ThaiPublica ความโปร่งใสและยั่งยืน

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ThaiPublica.org ก่อตั้งในเดือนกันยายน 2554 นำเสนอข่าวสืบสวนสอบสวน เน้นประเด็นตรวจสอบความโปร่งใสภาครัฐ ความโปร่งใสภาคเอกชน และการพัฒนาที่ยั่งยืน ดำเนินงานโดยทีมงานนักข่าวอาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการรวมกันกว่า 60 ปี

ไทยพับลิก้ามุ่งหวังที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งพื้นที่ในการนำเสนอข่าวและแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน และเป็นเครื่องมือในการทำงาน โดยเชื่อมั่นในพลังของสื่อใหม่ว่า การ

ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่และเครื่องมือจะช่วยดำรงความเป็นอิสระของกองบรรณาธิการ ก้าวข้ามข้อจำกัดของสื่อกระแสหลัก และสร้างความแตกต่างให้กับสำนักข่าวไทยพับลิก้า ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวเชิงลึก และการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเข้าใจง่าย

เราเชื่อมั่นว่า การนำ "ความเร็ว" ของพลังสังคมและข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ มาผสานกับ "ประสิทธิภาพ" ของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมโยงและนำเสนอข้อมูล ผนวกกับ "ความลึก" ของนักข่าวมืออาชีพมากประสบการณ์ จะเปิดมิติใหม่ให้แก่วงการสื่อสารมวลชนไทย

ไทยพับลิก้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมิตินี้

บรรณาธิการบริหารและบรรณาธิการด้านความยั่งยืน
บุญลาภ ภูสุวรรณ

บรรณาธิการข่าวข้อมูล
กมล ชวาลวิทย์

บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ
จิระประภา กุลโชติ

กองบรรณาธิการ
สิรินาฏ ศิริสุนทร ผู้สื่อข่าว
จารุกิตติ์ ธีรตาพงศ์ ผู้สื่อข่าว

ช่างภาพ
ทศวรรษ เนียมวิวัฒน์

กราฟิก
ณัฐวดี สุทธิสาร


คณะกรรมการที่ปรึกษา
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
บรรยง พงษ์พานิช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)
พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย
รตยา จันทรเทียร ประธาน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร

ทำอย่างไรให้ “โรงเรียนของเราน่าอยู่”| คอลัมน์ Newground | แปลกดีที่ไม่ว่ายุคไหน เด็กๆ ก็ไม่อยากไปโรงเรียน ผมจำได้ว่าตอนอ...
29/10/2025

ทำอย่างไรให้ “โรงเรียนของเราน่าอยู่”
| คอลัมน์ Newground | แปลกดีที่ไม่ว่ายุคไหน เด็กๆ ก็ไม่อยากไปโรงเรียน ผมจำได้ว่าตอนอนุบาล ผมจะมีอาการปวดท้องทุกเช้าในวันจันทร์ถึงศุกร์ และอาการปวดก็จะหายไปในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุด
สำหรับผมในวัยเด็ก โรงเรียนคือการทารุณกรรม เป็นที่ที่พรากผมจากพ่อแม่ บังคับให้ผมกินข้าวจนหมด กินกล้วยบวดชี แตงกวา บังคับให้นอน ให้อยู่กับคนแปลกหน้า เคารพธงชาติร่วมกับคนเป็นร้อยๆ ยืนตากแดด บังคับสวดมนต์ทั้งพุทธ คริสต์ และทุกวันพุธในรอบสัปดาห์ จะมีครูสอนศาสนามานำสวดแผ่เมตตาชุดใหญ่ แผ่ให้ตั้งแต่สรรพสัตว์ยันผีเปรต ฯลฯ
ถ้าให้คนไทยสักร้อยคนลองเล่าภาพโรงเรียนในความทรงจำ คำตอบที่ได้คงไม่ต่างกันมากนัก ห้องเรียนสี่เหลี่ยม ผนังสีซีดๆ โต๊ะไม้เก่าที่นั่งกันเป็นแถวตรง (ยกเว้นคุณเรียนห้องพิเศษ อาจจะได้โต๊ะขาวสำหรับคนถนัดขวาเพิ่มขึ้นมาแทน) พัดลมเพดานหมุนเอื่อยๆ และเสียงอึกทึกจากถนนหรือสนามกีฬาที่ลอดเข้ามาอยู่เสมอ เวลาพักเที่ยงก็ต้องเบียดเสียดกันในโรงอาหารที่ทั้งร้อนและเสียงดังจนเหนื่อยเกินกว่าการเรียน
หากได้หลับสักงีบในคาบบ่าย คงทำให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้น เสียดายที่ครูสังคมตอนประถมผมไม่ได้คิดเช่นนั้น รู้ตัวอีกทีชอล์กเขียนกระดาษก็กระทบกบาลเพื่อนผมขณะฝันกลางวัน
นี่คือความจริงที่เด็กไทยจำนวนมหาศาล ต้องใช้เวลาอยู่กับมันวันละเจ็ดถึงแปดชั่วโมง และหากคิดรวมทั้งชีวิตการเรียน โรงเรียนกลายเป็นสถานที่ที่เด็กใช้เวลามากที่สุดรองจากบ้าน ซึ่งใช้ในเวลากลางคืนเสียส่วนใหญ่
สิ่งที่น่าตั้งคำถามคือ โรงเรียนที่เราใช้ชีวิตอยู่เหล่านี้ “น่าอยู่จริงหรือ?” หรือเป็นเพียงสถานที่ที่เราจำใจต้องอยู่ไปวันๆ
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
บทความโดย: เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์
#ทำอย่างไรให้โรงเรียนน่าอยู่ #ความเป็นอยู่ที่ดีของผู้เรียน #ไทยพับลิก้า

