โต๊ะข่าวการเมือง ไทยพีบีเอส

โต๊ะข่าวการเมือง ไทยพีบีเอส เกาะติด รู้ให้เท่าทัน สถานการณ์ แวดวงการเมืองไทย กับเราโต๊ะข่าวการเมือง ไทยพีบีเอส

ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ประณามกัมพูชา บิดเบือนข้อมูลประชาคมโลก หลังชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดตรวจพื้นที่เนิน 350 อย่...
25/08/2025

ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ประณามกัมพูชา บิดเบือนข้อมูลประชาคมโลก หลังชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดตรวจพื้นที่เนิน 350 อย่างละเอียดพบทุ่นระเบิด PMN-2 เพิ่มอีก พร้อมกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด และการวางขวากจำนวนมาก

วันนี้ (24 ส.ค.68)
พ.อ.ศิวะ หว่างอากาศ โฆษกศูนย์ปฎิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีทหารไทยตรวจพบทหารกัมพูชา จำนวน 2-3 นาย ปฎิบัติการดักซุ่มตรวจการณ์ฝ่ายไทยบริเวณเนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ล้ำเข้ามาในเขตไทย เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2568 ว่า ภายหลังการผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่และตรวจสอบพบทุ่นระเบิด PMN - 2 จำนวน 1 ทุ่น นั้นตามที่ปรากฎตามข่าวสารไปแล้วนั้น

ล่าสุดจากการเข้าตรวจสอบพื้นที่โดยชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดอีกครั้ง พบทุ่นระเบิด PMN - 2 เพิ่มอีก 2 ทุ่น (รวมทั้งหมด 3 ทุ่น) พร้อมกระสุน เครื่องยิงลูกระเบิด 2 ลูก และพบการวางขวากจำนวนมาก

ศูนย์ปฎิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอประณามการกระทำดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชาว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงจากผลการประชุม GBC ที่ผ่านมาอย่างชัดเจนในหลายประเด็น

อีกทั้งเป็นการยั่วยุ และเป็นการรุกล้ำดินแดน แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาได้บิดเบือนและนำเสนอข้อมูลต่างๆต่อประชาคมโลกที่ผ่านมาล้วนเป็นความเท็จและยังบ่งบอกถึงความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

กก.สรรหา กรรมการองค์กรอิสระเคาะ “อนันต์ -ณรงค์” เสนอให้ดำรงตำแหน่ง กกต. แทน “อิทธิพร-ศ.สันทัด” ที่ครบวาระ 12 ส.ค.68 ..วั...
15/08/2025

กก.สรรหา กรรมการองค์กรอิสระเคาะ “อนันต์ -ณรงค์” เสนอให้ดำรงตำแหน่ง กกต. แทน “อิทธิพร-ศ.สันทัด” ที่ครบวาระ 12 ส.ค.68
..
วันนี้ (15 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสรรหากรรมการองค์กรอิสระ ที่มีประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และผู้แทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด

ได้มีมติให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2 คน คือ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ นายณรงค์ รักร้อย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โดยหลังจากนี้กระบวนการส่งรายชื่อให้สมาชิกวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อไป

ทั้งนี้ด้วยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และศาสตราจารย์สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กกต. จะพ้นจากตำแหน่งตามวาระในวันที่ 12 สิงหาคม 2568 ซึ่งตามกฎหมายกำหนดไว้ให้ดำเนินการสรรหากรรมการใหม่ภายใน 120 วัน ก่อนที่กรรมการจะครบวาระ

#โต๊ะข่าวการเมืองไทยพีบีเอส

เปิดคำร้อง 36 สว.ปมคลิปเสียงนายกฯ-อังเคิล ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ...
14/08/2025

เปิดคำร้อง 36 สว.ปมคลิปเสียงนายกฯ-อังเคิล ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย เหตุเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงภาวะสงครามไทย-กัมพูชา ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68
..
วันนี้ (14 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลจะนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรี ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลง เฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5)

ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุนเซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่2 ระบุว่า แม้นายกรัฐมนตรีจะพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่าข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหา ข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้

โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่าหากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาและความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้

ประการสำคัญไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องแอบเจรจากันเป็นการส่วนตัว และเรียกผู้นำประเทศที่กำลังมีการประทะกันทางการทหารหรือ สภาวะสงครามที่มีความขัดแย้งทางบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยว่า uncle หรือลุง และแจ้งว่า “ จริงๆแล้วถ้าท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้” รวมทั้งเรียกแม่ทัพภาคที่2 ของไทยซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อย่างเข้มแข็งเพื่อประเทศชาติและประชาชนว่า “ฝั่งตรงข้าม”

และประกอบกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในห้วงที่ผ่านมาพบว่าหลังจากที่มีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวันวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทางฝ่ายผู้นำกัมพูชามีความพยายามขับเคลื่อนและดำเนินมาตรการต่างๆตามที่วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามลำดับ โดยเฉพาะการยื่นฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีไทยกลับไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวใดๆ จนบุคคลสำคัญและประชาชนคนไทยต้องออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากนายกรัฐมนตรี ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยด่วนและเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรักชาติ

แต่นายกรัฐมนตรีไทยยังคงนิ่งเฉยและไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวหรือกำหนดมาตรการใดที่มีความชัดเจน อีกทั้งเมื่อสื่อมวลชนตั้งคำถามด้วยความห่วงใยประเทศ ในทำนองว่าทางกัมพูชามีการรุกล้ำพื้นที่เข้ามาแล้ว 200 เมตร นายกรัฐมนตรีกลับถามทันทีว่า
ไปดูมาแล้วหรือยัง และผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า แม่ทัพภาคที่2 ยืนยันมาแล้ว ว่ามีการรุกล้ำเข้ามา 200 เมตร รวมทั้งการตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างตระกูลชินวัตร กับตระกูลสมเด็จฮุนเซนเพื่อให้นายกรัฐมนตรีชี้แจง แต่นายกฯกลับโกรธ จนควบคุมตัวเองไม่ได้ พูดจาประชดสื่อมวลชน

นอกจากนี้ยังอ้างถึงเหตุการณ์ประชุมคณะกรรมการจะแดนไทยกัมพูชา ในช่วงวันที่ 14 -5 มิถุนายน 2568 ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา ซึ่งทางผู้นำกัมพูชาใช้โอกาสนี้ออกแถลงการณ์ที่ไม่ถูกต้อง กรณีการหยิบยกเรื่องนำข้อพิพาท 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศและมีการหารือเรื่องการใช้แผนที่ 1:200,000 ในการกำหนดเขตแดน แต่ฝ่ายไทยมีเพียงการออก เอกสารข่าวระดับกระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธในเรื่องนี้ ส่วน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาลกลับนิ่งเฉยไม่ได้ดำเนินการแถลงข่าวโต้แย้งในทันที
เพียงแต่ นัดประชุมฝ่ายความมั่นคงในวันต่อมาอย่างใจเย็น

ซึ่งจากข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด สมาชิกวุฒิสภา
จึงเกิดความสงสัยว่าเหตุใดนายกรัฐมนตรีไทย จึงแสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการโต้ตอบ หรือกำหนดมาตรการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเอง ให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์ แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศบึงกระทำ

จนกระทั่งผู้นำฝ่ายกัมพูชานำคลิปเสียงการสนทนามาเผยแพร่ในวันที่ 18 มิถุนายน 2568 จึงเป็นหลักฐานที่ทำให้สมาชิกวุฒิสภา เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีไทย นิ่งเฉย เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัว แอบสนทนาแบบที่เป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่คุณลุงประธานวุฒิสภากัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่สองของไทย นายกรัฐมนตรีมองว่าเป็นฝั่งตรงข้าม ซึ่งถือว่าพฤติการณ์ดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีเป็นการทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

ทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 50 มาตรา 52 มาตรา 161
มาตรา 164 (1)(4) และยังฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร และมาตรา 157ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

อีกทั้งยังฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้ง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ปี 2561 ข้อ 6 ข้อ7 และข้อ8 ประกอบข้อ 27 วรรคหนึ่ง อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงข้อ 11 ข้อ12 ข้อ13 ข้อ15 ข้อ16 ข้อ17 ข้อ19 ข้อ21 ประกอบกับข้อ 27 วรรคสอง เพราะตามพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีเจตนาและความร้ายแรงนี้เกิดจากการกระทำดังกล่าว กับสมเด็จฮุนเซน ในสภาวะสงครามและเกี่ยวกับบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของไทย
ย่อมเป็นเรื่องร้ายแรง

นอกจากนี้ยังอ้างถึงการกระทำเป็นการฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองปี 2564 อีกหลายข้อ จากพฤติกรรมและความผิดดังกล่าวทั้งหมดจึงถือได้ว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และอาจกล่าวได้ถึงขนาดว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อประเทศชาติและประชาชนเลย รวมทั้งฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง

#โต๊ะข่าวการเมืองไทยพีบีเอส

กกต.แจงกรอบเวลาดำเนินคดีฮั้ว สว. 4 ขั้นตอน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 2 ส่วนกรณี “ประธาน กกต.” แจงเวลา 8 เดือน เป็น การอธิบา...
13/08/2025

กกต.แจงกรอบเวลาดำเนินคดีฮั้ว สว. 4 ขั้นตอน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 2 ส่วนกรณี “ประธาน กกต.” แจงเวลา 8 เดือน เป็น การอธิบายขั้นตอนและกรอบเวลาตามกฏหมาย ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้เวลา 8 เดือน ยืนยันดำเนินการตามกระบวนการและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไม่ได้อยู่ภายใต้แรงกดดันใด
..
วันนี้ (13 ส.ค.68) สำนักงาน กกต. ชี้แจงกรณีที่มีการนำเสนอข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ อันอาจก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ประธาน กกต. ระบว่าใช้เวลาราว 8 เดือน ในการณาคดีทุจริตการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 2567 โดยยืนยันว่าเป็นเพียงการอธิบายขั้นตอนและกรอบเวลาตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยติธรรรมของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 เท่านั้น ไม่ใช่ระยะเวลาที่ต้องใช้จริง

