Outperform เกาะติดข่าวสารกองทุน-ประกัน

บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ร่วมเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ด้าน ESG ในมิติของการลงทุน ของหลักสูตร Master of Business Administra...
16/10/2025

บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ร่วมเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ด้าน ESG ในมิติของการลงทุน ของหลักสูตร Master of Business Administration (M.B.A.) วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติเข้าร่วมบรรยายในการเรียนการสอนเชิงบูรณาการ (Integrated Learning) ที่เชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิชาการกับประสบการณ์จริงจากผู้เชี่ยวชาญในภาคธุรกิจ ภายใต้การดำเนินงานของ วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ในหัวข้อ “Capital Budgeting and ESG Investment” โดย ดร.ณรงค์เดช เถกิงเกียรติ ผู้อำนวยการอาวุโสการลงทุนอย่างยั่งยืน ฝ่ายการลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด
ดร.ณรงค์เดช เถกิงเกียรติ ได้อธิบายถึงหลักการบริหารงบลงทุน (Capital Budgeting) ที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการตัดสินใจของผู้บริหารระดับองค์กร โดยเน้นให้เห็นถึงการวิเคราะห์โครงการลงทุนภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ ความเสี่ยง และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังได้ขยายความเกี่ยวกับ การลงทุนอย่างยั่งยืน (ESG Investment) ซึ่งเป็นแนวทางการลงทุนที่พิจารณาทั้งมิติสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ควบคู่ไปกับผลตอบแทนทางการเงิน โดยชี้ให้เห็นว่าปัจจุบัน ESG ได้กลายเป็นตัวชี้วัดใหม่ของความสามารถในการแข่งขันขององค์กร และเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้น โดยการบรรยายจัดให้มีขึ้นเมื่อวันที่ 4-5 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

16/10/2025

📌บสย.โชว์สำเร็จ 9 เดือนอัดฉีด SMEs ลุยค้ำ'นอนแบงก์นอกแบงก์' ปลุกเศรษฐกิจ
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ( #บสย.) เปิดความสำเร็จ ในช่วง 9 เดือนปี'68 มียอดค้ำประกันสินเชื่อรวม 29,695 ล้านบาท ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 122,640 ล้านบาท ช่วย ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นกว่า 37,285 ราย ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล เติมสภาพคล่องรองรับช่วงไฮซีซันเทศกาลท่องเที่ยวปลายปี ขยายวงค้ำ"นอนแบงก์"นอกกลุ่มสถาบันการเงิน
#หุ้นสมาร์ท

บลจ.ยูโอบี นำเสนอโอกาสการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐบาลต่างประเทศสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกองทุนเปิด ยูไนเต็ด พันธบัตรรัฐบาลต่างประ...
16/10/2025

บลจ.ยูโอบี นำเสนอโอกาสการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐบาลต่างประเทศสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ USD 6M7 (UGUSD6M7) IPO 16-22 ตุลาคม 2568
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.ยูโอบี ได้เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิด ยูไนเต็ด พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ USD 6M7 (UGUSD6M7) อายุประมาณ 6 เดือน มีประมาณการผลตอบแทน 3.60% ต่อปี (ข้อมูลจากอัตราผลตอบแทนที่เสนอโดยผู้ออกตราสาร หรือจากผู้ขาย ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2568) กองทุนมีขนาดโครงการ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเสนอขายในราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อหน่วย และยอดลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 100 ดอลลาร์สหรัฐ
กองทุน UGUSD6M7 มีความเสี่ยงระดับ 3 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และ/หรือตราสารหนี้ ที่รัฐบาลต่างประเทศ และ/หรือธนาคารกลางต่างประเทศ และ/หรือหน่วยงานของรัฐบาลต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศเป็นผู้ออก หรือผู้คํ้าประกัน รวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กองทุนมีกลยุทธ์ลงทุนแบบครั้งเดียว โดยจะถือทรัพย์สินที่ลงทุนไว้จนครบอายุโครงการของกองทุนรวม (buy-and-hold)
กองทุน UGUSD6M7 ไม่มีค่าธรรมเนียมการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งกองทุนนี้จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดอายุโครงการ โดยบริษัทจัดการจะดำเนินการชำระเงินให้ผู้ขายคืนหน่วยลงทุนภายใน 5 วันทำการนับถัดจากวันรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ โดยการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนรวมตลาดเงินในสกุลเงินต่างประเทศ (“กองทุนปลายทาง”) ที่บริษัทจัดการเปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ซึ่งเป็นกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ ตามเงื่อนไขการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนที่บริษัทจัดการกำหนดในหนังสือชี้ชวนส่วนข้อมูลกองทุนรวมหรือโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit : FCD) ของผู้ถือหน่วยลงทุนโดยถือว่าได้รับความยินยอมจากผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.uobam.co.th/th/mutual-fund/00962/UGUSD6M7
#กองทุน

