Followonline News

Followonline News เกาะติดทุกกระแสข่าวสาร

เป็นวารสารรายเดือน เพื่อคนที่สนใจหรือต้องการความรู้ในเรื่องของธุรกิจเครือข่าย ประกันภัยและการตลาดแฟนไซส์ ของคนรุ่นใหม่ วางแผงหนังสือชั้นนำ ทุกวันที่ 5 ของเดือน

กรุงศรียกระดับบทบาทผู้นำการเงินดิจิทัล ชู AI และ Cross-Border Payments บนเวที BDFC 2025กรุงเทพฯ (17 กันยายน 2568) – กรุง...
17/09/2025

กรุงศรียกระดับบทบาทผู้นำการเงินดิจิทัล ชู AI และ Cross-Border Payments บนเวที BDFC 2025

กรุงเทพฯ (17 กันยายน 2568) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) โดย นายเคนอิจิ ยามาโตะ (ที่ 4 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ (ที่ 5 จากขวา) ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ณ บูธจัดแสดง Krungsri Innovation Lounge ภายใต้แนวคิด Human-Centric Innovations นำเสนอเทคโนโลยี AI การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และนวัตกรรม ที่งาน Bangkok Digital Finance Conference (BDFC) 2025 การประชุมด้านการเงินดิจิทัลสุดยิ่งใหญ่ จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของธนาคารแห่งประเทศไทย และ Global Finance & Technology Network (GFTN) ณ ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย

ภายในงาน กรุงศรีได้นำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัย อาทิ AI การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และนวัตกรรมการเงิน เพื่อสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่ยืดหยุ่น ครอบคลุม และพร้อมสำหรับอนาคต นอกจากนี้ กรุงศรียังได้เข้าร่วมการเสวนาระดับนานาชาติ โดยนายตุลย์ โรจน์เสรี ประธานเจ้าหน้าที่ด้านข้อมูลและการวิเคราะห์ระดับองค์กร ร่วมเสวนาในหัวข้อ AI and Quantum - When Machine Outthink Markets, Can Payments Keep Up? เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของ AI และ Quantum Technology ในการตรวจจับการทุจริต การบริหารความเสี่ยง และการสร้างบริการทางการเงินที่เข้าถึงได้ ชาญฉลาด และปลอดภัย ภายใต้กรอบธรรมาภิบาลและจริยธรรม ขณะที่นายพิธา ตัณฑ์ไพโรจน์ ผู้บริหารสายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ธุรกรรมการเงิน เข้าร่วมการเสวนาในหัวข้อ Towards the Future: Regional Seamless Cross-Border Payments มุ่งเน้นบทบาทของกรุงศรีในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินข้ามพรมแดนในภูมิภาคอาเซียน เพื่อยกระดับประสบการณ์ทางการเงินของทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคให้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการอย่างแท้จริง

การเข้าร่วมงาน Bangkok Digital Finance Conference (BDFC) 2025 ครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของกรุงศรีในการนำนวัตกรรมทางการเงินอัจฉริยะมาสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมผลักดันการพัฒนาระบบการเงินดิจิทัลไทยสู่มาตรฐานสากล

กรุงศรียกระดับบทบาทผู้นำการเงินดิจิทัล ชู AI และ Cross-Border Payments บนเวที BDFC 2025

มูลนิธิคุณแม่ลี้กิมเกียวฯ เดินหน้าโครงการ “ปันสุข” มอบสิ่งของอุปโภคบริโภค 1,000 ชุด ช่วยเหลือชุมชนเขตสัมพันธวงศ์เมื่อวัน...
17/09/2025

มูลนิธิคุณแม่ลี้กิมเกียวฯ เดินหน้าโครงการ “ปันสุข” มอบสิ่งของอุปโภคบริโภค 1,000 ชุด ช่วยเหลือชุมชนเขตสัมพันธวงศ์

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 มูลนิธิคุณแม่ลี้กิมเกียว ตั้งคารวคุณ โดย คุณประจักษ์ และ คุณละออ ตั้งคารวคุณ ประธานและรองประธานมูลนิธิฯ เดินหน้าโครงการ “ปันสุข" มอบถุงปันสุข จำนวน 1,000 ชุด ภายในบรรจุข้าวสาร 5 กิโลกรัม และสิ่งของอุปโภคบริโภคจากผลิตภัณฑ์คุณภาพ อาทิ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและกำจัดเชื้อโรค - ทีโพล์ ผลิตภัณฑ์กำจัดยุงและแมลง - เชนไดร้ท์ ถั่วลิสงมารูโจ้ และเครื่องดื่มมิโกโตะ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งโรงเรียน วัด องค์กรสาธารณกุศลในเขตสัมพันธวงศ์ ณ วัดโลกานุเคราะห์

โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมรับมอบ อาทิ คุณ
สมศักดิ์ ศรีสุภรวาณิชย์ ประธานที่ปรึกษาวัดโลกานุเคราะห์, คุณประทุมวดี ศักดิ์กาญจนรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสัมพันธวงศ์, คุณพชรมณฑ์ หมวดนุ่ม ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดปทุมคงคา, คุณกิรณา จั่นนพรัตน์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนวัดจักรวรรดิ รวมถึงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร

โครงการ "ปันสุข" ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของมูลนิธิคุณแม่ลี้กิมเกียวฯ ในการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนและสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นผ่านการให้และการแบ่งปันอย่างต่อเนื่อง

#โครงการปันสุข #ถุงปันสุข #ช่วยเหลือสังคม #มูลนิธิคุณแม่ลี้กิมเกียว

มูลนิธิคุณแม่ลี้กิมเกียวฯ เดินหน้าโครงการ “ปันสุข” มอบสิ่งของอุปโภคบริโภค 1000 ชุด ช่วยเหลือชุมชนเขตสัมพัน.....

