ThaiPublica ความโปร่งใสและยั่งยืน

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ThaiPublica.org ก่อตั้งในเดือนกันยายน 2554 นำเสนอข่าวสืบสวนสอบสวน เน้นประเด็นตรวจสอบความโปร่งใสภาครัฐ ความโปร่งใสภาคเอกชน และการพัฒนาที่ยั่งยืน ดำเนินงานโดยทีมงานนักข่าวอาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการรวมกันกว่า 60 ปี

ไทยพับลิก้ามุ่งหวังที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งพื้นที่ในการนำเสนอข่าวและแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน และเป็นเครื่องมือในการทำงาน โดยเชื่อมั่นในพลังของสื่อใหม่ว่า การ

ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่และเครื่องมือจะช่วยดำรงความเป็นอิสระของกองบรรณาธิการ ก้าวข้ามข้อจำกัดของสื่อกระแสหลัก และสร้างความแตกต่างให้กับสำนักข่าวไทยพับลิก้า ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวเชิงลึก และการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเข้าใจง่าย

เราเชื่อมั่นว่า การนำ "ความเร็ว" ของพลังสังคมและข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ มาผสานกับ "ประสิทธิภาพ" ของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมโยงและนำเสนอข้อมูล ผนวกกับ "ความลึก" ของนักข่าวมืออาชีพมากประสบการณ์ จะเปิดมิติใหม่ให้แก่วงการสื่อสารมวลชนไทย

ไทยพับลิก้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมิตินี้

บรรณาธิการบริหารและบรรณาธิการด้านความยั่งยืน
บุญลาภ ภูสุวรรณ

บรรณาธิการข่าวข้อมูล
กมล ชวาลวิทย์

บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ
จิระประภา กุลโชติ

กองบรรณาธิการ
สิรินาฏ ศิริสุนทร ผู้สื่อข่าว
จารุกิตติ์ ธีรตาพงศ์ ผู้สื่อข่าว

ช่างภาพ
ทศวรรษ เนียมวิวัฒน์

กราฟิก
ณัฐวดี สุทธิสาร


คณะกรรมการที่ปรึกษา
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
บรรยง พงษ์พานิช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)
พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย
รตยา จันทรเทียร ประธาน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร

กสิกรไทยเดินหน้ายุทธศาสตร์ความยั่งยืนแนวคิดใหม่ เพิ่มเป้าอัดฉีดเม็ดเงิน เป็น 4-5 แสนล้านบาท ภายในปี 2573| Sustainability...
01/10/2025

กสิกรไทยเดินหน้ายุทธศาสตร์ความยั่งยืนแนวคิดใหม่ เพิ่มเป้าอัดฉีดเม็ดเงิน เป็น 4-5 แสนล้านบาท ภายในปี 2573
| Sustainability | กสิกรไทยเดินหน้าความยั่งยืน บนแนวคิดยุทธศาสตร์ใหม่ เน้นการจัดการประเด็นสำคัญแบบองค์รวม ผสานความยั่งยืนไปในทุกมิติการทำงาน ส่งมอบทั้งการเงินและองค์ความรู้ เพิ่มเป้าอัดฉีดเม็ดเงินความยั่งยืน เป็น 4-5 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) พร้อมตั้งเป้าหมายเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมที่สุด
ในงานแถลงข่าว “ยุทธศาสตร์ความยั่งยืน ธนาคารกสิกรไทย 2568: ฝ่าคลื่นความเปลี่ยนแปลง สู่การเติบโต ที่ยั่งยืนไปด้วยกัน” วันที่ 1 ตุลาคม 2568 'นายจงรัก รัตนเพียร' ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ประกาศปรับยุทธศาสตร์ความยั่งยืน จากแกน ESG สู่การจัดการประเด็นสำคัญแบบองค์รวมเชื่อมโยงทุกมิติที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนด ความมุ่งหมายสำคัญเป็นแกนการจัดการ (Issue-based strategy) 3 ประการ ได้แก่ การเป็นธนาคารที่ทุกคนไว้วางใจ การสร้างความยืดหยุ่นเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต และการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน พร้อมยกระดับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อความยั่งยืน เป็น 4-5 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) และตั้งเป้าหมายเป็นธนาคารผู้ให้บริการโซลูชันด้านสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมที่สุด
ความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ มีทั้งปัจจัยภายในประเทศที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างซึ่งส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขัน อาทิ หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า การเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรวมถึงมาตรการทางการค้าจากประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ EU CBAM ที่จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมคาร์บอนตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันครอบคลุมมูลค่าสินค้า 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นราว 2.8 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2573 ดังนั้นธุรกิจที่ปรับตัวได้ก่อนจะสร้างความได้เปรียบ
จากการประเมินปัจจัยรอบด้านที่เกิดขึ้น ธนาคารได้ทบทวนกลยุทธ์การทำงานด้านความยั่งยืน เพื่อช่วยให้ธนาคารสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและสังคมได้ชัดเจนขึ้น จึงเปลี่ยนจากการดำเนินงานความยั่งยืนด้วยแกนสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG-based Strategy) ไปสู่ยุทธศาสตร์ความยั่งยืนบนแนวทางใหม่ที่เน้นการจัดการประเด็นสำคัญแบบองค์รวม เชื่อมโยงมุมมองทุกด้านที่เกี่ยวข้อง กำหนดความมุ่งหมายชูเป็นแกนกลางของการทำงาน (Issue-based Strategy)
ติดตามอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
#ยุทธศาสตร์ความยั่งยืน #การเงินเพื่อความยั่งยืน #กสิกรไทย