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้งได้ให้สัมภาษณ์สื่อมาลชน และได้ชี้แจะขั้นตอนเพื่อให้สื่อมวชนและประชาชนเข้าใจถึงขั้นตอนและกรอบระยะเวลา ตามกฎหมายของ กกต. เพียงเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้เวลาในทุกขั้นตอนจนถึงระยะเวลา 8 เดือน
ตามที่สื่อสังคมออนไลนได้กล่าวถึง โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดำเนินการในแต่ละขั้นตอน ด้วยความรวดเร็วและรอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วกว่ากรอบเวลาที่กำหนดไว้ แต่เนื่องจากสำนวนนี้มีพยานหลักฐานเป็นจำนวนมากจึงอาจต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

และในขณะนี้ การดำเนินคดีเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภาอยู่ในขั้นตอนที่ 2 และเป็นไปไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่ส่วน และวินิจจัยชีขาด พ.ศ. 2561 และที่แก่ไข
เพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 ซึ่งแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้

ชั้นที่ 1 คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เมื่อได้รับสำนวนแล้วให้ดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวนและจัดทำความเห็น เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้จัดส่งสำนวนไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ส่วนกลาง) โดยเร็ว
ชั้นที 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ส่วนกลาง) ได้รับสำนวนแล้วให้พนักงานสืบสวนและไต่สวนผู้รับผิดชอบสำนวนดำเนินการวิเคราะห์สำนวนและจัดทำความเห็นเสนอผ่านผู้อำนวยกวยการฝ้ายรองผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนัก และเละเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (รองเลขาธิการ
คณะกรรมการการเลือกตั้งที่ได้รับมอบหมาย)
ชั้นที่ 3 คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง เมื่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัย ชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งได้พิจารณาแล้วจะทำความเห็น และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอสำนวนให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา
ชั้นที่ 4 คณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับสำนวน
จากคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งแล้ว ต้องพิจารณาชี้ขาดหรือสั่งการโดยเร็วสร้างสรรค์ประเทศไทย

ตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรือง กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรมของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 มีขั้นตอนการวิเคราะห์สำนวนและเสนอความเห็น โดยเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จภายใน 60 วัน ขั้นตอนการพิจารณาของ
คณะอนุกรรมการวินิจฉัย ๆ กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จภายใน 90 วัน และขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จภายใน 90 วัน

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอย้ำว่า การพิจารณาดำเนินคดีเป็นไปตามกระบวนการ และระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันใด ๆ และหากมีเหตุจำเป็นอันสมควร สามารถ ดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วกว่ากรอบเวลาที่กำหนดได้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย พร้อมขอให้ประชาชนรับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ถูกต้อง และขอความร่วมมือสื่อสื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเผยแพร่ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นต่อบุคคลและองค์กรทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และติดดตามข้อมูลข่าวสารได้ทาง www.ect.go.th หรือบริการสายด่วน 1444

#โต๊ะข่าวการเมืองไทยพีบีเอส

“วิสุทธิ์” ลั่นนายกฯอิ๊งค์ไม่ลาออกแน่นอน วันนี้มาสภาฯให้กำลังใจ กมธ.-สส.ถกงบฯ69 พร้อมยืนยันเสียงหนักแน่นองค์ประชุมไม่ล่ม...
13/08/2025

“วิสุทธิ์” ลั่นนายกฯอิ๊งค์ไม่ลาออกแน่นอน วันนี้มาสภาฯให้กำลังใจ กมธ.-สส.ถกงบฯ69 พร้อมยืนยันเสียงหนักแน่นองค์ประชุมไม่ล่ม ไม่ได้คิดแผนสำรอง หากเกิดปัญหาขยายวันประชุมออกไปได้
..
วันนี้ (13 ส.ค.68) วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์หลังจากประชุม สส. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าทุกพรรคได้เจรจากันแล้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เจรจากับทุกพรรค เพื่อให้เป็นองค์ประชุมในการประชุม3 วันนี้ จึงมั่นใจว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นวันสำคัญ ที่จะพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณวาระ2-3 เชื่อมั่นว่ารัฐมนตรีที่เป็น สส. ก็ต้องมาอยู่ในสภา เพราะฉะนั้นทุกคนมายังไงองค์ประชุมก็ครบแน่นอน และได้ย้ำไปแล้วว่าขอความร่วมมือ ถึงฝ่ายค้านเป็นองค์ประชุม เพื่อไทยรัฐบาลสามารถพิจารณาไปได้

ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่าไม่ได้วางแผนเรื่องรองรับหากกรณีองค์ประชุมร่วม แล้วจะต้องขยายวันประชุมออกไป ซึ่งสามารถทำได้ โดยต้องการให้พิจารณาจบภายใน3วัน และมั่นใจว่าจะจบภายใน3 วันตามโปรแกรมที่วางไว้ เริ่มตั้งแต่ 09:00 น. ไปถึงเวลา 23:30 น. และเช้าวันถัดไป 09:00 น. สส. ต้องเข้ามาเซ็นชื่อ สส. จะอยู่ในสภากำหนดขอให้ประชาชนให้กำลังใจรัฐบาล แสดงถึงความตั้งใจในการทำงาน เพราะการลงมติรายมาตรา ทุกคนจะต้องอยู่ด้วยกัน

