
08/07/2025
วันนี้ผมอยากชวนคุยถึงคนคนหนึ่งที่หลายๆคน โดยเฉพาะคนในวงการบันเทิงยอมรับว่าเจ๋งในทุกมิติ นั่นคือ Pharrell Williams หนุ่มใหญ่อายุ 52 ปี (แต่ผมว่าหน้าเขาเด็กกว่าอายุมาก)
หลายคนน่าจะรู้จักเพลง "Happy" หรือเพลงฮิตที่เขาโปรดิวซ์อย่าง "Get Lucky" หรือ "Hot in Here" แต่บอกเลยว่านั่นเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของผู้ชายคนนี้ครับ เพราะเขาคือคนที่มีบทบาทและทรงอิทธิพลมากๆ ในวงการ Pop Culture เขามีเครดิตอยู่ในวงการภาพยนตร์มากมายอยู่แล้ว แต่เมื่อเขาเลือกที่จะบอกเล่าชีวิตของตัวเอง เขากลับเลือกเล่าผ่านหนังอนิเมชั่น LEGO แถมยังมีส่วนในทุกกระบวนการผลิตด้วย ฟังดูอาจจะแปลกๆแต่ Pharrell บอกว่าตอนเด็กๆ พ่อกับแม่ให้เขาเล่นตัวต่อ Lego และเขามีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับมันมากมาย
สำหรับผมนะ Pharrell ไม่ใช่แค่ศิลปิน แต่เขาคือ "นักสร้างสรรค์" ตัวจริงเสียงจริงครับ เส้นทางจากห้องอัดสู่รันเวย์ระดับโลกนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาและไม่ใช่ความ “ฟลุ้ค” อย่างแน่นอน ชีวิตของเขาเหมือนกับการต่อตัวต่อ LEGO ที่มีชิ้นส่วนเล็กๆ มากมาย แต่เขาสามารถนำมาประกอบกันเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่และไร้ขีดจำกัดได้ ลองนึกภาพดูสิครับว่าผู้ชายคนนี้ทำอะไรมาแล้วบ้าง
ในวงการเพลง หลายคนอาจจะรู้จักหรือไม่รู้จัก วง The Neptunes วงโปรดิวเซอร์ที่เขาก่อตั้งกับ Chad Hugo บอกเลยว่ามันคือการ "เปลี่ยนเสียง" ของวงการเพลงฮิปฮอป R&B และป๊อปไปเลย ลองไปหาฟังเพลงที่พวกเขาโปรดิวซ์ดูสิครับ แล้วคุณจะรู้ว่าซาวด์ของยุค 2000s มันมาจากไหน นอกจากนี้เขายังมีวงอย่าง N.E.R.D. ที่ล้ำหน้าไปไกล และแน่นอนครับ เพลงเดี่ยวอย่าง "Happy" นี่คือปรากฏการณ์ระดับโลกจริงๆ มันไม่ได้เป็นแค่เพลง แต่มันสร้างความสุขและพลังงานดีๆ ให้กับคนทั้งโลก
ในวงการแฟชั่น อันนี้พีคเลยครับ! Pharrell ไม่ได้แค่แต่งตัวดี แต่เขาคือ "ผู้นำเทรนด์" ตัวจริง เขาเป็นหนึ่งในคนแรกๆ ที่ทำให้เสื้อผ้าสตรีทแวร์ดูมีราคา ดูหรูหราได้ ลองดูแบรนด์ที่เขาก่อตั้งอย่าง Billionaire Boys Club (BBC) กับ Ice Cream สิครับ นี่คือตำนานของวงการสตรีทแฟชั่นเลยนะ แล้วตอนนี้ เขาก็คือ Creative Director ฝ่ายเสื้อผ้าผู้ชายของ Louis Vuitton แบรนด์หรูระดับโลก! ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน สไตล์ที่ชัดเจนของเขาอย่างการใส่หมวกใบยักษ์ของ Vivienne Westwood หรือใส่สูทขาสั้นไปงานสำคัญๆ มันคือการฉีกกฎ และวงการแฟชั่นหรูอยากได้คนแบบนี้
ด้าน ธุรกิจและสังคม เขายังเป็นนักธุรกิจที่มองการณ์ไกล มีแบรนด์สกินแคร์อย่าง Humanrace และยังใช้ชื่อเสียงของตัวเองในการขับเคลื่อนประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยนะ คือเป็นคนที่ใช้ชีวิตคุ้มค่าและสร้างประโยชน์ให้คนอื่นจริงๆ ไม่รู้เอาเวลามาจากไหน
สำหรับผู้ชายอย่างเราๆ ที่อาจจะมีช่วงชีวิตที่ไม่ได้หวือหวา หรือมีช่วงที่ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ Pharrell คือตัวอย่างที่ดีมากๆ ครับ เขาอาจจะไม่ได้มีช่วงที่ "ตก" แบบน่าใจหาย แต่เขามีช่วงที่ต้องปรับตัว พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนมาถึงจุดที่เรียกว่า "กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม" ด้วยเพลงฮิต "Happy" และการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญใน Louis Vuitton
