ThaiPublica ความโปร่งใสและยั่งยืน

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ThaiPublica.org ก่อตั้งในเดือนกันยายน 2554 นำเสนอข่าวสืบสวนสอบสวน เน้นประเด็นตรวจสอบความโปร่งใสภาครัฐ ความโปร่งใสภาคเอกชน และการพัฒนาที่ยั่งยืน ดำเนินงานโดยทีมงานนักข่าวอาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการรวมกันกว่า 60 ปี

ไทยพับลิก้ามุ่งหวังที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งพื้นที่ในการนำเสนอข่าวและแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน และเป็นเครื่องมือในการทำงาน โดยเชื่อมั่นในพลังของสื่อใหม่ว่า การ

ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่และเครื่องมือจะช่วยดำรงความเป็นอิสระของกองบรรณาธิการ ก้าวข้ามข้อจำกัดของสื่อกระแสหลัก และสร้างความแตกต่างให้กับสำนักข่าวไทยพับลิก้า ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวเชิงลึก และการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเข้าใจง่าย

เราเชื่อมั่นว่า การนำ "ความเร็ว" ของพลังสังคมและข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ มาผสานกับ "ประสิทธิภาพ" ของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมโยงและนำเสนอข้อมูล ผนวกกับ "ความลึก" ของนักข่าวมืออาชีพมากประสบการณ์ จะเปิดมิติใหม่ให้แก่วงการสื่อสารมวลชนไทย

ไทยพับลิก้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมิตินี้

บรรณาธิการบริหารและบรรณาธิการด้านความยั่งยืน
บุญลาภ ภูสุวรรณ

บรรณาธิการข่าวข้อมูล
กมล ชวาลวิทย์

บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ
จิระประภา กุลโชติ

กองบรรณาธิการ
สิรินาฏ ศิริสุนทร ผู้สื่อข่าว
จารุกิตติ์ ธีรตาพงศ์ ผู้สื่อข่าว

ช่างภาพ
ทศวรรษ เนียมวิวัฒน์

กราฟิก
ณัฐวดี สุทธิสาร


คณะกรรมการที่ปรึกษา
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
บรรยง พงษ์พานิช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)
พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย
รตยา จันทรเทียร ประธาน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร

04/09/2025

#มาเลเซีย เปิดตัวชิป AI
MARS1000
รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศ
ประมวลผลบนอุปกรณ์โดยตรง
ไม่ผ่านระบบคลาวด์
(รายละเอียดใน Comment)

| ข่าวประชาสัมพันธ์ | ออมสินพร้อมต่อยอดงานพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม (Holistic Area-Based Community Development) สู่ปีที่ 2 กั...
04/09/2025

| ข่าวประชาสัมพันธ์ | ออมสินพร้อมต่อยอดงานพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม (Holistic Area-Based Community Development) สู่ปีที่ 2 กับโครงการ “ลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา” บนเกาะลิบง จ.ตรัง

มุ่งสร้าง "ต้นแบบชุมชนคาร์บอนต่ำ" (Low Carbon Island) พร้อมขยายเป้าหมายการพัฒนาเป็น 12 ด้าน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความยั่งยืนทุกมิติ

• ด้านเศรษฐกิจ: ช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวและสินค้าชุมชน พร้อมส่งเสริมให้รู้จักออมเงินเพื่อความมั่นคง

• ด้านสังคม: ทำให้ชาวบ้านมีชีวิตที่ดีและปลอดภัยขึ้น มีน้ำสะอาดใช้ มีเรือพยาบาลฉุกเฉิน และยังคงรักษาวัฒนธรรมที่ดีงามไว้

• ด้านสิ่งแวดล้อม: ดูแลธรรมชาติของเกาะให้สวยงาม ติดตั้งระบบพลังงานทดแทนโซล่าร์เซลล์ส่องสว่าง จัดการขยะ และปลูกป่ากับหญ้าทะเลเพิ่มขึ้น

จากการดำเนินงานครบ 1 ปี ได้สร้าง Social Impact ให้ชุมชนแล้วกว่า 50,000 ราย ทั้งด้านการแพทย์ สาธารณสุข การจัดการน้ำสะอาด และที่สำคัญคือการส่งเสริมอาชีพและการท่องเที่ยววิถีใหม่แบบ "วิถีชีวิตชาวมุสลิม" ที่เป็นหัวใจของชุมชนที่ยากจะหาได้จากที่ไหน พร้อมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 20% และผู้ประกอบการโฮมสเตย์มีรายได้เพิ่มขึ้น 34%

ธนาคารออมสิน มุ่งมั่นขับเคลื่อนชุมชนเกาะลิบงให้เข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป

#ลิบงสุขใจ #ออมสินพัฒนา #โครงการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม #เป็นลูกค้าเราเท่ากับช่วยสังคม

WHAUP ผนึกสหฟาร์ม ขับเคลื่อนพลังงานสะอาดภาคเกษตร สู่แนวคิด “กรีนที่กินได้” อย่างยั่งยืน| Native Ad | ในโลกที่ความยั่งยืน...
04/09/2025

