Mini Me Studio Mini Me Studio บริษัทรับผลิตสื่อทุกรูปแบบด้?

ภาพเคลื่อนไหว

- Video Presentation
- รายการและสารคดี
- ประชาสัมพันธ์กิจการเพื่อสังคม
- รับตัดต่อ และทำดนตรีประกอบ

เวิร์กช้อป

- ลงพื้นที่ให้ความรู้และวิธีการทำสื่ออย่างสร้างสรรค์ให้กับ ชุมชน ชาวบ้าน เด็กและเยาวชน

งานเขียน

- เขียนบท ภาพยนตร์ รายการ และแอนิเมชั่น
- บทความ จากการลงพื้นที่สังเกตการณ์ บทสัมภาษณ์และบทความทั่วไป
- วาดภาพประกอบ
- หนังสือ (บรรณาธิการ, นักเขียน)

07/08/2025

2025.08.15 (ศุกร์)
𝐂𝐇𝐈𝐄𝐑𝐈 𝐁𝐢𝐫𝐭𝐡𝐝𝐚𝐲 𝐋𝐢𝐯𝐞 𝟐𝟎𝟐𝟓
† 𝐒𝐞𝐧𝐭𝐚𝐢 𝐒𝐩𝐞𝐜𝐭𝐫𝐮𝐦 𝐀𝐬𝐬𝐞𝐦𝐛𝐥𝐲! †
at LIVECUBE (ชั้น 3 ร้าน Okinawa Kinjo, BTS พระขโนง)
📍 https://maps.app.goo.gl/XEAhUcbCzUHk1WTH9?g_st=ipc

⁺‧₊˚ ཐི⋆♱⋆ཋྀ ˚₊‧⁺ ⁺‧₊˚ ཐི⋆♱⋆ཋྀ ˚₊‧⁺ ⁺‧₊˚ ཐི⋆♱⋆ཋྀ ˚₊‧⁺

⛧ ᴛɪᴄᴋᴇᴛ ⛧
𓉸ྀི 𝑬𝒂𝒓𝒍𝒚-𝒃𝒊𝒓𝒅 ᴛɪᴄᴋᴇᴛ 250 บาท
✞ ได้รับรูป Postcard พร้อมลายเซ็น 1 ใบ
✞ ได้รับสิทธิ์ถ่าย Shame 1 ใบ
** จองผ่าน inbox เพจวง NON-SAINT
** ปิดจองภายในวันที่ 12 สิงหาคม 2568

𓉸ྀི 𝑨𝒕 𝑫𝒐𝒐𝒓 ᴛɪᴄᴋᴇᴛ 300 บาท
✞ ได้รับสิทธิ์ถ่าย Shame 1 ใบ

⁺‧₊˚ ཐི⋆♱⋆ཋྀ ˚₊‧⁺ ⁺‧₊˚ ཐི⋆♱⋆ཋྀ ˚₊‧⁺ ⁺‧₊˚ ཐི⋆♱⋆ཋྀ ˚₊‧⁺

⛧ ꜱᴄʜᴜʟᴅᴇ ⛧
ประตูเปิด 18.00 | Door Open 18.00
19.00 - 19.20 NATSU & FRIENDS
19.20 - 19.40 Shimmer Shrimpmer
19.40 - 20.00 LUNA AKIRA KURØ x Aizu.deadkat
20.00 - 20.20 NON-SAINT
20.20 - 21.20 ✞ 𝐂𝐇𝐈𝐄𝐑𝐈 𝐁𝐢𝐫𝐭𝐡𝐝𝐚𝐲 𝐒𝐭𝐚𝐠𝐞 ✞
21.30 - 23.00 Booth Time/จำหน่ายสินค้า