วีซ่า จับมือ SCB และ Soft Space อัปเวลประสบการณ์ใช้จ่ายให้นักท่องเที่ยวด้วย “Tap to Pay” แตะจ่ายง่าย นำร่องแหล่งชอปปิงทั...
16/10/2025

วีซ่า จับมือ SCB และ Soft Space อัปเวลประสบการณ์ใช้จ่ายให้นักท่องเที่ยว
ด้วย “Tap to Pay” แตะจ่ายง่าย นำร่องแหล่งชอปปิงทั่วกรุง
วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลกจับมือกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) และ Soft Space ฟินเทคชั้นนำ เดินหน้าขยายบริการ Tap to Pay ในย่านชอปปิงชื่อดังและคึกคักที่สุดของกรุงเทพมหานคร อย่าง ตลาดนัดจตุจักร และ ตลาดประตูน้ำ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานการรับชำระเงินให้กับร้านค้ารายย่อย เพิ่มความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว และช่วยกระตุ้นศักยภาพการ ใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
ความร่วมมือนี้นำเสนอทางเลือกการชำระเงินแบบไร้สัมผัสที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตผ่านสมาร์ทโฟนที่มีอยู่ได้โดยตรง หรือรับชำระควบคู่ไปกับเครื่อง EDC ที่มีอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม ร้านค้าสามารถมอบประสบการณ์การชำระเงินแบบไร้เงินสดที่ไร้รอยต่อ เหมาะสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและลูกค้าทั่วไปในชีวิตประจำวัน
ข้อดีของ Tap to Pay
สำหรับร้านค้า: Tap to Pay ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าให้กับผู้ประกอบการรายย่อย โดยเปิดโอกาสให้รับชำระเงินด้วยบัตรได้อย่างง่ายดายผ่านสมาร์ทโฟน ช่วยลดการพึ่งพาเงินสดและสกุลเงินต่างประเทศ ลดต้นทุนการดำเนินงาน และช่วยให้ร้านค้าสามารถให้บริการลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้บริโภคที่เน้นการใช้ดิจิทัลเป็นหลัก
สำหรับลูกค้า (ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว): การใช้บัตรแบบคอนแทคเลสและดิจิทัลวอลเล็ตช่วยให้การจ่ายเงินสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือเสียเวลาแลกเงิน มอบประสบการณ์การชอปปิงแบบไร้รอยต่อ สำหรับลูกค้าทั้งในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
สำหรับประเทศไทย: Tap to Pay ช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ทั้งยังเสริมความแข็งแกร่ง ให้แก่โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินข้ามพรมแดน ด้วยการอำนวยความสะดวก ให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว และกระตุ้นการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว ส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
.
เชิญพร สวัสดิวร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายดูแลลูกค้าและพัฒนาธุรกิจ วีซ่า ประเทศไทย กล่าวว่า “วีซ่ามุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้ก้าวหน้า โดยการพัฒนาโซลูชันการชำระเงินที่มีความครอบคลุม ปลอดภัย และล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ในช่วงปีที่ผ่านมา การชำระเงินแบบคอนแทคเลสในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยธุรกรรมผ่านระบบของวีซ่ากว่า 66% ในแต่ละเดือนเกิดขึ้นผ่านการชำระเงินแบบคอนแทคเลส การเติบโตนี้เกิดจากการที่ผู้ประกอบการรายย่อยตั้งแต่ร้านสตรีทฟู้ดไปจนถึงร้านค้าท้องถิ่นที่หันมาใช้บริการ Tap to Pay เพื่อดึงดูดลูกค้าและต่อยอดธุรกิจของพวกเขา นอกจากนี้ การที่ร้านค้านำโซลูชันการชำระเงินที่ทันสมัยของวีซ่าไปใช้ ไม่เพียงแค่ยกระดับประสบการณ์การจับจ่ายให้กับทั้งนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเชื่อมต่อข้อมูลผ่านระบบดิจิทัลในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย"