อิมแพ็คฯ ชวนเหล่าเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงเช็กอิน จัดศึก “นักรบหางยาว” ลงสนามประลองความเร็ว พรีอีเวนท์สุดคึกคัก อุ่นเครื่องก่...
17/09/2025

อิมแพ็คฯ ชวนเหล่าเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงเช็กอิน จัดศึก “นักรบหางยาว” ลงสนามประลองความเร็ว พรีอีเวนท์สุดคึกคัก อุ่นเครื่องก่อนงานใหญ่ Pet Variety 2025

วันหยุดที่ผ่านมา พื้นที่ ชาน แอท ดิ อเวนิว แจ้งวัฒนะ กลายเป็นจุดนัดพบของเหล่าเพื่อนรักต่างสายพันธุ์ ที่ควงคู่มากับคุณพ่อคุณแม่ ออกมาใช้เวลาร่วมกันอย่างคึกคักในบรรยากาศอบอุ่นภายใต้ธีม “ANNYEONG เพื่อนรัก…นัด Check In” งานนี้เต็มไปด้วยสีสัน ทั้งเสียงหัวเราะ ความน่ารัก และกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ ไฮไลท์ที่เรียกเสียงฮือฮาและสะกดสายตาที่สุดคือการแข่งขัน “Come Here Baby” กับการวิ่งแข่งของ มอนิเตอร์ลิซาร์ด หรือที่หลายคนคุ้นกันว่า “ตัวเงินตัวทอง” ที่พร้อมใจกันลงสนาม สร้างโมเมนต์ทั้งขำ ทั้งเอ็นดูให้แฟนสัตว์เลี้ยงได้ปรบมือเชียร์กันสนั่น พร้อมด้วยกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย งานนี้ถือเป็นการเรียกน้ำย่อยความสนุก ก่อนถึงงานใหญ่ SmartHeart presents Thailand Pet Variety Exhibition 2025 ที่เตรียมจัดขึ้นใน วันพฤหัสบดีที่ 9 – วันอาทิตย์ ที่12 ตุลาคม 2568 ณ อาคาร 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น.

👉 ไฮไลท์การแข่งขันสุดคึกคัก

เสียงเฮดังสนั่นทันทีที่เปิดสนาม Come Here Baby กิจกรรมที่ทำเอาผู้ชมทั้งงานต้องเบิกตากว้าง เมื่อผู้เข้าแข่งขันที่พากันวิ่งลงสนามคือ มอนิเตอร์ลิซาร์ด หรือที่หลายคนคุ้นชื่อว่า “ตัวเงินตัวทอง” เหล่าเพื่อนรักสายเลื้อยที่พร้อมใจกันออกวิ่งสุดแรงเกิด แม้จะดูยึกยัก แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ทุกก้าวที่เคลื่อนไปข้างหน้าทำเอาคนดูทั้งขำ ทั้งเอ็นดู พร้อมส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจไม่ขาดปาก กลายเป็นหนึ่งในโมเมนต์ไฮไลท์ที่ใครได้อยู่ตรงนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่ารักเกินต้าน!

อีกหนึ่งกิจกรรมที่เรียกเสียงหัวเราะและความประทับใจจากผู้ร่วมงานคือ คู่แข่งต่างสายพันธุ์ในตำนาน “กระต่ายปะทะเต่า” ที่ถูกยกจากนิทานคลาสสิกมาโลดแล่นบนสนามจริง กระต่ายตัวจิ๋ววิ่งปรู๊ดปร๊าดสวนทางกับเต่าที่ค่อย ๆ เดินอย่างมั่นคง เสียงหัวเราะดังขึ้นทุกครั้งที่เห็นภาพความต่างสุดขั้วที่ลงตัวอย่างน่าเอ็นดู ที่สำคัญคือผลการแข่งขันไม่ได้มีใครแพ้ใครชนะขาด เพราะแต่ละรอบต่างผลัดกันคว้าชัย สร้างสีสันแบบ ไม่มีใครน้อยหน้าใคร กลายเป็นเวทีแห่งความสุขที่ทุกคนปรบมือให้ทั้งกระต่ายและเต่าอย่างเท่าเทียม ความสนุกยัง

ต่อเนื่องกับการประกวดสุดครีเอตทั้ง หมาเลียไวได้ใจโอปป้า และ แมวเลียแดนกิมจิ ที่เหล่าเพื่อนรักสี่ขาต่างแต่งตัวจัดเต็มในสไตล์เกาหลี พร้อมโชว์ความน่ารักและแข่งขันกินขนมกันอย่างสนุกสนาน จนผู้ชมอดยิ้มตามไม่ได้ งานนี้บอกได้คำเดียวว่า สนุกจนลืมเวลา!

👉 เวิร์กช็อปสุดฟินสายเกาหลี

เวทีความสนุกไม่ได้หยุดอยู่แค่การแข่งขัน แต่ยังต่อเนื่องด้วยกิจกรรมเวิร์กช็อปที่ทำเอาทั้งครอบครัวและสายมูต้องยิ้มแก้มปริ เริ่มตั้งแต่การทำ เครื่องรางนำโชคสไตล์เกาหลี ที่ครั้งนี้ไม่เพียงให้คุณพ่อคุณแม่ผู้เลี้ยงพกติดตัวไว้เป็นขวัญกำลังใจ แต่ยังเปิดโอกาสให้ ลูก ๆ สัตว์เลี้ยง ได้มีเครื่องรางคู่ใจของตัวเองตามมาด้วย Love Key Ceremony ฉบับนัมซานทาวเวอร์ ที่ชวนครอบครัวมาทำกุญแจแห่งรักคู่กับสัตว์เลี้ยง เหมือนสัญลักษณ์แห่งความผูกพันที่ไม่มีวันขาดหาย และปิดท้ายด้วยความสนุกแบบหวาน ๆ อย่าง ทำเจลลี่สำหรับสัตว์เลี้ยง ที่ทั้งเจ้าของและลูก ๆ ได้ลงมือเพ้นท์ถ้วยเจลลี่ด้วยกัน ก่อนจะส่งต่อความสุขให้เพื่อนรัก ลูกรักได้ลิ้มลองจริง ๆ

ภายในงานยังอบอวลไปด้วยความน่ารักของเหล่าสัตว์เลี้ยงหลากหลายสายพันธุ์ที่พากันมาร่วมสร้างสีสัน ไม่ว่าจะเป็นงู กระต่าย มอนิเตอร์ลิซาร์ด นกแก้วมาคอว์ น้องหมา น้องแมว เต่า และอีกมากมาย ทุกตัวต่างควงคู่มากับคุณพ่อคุณแม่ผู้เลี้ยง เพื่อใช้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ร่วมกันอย่างอบอุ่นและสนุกสนาน

และทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงบรรยากาศเรียกน้ำย่อยเท่านั้น เพราะของจริงกำลังจะเกิดขึ้นในงาน SmartHeart presents Thailand Pet Variety Exhibition 2025 ครั้งที่ 15 ระหว่างวันพฤหัสบดี ที่ 9 –วันอาทิตย์ ที่12 ตุลาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ อาคาร 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี มหกรรมที่รวบรวมสัตว์เลี้ยงทุกสายพันธุ์ไว้ในงานเดียว อัดแน่นด้วยการประกวดสุดครีเอต โซนสัตว์หายาก และกิจกรรมอีกมากมายที่คุณไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นกับตา อย่าลืมจดลงปฏิทิน แล้วไปสัมผัสความว้าวด้วยตัวเอง

อิมแพ็คฯ ชวนเหล่าเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงเช็กอิน จัดศึก “นักรบหางยาว” ลงสนามประลองความเร็ว พรีอีเวนท์สุดคึก....

