IFD Poll&Survey ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก IFD Poll&Survey, บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร, 87/110 อาคารโมเดอร์นทาวน์ ชั้น 14 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร, Bangkok.

ไอเอฟดีโพล ชี้ ปชช.หวั่นรัฐบาลเฉพาะกิจ เพื่อพรรคมากกว่าชาติ เสถียรภาพเปราะบาง ปากท้องวิกฤต ธรรมาภิบาลถดถอยเมื่อวันที่ 1 ...
01/09/2025

ไอเอฟดีโพล ชี้ ปชช.หวั่นรัฐบาลเฉพาะกิจ เพื่อพรรคมากกว่าชาติ เสถียรภาพเปราะบาง ปากท้องวิกฤต ธรรมาภิบาลถดถอย

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง “ปชช. หวั่นรัฐบาลเฉพาะกิจ เพื่อพรรคมากกว่าชาติ เสถียรภาพเปราะบาง ปากท้องวิกฤต ธรรมาภิบาลถดถอย” 1,287 ตัวอย่าง สำรวจช่วง 29-31 ส.ค. 2568 ใน 6 ภูมิภาค สุ่ม‍ตัวอย่างความน่าจะเป็น Stratified Five-Stage Random Sampling ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และค่าความผิดพลาด 3%

ไอเอฟดีโพลเผยผลสำรวจเสียงประชาชน พบสังคมจับตารัฐบาลเฉพาะกิจอย่างหนักทั้งด้านเสถียรภาพการบริหารระยะสั้นและมาตรฐานธรรมาภิบาล มีรายละเอียดดังนี้
ด้านเสถียรภาพและการบริหารของรัฐบาลเฉพาะกิจในช่วง 4–6 เดือน ประชาชนกังวลมากสุดเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลเปราะบาง ต่อรองอำนาจจนงานไม่เดิน 22.22% ตามด้วยปากท้องวิกฤต แก้ไม่ทัน ประชาชนรอไม่ไหว 19.76% และสถานการณ์ไทย–กัมพูชาไม่สงบ คุมไม่ได้ 18.64% ขณะที่ข้าราชการเกียร์ว่าง งานสะดุด 16.43% ส่วนการขับเคลื่อนปรับแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนไม่ได้จริง 15.62% และการจัดการความขัดแย้งของกลุ่มเห็นต่างไม่ได้ 7.33%
ด้านธรรมาภิบาลและความโปร่งใสของรัฐบาลเฉพาะกิจ ประชาชนจับตาการแต่งตั้งโยกย้ายเอื้อพวกพ้อง 24.79% และการใช้งบชาติเอื้อพรรคตนเองมากกว่าเพื่อชาติ 23.87% ขณะที่ความกังวลต่อการเตรียมเลือกตั้งไม่โปร่งใสหรือไม่ยุติธรรมอยู่ที่ 14.51% การเปิดเผยเหตุผลและข้อมูลไม่ชัด ตรวจสอบยาก 13.05% การเร่งจัดซื้อจัดจ้างหรือทำสัญญาเอื้อบางกลุ่ม 12.35% และการแทรกแซงคดีค้างหรือคดีในศาลให้พ้นผิด 11.43% ภาพรวมสะท้อนช่องว่างความเชื่อมั่นทั้งเชิงเสถียรภาพและความยุติธรรมของอำนาจรัฐ จึงท้าทายให้รัฐบาลเฉพาะกิจเร่งพิสูจน์ผลลัพธ์จริง เปิดข้อมูลเชิงหลักฐาน และคุมความเสี่ยงไม่ให้บานปลายภายใน 120 วันแรกอย่างชัดเจน

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ วิเคราะห์จากผลโพลให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ไม่ว่าใครจะนั่งนายกฯ ในรัฐบาลเฉพาะกิจ คนที่ 32 หรือเกิดฉากทัศน์ใด ช่องว่างความเชื่อมั่นยังใหญ่จากภาพจำ “เพื่อพรรคมากกว่าชาติ” จึงต้องเร่งทำให้งานรัฐ “เดินจริง” ด้วยเจ้าภาพชัด วินัยร่วม และเส้นตายชัดเจน อย่าละเลยเรื่องปากท้องประชาชนที่อยู่ในช่วงวิกฤต ประชาชนรอไม่ไหว ควรต้องออกมาตรการเฉพาะกิจเร่งด่วน โปร่งใส จับต้องได้ และเห็นผลเร็ว ขณะเดียวกันกรณีไทย–กัมพูชาต้องคุมเหตุรวดเร็ว พร้อมเยียวยาพื้นที่ทันที ระบบราชการที่เกียร์ว่างต้องถูกเปลี่ยนจาก “ทำตามขั้นตอน” เป็น “ส่งมอบผลลัพธ์” และธรรมาภิบาลต้องเริ่มที่การเปิดข้อมูล สัญญา เหตุผลคำสั่ง พร้อมกลไกกันผลประโยชน์ทับซ้อนเชิงรุก สรุปแล้ว ช่วงเปลี่ยนผ่านสั้น ๆ นี้คือบทพิสูจน์ หากพรรคการเมืองต่างลงมือ “ทำเพื่อชาติ” อย่างเป็นรูปธรรม ศรัทธาจะกลับมาและกำหนดทิศทางการเมืองครั้งหน้า

