04/08/2025
                                            -  #การใช้ชีวิตสบายเกินไป  #อาจทำให้เราไม่ตระหนักถึงความยากลำบาก ทำให้เราอยู่ในเซฟโซนเกินไป ซึ่งอาจทำให้เราเป็นคนทำอะไรเหยาะแหยะ ไม่ตั้งใจจริง เดี๋ยวทำเดี๋ยวเลิก และหาเป้าหมายที่แท้จริงในชีวิตไม่ได้ …🧐
    ✅ ผมยังจำได้ว่า สมัยผมบรรจุเป็น นิติกรปฏิบัติการ ศาลฎีกา ซึ่งเป็นช่วงที่ผมเตรียมตัวสอบอัยการผู้พิพากษาอย่างเข้มข้น
👉🏻   - ตอนนั้นผมยังพักอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งการเดินทางของผมไปทำงานในทุกๆ วัน ผมจะต้องเริ่มจาก การตื่นนอนตั้งแต่ 4.30 น.ไม่เกิน 5.00 น. จากนั้นอาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวไปทำงาน 
👉🏻   - ซึ่งก่อนเดินทางไปทำงาน ผมจะนั่งดูตัวบทกฎหมายที่ห้องพัก ไปจนถึงเวลาประมาณ 7.00 น. จากนั้นนั่งเรือจากหน้ารามคำแหงไปจนสุดสายผ่านฟ้าลีลาศ แล้วต้องต่อรถเมล์ไปยังศาลฎีกา 
👉🏻   - พอไปถึงศาลฎีกา หากมีเวลาเหลือก่อนเริ่มงาน ผมก็จะไปกินข้าวเช้าและรีบมาดูตัวบทต่อ เมื่อถึงเวลาเข้างาน 8.30 น. ผมก็จะทำงานไปจนถึงเวลาพักเที่ยง พอพักเที่ยงก็จะรีบไปกินข้าวเที่ยงเพื่อไปจองที่อ่านหนังสือ ณ ห้องสมุดศาลฎีกา ซึ่งหากไปช้าจะไม่มีที่อ่านเนื่องจากที่นั่งมีจำนวนจำกัด ซึ่งผมจะอาศัยงีบหลับประมาณ 15 นาที ก่อนอ่านหนังสือ โดยตอนเที่ยงผมจะอ่านตำราเล่มหลักที่ใช้ในการสอบในแต่ละวิชาตามแผนที่วางไว้ พอถึงเวลา 13:00 น. ผมก็ไปทำงานต่อจนถึงเวลา 16.30 น. ได้เวลา เลิกงานและเดินทางกลับที่พัก 
👉🏻    - ซึ่งส่วนใหญ่ขากลับผมจะเดินเท้า ไปพร้อมรุ่นพี่และรุ่นน้องที่ทำงานศาลฎีกาด้วยกัน (หนึ่งในนั้นมีอาจารย์ยิว ปารเมศ เทพรักษ์ สอบผู้พิพากษาสนามใหญ่ได้ที่ 4  อายุ 25 ปี สอบแค่เพียงครั้งเดียว ) เดินจากศาลฎีกา เดินลัดเลาะไปหลังศาลฎีกาย่านคลองหลอดเพื่อเดินไปขึ้นเรือที่ ท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อนั่งเรือกลับไปยังหน้าราม โดยระหว่างนั่งเรือผมจะอาศัยงีบหลับระหว่างทางเพื่อออมแรงไปอ่านหนังสือต่อที่ห้องสมุดในมหาลัยรามคำแหง จนถึงประมาณ 22.00 น. 
          และกลับไปยังที่พักอาบน้ำทำข้อสอบเก่าต่อไปจนถึงเวลาประมาณ 0.00 น. ส่วนใหญ่ทำแบบนี้เป็นประจำทุกวัน อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแต่ละวันผมรู้สึกเหนื่อยมาก แต่ไม่เคยท้อ คิดอยู่เสมอ หากสอบได้เร็ว ๆ ผมจะไม่ต้องมาอ่านตำราอย่างหนักหน่วงแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะสอบได้อีก 
        ✅💯 จนกระทั่งผมทำงานที่ศาลฎีกาได้ประมาณหนึ่งปีสี่เดือน ก็สามารถสอบได้เป็น “อัยการ” ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งตอนนั้นอายุประมาณ 26 ปี ส่วนตัวผมคิดว่าการที่เรายอมลำบากตั้งแต่วันนี้ อาจเป็นผลให้เราสบายในวันหน้าก็ได้ ซึ่งผมได้พิสูจน์มากับตัวเองและมันก็เป็นเช่นนั้นจริง หากผมใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย  ผมคงไม่ตระหนักถึงความยากลำบากที่เป็นแรงผลักดันให้ผมทำตามเป้าหมายได้ดี จนประสบความสำเร็จในวิชาชีพฯ 
         
     ✅💯👉🏻 ผมคิดว่า คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ ล้วนฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก ล้วนผ่านความยากลำบากมาหลายรูปแบบ ล้มลุกคุกคลานมานับครั้งไม่ถ้วน กลายเป็นอุปสรรค ทำให้เรามีภูมิคุ้มกัน จนสามารถก้าวผ่านความยากลำบากนี้ไปได้ เป็นผลให้พวกเขาเหล่านั้นประสบความสำเร็จ อย่างสมเหตุสมผล
     อนึ่ง “ ไม่ว่าภูเขาจะสูง เฉียดฟ้า สักเท่าไร หากใจท่านหนักแน่นและมั่นคงพอ สักวันท่านคงไปถึง”
     บันทึกไว้ ณ สำนักงานอัยการจังหวัดแม่สอด./
                     นายชยพล ยศใหญ่ 
                     อัยการจังหวัดผู้ช่วย
          (อัยการ สนามใหญ่ รุ่น 61 ลำดับที่ 3)