เมืองไทยประกันชีวิต ส่งแคมเปญ เข้า “เส้นชัย” ทุกเป้าหมายภาษี ชวนมือใหม่-มือโปร วางแผนภาษีโค้งสุดท้ายของปี ด้วยแบบประกันท...
17/09/2025

เมืองไทยประกันชีวิต ส่งแคมเปญ เข้า “เส้นชัย” ทุกเป้าหมายภาษี ชวนมือใหม่-มือโปร วางแผนภาษีโค้งสุดท้ายของปี ด้วยแบบประกันที่ตอบโจทย์ จากเมืองไทยประกันชีวิต

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิตยังคงเดินหน้าในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และแคมเปญที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มและทุกไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ที่ผู้คนเริ่มหันมาวางแผนและมองหาตัวช่วยเรื่องการลดหย่อนภาษี ซึ่งประกันถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถช่วยให้ ทุกคนได้เข้า “เส้นชัย” ลดหย่อนภาษี ตามเป้าหมายที่วางไว้

ล่าสุดเมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวแคมเปญ เข้า “เส้นชัย” ทุกเป้าหมายภาษี ด้วยแบบประกัน ที่ตอบโจทย์ด้านการวางแผนลดหย่อนภาษี ที่เข้าถึงได้ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า แม้เป้าหมายต่างกัน ก็สามารถเข้าเส้นชัยลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน ทั้งผู้ที่เป็นมือใหม่หัดลดหย่อน เป้าหมายอยากเริ่มต้นวางแผนภาษี แต่ยังไม่มีความรู้และไม่รู้จะเริ่มตรงไหน กลัวซับซ้อน และอยากได้คำแนะนำที่เข้าใจง่าย หรือมือโปร นักวางแผนภาษีตัวจริง ที่มีการวางแผนลดหย่อนภาษีเป็นประจำอยู่แล้วในทุกปี มองหาตัวช่วย เพื่อเปรียบเทียบให้การวางแผนให้คุ้มค่ามากขึ้น และได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย

พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ไม่เพียงตอบโจทย์การคุ้มครอง แต่ยังมอบสิทธิในการลดหย่อนภาษี ให้เป้าหมายของแต่ละคน
• ประกันสุขภาพเหมาจ่าย : ดูแลค่ารักษาพยาบาล แอดมิตเหมาจ่าย พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษี สูงสุด 25,000 บาท และหากซื้อให้บิดามารดา ยังใช้สิทธิลดหย่อนได้อีกสูงสุด 15,000 บาท
• ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ : ออมง่าย ได้รับการันตีเงินคืน เงินต้นไม่สูญหาย ได้เงินคืนทุกปี และยังลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท โดยผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ ได้แก่ เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ โปร 10/1 (Global)
• ประกันชีวิตแบบบำนาญ : ตัวช่วยวางแผนเกษียณ สร้างรายได้หลังเกษียณอย่างมั่นคง พร้อมสิทธิ ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 300,000 บาท โดยผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ ได้แก่ เฟล็กซี่ รีไทร์ 90/5

“ทุกคนมีเป้าหมายการวางแผนภาษีที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร เมืองไทยประกันชีวิต พร้อมเคียงข้างพาคุณเข้าเส้นชัยลดหย่อนภาษีได้อย่างมั่นใจ ด้วยทางเลือกที่หลากหลาย ครอบคลุม คุ้มค่า และยังอุ่นใจจากความคุ้มครอง นอกจากนี้เรายังมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาประกันชีวิต ที่สามารถช่วยแนะนำ วางแผน และออกแบบ ตามเป้าหมายทางการเงินที่ลูกค้าแต่ละรายต้องการ ได้ด้วยความเป็นมืออาชีพอีกด้วย ” นายสาระ กล่าว

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.muangthai.co.th หรือโทร. 1766 ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ และสาขาธนาคารกสิกรไทย และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทุกสาขา

#เส้นชัยภาษี #ประกันลดหย่อนภาษี #เมืองไทยประกันชีวิต #ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี #ประกันออมทรัพย์ #ประกันบำนาญ #ลดหย่อนภาษี

หมายเหตุ :
• เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
• การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
• เป็นการออมในรูปแบบการประกันชีวิต
• เบี้ยประกันภัย สามารถ นำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด
• เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด

คำเตือน: ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจ ทำประกันภัยทุกครั้ง

https://followonlinenews.com/v/5816

เมืองไทยประกันชีวิต ส่งแคมเปญ เข้า “เส้นชัย” ทุกเป้าหมายภาษี ชวนมือใหม่-มือโปร วางแผนภาษีโค้งสุดท้ายของป.....

ถอนเงินไม่ใช้บัตร ได้ง่ายและสะดวกขึ้น ผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็มทั่วประเทศกรุงเทพฯ (17 กันยายน 2568) – กรุงศรี (ธนาคารก...
17/09/2025

ถอนเงินไม่ใช้บัตร ได้ง่ายและสะดวกขึ้น ผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็มทั่วประเทศ

กรุงเทพฯ (17 กันยายน 2568) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบประสบการณ์ความง่ายและสะดวกให้ลูกค้า ด้วยบริการถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคาร (Cross-Bank Cardless Withdrawal) ที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม โดยในเฟสแรก กรุงศรีได้ร่วมมือกับธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb) และ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Bank) ให้ลูกค้าสามารถถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคารผ่านแอปพลิเคชัน ttb touch และ
LHB You ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็มกว่า 5,000 เครื่องทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

กรุงศรีมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ให้ลูกค้ามีชีวิตง่ายได้ทุกวัน

ถอนเงินไม่ใช้บัตร ได้ง่ายและสะดวกขึ้น ผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็มทั่วประเทศ

กรุงเทพประกันชีวิต ใส่ใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ มอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือด...
17/09/2025

กรุงเทพประกันชีวิต ใส่ใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ มอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อน

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยใน 3 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ จึงส่งตัวแทนพนักงานจิตอาสาลงพื้นที่ส่งมอบถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็น ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่มสะอาด รวมถึงอุปกรณ์ที่ช่วยบรรเทาความลำบากระหว่างการใช้ชีวิตท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและผู้นำชุมชนในพื้นที่ เพื่อให้การช่วยเหลือส่งตรงถึงมือประชาชนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

กิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของกรุงเทพประกันชีวิต ภายใต้แนวคิด “ใส่ใจเพื่อความสุขที่ยั่งยืน” ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการดูแลสังคมไทยในทุกสถานการณ์ ไม่เพียงแต่ในยามปกติ แต่ยังพร้อมยืนหยัดอยู่เคียงข้างประชาชนในยามวิกฤต เพื่อร่วมฟื้นฟูและสร้างกำลังใจให้ผู้ประสบภัยสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ กรุงเทพประกันชีวิตขอร่วมส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกครอบครัว และยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าสานต่อภารกิจแห่งความใส่ใจ เพื่อร่วมสร้างรอยยิ้มและความอุ่นใจให้กับคนไทยในทุกช่วงสถานการณ์

กรุงเทพประกันชีวิต ใส่ใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์มอบถุงยัง.....