| ข่าวประชาสัมพันธ์ | OR จัดกิจกรรม “โออาร์ อาสาสานสุข” ต่อเนื่องปีที่ 5 ณ พื้นที่คลังปิโตรเลียมบางจาก และคลังน้ำมันพระโ...
01/10/2025

| ข่าวประชาสัมพันธ์ | OR จัดกิจกรรม “โออาร์ อาสาสานสุข” ต่อเนื่องปีที่ 5 ณ พื้นที่คลังปิโตรเลียมบางจาก และคลังน้ำมันพระโขนง สานพลังเครือข่าย สร้างคุณภาพชีวิตชุมชนยั่งยืน
นางกาญจนี อุดมกุลวณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการคลังปิโตรเลียม และ นายรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมพิธีเปิด กิจกรรม “โออาร์ อาสาสานสุข” ประจำปี 2568 พื้นที่คลังปิโตรเลียมบางจาก และคลังน้ำมันพระโขนง โดยมี นางประภัสสร จำนงบุตร ผู้อำนวยการเขตบางนา ให้เกียรติร่วมในพิธี พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานพันธมิตร ชุมชนรอบพื้นที่ปฏิบัติการ และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) สาขาสรรพาวุธ- บางนา กรุงเทพฯ
นางกาญจนี เปิดเผยว่า กิจกรรม “โออาร์ อาสาสานสุข” จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการของ OR กว่า 16 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนรอบคลังน้ำมันและคลังปิโตรเลียม ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา OR ดำเนินกิจกรรมด้วยความมุ่งมั่นที่จะดูแลคุณภาพชีวิตของพี่น้องชุมชนรอบพื้นที่ปฏิบัติการ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่ง OR หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เสริมสร้างความรู้ และเติมเต็มความสุขให้กับชุมชนอย่างแท้จริง
ในปี 2568 นี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ OR ได้ผนึกกำลังกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคชุมชน เพื่อขยายผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกิจกรรมสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ด้วยผลิตภัณฑ์หล่อลื่น พีทีที ลูบริแคนท์ส (PTT Lubricants) โดยความเชี่ยวชาญของคณะอาจารย์และนักศึกษาจากวิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ รวมทั้งการตรวจคัดกรองสุขภาพโดยความร่วมมือจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เปิดให้ประชาชนเข้าร่วมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อาทิ การให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานคุณภาพน้ำมัน พีทีที สเตชั่น การใช้ก๊าซหุงต้มอย่างปลอดภัย พร้อมบริการเครื่องดื่มจากคาเฟ่ อเมซอน และกิจกรรมจิตอาสา “ยางห่วงใย…ไอห่วงยูว์” ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้มีส่วนร่วมในการส่งกำลังใจแก่ผู้สูงอายุและผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงในชุมชน
โครงการ “โออาร์ อาสาสานสุข” เป็นการผนึกกำลังระหว่าง OR และเครือข่ายพันธมิตรในหลายภาคส่วน เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการยกระดับคุณภาพชีวิต การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับสังคม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ OR ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าร่วมให้กับชุมชนและสังคม และมุ่ง “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน” ผ่านการส่งเสริมโอกาส ความรู้ และความยั่งยืนในทุกมิติ
ทั้งนี้ กิจกรรม “โออาร์ อาสาสานสุข” ครั้งต่อไป จะจัดขึ้น ณ คลังก๊าซบ้านโรงโป๊ะ จังหวัดชลบุรี ในวันที่ 4 ตุลาคม 2568 เพื่อขยายโอกาส สร้างคุณค่า และส่งต่อความสุขให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่องต่อไป
#โออาร์อาสาสานสุข #สร้างคุณภาพชีวิตชุมชนยั่งยืน #พีทีทีสเตชั่น

