11/02/2024
...เผลอแป๊บเดียวปีนี้ก็ย่างเข้าปีที่สิบแล้ว ที่ผมเทรด Forex...เวลามันช่างผ่านไปเร็วจริงๆ.....ผมยังจำช่วงวันแรกๆ ที่ผมรู้จักตลาดforex ได้เป็นอย่างดี บอกตามตรง ผมรู้สึกตื่นเต้นกับมันมาก นี้ไงใช่เลย กำไรดีได้เงินง่าย แค่ลงทุน ไม่ต้องทำงานไม่ต้องจ้างลูกน้อง ไม่ต้องเหนื่อยกับคน อีกต่อไป มันคือ passive income ให้เงินทำงานของแท้ เราจะรวยแล้ว บราๆๆ.....แรกๆเลย ผมเปิดบัญชีทดลอง(บัญชี Demo)...เริ่มเทรดใหม่ๆ ผมใช้ EA(ระบบเทรดอัตโนมัติ) ในการเทรดเพราะมันง่าย เล่นไม่ยาก หลักการง่ายๆ ก็คือคูณ2เข้าไปทุกครั้้ง ตอนที่กราฟมันไปผิดทาง การเบิ้ลล็อต(lot)แบบนี้ ข้อดีคือ ถ้าเทรดผิดทาง โดนลากไปไกล แต่กลับแค่นิดเดียว ก็สามารถคัตกำไร เข้าพอร์ตได้ มันจึงทำให้ส่วนใหญ่แล้ว จะชนะตลาด อาจารย์หลายคน ก็ใช้เทคนิคนี้ เอามาสอนลูกศิษย์ แล้วเรียกเทคนิคนี้ ว่า การซอยไม้ ก็อย่างที่บอก การซอยไม้ มันทำให้ชนะตลาดได้บ่อย แต่เป็นการกินทีละนิด ...แต่ข้อเสียก็คือ ถ้าเกิดผิดทางชนิดที่เรียกกันว่า ติดดอย ดันไปอยู่ในจุด ที่รายใหญ่ทิ้งของเทขายพอดี ความซวยก็จะมาเยือน ถ้าไม่ล้างพอร์ต ก็จุกหนัก...นี้คือหนึ่งในหลายเหตุผล ว่าทำไม เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ ถึงไปไม่รอด.....หลังจากล้างพอร์ต ผมก็คิดสูตรเบิ้ลล็อตสูตรใหม่ เอาที่ถึกทนที่สุด ลากได้ไกลที่สุด แต่สุดท้ายมันก็ยังแพ้ตลาดอยู่ดี.....คราวนี้เปลี่ยนใหม่อีก หันมาใช้ อินดิเคเตอร์ (indicator) BB EMA MACD RSI แต่สัญญาณที่ได้ มันล่าช้ากว่าราคา ส่วนพวกที่ให้สัญญาณไดเวอร์เจนท์(divergence)ก็ถูกมันหลอกไปเรื่อยๆ ไดเวอร์เจนท์ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั่ง สุดท้ายก็ล้างพอร์ตอีก วนลูปอยู่แบบนี้เป็นปี ได้ๆเสียๆ แต่รวมๆแล้วคือเสีย.....หลายคนที่เข้ามาในตลาดนี้ เพราะคิดว่ามันง่ายได้เงินมาแบบง่ายๆ และคิดว่ามันจะเป็นแบบในโฆษณา...กำไรวันละ1% บ้างล่ะ...ฝากอาจารย์เทรดกินดอกสบายๆเดือนละ10%บ้างล่ะ...เทรดจาก100เหรียญเป็น5000เหรียญบ้างล่ะ แต่ในความเป็นจริง สิ่งไหนที่เราคิดว่ามันง่าย ส่วนใหญ่ มันจะกลายเป็นเหยื่อล่อ ให้เราเข้าไปติดกับดักของเหล่านักล่าเสมอ...
ถึงตอนนี้ ผมเริ่มรู้แล้ว ว่าสิ่งที่มีค่า ไม่มีอะไร ได้มาง่ายๆ.....ประสบการณ์ปีแรกของผม ผ่านไปด้วยความสูญเสียและเจ็บปวด เอาใว้คราวหน้า ผมจะเขียนบอกเล่า ประสบการณ์ปีที่2 ในการเทรด เพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับท่านที่สนใจในการเทรด ขอบคุณมากคับที่ติดตามผม.....วิถีเม่า...ปี2.....หลังจากที่เทรดมาได้1ปี...ความรู้ส่วนใหญ่ของผม ได้มาจากใน youtube และGoogleซะเป็นส่วนใหญ่ แต่มันก็เป็นความรู้เพียงกว้างๆ ไม่สามารถโฟกัสไปที่จุดสำคัญได้...และมันก็ยังไม่สามารถเทรดให้ชนะตลาดได้.....ทุกครั้งที่ผมวางเงินลงไปทีไร ไม่ช้าก็เร็ว เป็นต้องล้างพอร์ตทุกที แต่ยังดีที่เป็นเงินเซนต์ เสียทีก็ยังไม่เท่าไหร่.....จนผมมาเจอ อาจารย์คนแรกในชีวิต...ท่านสอนเกี่ยวกับ ไพรซ์แอคชั่น( price action) รูปแบบกราฟ แท่งเทียน อีเลียตเวฟ(Elliott Wave)และFibonacci.....ท่านสอนดีมาก เทคนิคการนับคลื่น การดูแท่งเทียน รูปแบบกราฟ และอาจารย์ ยังสอนเทคนิคการจําชื่อรูปแบบต่างๆ ที่มีมากมาย ให้จำได้ง่ายขึ้น.....