ศุภาลัย ตอกย้ำความแข็งแกร่งในชลบุรี เปิดตัว 2 โครงการใหม่ บนทำเลศักยภาพเชื่อมมอเตอร์เวย์ รับแรงหนุนตลาดที่อยู่อาศัยโตต่อ...
17/09/2025

ศุภาลัย ตอกย้ำความแข็งแกร่งในชลบุรี เปิดตัว 2 โครงการใหม่ บนทำเลศักยภาพเชื่อมมอเตอร์เวย์ รับแรงหนุนตลาดที่อยู่อาศัยโตต่อเนื่อง

บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความแข็งแกร่งในตลาดอสังหาฯ ชลบุรีต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 เปิดตัว 2 โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบใหม่ในจังหวัดชลบุรี มูลค่ารวมกว่า 2,254 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ “ศุภาลัย เลควิลล์ ศุขประยูร-มอเตอร์เวย์” และ“บลิซ ศุขประยูร-มอเตอร์เวย์” โดยมั่นใจในศักยภาพตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดชลบุรีปี 2568 ซึ่งยังคงมีทิศทางขยายตัวในเชิงบวกต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจมหภาคและโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) PRE-SALES พร้อมกัน 27–28 กันยายนนี้

นายราชัย ปิยวาจานุสรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานโครงการภูมิภาค 1 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตลาดอสังหาฯ ชลบุรีในปี 2568 ยังคงสะท้อนศักยภาพการเติบโตทั้งในด้านดีมานด์และซัพพลาย การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขต EEC และทำเลศักยภาพโดยรอบเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะทำเลเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์คือจุดแข็งที่ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรีมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง ทั้งในเชิงการอยู่อาศัยจริงและเชิงการลงทุน ศุภาลัยจึงมั่นใจว่าการเปิดตัวโครงการใหม่ครั้งนี้ จะสามารถตอบสนองดีมานด์ที่แข็งแกร่งและสร้างการเติบโตในระยะยาว

โครงการแรก ศุภาลัย เลควิลล์ ศุขประยูร-มอเตอร์เวย์ มูลค่าโครงการกว่า 1,817 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 380 แปลง พื้นที่ใช้สอย 162–261 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.19–7 ล้านบาท ชูจุดขายความเหนือระดับรองรับ 4 ห้องนอนทุกแปลงกับแบบบ้าน Tropical Modern Series ใช้วัสดุคุณภาพพรีเมียม ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันและดีไซน์ ตอบรับนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ติดตั้ง Home Automation และ Solar Roof ทั้งระบบทุกหลัง สอดคล้องกับแนวคิด Energy Saving House ไลฟ์สไตล์ครบวงจรส่วนกลางโดดเด่นด้วย วิวทะเลสาบขนาดใหญ่ และพื้นที่สีเขียวรายล้อม สร้างบรรยากาศการพักผ่อนเหนือระดับท่ามกลางธรรมชาติ
ขณะที่โครงการที่ 2 บลิซ ศุขประยูร-มอเตอร์เวย์ มูลค่าโครงการ 437 ล้านบาท กับบ้านแฝดและทาวน์โฮมสไตล์ Tropical จำนวน 122 แปลง พื้นที่ใช้สอย 126–154 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.55–4 ล้านบาท โดดเด่นด้วยจุดขายที่แตกต่าง ได้แก่ ฟังก์ชันยืดหยุ่น ออกแบบเพื่อรองรับการขยายครอบครัวได้สูงสุดถึง 4 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยจัดสรรลงตัว เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่มองหาที่อยู่อาศัยหลังแรกที่สามารถเติบโตไปกับครอบครัวได้ ทำเลคุ้มค่า–เข้าถึงง่าย ตั้งอยู่บนทำเลเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์เพียง 5 นาที เดินทางสะดวกเข้าสู่ใจกลางเมืองชลบุรีและนิคมอุตสาหกรรมรอบข้างได้รวดเร็ว ความคุ้มค่าในการลงทุน เจาะตลาดครอบครัวรุ่นใหม่ที่ต้องการราคาที่เข้าถึงได้

โดยทำเลของทั้ง 2 โครงการโดดเด่นเพราะตั้งอยู่ในตำบลสำนักบก อำเภอเมืองชลบุรี ห่างจากทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ–พัทยา–มาบตาพุด) เพียง 5 นาที นับเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมต่อเศรษฐกิจและพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเป็นเส้นทางหลักสู่สนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์ในเขต EEC การเข้าถึงที่สะดวกดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนทำงาน รวมถึงผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนและปล่อยเช่า เนื่องจากทำเลเชื่อมมอเตอร์เวย์ถือเป็น “ทำเลอนาคต” ที่ยังคงมีอัตราการเติบโตด้านมูลค่าทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง

สัมผัสชีวิตเหนือระดับบนทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อมอเตอร์เวย์ได้เพียง 5 นาที กับ 2 โครงการบ้านคุณภาพทั้ง ศุภาลัย เลควิลล์ ศุขประยูร-มอเตอร์เวย์ และบลิซ ศุขประยูร-มอเตอร์เวย์ ในงาน PRE-SALES ระหว่างวันที่ 27–28 กันยายน 2568 ณ สำนักงานขายทั้ง 2 โครงการ พร้อมจัดหนัก! โปรโมชันส่วนลด-ของแถมพิเศษสำหรับลูกค้าลงทะเบียน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1720 หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook: Supalai และ ศุภาลัย ชลบุรี ศรีราชา พัทยา

ศุภาลัย ตอกย้ำความแข็งแกร่งในชลบุรี เปิดตัว 2 โครงการใหม่ บนทำเลศักยภาพเชื่อมมอเตอร์เวย์ รับแรงหนุนตลาดท.....