อีสานอำพราง เรื่องที่ไม่ได้เล่า| คอลัมน์ | เขียนเองก็จะเขิน ๆ หน่อย ฉบับนี้จึงขออนุญาตใช้ชื่อจริง ใช่ฮะเพราะกำลังจะเล่าส...
01/10/2025

อีสานอำพราง เรื่องที่ไม่ได้เล่า
| คอลัมน์ | เขียนเองก็จะเขิน ๆ หน่อย ฉบับนี้จึงขออนุญาตใช้ชื่อจริง ใช่ฮะเพราะกำลังจะเล่าสิ่งที่ไม่ได้เล่าในหนังของผมเอง “อีสานอำพราง (IsanOdyssey)” ซึ่งกำกับภาพโดย ภีศเดช คัมภิรานนท์, พัศรวินทน์ กุลสมบูรณ์ และธนกร โชคหิรัญกาญจน์ แต่ผมคงไม่อยากเล่าในมุมอวยหนังตัวเอง
เลยเอาเป็นว่าจะเล่าเบื้องหลังงานอาร์ตที่มันนอกสายตาในหนังเรื่องนี้ หรือแม้จะเห็นอยู่ตำตา แต่ก็อาจจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ขออนุญาตเล่าเฉพาะที่เล่าได้เท่านั้น บางเรื่องก็ปล่อยเอาไว้เป็นปริศนาให้ได้บริหารสมองบ้าง
“อีสานอำพราง” เป็นสารคดีที่อิงไอเดียตั้งต้นมาจาก 'อาจาย์ถนอม ชาภักดี' นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นักวิชาการศิลปินและนักวิจารณ์ศิลปะผู้เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 27 มิถุนายน 2022 แต่ผมไม่เคยรู้จัก อ.ถนอม เป็นการส่วนตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นคือก่อน อ.ถนอม จะเสียชีวิตน่าจะราวสักเกือบปี เขาได้ไปปรึกษาพี่หมูหรือ 'คุณกฤตวิทย์ หริมเทพาธิป' ผู้ร่วมก่อตั้งด็อคคลับ ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นโปรดิวเซอร์ อีสานอำพราง โดย อ.ถนอม เล่าถึงไอเดียว่า “ผีบุญ” เกี่ยวข้องกับ “หมอลำ” อย่างไรแต่คนที่ถูกเสนอตัวให้ไปฟังไอเดียจากปาก อ.ถนอม ไม่ใช่ผมแม้ผมจะบังเอิญสแลนไปอยู่โต๊ะข้าง ๆ นั่นด้วย
ส่วนไอเดียครึ่งหลังเป็นของผม ที่ผมตั้งคำถามเกี่ยวกับฮีโร่ที่ทุกคนยกย่องแต่ไม่รู้จัก หนึ่งนั้นคือ 'จิตร ภูมิศักดิ์' และอีกหนึ่งคือศพปริศนา 2 หรือ 3 ศพ ในแม่น้ำโขงที่ข้อมูลสับสนทำให้เรางงงวยว่าศพไหนเป็นของใครและมีกี่ศพกันแน่
แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร สิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนคือพวกเขาถูกฆาตกรรม และคนร้ายพ้นผิด ลอยนวล ไปจนถึงบางคนได้รับรางวัลยศถา แต่คนตายถูกกระทำให้ไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
บทความโดย: ธัญสก พันสิทธิวรกุล
#อีสานอำพราง #กบฏผีบุญ #ไทยพับลิก้า

เรายังพูดถึง “คนรุ่นใหม่” ในทางการเมืองได้อยู่หรือไม่?| คอลัมน์ | ในการเมืองไทย คำว่า “คนรุ่นใหม่” กลายเป็นเครื่องมือทาง...
01/10/2025