การเทรดด้วย price action ดีกว่าการเทรดด้วย อินดิเคเตอร์ (indicator) เพราะ indicator มันล่าช้ากว่าราคา แต่ price action มันคือราคาปัจจุบัน การให้สัญญาณเข้าออกออเดอร์ จึงเร็วกว่า.....หลังจากที่ผมนับคลื่นอีเลียตเวฟเป็น ผมก็บ้านับทั้งวัน ผมนับมันทุกไทม์เฟรม เห็นกราฟเป็นอีเลียตเวฟไปหมด ยิ่งกลับไปนับกราฟย้อนหลัง ยิ่งทำให้ผมมั่นใจแบบสุดโต่ง ว่าผมเห็น เส้นทางของกราฟจริงๆ ว่ามันจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ตรงไหน.....คราวนี้ ผมกลับมาใหม่ พร้อมกับความมั่นใจใน Elliott Wave สุดขีด จากที่เคยเทรดเงินเซนต์ คราวนี้ผมเปลี่ยนมาเป็นเงินเหรียญ เปิดพอร์ตใหม่ ใส่เข้าไปเลย 2000 เหรียญ ก็ประมาณ70000บาทในตอนนั้น...แรกๆผมเทรดด้วยล็อต(Lot)0.1 ผมทำกำไรได้มา 200เหรียญ ภายใน2วัน มันยิ่งทำให้ผม มั่นใจมากขึ้น ว่าคราวนี้ ผมต้องรวยแน่ๆ...เข้าสู่วันที่3 วันนั้นผมเห็นกราฟมันทำอีเลียตเวฟยอด5 ในทามเฟรม4ชั่วโมง และมันทิ้งเข็ม ตรงแนวต้านพอดี ดอกนี้ผมมั่นใจมาก จากที่เคยใส่ล็อต(Lot)0.1 คราวนี้ผมใส่ล็อต0.5 จุด(pip)ละ5เหรียญ.....ระหวางที่รอกราฟวิ่ง ผมก็นอนดูหนังฟังเพลงชิวๆสบายๆ จนเผลอหลับไป ซักประมาณสามทุ่มได้ ผมลุกขึ้นมาดูกราฟ...คุณพระช่วย กราฟมันระเบิดขึ้นไปอีกประมาณ3000จุด(300pip) จากเงินในพอร์ต2200เหรียญ เหลือไม่ถึง700เหรียญ ผมยังจำได้ดี ตอนนั้นผมหน้ามืดไปชั่วขณะ เข่าอ่อนอาการคล้ายจะเป็นลม ประมาณว่า ถ้าเป็นโรคความดันอยู่แล้ว อาจเส้นเลือดสมองแตกได้ง่ายๆ.....หลังจากตั้งสติได้ ผมก็ยังทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ดูมันลาก ขึ้นไปเรื่อยๆ มันบีบหัวใจผมอยู่2วัน เป็นอะไรที่ทรมานมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ.....จนในที่สุด พอร์ตของผมเหลืออยู่ร้อยกว่าเหรียญ ผมเลยตัดสินใจคัต แล้วมันก็ลง ลงจนทะลุจุดเปิด ที่ผมเคย sell ใว้ ไปอีกไกลเลย...จากเงิน2000เหรียญ ผมใช้เวลาแค่7วัน ในการล้างพอร์ต จิตตก หมดอาลัยตายอยาก .....หลังจากนั้นไปหลายวัน หลังจากที่กราฟมันจบไซเคิล(cycle)ของมันแล้ว ผมถึงเห็นว่า จุดที่ผมเข้า มันเป็นยอด5 ของอีเลียตเวฟก็จริง แต่มันเป็นเพียงแค่บริเวณ มันไม่สามารถฟันธงแบบ100%ได้...ความมั่นใจเกินไป ทำให้ผมพลาด และที่สำคัญ มันไม่มีsl(จุดตัดขาดทุน)...เพราะตลาดนี้ ไม่มีคำว่า100%.....เป็นอีกครั้ง ที่ผมล้มเหลว และได้รับบทเรียนอันแสนเจ็บปวด...ตอนนี้ผมรู้แล้ว ไม่มีคำว่า100%ในตลาดนี้ การเข้าเทรดทุกครั้งมีความเสี่ยง และคุณต้องมีแผนสองใว้รองรับ ทุกความเสี่ยงเสมอ.....ประสบการณ์ปีที่2ของผม ผ่านไปด้วยความสูญเสียและเจ็บปวด กว่าปีแรกหลายเท่า.....วิถีเม่า....ปี3.....หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้ กฎ 10,000 ชั่วโมง...ของ มัลคอล์ม แกลดเวลล์ (Malcolm Gladwell) เขากล่าวใว้ว่า...เราทุกคนสามารถที่จะเป็น ผู้เชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งได้ หากเราตั้งใจ และใช้เวลาฝึกฝนกับมัน อย่างต่อเนื่องและทุ่มเท อย่างต่ำ 10,000 ชั่วโมง.....ถ้าเราฝึกวันละ 12 ชม. ก็จะใช้เวลา 833 วัน หรือ ประมาณ 2 ปีกว่าๆ...ถึงตอนนี้ ก็เข้าปีที่3แล้ว ที่ผมนั่งจ้องกราฟอยู่กับบ้าน หลังจากที่ร้านอาหารของลูกพี่ผมปิดตัวลง เพราะสภาพเศรษฐกิจ.....จนถึงวันนี้มันก็เกิน10,000 ชั่วโมงไปแล้ว แต่ผมก็ยังเทรดไม่ได้อยู่ดี หลายต่อหลายครั้งที่ผมท้อ อยากจะเลิก แต่ก็มีรุ่นพี่ ที่เริ่มเทรดมาด้วยกัน ก็ค่อยให้กำลังใจผมเสมอ เค้าบอกกับผมว่า...