ไอเอฟดีโพล ชี้ คดีชั้น 14 ปชช. ไม่เห็นด้วย–ไม่ควรนับเป็นโทษคุมขัง หวั่น กฎหมายสองมาตรฐาน–ยุติธรรมถูกแทรกแซงเมื่อวันที่ 1...
01/09/2025

ไอเอฟดีโพล ชี้ คดีชั้น 14 ปชช. ไม่เห็นด้วย–ไม่ควรนับเป็นโทษคุมขัง หวั่น กฎหมายสองมาตรฐาน–ยุติธรรมถูกแทรกแซง

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง “คดีชั้น 14 ปชช. ไม่เห็นด้วย–ไม่ควรนับเป็นโทษคุมขัง หวั่น! กฎหมายสองมาตรฐาน–ยุติธรรมถูกแทรกแซง” 1,256 ตัวอย่าง สำรวจช่วง 27-31 ส.ค. 2568 ใน 6 ภูมิภาค สุ่ม‍ตัวอย่างความน่าจะเป็น Stratified Five-Stage Random Sampling ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และค่าความผิดพลาด 3%

ไอเอฟดีโพลชี้ ผลสำรวจพบว่า
1. เห็นด้วย–ไม่เห็นด้วยต่อการพักชั้น 14 เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนไม่เห็นด้วย 78.80% กับการที่คุณทักษิณได้อยู่ รพ.ตำรวจชั้น 14 แทนเรือนจำ เหตุผลสำคัญคือ ประชาชนจำนวนมาก 30.88% มองว่าต้องรับโทษตามคำพิพากษาเหมือนคนทั่วไป ขณะที่อีก 23.72% เชื่อว่าไม่ได้ป่วยวิกฤตจริง แต่ใช้ข้ออ้างเพื่อเลี่ยงโทษ นอกจากนี้ 19.84% ระบุว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ เอื้อประโยชน์ให้ผู้มีอำนาจ 13.80% กังวลว่าอาจกลายเป็นบรรทัดฐานให้เลี่ยงโทษในอนาคต และอีก 10.74% มองว่าการควบคุมไม่เข้มงวด เข้าเยี่ยมง่ายและสะดวกสบายเกินไปในทางกลับกัน มีเพียง 10.56% ที่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่าเป็นดุลยพินิจของแพทย์และกรมราชทัณฑ์ ไม่ใช่เจ้าตัวกำหนดเอง 32.06% อีกทั้งการรักษายังอยู่ภายใต้การควบคุมตามระเบียบราชทัณฑ์ 28.24% ขณะที่บางส่วน 20.62% มองว่าป่วยวิกฤตย่อมควรได้รับสิทธิการรักษา และอีก 18.32% ย้ำว่านี่คือสิทธิที่ผู้ต้องขังทุกคนสามารถร้องขอได้
2. นับการพักรักษาที่ชั้น 14 ถึง 180 วัน เป็นการคุมขังหรือไม่
ในประเด็นการนับโทษ 180 วันที่คุณทักษิณอยู่ รพ.ตำรวจ ผลโพลชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ควรนับเป็นโทษจำคุก 63.25% โดยเกือบ 38.72% สงสัยว่าไม่ได้ป่วยจริง แต่ใช้อ้างเพื่อเลี่ยงคุก อีก 32.89% มองว่าการอยู่โรงพยาบาลนานเกินไปจนสังคมไม่เชื่อว่าเป็นการคุมขัง และ 28.17% มองว่าทั้งหมดนี้คือสิทธิพิเศษที่ผู้มีอำนาจเท่านั้นได้รับ

ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งมีเพียง 26.60% เห็นว่าควรนับเป็นโทษจำคุกแล้ว โดยให้เหตุผลว่าการอยู่โรงพยาบาลยังอยู่ภายใต้การควบคุมของราชทัณฑ์ 41.26% อีก 41.75% มองว่าเป็นอำนาจตามกฎหมายที่กรมราชทัณฑ์สามารถส่งผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำได้ และ 16.99% เชื่อว่าหากผู้ต้องขังป่วยวิกฤตก็ควรได้รับสิทธิการรักษา และระยะเวลานั้นควรถูกนับเป็นการรับโทษเช่นกัน
3. กังวลเกี่ยวกับการตัดสินคดีชั้น 14 คือเรื่อง “กฎหมายสองมาตรฐาน เอื้อคนมีอำนาจและนายทุน” 25.97% ตามมาด้วยความกังวลว่า “ผู้มีอำนาจอาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อคุมเกมการเมือง” 20.12% อีก 12.82% หวั่นว่าคดีนี้จะเปิดช่องให้ถูกใช้เลี่ยงโทษในอนาคต ขณะที่ 12.77% มองว่าอาจมี “ดีลลับเพื่อประโยชน์คนบางกลุ่ม ไม่ใช่เพื่อชาติ” และ 12.54% กังวลว่าผลการตัดสินไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนจนสังคมยังคงคาใจ นอกจากนี้ยังมี 9.71% ที่เห็นว่าโทษอาจตกอยู่กับข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ ขณะที่ตัวการใหญ่รอดพ้น ส่วนอีก 5.65% กังวลว่าความเห็นต่างอาจนำไปสู่การชุมนุมหรือความขัดแย้ง และมีเพียง 0.42% ที่ระบุเหตุผลอื่น ๆ