เรายังพูดถึง “คนรุ่นใหม่” ในทางการเมืองได้อยู่หรือไม่?
| คอลัมน์ | ในการเมืองไทย คำว่า “คนรุ่นใหม่” กลายเป็นเครื่องมือทางการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งหากเรานับปีดังกล่าวเป็นจุดตัดของคลื่นความสนใจที่กลุ่มการเมืองพุ่งเป้าไปยังฐานประชากร first voter พรรคการเมืองต่าง ๆ พยายามขายแบรนด์ของตนเองผ่านการเชื่อมโยงกับเยาวชน
แต่คำนี้กำลังเสื่อมพลังทางความหมาย เหตุผลก็คือ “ความเป็นรุ่นใหม่” กลายเป็นเพียงภาพลักษณ์มากกว่าสิ่งที่จะจับต้องได้จริง เมื่อเราผ่านจุดตัดที่ว่ามาหลายฤดูกาลการเลือกตั้ง การกล่าวว่า พรรคใด ๆ สนับสนุนคนรุ่นใหม่ หรือเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ ในยุคนี้นั้นล้าสมัยไปแล้ว
หลังเป็น 2562 เป็นต้นมา เราเห็นพรรคเพื่อไทย พยายามขายคำว่า “คนรุ่นใหม่” เป็นระลอก โดยอาจทำให้เข้าใจว่าเป็นไปเพื่อสร้างภาพของการสืบทอด แต่ในทางปฏิบัติ ก็ไม่เคยมีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของคนในวัยเปลี่ยนผ่านนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพจิต ระบบการศึกษา หรือการจ้างงานที่ไม่มั่นคง การหยิบคำนี้มาใช้ซ้ำซากจึงกลายเป็นเพียงสโลแกนที่พ่ายแพ้ต่อพรรคที่ทำได้จริงมากกว่า
พรรคก้าวไกล ได้รับการยอมรับในฐานะ “พรรคของคนรุ่นใหม่” ผ่านท่าทีและสัญลักษณ์การเมือง แต่ก็ยังติดกับดักของการใช้เยาวชนเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงภาพลักษณ์หรือโฆษณาทางการเมือง มากกว่าจะออกแบบนโยบายระยะยาวที่จริงจังและเป็นวาระแห่งชาติ
พรรคประชาธิปัตย์ เคยพยายามรีแบรนด์ด้วยการดันคนรุ่นใหม่เข้าสู่สนาม แต่กลับล้มเหลว เพราะไม่สามารถแปรเปลี่ยน “ใบหน้าใหม่” ให้กลายเป็น “นโยบายใหม่” ได้จริง และสุดท้ายก็หายไปในความเงียบ
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคอื่น ๆ ก็แทบไม่เคยพูดถึงคุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างมีระบบ มีเพียงการแจกทุนและการทำกิจกรรม PR เป็นครั้งคราว
พรรคการเมืองต่าง ๆ แทนที่จะพยายามแย่งชิงพื้นที่ของ youth branding ก็ควรหันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตเยาวชนคนรุ่นใหม่ ในฐานะประชากรเฉพาะช่วงวัยที่มีปัญหาและมีความต้องการตามช่วงวัยนั้นจริง ๆ ไม่ใช่การใช้คำว่าคนรุ่นใหม่ให้ครอบคลุมถึงคนรุ่นอื่น ที่ควรใช้คำว่า “คนหน้าใหม่” มากกว่า
สรุปได้ว่า “นโยบายคนรุ่นใหม่” ในการเมืองไทยไม่เคยปรากฏในฐานะวาระจริงจัง ทุกพรรคเลือกที่จะสร้างภาพของเยาวชน มากกว่าที่จะเข้าใจว่าเยาวชนวันนี้กำลังเผชิญกับอะไร
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
บทความโดย: เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์
#คนรุ่นใหม่ #นโยบายคนรุ่นใหม่ #การเมืองไทย #ไทยพับลิก้า

SCB EIC ชี้เศรษฐกิจไทยเจอความท้าทายรอบด้าน ข้างนอกพึ่งยาก ข้างในเปราะบาง ปี 2568 โตเพียง 1.8%| Research Reports |ศูนย์วิ...
01/10/2025