เรามาไกล เกินกว่าจะถอยหลังกลับไปได้แล้ว ในเมื่อมันมีคนทำได้ ทิ้งรอยเอาใว้ให้แล้ว ถ้าเราตั้งใจเราก็ต้องทำได้ อีกแค่นิดเดียว เราก็จะทำได้แล้ว.....มันก็จริงของเค้า แล้วเพราะอะไรเราถึงยังเทรด ไม่ได้ซักที มันต้องมีเคล็ดลับอะไรซ่อนอยู่อีกแน่ๆ.....หลังจากได้กำลังใจกลับมา คราวนี้ผมลุยหนักกว่าเก่า...เอาหมดทุกอย่าง ระบบไหนใครว่าดี ผมลองbacktest หมด บางระบบ ผม backtest กราฟย้อนหลังไปถึง20ปี เพื่อความมั่นใจว่ามันใช้ได้จริง ผมถึงขนาดสร้างระบบเทรดของตัวเอง จ้างโปรแกรมเมอร์ เขียนEA ระบบที่ผมต้องการเทรด จ่ายทีครั้งละสองสามหมื่น ก็ทำมาแล้ว...ระบบที่ผมใช้เทรดในตอนนั้น เป็นการผสมผสานกันระหว่างเทรดมือกับEA ผมเป็นคนตัดสินใจ ในการเข้าออเดอร์ แล้วใช้ระบบEA ในการแก้พอร์ต แต่มันไม่เวิร์ค เพราะเวลาถูกลาก ติดดอยอยู่เป็นเดือนๆถึงระบบมาติงเกล จะถึกทนแค่ไหน มันก็มียังมีความเสี่ยงสูงอยู่ดี.....ผ่านไปอีกเกือบปี ผมก็ยังย่ำอยู่กับที่ ไม่ไปไหน เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร และนี่เป็นอีกครั้ง ที่ไฟในตัวผมเริ่มจะมอดลง.....ระหว่างที่ยังหาไม่เจอ ก็มีเพื่อนรุ่นน้องผมคนหนึ่ง ที่เริ่มเทรดมาด้วยกัน ชวนผมไปเรียนกับอาจารย์ ที่ว่ากันว่า ฝีมือระดับขั้นเทพ...ท่านสามารถเทรดจากเงินเพียงแค่ร้อยเหรียญ ให้เป็นหมื่นเหรียญได้ และอาจารย์ท่านนี้ ท่านไม่เปิดเผยตัวตน ถ้าจะเรียนกับท่าน ก็มีทางเดียวคือเรียนผ่านโปรแกรมTeamViewer เท่านั้น แต่ค่าเรียนก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน........แรกๆที่ผมได้ยินมา ผมก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่อีกใจหนึ่ง ก็อยากจะลอง ถ้ามันได้ผลนะ.....จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ในที่สุด ผมก็จ่ายเงินเรียนจนได้.....สิ่งที่ได้จากอาจารย์ก็คือ เคล็ดลับการหา เส้นแนวรับแนวต้าน รูปแบบกราฟ...head and shoulders.....double top......double bottom....รูปแบบแท่งเทียน ค้อน เข็ม เมฆดำ ซึ่งเป็นอะไร ที่ผมรู้อยูุ่แล้ว แต่ที่เพิ่มเติมมาก็คือ sl สั้นๆ ส่วนกำไรให้ถือยาว(อันนี้ล่ะหัวใจ)....จากนั้นก็เข้ากลุ่มเพื่อรับซิกแนล.....แต่ปัญหาที่เจอก็คือ SL สั้นๆ มันทำให้โดน SL บ่อยมาก บางที่มันกิน SL แล้วมันก็ลง จะเข้าอีกก็ไม่ทัน ต้องคอยเฝ้ากราฟในขณะที่เข้าออเดอร์ บางทีSell ไปแล้วก็โดนกราฟมันกระชากกิน SL สี่ห้ารอบจนโมโห พอเผลอมันก็ลง เป็นอะไรที่เคลียดมาก.....ผมอยู่ในกลุ่ม คอยฟังรุ่นพี่ที่ชอบอวดรู้ เถียงกัน และคอยรับซิกจากอาจารย์...ผมอยู่ในกลุ่มได้3เดือน ในที่สุด ผมก็เลยตัดสินใจออกมา เพราะผมคิดว่า นี่มันไม่ใช่ทางที่ผมจะเดิน.....และก็ผ่านไปอีกปี ที่ผมไม่ได้อะไรเลย เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา ถ้านับเป็นชั่วโมง เหมือนคำกล่าวอ้างของMr. Malcolm Gladwell นี่มันก็เกิน10,000 ชั่วโมง มามากแล้ว แต่ผมก็ยังสอบตก ในตลาดนี้อยู่ดี.....คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าอาจารย์คนไหนจะสอนให้คุณเทรดได้ ต่อให้คุณจ่ายค่าคอร์สเป็นหมืนเป็นแสน มันก็ไม่ได้การันตี ว่าคุณจะเทรดได้ คุณต้องลองผิดลองถูก กับอาจารย์แต่ละคนด้วยตัวเอง.....ถ้าใครที่คิดว่า จะเข้ามาโกยเงินจากตลาดนี้ แบบง่ายๆล่ะก็ บอกได้เลย คุณคิดผิด.....วิถีเม่า...ปี4.....