ข่าวจริงประเทศไทย

ข่าวจริงประเทศไทย Official page ข่าวจริงประเทศไทย
นำเสนอประเด็นชี้แจงทันสถานการณ์ , ข่าวเท็จ ข่าวลวง (Fake New "ถูกต้อง รวดเร็ว เชื่อถือได้" ข่าวจริงประเทศไทย
(1)

06/09/2025

"ทุนเสมอภาค" อนาคตทางการศึกษาไทย: ช่วยนักเรียนหลุดพ้นความยากจน ผลลัพธ์ 3 ปีที่ผ่านมา
#ข่าวจริงประเทศไทย

กรมอุทยานฯ เร่งป้องกัน-ปราบปรามการบุกรุกป่าเชิงรุกผนึกกำลัง ใช้เทคโนโลยีสู้ภัยคุกคามทรัพยากรธรรมชาตินายวีระ ขุนไชยรักษ์ ...
06/09/2025

กรมอุทยานฯ เร่งป้องกัน-ปราบปราม
การบุกรุกป่าเชิงรุก
ผนึกกำลัง ใช้เทคโนโลยีสู้ภัยคุกคามทรัพยากรธรรมชาติ
นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "บูรณาการป้องกันและปราบปรามแบบมีส่วนร่วม" ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมอมารี หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานฯ ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามเข้าร่วมสัมมนา
นายวีระ ขุนไชยรักษ์ กล่าวว่า สถานการณ์การลักลอบตัดไม้มีค่า การบุกรุกพื้นที่ป่า และการล่าค้าสัตว์ป่า ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้รับมอบนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน) ให้ปฏิบัติงานในเชิงรุกเพื่อป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ พร้อมทั้งเน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติงาน 4 ข้อ ได้แก่
1.เน้นการป้องกันมากกว่าการปราบปรามจับกุม เพื่อรักษาพื้นที่ป่าให้คงอยู่มากที่สุด
2.ศึกษาข้อกฎหมายให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
3.สร้างเครือข่ายกับประชาชน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและเป็นแนวร่วมในการสนับสนุนการทำงาน
4. ใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงาน เช่น อากาศยานไร้คนขับ กล้องระบบ NCAPS (Network Centric Anti-Poaching System) และ GPS เพื่อหยุดยั้งการกระทำผิด และใช้ในการติดตามสืบสวนขยายผลเพื่อหาความเชื่อมโยงของขบวนการทำไม้
ด้านนายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กล่าวเสริมว่า วัตถุประสงค์หลักของการสัมมนาครั้งนี้คือการยกระดับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง
โดยเนื้อหาการสัมมนาตลอด 15 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งภาคบรรยายและภาคปฏิบัติในหัวข้อสำคัญต่าง ๆ อาทิ การจัดการของกลางในคดีป่าไม้, การวางแผนการใช้อากาศยานเพื่อการอนุรักษ์, การทบทวนการใช้งานแอปพลิเคชัน "สายด่วน 1362", การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประชาชน และการถอดบทเรียน (After Action Review: AAR) เพื่อนำไปปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
นายวีระ ได้กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสัมมนาในครั้งนี้ จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านมีความรู้ ความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของชาติต่อไป
#ข่าวจริงประเทศไทย
#กรมอุทยานแห่งชาติ #งานป้องกันปราบปราม

สปสช. เห็นชอบ แผนพัฒนาฯบริการโรค ‘NCDs-ไต-มะเร็ง’เพิ่มเข้าถึงบริการ ลดผู้ป่วยรายใหม่บอร์ด สปสช. เห็นชอบแผน 4 ปี พัฒนาระบ...
06/09/2025

