17/10/2025
“อนาคตคือสิ่งที่กำหนดเองได้” สรุปทุกบทเรียนการเป็นผู้นำ สร้างทีมแกร่ง และคว้าโอกาสในยุค AI จากงาน AO AWARDS 2025
⭐ คุณโจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ Chairman of the Board of Directors and Independent, Bluebik Group Public Company Limited ใน Session: The Key to Building Strong Bond ได้เปิดมุมมองการเป็นผู้นำในยุคที่ AI พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยตั้งคำถามสำคัญว่า “ต้องมีทักษะอะไรถึงจะอยู่ในยุค AI ได้?”
คุณโจ้กล่าวว่า เราไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้เก่งเท่า AI ได้ แต่เราสามารถเป็น ‘ผู้เล่น’ ที่ใช้ AI ได้อย่างชาญฉลาด และสิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาทักษะที่มีความเป็นมนุษย์ซึ่ง AI ไม่สามารถทำได้
💫 ITYX Model: 4 ทักษะที่ต้องมีเพื่อเอาตัวรอดในยุค AI
1. I-Skill: คือการมีความรู้เชิงลึก เชี่ยวชาญในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบสุดทาง ซึ่งเป็นทักษะในยุคก่อน แต่ในปัจจุบัน ทักษะนี้อาจถูกแทนที่โดย AI ได้ง่าย
2. T-Skill: คือการรู้ลึกในเรื่องหนึ่งและรู้กว้างในเรื่องอื่น ๆ ด้วย ซึ่งเป็นทักษะขั้นต่ำที่ทุกคนควรมีในยุคนี้
3. Y-Skill: คือการมีความรู้เชิงลึก 2 อย่างที่แตกต่างกัน เพื่อสร้าง Creativity ที่ AI ยังทำไม่ได้ เช่น คุณคมสันต์ ลี แห่ง Flash Express ที่เชี่ยวชาญทั้งภาษาจีนและไทย ทำให้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่คนอื่นมองไม่เห็น
4. X-Skill: คือทักษะของคนที่เป็น Leader ที่อยู่ตรงกลาง สามารถดึงศักยภาพของทุกคนเข้ามาทำงานร่วมกันได้ และหัวใจสำคัญของทักษะนี้คือ Likability
💫 Likability ทักษะสำคัญที่ทำให้ใคร ๆ ก็อยากเข้าหา
Likability หรือการเป็นคนที่ใคร ๆ ก็ชื่นชอบและอยากเข้าหา คือทักษะสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ โดยคุณโจ้ได้ยกตัวอย่าง Mandala Chart ของ โชเฮ โอตานิ นักเบสบอลระดับโลก ที่นอกเหนือจากทักษะด้านกีฬา เขายังให้ความสำคัญกับ “โชค” ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบของ Likability ทั้งสิ้น เช่น
💚 ทักทายให้ดี
💚 เก็บขยะ ทำความสะอาด
💚 วางตัวกับกรรมการให้ดี
💚 อ่านหนังสือ
💚 เป็นคนที่คนอื่นอยากเชียร์
💚 คิดบวก
💚 ใช้อุปกรณ์อย่างทะนุถนอม
เคล็ดลับในการประสบความสำเร็จ คือการพาตัวเองไปอยู่กับคนที่เก่งกว่า แต่คำถามคือ "เขาจะอยากให้เราอยู่ด้วยไหม?" ดังนั้น การสร้างสกิล Likability จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
💫 สร้าง Likability ในการทำงานและการเป็นผู้นำ
✅ ทำงานให้ ‘สำเร็จ’ ไม่ใช่แค่ ‘ทำเสร็จ’ ลูกน้องที่หัวหน้าชื่นชอบ คือคนที่เข้าใจว่าเป้าหมายของงานคืออะไร และทำงานนั้นให้บรรลุผลสำเร็จตามที่หัวหน้าต้องการ ไม่ใช่แค่ทำงานตามสั่งให้จบไปวัน ๆ
