15/09/2025
รู้จักเด็ก Gen Alpha เมื่อเขาลงมือฆ่าใครสักคน
Adolescence เป็นมินิซีรีส์ที่สร้างปรากฏการณ์ “รายการจากสหราชอาณาจักรที่มีผู้ชมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ด้วยยอดผู้ชมสูงถึง 66.3 ล้าน ในไม่ถึง 2 สัปดาห์แรก (จากจำนวนทั้งหมด 4 ตอน) และขึ้นอันดับหนึ่งถึง 70 ประเทศทั่วโลก รวมถึงกระแสจากฟากฝั่งนักวิจารณ์ที่ดีเยี่ยม กลายเป็น Talk of the town อย่างกว้างขวาง รวมถึงการที่ อีลอน มักส์ ได้ออกมาต่อต้านเรื่อง race-swapping หรือ การสลับเชื้อชาติ ให้ผู้ก่อเหตุที่ต้นทางเป็นวัยรุ่นผิวสี กลายเป็นเด็กชายผิวขาว ก็ยิ่งหล่อเลี้ยงกระแสให้ซีรีส์เรื่องนี้ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง
“พศวีร์ - มาร์คคริส - ขุนพล - ชุติวัฒน์ - คิมจินวุค - ชญานนท์ - ณัฐกิตติ์ - ภูธัชชัย - เดชาวัต - อชิรกรณ์ - จั๋งธีร์ - ภีมวสุ B-U-S BUS is twelve B-U-S BUS is twelve” นี่คือแฟนชานท์ หรือการส่งเสียงตามจังหวะเพลงเพื่อเป็นการเชียร์และให้กำลังใจศิลปินที่ชื่นชอบ ของ วง Bus บอยแบนด์ชื่อดัง ที่กลายเป็นเหมือนสิ่งที่เด็ก Gen Alpha ทุกคนต้องท่องได้
วรรคก่อนหน้านี้กลายเป็นมีม (MEME) หรือเรื่องตลกที่ฉายภาพ ‘ระยะห่าง’ ระหว่างเด็ก กับผู้ใหญ่สมัยนี้ แม้ความจริงแล้ว แฟนชานท์ และการยิงมิกซ์ จะเป็นวัฒนธรรมย่อย (Subculture) ที่อยู่มานาน ร่วมสมัยในหมู่ผู้นิยม K-pop, J-pop หรือ Idol ในประเทศไทยมาตลอด แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ ‘การถูกรับรู้’ มันสร้างความเข้าใจ หรือยิ่งสร้างความห่างเหินให้มากขึ้นกันแน่
คำว่า Adolescence เป็นคำศัพท์ที่แปลว่า วัยรุ่น หรือ ช่วงวัยรุ่น เฉพาะเจาะจงไปที่การเจริญเติบโตทางร่างกายและจิตใจ ความคิด อารมณ์ สังคม ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากวัยเด็กสู่วัยรุ่น ซีรีส์เรื่องนี้จึงเปิดเรื่องด้วยการจับกุมตัว เจมี มิลเลอร์ (แสดงโดย Owen Cooper) เด็กชายผิวขาววัย 13 ปี ที่บ้านของเขา ต่อหน้าต่อตาพ่อแม่ และพี่สาวของตัวเอง เนื่องจากเขาเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมเด็กสาวในโรงเรียนเดียวกัน โดยใช้มีดจ้วงแทงเธอ 7 แผลจนถึงแก่ความตาย
เขาก่อเหตุจริงไหม? เป็นคำถามที่อยู่ในใจครอบครัวและผู้ชมในช่วงแรก แต่ความจริงจังที่เกิดขึ้นทั้งการบุกจับ รวมทั้งกักขังเยาวชนไว้ในสถานีตำรวจ ก็ทำให้เราเผื่อใจเอาไว้ลึกๆ ว่า “เขาน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุตัวจริง” แล้วแบบนี้เรื่องก็จบตั้งแต่เริ่มงั้นหรือ
สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่อง Adolescence แตกต่างและทรงคุณค่าคือ ความสมจริง ด้วยการถ่ายทำแบบ Long Take ใช้กล้องเพียงตัวเดียวถ่ายต่อเนื่องโดยไม่อาศัยการตัดต่อ และรายละเอียดที่ทำให้เราล่วงรู้ ‘วิธีจัดการกับคดีเยาวชน’ ในประเทศอังกฤษอย่างชัดเจนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มตั้งแต่การแจ้งสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนอย่างเคร่งครัด, นำตัวไปแยกกักขังเดี่ยว, ให้ผู้ต้องหาแต่งตั้งผู้ปกครอง 1 คน (พ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่ง) เพื่อนั่งฟังระหว่างสอบปากคำ, หาทนายที่หน่วยงานจัดหามาเพื่อดูแลผู้ต้องหาคดีเยาวชนโดยเฉพาะ, นำผู้ต้องหาไปตรวจเลือดและหาหลักฐานบนร่างกายโดยต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองและทนาย ก่อนจะนำตัวไปสอบปากคำ
