บ้านเขาเมืองเรา

บ้านเขาเมืองเรา แฟนเพจรายการบ้านเขาเมืองเรา

รายการบ้านเขาเมืองเรา ออกอากาศทาง FM99 mcot ต่อเนื่องมา กว่า 19 ปี ก่อนยุติการออกอากาศในวันสุดท้ายทาง FM99 คือวันที่ 27 เม.ย. 2568 และกลายเป็นสื่อออนไลน์เต็มตัว นับตั้งแต่นี้ไป

03/08/2025

บ้านเขาเมืองเรา Live : Sunday Night ออกอากาศทาง FB บ้านเขาเมืองเรา

� ใหม่กับการสตรีมหรือกำลังมองหาวิธีพัฒนา? ลองใช้ StreamYard และรับส่วนลด $10! �

03/08/2025

#สงครามกาซา จูเลียน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์ นำผู้ประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์นับหมื่นคนเดินขบวนข้ามสะพานฮาร์เบอร์ซิดนีย์เมื่อวันอาทิตย์ ส่งผลให้สถานที่สำคัญระดับโลกแห่งนี้ต้องปิดการจราจรชั่วคราว

อัสซานจ์ที่เพิ่งกลับออสเตรเลียเมื่อปีที่แล้วหลังได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำอังกฤษ ปรากฏตัวเดินเคียงข้างบ็อบ คาร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย ท่ามกลางเสียงเรียกร้องหยุดยิงเดี๋ยวนี้ และปลดปล่อยปาเลสไตน์

ฝรั่งเศส อังกฤษ และแคนาดา แสดงความตั้งใจยอมรับรัฐปาเลสไตน์ทางการทูตในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะออสเตรเลียยังไม่ตัดสินใจยอมรับอย่างเป็นทางการ แต่แสดงความเต็มใจในการพิจารณาเชิงบวกในแถลงการณ์ร่วมกับประเทศอื่นเมื่อวันอังคาร

ผู้เดินขบวนชูป้ายรายชื่อเด็กปาเลสไตน์หลายพันคนที่เสียชีวิตนับตั้งแต่สงครามปะทุหลังการโจมตีของฮามาสเมื่อตุลาคม 2023 ยอดผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์พุ่งเกิน 60,000 คนตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขกาซา

🔴 อ่านเพิ่มเติม >> https://spbth.co/4mnpG7h

#ปาเลสไตน์ #อิสราเอล #กาซา #จูเลียนอัสซานจ์ #วิกิลีกส์ #ออสเตรเลีย

03/08/2025

กองทัพจีนซ้อมรบทางทะเลร่วมกับรัสเซีย บริเวณชายฝั่งเมืองวลาดิวอสต็อก โดยการฝึกซ้อมจะใช้เวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์นี้ เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม เรือรบของจีนและรัสเซียจะร่วมกันลาดตระเวนทางทะเลใน “น่านน้ำที่เกี่ยวข้องของมหาสมุทรแปซิฟิก”

#จีน #รัสเซีย #ซ้อมรบร่วม #วลาดิวอสต็อก #มหาสมุทรแปซิฟิก

🔴 อ่านเพิ่มเติม >> https://spbth.co/3IRjo1t

03/08/2025

SAAB หุ้น 50 เด้ง จากสวีเดน เจ้าของเครื่องบิน Gripen ที่กองทัพไทยใช้ | MONEY LAB
หลายคนอาจจะพอรู้กันมาบ้างว่า เครื่องบินรบรุ่น F-16 เป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญ ที่กองทัพอากาศไทย ใช้ในการปกป้องมาตุภูมิ

แต่รู้หรือไม่ว่า ทางกองทัพไทยเอง ก็ยังมีเครื่องบินรบอีกรุ่นหนึ่ง ที่ทันสมัยกว่า ชื่อว่า “Gripen” ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ก็เพิ่งถูกนำมาใช้ในการรบจริง เป็นครั้งแรกของโลกด้วย

ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังเครื่องบินรบรุ่นนี้ ก็คือบริษัท SAAB จากสวีเดน ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา หุ้นของบริษัทนี้ ให้ผลตอบแทนมากถึง 50 เด้ง..