สปสช. เห็นชอบ แผนพัฒนาฯบริการโรค ‘NCDs-ไต-มะเร็ง’
เพิ่มเข้าถึงบริการ ลดผู้ป่วยรายใหม่
บอร์ด สปสช. เห็นชอบแผน 4 ปี พัฒนาระบบบริการโรคสำคัญ “NCDs – ไตวายเรื้อรัง - มะเร็ง” ของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบและกำกับติดตามโรคสำคัญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการเข้าถึงบริการ ลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม บอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2568 มีมติเห็นชอบแผนการดำเนินงาน ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2568 - 2571) ของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบและกำกับติดตามการเข้ารับบริการโรคที่มีความสำคัญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ และการเข้าถึงบริการในโรคที่มีความสำคัญ
ทั้งนี้ โรคที่มีความสำคัญที่จะดำเนินการในระยะ 4 ปีนี้ ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้กำหนดไว้ 3 กลุ่มโรคด้วยกัน ประกอบด้วย โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (เบาหวานและความโลหิตสูง) โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย และโรคมะเร็ง ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีการตั้งคณะทำงาน เพื่อจัดทำแผนในการขับเคลื่อน ได้แก่ 1. คณะทำงานโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (เบาหวานและความดันโลหิตสูง) ที่มี นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ เป็นประธาน 2. คณะทำงานโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่มี นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เป็นประธาน และ 3. คณะทำงานโรคมะเร็ง ที่มี นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ เป็นประธาน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดแต่ละแผนนั้น ในแผนพัฒนาระบบกำกับติดตามการเข้าถึงบริการโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จะมุ่งสนับสนุนการพัฒนาระบบเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพตามนโยบายคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ของ สธ. รวมถึงสนับสนุนและกำกับติดตามการดำเนินงานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตลอดจนสนับสนุนและกำกับติดตามการจัดบริการของหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ เพิ่มการเข้าถึงบริการและผลลัพธ์บริการที่ดีขึ้น
ขณะที่แผนพัฒนาระบบและกำกับติดตามการเข้าถึงบริการบำบัดทดแทนไต จะเน้นสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการบำบัดทดแทนไตทั้ง 4 รูปแบบ คือ ล้างไตทางช่องท้อง (PD) การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (HD) การปลูกถ่ายไต (KT) และการดูแลแบบประคับประคอง เพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการมากขึ้น ภายใต้เป้าหมายคือ ลดจำนวนผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังรายใหม่ให้เหลือไม่เกิน 1.5 หมื่นรายต่อปี และทำให้สัดส่วนงบค่าบริการด้านโรคไต ไม่เกิน 12% ของงบบัตรทองทั้งหมด
“ปัจจุบันจากการปรับเปลี่ยนนโยบายเป็นล้างไตทางช่องท้องทางเลือกแรก (PD first) ทำให้จากเดิมที่จะมีผู้ป่วยไตรายใหม่ประมาณ 2,000 รายต่อเดือน ตอนนี้ก็ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 1,500 คน ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยไตรายใหม่ที่เข้าสู่การบำบัดด้วยการล้างทางไตทางช่องท้องพอๆ กับการฟอกเลือดแล้ว” รมว.สาธารณสุข ระบุ
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในส่วนแผนพัฒนาระบบและกำกับติดตามการเข้าถึงบริการโรคมะเร็ง จะมีการจัดทำข้อเสนอการจ่ายชดเชยค่าบริการดูแลรักษาโรคมะเร็งในระบบบัตรทอง พัฒนาเครือข่ายหน่วยบริการโรคมะเร็งในระบบบัตรทอง เช่น การพัฒนาศักยภาพ/ขยายเครือข่ายบริการให้ครอบคลุม ฯลฯ และสุดท้ายคือการศึกษาความเป็นไปได้การจัดตั้งกองทุนยามะเร็ง
“จากแผนตรงนี้ก็จะช่วยเสริมให้การดำเนินตามนโยบายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs นโยบายล้างไตช่องท้องทางเลือกแรก และหากทำได้ดีก็จะช่วยลดคนป่วย รวมถึงประหยัดงบบัตรทองได้อีกมาก” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
1.สายด่วน สปสช. 1330
2.ช่องทางออนไลน์
• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
• Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
https://www.facebook.com/NHSO.Thailand

#ข่าวจริงประเทศไทย #สปสช

เล็งฟื้นโครงการคนละครึ่ง ปรับรูปแบบใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนนายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ และรองหัวหน้าพรร...
06/09/2025