WHAUP ผนึกสหฟาร์ม ขับเคลื่อนพลังงานสะอาดภาคเกษตร สู่แนวคิด “กรีนที่กินได้” อย่างยั่งยืน
| Native Ad | ในโลกที่ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือหัวใจของการดำเนินธุรกิจ WHA Group ยืนหยัดในฐานะผู้นำที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่มิติใหม่ ด้วยแนวคิด “กรีนที่กินได้” ซึ่งเชื่อว่าความยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่การสร้างภาพลักษณ์ แต่คือการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนกลับคืนมาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งผลตอบแทนทางธุรกิจ การรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงการต่อยอดไปยังชุมชนเพื่อระบบนิเวศที่สมบูรณ์ขึ้น เป็นต้นแบบของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเติบโตไปพร้อมกันอย่างแท้จริง
ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน WHA Group ได้วางรากฐานการดำเนินธุรกิจบน 5 แกนหลักด้านความยั่งยืน ได้แก่ Green Mobility ระบบนิเวศการขนส่งสีเขียว Green Construction การก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Waste Reduction by 3R การจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ตลอดจนอีกสองแกนสำคัญ คือ Water Conservation Program การบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจร ภายใต้โครงการ WHA: Clean Water for Planet ที่มุ่งสร้างระบบนิเวศน้ำที่ยั่งยืน และ Decarbonization Solutions มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการขยายพลังงานหมุนเวียน ทั้งในการดำเนินงานภายในองค์กรและการให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดแก่ลูกค้า
โดยมี บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ทำหน้าที่เป็นกำลังหลักในการนำนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการน้ำและพลังงานสะอาดเข้ามาสนับสนุน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรมของประเทศ
ความมุ่งมั่นนี้ยังสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ “กลุ่มบริษัทสหฟาร์ม” ผู้นำในภาคเกษตร ที่ต้องการพลิกโฉมการผลิตสู่ความยั่งยืนภายใต้โครงการ “Go Green” ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการนำพลังงานสะอาดมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมเกษตรอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากลของ WHAUP ทำให้สหฟาร์มมั่นใจที่จะเลือก WHAUP เป็นพันธมิตรหลักในการขับเคลื่อนเป้าหมายนี้
WHAUP ได้ดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) จำนวนรวม 14 โครงการ ให้แก่ กลุ่มบริษัทสหฟาร์ม คิดเป็นกำลังการผลิตรวมถึง 46.47 เมกะวัตต์ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงช่วยลดต้นทุนระยะยาว แต่ยังสร้างระบบการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย และยั่งยืน
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา WHAUP ได้จัดพิธีส่งมอบพลังงานไฟฟ้าจาก 2 โครงการนำร่องที่สำคัญ ได้แก่ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นดิน (Solar Farm) ของบริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด ขนาด 20 เมกะวัตต์ บนพื้นที่กว่า 105 ไร่ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ (Solar Floating) ของบริษัท สหฟาร์ม จำกัด ขนาด 9.7 เมกะวัตต์ บนพื้นที่บ่อน้ำกว่า 52 ไร่ ที่จังหวัดลพบุรี
โครงการทั้งสองแห่งนี้มีกำลังผลิตรวม 29.7 เมกะวัตต์ และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 22,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (tCO2e) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของ WHAUP สู่อุตสาหกรรมการเกษตรซึ่งเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศ และตอกย้ำบทบาทในการนำนวัตกรรม มาเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพลังงานอย่างรอบด้าน
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มที่ [คอมเมนต์]
#กรีนที่กินได้ #พลังงานสะอาดภาคเกษตร #สหฟาร์ม #ไทยพับลิก้า

World Bank หนุนไทยใช้นวัตกรรมการเงินสีน้ำเงิน จัดการเศรษฐกิจชายฝั่ง ปกป้องทรัพยากรทางทะเล| Sustainability | ประเทศไทยมีจ...
04/09/2025

World Bank หนุนไทยใช้นวัตกรรมการเงินสีน้ำเงิน จัดการเศรษฐกิจชายฝั่ง ปกป้องทรัพยากรทางทะเล
| Sustainability | ประเทศไทยมีจังหวัดตามแนวชายฝั่งทะเลถึง 23 จังหวัด และมีแนวชายฝั่งทะเลยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร ตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลที่หลากหลาย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจ โดยคิดเป็นเกือบ 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และประมาณ 26% ของการจ้างงาน
อย่างไรก็ตาม จากรายงาน Innovative Blue Financing Solutions in Thailand ล่าสุดโดยธนาคารโลก พบว่า ทรัพยากรเหล่านี้กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการกัดเซาะชายฝั่ง การรั่วไหลของมลพิษ การใช้ทรัพยากรเกินขนาด รวมถึงการขาดแคลนเงินทุน โดยในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา แนวชายฝั่งของประเทศประมาณ 30% ได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะ ซึ่งส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมูลค่ารวมกว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
จากการศึกษาเพื่อประเมินความพร้อมของประเทศในรายงานดังกล่าว บ่งชี้ว่า พันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bonds) เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสำหรับประเทศไทย โดยได้รับแรงผลักดันจากความสนใจของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น และแรงขับเคลื่อนด้านนโยบายที่แข็งแกร่ง โดย ณ ปี 2022 มูลค่ารวมของพันธบัตรสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่หมุนเวียนอยู่ในประเทศไทยมีมูลค่าถึง 659 พันล้านบาท (20.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ากว่า 35%
ในขณะเดียวกัน ธนาคารโลก ยังได้สนับสนุนโครงการเมืองคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Cities: LCC) ของประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายในการช่วยให้เมืองต่าง ๆ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว ภายใต้ ซึ่งการฟื้นฟูป่าชายเลนเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งนั้น ยังสามารถนำไปสู่การสร้างเครดิตคาร์บอนสีน้ำเงินโดยเชื่อมโยงกับกลไกภายใต้โครงการ LCC เพื่อลดการพึ่งพางบประมาณภาครัฐ และถือเป็นเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการลงทุน เพื่อขยายกลไลการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืนอีกด้วย
ติดตามอ่านรายละเอียดฉบับเต็มที่ [คอมเมนต์]
#การเงินสีน้ำเงิน #เศรษฐกิจชายฝั่ง #ธนาคารโลก #ไทยพับลิก้า