ตอนที่ผมเริ่มเทรดใหม่ๆ ผมมีเพื่อนที่ชอบการเทรดเหมือนกันอยู่สองคน...คนหนึ่งเป็นรุ่นน้อง อีกคนเป็นรุ่นพี่.....เราสามคนชอบคุยกันเรื่องการเทรด แลกเปลี่ยน มุมมอง ความรู้ ซึ่งกันและกัน แต่ต่างคน ต่างก็มีสไตล์การเทรดเป็นของตัวเอง ผมชอบนับคลื่น elliott wave น้องอีกคนชอบ price action ส่วนรุ่นพี่อีกคน ชอบใช้ Fibonacci ต่างคนต่างเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่มีใครเหมือนใคร แต่ที่เหมือนกันคือ ไม่มีใครได้ มีแต่คนเสีย.....เหมือนคนตาบอดคลำช้าง ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าเราอยู่ส่วนไหนของช้าง ตูดช้าง หางช้าง หรือหัวช้าง ทุกอย่างล้วนเป็นการมะโน และคาดเดา เอาเองทั้งสิ้น.....กว่าจะรู้วิธีเอาชนะตลาดได้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ มันเหมือนเส้นผมบังภูเขา คำๆนี้ผมว่ามันเหมาะสมมาก กับตลาดการเงิน ที่เต็มไปด้วย กลยุทธ์ เทคนิคเล่ห์เหลี่ยม กลอุบายสารพัด ที่จะเอามาห้ำหั่นกัน เพียงเพื่อต้องการเป็นผู้ชนะ ต่างฝ่ายต่างหลอกล่อ ซึ่งกันและกัน สิ่งที่โชว์จึงไม่ใช่ แต่สิ่งที่ใช่ก็จะไม่โชว์.....เพราะฉะนั้น เคล็ดลับในการชนะตลาด จึงถูกเก็บซ่อนใว้ บังตาบังใจไม่ให้ใครเห็นง่ายๆ เพราะวิธีการเอาชนะตลาด มันมีแค่ รู้กับไม่รู้ แค่นั้นจริงๆ และคนที่รู้ก็ไม่ยอมบอก.....เทรดมาจะ4ปีแล้ว ผมยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด เป็นอีกครั้ง ที่ผมรู้สึกท้อแท้ และอยากจะเลิก.....แต่ปาฏิหาริย์ ก็มักจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตเราเสมอ...รุ่นพี่ผมที่เทรดมาด้วยกัน เขาสังเกตเห็น cycle ของกราฟ เพราะเขาชอบใช้ Fibo วัดรอบสูงต่ำในการเข้าออเดอร์ เขามาสอนผม ถึงวีธีวัดรอบของกราฟ มันทำให้ผมนึกขึ้นได้ ว่าอาจารย์ที่เคยสอนผมคนแรก ท่านก็เคยสอนเรื่อง cycle เอาใว้ ผมเลยกลับไปย้อนดู ตําราเก่าๆ ที่อาจารย์ท่านแรกเคยสอนใว้.....อันที่จริง อาจารย์ได้สอนเทคนิค การวัดรอบเอาใว้หมดแล้ว แต่ผมกลับไปโฟกัส ที่คลื่น ไปโฟกัสที่กราฟ แล้วมะโนเป็นคลื่น A B C X บ้าบอคอแตก ให้กราฟมันหลอกอยู่ได้ตั้งนาน มันเหมือนกับเส้นผมบังภูเขา ของดีอยู่ตรงหน้า แต่ผมกลับหาไม่เจอ ไปเสียเวลากับการนับคลื่น ให้กราฟมันหลอก อยู่เป็นปีๆ.....ความจริงแล้ว เราไม่จําเป็นต้องไปนับคลื่น ถ้าเราหาการจบรอบของ(cycle)เจอ เราก็จะได้จุดเข้าออเดอร์ ที่สูงสุดต่ำสุดของกราฟ...แต่ก่อนรุ่นพี่ผม เคยพูดว่า ถ้าเรารู้จุดสูงสุดต่ำสุดได้เมื่อไหร่ เราจะรวย.....แต่เปล่าเลย การเทรดของผม ก็ยังได้ๆเสียๆ ทั้งที่ผมมีเปอร์เซ็นต์ชนะ มากกว่าแพ้.....ผมสามารถ ทำกำไรจาก100 เหรียญ ให้เป็น1000 เหรียญได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่1000เหรียญของผมก็ สามารถล้างได้ ภายในวันเดียว พอร์ตผมเลยไม่โตซักที.....สาเหตุเพราะผมไม่มีวินัยในตนเอง และการบริหารจัดการเงินทุนที่ดี (mindset) แนวคิดในการเทรดของผมมันผิด.....เวลาผมเห็นจุดเข้าที่ดี ทุกอย่างคอนเฟิร์ม ผมมักจะคิดเสมอว่า ผมต้องรวยด้วยไม้นี้ และก็เป็นเหมือนเดิม ดอกไหนมั่นใจ100% ดอกนั้นผมจะใส่ล็อตใหญ่ แล้วก็ล้างพอร์ต กับมานับหนึ่งใหม่ เป็นแบบนี้ทุกที.....มันทำให้ผม ตกเข้าไปอยู่ในวัฏจักรชีวิตของเม่า โดยไม่รู้ตัวอยู่เป็นเวลานาน จนรุ่นพี่ผม ที่เทรดมาด้วยกัน เห็นพฤติกรรมซ้ำซากของผม เขาเลยพูดเตือนสติผมว่า ผลลัพธ์มันจะไม่มีทางเปลี่ยน ถ้าผมยังทำพฤติกรรมแบบเดิม.....