ล่าสุดในงาน Met Gala 2025 ซึ่งเป็นงานแฟชั่นและศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี และเป็นเหมือนงานออสการ์ของวงการแฟชั่น (จัดโดย Anna Wintour บอสใหญ่แห่ง Vogue) Pharrell Williams ได้รับเกียรติให้เป็น หนึ่งในประธานร่วม (Co-Chair) ของงาน ร่วมกับบิ๊กเนมทั้งนั้น เช่น Colman Domingo, Lewis Hamilton, A$AP Rocky และ LeBron James (ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์)
การที่ Anna Wintour เลือก Pharrell มานั่งแท่นประธานร่วมในงานที่ยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งปี 2025 มาในธีม "Superfine: Tailoring Black Style" ที่จะเน้นเรื่องอิทธิพลของสไตล์คนผิวสีในแฟชั่น มันสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับในตัว Pharrell อย่างมากเลยครับว่าเขาคือผู้สร้างสรรค์ที่เข้าใจทั้งดนตรี แฟชั่น และวัฒนธรรม ซึ่งเข้ากับธีมงานมากๆการเลือกเขามาเป็น Co-Chair คือการยอมรับในอิทธิพลที่ Pharrell มีต่อวงการแฟชั่นและวัฒนธรรมอย่างแท้จริงความร่วมมือที่ลงตัว มีเคมีที่เข้ากัน ทั้งสองคนคือผู้มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการผลักดันวงการให้ก้าวไปข้างหน้า ต้องการนำเสนอสิ่งที่แตกต่างและมีความหมาย ผมว่ามันเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างประสบการณ์อันยาวนานของ Anna กับความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดของ Pharrell
ดูจากเส้นทางชีวิตของ Pharrell ผมว่าผู้ชายอย่างเราเรียนรู้จากเขาได้หลายอย่างเลยนะ ความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องตามใคร ไม่ต้องแคร์สายตาใคร ถ้าเราเชื่อมั่นในสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราทำ สุดท้ายมันจะนำเราไปสู่ความสำเร็จเอง อย่าหยุดสร้างสรรค์ ชีวิตไม่ได้มีแค่กรอบเดียว ถ้าเรามีความหลงใหลในอะไร จงลงมือทำ ไม่ต้องกลัวที่จะออกนอกกรอบ แล้วเราจะเห็นโอกาสใหม่ๆ เสมอ วิธีการทำงานร่วมกับคนอื่น ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว Pharrell เองก็มีทีม มีเพื่อนร่วมงานที่เก่งๆ การเปิดใจรับฟังและร่วมมือกับคนอื่นคือกุญแจสำคัญ และเขาปรับตัวอยู่เสมอ โลกเปลี่ยนไปทุกวัน เราเองก็ต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่งั้นก็เตรียมโบกมือลาความสำเร็จได้เลย
"Piece by Piece" คือชื่อของหนังชีวประวัติของเขาในสไตล์ตัวต่อ LEGO เพราะชีวิตของเขาคือตัวอย่างของการ "สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จากชิ้นส่วนที่มีอยู่" ที่สามารถประกอบร่างเป็นอะไรก็ได้ตามจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นเพลงฮิต เสื้อผ้าสุดล้ำ หรือแม้กระทั่งการเป็นผู้นำในวงการแฟชั่นระดับโลก คือสัญลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด และนั่นแหละครับ คือเหตุผลที่ LEGO เห็นว่าชีวิตของเขาคือแรงบันดาลใจที่สมบูรณ์แบบในการนำมาเล่าเรื่องผ่านตัวต่อสีสันสดใสเหล่านี้!
วิม โมราห์วง