Thaipublica’s Pick: “สิงคโปร์” สั่ง Meta จัดการการหลอกลวงออนไลน์ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตำรวจสิงคโปร์จะออกคำสั่งให้บ...
04/09/2025

Thaipublica’s Pick: “สิงคโปร์” สั่ง Meta จัดการการหลอกลวงออนไลน์ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
ตำรวจสิงคโปร์จะออกคำสั่งให้บริษัทเทคโนโลยี Meta เจ้าของแพลตฟอร์มออนไลน์ Facebook ให้จัดการกับการหลอกลวงต่าง ๆ รวมถึงการหลอกลวงโดยการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
บริษัทจะต้องมีมาตรการเพื่อจัดการกับโฆษณา บัญชี โปรไฟล์ และเพจธุรกิจหลอกลวงที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐคนสำคัญบน Facebook
หาก Meta ไม่ปฏิบัติตาม อาจถูกปรับสูงสุดถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
คำสั่งฉบับนี้เป็นการบังคับใช้ครั้งแรกที่ออกให้แก่ผู้ให้บริการออนไลน์ในสิงคโปร์ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ (Online Criminal Harms Act :Ocha) นับตั้งแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567
‘โกห์ เผย หมิง’ (Goh Pei Ming) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกาศเรื่องนี้เมื่อวันที่ 3 กันยายน ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงาน Global Anti-Scam Summit Asia 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการซันเทค สิงคโปร์
นายโกห์ กล่าวว่า การที่ใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นนี้ เนื่องจากเฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่เหล่ามิจฉาชีพใช้ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และกล่าวเสริมว่า “ตำรวจประเมินว่าจำเป็นต้องมีการดำเนินการที่เด็ดขาดมากขึ้นเพื่อหยุดยั้งการหลอกลวงประเภทนี้”
สถิติกลางปีของตำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม แสดงให้เห็นว่าการหลอกลวงโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า โดยมีรายงานคดี 1,762 คดีในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เทียบกับ 589 คดีในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567
เหยื่อสูญเสียเงิน 126.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 90% จาก 67.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567
บัญชีหรือโพสต์บนเฟซบุ๊กหลายบัญชีที่แอบอ้างเป็นนายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง และ
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อึ้ง เอ็ง เฮิน(Ng Eng Hen) ปรากฏขึ้นในช่วงต้นปี 2568
นายกรัฐมนตรี หว่อง เคยเตือนประชาชนในเดือนมีนาคมเกี่ยวกับโฆษณาหลอกบนเฟซบุ๊กที่ใช้deepfake หรือรูปภาพของเขาหลอกขายสกุลเงินดิจิทัล โครงการหลอกลงทุน หรือบริการสมัครขอมีถิ่นที่อยู่ถาวร
นายโกห์ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังยกระดับมาตรการจัดการกับการหลอกลวงโดยการปลอมแปลงตัวตน และจะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัท Meta เพื่อต่อสู้กับการฉ้อโกงดังกล่าว
นายโกห์กล่าวว่า “สำหรับสิงคโปร์ สงครามต่อต้านการหลอกลวงยังคงเป็นภารกิจสำคัญระดับชาติ สิงคโปร์เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจมากสำหรับการหลอกลวง”
“การรับมือกับภัยคุกคามที่ร้ายกาจอย่างการหลอกลวงจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม”
นายโกห์กล่าวว่า มาตรการนี้ประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ การสกัดกั้นการหลอกลวงล่วงหน้า
การส่งเสริมให้มีการรายงานและการตรวจจับการหลอกลวง การดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อผู้หลอกลวงและการยึดทรัพย์ที่ได้จากการหลอกลวง และการให้ความรู้แก่สาธารณชน
เมื่อขอความเห็นเกี่ยวกับคำสั่งบังคับใช้ โฆษกหญิงของ Meta กล่าวว่า “การปลอมแปลงหรือแสดงโฆษณาที่แอบอ้างบุคคลสาธารณะเพื่อหลอกลวงผู้อื่นนั้นขัดต่อนโยบายของเรา และเราจะลบโฆษณาเหล่านี้ออกเมื่อตรวจพบ”
เธอกล่าวเสริมว่า Meta มีระบบเฉพาะสำหรับตรวจจับบัญชีที่ปลอมแปลงและโฆษณาที่ล่อลวงโดยแอบอ้างเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง
บริษัทยังลงทุนในการปรับปรุงการตรวจจับและทีมตรวจสอบที่ผ่านการฝึกอบรม แบ่งปันเคล็ดลับในการหลีกเลี่ยงการหลอกลวง และนำเสนอเครื่องมือสำหรับรายงานการละเมิดที่อาจเกิดขึ้น
ในการประชุมสุดยอดเมื่อวันที่ 2 กันยายน แม็กซิม ปราเดส์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ของ Meta กล่าวว่าบริษัทได้ปกป้องบุคคลสาธารณะเกือบ 500,000 คนทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า
เรื่อง: https://www.straitstimes.com/singapore/police-to-issue-meta-first-online-harms-order-in-spore-to-fight-scams-possible-fines-of-up-to-1m
ภาพ: https://www.scamshield.gov.sg/
#สิงคโปร์ #หลอกลวงออนไลน์ #ไทยพับลิก้า