สิ่งนี้แสดงให้เห็นความละเอียดอ่อนและใส่ใจในความถูกต้องเมื่อต้องรับมือกับคดีเยาวชน แถมยังเป็นคดีใหญ่ที่สะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ Adolescence แบ่งการเล่าเรื่องเป็น 4 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 วันจับกุมตัว ตอนที่ 2 การสอบสวนที่โรงเรียนในสามวันถัดมา ตอนที่ 3 คือการเข้าพบ เจมี มิลเลอร์ ที่อยู่ในศูนย์ฝึกหัดเยาวชนได้ 7 เดือน ของนักจิตวิทยาเด็ก และตอนสุดท้าย คือเหตุการณ์ในครอบครัว มิลเลอร์ เมื่อเรื่องราวผ่านไป 13 เดือน
อย่างที่กล่าวมาข้างต้น หลายคน (โดยเฉพาะ อีลอน มักส์) ต่างเชื่อว่า ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคดีฆาตกรรม Elianne Andam โดยมีผู้ก่อเหตุคือ Hassan Sentamu หนุ่มผิวดำวัย 17 ปี ซึ่งเขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตไป และต่อให้เป็นคดีที่คล้ายคลึงกัน ผู้สร้างก็ได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า Adolescence ไม่ได้สร้างขึ้นโดยอ้างอิงจากอาชญากรรมจริงใดๆ และไม่ใช่การปลุกระดมต่อต้านคนผิวขาวอย่างที่ถูกกล่าวหา
ซึ่งผู้เขียนเองก็เห็นด้วยตามนั้น เพราะเจตนาของซีรีส์ที่เลือกเจาะลึกคดีที่ก่อเหตุโดยเยาวชนอายุ 13 ปี ก็เพื่อสำรวจแรงจูงใจ (Motivation) ของเด็ก Gen Alpha ซึ่งเกิดในปี 2010-2024 โดยประมาณ มากกว่าจะมุ่งเน้นไปที่วัยรุ่น Gen Z โดยเฉพาะตอนที่ 3 ซึ่งเป็นการตั้งคำถาม ที่บานปลายจนกลายเป็นการโต้เถียง ระหว่าง เจมี กับ ดร.เฮเลน นักจิตวิทยาเด็กที่เข้ามาตรวจสอบสภาพจิตใจ เพื่อค้นหาเหตุผลและแรงจูงใจในการก่อเหตุ
ตอนนี้นอกจากการแสดงสุดเข้มข้นแล้ว เรายังได้เห็นการตอบคำถามที่กระเทาะเปลืองของตัวละคร ความหวาดกลัวของผู้ใหญ่ที่มีต่อการ ‘ไม่รู้จัก’ เด็กรุ่นใหม่ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพฤติกรรมที่คาดไม่ถึง ความก้าวร้าวรุนแรง และความรู้สึกนึกคิดที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
Adolescence ใช้เงื่อนไขของความเป็นซีรีส์อาชญากรรมสืบสวนสอบสวน เพื่อสะท้อนความเหนื่อยล้าของผู้ใหญ่ที่พยายามจะทำความเข้าใจ Gen Alpha อย่างถึงที่สุด แต่เหมือนยิ่งวิ่งตามเท่าไหร่ก็เหมือนยิ่งไกลห่างออกไปทุกที เด็ก ๆ มักจะมีเรื่องราวใหม่ ๆ คำศัพท์ใหม่ ๆ การรับรู้ใหม่ ๆ พฤติกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยมิติทางสังคม ทางเศรษฐกิจ หรือต้องการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ยังคงต้องวิ่งตามเด็ก Gen นี้ต่อไป เพราะยังไงวันหนึ่งเขาก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้
#ซีรี่ย์ #วัยรุ่น