#ノンセイント

06/08/2025
05/08/2025
01/08/2025

มุขตลกหยาบโลน กลับสู่เซฟโซนอีกครั้ง เมื่อหนัง Non-PC คืนชีพ สะท้อนการต่อต้าน PC สุดโต่ง
ไม่นานนี้บ้านเรามีการเปิดตัวหนังล้อเลียนจาก 13 Studio เรื่อง ‘สแควรั่วเดอะมูฟวี่’ ซึ่งเป็นแนวหนังที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมนับตั้งแต่หลังยุค 2010 เป็นต้นมา เพราะกระแสความเท่าเทียม การต่อต้านการบุลลี่ การล้อเลียนและเหยียดหยามผู้อื่น
จากการสำรวจข้อมูลระหว่างปี 2010-2014 สัดส่วนหนังตลกจากค่ายอย่าง 20th Century Fox ลดลงจาก 44% เหลือเพียง 8% ของจำนวนหนังทั้งหมดที่ออกฉาย ส่วนหนังตลกจาก Warner Bros. ก็ลดลงจาก 37% เหลือ 25% นี่คือผลกระทบที่เห็นได้ชัดจากแนวคิดที่เรียกว่า PC (Political Correctness)
PC คือแนวคิดส่งเสริมให้เกิดความระมัดระวัง การใช้ภาษา การแสดงพฤติกรรมและทัศนคติ ที่ไม่เคารพต่อผู้อื่นในสังคม โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มอ่อนไหว ถูกกดทับ และเลือกปฏิบัติมาอย่างยาวนาน เช่น กลุ่มชาติพันธุ์, กลุ่มความหลากหลายทางเพศ, ผู้พิการ, ผู้มีความเชื่อทางด้านศาสนา ฯลฯ
พอตลกสังขาร, มุขล้อเลียน, เย้ยหยัน, ด้อยค่า, หยาบคาย, สัปดน ไม่เป็นที่ต้องการในตลาด คนทำก็ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้ดราม่า ผู้สร้างจึงเลือกไม่ลงทุนกันหนังที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดปัญหา และฝังกลบหนังตลกหยาบโลนให้อยู่ในหลุมปิดตายไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
แต่ปี 2025 เหมือน ‘ผีความฮา’ จะลืมหลุม เมื่อกระแสตอบรับที่ดีเกิดคาดของหนังตลกสุดเรื้อนอย่าง The Naked Gun ฉบับรีบู๊ตของ เลียม นีสัน ที่รับบทเป็น แฟรงก์ เดรบิน จูเนียร์ ลูกของ แฟรงก์ เดรบิน บทตำรวจสุดคลาสสิกของตำนานผู้ล่วงลับอย่าง เลสลี นีลเซน ได้คืนชีพทั้งแฟรนไชส์ ปืนเปลือย และกระแสหนังตลก Non-PC (Non-Political Correctness) ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังห่างหายจากภาคสุดท้ายอย่าง Naked Gun 33 1/3: The Final Insult ไปนานถึง 31 ปี
เฉกเช่นเดียวกับราชาหนังตลกยุค 90 ถึง 2000 อย่าง อดัม แซนด์เลอร์ ที่กลับมาสานต่อหนังสร้างชื่อในปี 1996 เรื่อง Happy Gilmore ซึ่งในภาค 2 นี้ เล่าเรื่องหลังจากภาคแรก 29 ปี ที่ตัวละคร นักกอล์ฟขี้ยั้วคว้าเสื้อสามารถสีทอง และประสบความสำเร็จมากมายในเมเจอร์ทัวร์นาเมนต์ แต่ชีวิตของเขากลับติดหล่มเมื่อก่ออุบัติเหตุร้ายแรงทำให้ภรรยาเสียชีวิต เขาจึงกลายเป็นคนติดเหล้าอย่างหนัก และตอนที่กำลังจะสูญเสียทุกอย่างไป โอกาสในการกลับเข้าสู่วงการกอล์ฟก็ยื่นมือเข้ามาอีกครั้ง แต่เป็นมือพิการ (!?) ผู้ร้ายปากเหม็น (!?) และสารพัดความรุนแรง มุขตลกเรี่ยราดที่เป็นจิตวิญญาณของหนังภาคแรกกลับมาครบถ้วน ระเบิดความ Non-PC อย่างไม่บันยะบันยัง
แนวคิด Non-PC สวนทางกับ PC โดยสิ้นเชิง หลักคิดนี้ไม่สนใจ หรือให้ความสำคัญกับความอ่อนไหวของผู้อื่นจนเกินไป และมองว่าความเซนซีทีฟ หรือการกวดขันที่เข้มข้นนั้น ริดรอนเสรีภาพในการแสดงออก และความตลกขบขันไม่ควรมีกรอบหรือขอบเขตมาจำกัด
การกลับมามีอิทธิพลของแนวคิด Non-PC ในสื่อมีหลายปัจจัยประกอบกัน ส่วนหนึ่งคือการเติบโตของแนวคิดอนุรักษ์นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Young Conservative) กลุ่มที่ต่อต้านความ Woke หรือกลุ่ม Anit-Woke และผู้คนส่วนหนึ่งเริ่มมองว่า “วัฒนธรรม PC นั้นเข้มงวดจนเกินไป” จำกัดอิสระในการสร้างสรรค์ตามอย่างที่มันควรจะเป็น
รายได้และกระแสตอบรับที่ดีของหนังตลกเหล่านี้ อาจไม่ได้สะท้อนว่าผู้คน “หย่อนยานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม” แต่กลับชี้ให้เห็นว่า ในยุคที่ผู้คนระมัดระวังเรื่องความอ่อนไหว ผู้คนส่วนใหญ่ก็พร้อมใช้วิจารณญาณในการแยกแยะ ‘ความตลก’ ออกจากการใช้ ‘ความเกลียดชัง’ ทิ่มแทงผู้อื่นเพื่อความขบขัน