มันทำให้ผมได้คิด ใช่แล้วผมยังขาด การบริหารจัดการเงินทุนที่ดี...หลายคนที่เข้าตลาดมาด้วย แนวคิดที่ผิด(mindset)ที่ผิด.....คนส่วนใหญ่ ถูกปลูกฝังความคิดว่ามันง่าย สามารถรวยได้ง่ายๆ จากเงินเพียงแค่ไม่กี่เหรียญ ก็สามารถทำกำไร ได้เป็นกอบเป็นกำ เม่ามันเลยมีอยู่เต็มตลาด ผมเองก็ถูกกลืนกินด้วยความโลภ ผมเคยเสียเงินเรียน กับอาจารย์หลายคน ที่อ้างว่าเทรดจากเงินไม่กี่เหรียญ ให้เป็นพันเป็นหมื่นได้ สุดท้ายกลายเป็นโรค เสพติดโอเวอร์เทรด ถูกกลืนกินด้วยความโลภ ยากที่จะรักษา.....หลายคนที่รักษาไม่หาย เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ เขาก็จะต้องกลายเป็นเม่าไปชั่วชีวิต หรือไม่ก็ต้องออกจากตลาดไป.....หลังจากได้สติ ผมก็เริ่มมองหาระบบ Money Management...การบริหารจัดการเงินทุน.....แรกๆผมก็หาในยูทูป กูเกิล ด้วยความที่มันมีเยอะมาก และแต่ละคน ก็สอนกันไป คนละทิศคนละทาง เลยต้องลองผิดลองถูกเอาเองอยู่นาน...จนมาเจอคุณลุงคนหนึ่งท่านสอนดีมาก ผมเลยนำมาประยุกต์ใช้ เป็นระบบเทรดของตัวเอง...จากที่เคยหวังกำไร ท่วมพอร์ตภายในไม้เดียว ก็เหลือเพียง 5% - 10%ต่อไม้ผมก็พอใจแล้ว.....และด้วยระบบนี้ ทำให้ผมเทรดด้วยความสบายใจ เลิกขายหมู เพราะต้องทำตามระบบ...ตอนที่มีกำไรมากๆ ผมก็ไม่ต้องรีบถอนเงินออก เหมือนแต่ก่อน เพราะกลัวที่จะล้างพอร์ต...ตรงกันข้าม ผมสามารถปล่อยให้พอร์ตโตขึ้นไปได้เรื่อยๆ และถ้า MM คุณดีจริง คุณจะไม่มีวันกลับมาติดลบอีกเลย.....สำหรับผมแล้ว Technical mm และ mindset จึงเปรียบเสมือน สุดยอดเคล็ดวิชาที่จะขาดสิ่งไดสิ่งหนึ่งไม่ได้ มันคือเคล็ดลับที่จะทำให้เรา อยู่รอดในตลาดการลงทุน ที่ขึ้นชื่อว่า ยากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก.....เกมส์นี้มันวัดใจคน...ถ้าเราชนะใจตัวเองได้ เราก็จะชนะได้ทุกตลาด และทุกสถานการณ์.....วิธีเม่าปี5.....หลังจากที่ผมใช้เวลาหลายปี กว่าจะเจอระบบเทรดของตัวเอง ตลาด Forex ในบ้านเรา ก็เริ่มได้รับความนิยม กว่าตอนที่ผมเริ่มเทรดใหม่ๆมาก มีโบรกเกอร์ใหม่ๆเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากมาย และในจำนวนโบรกเกอร์เหล่านั้นก็มีโบรกเถือนปะปนเข้ามาด้วย.....มีโบรกเถือนโบรกหนึ่ง ในตอนนั้นเป็นที่ฮือฮามาก เพราะโบรกนี้อ้างว่า สามารถทำ arbitrageและcarry trade ในโบรกเดียวกันได้.....แล้วระบบ arbitrage คือะไร ระบบ arbitrage ก็คือเทคนิตทำกำไรโดยซื้ออีกตลาดหนึ่ง แล้วไปขายอีกตลาดหนึ่ง เพื่อหากำไรจากส่วนต่างของราคา ที่ไม่เท่ากัน.....ว่ากันว่ามันเป็นระบบเทรดที่ทำกำไรแบบไร้ความเสี่ยง ไม่มีโอกาสขาดทุน ได้กำไรแน่ๆ.....ผมก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจระบบ arbitrage เหมือนกัน ผมเลยเริ่มศึกษาค้นคว้าหาความรู้ และเริ่มทดลองเทรดระบบ triangular arbitrage อย่างจริงจัง.....ผมเลยอยากแบ่งปัน ความรู้เรื่อง arbitrage ที่ผมเคยพบเจอมากับตัวเอง อาจจะยาวสักหน่อย แต่มันก็มีประโยชน์มาก สำหรับคนที่อยากรู้ความจริง.....เมื่อหลายปีก่อน ผมเป็นคนหนึ่ง ที่เคยคิดว่าระบบ triangular arbitrage มันใช้กับตลาด forex ได้จริงๆ.....ระบบที่ผมใช้ตอนนั้น ผมเลือกคู่เงิน USD-EUR-CHF...หลักการของมันคือ ใช้สกุลเงิน3คู่มาคานกัน...โดยเงินทุกสกุล ต้องมีออเดอร์ ทั้ง Buy และ sell ในสกุลเงินเดียวกัน...