เมื่อถามย้ำถึงหากเกิดกรณีองค์ประชุมล้มรัฐบาลจะทำอย่างไร นายวิสุทธ์ กล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่ล่ม มั่นใจว่าไม่ล่ม อย่าไปกังวลขนาดนั้น เพราะเราคุยกันแล้วว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ทราบดีอยู่แล้ว หน้าที่ที่ดีที่สุดคือ 3 วัน เราต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ผู้แทนจะต้องรู้หน้าที่ของตัวเองไม่เป็นปัญหา และไม่มีการคาดโทษหากใครไม่มาประชุม และมั่นใจว่าการประชุมครั้งนี้ไม่มีล่ม มีการพูดคุยกันตลอดและหลังจากนี้เว็บแต่ละพรรคจะไปพูดคุยกันเพื่อกำชับ

เมื่อถามเรื่องการทักท้วงของฝ่ายค้านว่าจัดงบ “ คิดไม่รอบ คิดไม่ลึก” นายวิสุทธิ์ กล่าวว่าฝ่ายค้านก็เป็นกรรมการงบประมาณด้วย มีการพูดในที่ประชุมตรวจสอบงบประมาณแล้ว เป็นธรรมดาที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล น้อยครั้งที่เห็นด้วยกับรัฐบาล เป็นเรื่องปกติ นี่คือการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน แม้จะเป็นกรรมาธิการพิจารณางบมาด้วยกัน ก็บอกไม่เห็นด้วยอยู่ดี

พร้อมตอบคำถามถึงกระแสข่าวที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะลาออก หลังจากพิจารณางบประมาณเสร็จสิ้น นายวิสุทธิ์ ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่ลาออก จะลาออกทำไม มั่นใจ มีคนสร้างกระแสเยอะแยะ จึงบอกประชาชนว่าให้ติดตามข่าวทางการเมือง จากสื่อหลักเท่านั้น เดี๋ยวนี้ใครมีโทรศัพท์เครื่องหนึ่งสร้างสื่อมาเยอะแยะ ชายแดนฟังปวดหัวไปหมด เห็นว่ายังมีคนที่ไม่หวังดีกับประเทศชาติบ้านเมืองเยอะแยะ ไปสร้างกระแสทำให้เกิดความวุ่นวาย ขอให้ฟังจากกองทัพ ฟังจากรัฐบาล ฟังจากสื่อหลักที่เชื่อถือได้

นายวิสุทธิ์ยืนยันอีกครั้ง ว่าจากที่ได้ฟังมาเอง นายกรัฐมนตรีบอกไม่ลาออก และสส.พรรค ได้ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่ แล้ววันนี้นายกรัฐมนตรีก็จะมาอยู่ที่สภา มาให้กำลังใจในการทำหน้าที่ของกรรมาธิการงบประมาณและสส. ซึ่งใครอยากพบก็สามารถพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีได้

เมื่อย้ำถามถึงกำลังใจในพรรคเพื่อไทย ยังดีอยู่หรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่ายังเต็มเปี่ยม ยังไม่มีอะไรทำให้ท้อถอยหรือมีความกังวลอะไรทั้งสิ้น และเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีบริสุทธิ์ เพราะนายกรัฐมนตรีมีเจตนาที่ดี ต่อประเทศชาติบ้านเมือง

#โต๊ะข่าวการเมืองไทยพีบีเอส

เลขา พท.-ประธาน สส. ร่วมกำชับ สส. ให้เป็นองค์ประชุม ในการพิจารณางบ69 ชี้เป็นการลงมติมาตรา จะต้องรักษาองค์ประชุม เตือน สส...
13/08/2025

เลขา พท.-ประธาน สส. ร่วมกำชับ สส. ให้เป็นองค์ประชุม ในการพิจารณางบ69 ชี้เป็นการลงมติมาตรา จะต้องรักษาองค์ประชุม เตือน สส.ให้ช่วยดูกดลงมติ บอก บางคนลืมหากไม่ได้กดชีวิตเปลี่ยน และอาจจะมีปัญหา เผยวันนี้ “แพทองธาร” มาติดตามการถกงบด้วย
.
วันนี้ (13 ส.ค.68) นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส. พรรคเพื่อไทยประชุม สส. พรรคก่อนที่จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 นายสรวงศ์ เล่นอย่าว่าการพิจารณางบประมาณเป็นเรื่องที่สำคัญ และ สส. ทุกคนควรจะอยู่ในบริเวณรัฐสภา เพราะจะมีการโหวตตลอดระยะเวลา 3 วัน และย้ำว่าการประชุมทุกวันจะเป็นการปิดประชุม และในวันถัดไป 09:00 น. จะต้องเปิดประชุมใหม่

ขอความกรุณาอีก2 วันที่จะถึงนี้ มาก่อนเวลา 09:00 น. เพื่อให้เปิดประชุมได้ในเวลา 09:00 น. ตรง ไม่เช่นนั้นการประชุมจะขยับเลทออกไป จึงขอความกรุณาทุกคนมาเป็นองค์ประชุมเซ็นชื่อเข้าประชุม ก่อนเวลา 09:00 น. เพื่อเป็นองค์ประชุมในการเปิดสภา 3 วัน เหมือนทุกปีที่ทำมา ในฐานะกรรมการบริหารพรรคก็จะอยู่เคียงคู่ทำงานร่วมกัน มีอะไรก็ได้คุยกัน