ธปท. ไขเหตุผล กนง. ลดดอกเบี้ย เมื่อการเงินต้องสร้างความทนทาน Resilience ระยะยาว ไม่ใช่เพียงตอบโจทย์วันนี้| เกาะกระแส | ใ...
04/09/2025

ธปท. ไขเหตุผล กนง. ลดดอกเบี้ย เมื่อการเงินต้องสร้างความทนทาน Resilience ระยะยาว ไม่ใช่เพียงตอบโจทย์วันนี้
| เกาะกระแส | ในการประชุมครั้งที่ 4/2568 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.75 เป็นร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยให้มีผลทันที เพื่อให้ภาวะการเงินเอื้อต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจและช่วยบรรเทาภาระของกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะ SMEs
การปรับลดดอกเบี้ยของ กนง. ยังมีคำถามจากส่วนหนึ่งว่าทำไมต้องลด ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีแรกดูเหมือนยังเติบโตได้และมาตรการภาษีของสหรัฐก็มีความชัดเจนขึ้น ซึ่ง ‘ดร.ปิติ ดิษยทัต‘ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ให้เหตุผลถึงการปรับลดว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ สิ่งที่ ธปท. ต้องการไม่ใช่เพียง “เสถียรภาพ” (stability) ระยะสั้น แต่คือ “ความทนทาน” (resilience) ในระยะยาว”
“สิ่งสำคัญที่สุดคือ นโยบายการเงินต้องไม่ซ้ำเติมเศรษฐกิจ และต้องสร้าง Resilience เพื่อให้ประเทศรับมืออนาคตได้” ดร.ปิติ กล่าว
ติดตามอ่านประเด็นแลกเปลี่ยนความเห็นถึงการปรับดอกเบี้ยครั้งนี้ ระหว่างสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า และสื่อมวลชนกลุ่มย่อย ‘ดร.ปิติ ดิษยทัต‘ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่ [คอมเมนต์]
#ดอกเบี้ยนโยบาย #เงินเฟ้อ #ภาษีศุลกากรสหรัฐ #กนง #ธปท #ไทยพับลิก้า

“ก๊กเทค” สะพานรถไฟเก่าแก่เมียนมา อายุ 125 ปี ที่เพิ่งถูกวางระเบิด!| สู่อาเซียน | “ก๊กเทค” เป็นสะพานรถไฟเก่าแก่ ที่อังกฤษ...
04/09/2025