SCB EIC ชี้เศรษฐกิจไทยเจอความท้าทายรอบด้าน ข้างนอกพึ่งยาก ข้างในเปราะบาง ปี 2568 โตเพียง 1.8%
| Research Reports |ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) บรรยายสรุปในหัวข้อ ““มุมมองเศรษฐกิจไทย ประจำไตรมาส 3 ปี 2568” โดย 'ดร.ยรรยง ไทยเจริญ' ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ร่วมด้วย 'ดร.ฐิติมา ชูเชิด' ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค และ 'นางสาวปราณิดา ศยามานนท์' ผู้อำนวยการ ผู้บริหารฝ่าย Industry Analysis
โดย SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยจะเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ภายนอกท้าทายมากขึ้นจากสงครามการค้าและตลาดการเงินโลกผันผวน ภายในท้าทายมากขึ้นจากความเปราะบางในภาคธุรกิจ, ครัวเรือน และข้อจำกัดการคลัง เศรษฐกิจไทยจึงมีแนวโน้มขยายตัวต่ำต่อเนื่อง โดยปี 2568 จะขยายตัวเพียง 1.8% และชะลอลงเหลือ 1.5% ในปี 2569
ด้านค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้นเร็วในปีนี้กว่า 8% แข็งสุดในรอบ 4 ปี และแข็งนำคู่แข่งในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาทเทียบกับคู่ค้าคู่แข่งสำคัญ แข็งค่ามากที่สุดตั้งแต่วิกฤติ 2540 โดยมีสาเหตุทั้งจากปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐและจากปัจจัยภายในของไทย ทั้งจากการส่งออกทองคำที่พุ่งสูงขึ้นมากตามราคาทองคำที่สูงขึ้นเร็ว การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตร
การแข็งค่าของเงินบาทมากเช่นนี้ ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย ที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำ เงินบาทจึงอาจกลายเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจเพิ่มเติม (Shock amplifier) กระทบความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออกซ้ำเติมผลกระทบภาษีทรัมป์ รวมถึงกดดันการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
กลุ่มธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงจากบาทแข็ง ได้แก่ อุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออกสูงและใช้ปัจจัยการผลิตจากในประเทศเป็นหลัก เช่น สินค้าเกษตร รวมถึงธุรกิจบริการที่พึ่งพารายได้ต่างชาติสูง เช่น ภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจเหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากการแปลงรายได้ดอลลาร์สหรัฐเป็นรูปเงินบาทเพื่อจ่ายค่าวัตถุดิบและค่าจ้าง ในช่วงบาทแข็งอาจขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวต่างชาติยังต่ำกว่าปีก่อนมาก นักท่องเที่ยวจีนยังต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่เริ่มหดตัวน้อยลง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีแนวโน้มระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งยังมีการแข่งขันดึงดูดนักท่องเที่ยวในเอเชีย ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของไทยส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับหลายประเทศ ผลกระทบเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องเสี่ยงจะทำให้ไทยเสียเปรียบการแข่งขัน ทั้งกับประเทศปลายทางอื่น โดยเฉพาะเวียดนามและจีนที่ค่าเงินอ่อนค่ากว่าประเทศอื่นในปีนี้ และการดึงดูดนักท่องเที่ยวอินเดีย สหรัฐฯ และจีนที่สกุลเงินอ่อนค่ากว่าเงินบาท ทำให้การฟื้นตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะข้างหน้ายังมีความท้าทาย
ติดตามอ่านรายละเอียดบทวิเคราะห์ฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
#แนวโน้มเศรษฐกิจไทย #อุตสาหกรรมส่งออกไทย #เงินบาทแข็งค่า #ไทยพับลิก้า

“ประเทศไทยต้องรอด Save Thailand” ชวนคิดฝ่าวิกฤติ Restore Reframe Rise| เกาะกระแส | เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2568 สำนักข่าวออน...
01/10/2025