ยกตัวอย่างเช่น...Buy EURUSD...Sell EURCHF...Buy USDCHF...ใน lot ที่เท่ากัน...นั้นก็หมายความว่า เงินสกุล EUR มี ออร์เดอร์ ทั้งbuyและsell...เพราะเมื่อคุณ Buy EURUSD ก็หมายความว่า คุณซื้อเงินยูโร แต่คุณขายเงินดอลล่า และเมื่อคุณ Sell EURCHF นั้นก็หมายความว่า คุณขายยูโร แต่คุณซื้อเงินฟรัง จะเห็นได้ว่าเงินสกุลยูโร ตอนนี้ มีทั้ง BUY และ Sell...และเมื่อคุณ Buy USDCHF นั่นก็หมายความว่า คุณซื้อดอลล่าแต่คุณขายเงินฟรัง...ตอนนี้ก็เท่ากับว่า ทุกสกุลเงิน มีออร์เดอร์ ทั้งbuyและsell เหมือนๆกัน...ช่วงที่ผมฝึกใหม่ๆในตอนนั้นผมคิดว่าเมื่อเปิด ออร์เดอร์ค้ำกันแบบนี้ ยังไงซะ มันก็จะไม่มีวันเสีย เพราะถ้าฝั่งที่Buyเสีย แต่ฝั่งที่sellจะต้องบวก เงินใน Balance ต้องไม่มีวันลดลง...ตอนนั้น ผมเริ่มทดลองด้วยทุน1000 ใส่ lot 0.1 เข้าออร์เดอร์พร้อมกันทั้ง3คู่ จากการเทรดจริง และBacktest กราฟย้อนหลัง...สิ่งที่เห็นคือ พอร์ตมันค่อยๆติดลบลงอย่างช้าๆ...ผมก็เลยคิดวิธีแก้พอร์ตติดลบ โดยการเปิดระบบ arbitrage เป็น2ชุด เพื่อให้มันเฮดกันอีกที ยกตัวอย่างเช่น...
ชุดที่(1)...Buy EURUSD...Sell EURCHF...Buy USDCHF...ใน lot ที่เท่ากัน...
ชุดที่(2)...Sell EURUSD...Buy EURCHF...Sell USDCHF...ใน lot ที่เท่ากันเหมือนชุดที่1.....จะเห็นได้ว่าการ arbitrage 2ชุดแบบนี้ ไม่ว่ากราฟจะไปทางไหน เงินก็จะไม่หายไปไหนเช่นกัน เพราะถ้า ชุดที่1ติดลบ...ชุดที่2ก็บวก.....ปัญหาก็คือ...แล้วเราจะทำกำไรจากการ arbitrage ได้อย่างไร ในเมื่อมันคานกัน ไม่บวกไม่ลบ...เพราะการ arbitrage 2ชุด จะทำให้เงินไหลไปมาระหว่างกัน พอร์ตหนึ่งบวก อีกพอร์ตก็ลบ.....จากที่ผมดู โฆษณาในเพจต่างๆ ที่อ้างว่าสามารถ ทำกำไรจากตลาด Forex ด้วยการ arbitrage ซึ่งมีเยอะแยะอยู่เต็มเฟสบุ๊ค...ระบบที่ใช้ทำกำไร มีอยู่3แบบหลักๆดังนี้.....แบบที่(1)...การ arbitrage แบบ2ชุด...วิธีทำกำไรก็คือ...สมมุติว่ามีทุน 1000 เหรียญ 2พอร์ต ใส่ lot 0.1 เท่ากันหมดทั้ง2พอร์ต...เมื่อกราฟวิ่งไปทางฝั่งBuy ฝั่งSell ก็จะติดลบเป็นเรื่องธรรมดา...วิธีทำกำไรก็คือ เมื่อกราฟฝั่งที่บวกวิ่งไป เงินในพอร์ตก็จะบวกเพิ่มไปเรื่อยๆ เมื่อพอร์ตฝั่งบวก บวกซัก10%ของพอร์ต คือ100 เหรียญ...ก็คัทพอร์ตฝั่งบวก เอาเงินเข้าพอร์ต เงินในพอร์ตที่บวกก็จะมี 1100 เหรียญ...แต่พอร์ตฝั่งที่ลบก็ยังคาอยู่ และก็จะติดลบประมาณ -1120 เหรียญ...ที่เพิ่มมา20เหรียญก็คือ ค่า spread และค่า Commissions ที่ต้องจ่ายให้กับโบรคเกอร์นั่นเอง...สรุปก็คือ ได้อีกฝั่งก็จะเสียอีกฝั่งเสมอ...วิธีแก้พอร์ตต่อไปก็คือ เปิด arbitrage อีก2ชุด เข้าไปตรงที่ เราคัทพอร์ตที่บวกนั่นแหละ ทำเป็นขั้นบันได ทุกการคัทพอร์ตที่บวก100เหรียญ ก็เปิด arbitrage อีก2ชุด ไปเรื่อยๆ...ถ้ากราฟไหลย้อนกลับมา เราก็คัทออร์เดอร์ชุดที่บวก ทีละ100เหรียญ แล้วเข้าชุดใหม่ไปเรื่อยๆ...ก็เท่ากับว่า เมื่อไหร่ที่เราคัทกำไรเข้าพอร์ต ก็จะมีอีกพอร์ตติดลบคาใว้เสมอ.....จากการ Backtest ระบบเทรด arbitrage แบบ2ชุด ย้อนหลัง20ปี...ในกรณีที่กราฟ sideway เป็นวงกว้าง ไม่เกิน 1000pip ระบบนี้ก็จะทำกำไรไปได้เรื่อยๆ บางครั้งพอร์ตอาจอยู่ได้นานถึง 4-5 ปี โดยไม่ล้าง...แต่ขอเสียของมันคือ ในเมื่อเราคัทฝั่งที่บวก ฝั่งติดลบจะก็ยังคาอยู่เสมอ และก็ไม่สามารถคัทออกได้ เพราะถ้าคัทออก พอร์ตก็จะเสียหายหนัก ที่กำไรมาก็อาจจะเหลือไม่ถึงครึ่ง หรืออาจจะไม่เหลือเลย...แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือ ในกรณีที่เราเข้าออร์เดอร์ แล้วเกิดการกระชากของกราฟ แรงๆ อย่างกรณีของคู่ USDCHF เมื่อปี 2010-2011...ก็อาจจะทำให้พอร์ตเสียหาย ถึงขั้นล้างพอร์ตได้.....แบบที่(2)...การทำกำไรจากค่า rebate จากโบรคเกอร์...โดยปกติแล้ว คนที่เป็น พาร์ทเนอร์กับโบรคเกอร์อยู่แล้ว ก็จะมีค่า Commissions หรือที่เรียกกันว่า ค่า IB...