หากสงสัยว่า เรื่องราวของ SAAB มีอะไรน่าสนใจบ้าง และเหตุใด กองทัพไทยจึงเลือกใช้ Gripen

MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ

SAAB เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศจากสวีเดน ก่อตั้งขึ้นในปี 1937 โดยเริ่มต้นจากการผลิตเครื่องบิน ให้กับกองทัพอากาศสวีเดน

ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากว่าจะมาถึงวันนี้ บริษัทได้ผ่านการควบรวมมาหลายครั้ง และทำมาแล้วหลายธุรกิจ ตั้งแต่ธุรกิจผลิตรถยนต์ ไปจนถึงพัฒนาคอมพิวเตอร์บนเครื่องบิน

แต่ในปัจจุบันนี้ SAAB มีอยู่ทั้งหมด 6 หน่วยธุรกิจ ได้แก่

1. ธุรกิจ Aeronautics

เป็นการพัฒนาและผลิตระบบอากาศยาน ให้กับทั้งฝ่ายของพลเรือนและทหาร เช่น

- เครื่องบินรุ่น JAS 39 Gripen ที่กองทัพไทยใช้อยู่
- ทำโครงสร้างเครื่องบินเพื่อผลิตให้กับบริษัทอย่าง Boeing และ Airbus

2. ธุรกิจ Dynamics

เป็นการผลิตระบบอาวุธ อย่างเช่น อาวุธเบาแบบพกพา, อาวุธจรวด และอาวุธต่อต้านยานพาหนะ ซึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงก็คือ

- เครื่องยิงลูกระเบิด Carl-Gustaf M4
- จรวดต่อต้านรถถังแบบใช้แล้วทิ้ง AT4

3. ธุรกิจ Electronic Defence Systems

ทำเรดาร์, ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และระบบสื่อสารทางยุทธวิธี เช่น

- เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติแบบเคลื่อนที่เร็ว Giraffe AMB Radar
- เครื่องบินแจ้งเตือนภัยทางอากาศติดตั้งเรดาร์ GlobalEye

4. Security & Defence Solutions

พัฒนาตั้งแต่ ระบบบัญชาการ ไปจนถึง การป้องกันภัยพิบัติหรือความมั่นคงของรัฐ ทั้งในระดับทหารและพลเรือน

- ระบบบัญชาการควบคุมเหตุฉุกเฉิน SAFE C2 System
- ระบบบัญชาการรบสำหรับกองทัพบก 9Land BMS

5. ธุรกิจ Support & Services

ให้บริการซ่อม, ฝึกอบรม และอัปเกรดระบบ ตลอดอายุการใช้งาน

- ระบบฝึกจำลอง สำหรับอากาศยานและยานรบ
- การดูแลและซ่อมบำรุง Gripen สำหรับกองทัพต่างประเทศ

6. ธุรกิจต่อเรือ

ดำเนินการโดยบริษัทลูกอย่าง Saab Kockums ทำการพัฒนาระบบการรบทางทะเล และเทคโนโลยียานใต้น้ำแบบไร้คนขับ

- A26 Blekinge-class เรือดำน้ำยุคใหม่ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า
- SubROV ยานใต้น้ำไร้คนขับสำหรับลาดตระเวนหรือเก็บกู้

ถึงตรงนี้เราคงพอจะเข้าใจโครงสร้างธุรกิจกันแล้ว ทีนี้เรามาดูผลประกอบการที่ผ่านมากันบ้างดีกว่า

- ปี 2022 รายได้ 141,000 ล้านบาท กำไร 7,385 ล้านบาท

- ปี 2023 รายได้ 174,000 ล้านบาท กำไร 11,375 ล้านบาท

- ปี 2024 รายได้ 215,000 ล้านบาท กำไร 14,000 ล้านบาท

อ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงจะเห็นแล้วว่า บริษัทมีผลประกอบการเติบโตขึ้นมาตลอด จากการที่บริษัทไม่ได้หยุดพัฒนาในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

และมีธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ ที่ทำทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงมีลูกค้าทั้งกองทัพและพลเรือน

ซึ่งธุรกิจแบบนี้ จะต้องสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะผลิตภัณฑ์ที่บริษัทขาย เป็นของที่มีราคาแพง

การที่บริษัทยังเติบโตมาได้ขนาดนี้ ก็น่าจะสื่อความหมายได้ว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัท น่าจะต้องมีคุณภาพดี และคุ้มค่าต่อเงินที่ลูกค้าจ่ายไปไม่น้อยเลย

บวกกับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งในตะวันออกกลางและยุโรป ก็ทำให้หลายประเทศหันกลับมาเสริมกำลังทางทหาร และอาวุธ ปรับปรุงยุทโธปกรณ์ให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น

และความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้เอง ก็ทำให้บริษัท SAAB ได้ประโยชน์ไปด้วย

ทำให้ราคาหุ้นของ SAAB ตั้งแต่หลังสงครามรัสเซียและยูเครนเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 823%

ทีนี้หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่า แล้วเหตุใดกองทัพไทย ถึงได้เลือกเครื่องบิน Gripen ของบริษัทนี้มาใช้งาน ?