“ประเทศไทยต้องรอด Save Thailand” ชวนคิดฝ่าวิกฤติ Restore Reframe Rise
| เกาะกระแส | เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2568 สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า จัดงานสัมมนาหัวข้อ “ประเทศไทยต้องรอด Save Thailand Restore.Reframe.Rise” เนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปี ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 15 โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่
‘ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ‘ ประธานกรรมการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้กล่าวถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจไทย และปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องปรับตัว พร้อมฉายภาพว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ขยายตัวมากนัก สะท้อนให้เห็นจากอัตราการเติบโตของจีดีพีที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากปีค.ศ. 1991-1996 (พ.ศ.2534-2539) ยอดขายของภาคธุรกิจเติบโตเฉลี่ย 13% ขณะที่การเกินดุลงบประมาณเฉลี่ย 2.9% ต่อปี แต่ปัจจุบันเติบโตเพียง 2% และ 3.9% ตามลำดับ นอกจากนี้ ธุรกิจ SME เผชิญสถานการณ์ที่แย่กว่าช่วงโควิด-19 จากการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ลดต่ำจาก 3 ล้านล้านบาท ในไตรมาส 3/2563 มาที่ 2.8 ล้าน ในปี 2568
‘ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส‘ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เสนอแนวคิดพลิกจากรัฐเดินนำ เป็น “เอกชนคิด ภาครัฐเอื้อ” โดยเสนอ 3 แนวทางสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าอย่างมีคุณภาพ คือ (1) กำหนดทิศทางพัฒนาที่ชัดเจนและสอดคล้องกับทรัพยากรที่มี (2) สร้างกติกาที่เอื้อต่อความสำเร็จและโปร่งใส และ (3) เร่งความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และภาคการเงิน เพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นไปอย่างรวดเร็วและยั่งยืน
’นายผยง ศรีวณิช’ ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ชวนรัฐ-เอกชน Connect the Dots เปิดพื้นที่ผสานความร่วมมือ โดยกล่าวว่าปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย สะท้อนว่าเศรษฐกิจและการเงินไทยยังไม่ inclusive ขาดข้อมูลที่ครอบคลุมและเชื่อถือได้สำหรับการออกแบบนโยบายสาธารณะ ขณะที่สภาพคล่องกว่า 5 ล้านล้านบาท ในระบบการเงินไม่สามารถไหลไปสู่การลงทุนภาคจริงได้ สวนทางกับเงินลงทุนไทยที่ไหลออกต่างประเทศมากกว่า 7 ล้านล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นการลงทุนภายในประเทศที่ลดลง ดังนั้น โจทย์ใหญ่คือการ connect the dots ทั้งด้านข้อมูล กฎกติกา และการประสานงานระหว่างหน่วยงานรัฐที่ยังแยกส่วน (fragmented) ทำให้การตอบสนองต่อปัญหาล่าช้าและไม่ตรงจุด ทั้งที่ทรัพยากรและข้อมูลมีอยู่แล้ว
‘ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์‘ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเมทริกซ์ คอนซัลติ้ง จำกัด เน้นย้ำแนวทางปลดล็อกสกิล ‘AI’ ทางรอดแรงงานไทย โดยกล่าวว่า “อนาคตประเทศไทยจะรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการลงทุนกับสินค้าสาธารณะ (Public Goods) เช่น การศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับตลาดแรงงาน และการเข้าถึงเทคโนโลยี AI อย่างทั่วถึง ซึ่งจะให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมสูงถึง 50 เท่า”
’ดร.รัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์‘ CEO และผู้ร่วมก่อตั้งลิสเซินฟิลด์ ชี้ภาคเกษตรชะงักงัน จำเป็นต้องใช้ ‘เทคโนโลยี’ สร้างการเปลี่ยนแปลง โดยระบุว่า KPI ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยสภาพัฒน์ ตั้งเป้าให้ GDP ภาคการเกษตรโต 4.5% ต่อปี และรายได้ครัวเรือนเกษตรเกิน 537,000 บาท/ปี แต่ตัวเลขดังกล่าวนับเป็น “เป้าหมายที่ทะเยอทะยานมาก” และจะไปไม่ถึงหากยังติดคอขวดด้านการปฏิบัติ (ex*****on) เนื่องจากเราไม่เคยเดินตามแผนจนถึงเป้าหมายได้จริง มีแผนดีแต่ ex*****on ไม่มา หากจะให้บรรลุ KPI ต้องเกิดการลงทุนครั้งใหญ่ในเทคโนโลยีเกษตร และเอกชนต้องเข้ามาช่วยขับเคลื่อน
’นายพริษฐ์ วัชรสินธุ’ สส.พรรคประชาชน ชี้ถึง 3 โจทย์รื้อปัญหาเรื้อรังของประเทศ ที่ต้องแก้ด้วยการ “ปฏิรูปการเมือง – ปรับกระบวนการทำงบฯ ใหม่ – ปฏิรูปการศึกษา” รวมถึงต้องย้อนมาสะสางปัญหา จากโลกแห่งอดีตด้วย โดยเน้นย้ำว่าประเทศไทยเผชิญปัญหาที่เรื้อรังมานาน ทั้งปัญหาระบบการเมืองที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ ปัญหาการศึกษา ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน เหล่านี้ไม่ใช่แค่ปัญหาจากความท้าทายที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันและความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นความท้าทายเรื่องเทคโนโลยี สังคมสูงวัย ภาวะโลกรวน
ติดตามอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ [คอมเมนต์]
#ประเทศไทยต้องรอด #ไทยพับลิก้า