การ arbitrage กินค่า IB มีหลักการง่ายๆก็คือ เลือกคู่เงินมา3คู่ แล้วทำการ arbitrage กัน...แน่นอนการเปิดออร์เดอร์ครั้งแรก พอร์ตก็จะติดลบทันที่ เพราะจะมีค่า spread หลังจากนั้นก็รอจนกว่า กราฟมันสวิงกับมาบวก หรือพอร์ตไม่ติดลบอีกแล้วค่อยคัทเอาค่า rebate แล้วเริ่มต้นใหม่...แต่การเทรดแบบนี้ เราต้องอ่านกราฟให้ออก ว่ามันจะวิ่งไปในทิศทางไหน เพราะถ้าผิดทิศ พอร์ตก็จะติดลบไปเรื่อยๆจนกู่ไม่กลับได้เหมือนกัน.....แบบที่(3)...การ arbitrage แบบมีการ martingale หรือการเบิ้ลลอตนั่นเอง...การ arbitrage แบบนี้เมื่อพอร์ตติดลบ ก็ใช้การเบิ้ลลอต เข้าไปช่วยในการแก้พอร์ต เมื่อกราฟสวิงกลับมาบวกก็คัท...ยกตัวอย่างเช่น ทุน 1000 เหรียญ Buy EURUSD...Sell EURCHF...Buy USDCHF...ใน lot 0.1...เมื่อพอร์ตติดลบ 100 เหรียญ ก็เบิ้ลลอต โดยการ Buy EURUSD...Sell EURCHF...Buy USDCHF...ซ้ำอีกครั้ง ใน lot 0.2 และถ้าพอร์ตติดลบต่อไปอีก 300-400 เหรียญ ก็เบิ้ลลอต เป็น 0.4...การ arbitrage แบบนี้จะมีกรอบให้มันสวิงได้ถึง 1000pip...รอให้กราฟมันย่อมา1ใน3 ก็สามารถคัทกำไรเข้าพอร์ตได้ ซึ่งความจริงแล้ว ก็ไม่ต่างจากการเทรดแบบ เบิ้ลลอตธรรมดาเท่าไหร่ สิ่งที่ต่างกัน คือ lot ที่เทรดเท่านั้น แต่ความเสี่ยงและผลตอบแทน พอๆกัน.....แต่มีความลับอยู่อย่างหนึ่ง ที่คนขายระบบ arbitrageใน Forex เขาไม่ยอมบอกคุณ นั่นคืออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ในตลาด Forex ที่ไม่เท่ากัน...ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณ Buy EURUSD ก็หมายความว่า คุณซื้อเงินยูโร แต่คุณขายเงินดอลล่า...แต่ด้วยค่าของเงิน ที่มันไม่เท่ากัน ก็เท่ากับว่า คุณใช้เงิน1ดอลล่าไปซื้อเงินยูโรที่มีค่ามากกว่า คุณก็จะได้เงินยูโรมาเพียง 0.85 ยูโร พอเห็นภาพหรือยัง มันมีส่วนต่างกันอยู่ 0.15 ดอลล่าต่อ1ยูโร...เพราะฉนั้น การ arbitrage 3 คู่เงิน แล้วใส่ lot 0.1 เท่ากันทั้ง3คู่เงิน มันจึงไม่ได้คานกัน100% เพราะมันมีส่วนต่างของเงินยูโร ที่ใหญ่กว่าเพื่อนอยู่ 0.15 ดอลล่า.....นั่นคือสาเหตุว่าทำไมการ arbitrage 3คู่เงิน ถึงมีการติดลบได้...เพราะฉนั้นการทำ arbitrage ใน Forex จึงไม่ต่างอะไรกับการเทรด แบบธรรมดาๆนั้นเอง...ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใช้พอร์ต 10000 เหรียญ ใส่ lot 1.0 ทั้ง3คู่ เช่น Buy EURUSD lot 1.0...Sell EURCHF lot 1.0...Buy USDCHF lot 1.0...พอร์ตของคุณก็อาจจะสวิงบวกลบได้เป็นธรรมดา เพราะมันมีส่วนต่างของค่าเงินอยู่ 0.15ดอลล่าต่อ1ยูโร ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่มีทุน 10000 เหรียญแล้วเทรดด้วย lot 0.15.....แต่ถ้าการ arbitrage ของคุณใส่ lot ไม่เท่ากันล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น...ยกตัวอย่างเช่น Buy EURUSD lot 1.0...Sell EURCHF lot 1.0...แต่ Buy USDCHF ใส่ lot 1.15...คราวนี้ล่ะจะเป็นการคานคู่เงินของจริง แต่พอร์ตก็จะติดลบค่า spread ตลอดเวลา ไม่สามารถทำกำไรได้.....หัวใจสำคัญ ของการ arbitrage ที่เคยทำมาในอดีต คือซื้ออีกตลาดหนึ่ง แล้วไปขายอีกตลาดหนึ่ง เพื่อหากำไรจากส่วนต่างของราคา ที่ไม่เท่ากัน.....แต่ในตลาด Forex จะมีการถ่าง spread ในขณะที่กราฟกระชาก ซึ่งแต่ละโบรค เขาก็ป้องกัน ระบบพวกนี้ใว้อยู่แล้ว จึงไม่มีทางที่จะทำกำไร จากการ arbitrage ในตลาด Forex โดยผ่านโบรกเกอร์เหล่านี้ได้เลย โดยเฉพาะ การ arbitrage ในโบรคเดียวกัน ซื่งก็เหมือนซื้อขาย ในตลาดเดียวกัน...จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมันผิดหลักการ.....ความจริงแล้ว การเทรดแบบนี้ ไม่ควรเรียกว่าการ arbitrage ด้วยซ้ำ...น่าจะเรียกว่า การเทรดแบบ3คู่เงิน จะถูกต้องกว่า.....แล้วเขาจะได้อะไร จากการ arbitrage แบบปลอมๆนี้.....อย่างแรกเลย เขาจะได้ค่า rebate หรือ ค่า IB จากโบรคเกอร์...และถ้าเป็นกองทุน ค่า rebate ก็จะเพิ่มขึ้น ตามจำนวนเงินที่เข้าเทรด...คงไม่ต้องบอก ว่าจะได้มากมายขนาดไหน ไปคิดเอาเอง......อย่างที่2 คือค่า Commissions ในการเทรด หรือค่าดูแลระบบ เขาอาจจะหักจากผลกำไร 10-20% แล้วแต่เงื่อนไขของกองทุน...ซึ่งความจริงแล้วกำไรที่ว่าก็คือ เงินของผู้ที่เอาไปฝากให้เขาเทรดนั่นเอง เพราะฝั่งกำไรเขาคัทเอามาแบ่งกัน แต่ฝั่งที่ขาดทุนคุณก็ยังต้องถืออยู่ต่อไป เหมือนคำโบราณว่า อัฐยาย ซื้อขนมยาย.....อย่างที่3 พวกEA ก็ได้ขายระบบเทรด แน่นอนว่าก็เป็นเม็ดเงินจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน.....ท้ายที่สุดที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือโบรกเกอร์ เพราะการ arbitrage ต้องทิ้งเงินจำนวนมากแช่ใว้ในโบรกเกอร์ โบรกก็ชอบ และการเปิด lot ในการ arbitrage ก็เป็น lot ใหญ่ แทนที่จะเปิด lot แค่ 0.15 ก็กลายเป็น lot 3.0 โบรคก็ได้ทั้งค่า spread และค่า Commissions เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว...เหล่านักล่าก็เลยวินๆกันทุกฝ่าย.....สุดท้ายนี้ ผมขอทิ้งข้อคิดดีๆ ให้กับเทรดเดอร์ทั้งหลาย เอาใว้เตือนใจ.....การที่คนเรา จะตกเป็นเหยื่อ ให้เขาหลอกได้นั้น มันจะต้องมีองค์ประกอบอยู่3อย่างด้วยกันคือ...
(1) ความไม่รู้...เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาบอกเรานั้น คืออะไร จริงหรือไม่ ถูกหรือผิด...
(2) ความโลภ...เมื่อไหร่ที่เราถูกความโลภเข้าครอบงำ มันจะทำให้เรามองไม่เห็นจุดบอดของตัวเอง แล้วเราก็จะตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย เพราะความโลภ...
(3) ความมักง่าย...เพราะคิดว่ามันง่าย กำไรแบบง่ายๆ ระบบง่ายๆ...ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่มีอะไร ที่ได้มาอย่างง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องเงิน เรื่องผลประโยชน์...และเมื่อไหร่ ที่มีองค์ประกอบ ครบทั้ง3อย่าง ที่ว่ามานี้ จงระวังใว้ให้ดี เพราะคุณกำลังตกเป็นเหยื่อ.....หลังจากที่ผมใช้เวลาเกือบ5ปี ผมก็เจอระบบเทรดที่เหมาะสมกับตัวเอง มีเคล็ดลับอยู่3ประการ ที่ต้องใช้ร่วมกันในการเทรด จะขาดอย่างไดอย่างหนึ่งไม่ได้.....หัวใจในการเทรดข้อที่ 1...technical เทคนิคการเข้าออร์เดอร์ที่ดี จุดซื้อ-ขายที่ได้เปรียบจะทำให้เรามีโอกาสชนะ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยบอกใว้ว่า ให้ซื้อตอนข่าวร้าย ขายตอนข่าวดี ซึ่งก็คือ ซื้อถูกขายแพง นั่นเอง........หัวใจในการเทรดข้อที่ 2...Money Management (การบริหารจัดการเงินทุน) ถ้าเรามี MM ที่ดี เราจะต้องเทรดได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าเราจะเทรดด้วยเงินร้อยเหรียญ หรือว่า แสนเหรียญ...การคำนวณล็อต ก็จะคงที่สม่ำเสมอ sl-tp จะต้องชัดเจน เราต้องรู้ว่าการออก LOT แต่ละครั้งเราจะได้เสียเท่าไหร่ และต่อให้เราเทรดผิดทาง พอร์ตก็จะไม่เสียหาย จนเกินเยียวยา...และการชนะเพียงครั้งเดียว ต้องสามารถโคฟเวอร์(cover) ไม้ที่เสียไปได้ทั้งหมด...และถ้าระบบ MM ของคุณดีจริง พอร์ตของคุณจะโตขึ้นเรื่อยๆ และจะไม่มีทาง กลับมาติดลบอีกเลย......หัวใจในการเทรดข้อที่3..mindset ความเชื่อ ที่ส่งผล ต่อพฤติกรรม ในการเทรดของเทรดเดอร์ ข้อนี้จัดได้ว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะถ้าใครมี mindset ที่ผิด มีความเชื่อแบบผิดๆ มันจะส่งผลให้เทรดเดอร์คนนั้น กลายเป็นเม่าไปชั่วชีวิต ไม่มีทางที่จะเทรดชนะตลาดได้เลย.....ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ผมหวังว่าประสบการณ์ที่ผมเจอมากับตัวเอง จะช่วยให้คนที่สนใจการเทรด ให้ได้ประโยชน์ ไม่มากก็น้อย เพื่อเอาไปพัฒนาต่อยอด ระบบเทรดของท่าน ให้ดียิ่งๆขึ้นไป...