✅ ผู้นำที่ลูกน้องรักด้วยหลัก Tight-Loose-Tight เป็นหลักการบริหารทีมของคุณ Sigve Brekke อดีต CEO ของ dtac และ Telenor Asia ที่เน้นการกำหนดเป้าหมาย (What) และกรอบเวลา (When) ให้ชัดเจน แต่ปล่อยให้ทีมมีอิสระในการหาวิธีการ (How) ที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น แล้วค่อยกลับมาวัดผลตอนสุดท้ายอย่างจริงจัง
✅ ผู้นำต้องนำ 3 สิ่งนี้เข้ามาเสมอ Clarity, Energy, Success
1. Bring Clarity ทำให้ทุกอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ เพื่อให้ทีมทำงานได้อย่างมั่นใจ
2. Bring Energy สร้างพลังบวก ให้กำลังใจ เป็นตัวอย่างที่ดี และกล้าที่จะ "ออกหน้ารับกระสุนแทนลูกน้อง" เพื่อสร้างความเชื่อใจ
3. Bring Success พาทีมไปสู่ความสำเร็จให้ได้ เพราะทีมรักกันแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีผลงานก็อยู่รอดได้ยาก
✅ Deep Listening คือสิ่งสำคัญที่หัวหน้าต้องมี ในการประชุมนั่งเป็นวงกลม และหัวหน้าควรพูดเป็นคนสุดท้าย เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ การเป็นผู้ใหญ่ที่เน้น "การฟัง" มากกว่า "การสอน" จะทำให้ทีมกล้าเปิดใจและนำไปสู่ทางออกที่ดีที่สุด
สุดท้าย คุณโจ้ได้ทิ้งท้ายถึงเคล็ดลับของการเป็นคนที่มี Likability ว่า “เปลี่ยนตัวเองก่อน และไม่ต้องสนใจว่าใครจะเปลี่ยน ให้เข้มงวดกับตนเองและผ่อนปรนกับผู้อื่น”
⭐ เคล็ดลับความสำเร็จฉบับผู้นำที่มั่นใจและสร้างพลังใจให้กับทีม
4 ผู้นำจาก Allianz Ayudhya ได้แชร์เคล็ดลับความสำเร็จในการบริหารทีมใน Session: 5Cs Of Success โดย คุณรัชกฤช ตั้งวิชิตฤกษ์ Executive Vice President, คุณพราวพิมล ภูริพงศ์ทัศน์ Senior Executive Vice President, คุณเรวดี ทรัพย์อุดมกุล Senior Executive Vice President และ คุณขวัญชนก สิขิวัฒน์ Senior Executive Vice President
คุณรัชกฤช (อู๋) ได้เล่าถึงการพาสำนักงานคว้ารางวัล AO Platinum ตั้งแต่ปีแรก และทำคะแนนสูงสุดจนเปรียบเสมือนการคว้ามิชลิน 3 ดาว โดยชี้ว่าการติดอยู่ใน Comfort Zone คือสิ่งที่อันตรายที่สุด เพราะจะทำให้เราหยุดพัฒนา
คุณอู๋ให้ความสำคัญกับ ‘พลังใจ’ ของทีมเป็นอย่างมาก เพราะต่อให้ตัวแทนเก่งแค่ไหน ถ้าไม่มีพลังใจก็สามารถหลุดจากเส้นทางได้เสมอ
✅ สร้างพลังใจด้วย Environment ที่ดี
พลังใจที่ดีมาจาก Environment ที่ดี คุณอู๋จึงสร้างสำนักงานให้เป็นเหมือน Meeting Point ที่ทุกคนนึกถึงเป็นอันดับแรก โดยเลือกทำเลกลางเมืองและอยู่ในห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ทีมได้ผ่อนคลาย มีกิจกรรมร่วมกัน และรู้สึกว่าที่นี่คือ Safe Zone ที่พร้อมจะฮีลใจพวกเขาเสมอ
✅ กลยุทธ์ Recruit แบบ ‘โตทั้งกระดาน’
คุณอู๋มองว่าถ้าเรามีตัวแทนน้อย โอกาสเจอ ‘ตัวจริง’ ก็น้อยลง เขาจึงใช้หลักการ Recruit คนเข้ามาจำนวนมากเพื่อค้นหาคนที่มีศักยภาพ (Potential) และเมื่อเจอแล้ว จะไม่พยายามยัดเยียดความรู้ทุกอย่างให้ทันที แต่จะใช้หลักการ 4 ขั้นตอน
1. เปิดใจ: พาเข้างานใหญ่เพื่อให้เห็นภาพความสำเร็จและเกิดแรงบันดาลใจ
2. สอนวิธีการ: เมื่อเขาเปิดใจและอยากรู้แล้ว จึงเริ่มสอน How-to ในการทำงาน
3. ขยายเป้าหมาย: เมื่อเริ่มมีผลลัพธ์ ก็ช่วยขยายกรอบความคิดและเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้น