“ก๊กเทค” สะพานรถไฟเก่าแก่เมียนมา อายุ 125 ปี ที่เพิ่งถูกวางระเบิด!
| สู่อาเซียน | “ก๊กเทค” เป็นสะพานรถไฟเก่าแก่ ที่อังกฤษได้มาสร้างไว้ ตั้งแต่สมัยเป็นเจ้าอาณานิคมของพม่า เพื่อต้องการขยายอิทธิพล โดยสร้างทางรถไฟจากภาคมัณฑะเลย์ เชื่อมขึ้นไปยังพื้นที่รัฐฉาน ที่ในตอนนั้นมีสถานะเป็นรัฐในอารักขา นับอายุการใช้งานของสะพานก๊กเทคมาจนถึงปัจจุบัน ยาวนานถึง 125 ปีแล้ว
แต่เมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2568 ที่เพิ่งผ่านมา สะพานก๊กเทคได้ถูกวางระเบิดจนได้รับความเสียหาย! เป็นข่าวที่สร้างความเสียดายและความไม่พอใจ แก่ผู้ที่รู้จักสะพานแห่งนี้อย่างยิ่ง
จุดที่ถูกระเบิดเป็นสะพานทางฝั่งเมืองจ๊อกแม รัฐฉานเหนือ ช่วงระหว่างฐานสะพาน AB-2 กับตอม่อเลขที่ P-16 ทำให้ตัวสะพานขาด ทรุดตัวลงมาเป็นระยะทาง 18.2 เมตร หรือเกือบ 60 ฟุต
สื่อทุกแห่งและทุกฝ่ายในเมียนมา รายงานตรงกันว่ากลุ่มติดอาวุธที่วางระเบิดทำลายสะพานก๊กเทค คือ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอั้ง หรือ TNLA (Ta’ang National Liberation Army) ซึ่งกำลังสู้รบกับกองทัพพม่าอยู่ในหลายเมือง ในภาคเหนือของรัฐฉาน และพื้นที่บางส่วนของภาคมัณฑะเลย์
กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอั้ง เป็นกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ตะอั้ง หรือปะหล่อง ที่เคลื่อนไหวอยู่ในภาคเหนือของรัฐฉาน
เมื่อรัฐฉานเหนือเกิดความไม่สงบ เนื่องจากกองทัพชาติพันธุ์ 3 กลุ่ม ที่รวมตัวกันในนามพันธมิตรภาคเหนือ เปิดศึกสู้รบกับกองทัพพม่าภายใต้ชื่อ “ปฏิบัติการ 1027” ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2566 จนถึงปลายเดือนสิงหาคม 2567 กองทัพตะอั้งเป็นหนึ่งในสมาชิกพันธมิตรภาคเหนือ ร่วมกับกองทัพโกก้าง (MNDAA) และกองทัพอาระกัน (AA)
ปฏิบัติการ 1027 รอบแรก(ตุลาคม 2566-มกราคม 2567) กองทัพตะอั้งเข้ายึดพื้นที่เมืองน้ำคำ ที่อยู่ทางเหนือจากเมืองหม่านโต่ง และมีพรมแดนติดกับจีน ส่วนกองทัพโกก้างได้เข้ายึดเมืองเล่าก์ก่าย ชิงส่วยเหอ และเมืองกุ๋นโหลง
ปฏิบัติการ 1027 รอบสอง(มิถุนายน-สิงหาคม 2567) กองทัพตะอั้งเข้ายึดเมืองสีป้อ จ๊อกแม หนองเขียว เมืองมีต และเมืองกุ๊ต
รัฐบาลจีนไม่สบายใจและไม่พอใจในปฏิบัติการ 1027 รอบสอง ของกองทัพตะอั้งและโกก้าง เพราะเมืองส่วนใหญ่ที่ 2 กองทัพนี้ยึดเพิ่มมาได้ ล้วนอยู่ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3 ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าหลักของระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา
จีนได้เรียกตัวแทนกองทัพโกก้างกับตะอั้งไปคุย กดดันให้กองทัพโกก้างคืนเมืองแสนหวีกับล่าเสี้ยว และกดดันกองทัพตะอั้งให้คืนเมืองสีป้อ จ๊อกแม กับหนองเขียวแก่กองทัพพม่า
แต่กองทัพตะอั้งได้ปฏิเสธ ไม่ยอมทำตามแรงกดดันจากจีน ทำให้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นมา กองทัพพม่าได้ทุ่มเทกำลังพล โหมบุกและส่งเครื่องบินมาโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ในเมืองที่กองทัพตะอั้งยึดครองอยู่ โดยเฉพาะที่เมืองหนองเขียว และจ๊อกแม
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มที่ [คอมเมนต์]
ที่มาภาพ: Popular News Journal
รายงานโดย: ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
#สะพานก๊กเทค #เมียนมา #ชาติพันธุ์ตะอั้ง #จีน #ไทยพับลิก้า

Wellness Diplomacy เมื่อความเป็นไทยไม่ได้มีแค่มวยไทยและต้มยำ| คอลัมน์ Newground | ในอดีตที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบความสำเร...
03/09/2025

Wellness Diplomacy เมื่อความเป็นไทยไม่ได้มีแค่มวยไทยและต้มยำ
| คอลัมน์ Newground | ในอดีตที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก “Food Diplomacy” หรือการใช้อาหารเป็นเครื่องมือทางการทูตในการเผยแพร่ภาพลักษณ์ของชาติ ร้านอาหารไทยกระจายอยู่ทั่วโลก ผู้คนต่างรู้จักประเทศไทยผ่านรสชาติที่จัดจ้าน กลมกล่อม และเป็นเอกลักษณ์ เช่น ต้มยำกุ้ง ผัดไทย หรือส้มตำ
แต่ในโลกที่เปลี่ยนไปและทวีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด-19 ที่ปัญหาความเครียด วิตกกังวล ความโดดเดี่ยว และภาวะหมดไฟกลายเป็นวิกฤติเงียบระดับโลก รูปแบบ Soft Power ที่ตอบสนองเพียงรสนิยมผิวเผินอาจไม่เพียงพออีกต่อไป
ผู้คนกำลังมองหาความหมาย ชุมชน และวิธีเยียวยาตนเองในระดับลึก และนี่คือจุดที่ “Wellness Diplomacy” ของไทยสามารถก้าวขึ้นมาแทนที่
“Wellness Diplomacy” จึงไม่ได้เป็นเพียงการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์หรือบริการสุขภาพ แต่คือการนำเสนอปรัชญาในการใช้ชีวิตแบบไทย ที่เน้นความเรียบง่าย การกลับคืนสู่ตัวเอง ความสัมพันธ์กับธรรมชาติ และการมีสติรู้ตัวอย่างอ่อนโยน ให้เป็นเครื่องมือทางวัฒนธรรมใหม่ในเวทีโลก เป็น Soft Power แบบที่เยียวยา ไม่เร่งเร้า และแสดงพลังผ่านความสงบ
ประเทศไทยมีความโดดเด่นในจุดนี้ เนื่องจาก wellness แบบไทยไม่ได้เกิดขึ้นแยกจากวิถีชีวิต แต่มันฝังแน่นอยู่ในวัฒนธรรม เช่น การนวดแผนไทยที่สืบทอดจากหมอพื้นบ้าน การกินอาหารสมุนไพรที่ผสมผสานตำรับยาเข้ากับครัว การร้อยมาลัยและพิธีกรรมเรียบง่ายที่กล่อมเกลาจิตใจ
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อขาย แต่เกิดขึ้นจากรากทางวัฒนธรรม และนี่คือสิ่งที่ทำให้ Wellness ไทย มีชีวิต และไม่เป็นเพียงภาพลักษณ์
ในบริบทของเศรษฐกิจโลก Wellness ถือเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจาก Global Wellness Institute ปี 2023 ระบุว่าอุตสาหกรรม Wellness มีมูลค่าสูงถึง 5.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตแตะ 8.5 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2027
หนึ่งในเซ็กเตอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดคือ “Wellness Tourism” ซึ่งมีมูลค่ากว่า 650,000 ล้านดอลลาร์ และประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นจุดหมายปลายทางด้าน wellness tourism ระดับโลก ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เข้มข้น ค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า และภาพลักษณ์ของประเทศที่เชื่อมโยงกับความสงบ ความมีเมตตา และวิถีธรรมชาติ
หากไทยสามารถจับตลาดได้เพียง 1% ของตลาดโลกในกลุ่ม wellness tourism ก็จะสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศกว่า 22,000 ล้านบาทต่อปี ไม่รวมอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพ การแพทย์ทางเลือก หรือคอนเทนต์ด้านสุขภาวะที่สามารถเผยแพร่สู่โลกได้อีกมากมาย
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มที่ [คอมเมนต์]
บทความโดย: เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์
#อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย #ไทยพับลิก้า