เล็งฟื้นโครงการคนละครึ่ง
ปรับรูปแบบใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน
นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเรื่องการฟื้นโครงการคนละครึ่งในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค รวมถึงทีมงานด้านนโยบาย มีการพูดคุยกันถึงมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น หนึ่งในนั้นคือโครงการ ‘คนละครึ่ง’ ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ได้รับการพิจารณา แต่หากนำกลับมาใช้ก็อาจไม่ใช่รูปแบบเดิมทั้งหมด อาจมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้ครอบคลุมและตอบโจทย์มากขึ้น
ได้มีการพิจารณาโครงการดี ๆ หลายโครงการจากอดีต แม้อาจมีข้อบกพร่องบ้าง แต่ถ้าแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสม ก็น่าจะต่อยอดให้เกิดประโยชน์ได้ เช่นเดียวกับโครงการคนละครึ่ง ที่ในมุมมองของตนเองถือว่ามีประสิทธิภาพและกระแสตอบรับในโซเชียลได้รับผลตอบรับดีกว่าโครงการดิจิทัลวอลเลตที่ผ่านมา ทั้งในแง่การหมุนเวียนเงินในระบบ และความรู้สึกของประชาชน แม้งบประมาณที่ใช้จะไม่สูงมากนักก็ตาม
นายสิริพงษ์ ยังกล่าวถึงแนวทางการดำเนินงาน พรรคภูมิใจไทยไม่ได้มุ่งเน้นที่จะลงทุนสร้างระบบใหม่ แต่จะใช้ระบบที่ภาครัฐมีอยู่แล้วและดำเนินการต่อได้ทันที เพื่อความรวดเร็วและประหยัดงบประมาณ ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปวงเงินชัดเจน เนื่องจากเป็นเพียงการหารือในหลักการ แต่คาดว่าเมื่อรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จ นายกรัฐมนตรีจะเร่งรัดสั่งการให้เริ่มดำเนินงานโดยเร็วที่สุด ภายใน 1 เดือนแรกหลังการแถลงนโยบาย และทั้งหมดต้องเกิดขึ้นภายใน 4 เดือนที่รัฐบาลมีเวลาในการทำงาน จุดประสงค์ของแนวนโยบายนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อสร้างคะแนนนิยม แต่ที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศอย่างเร่งด่วน

#ข่าวจริงประเทศไทย #คนละครึ่ง #กระตุ้นเศรษฐกิจ

จันทรุปราคาเต็มดวง คืน 7 ถึงเช้ามืด 8 กันยายน 68 สังเกตได้ทั่วฟ้าเมืองไทยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เผยว่าคืน...
06/09/2025