ครม.นัดแรก ‘อนุทิน’ อนุมัติ 22,780 ล้าน ก่อนปิดงบปี’68 เพิ่มวงเงิน “บัตรคนจน” 850 บาท/คน เริ่ม พ.ย.-ธ.ค.นี้| เกาะกระแส |...
01/10/2025

ครม.นัดแรก ‘อนุทิน’ อนุมัติ 22,780 ล้าน ก่อนปิดงบปี’68 เพิ่มวงเงิน “บัตรคนจน” 850 บาท/คน เริ่ม พ.ย.-ธ.ค.นี้
| เกาะกระแส | เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ‘นายอนุทิน ชาญวีรกูล’ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 406 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา โดยที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติ 22,780 ล้าน ก่อนปิดงบปี 2568 เพิ่มวงเงิน “บัตรคนจน” 850 บาท/คน เริ่ม พ.ย.-ธ.ค.นี้ รวม 2 เดือน คนละ 1,700 บาท ขยายเวลาประกาศพื้นที่ความมั่นคง 20 อำเภอ 4 จังหวัดชายแดนใต้อีก 1 ปี และตั้ง ‘สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ’ เป็นโฆษกรัฐบาล
สำหรับโครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2568 ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการ เพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม กระทรวงการคลังเสนอ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาค่าครองชีพ และจัดประชารัฐสวัสดิการเพิ่มเติมเป็นการชั่วคราวให้แก่ผู้มีบัตรฯ ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 จำนวน 13.4 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางสูงและได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว โดยจะเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้มีบัตรฯ รวมถึงช่วยเพิ่มกำลังซื้อ และเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2568 ส่งผลให้เกิดการบริโภค การผลิต และการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นลูกโซ่ ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม
โดยกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ช่วยเหลือผู้มีบัตรฯ ผ่านวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมจากร้านค้าธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่นๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยผู้มีบัตรฯ จะได้รับวงเงินเพิ่มอีกจำนวน 850 บาทต่อคนต่อเดือน (โดยเพิ่มเติมจากวงเงินที่ได้รับเดิมจำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน) เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 (กรณีมีวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมในเดือนถัดไป) รวมทั้งสิ้น 1,700 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ ระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568
ติดตามอ่านรายละเอียดมติคณะรัฐมนตรีฉบับเต็มได้ที่ [คอมเมนต์]
#มติคณะรัฐมนตรี #รัฐบาลอนุทิน #บัตรคนจน #ไทยพับลิก้า

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ขอขอบคุณวิทยากรและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่มาร่วมงานเสวนา “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND: ...
30/09/2025

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ขอขอบคุณวิทยากรและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่มาร่วมงานเสวนา “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND: Restore • Reframe • Rise" เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 14 และก้าวสู่ปีที่ 15
โอกาสนี้ ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมบริจาคไปยัง "กองทุนผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ ตับอ่อน ทางเดินน้ำดี และผู้ป่วยปลูกถ่ายตับ” มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 187,520 บาท จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ
📌🛜 รับชมบันทึกเวทีเสวนาได้ที่ page: https://www.facebook.com/share/v/1CYkTXtZSg/?mibextid=wwXIfr
#ประเทศไทยต้องรอด #ไทยพับลิก้า

บรรยากาศงานเสวนาหัวข้อ “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND: Restore • Reframe • Rise" เนื่องในโอกาสสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก...
30/09/2025