คลังสหรัฐฯ-ธนาคารกลางมาเลเซีย ยืนยันความร่วมมือดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนอย่างโปร่งใส| สู่อาเซียน | กระทรวงการคลังสหรัฐ...
29/10/2025

คลังสหรัฐฯ-ธนาคารกลางมาเลเซีย ยืนยันความร่วมมือดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนอย่างโปร่งใส
| สู่อาเซียน | กระทรวงการคลังสหรัฐฯ (U.S. Department of the Treasury) และธนาคารกลางมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia: BNM) ออกแถลงการณ์ร่วมยืนยันความมุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนอย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบ พร้อมหลีกเลี่ยงการแทรกแซงค่าเงินเพื่อให้ได้เปรียบทางการค้าหรือการลงทุน
เว็บไซต์กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และเว็บไซต์ธนาคารกลางมาเลเซีย เผยแพร่แถลงการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายระบุว่า จะยังคงปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิดในประเด็นเศรษฐกิจมหภาคและอัตราแลกเปลี่ยน โดยย้ำพันธกรณีตามกฎบัตรของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่าจะไม่ “บิดเบือนอัตราแลกเปลี่ยนหรือระบบการเงินระหว่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการปรับสมดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ หรือเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม”
ในแถลงการณ์ระบุว่า มาตรการด้านมหภาคหรือการบริหารเงินทุนเคลื่อนย้าย (macroprudential หรือ capital flow measures) ของทั้งสองประเทศ จะไม่มุ่งเป้าเพื่อแข่งขันด้านอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกัน กองทุนการลงทุนของภาครัฐ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญ ที่ลงทุนในต่างประเทศนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อการบริหารความเสี่ยงและกระจายการลงทุน ไม่ใช่เพื่อปรับค่าเงินให้เกิดความได้เปรียบทางการค้า
นอกจากนี้ ทั้งกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และ BNM ยังเห็นพ้องว่า การเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนควรทำเฉพาะในกรณีที่จำเป็น เพื่อรับมือกับความผันผวนที่รุนแรงหรือการเคลื่อนไหวที่ไร้ระเบียบของค่าเงิน ไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าหรืออ่อนค่าที่มากเกินไป
ติดตามอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
#กระทรวงการคลังสหรัฐ #ธนาคารกลางมาเลเซีย
#นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน #ไทยพับลิก้า

อาเซียน-จีน ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน ACFTA 3.0| สู่อาเซียน | สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)...
29/10/2025

อาเซียน-จีน ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน ACFTA 3.0
| สู่อาเซียน | สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และจีนได้ลงนามในพิธีสารยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน หรือ ACFTA 3.0 ถือเป็นก้าวสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอาเซียน-จีน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันที่แข็งแกร่งเพื่อความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
พิธีลงนามจัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2568 ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมี ‘เต็งกู ดาโต๊ะ สรี ซาฟรูล เต็งกู อับดุล อาซีส’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2568 และ ‘นายหวัง เหวินเทา’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน เป็นผู้ลงนาม
ACFTA 3.0 เป็นการยกระดับความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ครั้งที่ 2 ซึ่งลงนามครั้งแรกในปี 2545 นับเป็นความตกลงการค้าเสรีฉบับแรกของจีนในขณะนั้น และเป็นฉบับแรกของอาเซียนที่มีพันธมิตรภายนอกที่สำคัญ มีผลบังคับใช้ในปี 2553 โดยการเจรจายกระดับความตกลงครั้งแรกเริ่มต้นขึ้นในเดือนกันยายน 2557 และมีผลบังคับใช้ในปี 2562
ข้อตกลง ACFTA 3.0 ครอบคลุมด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัลและสีเขียว ตลอดจนการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น โดยก่อนหน้านี้ จีนเคยกล่าวถึงข้อตกลงนี้ว่าเป็นแนวทางในการเข้าถึงตลาดที่ดีขึ้นในภาคส่วนต่างๆ เช่น เกษตรกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล และยา ระหว่างจีนและอาเซียน
ติดตามอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
#ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียนจีน #อาเซียน #ไทยพับลิก้า

KKP เผยไทยกำลังขึ้นแท่นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ของอาเซียน ดึงดูด Hyperscaler ทั่วโลก| ประเด็นร้อน |บริษัทหลักทรัพ...
29/10/2025