จันทรุปราคาเต็มดวง คืน 7 ถึงเช้ามืด 8 กันยายน 68 สังเกตได้ทั่วฟ้าเมืองไทย
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เผยว่าคืนวันที่ 7 ถึงเช้ามืด 8 กันยายน 2568 จะเกิด “จันทรุปราคาเต็มดวง” เหนือฟ้าเมืองไทย ดวงจันทร์ปรากฏสีส้มอิฐ เวลา 00:31-01:53 น. (เวลา ณ กรุงเทพมหานคร) นาน 1 ชั่วโมง 22 นาที สังเกตได้ด้วยตาเปล่าทุกภูมิภาคทั่วไทย หรือรับชมถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ได้ทางเฟซบุ๊ก และยูทูบ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
#ลำดับการเกิดปรากฏการณ์
🌕 เริ่มเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเงามัว
7 กันยายน 2568 เวลา 22:29 น.
🌘 เริ่มเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน
7 กันยายน 2568 เวลา 23:27 น.
🌑 เริ่มเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง
8 กันยายน 2568 เวลา 00:31 น.
🌑 กึ่งกลางคราส
8 กันยายน 2568 เวลา 01:12 น.
🌑 สิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง
8 กันยายน 2568 เวลา 01:53 น.
🌒 สิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน
8 กันยายน 2568 เวลา 02:57 น.
🌕 สิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเงามัว
8 กันยายน 2568 เวลา 03:55 น.
ปรากฏการณ์จันทรุปราคาในครั้งนี้ เกิดขึ้นในประเทศไทยในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2565 นอกจากประเทศไทยแล้ว ยังสามารถสังเกตได้หลายพื้นที่ทั่วโลก ได้แก่ บริเวณทวีปยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา ตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ ตะวันออกของทวีปอเมริกาใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย ขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้
ปรากฏการณ์จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน โดยมีโลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ เกิดขึ้นเฉพาะในวันดวงจันทร์เต็มดวง หรือช่วงข้างขึ้น 15 ค่ำ ขณะที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกที่ทอดไปในอวกาศ ผู้สังเกตบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งไปเรื่อย ๆ จนดวงจันทร์เข้าไปอยู่ในเงามืดทั้งดวง และเริ่มมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งอีกครั้งหนึ่งเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ออกจากเงามืดของโลก คนไทยสมัยโบราณเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ราหูอมจันทร์"
ในระหว่างการเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก แสงอาทิตย์ที่ผ่านชั้นบรรยากาศโลกจะเกิดการกระเจิง แสงสีฟ้าและสีที่มีความยาวคลื่นสั้นจะถูกกรองออกไป เหลือเพียงแสงสีแดงที่มีความยาวคลื่นยาวกว่า หักเหไปตกกระทบดวงจันทร์และสะท้อนกลับมายังโลก ช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้คนบนโลกมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงอิฐ หรือ Blood Moon
ผู้สนใจสามารถรับชมถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ และช่องยูทูบ NARIT Thailand https://www.youtube.com/ ได้ตลอดระยะเวลาเกิดปรากฏการณ์ตั้งแต่เวลา 22:29 น. เป็นต้นไป

06/09/2025

แจงชัด! สัญชาติไทยไม่ใช่แจกฟรี แต่คืนศักดิ์ศรีให้กลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไร้รัฐไร้สัญชาติ

ศบ.ทก. แจง มติอนุมัติการสร้างรั้วบริเวณหลักเขตแดน 50-51 เป็นเพียงการรับทราบและเห็นชอบในหลักการเท่านั้น ตามที่ได้มีการราย...
06/09/2025

ศบ.ทก. แจง มติอนุมัติการสร้างรั้วบริเวณหลักเขตแดน 50-51 เป็นเพียงการรับทราบและเห็นชอบในหลักการเท่านั้น

ตามที่ได้มีการรายงานข่าวว่า ศบ.ทก. มีมติอนุมัติการสร้างรั้วบริเวณหลักเขตแดน 50-51 นั้น

ศบ.ทก. ขอชี้แจงข้อเท็จจริงตามการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (3 ก.ย. 68) ว่า ที่ประชุมได้รับทราบแนวทางจากจังหวัดสระแก้ว ถึงแนวทางการจัดการพื้นที่ อันประกอบด้วย
1. แผนการสร้างรั้วในหลักเขตแดนที่ 50 - 51 ระยะทาง 16 กม.
2. มาตรการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ เช่น การสำรวจสิทธิการครอบครองที่ดินในพื้นที่อย่างละเอียด ตลอดจน มีมาตรการดำเนินการตามกฎหมายของไทย ในการประกาศใช้กฎหมายกับชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ และแจ้งความดำเนินคดีกับราษฎรกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72

โดยในชั้นนี้ ยังมิได้มีการอนุมัติแต่อย่างใด แต่เป็นการรับทราบและเห็นชอบในหลักการ เป็นไปตามกฎหมายไทย และขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง

#ทีมประเทศไทย
#รวมใจไทยเป็นหนึ่ง

#ข่าวจริงประเทศไทย

06/09/2025

💛สมจิตเดอะเก๋า The Granny Game-changer ep.1💛
จากวันที่เงียบเหงา กลายเป็นวันที่หัวใจคุณยายเต้นแรงอีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มต่างชาติทักมา แต่ความรักออนไลน์ครั้งนี้ อาจไม่ใช่แค่เรื่องหวาน ๆ ก็ได้
ติดตามมินิซีรีส์ เรื่องราวความรัก...? 😈ของยายสมจิตได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 8.00 น.
#ข่าวจริงประเทศไทย #รู้เท่าทันสื่อ #ภัยออนไลน์