คำตอบก็คือ เครื่องบินรบรุ่น F-16 ที่ผลิตโดยบริษัท Lockheed Martin ซึ่งไทยใช้งานมานานนั้น เก่าเกินกว่าจะอัปเกรดต่อไปได้แล้ว และทางไทยยังไม่สามารถซื้อเครื่องบินรบรุ่นล่าสุดอย่าง F-35 ของบริษัทได้

แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีตัวเลือกอย่าง Gripen จากบริษัท SAAB ที่ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับคุณสมบัติ และการบริการหลังการขายของบริษัท ที่ช่วยถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยี และระบบสนับสนุนแบบครบวงจรให้กับทหารไทยด้วย

นั่นเลยทำให้ ทางกองทัพไทยจึงได้เลือกซื้อ Gripen นั่นเอง

โดยในปัจจุบัน กองทัพไทยมี Gripen ประจำการอยู่ทั้งหมด 11 ลำ เป็นการซื้อล็อตแรก 6 ลำ ในปี 2008 และอีก 6 ลำ ในปี 2010

และล่าสุด คือเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 มีข่าวออกมาว่า ภายใน 10 ปีต่อจากนี้ กองทัพไทยจะซื้อ Gripen เพิ่มอีก 12 ลำ โดยจะเป็นรุ่นที่ใหม่กว่าของเดิม

ก็น่าติดตามกันต่อไปว่า ในอนาคต อาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

แต่ ณ ตอนนี้ฝูงบิน Gripen ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานแห่งการปกป้องน่านฟ้าและแผ่นดินไทย เช่นเดียวกับ F-16 ไปแล้ว..

หมายเหตุ : ผลตอบแทนคำนวณจากราคา Adjusted Close Price ซึ่งเป็นราคาปิดของหุ้น ที่ได้นับรวมการจ่ายปันผล, การแตกหุ้น และการออกหุ้นเพิ่มทุนแล้ว

#ลงทุน
#หุ้นนอก

03/08/2025

“ผมรู้สึกมีความหวังว่า อนาคตประเทศไทยอาจค่อย ๆ ดีขึ้น ไทยต้องฉวยโอกาสนี้ในการ ปฏิรูปประเทศ ถ้าจะเลี้ยงหมูตลอดชีวิต ประเทศไทยไม่ไปไหนหรอก” ดร.นิเวศน์ กล่าวในรายการ Talk ลงทุนแมนล่าสุด

ไทยปิดดีลภาษีสหรัฐฯ 19% ใครได้-เสีย บ้าง ? /โดย ลงทุนแมน
ในมุมมองของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร, ต้นแบบนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า
และ ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์, รองประธานกรรมการหอการค้าไทย, นายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย

จากสถานการณ์ล่าสุด เกี่ยวกับการเก็บภาษีการค้าของสหรัฐอเมริกา ต่อประเทศไทย ซึ่งไทยได้รับอัตราภาษีที่ 19% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม

และอัตรานี้เท่ากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และกัมพูชา
ขณะที่เวียดนามได้ 20%

ตัวเลข 19% นี้ถือว่าดีกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ในตอนแรกที่ 20-25%

โดยการประกาศอัตราภาษีนี้ แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
สหราชอาณาจักร ได้ต่ำสุดที่ 10% แลกกับการเจรจาการค้าที่ยอมเปิดตลาดสินค้าเกษตรและลดภาษีสินค้าต่างๆ ให้สหรัฐฯ

ยุโรป, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ได้ 15% โดยแลกเปลี่ยนกับการลงทุนขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ และการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ที่ 0% ในหลายรายการ

บราซิลก็โดนหนักถึง 50% เนื่องจากไม่ได้เป็นมิตรกับสหรัฐฯ และอินเดียก็โดน 25% เพราะซื้ออาวุธและพลังงานจากรัสเซีย

ส่วนจีนอยู่ระหว่างการเจรจา มีเส้นตาย 12 สิงหาคม และตัวเลขโดยรวมอาจอยู่ที่ประมาณ 50% บวก/ลบ โดยมีหลายชั้นของภาษี

สำหรับเหตุผล และข้อแลกเปลี่ยน ที่ไทยให้สหรัฐฯ ในมุมมอง ดร. ชนินทร์ วีระพงษ์ รอองประธานกรรมการหอการค้าไทย และหนึ่งในทีม Direct Advisor ที่ปรึกษาทีมไทย

ดร. ชนินทร์ ได้วิเคราะห์ถึงข้อแลกเปลี่ยนที่ไทยต้องให้สหรัฐฯ ซึ่งหัวหน้าทีมไทยแลนด์ (คุณพิชัย) ได้หารือกับภาคเอกชนมาตลอด

โจทย์หลักคือการ “ลดการเกินดุลการค้า” ของไทยกับสหรัฐฯ ที่ประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมี 4 ข้อหลักที่ไทยเสนอเพื่อลดการเกินดุล