MAKE by KBank ชี้เทรนด์การเงินปี 2568 คนไทยหัน “แบ่งเงินคุมค่าใช้จ่าย” มากขึ้น หนุน Cloud Pocket นิยมต่อเนื่อง ช่วยเก็บเ...
17/09/2025

MAKE by KBank ชี้เทรนด์การเงินปี 2568 คนไทยหัน “แบ่งเงินคุมค่าใช้จ่าย” มากขึ้น หนุน Cloud Pocket นิยมต่อเนื่อง ช่วยเก็บเงินได้ดีกว่าเดิม 40%

KBTG ในฐานะผู้พัฒนาแอปพลิเคชันจัดการเงิน MAKE by KBank พบเทรนด์การเงินของคนไทยกำลังเปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นเพียงการออมเงิน โดยปัจจุบันผู้ใช้งานส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับการ “แบ่งเงินเพื่อคุมรายจ่ายในชีวิตประจำวัน” มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนถึงการมีวินัยทางการเงินที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตอกย้ำการพัฒนา Cloud Pocket ให้มีประสิทธิภาพ หนุนความนิยมต่อเนื่อง

นายเชษฐพันธุ์ ศิริดานุภัทร Managing Director กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานแอปพลิเคชัน MAKE by KBank ตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนกรกฎาคม 2568 พบว่า ผู้ใช้งานส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับวางแผนบริหารเงินอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น โดยใช้วิธี “แบ่งเงินเพื่อคุมรายจ่ายในชีวิตประจำวัน” สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจาก “การออมเงินอย่างเดียว” ไปสู่ “การวางแผนใช้จ่ายอย่างมีระบบ” ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของวินัยทางการเงินที่ยั่งยืน

จากข้อมูลการใช้งานแอปพลิเคชัน MAKE by KBank พบว่าประเภท Cloud Pocket หรือ “กระเป๋าย่อย” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปีนี้ ได้แก่ “เงินใช้รายวัน/สัปดาห์/เดือน” “เงินค่าการเดินทาง” “เงินเพื่อจ่ายหนี้” และ “ค่าเบี้ยประกัน” แทนที่ประเภท “เงินเก็บ” ซึ่งเคยเป็น Cloud Pocket ประเภทยอดนิยมในปี 2567 โดย 6 ใน 10 ของ Cloud Pocket ที่ถูกสร้างขึ้นจะเกี่ยวกับ “รายจ่าย” เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ และค่าไฟ ส่วน Cloud Pocket ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ หมวดค่าที่อยู่อาศัย ที่มีการสร้างเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่า และหมวดเกี่ยวกับกิจกรรมวิ่ง เช่น “รองเท้า” หรือ “มาราธอน” ที่โตขึ้นกว่า 3 เท่า ซึ่งการแบ่งเงินก่อนใช้ด้วย Cloud Pocket ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมรายจ่ายได้ดีขึ้น แต่ยังมีผลต่อการออมโดยตรง ผู้ใช้สามารถสร้างกระเป๋าเงินแยกได้ไม่จำกัดตามเป้าหมายได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะแบ่งเก็บออม หรือแบ่งใช้ตามค่าใช้จ่ายที่มี จากสถิติสะท้อนว่า ผู้ที่ใช้ Cloud Pocket สามารถเก็บเงินได้มากกว่าผู้ที่ไม่มี Cloud Pocket ถึง 40% โดยกลุ่ม Gen Z นิยมแบ่งเงินแบบรายสัปดาห์ ขณะที่ Gen Y เลือกจัดการแบบรายเดือน

ทั้งนี้ ในปี 2568 แอปพลิเคชัน MAKE by KBank ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการจัดการการเงินด้วยการเปิดตัว Cloud Pocket ใหม่ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. “Cloud Saving” หรือ Cloud ออมต่อเนื่อง ที่ออกแบบมาในรูปแบบปฏิทินออมเงิน สามารถกำหนดรูปแบบการออมได้แบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนได้ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการสร้างวินัยการออมหรือวางแผนออมเงินสำรองฉุกเฉิน 2. “Cloud Wishlist” หรือ Cloud เก็บเงินตามความฝัน ที่จะทำให้ทุกเป้าหมายใหญ่เป็นจริงได้ง่ายขึ้น ด้วยการตั้งระยะเวลาของเป้าหมายและเฉลี่ยจำนวนเงินที่ต้องเก็บแบบรายเดือน เหมาะสำหรับการเก็บเงินเพื่อเป้าหมายที่มีระยะเวลาที่ชัดเจน เช่น ท่องเที่ยว ซื้อของ หรือการเตรียมเงินเพื่อจ่าย 3. “Cloud Credit Card” หรือ Cloud เตรียมจ่ายบัตรเครดิต สำหรับแจ้งเตือนให้เตรียมเงินชำระบิลบัตรเครดิตอย่างเป็นระบบ สามารถเพิ่มรายการใช้บัตร และย้ายเงินเข้าตามรายการใช้บัตรพร้อมกันได้หลายรายการ ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถอัพเกรด Cloud Pocket เดิมมาใช้รูปแบบใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องลบหรือสร้างซ้ำ เพียงเข้าไปที่ Cloud Pocket ที่ต้องการ เลือกสัญลักษณ์สามจุดมุมขวาบน จากนั้นเลือก ตั้งค่า Cloud Pocket เพื่อเปลี่ยนประเภท

นายเชษฐพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแบ่งเงินอย่างมีระบบเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคงทางการเงินที่แท้จริง MAKE by KBank จึงมุ่งมั่นพัฒนาฟีเจอร์และประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการขยายพันธมิตรด้านการทำธุรกรรมทั้งการเติมเงิน-จ่ายบิล ครอบคลุมทั้งค่าสาธารณูปโภค ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าอินเทอร์เน็ต และจ่ายชำระเงินบัตรเครดิต เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานให้การจัดการเงินในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องง่ายและสนุก สามารถวางแผน จัดการรายรับรายจ่าย และบรรลุเป้าหมายทางการเงินของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพในแอปเดียว

ผู้ที่สนใจต้องการเริ่มวางแผนบริหารจัดการการเงินผ่านแอป MAKE by KBank สามารถดาวน์โหลดแอปได้ทาง App Store และ Google Play คลิก https://makebykbank.onelink.me/v9lf/MAKE2025 หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ที่ https://makebykbank.kbtg.tech/

https://followonlinenews.com/v/5811

MAKE by KBank ชี้เทรนด์การเงินปี 2568 คนไทยหัน “แบ่งเงินคุมค่าใช้จ่าย” มากขึ้น หนุน Cloud Pocket นิยมต่อเนื่อง ช่วยเก็บเงินได....