บรรยากาศงานเสวนาหัวข้อ “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND: Restore • Reframe • Rise" เนื่องในโอกาสสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า thaipublica.org ดำเนินงานครบรอบปีที่ 14 และก้าวสู่ปีที่ 15 ใน
งานในวันนี้ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายสาขา ประกอบด้วย ‘ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ’ ประธานกรรมการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ‘ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส’ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ‘คุณผยง ศรีวณิช‘ ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ‘ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์’ กรรมการผู้จัดการบริษัทสยามเมทริกซ์ คอนซัลติ้ง จำกัด ‘ดร.รัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์’ CEO และผู้ร่วมก่อตั้งลิสเซินฟิลด์ และ ‘คุณพริษฐ์ วัชรสินธุ’ สส.พรรคประชาชน ร่วมพูดคุยและนำเสนอมุมมองการและขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน
พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมแสดงความยินดี
#ประเทศไทยต้องรอด #ไทยพับลิก้า

ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทสยามเมทริกซ์ คอนซัลติ้ง จำกัด ร่วมเสวนา “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND: R...
30/09/2025

ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทสยามเมทริกซ์ คอนซัลติ้ง จำกัด ร่วมเสวนา “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND: Restore • Reframe • Rise" เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 14 และก้าวสู่ปีที่ 15
#ประเทศไทยต้องรอด #ไทยพับลิก้า

คุณผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเสวนา “ประเทศไทยต้องรอด SAVE...
30/09/2025

คุณผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเสวนา “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND: Restore • Reframe • Rise" เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 14 และก้าวสู่ปีที่ 15
#ประเทศไทยต้องรอด #ไทยพับลิก้า

ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมเสวนา “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND...
30/09/2025

ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมเสวนา “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND: Restore • Reframe • Rise" เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 14 และก้าวสู่ปีที่ 15
#ประเทศไทยต้องรอด #ไทยพับลิก้า

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+6629706998

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ThaiPublicaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ThaiPublica:

แชร์

Our Story

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ThaiPublica.org ก่อตั้งในเดือนกันยายน 2554 นำเสนอข่าวสืบสวนสอบสวน เน้นประเด็นตรวจสอบความโปร่งใสภาครัฐ ความโปร่งใสภาคเอกชน และการพัฒนาที่ยั่งยืน ดำเนินงานโดยทีมงานนักข่าวอาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการรวมกันกว่า 60 ปี ไทยพับลิก้ามุ่งหวังที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งพื้นที่ในการนำเสนอข่าวและแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน และเป็นเครื่องมือในการทำงาน โดยเชื่อมั่นในพลังของสื่อใหม่ว่า การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่และเครื่องมือจะช่วยดำรงความเป็นอิสระของกองบรรณาธิการ ก้าวข้ามข้อจำกัดของสื่อกระแสหลัก และสร้างความแตกต่างให้กับสำนักข่าวไทยพับลิก้า ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวเชิงลึก และการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเข้าใจง่าย เราเชื่อมั่นว่า การนำ "ความเร็ว" ของพลังสังคมและข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ มาผสานกับ "ประสิทธิภาพ" ของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมโยงและนำเสนอข้อมูล ผนวกกับ "ความลึก" ของนักข่าวมืออาชีพมากประสบการณ์ จะเปิดมิติใหม่ให้แก่วงการสื่อสารมวลชนไทย ไทยพับลิก้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมิตินี้ บรรณาธิการบริหาร บุญลาภ ภูสุวรรณ กองบรรณาธิการไทยพับลิก้า กมล ชวาลวิทย์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส อโนทัย จันทร์ดี ผู้สื่อข่าวอาวุโส จิรัฐิติ ขันติพะโล ผู้สื่อข่าว เอมปวีณ์ วัชระตระการพงศ์ ผู้สื่อข่าว กัลย์สุดา ปานอ่อน เลขานุการกองบรรณาธิการ คณะบรรณาธิการ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ openbooks และพิธีกร บุญลาภ ภูสุวรรณ อดีตบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ปกป้อง จันวิทย์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียนอิสระ และบล็อกเกอร์ สนิทสุดา เอกชัย ผู้ช่วยบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ Bangkok Post คณะกรรมการที่ปรึกษา คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บรรยง พงษ์พานิช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย รตยา จันทรเทียร ประธาน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร พันธมิตรออนไลน์ เครือข่ายพลเมืองเน็ต - http://www.thainetizen.org/ ประชาไท - http://www.prachatai.com/ ประสงค์ดอทคอม - http://www.prasong.com/ สำนักข่าวอิศรา - http://www.isranews.org/ ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ) - http://www.tcijthai.com/ โอเพ่นออนไลน์ - http://www.onopen.com/ ไอลอว์ (iLaw) - http://www.ilaw.or.th/