เรื่อง กิตติพัฒน์ กนกนาค

30/07/2025

หนังซูเปอร์ฮีโร่ทำให้รายชื่อใน End Credit สำคัญขึ้นจริงไหม?
ตอนนี้มีหนังซูเปอร์ฮีโร่จากทั้ง DC และ Marvel เข้าโรงฉายในระยะเวลาใกล้เคียงกัน และหอบเอากระแสตอบรับด้านดีทั้งคุณภาพและรายได้เข้ากระเป๋าด้วยกันทั้งคู่ ฟากฝั่ง DC ส่ง Superman ที่คุมบังเหียนโดย เจมส์ กันน์ เพื่อเปิดจักรวาล DC Universe (DCU) ใหม่อีกครั้ง และ 2 สัปดาห์ถัดมา Marvel ก็ส่ง The Fantastic Four: First Steps ลงสนาม ในนามยอดมนุษย์ทีมใหม่หน้าคุ้น ที่ย้ายกลับมาซบบ้านเก่าอีกครั้ง หลังไปอยู่กับ 20th Century Fox มาพักใหญ่
หนังทั้งสองเรื่องต่างมีจุดแข็งที่โดดเด่น ในการเชิดชูความดีงามของมนุษย์ทั้งคู่ แม้จะสื่อสารผ่านตัวละครที่มีพลังเหนือมนุษย์ ซึ่งสามารถใช้กำลังที่เหนือกว่าสร้างประโยชน์สุขให้ตนเองได้โดยไม่ต้องดิ้นรน บังคับให้ประชาชนอยู่ภายใต้อำนาจด้วยความหวาดกลัวได้ แต่เลือกที่จะไม่ทำ และเลือกยึดมั่นในความดี
โลกที่ ‘4 กายสิทธิ์’ อาศัยอยู่ พวกเขาคือซูเปอร์ฮีโร่เพียงหนึ่งเดียวที่ปกปักรักษาโลก ส่วน ‘ซูเปอร์แมน’ ก็เป็นบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกเช่นกัน ทั้งคู่เผชิญหน้ากับการถูกทัดทานอำนาจด้วยการตั้งคำถามจากประชาชน ทำให้สูญสิ้นศรัทธา ถูกแบน (Cancel Culture) และแคลงใจต่อความเคารพรักที่เคยมีมาเก่าก่อน แต่ทั้งคู่ก็ใช้คุณงามความดีกอบกู้ทุกสิ้งอย่างให้กลับคืนมาได้ด้วยวิถีที่แตกต่างกัน
(ส่วนนี้เปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์)
Superman เลือกที่จะทำดีต่อไปจนกว่าความจริงจะปรากฎ แม้เขาจะมีพละกำลังมหาศาล แต่หากขาดมันสมองจากผองเพื่อน พลังใจจากครอบครัว และคนรัก ก็ไม่อาจก้าวข้ามผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ส่วน Fantastic Four การมีฮีโร่เพียงกลุ่มเดียว หากต้องสูญเสียใครไป ก็เท่ากับเป็นการสูญเสียของคนทั้งโลก เพราะ ครอบครัว = มวลมนุษยชาติ วิกฤตนี้จะผ่านพ้นไปได้ต้องใช้การรวมใจจากคนทั้งโลก
หนังทั้งสองเรื่องเลือกจะไม่ใช้การ ‘ฉายเดี่ยว’ จัดการปัญหาทุกอย่างแบบเบ็ดเสร็จ และฉายภาพซูเปอร์ฮีโร่ที่ ‘แพ้เป็น’ แม้จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม เพราะในโลกแห่งความจริง ต่อให้เก่งมาจากไหนก็ไม่สามารถจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว แบกรับทุกปัญหาด้วยกลุ่มชนชั้นสูง เจ้าสัว นักการเมือง ผู้บัญชาการทหาร หรือหัวกระทิเพียงไม่กี่ชีวิต แต่ต้องมีฟันเฟืองสำคัญอย่างประชาชนคนที่ไร้พลังพิเศษ เป็นผู้ขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหานั้นร่วมกัน
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นใน End Credit ของภาพยนตร์ทุกเรื่อง รายชื่อนับพัน หรืออาจนับหมื่นชีวิตที่ช่วยเนรมิตรหนังสักเรื่องขึ้นมา รายชื่อที่ค่อย ๆ ไหลขึ้นทุกวินาทีคือหยาดเหงื่อแรงงานของผู้สร้างสรรค์ที่สมควรถูกยกย่องไม่แพ้นักแสดง ผู้กำกับ คนเขียนบท และตำแหน่งที่โดดเด่นอื่น ๆ ทั้งฝ่าย Pre-Production ฝ่าย Production และ Post-Production