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ วิเคราะห์ผลโพลเพิ่มเติม ให้ความเห็นว่า กรณีคดีชั้น 14 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่ายังมี “สองมาตรฐาน” และหากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่ภาวะวิกฤตศรัทธาที่ฟื้นยากในอนาคต ภาพลักษณ์สิทธิพิเศษของนักการเมืองตระกูลใหญ่ตอกย้ำความรู้สึกว่ากฎหมายไม่เท่าเทียม เป็นเชื้อไฟทางการเมืองที่ฝังลึกในความทรงจำของสังคม พร้อมกันนี้ประชาชนยังสะท้อนแรงกดดันให้ปฏิรูปกฎหมายและระบบราชทัณฑ์ โดยกำหนดเงื่อนไขการพักรักษาและการตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อปิดช่องให้เกิดข้อกังขาอีก ความเชื่อมั่นต่อการเมืองและกระบวนการยุติธรรมยังมีความเสี่ยง หากสังคมยังเห็นภาพของ “ดีลลับ” ที่ไม่โปร่งใส ซึ่งอาจกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง และยิ่งเปิดช่องให้ฝ่ายค้านหยิบมาโจมตีได้ง่าย ขณะเดียวกัน สื่อและโซเชียลเป็นตัวเร่งที่ทำให้กระแสความไม่พอใจแพร่กระจายรวดเร็วและควบคุมยาก

เมื่อ 3 ส.ค. 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒน...
03/08/2025

เมื่อ 3 ส.ค. 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง “คนไทยหวั่น ศึกไทย-กัมพูชาไม่จบ เศรษฐกิจทรุด มีดีลลับ เจรจาไม่ทันเกม” 1,256 ตัวอย่าง สำรวจช่วง 1-2 ส.ค. 2568 ใน 6 ภูมิภาค โดยการลงภาคสนามและการโทรศัพท์ สุ่ม‍ตัวอย่างความน่าจะเป็น Stratified Five-Stage Random Sampling ค่าความผิดพลาด 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ไอเอฟดีโพลชี้ “ประชาชนห่วงศึกไทย-กัมพูชายืดเยื้อ เศรษฐกิจทรุด มีดีลลับ รัฐเดินเกมช้า ไทยไร้แผนเจรจา ทำให้ไทยอาจเสียเปรียบ แนวชายแดนยังเปราะบาง สงคราม IO ปั่นคนไทยสับสน ขัดแย้ง ตึงเครียด” โดยพบประชาชนห่วงกังวลในด้านต่าง ๆ ดังนี้
ความกังวลในภาพรวม: “ยืดเยื้อ เศรษฐกิจพัง มีดีลลับ เจรจาไทยเสียเปรียบ”
• คนไทย กังวลมากที่สุด ว่าความขัดแย้งไทย-กัมพูชา จะไม่จบจริง อาจยืดเยื้อหรือเปลี่ยนรูปแบบ (19.37%)
• รองลงมา คือ กลัวว่า เศรษฐกิจยิ่งทรุดหนัก (19.27%)
• ดีลลับเพื่อคนบางกลุ่ม ทำให้ชาติได้ไม่คุ้มเสีย (18.39%)
• ไทยเสี่ยง เสียเปรียบในเวทีโลก เพราะขาดแผนเจรจาที่ชัดเจน (18.07%)
อ่านเพิ่มเติม https://ifd.or.th/ifd-poll-thai_cambodia-3-aug-2025-2-2/
#รัฐบาล #ประชาชน #ชายแดน

เมื่อ 4 ก.ค. 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒน...
04/07/2025

เมื่อ 4 ก.ค. 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง “หมดศรัทธารัฐบาล! หนุนยุบสภา ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ พาประเทศไปต่อ” 1,346 ตัวอย่าง สำรวจช่วง 1 – 3 ก.ค. 2568 ใน 6 ภูมิภาค โดยการลงภาคสนามและการโทรศัพท์ สุ่ม‍ตัวอย่างความน่าจะเป็น Stratified Five-Stage Random Sampling ค่าความผิดพลาด 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

ผลสำรวจไอเอฟดีโพลเผย ประชาชนหมดศรัทธารัฐบาลเพื่อไทย ส่วนใหญ่ประเมินอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน เสียงเรียกร้องหนุนยุบสภา-ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ พร้อมย้ำ “ไม่เอารัฐประหารโดยทหาร” ขณะที่ชื่อประยุทธ์-อนุทิน-ชัยเกษม ยังอยู่ในสายตา คุณสมบัตินายกฯ ที่ประชาชนอยากได้ คือ ทำเพื่อประเทศ-ซื่อสัตย์-มีวิสัยทัศน์ ส่วนความนิยมต่อพรรคการเมือง พบพรรคประชาชนขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง ขณะพรรคเพื่อไทยร่วงแรง

