
17/04/2025
17 เมษายน ครบรอบ 11 การหายตัวไปของ บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ เราอยากชวนทุกท่านย้อนกลับไปทำความเข้าใจส่วนหนึ่งของของที่มาที่ไปผ่านมุมมองของภาพถ่ายจาก Realframe กันอีกครั้ง
เรื่องและภาพ Yostorn Triyos
“อยู่ที่นี่มันร้อน นอนไม่ค่อยหลับ อยากกลับบ้านใจจะขาดแล้ว” คำพูดของปู่คออี้ชายชราอายุร้อยกว่าๆบอกผ่านชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่แปล ค่ำคืนนั้นผมเข้าใจความหมายของคำว่าร้อนที่ปู่พูดย้ำอยู่หลายครั้งอย่างชัดเจน ความร้อนของเดือนเมษายนหนักหนาด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว กับที่นี่ที่กระแสไฟฟ้าเข้าไม่ถึงด้วยยิ่งไปกันใหญ่
บ้านบางกลอยคือพื้นที่ที่ทางกรมอุทยานจัดสรรให้เป็นที่อยู่อาศัยของพี่น้องชาวปกาเกอะญอที่เดิมเคยอาศัยอยู่ที่บ้านใจแผ่นดินซึ่งตั้งอยู่ในเขตผืนป่าแก่งกระจานมาเป็นเป็นเวลากว่าร้อยปี มองอย่างผิวเผินสภาพพื้นที่ทั่วไปอาจไม่แตกต่างจากหมู่บ้านชนบทห่างไกลของประเทศกำลังพัฒนา สวยงามและโรแมนติกกว่าด้วยซ้ำในสายตาผู้มาเยือนที่อยู่ไม่นานอย่างผม สำหรับคนที่ต้องอยู่ยาวมันต่างออกไป...
ด้วยข้อจำกัดของความเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทำให้มีข้อห้ามหลายอย่างที่ต้องปฏิบัติ ทั้งในแง่ของขนาดและรูปแบบของการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งตรงข้ามกับวิถีปฏิบัติของชาวปกาเกอะญอที่พึ่งพิงผืนป่าอย่างชัดเจน บ้านส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ไผ่และวัสดุธรรมชาติที่หาได้ในพื้นที่ปลูกอยู่ไม่ห่างกันมากนัก ต่างจากเมื่อครั้งที่พวกเขาอาศัยอยู่ที่ใจแผ่นดิน แทบไม่เหลือครอบครัวที่ปลูกข้าวไร่ ชาวบ้านบางส่วนหันไปประกอบอาชีพทอผ้าซึ่งเป็นที่มาของรายได้สามพันบาทต่อเดือนหากทำต่อเนื่องทุกวัน “ไม่ชอบอยู่ที่นี่ ความรู้สึกเหมือนอยู่ในค่ายผู้อพยพมากกว่าบ้าน” มึนอภรรยาของบิลลี่กล่าวกับพวกเรา
สายของวันรุ่งขึ้นชาวบ้านจัดพิธีรับขวัญให้กับมึนอและลูกๆพร้อมกับแขกผู้มาเยือน พอมีโอกาสได้พูดคุยกันอยู่บ้างระหว่างนั้น ผมไม่ได้ถามถึงคดีความเท่าไหร่ด้วยเข้าใจว่าเธอคงต้องตอบคำถามเหล่านี้อยู่บ่อยๆและน่าจะสามารถถามข้อมูลเอากับเพื่อนนักข่าวหลายสำนักที่มาด้วยกัน เราคุยกันเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ทั่วๆไป การทำหน้าที่แม่ของลูกๆทั้ง 5 คนของเธอกับบิลลี่ ซึ่งในวันนั้นมาด้วยกันสามคน โอ๊ะ ลูกสาวคนโตกำลังจะขึ้น ม.1 เบญ สาวน้อยขี้อ้อนและ วี ลูกชายคนเล็กที่อายุเพียงหนึ่งขวบครึ่งในตอนที่บิลลี่หายตัวไป...รอยยิ้มไม่ใช่สิ่งขาดแคลนสำหรับเธอและลูกๆ แต่บางขณะของแววตาที่นิ่งเงียบและเรียบเฉยกลับทำให้ผมรู้สึกถึงความเศร้าและเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก...บางทีเธออาจไม่ควรต้องมาอยู่ตรงนี้ หรือบางทีหัวหน้าครอบครัวอาจไม่ควรเป็นหน้าที่ของเธอถ้าบิลลี่ยังอยู่
ขณะนั่งอยู่ท้ายรถกระบะผมทบทวนถึงต้นทางของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น พบว่าเกิดจากการตีความแนวทางในการอนุรักษ์ป่าในมิติทางด้านการอนุรักษ์โดยไม่คำนึงถึงข้อมูลทางด้านมนุษยวิทยา สังคมวิทยา ตลอดจนหลักการทางด้านสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด...ทำไมคนกับป่าถึงอยู่ร่วมกันไม่ได้ ในเมื่อแต่แรกเริ่มนั้นป่าคือบ้านหลังแรกของมนุษย์....เราจะตราหน้าคนที่อาศัยอยู่ในป่ามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษว่าบุกรุกได้อย่างไร เป็นผมเองก็คงลุกขึ้นมาทำอะไรบ้างถ้าอยู่ๆ มีใครไม่รู้มาไล่เราออกจากบ้านที่เราอาศัยมาตลอดชีวิต
17 เมษายนนี้ครบรอบ 3 ปีการหายตัวไปของบิลลี่ ท่ามกลางความล่าช้าและคลุมเครือของกระบวนการยุติธรรม ปู่คออี้ มึนอ และชาวบ้านใจแผ่นดินส่วนหนึ่งยังคงเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมตามกระบวนการทางกฎหมาย ไม่ว่าท้ายที่สุดผลจะออกมาป็นอย่างไร...ผมนับถือหัวใจของพวกเขาเหล่านั้น
ด้วยความเคารพ
เรื่องและภาพ Yostorn Triyos
ขอบคุณ Amnesty International Thailand และ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สำหรับการอำนวยความสะดวกระหว่างการลงพื้นที่ครับ