ยกตัวอย่าง Unit ที่โดดเด่นมากในเรื่อง The Fantastic Four: First Steps คือแผนก Prop หรือ ฝ่ายอุปกรณ์ประกอบฉาก ที่มีจำนานบุคลากรเยอะปูรายชื่อเต็มพื้นที่จอภาพยนตร์ในช่วง End Credit บุคคลเหล่านี้รังสรรค์ทุกตารางนิ้วในตลอดระยะเวลาร่วมสองชั่วโมง ให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามวิสัยทัศน์ของผู้กำกับ ข้าวของเครื่องใช้ เทคโนโลยีจากโลกอนาคต ถูกสร้างให้ร่วมสมัยไปกับการย้อนวันวาน จนได้ผลงานที่สไตล์ลิสต์จัดจ้านในแนวทาง Future Retro
สิ่งนี้คือความภูมิใจของเหล่าผู้สร้างที่ผลักดันฟันฝ่ากว่าจะมีหนังสักเรื่องออกมา แต่สำหรับผู้ชมแล้ว End Credit อาจจะเป็นส่วนเกินที่ไม่มีความหมาย เพราะโดยทั่วไป โรงหนังหลายที่มักจะเปิดไฟเพื่อให้ผู้ชมทยอยเดินออกในช่วงเวลานี้ ผู้ที่อยากเข้าห้องน้ำ ผู้ที่เร่งรีบอยากกลับบ้าน และพนักงานทำความสะอาด(บางที่)ก็มักจะเก็บกวาดในช่วงเวลานี้เช่นกัน ผนวกกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างฟังก์ชัน ‘ข้ามเครดิต’ (Skip Credits) ในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ยิ่งทำให้คนเคยชินกับการไม่มีอยู่ของ End Credit
ในทางกลับกัน การเข้ามามีอิทธิพลของหนังซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาล Marvel นับตั้งแต่ Iron Man (2008) ก็ได้สร้างแรงจูงใจใหม่ ๆ ในการรับชม End Credit จนถึงหยดสุดท้าย นั่นคือการใส่ฉากพิเศษ ฉากตลก หรือฉากที่มีความเชื่อมโยงกับหนังภาคต่อ ในช่วง Post-Credit Scene หรือ Mid-Credit Scene จนเป็นธรรมเนียมปฎิบัติ สิ่งนี้ทำให้คนเลือกที่จะไม่ลุกจากที่นั่งจนกว่าจะได้ดูฉากเซอร์วิสเหล่านั้น และทำให้ทีมงานภาพยนตร์ถูกมองเห็นมากขึ้นด้วย
แต่การบังคับอาจไม่ใช่คำตอบ แม้ Post-Credit Scene จะได้ความนิยมอย่างสูง แต่ก็สร้างความเบื่อหน่าย และลำบากใจให้กับผู้ชมบางส่วน หากฉากเหล่านั้นไม่สนุก ไม่มีความหมาย หรือไม่สมการรอคอย ก็มักจะมีเสียงก่นด่าตามมาเสมอ รวมทั้งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ อย่างการพูดคุย ส่งเสียงดัง เล่นโทรศัพท์มือถือระหว่างรอฉากพิเศษ จนกลายเป็นการรบกวนผู้ที่อยากชม End Credit จริง ๆ
การดู End Credit เป็นการให้เกียรติผู้สร้างสรรค์ผลงาน และแสดงความชื่นชมต่อทีมงานภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ ไม่ใช่กฎข้อบังคับ แต่หากรู้สึกประทับใจในหนังเรื่องไหน อาจเจอเพลงที่เพราะจนอยากรู้จักชื่อศิลปิน อยากรู้จักตัวประกอบจอมขโมยซีนที่โผล่มาเพียงฉากเดียว หรือสนใจใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความประทับใจนั้น ลองนั่งดู End Credit จนจบโดยไม่ต้องคาดหวังว่าจะเจออะไร เราอาจจะยิ่งอิ่มเอมกับภาพยนตร์เรื่องนั้นมากขึ้นไปอีกก็ได้
เรื่อง กิตติพัฒน์ กนกนาค