1. การแก้ไขปัญหาการสวมสิทธิ์ (Transshipment)
เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เอกชนไทย (SMEs) เป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain อย่างแท้จริง ไม่ใช่การนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นมาสวมสิทธิ์

การแก้ไขปัญหานี้สามารถลดการเกินดุลได้ประมาณ 10,000-15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

2. การนำเข้าพลังงาน (Energy Sector)
ไทยจะเพิ่มการนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ ซึ่งมีราคาถูกที่สุดในโลก คาดว่าจะซื้อเพิ่มได้เกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ดร. ชนินทร์ ยังวิจารณ์ว่า นโยบายสาธารณะหลายอย่างในประเทศ เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันและลดต้นทุน

3. บริการดิจิทัล (Digital Service)
สหรัฐฯ ได้ดุลจากไทยอยู่แล้วประมาณ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 และมีแนวโน้มจะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า

4. การเปิดตลาดสินค้าเกษตรและอาหาร
ไทยต้องเปิดตลาดให้สหรัฐฯ เกือบทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 3,000-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รวมทั้ง 4 ข้อหลักนี้ จะช่วยลดการเกินดุลได้ประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ดร. ชนินทร์มองว่านี่คือสถานการณ์ "Win-Win" ของทั้งไทยและสหรัฐฯ
และเป็นโอกาสสำคัญที่ไทย จะปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการเปิดเสรีและแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นตัวถ่วง

การทำข้อตกลงนี้ จะช่วยปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะภาคเกษตรและอาหาร

ส่วนประเด็นเรื่องการตั้งฐานทัพสหรัฐฯ ในประเทศไทย ไม่มีอยู่ใน MOU 100% เพราะทุกอย่างต้องเปิดเผยและผ่านสภา

การเจรจาครั้งนี้เป็นเพียง "จุดเริ่มต้น" ไม่ใช่จุดสิ้นสุด และต้องมีการเจรจากับทีม USTR ต่อไป

สำหรับมุมมองของ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ต่อข้อตกลงระหว่างไทย-สหรัฐฯ

ดร. นิเวศน์ ได้แสดงความหวังต่ออนาคตของไทย

ในบริบทภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ดร. นิเวศน์ชี้ให้เห็นว่า การตัดสินใจของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ ไม่ได้มองแค่เรื่องการค้า แต่รวมถึงประเด็นภูมิรัฐศาสตร์และพันธมิตร
ประเทศที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ จะได้รับอัตราภาษีที่ดีกว่า

ซึ่งประเทศไทย ได้ "สองเด้ง" ทั้ง

1. การป้องกันความขัดแย้ง
ดร. นิเวศน์มองว่า การเจรจาครั้งนี้ ช่วยยุติความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และเปลี่ยน "สนามรบให้เป็นสนามการค้า" ซึ่งเป็นสิ่งดีต่อเศรษฐกิจและการลงทุน

2. อัตราภาษี 19%
เป็นความโล่งใจที่ช่วยหลีกเลี่ยงอัตรา 36% ที่อาจทำให้ตลาดและเศรษฐกิจพัง

ดร. นิเวศน์เน้นย้ำว่า ไทยต้องฉวยโอกาสนี้ในการ “ปฏิรูปประเทศ” โดยเฉพาะการเลิกความคิดเรื่อง "การรบ" และหันมาสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจแทน

และนี่อาจเป็น "จุดต่ำสุด (bottom)" ของตลาดหุ้นไทย และถ้ามีการปฏิรูปจริง เงินลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศ จะกลับมา

แต่รัฐบาลต้องมีความกล้าหาญในการปฏิรูป แม้จะเจอการต่อต้าน
ต้องยึดจังหวะตรงนี้ เปลี่ยนประเทศไทยแล้ว

เราอย่าไปคิดว่า ต้องเลี้ยงหมู เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกษตรกร
ถ้าประเทศไทยไม่เลี้ยงหมูเอง เราจะอยู่ไม่ได้เลยหรือ ?

ประเทศทั่วโลกจำนวนมาก เขาก็เลี้ยงพอ พออยู่พอกิน ไม่จำเป็นต้องส่งออกอะไรต่าง ๆ หรือถ้าจำเป็น ก็นำเข้าแทน

“แล้วถ้าจะเลี้ยงหมูตลอดชีวิต บางทีประเทศไทย มันไม่ไปไหนหรอก”

โลกสมัยใหม่มันต้องแลกเปลี่ยน เราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเอง แต่ว่าต้องทำสิ่งที่มันมีค่า

อย่างเรื่องหุ้น ถ้าบริษัทต่าง ๆ ยังทำธุรกิจอย่างเดิม ขายของแบบเดิม ๆ บางที 10 ปียังไม่ไปไหน

แล้วข้อตกลงของไทย กับ เวียดนาม ต่างกันแค่ไหน ?