KKP เผยไทยกำลังขึ้นแท่นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ของอาเซียน ดึงดูด Hyperscaler ทั่วโลก
| ประเด็นร้อน |บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKPS) เปิดเผยผลการพูดคุยกับบริษัทวิจัยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระดับโลก DCByte พบว่า ประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากกระแสการย้ายฐานการลงทุนของผู้ให้บริการขนาดใหญ่ (Hyperscaler) จากสิงคโปร์และยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจุบันประเทศไทยมีโครงการดาต้าเซ็นเตอร์รวมราว 4.5–4.6 กิกะวัตต์ ขณะที่ตลาดมาเลเซียอยู่ที่ประมาณ 8–9 กิกะวัตต์ (โดยยะโฮร์เพียงแห่งเดียวคิดเป็นกว่า 5 กิกะวัตต์) ส่วนสิงคโปร์มีตลาดขนาดเล็กกว่า 2 กิกะวัตต์ ซึ่งสะท้อนว่าไทยเริ่มขึ้นมาเป็น “จุดหมายถัดไป” ของการขยายดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาค
สิงคโปร์จำกัดการเพิ่มกำลังผลิตใหม่ ขณะที่ยะโฮร์เริ่มเผชิญข้อจำกัดด้านพลังงานและทรัพยากร ส่งผลให้ผู้ประกอบการระดับโลกมองหาแหล่งลงทุนใหม่ที่มีความพร้อม ซึ่งประเทศไทยโดดเด่นในหลายด้าน ได้แก่

ความมั่นคงด้านพลังงานและระบบโครงสร้างพื้นฐานที่หนาแน่นกว่า
กระบวนการอนุญาตที่ยืดหยุ่น
ความหนาแน่นของประชากรต่ำกว่า ทำให้เหมาะต่อการตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่
ในขณะที่ประเทศอื่นในภูมิภาคยังมีข้อจำกัด เช่น ฟิลิปปินส์เผชิญความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ อินโดนีเซียมีต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานสูง และเวียดนามยังมีกฎระเบียบซับซ้อน ไทยจึงถือเป็น “ตลาดที่สมดุลระหว่างศักยภาพและความเป็นไปได้เชิงปฏิบัติ” แม้ยังต้องพัฒนาในด้านมาตรฐานอุตสาหกรรม ความโปร่งใส และบุคลากรทักษะสูง
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
#ดาต้าเซ็นเตอร์ #อาเซียน #ไทยพับลิก้า

รฟท.ยื่นศาลบุรีรัมย์เพิกถอนที่ดิน ‘เขากระโดง’ เพิ่มอีก 90 แปลง รวมฟ้องขับไล่แล้ว 116 แปลง| เกาะกระแส | การรถไฟแห่งประเทศ...
29/10/2025

รฟท.ยื่นศาลบุรีรัมย์เพิกถอนที่ดิน ‘เขากระโดง’ เพิ่มอีก 90 แปลง รวมฟ้องขับไล่แล้ว 116 แปลง
| เกาะกระแส | การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยื่นศาลบุรีรัมย์เพิกถอนที่ดิน ‘เขากระโดง’ เพิ่มอีก 90 แปลง รวมฟ้องขับไล่กลุ่มผู้ครอบครองที่ดินไปแล้ว 116 แปลง ย้ำเพื่อรักษาทรัพย์สินราชการ – ประโยชน์สูงสุดของการรถไฟฯ
รายงานข่าวจาก รฟท. เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่การรถไฟฯ ได้ยื่นฟ้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 บริเวณแยกเขากระโดงเอง ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมทั้งยื่นฟ้องเพิ่มเติมอีกในกลุ่มคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคล และผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3477, 24091, 3476, 3742, 3743, 115572, 9160, 3285 และ 30222 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา และยื่นฟ้องเพิ่มเติมอีก ในกลุ่มคดีส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองที่ดินไว้จำนวนมาก ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 600, 601, 602, 1095, 1096, 2767, 2869, 3188, 3195, 3863, 8626, 8662, 8811, 9235 และ 25091 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 แล้วนั้น
ล่าสุด ในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 การรถไฟฯ ได้ยื่นฟ้องเพิ่มเติมอีก ในกลุ่มซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองที่ดินไว้จำนวนมาก ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 2360, 2546, 2665, 2670, 2671, 2684, 2685, 2765, 2767, 2869, 3128, 3129, 3189, 3286, 3375, 3376, 3377, 3378, 3379, 3380, 3381, 3416, 3417, 3863, 8692, 8916, 9167, 11315, 11447, 15351, 15970, 15971, 16441, 17397, 19160, 19161, 22364, 22365, 22367, 22368, 22462, 22529, 22990, 22991, 22992, 22993, 22995, 24448, 24452, 25952, 25953, 25955, 28654, 37640, 53530, 53895, 59724, 112017, 112018, 112019, 112020, 112021, 112022, 115904, 121449, 121450, 122887, 122888, 122889, 122890, 122891, 122892, 122893, 125978, 127403, 127404, 127405, 127406, 127407, 127408, 127409, 127410, 133688, 133689, 136046, 136047, 136048, 152353, 152354 และ 152355
ทั้งนี้ การรถไฟฯ ยืนยันว่า “พื้นที่พิพาทกรณีเขากระโดงเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฯ จะร่วมกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินการให้ข้อพิพาทที่เป็นความสับสนในสังคมได้ข้อยุติโดยเร็ว จึงขอนำพิสูจน์สิทธิกันในศาล และเชื่อมั่นว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมยืนยันว่าการฟ้องร้องครั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาทรัพย์สินของทางราชการ และเพื่อประโยชน์สูงสุดของการรถไฟฯ
ติดตามอ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่ [คอมเมนต์]
#เขากระโดง #รฟท #ไทยพับลิก้า