SME D Bank สถานะสุดแกร่ง ‘ฟิทช์ เรทติ้งส์’ ประกาศคงอันดับเครดิตสูงสุดในประเทศ ระดับ AAA(tha) ตอกย้ำบทบาทสำคัญ สนับสนุนเอ...
17/09/2025

SME D Bank สถานะสุดแกร่ง ‘ฟิทช์ เรทติ้งส์’ ประกาศคงอันดับเครดิตสูงสุดในประเทศ ระดับ AAA(tha) ตอกย้ำบทบาทสำคัญ สนับสนุนเอสเอ็มอีไทยเติบโตยั่งยืน

“ฟิทช์ เรทติ้งส์” (ประเทศไทย) คงอันดับเครดิตระยะยาว ประจำปี 2568 ให้ SME D Bank ระดับ “AAA(tha)” และอันดับเครดิตระยะสั้น “F1+(tha)” สูงสุดภายในประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่13 สะท้อนสถานะมั่นคง มีเสถียรภาพ และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย เข้าถึงบริการ “พัฒนาคู่เติมทุน” สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศผลการจัดเครดิตของ SME D Bank ประจำปี 2568 โดยคงอันดับภายในประเทศระยะยาวอยู่ที่ “AAA(tha)” แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตระยะสั้นที่ “F1+(tha)” ถือเป็นผลประเมินอันดับสูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 (ปี 2556-2568) เนื่องจากฟิทช์ฯ มีมุมมองต่อ SME D Bank ว่า มีบทบาทที่สำคัญในการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยกระทรวงการคลัง ถือหุ้นถึง 99.4% สะท้อนถึงความมีเสถียรภาพ สถานะเข้มแข็งมั่นคง และมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ในการสนับสนุนช่วยเหลือและสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีความท้าทายสูง ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งทุนจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป

อีกทั้ง รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน SME D Bank อย่างต่อเนื่อง เพราะเล็งเห็นถึงบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย จากสัดส่วนประมาณ 35% ของ GDP ณ สิ้นปี 2567 นอกจากนั้น ฟิทช์ฯ ยังเชื่อว่า รัฐบาลจะคงให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในระยะยาวต่อไป ด้วยบทบาทเฉพาะของ SME D Bank และความเชี่ยวชาญในกลุ่มดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญต่อเนื่องในการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทย ควบคู่กับช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอ

สำหรับ SME D Bank ยึดมั่นแนวทางสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ด้วยกระบวนการ “พัฒนาคู่เติมทุน” สำหรับด้าน “การเงิน” ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อตามนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) ซึ่งธนาคารได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล สนับสนุนผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุน ช่วยเสริมศักยภาพและลดต้นทุนธุรกิจ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ได้แก่ 1.สินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท 2.สินเชื่อ "ปลุกพลัง SME" วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 1.5 ล้านบาท และ 3.สินเชื่อ "Beyond ติดปีก SME" วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ควบคู่บริการด้าน “การพัฒนา” ครบวงจร ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ช่วยผู้ประกอบการยกระดับธุรกิจ และเดินหน้ากิจการสู่ความสำเร็จ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

https://followonlinenews.com/v/5810

SME D Bank สถานะสุดแกร่ง ‘ฟิทช์ เรทติ้งส์’ ประกาศคงอันดับเครดิตสูงสุดในประเทศ ระดับ AAA(tha) ตอกย้ำบทบาทสำคัญ สนับสนุ....

จัดใหญ่ ฉลองครบ 6 รอบ 72 ปี ธอส.!! คัดบ้านมือสองทั่วประเทศ พร้อมลดราคาสูงสุด 50% ออกประมูลวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568  ธ...
16/09/2025

จัดใหญ่ ฉลองครบ 6 รอบ 72 ปี ธอส.!! คัดบ้านมือสองทั่วประเทศ พร้อมลดราคาสูงสุด 50% ออกประมูลวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ครบ 6 รอบ 72 ปี เดินหน้าสนับสนุนคนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง จัดงานประมูลขายบ้านมือสอง ธอส. ประจำปี 2568 ครั้งที่ 3 ในวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568 ระหว่างเวลา 10.00 - 16.00 น. โดยคัดบ้านมือสอง คุณภาพดีทั่วประเทศกว่า 9,000 รายการ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า มาเปิดประมูลในราคาลดสูงสุด 50% จากราคาปกติ แบ่งเป็นทรัพย์ในกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล จำนวน 1,160 รายการ

โดยทรัพย์ที่น่าสนใจ ได้แก่ คอนโดมิเนียม ขนาดเนื้อที่ 34.61 ตารางเมตร ในโครงการเอชทูโกลว์คอนโดมิเนียม
เขตบางเขน กรุงเทพ ฯ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่มีเส้นทางคมนาคมสะดวก อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู ราคาประมูลเริ่มต้น 1.8 ล้านบาท ส่วนทรัพย์ในส่วนภูมิภาคนำออกประมูลจำนวน 8,362 รายการ โดยมีรายการทรัพย์ที่น่าสนใจ ได้แก่ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 56.10 ตารางวา ในโครงการหมู่บ้านเดอะพราว บายพาส-ราชบุรี ตำบลบ้านไร่ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ราคาเริ่มต้นประมูล 4,685,000 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ทำเลดี อยู่ใกล้ใจกลางเมืองและแหล่งชุมชน นอกจากนี้ภายในงานยังมีรายการทรัพย์ราคาเริ่มต้นประมูลต่ำสุดเพียง 70,000 บาท เท่านั้น ได้แก่ ทรัพย์ประเภทห้องชุด เนื้อที่ 24.89 ตารางเมตร ในโครงการมีทรัพย์เรซิเดนซ์ เขตหนองแขม กรุงเทพ ฯ

ทั้งนี้ ผู้ชนะการประมูลจะต้องวางเงินประกันการซื้อทรัพย์ 10,000 บาท และทำสัญญาจะซื้อจะขายภายใน 10 วันทำการนับถัดจากวันที่จัดประมูล สำหรับลูกค้าที่จองซื้อทรัพย์ภายในระยะเวลาจัดงานและยื่นขอสินเชื่อภายใน 45 วัน นับถัดจากวันที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายสามารถใช้โปรโมชันผลิตภัณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ 0% ต่อปี คงที่ 2 ปีแรก และหากโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2568 รับทันทีบัตรกำนัลแทนเงินสด มูลค่า 1,000 บาท พิเศษสุด

สำหรับฉลองครบรอบ 72 ปี ธอส. มอบของขวัญพิเศษสำหรับลูกค้าที่ชนะการประมูลในราคาสูงสุดในเขตกรุงเทพ ฯ - ปริมณฑล 72 รายแรก และในเขตภูมิภาค 72 รายแรก ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมประมูลได้ตามวันและเวลาดังกล่าว โดยทรัพย์ในกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ณ บริเวณโถงนิติกรรม อาคาร 2 ชั้น 1 ธอส. สำนักงานใหญ่ ส่วนทรัพย์ในส่วนภูมิภาค ณ สาขาที่ตั้งทรัพย์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร. 0-2645-9000 กด 5 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ดูข้อมูลบ้านมือสอง ธอส. ได้ที่ www.ghbhomecenter.com
และ Application : GHB ALL HOME

https://followonlinenews.com/v/5807

จัดใหญ่ ฉลองครบ 6 รอบ 72 ปี ธอส.!! คัดบ้านมือสองทั่วประเทศ พร้อมลดราคาสูงสุด 50% ออกประมูลวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568

ONNEX by SCG ปักหมุดผู้นำด้านพลังงาน จับมือ บริษัท บรอดเวย์ พรีซิชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตเลโก้มาตรฐานโลกจากประเทศจี...
16/09/2025