ดร. ชนินทร์ บอกว่า เวียดนามมีเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงกว่าไทยมาก (120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับไทย 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และถูกสหรัฐฯ มองว่าเป็น "บริวารจีน" (Chinese satellite)

เวียดนาม มีปัญหาเรื่องการสวมสิทธิ์สินค้าที่ไม่ใช่ Local Content มาจากจีนหรือต่างประเทศสูงมาก ในขณะที่ไทยมีปัญหาการสวมสิทธิ์น้อยกว่า (10,000-15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะได้อัตราภาษีดีกว่า แต่ ดร. นิเวศน์ยังเชื่อว่า เวียดนามยังคงเป็น "ซูเปอร์สตาร์" เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่าในด้านประชากร, ประสิทธิภาพรัฐบาล และความมั่นคงทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยเสียเปรียบ และแก้ไขยาก

ในเรื่องของการปฏิรูปและโอกาสในอนาคตของประเทศไทยนั้น

ทั้งสองท่านเห็นพ้องต้องกันว่า ไทยต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการลดกฎระเบียบ (Deregulation), การนำระบบดิจิทัลมาใช้ (Digitalization), การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และการปฏิรูปการศึกษา

ดร. ชนินทร์เน้นย้ำว่า กฎระเบียบและนโยบายสาธารณะบางอย่าง โดยเฉพาะในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม เป็นตัวถ่วงความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างมาก

รัฐบาลจำเป็นต้องปฏิรูปภาครัฐ, ลดกฎระเบียบ และเร่งการสร้างนวัตกรรม

ควรใช้แนวคิด "Regulatory Guillotine" ซึ่งหมายถึงการใช้เครื่องมือในการผ่าตัดกฎหมายจำนวนมหาศาลที่มีอยู่ (เป็นแสนฉบับ) ให้เหลือเพียง 30% หรือตัดออกไป 70%

และไม่ควรให้นักกฎหมาย ข้าราชการ หรือนักการเมือง เป็นผู้ตัดกฎหมาย เพราะคนเหล่านี้มักจะสร้างกฎหมายเพื่อสร้างอาณาจักรและอำนาจของตนเอง
แต่ควรใช้คนกลางหรือนักวิชาการ ที่เห็นว่าควรมีการปฏิรูป เป็นผู้ดำเนินการ

- การคอร์รัปชันที่สูง และความสามารถในการแข่งขันต่ำ เป็นอุปสรรคสำคัญต่อ GDP ที่ไม่เติบโต การลดคอร์รัปชันจะดึงดูดเงินลงทุนมหาศาล

- นโยบายเกษตรกรรม ในปัจจุบันไม่มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบโควต้าหมู ที่ทำให้เกษตรกรลดลง และการนำเข้าข้าวโพดที่ส่งผลต่อปัญหามลพิษ

- รัฐบาลควรนำเงินอุดหนุนมาปรับปรุงโครงสร้างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แทนการ "เยียวยา"

- การศึกษา ควรส่งเสริมเด็กไทยให้เข้าศึกษาในสาขา STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก และรวมการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาไว้ในกรอบการเจรจา FTA.

- ดึงดูด FDI โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง, การปราบปรามคอร์รัปชัน และความมั่นคงทางการเมือง เป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

- ทั้งสองท่านเรียกร้องให้มี "ทีมไทยแลนด์" ที่มีความกล้าหาญในการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังในทุกภาคส่วน แม้จะต้องเผชิญกับการต่อต้าน

- รัฐบาลควรกำหนดเป้าหมายการส่งออก ไม่ให้ต่ำกว่า 10 ล้านล้านบาทในปีนี้ และเติบโต 7% ต่อปีในปีหน้า

- กลไกตลาดจะปรับตัวเข้ากับอัตราภาษีใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดสหรัฐฯ ที่มีกำลังซื้อสูง ภาคเอกชนไทยต้องปรับตัว เพิ่ม Productivity และลดต้นทุน

โดยสรุปแล้ว แม้ว่าอัตราภาษี 19% จะเป็น "Great Deal" สำหรับไทย แต่การได้เปรียบในระยะยาว จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประเทศไทย ใช้โอกาสนี้ในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ในทุกมิติ ทั้งจากภายในประเทศ และการสานต่อการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศ

03/08/2025

หน้าหนาวอาร์กติก ไม่มีหิมะ เจอแต่ฝน น้ำแข็งละลาย อุณหภูมิสูงกว่า 0°c มีหญ้าเขียว นักวิจัยงง ไม่คิดว่าจะเกิดเร็วขนาดนี้
กุมภาพันธ์ 2025 อาร์กติกควรจะอยู่ช่วงฤดูหนาวที่ยาวนานและปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แต่ที่นักวิจัยเจอกลับกลายเป็นฝนที่ตกลงมาแทนที่หิมะ และทำให้หิมะละลายหายไปภายในไม่กี่วัน ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์อุณหภูมิกลับสูงขึ้นเหนือจุดเยือกแข็ง สฟาลบาร์กำลังอุ่นขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึงหกถึงเจ็ดเท่า
แทนที่จะได้สำรวจพื้นที่น้ำแข็ง นักวิจัยกลับต้องยืนแช่อยู่ในน้ำละลายจากเชิงธารน้ำแข็งจนถึงข้อเท้า หรือเดินบนทุ่งทุนดราที่เปิดโล่ง ตามร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอยู่ประปราย
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูหนาวในอาร์กติก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นช่วงที่สภาพอากาศมีเสถียรภาพและคาดการณ์ได้มากที่สุดในภูมิภาคนี้ แต่ตอนนี้กำลังอบอุ่น ชื้นแฉะ และไม่เสถียร
เมื่อหลายปีก่อนนักวิจัยคาดว่าอาร์กติกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วชนิดที่นักวิทยาศาสตร์ผู้มากประสบการณ์ก็ยังตั้งตัวไม่ทัน
งานวิจัยภาคสนามนี้นำโดย ดร.เจมส์ แบรดลีย์ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยควีนแมรีแห่งลอนดอน ระบุว่า นี่ไม่ใช่แค่ประสบการณ์แปลกประหลาด แต่มันรบกวนการทำงานภาคสนาม ทีมได้เดินทางไปยังสฟาลบาร์ด้วยภารกิจง่าย ๆ เพื่อศึกษาหิมะ แต่ตลอดสองสัปดาห์ หิมะตกเพียงครั้งเดียว ที่เหลือกลายเป็นฝน
การละลายของอาร์กติกไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะสำหรับนักวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังระบบนิเวศและแม้แต่ระบบภูมิอากาศโลกอีกด้วย เพราะในช่วงที่อากาศอบอุ่น ทะเลสาบชั่วคราวจะก่อตัวขึ้นบนพื้นดินที่แข็งตัว หิมะที่ปกคลุมจะค่อย ๆ หายไปเป็นหย่อม ๆ ทำให้พื้นดินที่โล่งเตียนได้รับแสงแดด
การสัมผัสแสงแดดโดยตรงจะเร่งกิจกรรมทางชีวภาพและก่อให้เกิดวงจรป้อนกลับสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตราย ภาวะโลกร้อนนำไปสู่การละลาย ซึ่งนำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น และนำไปสู่ภาวะโลกร้อนที่มากขึ้น
ปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อนในฤดูหนาวยังส่งผลกระทบต่อวัฏจักรคาร์บอน รูปแบบการเยือกแข็ง-ละลาย และการอยู่รอดของสัตว์ป่า เพราะสัตว์และจุลินทรีย์หลายชนิดได้ปรับตัวให้เข้ากับฤดูหนาวที่ยาวนานและมีเสถียรภาพ แต่พออุณหภูมิสูงขึ้นแม้แต่ในเดือนที่ควรจะหนาว การปรับตัวเหล่านี้อาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจSustain

03/08/2025

'กาแฟ' แพงอยู่แล้ว แต่ยังแพงได้อีก เมื่อ #บราซิล เจอ #ภาษีทรัมป์ 50%
'ภาษี 50%' กับบราซิล คาดยิ่งดันราคากาแฟที่แพงอยู่แล้วให้แพงหนักขึ้นอีกในสหรัฐ แต่คู่แข่งอย่าง 'จีน' อาจได้อานิสงส์เป็นลูกค้าใหญ่รายใหม่แทนที่ เทรดเดอร์มองเส้นทางการค้ากาแฟอาจซิกแซกผ่านประเทศอื่นแทน
ในการเปิดเผยภาษีตอบโต้ของสหรัฐเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา เอกสาร Fact sheet ของทำเนียบขาวอาจระบุตัวเลขเอาไว้ว่า "บราซิล" เจอภาษีนำเข้าจากสหรัฐเพียงแค่ 10% แต่ที่จริงแล้วอัตรานี้คาดว่าเป็นเพียงแค่ภาษีตอบโต้พื้นฐานเท่านั้น ของจริงอยู่ที่คำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐที่โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามไปเมื่อวันพุธเพื่อขึ้นภาษีสินค้าบราซิลเพิ่ม 40% รวมเป็น 50% แต่ยังพอเปิดช่องให้เจรจากันได้อยู่จนกว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 สิงหาคมนี้
หากตกลงกันไม่ได้ สินค้าจำนวนมากจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงสุดถึง 50% และหนึ่งในนั้นก็คือ "กาแฟ" ที่บราซิลเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกไปยังทั่วโลกมากที่สุดในโลก ซึ่งทรัมป์ไม่ได้ยกเว้นภาษีให้เหมือนกับสินค้าบางรายการ เช่น น้ำส้ม
ก่อนหน้านี้ "กาแฟ" ถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาขึ้นลงอย่างสุดผันผวนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จากที่ราคาสัญญาฟิวเจอร์เมล็ดอะราบิกาปรับตัวแพงขึ้นถึงราว 70% ในปี 2024 ราคาเมล็ดกาแฟยังพุ่งขึ้นไปทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ทะลุ 4.41 ดอลลาร์/ปอนด์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2025 นี้
จากนั้นราคาทยอยปรับตัวลงมาภายในเดือนเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์สเคยรายงานอ้างผลสำรวจนักค้าในตลาดว่า ราคากาแฟจะทยอยปรับตัวลงมาถึงราว 30% ภายในสิ้นปีนี้ เพราะผลผลิตจะเพิ่มขึ้นและดีมานด์จะลดลง แต่เมื่อเดือนกรกฎาคม ราคากาแฟโดยรวมกลับพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เพราะผลผลิตฝั่งเมล็ดโรบัสตาออกมาไม่เยอะตามที่คาดการณ์
บราซิลนับเป็นประเทศผู้ผลิตกาแฟมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก โดยคาดว่าในปีฤดูกาลผลิต 2025-26 จะผลิตกาแฟได้มากถึงราว 65 ล้านกระสอบ หรือทิ้งห่างผู้ผลิตเบอร์สองอย่าง "เวียดนาม" มากกว่าครึ่ง
และหากนับเฉพาะกาแฟสายพันธุ์ "อะราบิกา" ที่บราซิลคาดว่าจะผลิตได้มากกว่า 40 ล้านกระสอบ ก็ยิ่งทิ้งห่างเบอร์สองอย่าง "โคลอมเบีย" ที่ผลิตได้ 12.5 ล้านกระสอบเท่านั้น หรือมากกว่าอีก 5 ประเทศรวมกัน ซึ่งสะท้อนว่าในแง่ซัพพลายเออร์แล้ว ยังไม่มีใครสามารถแทนที่บราซิลได้ง่ายๆ
ขณะที่ "สหรัฐ" ถือเป็นประเทศที่บริโภคกาแฟมากที่สุดในโลกโดยมีการนำเข้าเฉลี่ยปีละ 25 ล้านกระสอบ ในจำนวนนี้มาจากบราซิลราว 8 ล้านกระสอบ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35-40% จากกาแฟอะราบิกาที่ผลิตได้
ภาษีนำเข้ากาแฟบราซิลที่สูงลิ่วของรัฐบาลทรัมป์ดูเหมือนจะบีบให้บราซิลต้องเลือกทางใดทางหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากไม่ยอมทำตามคำขู่ของสหรัฐทั้งในเชิงการค้าและการเมือง (กรณีรัฐบาลบราซิลกำลังตามคิดบัญชีอดีตปธน.ขวาจัดคนเก่า) บราซิลก็ต้องเลือกตลาดใหม่อย่างเช่น "จีน" แทน ซึ่งคาดว่าจะผลดีต่อจีนและกระตุ้นให้ผู้ค้ามองหาเส้นทางอ้อมเข้าสู่สหรัฐแทน
“กระแสการค้ากาแฟทั่วโลกจะถูกปรับเปลี่ยนใหม่ ความเจ็บปวดจะรู้สึกได้ตั้งแต่เซาเปาโลไปจนถึงซีแอตเทิล(สตาร์บัคส์) ตั้งแต่แหล่งกำเนิดไปจนถึงโรงคั่ว ไปจนถึงร้านกาแฟ ร้านขายของชำ และนักเดินทางช่วงเช้า” ไมเคิล เจ. นูเจนท์ นักค้ากาแฟอาวุโสในสหรัฐและเจ้าของบริษัท MJ Nugent & Co. กล่าว
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