“Deep State แบบใหม่” ขบวนการ Scammer กับการทดสอบความกล้าทางศีลธรรมของผู้นำไทย| คอลัมน์ | เมื่อเดือนตุลาคม 2025 รัฐบาลสาธ...
29/10/2025

“Deep State แบบใหม่” ขบวนการ Scammer กับการทดสอบความกล้าทางศีลธรรมของผู้นำไทย
| คอลัมน์ | เมื่อเดือนตุลาคม 2025 รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ นำโดยประธานาธิบดี 'อี แจ-มย็อง' ได้เปิดปฏิบัติการพิเศษเพื่อตามล่าขบวนการ Scammer Network ที่ตั้งฐานอยู่ในกัมพูชา หลังพบว่ามีชาวเกาหลีหลายร้อยคนถูกล่อลวงให้ไปทำงานใน “ศูนย์หลอกลวงออนไลน์” และบางรายเสียชีวิตจากการทรมานในค่ายควบคุมของเครือข่ายอาชญากรรม
รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่เพียงส่งหน่วยข่าวกรองและตำรวจพิเศษเข้าประสานกับรัฐบาลกัมพูชา แต่ยังประกาศ เขตห้ามเดินทางระดับ Code-Black, ตั้งศูนย์สอบสวนระดับชาติ และประกาศว่าการจัดการ Scammer ข้ามชาติคือ “ภารกิจความมั่นคงแห่งชาติ”
นี่คือสัญญาณชัดเจนว่า “ผู้นำที่กล้าหาญ” ไม่มองปัญหา Scammer เป็นแค่เรื่องอาชญากรรมดิจิทัล แต่คือ “สงครามศีลธรรม” เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและความไว้วางใจของรัฐชาติ

1) เมื่อความเทากลืนขาว — ศีลธรรมของรัฐเริ่มสั่นคลอน ในประเทศไทย ขบวนการ Scammer ไม่ได้อยู่แค่ชายแดน แต่ฝังรากอยู่ใน เครือข่ายอำนาจเทา–ทุนเทา–ราชการเทา ที่ใช้เทคโนโลยีและอิทธิพลทางการเมืองเป็นเกราะกำบัง

2) Deep State ยุคใหม่ — ไม่ได้อยู่ในกองทัพ แต่อยู่ในระบบราชการและการเมือง

ขบวนการ Scammer คือ “Deep State แบบใหม่” ที่บ่อนทำลายความมั่นคงจากภายในโดยใช้เทคโนโลยี ข้อมูล และเงินสกปรก

3) จาก Moral Courage สู่ Moral Governance หากเราจะสู้สงครามนี้ได้ ต้องเปลี่ยนจาก “รัฐที่บริหารด้วยอำนาจ” เป็น “รัฐที่บริหารด้วยศีลธรรมเชิงระบบ” หรือ “Principled Governance Framework”
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
บทความโดย: ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์
#ศีลธรรมของผู้นำไทย #ไทยพับลิก้า

คลังสหรัฐ - ธปท. แถลงการณ์ความร่วมมือนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน เปิดเผยการแทรกแซงค่าเงินทุกครึ่งปี| เกาะกระแส | กระทรวงการคลั...
29/10/2025

คลังสหรัฐ - ธปท. แถลงการณ์ความร่วมมือนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน เปิดเผยการแทรกแซงค่าเงินทุกครึ่งปี
| เกาะกระแส | กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกแถลงการณ์ร่วม ยืนยันความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการปรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมย้ำพันธสัญญาที่ให้ไว้ภายใต้ IMF Articles of Agreement (ข้อตกลงที่ก่อตั้งและกำหนดกรอบการดำเนินงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ) ว่าจะไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อบิดเบือนค่าเงินหรือระบบการเงินระหว่างประเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม
วันที่ 28 ตุลาคม 2568 กระทรวงการคลังสหรัฐเผยแพร่ แถลงการณ์ระบุว่าทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะเดินหน้าหารืออย่างต่อเนื่อง ในประเด็นเศรษฐกิจมหภาคและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระดับประเทศและระดับโลก
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และ ธปท. เห็นพ้องว่า มาตรการด้านมหภาคเพื่อความมั่นคงทางการเงิน (macroprudential) หรือมาตรการด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย (capital flow measures) จะไม่ถูกนำมาใช้เพื่อมุ่งเป้าการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า
นอกจากนี้ รัฐบาลทั้งสองประเทศยังเห็นตรงกันว่า กองทุนลงทุนของรัฐ เช่น กองทุนบำนาญ จะไม่ถูกนำมาใช้เพื่อจงใจแทรกแซงค่าเงินในเชิงแข่งขัน และในกรณีที่จำเป็นต้องมีการ แทรกแซงค่าเงินในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (FX intervention) นั้น จะต้องทำด้วยเหตุผลเพื่อรับมือกับความผันผวนที่รุนแรงหรือการเคลื่อนไหวที่ไม่ควรจะเป็นของค่าเงินเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นในกรณีค่าเงินอ่อนหรือแข็งเกินไป
ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงความสำคัญของ ความโปร่งใสในนโยบายและการปฏิบัติด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยเห็นพ้องที่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะเกี่ยวกับ