ผลไอเอฟดีโพล ดังนี้

ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล ไม่เชื่อมั่น/ไม่ค่อยเชื่อมั่น 85.59% และคาดว่ารัฐบาลอยู่ไม่เกิน 3 เดือน 58.03%
อ่านเพิ่มเติม https://ifd.or.th/ifd-poll-government-4-july-2025-2/
#รัฐบาลเฉพาะกิจ #อุ๊งอิ๊ง #นายกรัฐมนตรี #รัฐบาล

เมื่อ 26 พ.ค. 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒ...
27/05/2025

เมื่อ 26 พ.ค. 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง “คนไทยยี้โกง มอง จำนำข้าวต้องชดใช้เหตุละเลยทำให้เสียหาย” 1,213 ตัวอย่าง สำรวจ 21 - 25 พ.ค. 2568 ใน 6 ภูมิภาค โดยการลงภาคสนามและการโทรศัพท์ สุ่ม‍ตัวอย่างความน่าจะเป็น Stratified Five-Stage Random Sampling ค่าความผิดพลาด 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ผลสำรวจไอเอฟดีโพลชี้ว่า
ประชาชนครึ่งหนึ่ง 50.7% เห็นด้วยกับคำตัดสินว่าให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ 10,028 ล้านบาท เพราะแม้ไม่โกงเองแต่ละเลยจนเกิดความเสียหายแก่ประเทศ และเป็นบรรทัดฐาน ให้ผู้นำประเทศต้องรับผิดชอบในนโยบายที่ออก
ประชาชนเกือบ 7 ใน 10 (69.7%) เห็นด้วยว่าศาลควรมีบทบาทตรวจสอบนโยบายรัฐบาล เพราะนโยบายที่สร้างความเสียหาย แต่นายกฯ หรือรัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบ อาจทำให้ออกนโยบายประเภทนี้ซ้ำ ด้วยภาษีประชาชน ฝ่ายตุลาการจึงควรเข้าถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ในการออกนโยบาย
หน่วยงานที่ประชาชน ไม่เชื่อมั่นมากที่สุด คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดย 40.6% รองลงมาคือ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 36.2% (อาจเนื่องจากกรณีปัญหาภายใน เช่น โครงการก่อสร้างอาคารที่มีปัญหาทุจริต) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 23.9% ตามลำดับ

อ่านเพิ่มเติม www.ifd.or.th

#คนไทยยี้โกง #จำนำข้าว

ไอเอฟดีโพลชี้ !คนไทย 85.74 % ไม่เอากาสิโน  วิตกหนัก!!! หวั่นรัฐคุมไม่ได้ ประโยชน์ไม่ถึงคนไทย เปิดทางทุนเทา-อาชญากรรมแฝง-...
07/04/2025

ไอเอฟดีโพลชี้ !
คนไทย 85.74 % ไม่เอากาสิโน
วิตกหนัก!!! หวั่นรัฐคุมไม่ได้ ประโยชน์ไม่ถึงคนไทย เปิดทางทุนเทา-อาชญากรรมแฝง-ทุจริต สังคมพัง

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง “คนไทย 85.74 % ไม่เอากาสิโน วิตกหนัก!!! หวั่นรัฐคุมไม่ได้ ประโยชน์ไม่ถึงคนไทย เปิดทางทุนเทา-อาชญากรรมแฝง-ทุจริต สังคมพัง” 1,985 ตัวอย่าง สำรวจ 29 มี.ค.- 1 เม.ย. 2568 ใน 6 ภูมิภาค สุ่ม‍ตัวอย่างความน่าจะเป็น Stratified Five-Stage Random Sampling ค่าความผิดพลาด 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ผลสำรวจไอเอฟดีโพลชี้ ประชาชนชัดว่า ไม่เห็นด้วยกับการเปิดกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร (85.74%) โดยประชาชนวิตกอย่างหนักเรื่องผลลัพธ์ที่ตามมา ว่า ทำให้ความเป็นอยู่ของคนไทยแย่‍ลง หรือดีขึ้นน้อยมาก (68.08%) ไม่เกิดประโยชน์/เกิดประโยชน์น้อยมากต่ออนาคตลูกหลาน หรือสร้างผลลบมากกว่า (67.35%) ทั้งนี้ ประชาชนยังห่วงว่า กาสิโนจะเปิดทางให้ทุนเทาและอาชญากรรมแฝง (61.22%) ผลประโยชน์ไม่ถึงมือประชาชน (50.67%) และอาจนำไปสู่การผูกขาดโดยกลุ่มทุนต่างชาติ (41.48%)

อ่านเพิ่มเติม www.ifd.or.th
#คนไทยไม่เอากาสิโน
#รัฐบาล

ไอเอฟดีโพล ชี้!! รัฐบาล-นายกฯ อุ๊งอิ๊ง สอบไม่ผ่านครึ่งปีแรกวันพฤหัสบดี ที่ 6 มีนาคม 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักด...
06/03/2025