ONNEX by SCG ปักหมุดผู้นำด้านพลังงาน จับมือ บริษัท บรอดเวย์ พรีซิชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตเลโก้มาตรฐานโลกจากประเทศจีน ติดตั้งโซลาร์ Rooftop ขนาด 3.5 MWp พร้อมรองรับการติดตั้งระบบ BESS ขนาด 5.5 MWh

กรุงเทพมหานคร - ONNEX by SCG เดินหน้ารุกตลาดพลังงานสะอาด ประกาศความร่วมมือกับ บริษัท บรอดเวย์ พรีซิชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและชิ้นส่วนโลหะผสมพลาสติกความละเอียดสูง มาตรฐานระดับโลกจากประเทศจีน ผู้ผลิตเลโก้ รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์

ความร่วมมือกับองค์กรระดับโลกในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ ONNEX by SCG ในฐานะหนึ่งในผู้เล่นสำคัญของธุรกิจพลังงานในประเทศไทย ที่มุ่งมั่นคัดสรรเทคโนโลยีด้านพลังงาน ที่จะช่วยให้การดึงประสิทธิภาพการทำงานของระบบให้ตอบโจทย์อย่างครบวงจร ทั้งในด้านฟังก์ชันการใช้งานและช่วยลดค่าใช้จ่ายหลักด้านพลังงานให้กับองค์กร

“นายดุสิต ชัยรัตน์” Head of Smart Solution Business (ที่ 1 จากซ้าย) กล่าวว่า "ONNEX by SCG ได้รับความไว้วางใจจากทาง บริษัท บรอดเวย์ พรีซิชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ในการติดตั้ง Solar Rooftop ขนาด 3,417.7 กิโลวัตต์พีค อีกทั้งยังเตรียมความพร้อมในการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System - BESS) ขนาดมากกว่า 5.5 เมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh) โดยกระบวนการทำงานของระบบ BESS จะเป็นรูปแบบ DC Coupling ที่เกิดความสูญเสียด้านพลังงานน้อยกว่า เพราะสามารถใช้ไฟกระแสตรง DC จากแบตเตอรี่ได้เลย และไม่ต้องมีขั้นตอนการแปลงจากกระแสตรง DC เป็นกระแสสลับ AC และเพื่อตอบโจทย์แนวทาง Smart Factory เรายังใช้ AI อัจฉริยะ ในการจดจำพฤติกรรมการใช้พลังงานในโรงงานอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถควบคุมระบบพลังงานให้ทำงานได้อย่างเหมาะสมเต็มประสิทธิภาพตามแต่ละพื้นที่ เป็นการเพิ่มศักยภาพและความมั่นคงด้านการจัดการพลังงานไฟฟ้าในโรงงานให้ได้ตามแผนงานที่วางไว้ให้ได้มากที่สุด

การตอบโจทย์ความยั่งยืนให้กับโรงงานขนาดใหญ่ในระดับของ บริษัท บรอดเวย์ พรีซิชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เกิดจากภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจด้านพลังงานจะอยู่ที่การเลือกใช้เทคโนโลยี และความสามารถในการออกแบบระบบที่ตอบโจทย์ของลูกค้า เราหวังว่าความร่วมมือระหว่าง ONNEX By SCG และการลงทุนในไทยของโรงงาน บรอดเวย์ พรีซิชั่น ครั้งนี้ จะเป็นโมเดลตั้งต้นในการยกระดับมาตรฐาน การใช้พลังงานสะอาดสำหรับการลงทุนในไทยของโรงงานขนาดใหญ่จากประเทศจีนในอนาคต"

ONNEX by SCG มีประสบการณ์ในการติดตั้งระบบโซลาร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้ครบทุกรูปแบบ (Solar Roof, Solar Floating, Solar Farm และ Solar Carport) ที่ผ่านมา สามารถผลิตพลังงานสะอาดไปแล้วกว่า 200 เมกะวัตต์ (MWp) และยังมีโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการอีกถึง 400-600 เมกะวัตต์ (MWp) สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ ONNEX SOLAR สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.onnexbyscg.com/th/product/solar-solutions หรือสอบถามได้ที่เบอร์ 063-272-6527 หรือ 02-586-2222



https://followonlinenews.com/v/5806

ONNEX by SCG ผนึก บรอดเวย์ พรีซิชั่น ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป 3.5 MWp เสริมระบบกักเก็บพลังงาน 5.5 MWh ชูผู้นำโซลูชันพลังงานครบ.....

ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีน ประจำไตรมาส 4/2568ผู้ตอบแบบสำรวจ ร้อยละ 42 มีความเห็นว่าการเจรจาระหว่างไทยและ...
16/09/2025

ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีน ประจำไตรมาส 4/2568ผู้ตอบแบบสำรวจ ร้อยละ 42 มีความเห็นว่าการเจรจาระหว่างไทยและสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จกว่าที่คาดหวังคาดว่าสหรัฐฯและจีนจะสามารถตกลงอัตราภาษีที่ลดลงได้ภายในก่อนสิ้นปีนั้

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีนประจำไตรมาสที่สี่ ปี 2568 ซึ่งได้มีการสำรวจระหว่าง วันที่ 19 ถึง 25 สิงหาคม 2568 ผู้ให้ข้อมูลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีนประกอบด้วย (1) ประธานคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการหอการค้าไทยจีน (2) ประธานและกรรมการสมาชิกสมาคมต่างๆของสหพันธ์หอการค้าไทยจีน และ (3) กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ของหอการค้าไทยจีน รวมทั้งสิ้น จำนวน 454 คน

การสำรวจครั้งนี้ให้ความสำคัญกับนโยบายนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอัตราการจัดเก็บภาษีนำเข้า (Reciprocal Tariff) จากไทยร้อยละ 19 ในทุกรายการสินค้า (ยกเว้นสินค้าภายใต้มาตรา 232 อาทิ รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียมทองแดงกึ่งสำเร็จรูป และอาจมีรายการอื่นๆ คือ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ไม้ ที่อัตราภาษีสูงกว่าร้อยละ 19) แต่ยังต้องเจรจานิยาม สินค้าที่เกิดจากการสวมสิทธิ์ของประเทศที่สาม (Transshipment) ว่า “สัดส่วนของมูลค่าส่วนประกอบภายในประเทศ (minimum local content)” ต้องเป็นอย่างน้อยร้อยละเท่าใด จึงจะนับว่าเป็นสินค้าไทย