ธนาคารโลก เสนอ 5 ยุทธศาสตร์ แก่ “เวียดนาม” สู่อนาคตประเทศรายได้สูงในปี 2045| เกาะกระแส | เมื่อปี 2024 ธนาคารโลก ได้เสนอร...
03/09/2025

ธนาคารโลก เสนอ 5 ยุทธศาสตร์ แก่ “เวียดนาม” สู่อนาคตประเทศรายได้สูงในปี 2045
| เกาะกระแส | เมื่อปี 2024 ธนาคารโลก ได้เสนอรายงานชื่อ Vietnam 2045 Trading Up in a Changing World: A Pathways to a High-Income Future ที่เสนอให้เวียดนามใช้ 5 ยุทธศาสตร์ ที่จะเอาประโยชน์จากการบูรณาการในขั้นตอนต่อไป ของการค้าโลกและภูมิภาค เพื่อบรรลุเป้าหมายการมีเศรษฐกิจรายได้สูงในปี 2045 โดยให้อานิสงส์ที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน
ปัจจุบันการเติบโตของเวียดนาม ประสบความสำเร็จจากโมเดลเศรษฐกิจ ที่ส่วนใหญ่อาศัยอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้แรงงานเข้มข้น การส่งออกที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ โมเดลการเติบโตแบบเดิมไม่มากพอ ที่จะขับเคลื่อนเวียดนามสู่ประเทศรายได้สูง
ประสบการณ์จากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และจีน บ่งชี้ว่า เวียดนามจำเป็นต้องยกระดับห่วงโซ่คุณค่า (value chain) เปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตและภาคบริการที่มูลค่าสูงขึ้น ด้วยการปรับปรุงด้านเทคโนโลยี ทักษะแรงงาน และนวัตกรรม
รายงานธนาคารโลก กล่าวว่า 30 ปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นตัวอย่างความสำเร็จทางเศรษฐกิจ ของประเทศที่บูรณาการกับ “ห้วงโซ่คุณค่าโลก” (GVC) ในเวลาไม่ถึง 40 ปี รายได้ต่อคนเพิ่ม 6.8 เท่า จาก 600 ดอลลาร์ในปี 1986 เป็น 4,717 ดอลลาร์ ในปี 2024 เทียบกับไทยในช่วงเวลาเดียวกัน จาก 842 ดอลลาร์เป็น 7,345 ดอลลาร์ เพิ่ม 7.7 เท่า
ที่ผ่านมาเวียดนามได้ประโยชน์ จากการปรับตัวของห่วงโซ่อุปทานโลก แต่เมื่อภูมิรัฐศาสตร์โลกแตกแยกเป็นส่วน ๆ ทำให้เกิดอนาคตที่ไม่แน่นอน
คำถามมีอยู่ว่า เมื่อระบบการค้าโลกเปลี่ยนไป เวียดนามจะแล่นเรือรัฐนาวาอย่างไร ตลาดไหนที่ให้โอกาสการเติบโตมากที่สุด และที่สำคัญเวียดนามจะดำเนินการอย่างไร ในการยกระดับการบูรณาการกับ “ห่วงโซ่คุณค่าโลก” เพื่อการเติบโตในอนาคต และเพื่อการสร้างงาน
รายงานของธนาคารโลก จะช่วยตอบคำถามนี้ให้กับเวียดนาม
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มที่ [คอมเมนต์]
ที่มาภาพ: supplychaindrive, Vietnam Insider
บทความโดย: ปรีดี บุญซื่อ
#เวียดนาม #ประเทศรายได้สูง #ธนาคารโลก #ไทยพับลิก้า