ไอเอฟดีโพล ชี้!! รัฐบาล-นายกฯ อุ๊งอิ๊ง สอบไม่ผ่านครึ่งปีแรก

วันพฤหัสบดี ที่ 6 มีนาคม 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และนักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริก และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน ไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง ความพึงพอใจการทำงานของนางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล จำนวน 1,303 ตัวอย่าง สำรวจ 28 ก.พ. - 3 มี.ค. 2568 ใน 6 ภูมิภาค สุ่ม‍ตัวอย่างความน่าจะเป็นแบบ Stratified Five-Stage Random Sampling ค่าความผิดพลาด 3% ระดับความเชื่อมั่น 95%

โดยผลสำรวจ IFD Poll ชี้ รัฐบาลและนายกฯ อุ๊งอิ๊ง คะแนนพึงพอใจต่ำ สำรวจความพึงพอใจต่อการทำงานของรัฐบาลและนายกฯ อุ๊งอิ๊ง 6 เดือนแรก พบว่า ประชาชนไม่พึงพอใจมากและไม่ค่อยพอใจต่อรัฐบาล (66.43%) ขณะที่ประชาชนไม่พึงพอใจมากและไม่ค่อยพอใจต่อนายกฯ อุ๊งอิ๊ง (66.77%) โดย 5 ประเด็นหลักที่ประชาชนไม่พึงพอใจมากและไม่ค่อยพอใจ ดังนี้
ผลประเมินการทำงานรัฐบาล:
1. ขาดความโปร่งใส/ตรวจสอบได้​ ​​​​​69.59%
2. ยังขาดประสิทธิภาพและใช้ทรัพยากรไม่คุ้มค่า​​​​​67.21%
3. ยังไม่สามารถรับมือ แก้ปัญหา ตอบสนองตรงจุด ทันเวลา ​​​66.26%
4. ยังไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจและผลที่ตามมาเท่าที่ควร​​​​66.02%
5. ลำเอียง การไม่ได้ดูแลทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม​​​​​65.45%

ขณะที่ผลประเมินการทำงานนายกรัฐมนตรี แพทองธาร:
1. ขาดความโปร่งใส/ตรวจสอบได้ ​​​​​​68.71%
2. ใช้ทรัพยากรไม่คุ้มค่า/เกิดประโยชน์สูงสุด ​​​​​68.05%
3. ไม่สามารถขับเคลื่อนงาน/นโยบายได้สำเร็จตามเป้าหมาย​​ ​​67.22%
4. เลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน ไม่ยุติธรรม ​​​​​​67.07%
5. ยังไม่ส่งเสริมคนดีเป็นผู้นำและทีมงาน​​​​​​66.92%
ผลสำรวจเผย รัฐบาลและนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ไม่ผ่านเกณฑ์ในสายตาประชาชน โดยทั้งคู่สอบตก 3 เรื่องคือ 1) ความไม่โปร่งใส
2) ใช้ทรัพยากรไม่คุ้มค่า และ 3) เลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน ไม่ยุติธรรม เมื่อพิจารณาการทำงานของรัฐบาล ประเด็นที่ประชาชนไม่‍พึงพอใจมาก (36.24%) คือ ขาดเอกภาพและประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่ประชาชนไม่พึงพอใจการทำงานของนายกฯ 5 อันดับแรก ซึ่งเป็นเรื่องภาวะคุณธรรม 3 เรื่อง ได้แก่ 1) ไม่โปร่งใส 2) เลือกปฏิบัติสองมาตรฐานไม่ยุติธรรม และ 3) ไม่ส่งเสริมคนดีเป็นผู้นำและทีมงาน นับว่าเป็นจุดที่ประชาชนเพ่งเล็งและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ทั้งนี้ ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมจากผลสำรวจว่า ตนคิดว่าความเห็นประชาชน ณ วันนี้ ที่ไม่ได้สะท้อนว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะไม่ลงคะแนนให้ แต่ขึ้นกับวันนี้จากนี้ไปก่อนเลือกตั้งครั้งหน้าปี 2570 ที่พรรคต่างต้องเร่งเครื่องแข่งขันกัน