24/07/2025

ฮัลค์ โฮแกน นักมวยปล้ำระดับตำนาน เสียชีวิตแล้วในวัย 71 ปี

TMZ รายงานว่า เมื่อเช้าวันนี้ (24 กรกฎาคม 2568) ฮัลค์ โฮแกน ถูกพบว่าเสียชีวิตที่บ้านของเขาในเมืองเคลียร์วอเตอร์ รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา

22/07/2025

ข่าวความเคลื่อนไหวหนังไทยในระดับนานาชาติ
ผีใช้ได้ค่ะ (A Useful Ghost) ผลงานการกำกับของ รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค นำแสดงโดย ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ หนังไทยเรื่องแรกที่คว้ารางวัล Grand Prize จาก สาย Critics Week จากเทศกาลหนังคานส์ ประจำปี 2025 จะเข้าฉายที่ประเทศไทยในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ผลงานของ 185 Films เรื่องนี้จะถูกจัดจำหน่ายโดยบริษัท Out of the Box ในเครือของ GDH ที่นำเข้าภาพยนตร์อย่าง Past Lives และการ์ตูน Blue Giant เป่าฝันให้เต็มฟ้า มาแล้ว
HUMAN RESOURCE ผลงานการกำกับของ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ นำแสดงโดย พิมมาดา ใจสักเสริญ (พิมมา PiXXiE) และ อะตอม ชนกันต์ รัตนอุดม จะได้เปิดตัวรอบ World Premiere ที่เทศกาศภาพยนตร์ VENICE INTERNATIONAL FILM FESTIVAL ครั้งที่ 82 ประเทศอิตาลี ในสายประกวดหลัก Orizzonti competition โดยเทศกาลเวนิสปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 27 สิงหาคม ถึง 9 กันยายน 2568 ก่อนที่จะเข้าฉายในประเทศไทยช่วงเดือนมกราคมปีหน้า

#หนังไทย #ผีใช้ได้ค่ะ

18/07/2025

งานสุดท้ายของเดือนนี้ ก่อนจะกลับไปนอนหมอนยุบ 😴

THE 3RD +++ RESONANCE 3rd Single Official Release Event!
NyZas x 2nd.Dimension.Official