▪️ การดำเนินการแทรกแซงค่าเงิน (FX operations) อย่างน้อย ทุกครึ่งปี โดยมีระยะเวลาหน่วง 1 ไตรมาส, และ

▪️ การเปิดเผยข้อมูล ทุนสำรองระหว่างประเทศและสถานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (forward positions) ตามรูปแบบข้อมูลของ IMF (Data Template on International Reserves and Foreign Currency Liquidity) ในทุกเดือน
ติดตามอ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่ [คอมเมนต์]
#ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน #กระทรวงการคลังสหรัฐ #ธปท #ไทยพับลิก้า

คมนาคมเปิดใช้สิทธิ “คนละครึ่ง พลัส” จ่ายค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ เริ่มแล้ววันนี้| เกาะกระแส | กระทรวงคมนาคม เปิดใช้สิทธิ “ค...
29/10/2025

คมนาคมเปิดใช้สิทธิ “คนละครึ่ง พลัส” จ่ายค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ เริ่มแล้ววันนี้
| เกาะกระแส | กระทรวงคมนาคม เปิดใช้สิทธิ “คนละครึ่ง พลัส” จ่ายค่าโดยสาร ‘รถไฟฟ้า – ขสมก.-บขส.-เรือด่วน” ผ่านแอป “เป๋าตัง” เริ่มแล้ววันนี้ โดย 'นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ' รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงฯ พร้อมทุกระบบในการช่วยแบ่งเบาค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ หรือรถโดยสารระหว่างจังหวัด ทุกระบบสามารถใช้สิทธิ์คนละครึ่งได้จริง เพื่อให้ทุกการเดินทางของคนไทย “ประหยัด สะดวก และเท่าเทียม” โดยเปิดให้ใช้สิทธิ์ผ่านแอป “เป๋าตัง” ครอบคลุมทุกโหมดการเดินทาง ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงฯ
สำหรับเงื่อนไขการใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง พลัส” สำหรับการเดินทางมีดังนี้

▪️ใช้สิทธิ์ได้เฉพาะ บัตรโดยสารเที่ยวเดียว (Single Journey Card)

▪️ชำระค่าโดยสารผ่านแอป “เป๋าตัง” โดยสแกน QR ร้านค้าถุงเงิน

▪️ใช้สิทธิ์ได้ไม่เกิน 200 บาท/คน/วัน

▪️ใช้ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น.
ติดตามอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
#คนละครึ่งพลัส #ขนส่งสาธารณะ #กระทรวงคมนาคม #ไทยพับลิก้า

“วิกฤติเครื่องบินขาดแคลนทั้งโลก” : มุมมองจาก IATA, McKinsey และ PwC ถึง ‘การบินไทย’| เกาะกระแส | IATA, McKinsey และ PwC ...
29/10/2025

“วิกฤติเครื่องบินขาดแคลนทั้งโลก” : มุมมองจาก IATA, McKinsey และ PwC ถึง ‘การบินไทย’
| เกาะกระแส | IATA, McKinsey และ PwC เตือนอุตสาหกรรมการบินโลกเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อเครื่องบินใหม่ขาดแคลนหลายพันลำ ไม่เพียงพอจะรองรับดีมานด์เดินทางที่ฟื้นตัวเต็มที่หลังโควิด ขณะที่สายการบินต้องพึ่งฝูงบินเก่ามากขึ้น อย่างเช่น การบินไทยต้องเผชิญความยากลำบากในการจัดหาเครื่องบินและปรับฝูงบิน
ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างบอร์ดกับผู้บริหารของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) หลังจากออกจากแผนฟื้นฟูกิจการก่อนกำหนด ทั้งในปมการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อเปลี่ยนแปลงกรรมการใหม่และเพิ่มจำนวนกรรมการจาก 11 คนเป็น 15 คน รวมทั้งปมการบริหารจัดการภายใน เรื่องการเช่าเครื่องบิน Airbus A330-200 ที่บอร์ดการบินไทยตีกลับแผนเช่าเครื่องบิน 8-10 ลำ
เนื่องจากกังวลเรื่องความจำเป็นและเทคโนโลยีของเครื่องบินที่อาจไม่ทันสมัย ทำให้ต้องจ้างที่ปรึกษามาศึกษาเพิ่มเติม ฝ่ายบริหารหวั่นส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การขายตั๋วแบบ Network และการสร้างไทยเป็นฮับการบิน เพราะจะเกิดความไม่สมดุลระหว่างเครื่องบินลำตัวกว้างและลำตัวแคบในฝูงบิน
เนื่องจากในปี 2569 จะมีเครื่องบินลำตัวกว้างทยอยปลดระวาง 10 ลำ หากไม่มีเครื่องใหม่มาทดแทน จะทำให้ขีดความสามารถในการให้บริการ และรายได้ของบริษัทลดลง
อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงในตลาดเครื่องบินโลกในปัจจุบัน ด้วยปริมาณความต้องการเครื่องบินของสายการบินต่างๆ ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ภายหลังจากสถานการณ์การเดินทางกำลังปรับตัวไปสู่ระดับที่ใกล้เคียงกับก่อนวิกฤติโควิด หากเป็นกรณีลงนามจัดหาเครื่องบินลำตัวกว้างที่ผลิตใหม่ในปัจจุบัน คาดว่าจะสามารถรับมอบได้ตั้งแต่ปี 2575 เป็นต้นไป
ในขณะที่กรณีจัดหาเครื่องบินลำตัวกว้างมือสองในตลาดมีความเป็นไปได้ยาก ด้วยเหตุผลในเรื่องความต้องการเครื่องบินของสายการบินส่วนใหญ่ทั่วโลก ยกเว้นในกรณีที่มีสายการบินประสงค์จะคืนเครื่องเช่าหรือจำหน่ายเครื่องบินที่เป็นเจ้าของ อันมีสาเหตุมาจากการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ หรือการพื้นตัวของปริมาณการเดินทางในภูมิภาคของสายการบินนั้นๆ ยังชะลอตัวอยู่
อย่างไรก็ดี การได้มาซึ่งเครื่องบินมือ 2 ในตลาด จะต้องมีการลงทุนในการปรับปรุงห้องโดยสารเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทั้งในส่วนของเก้าอี้โดยสาร ระบบสื่อสาระบันเทิง และการตกแต่งภายใน ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุและสภาพของเครื่องบินที่ได้มา รวมทั้งผังการจัดวางที่นั่ง จำนวนชั้นโดยสารที่ให้บริการ ที่ควรเป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อประโยชน์ในส่วนของการจัดการต้นทุน การให้บริการ และประสบการณ์ผู้โดยสาร
สถานการณ์การขาดแคลนเครื่องบิน สอดรับกับงานวิจัยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการบิน ที่ระบุว่ากว่า 4 ปีหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 การเดินทางทางอากาศทั่วโลกได้ฟื้นตัวจนเกือบเท่าระดับก่อนวิกฤติ แต่ “เครื่องบินใหม่” ที่จะรองรับความต้องการกลับยังขาดแคลนรุนแรง
สามองค์กรใหญ่ของโลก IATA, McKinsey และ PwC ต่างออกมาชี้ให้เห็นภาพเดียวกันว่า “การขาดเครื่องบิน” ไม่ใช่เพียงปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่เป็น “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” (structural shortage) ที่เกิดจากห่วงโซ่อุปทานที่ตึงตัว การขาดแคลนแรงงานทักษะสูง และการผลิตเครื่องยนต์และชิ้นส่วนที่ล่าช้า ส่งผลต่อสายการบิน ผู้ผลิต และตลาดการเงินทั่วทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมการบิน
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
#เครื่องบินขาดแคลน #อุตสาหกรรมการบิน #การบินไทย #ไทยพับลิก้า

