษาที่ต่างประเทศ รวมถึงมีการเพิ่มพยาน 10 ปากนั้น ชาญชัยเผยว่า เรื่องใบเสร็จขอยืนยันว่าทนายของทักษิณ ได้รับมอบอำนาจมา ก็ยืนยันว่าใบเสร็จเป็นของทักษิณจริง อยากให้ทักษิณ นำใบเสร็จกับเวชทะเบียนมาชี้แจง
“ศาลท่านไม่เชื่อฝ่ายไหน เพราะท่านก็เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาชี้แจงว่าทำไมใบเสร็จมียารักษาอะไร แล้วผ่าตัดอะไรถึงไม่มีค่ายา ทุกอย่างอยู่ในใบเสร็จ แล้วจะฟ้องถึงผู้ที่คุมตัวหมอที่รักษาว่าทำไมไม่มีการฉีดยาเลย” ชาญชัยกล่าว
ชาญชัยย้ำว่า ทนายของทักษิณต้องชี้แจงเรื่องใบเสร็จกับเวชทะเบียน ที่เป็นปัญหาตั้งแต่เริ่มแรกที่ไม่ส่งให้กับใครทั้งสิ้น จนวันนี้ยังพูดกับศาลว่าอยู่ที่อำนาจของทักษิณ จะไม่ให้ศาลก็ได้ถ้าเจ้าตัวไม่ยอม ศาลจึงเรียกที่โรงพยาบาล ถ้าโรงพยาบาลไม่ให้ ก็โดนข้อหาละเมิดอำนาจศาล เพราะศาลมีอำนาจเต็มในการเรียกเอกสาร และเป็นเรื่องส่วนบุคคล
แฟ้มภาพ: ฐานิส สุดโต, ศวิตา พูลเสถียร

UPDATE: ศาลฎีกานัดไต่สวนกลุ่มแพทย์และพยาบาล คดีทักษิณชั้น 14 ด้านทนายนำประวัติรักษาตัวต่างประเทศฉบับเต็มยืนยันวันนี้ (4 ...
04/07/2025

UPDATE: ศาลฎีกานัดไต่สวนกลุ่มแพทย์และพยาบาล คดีทักษิณชั้น 14 ด้านทนายนำประวัติรักษาตัวต่างประเทศฉบับเต็มยืนยัน
วันนี้ (4 กรกฎาคม) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 เกี่ยวกับการบังคับโทษจำคุกของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สำหรับวันนี้เป็นการไต่สวนพยานในกลุ่มแพทย์ พยาบาล เช่น พยาบาลในสถานพยาบาลเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ
วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของทักษิณ ได้เดินทางมาถึงศาลฎีกา พร้อมเปิดต่อสื่อมวลชนว่า ในประเด็นประวัติการรักษาตัวที่ต่างประเทศของทักษิณนั้น เป็นข้อมูลสุขภาพความเจ็บป่วย ถือเป็นความลับและเป็นเรื่องที่ทักษิณสงวนสิทธิ์ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ เป็นข้อมูลที่ได้รับความคุ้มครอง
อย่างไรก็ตาม วิญญัติกล่าวว่า เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ศาลต้องการทราบว่าทักษิณมีประวัติการเจ็บป่วยจริงหรือไม่ มีการอ้างแบบเลื่อนลอยหรือไม่ ดังนั้น เพื่อให้สนับสนุนว่าทักษิณป่วยจริง จึงต้องแสดงหลักฐานต่อศาลเพื่อยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือกับศาล แต่ขออนุญาตไม่เปิดเผย เนื่องจากยังไม่ทราบว่าศาลจะอนุญาตหรือไม่
สำหรับพยานที่ศาลเรียกมาเป็นแพทย์ที่ทำการตรวจร่างกาย แพทย์เวร พยาบาลที่เรือนจำ แพทย์ทหาร รวมทั้งสิ้น 5 ปาก และคาดว่าจะไต่สวนเสร็จสิ้นไม่เกิน 12.00 น.
วิญญัติระบุด้วยว่า ประวัติการรักษาของทักษิณที่ต่างประเทศนั้น เราเตรียมมาให้ เนื่องจากเราไม่มั่นใจว่าเรือนจำมีข้อมูลสมบูรณ์หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดความเคลือบแคลง จึงจะมีการเสนอพยานหลักฐานให้ศาลได้พิจารณา เพื่อให้เห็นว่ามีหลักฐานสนับสนุนการอ้างอิงหรือกล่าวอ้างของเรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลได้ไต่สวนคดีนี้นัดแรกเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลได้นัดไต่สวนพยานในครั้งถัดไปคือวันที่ 4, 8, 15, 18, 25 และ 30 กรกฎาคม 2568 พร้อมเรียกพยานสอบ 3 นัดถัดไปรวม 20 ปาก แบ่งเป็น
วันนี้ (4 กรกฎาคม) กลุ่มแพทย์ พยาบาล ทั้งในสถานพยาบาลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ
8 กรกฎาคม กลุ่มเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ไปควบคุมทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ
15 กรกฎาคม กลุ่มผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ได้แก่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์, อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และอดีตผู้บัญชาการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
แฟ้มภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

