19/10/2025
‘เดินห้วยไผ่ นอนไฮตาก’
สามคืนสี่วัน หลับฝันในเมืองเลย
ตอนสาม
เช้าวันใหม่ ฟ้ายังไม่สว่าง เส้นทางยังดำเทา เราขับรถออกจากบ้านพักมาที่ลานจอดรถก่อนถึงยอดภูเรือ จอดรถทิ้งไว้แล้วเดินทางต่อด้วยรถสองแถวของคนภูเรือ ระยะทางไม่เกินหนึ่งกิโลเมตร เดินก็ได้ แต่ขึ้นรถดีกว่า ไป-กลับแค่ ๒๐ บาท ถือว่ากระจายรายได้สู่ชุมชน เป็นความร่วมมือระหว่างอุทยานฯ กับชาวบ้าน ก่อเกื้อให้เกิดรายได้ รวมถึงช่วยกันดูแลป่าไปโดยปริยาย (ป่าอยู่ได้ คนอยู่ได้ มีลมหายใจเสมอ)
ฟ้าเริ่มสว่างแต่ทางยังไม่ชัด เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะสายลมหนาวหอบเอาม่านหมอกหนาขึ้นมาจากหุบเขาด้านล่าง เราและนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นตกอยู่ในสภาวะเดียวกันคือเข้าไปอยู่ในอ้อมอกทะเลหมอก คล้ายฝันมากกว่าจริง เหตุการณ์แบบนี้ช่างภาพ khobjaithailand เจอประจำ โดยเฉพาะที่นี่ สำหรับนักท่องเที่ยวถ้ามีเวลาอยากให้เดินถ่ายรูปเล่น แวะไหว้องค์พระพุทธรูปบนจุดสูงสุดของภูเรือ รอเวลาให้สายลมพัดผ่าน จะนานแค่ไหนไม่รู้ แต่เดี๋ยวเราก็เห็นภาพทะเลหมอก ได้สบตาตะวัน ส่วนเรารอไม่ได้ต้องรีบลงไปร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการเดินป่าในวันนี้ ขณะหันหลังให้ยอดภูแอบปลอบตัวเองว่า “ได้แค่นี้ก็ดีต่อใจ ดีแค่ไหนมีโอกาสได้มาอยู่ในทะเลหมอก”
หลังอาหารเช้า เริ่มลงทะเบียนผู้รักษ์ป่า ชอบเดินป่า ผู้ต้องการศึกษาธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ลงทะเบียนเสร็จอบรมสัมมนาเกี่ยวกับป่ากันนิดหน่อย ให้ความรู้เรื่องทางเดินไป ‘น้ำตกห้วยไผ่’ กับระยะทาง ๒.๕ กิโลเมตร ไป+กลับ ๕ กิโลเมตร รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ เช่น เดินอย่างไร แต่งตัวยังไง จะพบเจออะไร ใครที่ใส่ขาสั้นต้องฉีดยากันแมลงเยอะหน่อย ช่วงปลายฝนยุงในป่าเยอะหรือมีแมลงอื่นๆ เข้ามารบกวน )เป็นธรรมดาของป่า) จากนั้นบันทึกภาพร่วมกันแล้วออกเดินไปบนเส้นทางสายแคบ ผ่านป่าไผ่ไปจนถึง ‘น้ำตกห้วยไผ่’ จุดหมายปลายทางของเราทุกคน
ระหว่างทางมีการหยุดพักเป็นระยะกระทั่งถึงน้ำตก ถึงโลกของคนเดินป่า ถึงเวลาเสพสัมผัสสิ่งที่โหยหามานานนับปี วันนี้น้ำตกห้วยไผ่ไม่ทำให้ใครผิดหวัง สวย ใส ได้ใจคนจรไปเต็มๆ
ถ่ายภาพน้ำตกกันจนอิ่มเอมจึงเดินทวนทางขึ้นไปริมธารด้านบน คนเดินป่ากระจายตัวไปเล่นน้ำบ้าง นั่งพูดคุยและกินอาหารในเพิงแคมป์บ้าง เท่าที่เห็นเชื่อว่าทุกคนปริ่มสุข ไร้ทุกข์ ใบหน้าปนเปื้อนด้วยรอยยิ้ม มีเสียงเริงร่าปรากฏตลอดเวลา ไม่เว้นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวมถึงเราด้วย ต้องขอบคุณผืนป่า สายธารา และมิตรไมตรี วันดีๆ ย่อมมีความหมายเสมอ
หลังออกจากป่าห้วยไผ่ได้ไม่นานต้องร่ำลาหัวหน้าอุทยานฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ร่วมเดินทางด้วยกัน ลงจากอุทยานฯ แวะไปถ่ายภาพที่ ‘แก่งเกลี้ยง’ แก่งน้ำกว้างใหญ่ที่คนทั่วไปนิยมมาแช่กันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สุดท้ายปลายวันขับรถลัดเลาะเส้นทางคดโค้งจนถึงจุดหมายนั่นคือ ‘บ้านไฮตาก’ หมู่บ้านบนภูเขาที่กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนไทยเต็มรูปแบบ ก่อนเข้าที่พักแว้ปไป ‘ร้านคอฟฟี่ เดอ ไฮตาก’ ร้านกาแฟบนจุดชมวิวสูงสุดจุดหนึ่ง ถามหาเจ้าของร้านคือผู้ใหญ่จัน ภรรยาผู้ใหญ่บอกว่าไปร้อยเอ็ดเดี๋ยวกลับมาตอนค่ำๆ เธอบอกให้เราไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนแล้วไปเจอที่ ‘ร้านลาคำวัน’
คืนนี้โอกาสดีได้พักที่ ‘ไวท์ เฮ้าส์’ บ้านพักสุดเท่ เป็นบ้านพักในมุมดี มองเห็นวิวดีมาก ได้เห็นทิวทัศน์หมู่บ้านไฮตากกับขุนเขากว้างไกลในมุม ๑๘๐ องศา เสียแต่ว่าค่ำเร็วไปหน่อย เอาไว้พรุ่งนี้จะเสพที่นี่แบบละเอียดอีกที
ยามค่ำ อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว ต้องสวมเสื้อกันหนาวให้อบอุ่น เรานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับผู้ใหญ่จัน (จันทรักษ์ อาจสมบาล) และ ‘โย ติดด่าน’ อาร์ติสมือดีสุดๆ คนหนึ่งของเมืองเลย (เขาขับรถมาจากบ้านปากหมัน อ.ด่านซ้าย) นั่งพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม แทรกเสียงหัวเราะ เฉาะกันด้วยคมคิดในความคุ้นเคย และจากกันด้วยสุขที่โอบอุ่น อุ่นเท่าที่เราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ ขอบคุณอ้อมกอด ขอบคุณมิตรไมตรี พรุ่งนี้ยังเป็นวันดีๆ ของเราเสมอ ขอบคุณหลายๆ สหายเมืองเลย ราตรีสวัสดิ์ครับ
โปรดติดตามตอนหน้า ตอนสุดท้ายในเมืองเลย พบกับเรื่องราวในไฮตากและการเดินทางก่อนกลับเมืองหลวง โปรดติดตามครับ
*อ่านรายละเอียดเพิ่มในคำบรรยายภาพ
#เดินป่าภูเรือ
#ทะเลหมอก
#อุทยานแห่งชาติภูเรือ
#ไฮตาก
ขอบคุณ
- อุทยานแห่งชาติภูเรือ
- ผู้ใหญ่จันทรักษ์ อาจสมบาล