กพช.ไฟเขียวโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 MW การไฟฟ้าฯรับซื้อ 25 ปี ราคาไม่เกิน 2.25 บาท/ยูนิต| เกาะกระแส | คณะกรรมการนโยบายพลัง...
29/10/2025

กพช.ไฟเขียวโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 MW การไฟฟ้าฯรับซื้อ 25 ปี ราคาไม่เกิน 2.25 บาท/ยูนิต
| เกาะกระแส | คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เดินหน้า “Quick Big Win” เห็นชอบโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 MW การไฟฟ้าฯรับซื้อ 25 ปี ในรูปแบบ FiT ราคาไม่เกิน 2.25 บาท/ยูนิตสัญญาแบบ Non-Firm หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล ขยายระบบส่งรองรับ Data Center
วันนี้ที่ 27 ตุลาคม 2568 กพช. ได้มีการพิจารณาวาระสำคัญด้านพลังงาน 7 เรื่องและมีมติเห็นชอบ ดังต่อไปนี้
1) เห็นชอบ กรอบหลักการเบื้องต้นของการดำเนิน “โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน” (Community-based Solar Power Generation Project) โดยรูปแบบโครงการจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ต่อแห่ง รวมกำลังการผลิตไม่เกิน 1,500 เมกะวัตต์ โดยการกำหนดขนาดและพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินโครงการจะพิจารณาจากศักยภาพระบบไฟฟ้า ความต้องการใช้ไฟของชุมชน และความพร้อมของที่ดินในพื้นที่ ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายจะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากโครงการในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) อัตราไม่เกิน 2.25 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 25 ปี สัญญาแบบ Non-Firm และเป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้แก่ผู้ใช้ไฟในชุมชนเป้าหมาย
2) เห็นชอบหลักการร่างสัญญา Energy Wheeling Agreement (EWA) สำหรับ โครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ระยะที่ 2 (LTMS-PIP Phase 2) โดยเห็นชอบอัตราค่า Wheeling Charge ของไทย เท่ากับ 3.5879 US Cent /หน่วย
3) เห็นชอบให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้ประกอบการ Data Center ตามนโยบายรัฐบาล
4) เห็นชอบแนวทางดำเนินการสำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน โดยเห็นชอบให้ดำเนินการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในอัตรารับซื้อ 2.1679 บาทต่อหน่วย
5) เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงกำหนดวันเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD)
6) เห็นชอบแนวทางหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีงบประมาณ 2569–2571 เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานของประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในทุกภาคส่วน
ติดตามอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
#โซลาร์ฟาร์มชุมชน #กพช #ไทยพับลิก้า

นายกฯ แก้ปมดราม่า “ไทยรุกล้ำกัมพูชา”  แค่พูดตกคำว่า “พื้นที่อ้างสิทธิ์”-ยัน “MOU-แรร์เอิร์ธ” ไม่ใช่ กม.- ไม่ผูกมัด| เกาะ...
28/10/2025