” และรับทราบว่าท่านหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ก็มาอยู่ที่สภาด้วย เรียนกับทุกคนไว้ว่าในเรื่องขององค์ประชุมสำคัญมาก ไม่สามารถไปต่อได้เลยถ้าพวกเราไม่อยู่ในสภา กราบขอบพระคุณทุกท่านไม่มีอะไรมาก“ นายสรวงศ์กล่าว

จากนั้นนายวิสุทธิ์ กล่าวว่าสิ่งสำคัญฝากเรื่องการลงมติ และการแสดงตน ให้สังเกตเพื่อนสมาชิกข้างๆ เพราะจะมีการลงมติหลายมาตราและมีการแสดงตนหลายครั้ง ให้สะกิดเพื่อน บางคนลืมหากไม่ได้กดชีวิตเปลี่ยน และอาจจะมีปัญหาขอให้ช่วยดูแลกัน และมั่นใจว่าเลขาธิการพรรค และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ประสานไปยังพรรคการเมือง ทุกพรรคยืนยันว่าจะเป็นองค์ประชุม

ฝ่ายค้านบอกไม่เป็นองค์ประชุมให้เรา มีแต่พวกเราช่วยกันกัน มั่นใจว่าพวกเราจะดูแลกันและเป็นองค์ประชุมให้รัฐบาล สามารถผ่านงบประมาณปี 2569 แบบไม่มีปัญหา ขอให้กำลังใจทุกคน ขอให้อดทนนิดนึงจะอยู่ด้วยกันจนดึก และตื่นแต่เช้ามาพร้อมกันเวลา 09:00 น. หากมาเซ็นชื่อช้า ก็จะเลิกดึก ตั้งเป้าไว้ว่า 23:30 น. ของทุกวัน จะปิดการประชุมหากช้ามาสาย ก็จะประชุมหลังเที่ยงคืน ขอให้ทุกคนอดทนตื่นเช้ามา มั่นใจว่าหลายคนตื่นเช้า ก่อนที่จะให้กำลังใจทุกคนในการประชุมและแสดงความพร้อมในการพิจารณาร่างกฎหมาย

#โต๊ะข่าวการเมืองไทยพีบีเอส

ศ.สิริพรรณ มองฉากทัศน์ คดีทางการเมืองที่จ่อ “นายกฯอิ๊งค์-ทักษิณ” จุดเปลี่ยนการเมือง ยกปรากฏการณ์รัฐบาลเร่งทำคะแนนนิยม เต...
10/08/2025

ศ.สิริพรรณ มองฉากทัศน์ คดีทางการเมืองที่จ่อ “นายกฯอิ๊งค์-ทักษิณ” จุดเปลี่ยนการเมือง ยกปรากฏการณ์รัฐบาลเร่งทำคะแนนนิยม เตรียมยุบสภาต้นปีหน้า นายกฯยังไม่ลาออกชิงหนี ศร.ขี้ขาด
.
วันนี้ (10 ส.ค.68) ศ.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินฉากทัศน์ทางการเมือง ในคำร้อง คลิปสนทนาสมเด็จฮุนเซน ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะไม่มีการลาออกตำแหน่งก่อนที่ศาลจะวินิจฉัย และพร้อมที่จะเผชิญหน้า

“ ต่อให้ลาออกแล้วคนคิดว่าคำที่นิสัยหักเป็นลบจะส่งผลต่ออนาคตทางการเมือง และอนาคตในวงเศรษฐกิจของอุ๊งอิ๊ง แต่ว่าคดีนี้มีอีกที่ยื่นฟ้อง ป.ป.ช. อาจจะใช้เวลานานนิดหนึ่งก่อนที่จะส่งอัยการ และฟ้องที่ศาลฎีกา ดังนั้นต่อให้ลาออกอีกช่องทางหนึ่งก็ยังดำเนินอยู่” ศ.ศิริพรรณกล่าว

ศ. สิริพรรณ กล่าวต่อว่า 1.หากคำวินิจฉัยเป็นบวก นางสาวแพทองธารจะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่ยังเกิดคำถามว่ารัฐบาลจะครบเทอมหรือไม่ ในพฤษภาคม 2570 ประเมินว่าไม่ครบเทอม เห็นจังหวะเร่งทำคะแนน การโยกย้ายข้าราชการ การกำจัดคู่แข่งทางการเมือง โดยเงื่อนไขและกลไกต่างๆ 2. หากคำวินิจฉัยไม่เป็นคุณ นอกจากคุณอุ๊งอิ๊ง จะต้องพ้นจากตำแหน่ง ครม. ทั้งคณะจะต้องพ้นไปด้วย แต่รักษาการ ต้องลุ้นว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นใคร