ธนวัฒน์ กิตติสุวรรณ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงาน Digital Juristic & Payment ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัลแบงก์กิ้ง SCB รู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับวีซ่าและ Soft Space เพื่อผลักดันระบบนิเวศทางการเงินที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญ เพราะ SCB ถือเป็นธนาคารแห่งแรกในประเทศไทย ที่เปิดให้ร้านค้าสามารถรับชำระเงินผ่าน Tap to Pay บนอุปกรณ์มือถือได้โดยตรง โซลูชันนี้จะช่วยเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการทุกขนาด ตั้งแต่ร้านแผงลอยขนาดเล็กไปจนถึงร้านค้าขนาดกลางที่มีหน้าร้าน ให้สามารถเข้าถึงเครื่องมือสำคัญในการประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล ด้วยโซลูชันการชำระเงินที่ปลอดภัยและไร้รอยต่อ ด้วยวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันกับวีซ่าและ Soft Space เรากำลังก้าวไปข้างหน้าเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และขยายโอกาสทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SCB ในการเป็น Digital Bank with a Human Touch”
โจเอล เทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Soft Space กล่าวเสริมว่า “การรับชำระเงินแบบคอนแทคเลสที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น โซลูชันที่ต้นทุนสูงและเข้าถึงได้ยากสำหรับผู้ประกอบการรายเล็กในไทย มาวันนี้ได้กลายเป็นทางเลือกที่เข้าถึงง่ายและคุ้มค่า แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็กที่สุดก็สามารถรับบัตรควบคู่ไปกับการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดได้อย่างง่ายดาย โซลูชันที่เราร่วมพัฒนากับวีซ่าและ SCB นี้ ช่วยให้ทั้งผู้บริโภคชาวไทยและนักท่องเที่ยวมีอิสระในการเลือกวิธีชำระเงินที่สะดวกไร้รอยต่อ และคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น”
ตั้งแต่ส่งโซลูชัน ‘แม่มณี Tap to Pay’ ลงตลาด ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา โซลูชันนี้ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการทั่วประเทศ โดยมีร้านค้ากว่าหมื่นแห่งใช้งานจริง โดยเฉพาะธุรกิจรายย่อยในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ ร้านสตรีทฟู้ด คาเฟ่ ร้านเสริมสวย สปา และร้านค้าท้องถิ่น ต่างเลือกใช้โซลูชันนี้กันอย่างแพร่หลาย ในอดีตธุรกิจเหล่านี้ยังไม่ได้เข้าถึงระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์มาก่อน การเติบโตของ Tap to Pay สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของธุรกิจรายย่อยในประเทศไทย ในการมองหาโซลูชันการชำระเงินที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และคุ้มค่า
จากจุดเริ่มต้นในย่านชอปปิงชั้นนำในกรุงเทพฯ วีซ่า และ SCB ยังเดินหน้าขยายบริการ Tap to Pay ไปสู่จังหวัดต่าง ๆ โดยตั้งเป้าครอบคลุมหมวดค้าปลีกใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศเข้าถึงช่องทางการชำระเงินดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม ตั้งแต่ธุรกิจครอบครัวไปจนถึงผู้ให้บริการรายย่อย ทำให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถรองรับทั้งนักชอปชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้สะดวกยิ่งขึ้น
การขยายความร่วมมือครั้งนี้ เน้นย้ำถึงพันธกิจร่วมกันของวีซ่า SCB และ Soft Space ในการผลักดันนวัตกรรมดิจิทัล ส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน และขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในประเทศไทย
เพื่อฉลองการขยายบริการ Tap to Pay วีซ่ามอบสิทธิพิเศษให้กับนักชอปที่เลือกชำระเงินแบบคอนแทคเลส ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2568 ลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่าน Tap to Pay หรือ Visa QR credit ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ รับทันทีของรางวัลสุดพิเศษ! เลือกรับ e-coupon Starbucks มูลค่า 100 บาท หรือ Voucher ชาไข่มุก มูลค่า 80 บาท เพียงลงทะเบียนผ่าน LINE Official Account: และอัปโหลดใบเสร็จก็สามารถรับสิทธิ์ได้ง่าย ๆ อย่าพลาดโอกาสรับความคุ้มค่าเพิ่ม... ทุกครั้งที่แตะจ่ายด้วยวีซ่า!
#การเงิน