UPDATE: ณัฐวุฒิ ถามกลับสูตรตั้งรัฐบาลใหม่ พรรคประชาชน ถ้าหนุนภูมิใจไทยแต่ไม่ร่วม คดีฮั้ว สว. จะจบอย่างไรวันนี้ (3 กรกฎาค...
04/07/2025

UPDATE: ณัฐวุฒิ ถามกลับสูตรตั้งรัฐบาลใหม่ พรรคประชาชน ถ้าหนุนภูมิใจไทยแต่ไม่ร่วม คดีฮั้ว สว. จะจบอย่างไร
วันนี้ (3 กรกฎาคม) ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความวิเคราะห์ข้อเสนอทางการเมืองของพรรคประชาชนผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า เป็นสิทธิ์โดยชอบของพรรคประชาชนในการเสนอสูตรแก้ปัญหาทางการเมือง และเป็นธรรมดาที่จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายต่าง ๆ
ณัฐวุฒิชี้ให้เห็น 7 ประเด็นหลักที่ตั้งข้อสังเกตต่อข้อเสนอของพรรคประชาชนที่อาจเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจากแพทองธาร ชินวัตร เป็นอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยมีเงื่อนไขว่าพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล แต่พร้อมโหวตสนับสนุน ซึ่งเขามองว่า
หากนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหลุดจากตำแหน่ง พรรคประชาชนพร้อมโหวตให้คุณอนุทินตามดีล โดยไม่ร่วมรัฐบาล
ข้อเสนอนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อโหวตให้คุณชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย เพราะคะแนนพรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็เพียงพอ และพรรครวมไทยสร้างชาติเองก็เคยเสนอชื่อชัยเกษมเช่นกัน
สมมติว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมของเพื่อไทยทั้งหมดไปร่วมกับภูมิใจไทย แต่ไม่แน่ว่าทุกพรรคจะยอมไปหมด ทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขณะที่ฝ่ายค้านมีเสียงถึง 284
ในดีลนี้ พรรคภูมิใจไทยซึ่งมี 69 เสียง จะเป็นแกนนำ ขณะที่รวมไทยสร้างชาติ (36 เสียง) และกล้าธรรม (30+) จะมีอำนาจต่อรองสูง เสถียรภาพรัฐบาลจึงแทบเป็นไปไม่ได้
แม้จะวางเงื่อนไขให้รัฐบาลใหม่ต้องเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญและคลี่คลายสถานการณ์กัมพูชา แต่ในระยะเวลา 6 เดือนก่อนยุบสภา จะสามารถกดดันให้ทำได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อมีอำนาจบริหารในมือหลายกระทรวง
ที่น่ากังวลคือคดีฮั้ว ส.ว. ดูจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่ในสายตาพรรคประชาชน การอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนหน้านี้ก็ไม่พูดถึง และหากดีลสำเร็จ จนมี รมว.ยุติธรรมจากพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาคดีนี้ จะส่งผลต่อทิศทางของคดีที่ DSI กำลังเดินหน้าอย่างไร
หากพรรคเพื่อไทยที่กลายเป็นฝ่ายค้าน ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.ใหม่ โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาในคดีฮั้ว ส.ว. หรือมีสถานะเป็นผู้ต้องหาในคดีอั้งยี่ พรรคประชาชนจะวางท่าทีอย่างไร
ณัฐวุฒิสรุปในท้ายโพสต์ว่า แม้เข้าใจเจตนาของพรรคประชาชนในการหาทางออกทางการเมือง แต่ดีลนี้จะไม่สามารถสร้างเสถียรภาพให้กับทั้งรัฐบาลและภาพรวมการเมืองของประเทศได้เลย

ที่อยู่

23/100-102 Soi Soonvijai, Rama 9 Road, Bangkapi, Huay Kwang
Bangkok
10310

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ THE STANDARDผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง THE STANDARD:

แชร์

THE STANDARD

สำนักข่าวออนไลน์เชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ

ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หลากรูปแบบ ทั้งคอนเทนต์ออนไลน์ วิดีโอ และพอดแคสต์ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมทั้งเรื่องในประเทศและต่างประเทศ ครบถ้วนทุกประเด็นทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ศิลปะ วัฒนธรรม บันเทิง แฟชั่น และไลฟ์สไตล์

For Advertising: [email protected]