ซึ่งบัญชีพรรคเพื่อไทย มีนายชัยเกษม แต่เพื่อไทยมี 141 ซึ่งพรรครวมกันมี 255 เสียง จะสามารถคุมสภาพรวมรัฐบาลแบบนี้ได้หรือไม่ เป็นจุดสุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะมีพรรคตัวแปรอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ 36 สส. ที่แบ่งเป็น2กลุ่ม สุชาติ ชมกลิ่น ที่อาจจะย้ายไปอยู่พรรคโอกาสใหม่ และอีกกลุ่มของนายพีระพันธ์ หักถอนออกไป รัฐบาลจะไม่เป็นเสียงข้างมาก

ตัวเลือกต่อไปเป็นนายอนุทิน ส่วนตัวมองว่าเป็นไปได้ยาก เพราะขณะนี้มี 69 เสียงพรรคภูมิใจไทย ต่อให้พรรคประชาชนมาโหวตให้ ยังต้องการเสียงอีก 36 เสียง แสดงว่าจะต้องมีเช่นพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือประชาธิปัตย์ มาเทคะแนนให้ แต่ก็ยังไม่พอ และเชื่อว่าเป็นไปได้ยากที่พรรคประชาชนจะโหวคให้ แม้จะมีการพูดคุยกันแต่มองว่าเป็นการต่อรองของสองพรรคมากกว่า และเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่กลับเข้าสู่เส้นทางทางการเมือง ต่อให้ชื่อมีคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าไม่น่าจะรับ

“ ในเงื่อนไขเป็นสามเส้า เพื่อไทย ภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยนายชัยเกษมยังเป็นไปได้มากกว่า แต่คำถามคือรัฐบาลคุณอุ๋งอิ๋งจะอยู่ในสภาได้นานแค่ไหน“ ศ.สิริพรรณ กล่าว

ศ.สิริพรรณ เชื่อว่าจะมีการยุบสภาเร็วขึ้น ด้วยจังหวะการทำคะแนนของพรรคเพื่อไทย เช่นการผลักดันเรื่องยาเสพติด การแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน การโยกย้ายข้าราชการ เรื่องเขากระโดง แม้แต่เรื่องของ สว. ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการเลือกตั้งเร็วกว่ากำหนด ในช่วงต้นปี 2569 แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นผลที่จะได้คะแนนนำเป็นอันดับหนึ่ง เพราะทุกพรรคขณะนี้คะแนนลดลง และฝ่ายค้านยังไม่สามารถทำคะแนนเรียกร้องความเชื่อมั่นสร้างความศรัทธาในการให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาได้ ซึ่งจุดเปลี่ยนคือคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีต่อนายกรัฐมนตรี รวมถึงคดีความของนายทักษิณชินวัตร ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ และวันที่ 9 กันยายน

กล่าวถึงคดีทางการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตร มาตรา 112 ที่จะมีการพิพากษาวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ซึ่งคดีนี้ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นโทษ จะยังไม่จบลงในวันดังกล่าวเพราะขั้นตอนตามกฏหมายยังมีการยื่นอุทธรณ์ได้ จนสิ้นสุดกระบวนชั้นฎีกาใช้เวลาราว3- 4 ปี ส่วนคดีที่น่าหวาดเสียวสำหรับคนทักษิณ คือวันที่9 กันยายน ที่ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษา และมีคำคำสั่งให้นายทักษิณต้องไปฟังด้วย

“คดีนี้มีความสุ่มเสี่ยง ที่จะเป็นทางลบ แนวโน้มอาจเป็นว่าผู้ทำหน้าที่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ หรือคนที่มีคำสั่งในแวดล้อม อาจจะได้รับคำพิพากษาที่เป็นด้านลบ ส่วนคุณทักษิณ ถ้าเป็นด้านลบ ก็จะมีพระราชบัญญัติจำคุกนอกเรือนจำ ซึ่งผ่านมาตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ สมัยรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็จะจำคุกนอกเรือนจำได้ วินิจฉัยอาจจะเป็นคุณต่อนายทักษิณก็เป็นไปได้” ศ.สิริพรรณกล่าว

นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองไม่ถึงทางตัน ที่จะมีการรัฐประหาร หรือกรณีที่จะต้องมีนายกรัฐมนตรีมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญ

ครบ 1 ปี พรรคประชาชน “ณัฐพงษ์” อัดคลิปสรุปผลงาน ฝ่ายค้านที่ไม่เคยนิ่งเฉยกับทุกวิกฤติของประเทศ “น้ำท่วม-ตึก สตง.ถล่ม-แก๊ง...
09/08/2025

ครบ 1 ปี พรรคประชาชน “ณัฐพงษ์” อัดคลิปสรุปผลงาน ฝ่ายค้านที่ไม่เคยนิ่งเฉยกับทุกวิกฤติของประเทศ “น้ำท่วม-ตึก สตง.ถล่ม-แก๊งคอลเซนเตอร์- การปฏิรูปประเทศ -แก้รัฐธรรมนูญ -และทำงานเชิงรุกทุกมิติ เพื่อเตรียมการเป็นรัฐบาล
...
วันนี้ (9 ส.ค.68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความและภาพวิดีโอในเฟซบุ๊ก เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีการเข้าอยู่พรรคประชาชน ระบุข้อความว่า 1 ปีพรรคประชาชน เป็นหลักยึดให้สังคม สร้างอนาคต ที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และมีคลิปวิดีโอที่นายณัฐพงษ์กล่าว สาระสำคัญว่า ครบรอบ 1 ปี พรรคถิ่นกาขาว เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคประชาชน และไล่เลียงถึงผลงาน และความก้าวหน้า ของพรรคประชาชน