15/10/2025

ก.ล.ต. แจ้งเตือนผู้ถือหุ้นกู้ EA จำนวน 13 รุ่น ใช้สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ในวันที่ 17 ต.ค. 68

15/10/2025

ก.ล.ต. สั่งการให้ STELLA ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยมีการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด

15/10/2025

ก.ล.ต. สั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุน กรณีมีพฤติกรรมอันส่อไปในทางไม่สุจริต และไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

บลจ.อีสท์สปริง จับมือ บล.กรุงศรี ขยายธุรกิจผู้แนะนำการลงทุนอิสระ เสริมศักยภาพบริการลูกค้าบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อี...
15/10/2025

บลจ.อีสท์สปริง จับมือ บล.กรุงศรี ขยายธุรกิจผู้แนะนำการลงทุนอิสระ เสริมศักยภาพบริการลูกค้า
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการพัฒนาและขยายธุรกิจผู้แนะนำการลงทุนอิสระ (Independent Investment Consultant: IIC) เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และตอบโจทย์ความต้องการของ IIC และนักลงทุนในยุคที่ตลาดทุนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นางสาว ดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อีสท์สปริงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่าย IIC มาโดยตลอด โดยมองว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศตลาดทุน ความร่วมมือกับบล.กรุงศรี ที่มีความเชี่ยวชาญและศักยภาพสูงด้านการให้คำปรึกษาการลงทุน จึงสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนของเราในด้านบริการให้คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวม”
นายเกรียงไกร เชิงวิวัฒน์กิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “บล.กรุงศรีรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความร่วมมือในครั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ และระบบสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพของเรา จะช่วยสนับสนุนและสร้างโอกาสเติบโตให้กับทั้งผู้แนะนำการลงทุนอิสระ และนักลงทุน”
ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ทีมผู้แนะนำการลงทุนอิสระและภารกิจด้านการให้บริการลูกค้าจะดำเนินงานภายใต้ระบบโครงสร้างพื้นฐานของบล.กรุงศรี ผู้แนะนำการลงทุนอิสระจะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนด้านปฏิบัติการ และโอกาสเติบโตในสายอาชีพ ผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบล.กรุงศรี
“ในส่วนของนักลงทุนจะยังคงได้รับคำแนะนำด้านการลงทุนจากผู้แนะนำการลงทุนที่มีประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือในครั้งนี้จะไม่ส่งกระทบต่อการบริหารจัดการสินทรัพย์ของอีสท์สปริง โดยพอร์ตการลงทุนและสินทรัพย์ทั้งหมดของนักลงทุนยังคงอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของอีสท์สปริง เพื่อความต่อเนื่องและความมั่นใจในเป้าหมายการลงทุนระยะยาวของนักลงทุน” นางสาว ดารบุษป์ กล่าวปิดท้าย
#กองทุน

อุ๊ย...นี่ก็คนละครึ่ง ปันผล-ไม่ปันผลCr.ข้อมูลจาก wealthythai.com
15/10/2025

อุ๊ย...นี่ก็คนละครึ่ง
ปันผล-ไม่ปันผล
Cr.ข้อมูลจาก wealthythai.com

15/10/2025
15/10/2025

ก.ล.ต. แจ้งเตือนผู้ถือหุ้นกู้ SQ จำนวน 6 รุ่น ใช้สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ในวันที่ 17 ต.ค. 68

กรุงศรี มุ่งขับเคลื่อนอนาคตด้วยเทคโนโลยีที่เข้าถึงผู้คน เชื่อมชีวิตและธุรกิจสู่การเติบโตที่ยั่งยืนโชว์เทคและนวัตกรรมพร้อ...
15/10/2025

