![[ ทำไม Efficiency ถึงเป็นแก่นแท้ยุคนี้? ]ในยุคที่ทุกแบรนด์ต้องทำน้อยแต่ได้มาก คำว่า Efficiency ไม่ใช่แค่คำขายฝันบนหน้าพร...](https://img5.medioq.com/381/540/1250194733815409.jpg)
28/09/2025
[ ทำไม Efficiency ถึงเป็นแก่นแท้ยุคนี้? ]
ในยุคที่ทุกแบรนด์ต้องทำน้อยแต่ได้มาก คำว่า Efficiency ไม่ใช่แค่คำขายฝันบนหน้าพรีเซนเตชันแต่กลายเป็นแก่นของการตลาดยุคปัจจุบัน ทุกเม็ดเงินต้องคุ้ม ทุกข้อความต้องตรงเป้า ทุกการสื่อสารต้องมีความหมาย
ที่งาน MARKETING CONFERENCE 2025 คุณรัฐธีร์ ฉัตรดำรงค์ศักดิ์ จาก LINE ได้ฉายภาพเบื้องลึกของอินไซต์ผู้บริโภค และกลยุทธ์เบื้องหลังที่ไม่ค่อยถูกเปิดเผยมาก่อน โดยพาไปรื้อข้อมูลตัวเลข และวิธีคิดทั้งหมดที่ LINE ใช้ เพื่อเปลี่ยนการสื่อสารให้น้อยลง แต่แม่นขึ้น
[ พื้นที่ของ LINE ใน Ecosystem คนไทย ]
ก่อนจะเข้าสู่อินไซต์เชิงลึก คุณรัฐธีร์เริ่มด้วยการแนะนำภาพรวมของ LINE ในประเทศไทย:
- ผู้ใช้ LINE ทั้งระบบ: 56 ล้านคน
- ผู้ใช้งาน LINE Today (อ่านข่าวผ่านเมนูในแอป): ประมาณ 40 ล้านราย
- LINE Wallet / ใช้เพื่อเช็กยอด ใช้จ่ายภายในระบบ LINE (เช่น LINE Shopping, LINE Pay, สติ๊กเกอร์ ฯลฯ)
- LINE OpenChat: แม้ยังเป็นน้องใหม่ แต่มีผู้ใช้งาน (MAU, Monthly Active Users) ประมาณ 20 ล้านคน เป็น Community ที่ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนบทสนทนาในรูปแบบ Anonymous
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนว่า LINE ไม่ได้ถูกใช้งานแค่สำหรับแชตเฉยๆ เพียงอย่างเดียว แต่กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมทั้งข่าว / การเงิน / การสื่อสาร / Community
[ อินไซต์แชต = จุดเชื่อมแบรนด์ ที่โตเงียบแต่แรง ]
หนึ่งในอินไซต์ที่ถูกเน้นย้ำบนเวที คือ:
3 ปีที่ผ่านมา ผู้ใช้ส่งข้อความหา Official Account ของแบรนด์บน LINE เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปีนี้แตะ 8,900 ล้านข้อความต่อปี
แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นว่าแชต ไม่ใช่ช่องทางเสริมอีกต่อไป มันกลายเป็นช่องทางหลักในการ:
- สอบถามข้อมูล
- ติดตามโปรโมชัน
- สร้างประสบการณ์แบบเรียลไทม์กับแบรนด์
พูดอีกแบบ: แชต + Chat Commerce + การทำ CRM ผ่าน LINE เป็นอีกแนวทางของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้ที่น่าสนใจไม่น้อย
[ Broadcast = ปริมาณ; Targeted = คุณภาพ ]
- จำนวน Official Account (OA) ปัจจุบัน: 9 ล้านบัญชี
- ยอด Broadcast Message ทั้งระบบ: 210 ล้านข้อความ
- ใน 3 ปีที่ผ่านมา OA โตขึ้นราว 9%, แต่ Broadcast Message โต 3%
ประเด็นสำคัญ: แบรนด์เฉลี่ยส่ง Broadcast Message น้อยลงถึง 25% จากเดิม
ถามว่า ลดข้อความ = ลดผลลัพธ์? คำตอบคือไม่ใช่ ในทางกลับกัน:
Targeted Message (ส่งเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่ถูกคัดเลือก) มีอัตราเปิด (Open Rate) สูงกว่า Broadcast Message ปกติ ถึง 3 เท่า CTR (คลิก) สูงกว่า Broadcast ทั่วไป 1.6 เท่า
แปลว่า แบรนด์หลายเจ้าเลือกส่งน้อยแต่ตรงกลุ่ม ได้ประสิทธิภาพมากกว่าส่งเยอะแบบหว่าน
[ MyCustomer CDP & First-Party Data คือสมบัติของแบรนด์ ]
อีกจุดที่ถูกเน้น คือเรื่องของ First-Party Data ข้อมูลโดยตรงจากผู้ใช้ที่แบรนด์เก็บได้เอง:
- ข้อมูล (Data Points) บน MyCustomer (CDP ของ LINE) ปัจจุบัน: 980 ล้าน Data Points
- เมื่อเทียบกับปีก่อน มีการเติบโต 2.5 เท่า
- พฤติกรรมที่น่าสนใจ:
- API Messaging โตขึ้น 58%
- การเชื่อมต่อ API กับ Mini Shop / ระบบแบรนด์โต 68%
- การใช้ Chatbot (โดยเฉพาะที่ขับเคลื่อนด้วย AI) โตถึง 37 เท่า
ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า แบรนด์และ LINE เริ่มใช้องค์ประกอบของเทคโนโลยีมาแมป การสื่อสารกับฐานข้อมูลจริง ให้เกิดประสิทธิผลในระดับที่ละเอียดขึ้น
[ เมื่อ Awareness และ Conversion ต้องบาลานซ์ ]
ยังไม่จบแค่นั้น คุณรัฐธีร์ยังเปิดข้อมูลของโฆษณาในระบบ LINE:
- ยอดใช้งาน LINE Ads & Display โต 41% (Impression Growth)
- Conversion Objective ยังคงเติบโต (บางแบรนด์เติบโตถึง 20 เท่า)
- ด้วยกลยุทธ์ Data-driven + Targeting ที่แม่นยำ ทำให้ CPA (Cost per Acquisition) บนแพลตฟอร์ม LINE ลดลงเฉลี่ย 15%
สังเกตได้ว่าแบรนด์ใหญ่เริ่มกลับมาให้ความสนใจกับ Brand / Awareness มากขึ้น ไม่เน้นแค่ขายทันทีอย่างเดียว เพราะการสะสม Brand Equity มีผลต่อผลลัพธ์ในระยะกลางถึงยาว
[ Mini App แนวทางการเข้าถึงผู้ใช้ ]
LINE Mini App แอปที่ฝังอยู่ใน LINE โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอปแยก:
- Discovery Space: แบรนด์สามารถแสดง Mini App ให้ผู้ใช้งาน LINE 56 ล้านคนเข้าถึงได้
- สแกน QR เข้าสู่ Mini App ของแบรนด์ หรือเข้าโดยตรงจาก OA ก็ได้
- เมื่อผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับ Mini App, แบรนด์สามารถส่ง Message แบบTriggered / Behavior-based ฟรี ไม่มีค่าบริการ
ตัวอย่างเคสจากญี่ปุ่น:
- Starbucks: ผู้ใช้สามารถเลือกสาขา, สั่งล่วงหน้า, จ่ายเงิน, ได้รับ Notification ว่าออร์เดอร์พร้อม
- SUSHIRO: ระบบจองคิว, แจ้งเตือนก่อนถึงคิว, ลดความหนาแน่นหน้าร้าน
LINE คาดการณ์ว่า Mini App จะเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี ในอีก 7 ปีข้างหน้า เป็นโอกาสใหญ่สำหรับแบรนด์ที่ยังไม่มีแอป
[ กลยุทธ์ Dual App Strategy ให้แอป + Mini App ทำงานร่วมกัน ]
คุณรัฐธีร์ แนะนำแนวคิดว่า แบรนด์ที่มีแอปอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องทิ้ง แต่สร้างการทำงานร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น โดยการ:
1. ใช้ Mini App บน LINE เป็น Entry Point ที่เบา เข้าถึงง่าย
2. ยกระดับแอปหลักให้ทำงานลึกขึ้นเฉพาะจุดที่ต้องการ
3. ให้ระบบทั้ง 2 แชร์ข้อมูลร่วมกัน ข้อมูลใน Mini App สามารถส่งกลับมาทำ CRM หรือเชื่อมโยงกับ OA / LINE Ads ได้
กลยุทธ์นี้ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงได้ง่ายในจุดแรก แต่ยังคงรักษาความสามารถเฉพาะของแอปเอง
[ ความแม่น ก่อน ปริมาณ ]
- Broadcast เยอะ ไม่ใช่คำตอบเสมอไป เครื่องมือที่ดีไม่ใช่เครื่องมือที่มากที่สุด แต่คือเครื่องมือที่ถูกจังหวะถูกกลุ่ม
- Data + Technology = พลังของแบรนด์ หากคุณยังไม่มี CDP / ระบบจัดการข้อมูลผู้ใช้ / ระบบ Trigger Message สามารถเริ่มได้เลย
- Mini App = โอกาสแบบ Low-Barrier ถ้าต้องเลือก ณ วันนี้ การเริ่มที่ Mini App ภายใน LINE อาจถูกกว่าการสร้างแอปเต็มรูปแบบ
- Dual Strategy คือทางสายกลาง อย่าเลือกเพียงแอป หรือเพียงแพลตฟอร์ม ให้สองระบบช่วยเสริมกัน