วันอาทิตย์นี้ ที่ FORTUNE EVENT SPACE ชั้น 4

17/07/2025

โรคกลัวงูทำพิษ แฟน Deftones ชอบเพลงนะ แต่ไม่กล้าแชร์
อยากเทสดีนี่มันเหนื่อย ต้องแชร์เพลงเก๋ ๆ ลง Story IG เล่นแผ่นเสียงฮิต ๆ ใน Tiktok บางครั้งเพลงเหล่านั้นอาจไม่ใช่เพลงที่โปรดปราน หรือมาจากศิลปินที่เรารัก แต่หากหน้าปกดูดีมีรสนิยม เพลงเหล่านั้นก็พร้อมถูกแชร์มากกว่าเพลงที่ฟังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ในทางกลับกัน อัลบั้มใหม่ของศิลปินที่เราชื่นชอบ แต่กลับต้องกลั้นใจไม่แชร์ด้วยเหตุผลเพราะ “กลัวงู”
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 10 ของคณะ Deftones ชื่อว่า "Private Music" ซึ่งเปิดตัวซิงเกิลแรกไปแล้วกับเพลง My Mind Is a Mountain โดยมีปกเป็นรูป “งูขาวขดตัวอยู่บนพื้นหลังสีเขียว” (และสีม่วง) สร้างความขนลุกให้เหล่าบรรดาคนที่เป็น ‘โรคกลัวงู’ หรือ Ophidiophobia
โรคกลัวงู หรือ Ophidiophobia เป็นอาการกลัวแบบเฉพาะเจาะจง (Specific Phobia) ในกลุ่มอาการกลัวสัตว์ (Animal Phobia) ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด จากผลสำรวจ มีประชากรประมาณ 2-3% ที่เข้าเกณฑ์การวินิจฉัยว่าเป็นโรคกลัวงู และคนที่ไม่ชอบงู หรือรู้สึกกังวลเมื่อเห็นงู มีถึง 1 ใน 3 ของประชากรโลก
สาเหตุที่ผู้คนเป็นโรคกลัวงู มีตั้งแต่ ประสบการณ์อันเลวร้ายที่เคยถูกงูกัด งูรัด หรือตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเกี่ยวกับงู, การเห็นคนใกล้ชิด หรือคนสนิทหวาดกลัว จึงกลัวตาม, อิทธิพลจากสื่อที่ถ่ายทอดเรื่องงูด้วยมุมมองอันโหดร้าย เช่น หนังที่นำเสนองูทำร้ายคนอย่างน่ากลัว สารคดีที่เห็นงูเขมือบสัตว์ที่น่าสงสาร
ในสังคมออนไลน์อย่าง Reddit มีการถกเถียงเรื่องความสวยงามของปกอัลบั้ม Private Music ของ Deftones ซึ่งหลายคนแสดงออกถึงความไม่ชอบ และไม่กล้าแชร์เพลงลงในช่องทางโซเชียลมีเดียของตนเอง ซึ่งแฟนบางคนเห็นแย้งว่า “ฉันไม่เข้าใจคนที่ไม่ชอบปกอัลบั้มเลย งูมันสวยมาก แถมยังตัดกับพื้นหลังสีเขียวมิ้นต์ได้ดีอีกต่างหาก คือจะบอกว่ามันไม่ดีได้ยังไง ในเมื่อปกอัลบั้มที่ดังที่สุดของพวกเขาก็คือรูปม้า” รูปม้าที่เขาเอ่ยถึงหมายถึงอัลบั้มดังของ Deftones ที่ชื่อว่า White Pony
ความกลัวเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่หากความกลัวนี้เกิดกับแฟนเพลงจำนวนหนึ่งจริง ๆ ก็อาจส่งผลต่อยอดฟัง ยอดแชร์ และยอดการขายแผ่นขายอัลบั้มก็เป็นได้ โดยอัลบั้ม Private Music ของ Deftones จะมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 22 สิงหาคมนี้

