
05/07/2025
หอชมฟ้า ถนนเลียบเล เจดีย์ปะการัง
นครศรีฯ สามสี่วัน
ตอนจบ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายบนแผ่นดินนครศรีธรรมราช แผนที่วางไว้คือไปเที่ยวเชิงศึกษาที่ ‘อุทยานพฤกษศาสตร์’ อ.ท่าศาลา อยู่ภายในมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ต่อด้วยถนนเลียบทะเลซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง อ.สิชล กับ อ.ขนอม ความจริงวางแผนให้สุดตรงนี้ แต่มีป้ายบอกทางป้ายหนึ่งทำให้ต้องไปต่อ บนป้ายเขียนไว้ว่า “เจดีย์ปะการัง” เท่านี้ก็สะดุด เท่านี้ก็หยุดเราไว้ได้
จากตัวเมือง ยานพาหนะคันเดิมพาเราโลดแล่นไปบนถนนสายแคบกระทั่งเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์และเข้าสู่พื้นที่อุทยานพฤกษศาสตร์ แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับพืช สัตว์ แมลง ส่วนไฮไลท์จริงๆ สำหรับนักท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ ‘หอชมฟ้า’
อุทยานพฤกษศาสตร์แบ่งพื้นที่การท่องเที่ยวเชิงศึกษาออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือพื้นราบด้านล่างกับสะพานลอยฟ้าด้านบน บริเวณด้านล่างมีทางเดินคอนกรีตยกสูงจากพื้นทอดยาวเข้าไปในป่าดิบ ทางเดินมีระยะทางประมาณ 800 เมตร ภายในป่ามีสัตว์พวก ‘เนื้อทราย’ ‘กวางดาว’ และสัตว์ที่ไม่ค่อยคุ้นอย่าง ‘คาปิบารา’ ส่วนนกและผีเสื้อนั้นมีอยู่มากมายหลายชนิด บริเวณด้านบนคือ “หอชมฟ้า” สูง 25 เมตร นอกจากตัวหอยังมีทางเดินลอยฟ้าซึ่งมีทั้งทางเดินแบบมั่นคงแข็งแรงบนโครงเหล็กและสะพานแขวน ตอนอยู่บนสะพานแขวนบอกตรงๆ “มีเสียว” คนกลัวความสูงอย่างช่างภาพจาก khobjaithailand ถึงกับขาสั่น ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับงานไม่มีวันขึ้นมา แต่ความจริงบนนี้สวย มองทิวทัศน์ได้กว้างไกล 360 องศา ถ้าก้าวข้ามความกลัวได้ เชื่อว่าความสวยจะสร้างรอยประทับใจให้เราไปอีกนาน (ทางเดินบนหอชมฟ้าระยะทางประมาณ 300 เมตร)
ออกจากอุทยานพฤกษศาสตร์คราวนี้ข้ามเขต อ.ท่าศาลา มาสู่เขต อ.สิชล เคลื่อนตัวมาบนถนนแสนสวย เป็นถนนเลียบทะเล ระหว่างทางมีจุดพักให้ลงไปถ่ายภาพหลายจุด เช่น อ่าวท้องยาง เขาพลายดำ อ่าวท้องหยี ที่ดีมากคือมีทั้งจุดชมวิวและสามารถลงไปสัมผัสหาดทรายได้แบบแนบชิด ตรงเขาพลายดำมีการออกแบบภูมิทัศน์ที่ดี มีที่พัก มีร้านอาหาร มีสายลมเสียงคลื่นสร้างความรื่นรมย์ให้ผู้มาเยือนได้แบบเต็มอิ่ม
นอกจากทัศนียภาพหาดทรายและท้องทะเล ถนนสายนี้ยังมีความสวยงามด้วยหลายช่วงมีลักษณะเหมือนคลื่นขนาดใหญ่ หลายช่วงคดโค้ง และมีบางช่วงสามารถจอดรถได้ แต่ต้องเตือนกันตรงนี้ว่าอย่าพยายามออกไปยืนถ่ายภาพกันกลางถนนเพราะอันตรายมาก รถที่ลงเขามาด้วยความเร็วอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายครับ
บ่ายนิดๆ เราใช้เส้นทางเลียบริมเลสายสิชล-ขนอมออกมาอยู่ในเขต อ.ขนอม แวะกินข้าวริมทาง จากนั้นคิดว่าจะอำลานครศรีธรรมราชกันตรงจุดนี้ แต่แผนเดิมทลายลงเพราะป้ายบอกทางสีน้ำเงินกับคำว่า “เจดีย์ปะการัง” คือมีความสงสัยในชื่อ มีความอยากรู้อยากเห็นตามนิสัย ก่อนจากนครศรีฯ จึงขอเข้าไปกราบเจดีย์ปะการังสักครั้ง
เจดีย์ปะการัง เป็นเจดีย์เดี่ยวอยู่บนเขาในเขต ต.ท้องเนียน อ.ขนอม จากข้อมูลบริเวณนั้นแจ้งว่า องค์เจดีย์มีพุทธลักษณะแบบพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช คือทรงระฆังคว่ำแบบลังกา โครงสร้างภายในก่อด้วยอิฐแล้วใช้ซากปะการังก่อด้านนอกโดยไม่มีวัสดุอื่นเป็นตัวประสาน เคยพังทลายลงมาแต่ทางกรมศิลปากรได้บูรณะให้กลับมามีสภาพสวยงามเช่นเดิม สันนิษฐานว่าอยู่ในยุคกรุงศรีอยุธยา ราวพุทธศตวรรษที่ 19-22 นอกจากนั้นยังมีการพบเครื่องดินเผาโบราณ ในยุคสมัยราชวงศ์หยวน ราชวงศ์หมิง สุโขทัย จำนวนหนึ่ง บริเวณเจดีย์ปะการังยังเป็นจุดชมวิวที่ดีมากคือมองเห็นท้องทะเลในเขต ‘อุทยานแห่งชาติขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้’ กว้างไกลสุดตา
ทั้งหมดนี้คือการท่องเที่ยวเมืองนครหรือจังหวัดนครศรีธรรมราชในตอนที่สามตอนสุดท้าย เป็นวันที่การเดินทางท่องเที่ยวมีความหลากหลายพอสมควร ซึ่งมันดีต่อใจ ดีไปอีกแบบหนึ่ง ขอบคุณการเดินทางที่ช่วยให้เราใสสว่าง รู้จักแหล่งท่องเที่ยวและโลกลับฉบับนครศรีฯ รู้จักร้านอาหารริมทางแบบง่ายๆ ถูก เยอะ รสชาติดี รู้ว่าร้านแบบนี้ยังมีอยู่จริง และที่ดีสุดคือรอยยิ้มของผู้คน พวกเขาส่งยิ้มมากอดคนจรอย่างเราให้อุ่นตั้งแต่แรกกระทั่งสุดทางท้ายในแต่ละวัน ขอบคุณมาก รักนครศรีฯ ครับ
#นครศรีธรรมราช
#สุขทันทีที่เที่ยวไทย
#สุขทันทีที่เที่ยวนครศรีธรรมราช
การเดินทางท่องเที่ยวนครศรีธรรมราชครั้งนี้จบแล้ว แต่ในเบื้องลึกยังไม่จบจริง ยังมีคลิปอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงเรื่องราวตกหล่นบนท้องถนน เอาไว้มาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป ขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอด khobjaithailand สวัสดีครับ
(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในคำบรรยายภาพ)