29/09/2025
Van Leeuwen ไอศกรีมฟู้ดทรัคสร้างไอเดียเปลี่ยน "รถเก่า" ให้เป็น "ขุมทรัพย์" ทำเงินหลักล้าน
กรณีศึกษาที่น่าสนใจเป็นเรื่องราวของ Ben Van Leeuwen ที่ปัจจุบันไอศกรีมชื่อว่า Van Leeuwen ขายในรูปแบบของฟู้ดทรัค โดยมีจุดเริ่มต้นช่วงกำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยที่มีความจำเป็นต้องการใช้เงิน และได้เห็นโฆษณาผ่านทางหนังสือพิมพ์ที่ให้ค่าจ้างขายไอศกรีมสัปดาห์ละ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ จึงตัดสินใจเลือกทำงานนี้
“งานตรงนี้ทำให้ผมมีเงินเก็บโดยไม่ต้องกลับไปเรียนต่อ มีเวลาเดินทางรอบโลกถึง 9 เดือน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง” Ben Van Leeuwen กล่าว
เจ้าตัวเดินทางไปหลายที่มากทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส ล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนความคิดเรื่องของอาหารให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จนกระทั่งในปี 2008 เขาได้ไปเห็นไอศกรีมฟู้ดทรัค ชื่อว่า “Mister Softee” ในเมืองนิวยอร์ก จึงมีความสนใจที่อยากจะทำอาหารดี ๆ ที่ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ เลยมาหยุดที่การทำไอศกรีม
แม้ว่าจะได้ธุรกิจที่อยากทำ แต่ปัญหาใหญ่ของ Van Leeuwen คือไม่มีความรู้เรื่องการทำไอศกรีมมาก่อน ดังนั้น เขาในวัย 24 ปี ต้องหาข้อมูล ศึกษาร่วมกับน้องชาย และเพื่อนสนิท โดยพวกเขาได้ทำตามสูตรอาหารตามเชฟมิชลินอย่าง Thomas Keller เพื่อทำไอศกรีมวานิลลา และพบว่าขั้นตอนนี้ง่ายต่อการทำตาม พร้อมทั้งสร้างแบบจำลองสิ่งที่จะกลายเป็นสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Van Leeuwen ที่เป็นสูตรอาหารเรียบง่าย และมีคุณภาพสูง
พวกเขาเริ่มต้นจาก รถบรรทุกเก่าๆ สีเหลือง ที่ซื้อมาจาก eBay ในราคาเพียง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และนำมาดัดแปลงเป็นรถไอศกรีมฟู้ดทรัคคันแรก ซึ่งจุดเด่นคือการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติชั้นดี ปราศจากสารคงตัว, คอร์นไซรัป และผงนมต่างๆ
ในวันแรกที่พวกเขาจอดรถที่มุมถนนในย่านโซโห ผู้คนก็เริ่มมาเข้าคิวรอซื้อไอศกรีมของพวกเขาอย่างไม่ขาดสาย และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Van Leeuwen กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
หลังจากเปิดไป 3 ชั่วโมง พวกเขาพูดคุยกันว่าจะไม่เปิดขายไอศกรีมแบบฟู้ดทรัคอีก แต่เมื่อสิ้นช่วงซัมเมอร์ Van Leeuwen ได้ขยายรถฟู้ดทรัคเพิ่มเป็นอีก 3 คันในเมืองนิวยอร์ก และภายในปี 2010 ธุรกิจทำรายได้มากถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในปีเดียวกันก็ได้ขยายธุรกิจไปยังที่ต่าง ๆ ต่อมาในปี 2017 ธุรกิจได้รีแบรนด์ครั้งสำคัญ สร้างภาพลักษณ์ให้สะดุดตามากขึ้น ซึ่งตามรายงานพบว่าช่วยเพิ่มยอดขายได้ถึง 50%
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนของธุรกิจ อยู่ที่วันที่เปิดขายไอศกรีมอย่างเป็นทางการตรงหัวมุม Greene and Prince ใน SoHo ที่มีลูกค้าเดินเข้ามาต่อแถว สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ตัวแทนจากร้าน Whole Food เข้ามาสอบถามว่าสนใจที่จะขายส่งไอศกรีมหรือไม่ ซึ่งพวกเขาไม่รีรอที่จะตอบตกลง
เงินที่ได้มา Van Leeuwen นำไปใช้กับการขยายการดำเนินงาน และหาวัตถุดิบ ส่วนผสมจากทั่วโลก เพื่อสร้างรสชาติไอศกรีมอันเป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญไปมากกว่านั้น คือแบรนด์ไอศกรีมของเขาไม่ต้องใช้เงินซื้อโฆษณาแม้แต่บาทเดียว
สำหรับจุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่การให้ความสำคัญกับส่วนผสมที่ไม่ต้องมากมาย และเน้นความเป็นธรรมชาติ โดยใช้เพียงแค่ครีม, นม, ไข่, น้ำตาล, อ้อย และเกลือทะเลเพื่อให้ได้รสชาติไอศกรีมที่แท้จริง เช่นเดียวกับในส่วนของรสชาติที่นอกจากมีรสต้นตำรับแล้วอย่างวานิลลาและช็อกโกแลต รวมถึงไอศกรีมวีแกนที่ทำจากนมมะม่วงหิมพานต์ และนมข้าวโอ๊ต ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้า ก็มีรสชาติที่น่าสนใจอย่างรสชีสมาคาโรนีของ Kraft หรือรสซอสสลัด Hidden Valley Ranch ที่ทำร่วมกับแบรนด์ดัง
ปัจจุบันไอศกรีมฟู้ดทรัค Van Leeuwen เดินทางในการทำธุรกิจมาได้สักระยะหนึ่ง ถือว่าประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อย เมื่อดูจากรายได้ที่ทำได้มากถึง 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 10 ล้านบาท) ต่อวัน จนทำให้กลายเป็นแบรนด์ของหวานชั้นนำในสหรัฐฯ มีลูกค้ามาซื้อ 40,000 รายต่อวัน
จากรถฟู้ดทรัคคันเดียวปัจจุบัน Van Leeuwen ได้ขยายกิจการไปสู่ร้านไอศกรีม (Scoop Shops) หลายสิบสาขาในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ รวมถึงมีจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำเกือบ 10,000 แห่ง และมีแผนขยายสาขาไปยังต่างประเทศอีกด้วย ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของธุรกิจที่เติบโตจากจุดเล็กๆ จนกลายเป็นอาณาจักรไอศกรีมที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เลยครับ
ที่มา: vanleeuwenicecream, cnbc
#ไอศกรีม #ไอเดียธุรกิจ #ไอศกรีมฟู้ดทรัค #ธุรกิจ