นอกจากนั้น ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ยังเสนอว่า การที่รัฐบาลและท่านนายกฯ จะเพิ่มความเชื่อมั่นจากประชาชนได้ จำเป็นต้องแก้ไขและพัฒนาใน 4 ด้านหลัก คือ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้องประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและใช้ทรัพยากรคุ้มค่า โปร่งใสตรวจสอบได้ และสร้างความเป็นเอกภาพ/เสถียรภาพของรัฐบาล ดังนี้
1) ปลุกเศรษฐกิจ กู้ปากท้องประชาชน ต้องเร่งปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้ทันสมัย บริหารหนี้สาธารณะ หนี้เอกชน และหนี้ครัวเรือนให้มีประสิทธิภาพ พร้อมรับมือการกระชากเปลี่ยนจากนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ และกระแสการเปลี่ยนแปลงโลก การปรับปรุงภาพลักษณ์ของรัฐบาลในเวทีระหว่างประเทศ การผลักดันมาตรการขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคสินค้าภายในประเทศ ทำให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและราคาที่แข่งขันกับสินค้าจากภายนอกประเทศได้ รวมถึงลดการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีตามโควตาพรรคการเมือง แต่เป็นการคัดเลือกคนดีมีฝีมือที่มีความสามารถจริง แม้เป็นคนนอก เข้า‍มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง
2) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและใช้ทรัพยากรคุ้มค่า รัฐบาลต้องจัดลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณที่จำกัดได้มีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และเพิ่มเม็ดเงินให้ภาคการผลิตที่สร้างมูลค่าจริง ไม่ใช่หว่านงบประมาณแบบไร้‍ทิศทาง โครงการประชานิยมที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริงต้องถูกทบทวน มุ่งเน้นนโยบายและลงทุนในโครงการที่สร้าง‍ประโยชน์และความแข็งแกร่งให้กับประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต
3) โปร่งใสคือทางรอด สร้างความเชื่อมั่นแบบทวีคูณ! ปัญหาทุจริตกัดกินประเทศมานานถึงเวลาที่รัฐบาลต้องลงมือจริงจัง! ทุก‍กระทรวงต้องเปิดเผยข้อมูลการใช้เงินรัฐ ตรวจสอบโครงการที่ส่อแววทุจริต ปฏิรูประบบราชการให้ปราศจากการ‍แทรกแซงของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง สร้างกลไกตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ อุดช่องโหว่ระหว่างภาคการเมืองและราชการ ถ้ารัฐบาลต้องการความเชื่อมั่น ประชาชนต้องมั่นใจว่าเงินภาษีทุกบาทถูกใช้เพื่อพัฒนาประเทศ ไม่ใช่เติมกระเป๋าของกลุ่มคนบางกลุ่ม และ 4) พรรคร่วมรัฐบาล อย่าทิ้งกันกลางทาง ประชาชนส่งเสียงดังฟังชัด ไม่พอใจรัฐบาลทั้งทีม โดยพรรคร่วมรัฐบาลไม่อาจปัดความ‍รับผิดชอบ ทุกพรรคต้องร่วมกันสร้างเอกภาพ ลดความขัดแย้งทางการเมือง และแสดงให้เห็นว่าการบริหารประเทศต้องมาก่อนเกมอำนาจ ต้องปรับวัฒนธรรมการเมืองให้สร้างสรรค์ หยุดแบ่งพวกแบ่งพรรคเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ประสานงานกันให้เป็นระบบ วางทิศทางที่ชัดเจน สื่อสารกับประชาชนอย่างโปร่งใส มุ่งทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศมากกว่าการรักษาอำนาจ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นจากประชาชนและนำพาประเทศไปข้างหน้า

#ไอเอฟดีโพล #นายกอุ๊งอิ๊ง #รัฐบาล
#ผลโพล #การเมืองไทย

วันพฤหัสบดีิ ที่ 6 มีนาคม 2568 แถลงข่าวผลสำรวจ ไอเอฟดีโพล"รัฐบาล-นายกฯ อุ๊งอิ๊ง สอบไม่ผ่านครึ่งปีแรก!"ไอเอฟดีโพลและเซอร์...
06/03/2025

วันพฤหัสบดีิ ที่ 6 มีนาคม 2568 แถลงข่าวผลสำรวจ ไอเอฟดีโพล
"รัฐบาล-นายกฯ อุ๊งอิ๊ง สอบไม่ผ่านครึ่งปีแรก!"

ไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนไทยทั่วประเทศเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีแพทองธารในช่วง 6 เดือนแรก พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ไม่พึงพอใจต่อรัฐบาล 66.43% และ ไม่พึงพอใจต่อนายกฯ 66.77% โดยมี 3 ประเด็นหลักที่ประชาชนกังวลมากที่สุด ได้แก่
⚠️ ขาดความโปร่งใส/ตรวจสอบได้
⚠️ ใช้ทรัพยากรไม่คุ้มค่า
⚠️ เลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน ไม่ยุติธรรม

นำแถลงผลโดย:
อ.จิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการ IFD Poll & Survey
ร่วมวิเคราะห์ผลสำรวจโดย: ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธาน IFD Poll & Survey และสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา

รายละเอียดผลสำรวจเพิ่มเติม: www.ifdpoll.com
ติดต่อเรา: [email protected] | 065-567-2266
📢 ติดตามข้อมูลโพลล่าสุดได้ที่ FB: IFD Poll & Survey

#โพลการเมือง #รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง #ผลสำรวจประชาชน #ประเทศไทย

แถลงข่าวไอเอฟดีโพลไอเอฟดีโพลชี้ ประชาชนเลือกนายกฯ อบจ. ที่เข้าใจปัญหาท้องถิ่น มีวิสัยทัศน์-นโยบายจับต้องได้สร้างการเปลี่...
23/01/2025