03/08/2025

UPDATE: เพื่อไทยยืนยัน การยึดที่ดินเขากระโดงไม่ใช้กลไกรัฐเล่นงานใคร แต่เพื่อทวงคืนสิ่งที่เป็นของประชาชน
วันนี้ (3 สิงหาคม) ที่พรรคเพื่อไทย ขัตติยา สวัสดิผล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการยึดคืนที่ดินเขากระโดงกลับมาเป็นสมบัติของชาติ ที่มีบางพรรคการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม
พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เกมการเมือง หรือการตั้งเป้าทำลายล้างกันในทางการเมือง หากแต่เป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติโดยยึดหลักกฎหมาย ความเป็นธรรม และความโปร่งใส
ขัตติยาชี้แจงว่า การดำเนินการในกรณีนี้เกิดจากกระบวนการทางราชการและตรวจสอบความถูกต้องของนิติกรรม มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิย้อนหลัง การวินิจฉัยของศาล และการบังคับตามกฎหมายของหน่วยงานรัฐ
ขัตติยาย้ำด้วยว่า ทุกขั้นตอนดำเนินไปโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช้กลไกรัฐเพื่อจ้องเล่นงานบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ใช้เพื่อทวงคืนสิ่งที่ควรเป็นของประชาชนทุกคนกลับคืนมา
“หากละเลยในกรณีที่มีการรุกล้ำที่ดินของรัฐ หรือถือครองโดยไม่ชอบ แม้เพียงหนึ่งกรณี ก็อาจกลายเป็นบรรทัดฐานที่บั่นทอนหลักนิติธรรมในประเทศ พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า เราจะไม่ปล่อยให้ทรัพยากรของชาติเป็นเครื่องมือของผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าผู้กระทำจะเป็นใคร หรืออยู่ฝั่งใดทางการเมืองก็ตาม” ขัตติยากล่าว
แฟ้มภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

03/08/2025

เวียดนามแซง! ไทยเบอร์ 3 #ส่งออกข้าวโลก ตลาดยังแข่งเดือดด้านราคา
วันนี้ (3 ส.ค. 68) #ข้าวไทย ยังหืดขึ้นคอ #สมาคมผู้ส่งออกข้าว เผย #ตลาดส่งออก แข่งเดือด #เวียดนาม แซงหน้าไทยขึ้นแท่นเบอร์ 2 #ส่งออกข้าว โลก อินเดียครองแชมป์เบอร์หนึ่ง ขณะที่ไทยร่วง อันดับ 3 สู้ราคาคู่แข่งไม่ไหว อิรักยังเป็นตลาดใหญ่ของไทยนำเข้า #ข้าว 6 เดือน 5.8 แสนตัน
📌อ่านต่อ : www.thaipbs.or.th/news/content/354986
#ข่าวไทยพีบีเอส #ข่าวที่คุณวางใจ

03/08/2025

เสธ.หิ โพสต์เดือด รพ.ไทยไม่รับรักษาชาวกัมพูชา ไม่ผิดหลักมนุษยธรรม สวนกลับทำไมไม่ส่งรักษากันเองในประเทศ ซัดกลับยิงใส่เป้าหมายพลเรือนอาชญากรชัดๆ

#หิมาลัยผิวพรรณ #โรงพยาบาล #ไม่รักษา #ชาวกัมพูชา #มนุษยธรรม #โพสต์ #การเมือง #ข่าววันนี้ #เนชั่นทีวี #ช่อง22

03/08/2025

ผบ.สส.มาเลย์ยืนยัน ไทยดูแลทหารกัมพูชาอย่างดี ไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือการทรมาน

พล.อ.มูฮัมหมัด นิซาม ยาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซียเผยกับสำนักข่าว Bernama ของมาเลเซียว่า กองทัพไทยให้การดูแลทหารกัมพูชาทั้ง 20 นาย ซึ่งถูกควบคุมตัวเป็นเชลย ตามกรอบของอนุสัญญาเจนีวา ไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือการทรมานแต่อย่างใด

มาเลเซียในฐานะประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และไทย ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอด เพื่อเตรียมการส่งตัวทหารกัมพูชากลุ่มนี้ให้เดินทางกลับประเทศอย่างปลอดภัยภายในอนาคตอันใกล้ พล.อ.มูฮัมหมัดย้ำว่า ไทยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

พล.อ.มูฮัมหมัด กล่าวด้วยว่า ได้รับรายงานจากพล.จ.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารมาเลเซีย ซึ่งลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษกับคณะผู้ช่วยทูตทหารของนานาประเทศ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า พบร่องรอยความเสียหายที่เกิดกับพลเรือนในไทยอย่างชัดเจน การเดินทางมายังสถานที่จริงช่วยให้เจ้าหน้าที่ต่างประเทศทุกคนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ดียิ่งขึ้น มาเลเซียหวังว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการปฏิบัติตามในระยะยาว เพื่อที่ไทยกับกัมพูชาจะไม่สู้รบกันอีก

ขณะที่กองทัพมาเลเซียยืนยันการเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค. นี้

#ไทย #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ช่องบก #ทหารกัมพูชา #ชายแดนไทย #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ปิดด่าน #ศาลโลก #ฮุนมาเนต #ฮุนเซน #กัมพูชายิงก่อน #กองทัพอากาศ #ไทยกัมพูชา #หยุดยิง #ภูมิธรรม

ที่อยู่

Bangkok
10230

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ บ้านเขาเมืองเราผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง บ้านเขาเมืองเรา:

แชร์