นายกฯ แก้ปมดราม่า “ไทยรุกล้ำกัมพูชา” แค่พูดตกคำว่า “พื้นที่อ้างสิทธิ์”-ยัน “MOU-แรร์เอิร์ธ” ไม่ใช่ กม.- ไม่ผูกมัด
| เกาะกระแส | วันที่ 28 ตุลาคม 2568 ‘นายพิพัฒน์ รัชกิจประกา’ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทน ‘นายอนุทิน ชาญวีรกูล’ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่เดินทางประชุมสุดยอดอาเซียน ภายหลังการประชุมได้มอบหมายให้รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
‘นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ’ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี ภายหลังการหารือทวิภาคีกับนายฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาครอบคลุมประเด็นสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่ากัมพูชาและไทย ได้หารือกันเพื่อเร่งให้การดำเนินการตามปฏิญญาที่ได้ลงนาม 4 ข้อ เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยได้เริ่มถอนอาวุธหนักตั้งแต่วันแรกที่มีการลงนาม นายกรัฐมนตรียังย้ำกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า “อย่าให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ต้องเร่งดำเนินการถอนอาวุธอย่างเป็นรูปธรรม และจริงจังด้วยความรวดเร็ว” ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยจะได้ส่งคืนตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่อยู่ในการควบคุมคืนกลับให้กัมพูชา
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงการสัมภาษณ์ที่พูดตกหล่น เรื่องไทยรุกล้ำกัมพูชาว่า ตก คำว่า “พื้นที่อ้างสิทธิ์” ซึ่งเป็นคำอย่างเป็นทางการ ในพื้นที่ตรงนั้นมีคนไทยและมีคนกัมพูชาอาศัยอยู่ ดังนั้น การดำเนินการในเรื่องนี้ ต้องมีหลักความยุติธรรม รวมทั้งยังไม่มีการพูดถึงการเปิดด่านจนกว่าการดำเนินการทั้งหมดจะสิ้นสุดลง หาก 4 ข้อนั้นได้รับการปฏิบัติ และดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย ก็จะมาพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์ต่อไป
“ต้องขอความกรุณาว่า การทำงานต้องมีหลาย ๆ เรื่อง และเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ผู้สื่อข่าวถามอะไรที่ผมตอบได้ก็ตอบ ไม่มีอะไรที่ปิดบัง และอยากให้ทุกคนได้รับทราบข้อมูลที่เป็นความจริงจะได้ไม่มีใครมาคาดเดา และพูดออกมาโดยใช้โซเซียลมีเดีย พยายามเปิดเผยกับประชาชนให้ได้มากที่สุด”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสิริพงศ์ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงการนำเสนอบทสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา กัมพูชาลุกล้ำไทยนั้น ทำให้เกิดความเข้าใจที่คาดเคลื่อน เนื่องจากอาจมีการนำเสนอไม่ครบถ้วนทั้งบริบทของการให้สัมภาษณ์ หรืออาจจะมีบางคำที่ทำให้ประชาชนมีความรู้สึกไม่สบายใจ ต้องขอขยายความ โดยคำนึงถึงบริบทสถานการณ์ที่แท้จริงว่า นายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการบริหารสถานการณ์ชายแดน เพี่อให้เกิดความชัดเจนอย่างแท้จริง
โดยยึดหลักอธิปไตยไทย ศักดิ์ศรี และความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ และชีวิตประชาชนในพื้นที่ บนหลักของความเป็นธรรม และในวันนี้ท่านนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความหมายเพิ่มเติมว่า พื้นที่ที่หมายถึง คือ พื้นที่ที่มีการอ้างสิทธิ์ ซึ่งกันและกัน จึงขอใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกับประชาชน ผู้รักแผ่นดินไทย และยืนยันว่า รัฐบาลจะทำหน้าที่ อย่างเข้มแข็ง ในประเด็น ไทย-กัมพูชา
ด้าน ‘ดร.เอกนิติ นิติมัณฑ์ประภาศ‘ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม.มีมติรับทราบ MOU ที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ “MOU Concerning Cooperation to Diversify Global Critical Mineral Supply Chains and Promote Investment ที่เกี่ยวกับแร่หายาก หรือ “Rare Earth” ขอชี้แจ้งว่า Memorandum of Understanding ฉบับนี้ไม่ใช่กฎหมาย เป็นข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน หรือร่วมมือกันพิจารณาในเรื่องห่วงโซ่อุปทาน การส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับแร่หายาก (Mineral Earth)
โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

- เสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนา และขยายห่วงโซ่อุปทานในเรื่องแร่หายาก

- ส่งเสริมการค้าการลงทุนในอุตสาหกรรมการสำรวจ สกัด การแปรรูป การกลั่น การรีไซเคิล การกู้คืน การดูแลรักษาในเรื่องของรีไซเคิลแร่หายาก

- ส่งเสริมการลงทุนและสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่ม และอุตสาหกรรมการสกัดแร่หายาก

- สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ตลาด ก็คือทำให้แรร์เอิร์ธ หรือ แร่หายาก สามารถนำมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และเข้าสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ
ติดตามอ่านผลการประชุมคณะรัฐมนตรีที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่ [คอมเมนต์]
#ความขัดแย้งไทยกัมพูชา ์เอิร์ธ #รัฐบาลอนุทิน #มติคณะรัฐมนตรี #ไทยพับลิก้า

เวียดนามโดดเด่นบนเวทีอาเซียน: เสาหลักแห่งเสถียรภาพและความร่วมมือภูมิภาค|สู่อาเซียน|ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งในระดับโลกแล...
28/10/2025

เวียดนามโดดเด่นบนเวทีอาเซียน: เสาหลักแห่งเสถียรภาพและความร่วมมือภูมิภาค
|สู่อาเซียน|ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค เวียดนามยังคงยืนหยัดเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเสถียรภาพ และความแข็งแกร่งสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการบริหารจัดการทางการเมืองที่มั่นคง การเติบโตทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง และการพัฒนาทางสังคมที่เข้มแข็ง ล้วนตอกย้ำชื่อเสียงของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับการลงทุนและการท่องเที่ยว
เศรษฐกิจเวียดนามยังคงเติบโตแข็งแกร่งแม้มีความท้าทายภายนอก โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการกระจายตลาดส่งออก ความต้องการบริโภคภายในประเทศ และบรรยากาศการลงทุนที่เอื้ออำนวย การที่รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญกับ “การปฏิรูป–นวัตกรรม–การเติบโตอย่างยั่งยืน” ได้เสริมสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ภาคการท่องเที่ยวได้รับแรงหนุนจากวัฒนธรรมที่หลากหลายและอัธยาศัยไมตรีของผู้คน ทำให้เวียดนามกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มสดใสมากที่สุดของภูมิภาค
ในระดับภูมิภาค เวียดนามมีบทบาทโดดเด่นในการส่งเสริมความเป็น “เอกภาพและแกนกลางของอาเซียน” (ASEAN Unity and Centrality) โดยผลักดันให้กลุ่มประเทศสมาชิกดำรงความเป็นเอกภาพท่ามกลางพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป ผ่านแนวทางการทูตที่เน้น “การเจรจา ฉันทามติ และความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์” การทูตที่เน้นการปฏิบัติและสร้างสรรค์ของเวียดนามมีส่วนช่วยส่งเสริมความไว้วางใจและความร่วมมือระหว่างกันภายในกลุ่ม
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
#เวียดนาม #เศรษฐกิจเวียดนาม #ไทยพับลิก้า

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+6629706998

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ThaiPublicaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ThaiPublica:

แชร์

Our Story

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ThaiPublica.org ก่อตั้งในเดือนกันยายน 2554 นำเสนอข่าวสืบสวนสอบสวน เน้นประเด็นตรวจสอบความโปร่งใสภาครัฐ ความโปร่งใสภาคเอกชน และการพัฒนาที่ยั่งยืน ดำเนินงานโดยทีมงานนักข่าวอาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการรวมกันกว่า 60 ปี ไทยพับลิก้ามุ่งหวังที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งพื้นที่ในการนำเสนอข่าวและแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน และเป็นเครื่องมือในการทำงาน โดยเชื่อมั่นในพลังของสื่อใหม่ว่า การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่และเครื่องมือจะช่วยดำรงความเป็นอิสระของกองบรรณาธิการ ก้าวข้ามข้อจำกัดของสื่อกระแสหลัก และสร้างความแตกต่างให้กับสำนักข่าวไทยพับลิก้า ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวเชิงลึก และการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเข้าใจง่าย เราเชื่อมั่นว่า การนำ "ความเร็ว" ของพลังสังคมและข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ มาผสานกับ "ประสิทธิภาพ" ของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมโยงและนำเสนอข้อมูล ผนวกกับ "ความลึก" ของนักข่าวมืออาชีพมากประสบการณ์ จะเปิดมิติใหม่ให้แก่วงการสื่อสารมวลชนไทย ไทยพับลิก้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมิตินี้ บรรณาธิการบริหาร บุญลาภ ภูสุวรรณ กองบรรณาธิการไทยพับลิก้า กมล ชวาลวิทย์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส อโนทัย จันทร์ดี ผู้สื่อข่าวอาวุโส จิรัฐิติ ขันติพะโล ผู้สื่อข่าว เอมปวีณ์ วัชระตระการพงศ์ ผู้สื่อข่าว กัลย์สุดา ปานอ่อน เลขานุการกองบรรณาธิการ คณะบรรณาธิการ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ openbooks และพิธีกร บุญลาภ ภูสุวรรณ อดีตบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ปกป้อง จันวิทย์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียนอิสระ และบล็อกเกอร์ สนิทสุดา เอกชัย ผู้ช่วยบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ Bangkok Post คณะกรรมการที่ปรึกษา คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บรรยง พงษ์พานิช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย รตยา จันทรเทียร ประธาน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร พันธมิตรออนไลน์ เครือข่ายพลเมืองเน็ต - http://www.thainetizen.org/ ประชาไท - http://www.prachatai.com/ ประสงค์ดอทคอม - http://www.prasong.com/ สำนักข่าวอิศรา - http://www.isranews.org/ ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ) - http://www.tcijthai.com/ โอเพ่นออนไลน์ - http://www.onopen.com/ ไอลอว์ (iLaw) - http://www.ilaw.or.th/