แถลงข่าวไอเอฟดีโพล
ไอเอฟดีโพลชี้ ประชาชนเลือกนายกฯ อบจ. ที่เข้าใจปัญหาท้องถิ่น มีวิสัยทัศน์-นโยบายจับต้องได้สร้างการเปลี่ยนแปลง มีผลงาน/มีประสบการณ์บริหารท้องถิ่น ประวัติดี และสังกัดพรรคที่ชื่นชอบ ขณะเดียวกัน ประชาชนกังวลการแทรกแซงของพรรคการเมืองระดับชาติสู่การบริหารท้องถิ่น กังวลว่าหากผู้สมัครจากพรรคบ้านใหญ่ได้เป็นนายกฯ อบจ.
ติดตามอ่านผลโพลได้ที่ https://ifd.or.th/

#ไอเอฟดีโพล #เลือกตั้งอบจ #การเมืองท้องถิ่น #เลือกตั้ง #ดรแดน #อบจ

ไอเอฟดีโพล แถลงข่าวการเมืองร้อน ดร.แดน แจงศึก 4 เส้าเลือกตั้งหน้า : เพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาชน และพรรคการเมืองใหม่  ไอเอ...
01/11/2024

ไอเอฟดีโพล แถลงข่าวการเมืองร้อน ดร.แดน แจงศึก 4 เส้าเลือกตั้งหน้า : เพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาชน และพรรคการเมืองใหม่

ไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) สำรวจความเห็นประชาชนไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง "ศึก 4 เส้าเลือกตั้งหน้า : เพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาชน และพรรคการเมืองใหม่” จำนวน 1,233 ตัวอย่าง สำรวจช่วง 17-23 ตุลาคม 2567 ใน 6 ภูมิภาค ด้วยวิธีสำรวจภาคสนามและโทรศัพท์อย่างละ 50% สุ่มตัวอย่างความน่าจะเป็น Stratified Five-Stage Random Sampling ค่าความผิดพลาด 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