ส่วนการนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เรื่องหลัก ๆ คือ ไทยจะไม่เก็บภาษีศุลกากรจากสหรัฐอเมริกา จำนวนมากกว่า 10,000 รายการ ซึ่งคงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 3-5 ปี และมีกำหนดโควตานำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาสินค้าเกษตร อาทิ เนื้อหมู ซึ่งนำเข้าได้ไม่เกินร้อยละ 1 ของความต้องการ (ยกเว้นเครื่องในที่ยังไม่อนุญาตให้นำเข้า) เป็นต้น

ผลของการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีน ผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 42 ให้ความคิดเห็นว่า การเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาประสบความสำเร็จมากกว่าที่คาดหวังไว้ แต่ร้อยละ 31 เห็นว่าแม้ว่าการเจรจาที่ประสบความสำเร็จแต่ยังไม่คลายกังวล ในรายละเอียดของเงื่อนไขข้างเคียง โดยเฉพาะสัดส่วนของมูลค่าส่วนประกอบภายในประเทศ (local content) ที่นิยามสินค้าไทยที่ผลิตในไทย เมื่อมีการสอบถามถึงข้อคิดเห็นต่อสัดส่วนดังกล่าวควรจะอยู่ร้อยละเท่าไหร่ถึงจะกล่าวได้ว่าสินค้านั้นเป็นสินค้าของไทยและไม่เข้าข่ายกรณีของการสวมสิทธิ์ ผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 54 มีความเห็นว่าควรมีสัดส่วนที่มีส่วนประกอบของไทยต้องมีมูลค่าอย่างน้อยร้อยละ 40 จะมีความเหมาะสมและรับได้ ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 26 คิดว่าสัดส่วนดังกล่าวเป็นร้อยละ 50 ยังพอได้

ผลของการภาษีศุลกากรในอัตราใหม่ทั้งสองประเทศย่อมทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบต่อเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 36 และ 22 ให้ความเห็นว่าสำหรับไทย อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรมหนัก (เคมีภัณฑ์และพลาสติก ยานยนต์ เครื่องจักร และเครื่องใช้ไฟฟ้า) จะได้รับประโยชน์มากที่สุดตามลำดับ ส่วนการไม่เก็บภาษีศุลกากรของสินค้าเกษตรนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และถั่วเหลือง ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 48 จะทำให้ต้นทุนในการผลิต สินค้าปศุสัตว์ลดลงแต่ลดลงเพียงเล็กน้อย และผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 42.5 ที่ให้ความเห็นว่าต้นทุนในการผลิตสินค้าปศุสัตว์จะลดลงมากอย่างมีนัยยะสำคัญ ในส่วนของความปลอดภัยของสินค้าเกษตร ผู้ตอบแบบสำรวจมากถึงร้อยละ 84 ยังมีความกังวลในเรื่องของความแตกต่างทางมาตรฐานสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา เพราะการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ไม่ตรงกับมาตรฐานของไทยอาจจะมีผลต่อสุขภาพ

การจัดเก็บภาษีศุลกากรในการร้อยละ 19 ต่อการส่งออกของไทย ในภาพรวมแล้วการคาดการณ์ส่งออกในครึ่งปีหลังของปี 2568 ผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 45 คิดว่าการส่งออกในครึ่งปีหลังจะไม่มีความแตกต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้เดิมก่อนที่จะมีการประกาศอัตราภาษีศุลกากรร้อยละ 19 แต่มีผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 39 ที่ลงความเห็นว่าการส่งออกในครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่คาดว่าสหรัฐอเมริกาและจีนจะสามารถตกลงอัตราภาษีที่ลดลงได้ภายในก่อนสิ้นปีนี้ เนื่องจากการเจรจาระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนยังไม่ไม่สิ้นสุดและได้มีการขยายระยะเวลาการเจรจาออกไปอีก ในอัตราปัจจุบันที่สหรัฐอเมริกาจะจัดเก็บภาษีจากจีนร้อยละ 30 สำหรับสินค้าทั่วไปและร้อยละ 54 สำหรับสินค้าบางบางประเภทซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่สูงมาก ผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 71.5 มีความคิดเห็นว่าสหรัฐสหรัฐอเมริกาและจีน จะสามารถหาข้อตกลงและมีอัตราการจัดเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าเดิมภายในสิ้นปี 2568 แต่ ผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 18.5 คิดว่าประธานาธิบดีทรัมป์ อาจมีกรณีขัดแย้งอื่นแทรกเข้ามาอีก จนทำให้สหรัฐอเมริกามีการปรับอัตราภาษีสูงขึ้น

ในวาระแรกของการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ นักลงทุนจีนได้ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยจำนวนหนึ่ง ร้อยละ 61 ของผู้ตอบแบบสำรวจมีความเห็นว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในรอบนี้ ยังคงทำให้นักลงทุนจีนย้ายฐานการลงทุนมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นบ้างแต่ไม่มากนัก แต่ร้อยละ 16 ของผู้ตอบแบบสำรวจมีความคิดเห็นที่แตกต่างเพราะคาดว่านักลงทุนจีนจะมาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

จากบทวิจัยหลายสำนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่าจีนมีความจำเป็นต้องรักษาอัตรากำลังการผลิตในประเทศเพื่อคงอัตราการเจริญเติบโตและการจ้างงาน ส่งผลให้จีนต้องเร่งระบายสินค้าส่วนเกินไปขายอย่างตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการปรับลดราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อของโลก ร้อยละ 74 ของผู้ตอบแบบสำรวจลงความเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของโลกจะมีทิศทางลดลงแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าจะมีสินค้าจีนออกขายในตลาดโลกนอกจากสหรัฐอเมริกามากขึ้น

ข้อสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้ แม้ว่าการประกาศอัตราภาษีศุลกากร (Reciprocal Tariff) ร้อยละ 19 จะทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น และอัตราภาษีดังกล่าวไม่ได้แตกต่างไปจากคู่แข่งของประเทศไทยมากนัก ความกังวลในเรื่องของความเสียเปรียบโดยเปรียบเทียบจึงลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีความกังวลในเงื่อนไขที่ยังไม่ชัดเจนอยู่ ในเรื่องของการนิยามการสวมสิทธิ์สินค้าเพื่อส่งออก บางอุตสาหกรรมไทยอาจจะได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีศุลกากรใหม่ แต่การนำเข้าสินค้าเกษตรที่มีความแตกต่างระหว่างมาตรฐานของไทยกับสหรัฐอเมริกานั้น ยังสร้างความกังวลที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภค สุดท้ายผลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน จะทำให้นักลงทุนจีนยังมาลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อผลิตสินค้าในประเทศไทย

ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน Q4/68 ชี้ 42% มั่นใจเจรจาไทย-สหรัฐฯ เกินคาด คาดสหรัฐฯ-จีนลดภาษีก่อนสิ้นปี

ที่อยู่

รัชดาภิเษก
Bangkok
10900

เบอร์โทรศัพท์

+66954254056

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Followonline Newsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Followonline News:

แชร์