ไทม์ไลน์แต่ละพรรค ชิงเกมการเมือง| เกาะกระแส | ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ ‘นางสาวแพ...
03/09/2025

ไทม์ไลน์แต่ละพรรค ชิงเกมการเมือง
| เกาะกระแส | ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ ‘นางสาวแพทองธาร ชินวัตร’ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งตาม ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 เวลา 8.55 น. “พรรคประชาชน” เปิดแถลงข่าวที่อาคารรัฐสภาว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของพรรคประชาชนมีมติเห็นชอบสนับสนุน ‘นายอนุทิน ชาญวีรกูล’ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ภายใต้เงื่อนไข 5 ข้อ
พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ทำข้อตกลงร่วมกัน ดังนี้
1) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
2) ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนณที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
3) ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยจะเร่งผลักดันร่างรัฐธรรมญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดให้มีกระบวนการจัดทำรัฐธธรรมนูฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง ให้แล้วเสร็จในวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้โดยเร็ว เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง
4) พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
5) พรรคประชาชนยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชนไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
ด้าน “พรรคภูมิใจไทย” นำทีมโดย ‘นายอนุทิน ชาญวีรกูล‘ หัวหน้าพรรค ได้ตอบรับเงื่อนไขทั้ง 5 ข้อ ขณะที่ “พรรเพื่อไทย” ยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา พร้อมเผยหากประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุวาระในการเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ ก็พร้อมเสนอชื่อ ’นายชัยเกษม นิติสิริ‘ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มที่ [คอมเมนต์]
#พรรคประชาชน #พรรคภูมิใจไทย #พรรคเพื่อไทย #โหวตนายกคนที่32 #ไทยพับลิก้า

กฟผ. เร่งลดก๊าซเรือนกระจก หนุน T-VER สร้างแรงจูงใจ ‘ตลาดคาร์บอนเครดิตไทย’| Native Ad | ปัจจุบันหลายประเทศกำหนดมาตรการเพื...
03/09/2025

กฟผ. เร่งลดก๊าซเรือนกระจก หนุน T-VER สร้างแรงจูงใจ ‘ตลาดคาร์บอนเครดิตไทย’
| Native Ad | ปัจจุบันหลายประเทศกำหนดมาตรการเพื่อควบคุมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในหลากหลายวิธี สำหรับในประเทศไทยได้เดินหน้าเรื่องสภาพอากาศอย่างจริงจัง โดยจัดทำร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ พ.ร.บ. โลกร้อน เพื่อกำหนดมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบ
“ตลาดคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Market Mechanism)” หนึ่งในกลไกสำคัญในระดับโลก ที่ถูกนำมาใช้ในการช่วยดูแลสภาพภูมิอากาศ ที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน โดยสร้างระบบชดเชยคาร์บอนเพื่อให้ผู้ปล่อยก๊าซฯ สามารถลงทุนในโครงการลดก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง
สำหรับประเทศไทย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ได้พัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนสังคม และเศรษฐกิจสีเขียวสู่ความยั่งยืน
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการรักษาความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้ามาโดยตลอด และได้เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการที่ได้รับการรับรองภายใต้ T-VER ตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบัน มีโครงการที่เข้าร่วมและได้รับการรับรองหลากหลายรูปแบบ อาทิ

▪️ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานจากโครงการโรงไฟฟ้าบางปะกงทดแทน ชุดที่ 1-2 ที่เน้นปรับปรุงและพัฒนาโรงไฟฟ้าด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โครงการเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอด LED เพื่อส่งเสริมการลดใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

▪️ โครงการพัฒนาพลังงานทดแทน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทาน เช่น เขื่อนนเรศวร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนคลองตรอน ฯลฯ โรงไฟฟ้าพลังงานลม เช่น โรงไฟฟ้ากังหันลมลำตะคอง

▪️ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) เช่น เขื่อนสิรินธร และเขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อเพิ่มสัดส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
ขณะนี้ กฟผ. มีคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองแล้วกว่า 940,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า พร้อมที่จะจัดจำหน่ายให้กับองค์กรภายในประเทศทั้งภาครัฐ เอกชนและชุมชน เพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการที่สามารถลด หรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเป็นรูปธรรม
ในอนาคต กฟผ. มีแผนนำพื้นที่จากโครงการปกปักษ์รักษาป่าใน 17 พื้นที่เขื่อนและโรงไฟฟ้าของ กฟผ. รวมกว่า 20,000 ไร่ จากโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ที่ กฟผ. เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบขึ้นทะเบียนเป็นโครงการ T-VER ด้วย ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสร้างแหล่งดูดซับคาร์บอนในระยะยาวให้กับประเทศ
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มที่ [คอมเมนต์]
#คาร์บอนเครดิต #ลดก๊าซเรือนกระจก #กฟผ #ไทยพับลิก้า

กกร. เสนอรัฐบาลลด ผ่อนปรนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 50% ในปี 2569 ไปจนกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัว| เกาะกระแส | วันที่ 3 กันยายน ...
03/09/2025