ผลไอเอฟดีโพลชี้ว่า
• ผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการกำหนดทิศทางการเมืองไทย ณ วันนี้ คือ ทักษิณ ชินวัตร (61.07%) รองลงมาคือ
เนวิน ชิดชอบ (13.54%) และแพทองธาร ชินวัตร (11.52%)
• ผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการกำหนดทิศทางการเมืองไทยในการเลือกตั้งหน้า 2570 คือ ทักษิณ ชินวัตร (20.84%) รองลงมา คือ อนุทิน ชาญวีรกุล (15.41%) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (12.33%) และคนที่ประชาชนเชื่อถือศรัทธา มาตั้งพรรคใหม่, ขึ้นมานำการเมืองไทย (11.60%)
• พรรคที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการกำหนดทิศทางการเมืองไทย ณ วันนี้ 3 อันดับแรกคือ พรรคเพื่อไทย (70.80%) พรรคภูมิใจไทย (19.46%) และพรรคประชาชน (7.46%)
• พรรคที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการกำหนดทิศทางการเมืองไทยในการเลือกตั้งหน้า 2570 คือ พรรคประชาชน (31.63%) พรรคเพื่อไทย (29.44%) พรรคภูมิใจไทย (25.55%) และพรรคการเมืองใหม่ที่เรียกความศรัทธาได้ (11.19%)
ดร.แดนชี้ "ศึก 4 เส้า" เปลี่ยนโฉมการเมืองไทย เลือกตั้ง 2570 อาจพลิกขั้วใหญ่
ดร.แดน - ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และประธานสถาบันการสร้างชาติ วิเคราะห์ผลจากไอเอฟดีโพลว่า การเลือกตั้งปี 2570 จะเป็น "ศึก 4 เส้า" ระหว่างพรรคการเมืองใหญ่สามพรรคในปัจจุบัน—เพื่อไทย ภูมิใจไทย และพรรคประชาชน—ที่ต้องเผชิญกับพรรคการเมืองใหม่ที่กำลังมาแรง โดยภูมิใจไทยและพรรคประชาชนมีแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่เพื่อไทยดูท่าจะเจอขาลง ส่วนพรรคใหม่ที่ประชาชนศรัทธามีโอกาสพลิกโฉมการเมือง หากได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ ก็อาจคว้าชัยแบบแลนด์สไลด์ได้
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการคว้าชัยชนะในสนามเลือกตั้ง ดร.แดนยังเผยอีกว่ามีปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดเส้นทางสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า ได้แก่
1) คนมีบารมีนอกพรรคค้ำจุน: มี 2 กลุ่ม คือ รัฐเชิงลึกหรือกลุ่มคนนิรนาม และกลุ่มผู้มีอำนาจเหนือพรรคที่เปิดตัว เช่น ทักษิณ ชินวัตร, เนวิน ชิดชอบ, และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เสริมความเชื่อมั่น/มั่นคง และความสามารถแข่งขันให้พรรคการเมือง
2) บ้านใหญ่มีบทบาท: เครือข่าย "บ้านใหญ่" กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดผลเลือกตั้งครั้งหน้า โดยบ้านใหญ่ก็ประเมินอย่างเข้มข้นถึงพรรคที่มีโอกาสชนะสูงสุด ทำให้การเจรจาเพื่อแย่งชิงบ้านใหญ่ทวีความดุเดือด
3) เงินสนับสนุน: พรรคที่มี "ท่อน้ำเลี้ยงดี" หรือเงินสนับสนุนที่ต่อเนื่องและมั่นคง คือผู้ได้เปรียบ และสร้างภาพลักษณ์ที่มั่นคง จะช่วยให้พรรคมีความได้เปรียบ สามารถทำงานการเมืองและสนามเลือกตั้งได้อย่างต่อเนื่องและทรงพลัง
4) กระแสสื่อจับจ้อง: การได้รับความสนใจจากสื่อช่วยสร้างภาพลักษณ์และเป็นแรงดึงดูดความสนใจจากประชาชน
5) วิสัยทัศน์และนโยบายพรรคเป็นธงนำ: การมีจุดยืน วิสัยทัศน์ นโยบายที่ชัดเจน น่าเชื่อถือ และตรงใจประชาชน จะเป็นที่ยอมรับ จะสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มความนิยมได้อย่างมาก
6) ผู้นำพรรค/แกนนำพรรคเป็นตัวจี๊ดโดดเด่น: การมีผู้นำพรรค/แกนนำพรรคที่มีบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์โดดเด่น จะช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างความนิยมให้แก่พรรคนั้น
7) ทำงานร่วมกับพรรคอื่นได้: งานการเมืองไม่ใช่แค่เรื่องพรรคเดี่ยว พลังการสร้างพันธมิตรกับพรรคอื่นที่เข้มแข็งคืออีกปัจจัยสำคัญในการรักษาและเสริมความแข็งแกร่งของการมีอำนาจและสร้างอิทธิพลในสนามการเมือง
8) การควบคุมกลไกรัฐ: เช่น การเป็นรัฐบาลและมีอำนาจในการบริหาร จะสร้างความได้เปรียบ อย่างไรก็ตาม อิทธิพลนี้ขึ้นกับการมีผลงานดีในช่วงเป็นรัฐบาล เพื่อสร้างคะแนนเสียงต่อเนื่อง แต่อาจไปไม่ถึงการเลือกตั้งหน้า
9) กลไกวุฒิสภา: อิทธิพลในวุฒิสภาเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความได้เปรียบ และจะได้เปรียบในการมีอิทธิพลทางการเมืองที่ยาวเลยไปกว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะอายุดำรงตำแหน่ง ส.ว. ยาวถึง 7 ปี
10) นิติจริยสงคราม: การใช้กฎหมายและจริยธรรมเพื่อควบคุมหรือสกัดบางพรรค กลายเป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังและมีนัยสำคัญในเวทีการเมืองไทย เพื่อสร้างข้อจำกัดหรือตัดสิทธิ์พรรคและนักการเมือง เช่น การยุบพรรค การตัดสิทธิ์นักการเมือง และการคุมเข้มมาตรฐานจริยธรรมทางการเมือง ฯลฯ
11) การยุบพรรคการเมือง: การยุบพรรคอาจสร้างโอกาสให้พรรคการเมืองใหม่เข้ามามีบทบาทสำคัญ หรือทำให้การเมืองในอนาคตยังคงเหมือนเดิมหากพรรคที่ถูกยุบหวนกลับมาในรูปแบบใหม่
12) พรรคการเมืองใหม่/ผู้นำคนใหม่: หากพรรคการเมืองใหม่หรือผู้นำใหม่ที่ประชาชนศรัทธาและได้รับความเชื่อถือจากประชาชน อาจนำไปสู่ความนิยมที่ถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งหน้า
13) การมีผลงาน: ผลงานในอดีต แม้จะมีผลน้อยกว่าปัจจัยอื่นข้างต้น แต่ยังคงมีความสำคัญในสายตาผู้สนับสนุน
ท่ามกลางการวิเคราะห์นี้ ดร.แดนชี้ว่า การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นเหตุการณ์ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

31/10/2024
แถลงข่าวไอเอฟดีโพลดร.แดน ชี้เลือกตั้งหน้า  ศึก 4 เส้า : เพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาชน และพรรคการเมืองใหม่ มาแน่  ติดตามอ่าน...
31/10/2024

แถลงข่าวไอเอฟดีโพล

ดร.แดน ชี้เลือกตั้งหน้า ศึก 4 เส้า : เพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาชน และพรรคการเมืองใหม่ มาแน่

ติดตามอ่านผลโพลได้ที่ https://ifd.or.th/ไอเอฟดโพล-ศก-4-เสาเลอกตงหนา-เพอไทย-ภมใจไทย-ประชาชน-และพรรคการเมองใหม/

#ไอเอฟดีโพล #ศึก4เส้า #การเมืองไทย #เลือกตั้ง #ดรแดน #เกรียงศักดิ์เจริญวงศ์ศักดิ์

ไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) สำรวจความเห็นประชาชนไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป   เรื่อ....

ที่อยู่

87/110 อาคารโมเดอร์นทาวน์ ชั้น 14 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Bangkok
10110

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:30
อังคาร 08:30 - 17:30
พุธ 08:30 - 17:30
พฤหัสบดี 08:30 - 17:30
ศุกร์ 08:30 - 17:30

เบอร์โทรศัพท์

+66864481610

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ IFD Poll&Surveyผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง IFD Poll&Survey:

แชร์