กรุงศรี มุ่งขับเคลื่อนอนาคตด้วยเทคโนโลยีที่เข้าถึงผู้คน เชื่อมชีวิตและธุรกิจสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
โชว์เทคและนวัตกรรมพร้อมใช้ผ่านงาน Krungsri Tech Day 2025
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ในฐานะผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้งที่เดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นสู่อนาคตที่ยั่งยืน โชว์วิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านไอทีและดิจิทัลในงาน Krungsri Tech Day 2025: Empower People to Make Life Simple โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงทุกมิติของชีวิตประจำวันให้สะดวกและราบรื่นยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับศักยภาพทั้งด้านเทคโนโลยีและผู้คน เพื่อสนับสนุนธุรกิจและสังคมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ในงานมหกรรมด้านเทคโนโลยีของกรุงศรีที่ร่วมมือกับพันธมิตรสายเทคชั้นนำจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่สี่
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน กล่าวว่า “Krungsri Tech Day 2025 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรุงศรีในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านนวัตกรรมที่ช่วยให้การบริการทางการเงินในชีวิตประจำวันและการทำธุรกิจง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล กรุงศรีมุ่งเน้นการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน ที่พร้อมสนับสนุนธุรกิจและชุมชนให้เติบโตไปด้วยกัน ขณะเดียวกันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการขับเคลื่อนเทคโนโลยีของกรุงศรีจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนมองเห็นว่าเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เข้าใจและส่งเสริมชีวิตผู้คนอย่างแท้จริง”
นางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทิศทางและกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกรุงศรี มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่กับการเสริมศักยภาพของผู้คน เพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กร สังคม และธุรกิจอย่างรอบด้าน ภายใต้แนวคิดดังกล่าว เราปรับโครงสร้างเทคโนโลยีให้มีความยืดหยุ่น เน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เรียบง่ายและคล่องตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในอนาคต ผลักดันบทบาทของธนาคารในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจด้วยการร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในการสรรค์สร้างนวัตกรรมที่ใช้ประโยชน์ได้จริงและตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริง ควบคู่กับการจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาและผลักดันการใช้ AI พร้อมวางกรอบธรรมาภิบาลด้าน AI เพื่อให้การนำเทคโนโลยีมาใช้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างมีจริยธรรม และส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตยั่งยืน”
กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกรุงศรีประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่
Technology Simplicity – ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีจากภายในสู่ภายนอก ที่ออกแบบเป็น 3 ระยะสำคัญ ได้แก่ Leaner - ปรับโครงสร้างพื้นฐานให้เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการนำระบบ Hybrid Cloud มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการแอปพลิเคชัน รวมถึงโปรแกรม Jupiter ที่เป็นโครงการต่อเนื่องเพื่อทรานส์ฟอร์มระบบ Core Banking สำหรับรองรับการเติบโตในระยะยาว Simpler - ยกระดับการดำเนินงานด้วยระบบอัตโนมัติ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพิ่มความเร็วในการให้บริการ และลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ และ Ahead of Business - นำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมในกระบวนการทำงาน เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ และสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจในระยะยาว
ผลลัพธ์จากการทรานส์ฟอร์มดังกล่าว ช่วยให้ระบบปฏิบัติงานหลักของธนาคารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างความยืนหยุ่นในการการเชื่อมโยงระหว่างแอปพลิเคชันหน้าบ้านและระบบหลังบ้าน ลดต้นทุนด้านการพัฒนาและบำรุงรักษา อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างระบบสถาปัตยกรรมไอทีให้เป็นรูปแบบ “Microservices” เกิดเป็น Hub ย่อย ที่สามารถต่อยอดการทำงานภายในและต่อยอดเป็นโซลูชั่นส์เพื่อให้บริการลูกค้าได้ โดยในปีที่ผ่านมา กรุงศรีช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าธุรกิจโรงงานน้ำตาลและเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยโดยร่วมพัฒนาระบบการขายลดเช็คให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน Payment Hub ทำให้ขั้นตอนการรับซื้อลดสิทธิรับเงินค่าเช็คเกี๊ยว/เช็คอ้อยทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเอกสารเช็คอีกต่อไป ช่วยลดต้นทุนและช่วยให้เกษตรกรได้รับเงินเร็วขึ้นจากเดิม 2 วัน เหลือเพียง 3–5 นาที
Enabling for Growth – ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เทคโนโลยีอย่าง AI ที่เปลี่ยนรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์เดิม ธุรกิจจึงต้องหาสูตรลับของตัวเองให้เจอ และโฟกัสกับสิ่งที่สร้างความต่าง ขณะที่เรื่องสำคัญแต่ไม่ใช่หัวใจ เช่น การจัดการด้านการเงิน ควรมอบให้ผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้ดูแล เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาไปสร้างนวัตกรรมและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้า ภายใต้แนวคิด “Enabling for Growth” กรุงศรีพร้อมสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจไทยด้วย โซลูชันทางการเงินดิจิทัลที่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่อธุรกิจ ไปจนถึง บริการทางการเงินที่เชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์มขององค์กรได้โดยตรง ทั้งหมดนี้ออกแบบให้เชื่อมต่อได้ง่าย ปลอดภัย และพร้อมใช้งานทันที ปัจจุบันกรุงศรีได้รับรางวัลกว่า 20 รางวัล มีพันธมิตรกว่า 1,200 ราย และรองรับธุรกรรมกว่า 90 ล้านครั้งต่อปี สะท้อนความเชื่อมั่นในฐานะพันธมิตรทางการเงินที่ธุรกิจไว้วางใจ ภายใต้คำมั่นสัญญา “ชีวิตง่ายได้ทุกวัน” เพื่อให้ทุกองค์กรใช้เวลาไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุด—การสร้างคุณค่า ความต่าง และอนาคตที่ยั่งยืน
Sustainable AI – จัดตั้งหน่วยงานศูนย์กลางด้าน AI (AI COE) พร้อมกรอบ AI Governance ที่เป็นรูปธรรม ครอบคลุมกระบวนการ คัดเลือกและจัดลำดับความสำคัญของ Use Case ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์องค์กร, ออกแบบและพัฒนาโมเดล ทดสอบความเสี่ยง/อคติ ดำเนินการ MLOps และวัดผล เป้าหมายคือการใช้งาน Traditional AI/ML, Generative AI และ Agentic AI อย่างเป็นระบบ โปร่งใส และสร้างคุณค่าจริงทั้งต่อธุรกิจและลูกค้า โดยภายในองค์กร กรุงศรีนำ GenAI เดินคู่กับการวิเคราะห์เชิงลึก เช่น AI ประเมินมูลค่าสินทรัพย์ บนโครงสร้างข้อมูลที่ถูกกำกับดูแล เพื่อความเร็ว ความแม่นยำ และการตรวจสอบย้อนกลับที่โปร่งใส และในการพัฒนาเพื่อลูกค้า กรุงศรีมุ่งยกระดับประสบการณ์อนุมัติสินเชื่อและงานรับประกันความเสี่ยง (underwriting) ให้ปลอดภัยและราบรื่นยิ่งขึ้น ด้วยโมเดล Fraud Score พร้อมใช้โมเดล Customer Lifetime Value และ Churn Prevention เพื่อการดูแลเชิงรุกและข้อเสนอที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
บนรากฐานนี้ กรุงศรีได้ขยายความร่วมมือกับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยใช้ API ที่ปลอดภัย เป็นสะพานข้อมูลเชิงปฏิบัติการ สร้าง “ภาพเดียวกัน” ผ่านแดชบอร์ดเรียลไทม์ และยกระดับการวิเคราะห์ด้วย Machine Learning เพื่อคัดกรองพฤติกรรมต้องสงสัยเชิงรุก ช่วยลดเวลาประสานงานและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคดีร่วมกับ CIB ทั้งหมดนี้สะท้อน Sustainable AI ที่ใช้งานได้จริง วัดผลได้ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่รัดกุม สอดคล้องกับหลักจริยธรรมและเป้าหมายการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของสังคมไทย
#การเงิน

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66994515503

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Outperformผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Outperform:

แชร์