สวัสดี วันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2568
06/09/2025

สวัสดี วันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2568

📣 เปิด 5 ขั้นตอน หลังโหวตได้นายกรัฐมนตรี ทำอะไรต่อ❓ #ข่าวจริงประเทศไทย  #นายกรัฐมนตรี  #ขั้นตอน
05/09/2025

📣 เปิด 5 ขั้นตอน หลังโหวตได้นายกรัฐมนตรี ทำอะไรต่อ❓

#ข่าวจริงประเทศไทย #นายกรัฐมนตรี #ขั้นตอน

📣 ทำความรู้จักนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล #ข่าวจริงประเทศไทย  #ประวัติ  #นายกรัฐมนตรี
05/09/2025

📣 ทำความรู้จักนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล

#ข่าวจริงประเทศไทย #ประวัติ #นายกรัฐมนตรี

ทำลายของกลางสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 1.5 ล้านชิ้น มูลค่า 900 ล้านบาทนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย...
05/09/2025

ทำลายของกลางสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 1.5 ล้านชิ้น มูลค่า 900 ล้านบาท
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ณ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยมีพลโท ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กอ.รมน. นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนางสาวนุสรา กาญจนกูล อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ เอกชน เจ้าของสิทธิและหน่วยงานต่างประเทศ ร่วมทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากว่า 1.5 ล้านชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 900 ล้านบาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศคู่ค้าและนักลงทุน ตลอดจนร่วมมือเครือข่ายพันธมิตรด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็ง ปกป้องผู้บริโภคจากผลกระทบของสินค้าละเมิดฯ ที่ด้อยคุณภาพ
นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ เดินหน้าปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจัง ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งพิธีทำลายของกลางฯ ถือเป็นอีกกลไกสำคัญของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสภายใต้พันธกรณีในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยของกลางในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้นจะต้องนำมาทำลายด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ค้า นักลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาว่าสินค้าละเมิดฯ จะไม่ถูกนำกลับมาหมุนเวียนในท้องตลาดได้อีก
นอกจากนี้ ยังสร้างความตระหนักรู้ให้สาธารณชนได้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพร่างกายของผู้บริโภคอันเนื่องมาจากการใช้สินค้าปลอมที่ไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน จากรายงานผลการจัดสถานะการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2568 ไทยยังคงสถานะอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) รัฐบาลจึงพร้อมดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดฯ อย่างเข้มข้นต่อไป โดยมุ่งหมายให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากบัญชีดังกล่าว
นายจตุพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ของกลางที่นำมาทำลายทั้งที่กรุงเทพฯ จังหวัดสระบุรีและจังหวัดชลบุรี มีหลายประเภท เช่น เครื่องแต่งกาย นาฬิกา กระเป๋า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่รถยนต์ รวมทั้งสินค้าจำพวกยา เครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่ม โดยสินค้าทั้งหมดเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,528,524 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 900 ล้านบาท

#ข่าวจริงประเทศไทย

ที่อยู่

90-91 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง
Bangkok
10310

เบอร์โทรศัพท์

+6622488622

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ข่าวจริงประเทศไทยผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ข่าวจริงประเทศไทย:

แชร์

ข่าวจริงประเทศไทย

Official page ของ ข่าวจริงประเทศไทย จากช่องทาง Line@ ที่นำเสนอข่าวจริง ตีแผ่ข่าวลวง อย่างกระชับ กลมกล่อม และเชื่อถือได้ ติดตามช่องทางหลักอย่าง Line@: @realnewsthailand หรือเฟสบุ๊ค Official ในเพจข่าวจริงประเทศไทย ที่นี่เท่านั้น! https://www.facebook.com/realnewsthailand