4. สร้างผู้นำ: ผลักดันให้เขากลายเป็น Leader และส่งต่อวิธีการนี้ไปสู่ทีมงานรุ่นต่อไป
💫 5 วิธีสื่อสารอย่างชัดเจนเพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่ง
คุณพราวพิมล กล่าวว่า ต้องมีการสร้างความชัดเจนในการบริหารทีม หากไม่มีความชัดเจน ทีมจะรู้สึกวุ่นวายและไร้ทิศทาง แต่ถ้าผู้นำสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจน จะสร้างพลังให้ทีมพุ่งไปข้างหน้าได้ โดยต้องชัดเจนใน 5 องค์ประกอบนี้
1. เป้าหมาย: ผู้นำต้องชัดเจนว่าเป้าหมายของสำนักงานในแต่ละช่วงคืออะไร
2. ทิศทาง: เมื่อเป้าหมายชัด ทิศทางในการทำงานก็จะชัดเจนตามไปด้วย
3. บทบาท: ทุกคนในทีมต้องรู้บทบาทและหน้าที่ของตัวเองอย่างชัดเจน
4. การสื่อสาร: สื่อสารอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน
5. ความคาดหวัง: สร้างความคาดหวังที่ชัดเจน เพื่อให้ทีมเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน
💫 ก้าวไปถึงเป้าหมายด้วยความมั่นใจในการเป็นผู้นำ
คุณเรวดี ได้กล่าวถึงหัวใจสำคัญที่ทำให้คนก้าวไปถึงเป้าหมาย นั่นคือ ความมั่นใจ โดยความมั่นใจไม่ได้เกิดจากอารมณ์ แต่เกิดจาก ‘ระบบ’ ที่ทำซ้ำได้และมีความสม่ำเสมอ ซึ่งคุณเรวดีได้ให้ Framework ไว้ 3 ขั้นตอน
💚C1: Clarity Drives Confidence ความชัดเจนสร้างความมั่นใจ
💚C2: Consistency Builds Trust ความสม่ำเสมอสร้างความเชื่อมั่น เหมือนการจัดกิจกรรมในเวลาเดิมซ้ำ ๆ ทุกสัปดาห์ ทำให้ทีมมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวผู้นำ
💚C3: Small Wins Build Big Wins ชัยชนะเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จะค่อย ๆ สร้างความมั่นใจที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
💫 ความท้าทายสร้างความสามารถ
คุณขวัญชนก กล่าวว่า ความท้าทายสร้างความสามารถ โดยเชื่อว่าคนทุกคนสามารถพัฒนาได้ และหน้าที่ของผู้นำคือการ ‘เจียระไน’ ศักยภาพของแต่ละคนออกมาผ่านจุดแข็งของเขา
ใช้ ‘ความท้าทาย’ เป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงศักยภาพ เช่น การใช้การแข่งขันที่ให้ทีมลงทุนลงขันด้วยเงินของตัวเอง เพื่อสร้างความรู้สึกตื่นตัวและผลักดันให้ทุกคนพยายามอย่างสุดความสามารถ จนสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่งได้
เพราะศักยภาพไม่ได้ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ ‘ถูกสร้างขึ้น’ ผ่านการฝึกฝน ความต่อเนื่อง และความท้าทายที่เหมาะสม
⭐ เทคโนโลยีเปลี่ยนไว คนก็ต้องปรับตาม
ใน Session: Lifetime Connect โดย คุณพัชรา ทวีชัยวัฒนะ CCMO, คุณจำเรียง แก้วตระการวงศ์ Senior Executive Vice President และ คุณพนิดา เครือวิวัฒนกุล Senior Executive Vice President ได้มาร่วมพูดคุยถึงบทบาทของสำนักงานในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไป และในฐานะของเจ้าของสำนักงานจะต้องรับมืออย่างไร