เรื่อง : กิตติพัฒน์ กนกนาค

16/07/2025
16/07/2025

การจมน้ำยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตลำดับต้น ๆ ของเด็ก
แม้แนวโน้มเด็กรุ่นใหม่จะว่ายน้ำเป็นเพิ่มขึ้น
มีกระแสถกเถียงกันอย่างรุนแรงจากการให้สัมภาษณ์ของ นิ้ง โศภิดา มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2018 และสามี เจได ไตรนุภาพ เรื่องการ “เลือกช่วยเหลือใครหากจมน้ำ ระหว่าง ลูก หรือ สามี” ซึ่งคำตอบที่เธอเลือกคือ “ช่วยสามี” และมีการออกมาชี้แจงจากทั้งทางรายการ WOODY FM และ Facebook ส่วนตัว Trinupab Jediah Jiratritarn ว่า “หากฟังอย่างครบถ้วน คำถามนี้เป็นการเช็คทัศนคติก่อนแต่งงาน ของพวกเราสองคน ว่าจะอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ และไม่ให้ครอบครัวพัง” หากมีใครแสดงความเห็นที่ล้ำเส้น คุกคามถึงลูกและครอบครัวของพวกเขา ต้องขอดำเนินคดีตามกฎหมาย
คำถามนี้ที่ไม่ว่าจะเลือกตอบแบบไหนก็คงไม่พ้นต้องมีคนเห็นต่าง ไม่มีตรงกลางเหมือนคำถาม “ซ้ายเหยียบหมา ขวาเหยียบยาย ทำไมนายไม่เลือกเหยียบเบรก” แต่ที่แน่ ๆ การจมน้ำไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ โดยเฉพาะสถิติการจมน้ำของเด็กอายุ 0-14 ปี ที่สูงมาก แม้ประชากร ‘ว่ายน้ำเป็น’ จะสูงขึ้นก็ตาม
กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำอยู่เสมอว่า ‘การจมน้ำ’ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตลำดับ 1 ของเด็กไทยที่อายุต่ำกว่า 15 ปี และกระตุ้นให้ผู้ปกครอง ภาครัฐ และ เอกชน สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการสอนทักษะการว่ายน้ำ และการเอาชีวิตรอดเมื่อเจอเหตุการณ์คับขัน สอดคล้องกับ องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ระบุว่า “การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตลำดับต้น ๆ ในเด็กอายุ 1-14 ปี ของหลายประเทศทั่วโลก”
‘หลักสูตรการว่ายน้ำ’ จึงถูกบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของวิชาพลศึกษาในหลายโรงเรียน รวมถึงการเกิดขึ้นของ ตลาด Baby Swimming Pools หรือ ‘สระว่ายน้ำสำหรับเด็กและทารก’ รวมถึงโรงเรียนสอนว่ายน้ำสำหรับเด็กก็เติบโตขึ้นมากจากการตระหนักรู้เรื่อง ‘การจมน้ำ’
ผลสำรวจของ Business Research Insights มูลค่าของตลาด ‘สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก’ สูงถึง 6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2024 และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 8.1 พันล้านเหรียญฯ ได้ภายในปี 2033
ในประเทศไทยทั้งธุรกิจสระว่ายน้ำเด็ก และการรณรงค์ก็ส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมจากสถิติการเสียชีวิตของเด็กอายุ 0-14 ปี ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขที่สูงอยู่ แต่ก็มีแนวโน้มลดลงจากเดิมที่ 1,500 คน ต่อปี เหลือประมาณ 615 คน ต่อปี
แน่นอนว่าปัจจัยด้านภูมิประเทศ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และความไม่เท่าเทียม ก็ส่งผลต่อ ‘การว่ายน้ำเป็น’ เช่นกัน ที่สหรัฐอเมริกา เด็กเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันเพียง 46% และเด็กละตินอเมริกันเพียง 47% เท่านั้นที่ได้รับการสอนว่ายน้ำ ต่างกับเด็กผิวขาวที่ได้รับการเรียนว่ายน้ำถึง 72% ส่วนประเทศเยอรมนีมีเด็กถึง 14.5% ที่ว่ายน้ำไม่เป็นด้วยปัจจัยทางฐานะครอบครัว
เมื่อย้อนกลับไปที่คำถามว่า “หากมีคนจมน้ำจะเลือกช่วยใคร” เรื่องที่น่าเศร้าไม่ใช่แค่การถกเถียงว่าจะเลือกใคร แต่จากข้อมูลของ The Royal Life Saving Society องค์กรที่เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางน้ำ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ของ ออสเตรเลีย ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำเป็นพลเมืองดีเฉลี่ย 5 รายต่อปี โดยพลเมืองดีที่เสียชีวิต 17 คน มีถึง 15 คน ที่พยายามช่วยเหลือเด็กจมน้ำ แม้ตัวเขาจะเสียชีวิต แต่มีเด็กถึง 93% จากเหตุการณ์เหล่านั้น ‘รอดชีวิต’
ดังนั้นคำถามเรื่อง ‘การจมน้ำ’ จึงค่อนข้างอ่อนไหว และอาจไม่สร้างสรรค์นัก เพราะในความจริงยังคงมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ทุกนาทีจากทุกมุมโลก

#จมน้ำ #เลือกช่วยใคร

ที่อยู่

175/6 ถนนพระปิ่นเกล้า บางกอกน้อย
Bangkok
10700

เบอร์โทรศัพท์

+66816599120

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Mini Me Studioผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Mini Me Studio:

แชร์