กกร. เสนอรัฐบาลลด ผ่อนปรนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 50% ในปี 2569 ไปจนกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัว
| เกาะกระแส | วันที่ 3 กันยายน 2568 คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แถลงผลการประชุม กกร. ประจำเดือน กันยายน 2568 ว่า เศรษฐกิจโลกยังคงปั่นป่วนจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการรอผลตัดสินจากศาลสูงสุด ภายหลังศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ตัดสินว่าการขึ้นอัตราภาษีนำเข้ากับประเทศต่าง ๆ ขัดต่อกฎหมาย
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยกเลิกการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้านำเข้ามูลค่าต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ปลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้การประมาณการเศรษฐกิจโลกสำหรับปีนี้ ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง
กกร. มีความกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่กลับมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันยังขาดข้อมูลเชิงลึก เพื่อทำความเข้าใจถึงผลกระทบของธุรกรรมทองคำและคริปโตฯ รวมถึงการโอนเงินกลับประเทศของแรงงานต่างด้าว ที่ไม่ผ่านช่องทางในระบบ ทำให้การเกินดุลการชำระเงินกว่าครึ่งไม่สามารถจำแนกได้ชัดเจน (Errors & Omissions)
ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการแยกแยะและวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกรรมทองคำต่อภาคเศรษฐกิจ (Real Sector) รวมถึงปรับปรุงและแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อทำให้เกิดความสมดุลมากขึ้น เช่น พิจารณากลไกลงทุนต่างประเทศ ผ่านกองทุน Sovereign Wealth Fund
ขณะเดียวกัน กกร. เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายจากทั้งปัจจัยภายนอก เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า และปัจจัยภายในอย่างต้นทุนพลังงาน ค่าจ้างขั้นต่ำ และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ที่มีความเปราะบาง จึงมีข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับลด หรือผ่อนปรนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ในปี 2569 หรือจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว
ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาภาระต้นทุน เสริมสภาพคล่อง ลดความเสี่ยงจากการปิดกิจการ และกระตุ้นการหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยลดผลกระทบเชิงลบ ฟื้นฟูความเชื่อมั่น และสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวม
ติดตามอ่านรายละเอียดฉบับเต็มที่ [คอมเมนต์]
#ค่าเงินบาท #ผ่อนปรนภาษีที่ดิน #ทิศทางเศรษฐกิจโลก #กกร #ไทยพับลิก้า

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+6629706998

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ThaiPublicaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ThaiPublica:

แชร์

Our Story

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ThaiPublica.org ก่อตั้งในเดือนกันยายน 2554 นำเสนอข่าวสืบสวนสอบสวน เน้นประเด็นตรวจสอบความโปร่งใสภาครัฐ ความโปร่งใสภาคเอกชน และการพัฒนาที่ยั่งยืน ดำเนินงานโดยทีมงานนักข่าวอาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการรวมกันกว่า 60 ปี ไทยพับลิก้ามุ่งหวังที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งพื้นที่ในการนำเสนอข่าวและแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน และเป็นเครื่องมือในการทำงาน โดยเชื่อมั่นในพลังของสื่อใหม่ว่า การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่และเครื่องมือจะช่วยดำรงความเป็นอิสระของกองบรรณาธิการ ก้าวข้ามข้อจำกัดของสื่อกระแสหลัก และสร้างความแตกต่างให้กับสำนักข่าวไทยพับลิก้า ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวเชิงลึก และการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเข้าใจง่าย เราเชื่อมั่นว่า การนำ "ความเร็ว" ของพลังสังคมและข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ มาผสานกับ "ประสิทธิภาพ" ของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมโยงและนำเสนอข้อมูล ผนวกกับ "ความลึก" ของนักข่าวมืออาชีพมากประสบการณ์ จะเปิดมิติใหม่ให้แก่วงการสื่อสารมวลชนไทย ไทยพับลิก้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมิตินี้ บรรณาธิการบริหาร บุญลาภ ภูสุวรรณ กองบรรณาธิการไทยพับลิก้า กมล ชวาลวิทย์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส อโนทัย จันทร์ดี ผู้สื่อข่าวอาวุโส จิรัฐิติ ขันติพะโล ผู้สื่อข่าว เอมปวีณ์ วัชระตระการพงศ์ ผู้สื่อข่าว กัลย์สุดา ปานอ่อน เลขานุการกองบรรณาธิการ คณะบรรณาธิการ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ openbooks และพิธีกร บุญลาภ ภูสุวรรณ อดีตบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ปกป้อง จันวิทย์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียนอิสระ และบล็อกเกอร์ สนิทสุดา เอกชัย ผู้ช่วยบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ Bangkok Post คณะกรรมการที่ปรึกษา คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บรรยง พงษ์พานิช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย รตยา จันทรเทียร ประธาน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร พันธมิตรออนไลน์ เครือข่ายพลเมืองเน็ต - http://www.thainetizen.org/ ประชาไท - http://www.prachatai.com/ ประสงค์ดอทคอม - http://www.prasong.com/ สำนักข่าวอิศรา - http://www.isranews.org/ ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ) - http://www.tcijthai.com/ โอเพ่นออนไลน์ - http://www.onopen.com/ ไอลอว์ (iLaw) - http://www.ilaw.or.th/