คุณพัชราได้เกริ่นว่า ในยุคที่เทคโนโลยีทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น หลายคนอาจมองว่าสำนักงานตัวแทน (AO) ไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว สำนักงานยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น
คุณจำเรียง เจ้าของสำนักงานที่จังหวัดจันทบุรีซึ่งเปิดมานานกว่า 12 ปี เล่าว่าแม้เทคโนโลยีจะทำให้คนเข้าสำนักงานน้อยลง แต่สำหรับต่างจังหวัดแล้ว สำนักงานยังคงเป็นศูนย์กลางบริการที่สำคัญ
💫 สร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ
คุณจำเรียงตัดสินใจปรับปรุงสำนักงานครั้งใหญ่ เพราะอยากให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานสะท้อนถึงทีมงานรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ เปรียบเสมือน ‘โชว์รูมรถยนต์’ ที่หรูหราและทันสมัย เมื่อภาพลักษณ์ดี ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับทั้งทีมงานและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
นอกจากนี้ ยังปลูกฝังให้พนักงานทุกคนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของสำนักงาน เมื่อเกิดปัญหาก็พร้อมจะช่วยกันแก้ไขอย่างเต็มที่
คุณพนิดา เจ้าของสำนักงานในกรุงเทพฯ เสริมว่า แม้ธุรกรรมในสำนักงานจะลดลง แต่จุดแข็งที่สำคัญของสำนักงานในปัจจุบันคือ Professional Trust (ความน่าเชื่อถือ) และ Personal Care (การดูแลอย่างใกล้ชิด)
💫 เปลี่ยนทุกวิกฤตให้เป็นโอกาส
คุณพนิดาเน้นย้ำกับทีมเสมอว่า ลูกค้าทุกคนที่เดินเข้ามาในสำนักงาน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าของเราหรือไม่ หรือแม้แต่ลูกค้าที่เข้ามาพร้อมปัญหาและข้อร้องเรียน ถือเป็น ‘โอกาสที่ดีที่สุด’ ที่เราจะได้เปลี่ยนประสบการณ์ของเขาจากติดลบให้กลายเป็นบวก
การให้บริการที่เกินความคาดหวังโดยไม่หวังผลตอบแทน จะสร้างความประทับใจและนำไปสู่การบอกต่อ จนสามารถเปลี่ยนลูกค้าที่เคยร้องเรียนรุนแรงให้กลับมาเป็นลูกค้าที่ซื้อประกันเพิ่ม หรือแนะนำลูกค้ารายใหญ่มาให้ได้ในที่สุด
สุดท้าย คุณพัชราได้กล่าวสรุปว่า หัวใจสำคัญของสำนักงานที่ประสบความสำเร็จคือ ‘ทัศนคติ’ ที่เป็นมืออาชีพในการให้บริการ ทุกคนในทีมพร้อมบริการลูกค้าทุกคนอย่างเต็มที่โดยไม่เลือกว่าเป็นลูกค้าของใคร เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่เราคุยด้วยในวันนี้ อาจนำพายอดขายมหาศาลกลับมาให้เราในอนาคต
⭐ อย่าจำกัดตัวเองด้วยความเชื่อว่า ‘เราไม่มีทางทำได้’
ใน Session: Unlock your Power โดย คุณนพ พงศธร ธนบดีภัทร เจ้าของช่อง NOP PONGSATORN ได้แบ่งปันแนวคิดการปลดล็อกศักยภาพของตัวเองและองค์กร ด้วยมุมมองทางจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์
คุณนพเริ่มต้นด้วยการชี้ว่า การที่เราไปไม่ถึงฝั่งฝัน ไม่ใช่เพราะขาดความรู้ แต่เป็นเพราะมีบางอย่างในใจที่คอยจำกัดเราไว้
💫 Personal Approach ปลดล็อกศักยภาพในตัวเอง
คุณนพได้อธิบายว่า สมองของมนุษย์มีกระบวนการทำงานที่ซับซ้อน โดยจะรับข้อมูลเข้ามาแล้วทำการ ลบทิ้ง (Delete) บิดเบือน (Distort) และเหมาสรุป (Generalize) จนเกิดเป็นความเชื่อภายในที่ส่งผลต่ออารมณ์ ร่างกาย และนำไปสู่พฤติกรรมและผลลัพธ์ในที่สุด
โดยสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้เราปลดล็อกศักยภาพ มักเกิดจากการที่เราคร่ำครวญถึงอดีต กังวลกับอนาคต และไม่จดจ่อกับปัจจุบัน ซึ่งนำไปสู่อุปสรรคหลัก 4 ข้อคือ
1. Negative Thinking: ความคิดที่บอกตัวเองว่า "ฉันทำไม่ได้หรอก" หรือเปรียบเทียบกับคนอื่น
2. Negative Emotional: อารมณ์ที่ฉุดรั้งตัวเอง เช่น ความโกรธ ความโมโหเมื่อทำไม่ได้ดั่งใจ
3. Internal Conflict: ความขัดแย้งในใจ เช่น อยากเติบโตแต่ก็กลัวการเปลี่ยนแปลง
4. Limiting Beliefs: ความเชื่อที่คอยตีกรอบและจำกัดศักยภาพของตัวเอง
💫 4 Limiting Beliefs ที่จะทำให้ติดอยู่กับที่
1. Ability: ความเชื่อว่าเราไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำสิ่งนั้นได้
2. Possibility: ความเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นจริง
3. Deserving: ความเชื่อว่าฉันไม่คู่ควรกับความสำเร็จหรือสิ่งดี ๆ ที่จะได้รับ
4. Identity: ความเชื่อที่ตีกรอบตัวเองว่า "ก็เพราะฉันเป็นคนแบบนี้" เลยทำไม่ได้
หากเราลองสำรวจตัวเองว่ามีอะไรที่อยากทำมานานแต่ยังไม่ได้เริ่มสักที ให้ลองค้นหาดูว่าเรากำลังติดอยู่กับ Limiting Beliefs ข้อไหนอยู่ เพราะถ้าเราสามารถตัดความเชื่อเหล่านี้ออกไปได้ ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้
💫 Corporate Approach พัฒนาองค์กรสู่ทีมมืออาชีพ
คุณนพได้อธิบายถึง Business Growth Cycle และชี้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่มักจะติดกับการเป็นองค์กรที่มีโครงสร้าง แต่ไม่สามารถก้าวไปสู่การเป็นทีมแบบมืออาชีพ (Professional Team) ได้
✅ หน้าที่ของหัวหน้าที่ดี คือการเจียระไนคน
หัวหน้าที่ดีไม่ใช่แค่คนที่คอยให้รางวัลคนเก่งและลงโทษคนไม่เก่ง แต่คือคนที่สามารถเปลี่ยนคนที่ไม่เก่งให้กลายเป็นคนที่เก่งและดีได้
เคล็ดลับสำคัญคือการเปลี่ยนจากการสั่งงานด้วยคำว่า "What" (ทำอะไร) ไปเป็นการอธิบายด้วยคำว่า "Why" (ทำไม) เพราะเมื่อลูกน้องเข้าใจเหตุผลและเห็นภาพใหญ่ พวกเขาจะสามารถทำงานได้ดีและทำได้มากกว่าที่สั่ง
✅ วิธีจ้างคนที่ใช่เข้าทีม
การจ้างคนเก่งไม่ใช่แค่การให้เงินเดือนสูง ๆ แต่ต้องเข้าใจปัจจัยจูงใจที่แท้จริง โดยนักจิตวิทยาองค์กรแนะนำกระบวนการสัมภาษณ์ 5 ขั้นตอนเพื่อคัดเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด
1. Benchmark: ตั้งเกณฑ์คุณสมบัติที่ต้องการอย่างชัดเจนและวัดผลได้
2. Optimize: พูดคุยถึงแผนการพัฒนาตัวเอง หากผู้สมัครยังขาดคุณสมบัติบางอย่าง
3. Offering: เสนอค่าตอบแทนตามความสามารถจริง และอาจมีข้อตกลงเพิ่มเติมหากพัฒนาได้ตามเป้า
4. Strategize: ให้ผู้สมัครลองวางแผนการทำงานใน 1 ปี เพื่อดูวิสัยทัศน์และความสามารถในการวางกลยุทธ์
5. Transition: พูดคุยถึงเส้นทางการเติบโตในองค์กร เพื่อแสดงให้เห็นถึงโอกาสในอนาคต
⭐ เชื่อมต่อทุกความสำเร็จด้วยการลงมือทำจริง
ปิดท้ายด้วย Session: Connected Success โดย โค้ชสง่า พิชญังกูร Speaker | Trainer | Coach ที่มาสรุปและเชื่อมโยงทุกองค์ความรู้เข้าด้วยกัน พร้อมปลุกพลังให้ทุกคนนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปลงมือทำจริง
โค้ชสง่าเริ่มต้นด้วยประโยคที่ทรงพลังว่า “Today is not just learning - It’s Connection.” วันนี้ไม่ใช่แค่การมาเรียนรู้ แต่คือการมาเพื่อเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน เพราะ “Success is Built - Never Solo” ความสำเร็จสร้างขึ้นได้ แต่ไม่มีใครสำเร็จได้เพียงลำพัง
💫 ช่องว่างที่ต้องเติมเต็ม
โค้ชสง่าชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่หลายคนกำลังเผชิญ คือการเรียนรู้และประชุมอย่างหนัก แต่ผลงานกลับไม่เติบโต นั่นเป็นเพราะเกิด “ช่องว่างในการพัฒนา” (Development Gap) คือในขณะที่ผู้นำเก่งขึ้น รู้เยอะขึ้น แต่ทีมงานยังคงอยู่ที่เดิม ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้
ดังนั้น ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากคำถามที่สำคัญที่สุดคือ “Why” เราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร? เพราะหากเป้าหมายไม่ชัดเจน ก็เหมือนกับการเปิดสำนักงานที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความสำเร็จ
💫 The Connections of Success เชื่อมโยงเพื่อขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จ
ความรู้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถสร้างพลังได้ (Knowledge Alone is not power) แต่ต้องอาศัยการเชื่อมโยงเพื่อขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริง
💚 Connect to Purpose - เชื่อมเป้าหมายให้มีความหมาย ต้องทำให้เป้าหมายของทีมงาน เป้าหมายของเรา และเป้าหมายของบริษัท เป็นเรื่องเดียวกันที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ให้ทุกคนรู้สึกว่าเมื่อองค์กรเติบโต เขาก็เติบโตไปด้วย
💚 Connect to Growth - เชื่อมนวัตกรรมการเติบโต ต้องรู้จักเชื่อมต่อและใช้ประโยชน์จากทุกเครื่องมือที่มี ทั้งเทคโนโลยี AI และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบของบริษัท โค้ชสง่าได้เตือนว่า กับดักของคนที่อยู่ในวงการมานานแล้วไม่สำเร็จ คือการที่พวกเขา ‘เก่งเกินไป’ จนคิดว่าตัวเองทำได้ดีกว่าระบบของบริษัท และไม่ยอมเชื่อมต่อกับกิจกรรมหรือเครื่องมือที่บริษัทมีให้
💫 จาก ‘การเชื่อมต่อ’ สู่ ‘การลงมือทำ’
สุดท้ายแล้ว ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือการ “ออกแบบความสำเร็จ” ผู้นำต้องเริ่มต้นที่ตัวเองก่อน และออกแบบชีวิตการทำงานให้เป็นต้นแบบที่น่าสนใจจนใคร ๆ ก็อยากเดินตาม
โค้ชสง่าได้ทิ้งท้ายให้ทุกคนกลับไปลงมือทำ เพราะการทำผิดพลาด ยังดีกว่าการไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
เพราะ Connected Success ไม่มีคำว่าชนะคนเดียว แต่คือการที่เราชนะไปด้วยกัน
เนื้อหาสรุปจากงาน AO AWARDS 2025 ที่ทาง Allianz Ayudhya จัดขึ้นมาเพื่อมอบรางวัลแก่ AO ที่สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าจดจำ และยังส่งต่อความรู้ดี ๆ ในการบริหารจัดการคน มุ่งสู่การเป็นผู้นำในอนาคต