ในช่วงเดือนแรกที่มีเงินบริจาคจากประชาชนกว่า 28 ล้านบาท ให้กับพรรค จากนั้นภายใน 3 เดือนมียอดสมัครสมาชิกทะลุ 100,000 คน ซึ่งสะท้อนถึงความไว้วางใจ ทำให้กลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง เพื่อเดินหน้ารับใช้ประชาชน และในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเจอเหตุการณ์หลักหลายอย่าง น้ำท่วมใหญ่
-แผ่นดินไหวที่ทำให้อาคาร สตง.ถล่ม -ความผิดปกติในการใช้งบประมาณกองทุนประกันสังคม ซื้อตึก Skyy9 ที่แพงเกินจริง -ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ความตึงเครียดชายแดนไทยกับกัมพูชา -ผลกระทบภาษีทรัมป์

ซึ่งพรรคประชาชนไม่เคยนิ่งเฉยในวิกฤตต่างๆเหล่านี้ ในการรับมือ โดยเฉพาะความไม่สงบในชายแดนที่ได้เปิดศูนย์ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา และภาคประชาสังคม สร้างเครือข่ายช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภัยพิบัติ ปัจจุบันมี 75 ส่วนช่วยเหลือทั่วประเทศ ขณะเดียวกันพรรคประชาชนได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาอย่างเข้มข้น ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณที่ผิดปกติ

“ทั้งเรื่องอาคาร สตง. งบกองทุนประกันสังคม เราตั้งกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบผ่าน LINE OFFICIAL เปิดรับข้อมูลทุกกรณีที่มีข้อสงสัย จากการทุจริตในโครงการภาครัฐ ซึ่งกรรมาธิการติดตามงบที่พรรคประชาชนเป็นประธาน ดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว 113 เคส และสามารถปิดกรณีต่างๆไปแล้ว 47 เคส ไม่เพียงตรวจสอบแต่ลงมือแก้ไขปัญหาด้วย” นายณัฐพงษ์กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาชนยังกล่าวถึงผลงาน การเปิดโครงการนักสืบทุนเทา
ตรวจสอบธุรกิจสีเทา ผ่านกลไกกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจจาก 1200 เคส ปิดสำเร็จ 991 เคส , และยังเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่ดินใน 48 จังหวัด ผ่านคณะกรรมการที่ดินและสิ่งแวดล้อมจำนวน 60 เคส ที่ได้รับการคลี่คลายแก้ไขปัญหา และผลักดันแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเป็นระบบ ผ่านคณะกรรมาธิการความมั่นคง ซึ่งทั้งหมดคือการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ที่ไม่ได้แค่ตรวจสอบ แต่ลงมือทำเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม ตั้งแต่วันนี้

ยังคงเน้นย้ำถึงการทำงานเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ด้วยชี้ว่ามีหลายโครงการมีความจำเป็นต่อการเป็นรัฐบาลในอนาคต เช่นการจัดการน้ำทั้งระบบ แก้น้ำท่วมแก้น้ำแล้ง -แก้ไขปัญหากองขยะ 2000จุดทั่วประเทศ มีการศึกษาพัฒนาไปสู่เตาเผาขยะสะอาดขนาดใหญ่-เตรียมชุดกฎหมายชุดใหญ่ให้มีการปฏิรูป รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ที่พร้อมผ่านสภาทันทีหากมีอำนาจ

และกล่าวถึงความมุ่งมั่นที่จะทำพรรคประชาชนให้โปร่งใสตรวจสอบได้ อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน ส่วนตัวการเปลี่ยนจากพรรคก้าวไกลมาพรรคประชาชนไม่ใช่การเปลี่ยนแค่ชื่อ แต่คือการสานต่อภารกิจที่ยังไม่ยอมแพ้ ภารกิจที่เรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่ คือการทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนในประเทศนี้ และชี้ว่าได้เวลาที่ประชาชนจะกำหนดอนาคตของตัวเองและเดินทางไปต่อกับพรรคประชาชนไปด้วยกัน

#ข่าวการเมืองไทยพีบีเอส

กกต.มีมติ กำหนด 14 ก.ย. หย่อนบัตรเลือกตั้งซ่อมเขต 7 เชียงราย แทนตำแหน่งที่ว่าง รับสมัคร 13-17 ส.ค.นี้ ที่หอประชุมที่ว่าก...
08/08/2025

กกต.มีมติ กำหนด 14 ก.ย. หย่อนบัตรเลือกตั้งซ่อมเขต 7 เชียงราย แทนตำแหน่งที่ว่าง รับสมัคร 13-17 ส.ค.นี้ ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเชียงแสน
.
วันนี้ (8 ส.ค.68) สำนักงาน กกต. เผยแพร่เอกสารข่าว การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ในวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2568 ด้วยมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. 2568

คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกตฦ ได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กำหนดวันเลือกตั้ง และวันรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง

กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. เป็นวันเลือกตั้ง และรับสมัครระหว่างวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 ถึงวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย

เขตเลือกตั้งที่ 7 ประกอบด้วย อำเภอแม่จัน (เฉพาะตำบลจันจว้าและตำบลจันจว้าไต้) อำเภอเชียงแสน
อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงของ (เฉพาะตำบลครึ่ง ตำบลศรีดอนชัย ตำบลริมโขง ตำบลาบลเวียง ตำบลสถาน
และตำบลห้วยซ้อ) และอำเภอเวียงแก่น
สามารถติดตามหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการ

การเลือกตั้ง www.ect.po.th หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย โทรศัพท์
0 5317 7362 - 4 หรือสอบถามข้อมูลได้ที่บริการสายด่วน 1444

08/08/2025

ด่วน..!!..กกต. มีมติกำหนดวันเลือกตั้งซ่อม เขต 7 จ.เชียงราย วันที่ 14 กันยายนนี้ แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่พ้นจากตำแหน่ง

“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อัพเดท ความคืบหน้า ร่าง กม.นิรโทษกรรม ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือนบวกลบ หวังให้กฎหมายเป็นเครื่อง...
07/08/2025

“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อัพเดท ความคืบหน้า ร่าง กม.นิรโทษกรรม ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือนบวกลบ หวังให้กฎหมายเป็นเครื่องมือสร้างเสริมสันติสุขในสังคมไทย แม้จะยังมีความคิดเห็นต่างอยู่บ้าง เผยมติ กมธ.ข้างมากระบุ บัญชีแนบท้าย 25 ฐานความผิด และกำหนดกรอบนิรโทษตั้งแต่ปี2548 จนถึงกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาจานุเบก
.....
วันนี้ (7 ส.ค. 68) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก สาระสำคัญระบุถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างกฎหมายว่า ก่อนหน้านี้ได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมมาโดยตลอด และเป็นผู้ได้รับเชิญไปให้ข้อมูลในชั้นกรรมาธิการ รวมถึงการเดินสายพูดคุยกับคนหลายกลุ่ม แกนนำมวลชน ทั้งที่เห็นด้วยและเห็นต่าง ผู้รู้ด้านกฎหมาย ซึ่งสิ่งที่ได้ยินมีความแตกต่างเกี่ยวกับการนิรโทษฯที่ต้องเว้นบางคดี บางกลุ่มว่าคดีถึงแก่ชีวิตกับคดีทุจริตต้องยกเว้น มีความเห็นที่หลากหลาย

นายณัฐวุฒิยังได้ส่งร่างกฎหมายจำนวน3 ฉบับที่สภารับร่างให้ผู้ใหญ่หลายคนได้พิจารณาดู เพื่อที่จะหาทางทำให้การจัดทำร่างกฎหมายออกมาให้ดีที่สุดมีความครอบคลุมมากที่สุด โดยการประชุมครั้งที่ผ่านมามีการเชิญ ศาสตราจารย์ววุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า , นายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความ และยิ่งชีพ อัชฌานนท์ จากไอลอว์ มาเป็นที่ปรึกษาเพื่อร่วมคิดร่วมทำด้วยกัน

จากนั้นการประชุมครั้งที่2มีการกำหนดกรอบและแนวทางของตัวร่างกฎหมาย ซึ่งมีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันมีมติด้วยเสียงข้างมากให้กำหนดบัญชีแนบท้ายระบุฐานความผิดเอาไว้ ซึ่งตามร่างหลักพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ระบุ 12 ฐานความผิด และหลายคนเห็น ตรงกันว่ามีคดีที่ตกหล่นจำนวนมาก ด้วยกรรมาธิการชุดก่อนหน้านี้ระบุไว้ 25 ฐานความผิด ที่เชื่อกันว่าจะครบถ้วน ส่วนกรอบเวลาที่จะให้มีการนิรโทษกรรมคือนับตั้งแต่ปี 2548 ไปจนถึงวันที่กฎหมายประกาศบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษา

นอกจากนี้ประเด็นที่มีการพิจารณาคือโครงสร้าง ที่มา และอำนาจหน้าที่ของกรรมการที่มาดำเนินการให้เป็นไปตามกฏหมาย โดยยังคงมีรายละเอียดในหลายแง่มุมที่ต้องพิจารณากันอย่างละเอียดถี่ถ้วนซึ่งจะประชุมกันในครั้งถัดไป และเน้นย้ำถึงความตั้งใจจะทำงานในชั้นกรรธิการให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน บวกลบ และหวังว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการ สร้างเสริมสันติสุขในสังคมไทย แม้ว่าความแตกต่างทางความคิดจะยังมีให้เห็นอยู่อย่างชัดเจนลึกซึ้งก็ตาม

07/08/2025

ที่อยู่

145 ไทยพีบีเอส ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่
Bangkok
10210

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 18:00
อังคาร 09:00 - 18:00
พุธ 09:00 - 18:00
พฤหัสบดี 09:00 - 18:00
ศุกร์ 09:00 - 18:00
เสาร์ 10:00 - 17:00
อาทิตย์ 10:00 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ โต๊ะข่าวการเมือง ไทยพีบีเอสผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง โต๊ะข่าวการเมือง ไทยพีบีเอส:

แชร์