Realframe Realframe is a Thai photographer group which has powerful individual vision and work based on true stories about human rights, politics, etc. in Thailand.

เชิญชมนิทรรศการ "เท่าหรือเทียม" เส้นทางความเหลื่อมล้ำ คน|จน|เมือง เริ่มแล้ววันนี้ ที่บริเวณชั้น 3 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุง...
15/07/2025

เชิญชมนิทรรศการ "เท่าหรือเทียม" เส้นทางความเหลื่อมล้ำ คน|จน|เมือง

เริ่มแล้ววันนี้ ที่บริเวณชั้น 3 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

นิทรรศการจัดแสดงจนถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2568

ส่วนหนึ่งของกิจกรรมของ The Active ที่ชวนสำรวจประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ
"เท่าหรือเทียม" : เส้นทางความเหลื่อมล้ำ คนจนเมือง
⏰ 15 - 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 - 20.00 น.
🏙 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)

ประชาสัมพันธ์ชวนสำรวจประเด็นความเหลื่อมล้ำในงาน "เท่าหรือเทียม: เส้นทางความเหลื่อมล้ำ คนจนเมือง" ของ The Active ซึ่งร่วม...
14/07/2025

ประชาสัมพันธ์ชวนสำรวจประเด็นความเหลื่อมล้ำในงาน
"เท่าหรือเทียม: เส้นทางความเหลื่อมล้ำ คนจนเมือง" ของ The Active ซึ่งร่วมจัดกับพันธมิตรหลายๆองค์กร
ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 15 - 27 กรกฎาคม 2568

🙂

ขอบคุณ The Active ที่ชวนพวกเราไปแจมครับ
13/07/2025

ขอบคุณ The Active ที่ชวนพวกเราไปแจมครับ

ณ ที่คุมขัง ในความเงียบ.. ท่ามกลางความวุ่นวายของสถานการณ์ทางการเมือง ยังมีผู้ต้องหาคดีม. 112 อีกอย่างน้อย 32 ชีวิตอยู่ภา...
08/07/2025

ณ ที่คุมขัง ในความเงียบ..

ท่ามกลางความวุ่นวายของสถานการณ์ทางการเมือง ยังมีผู้ต้องหาคดีม. 112 อีกอย่างน้อย 32 ชีวิตอยู่ภายในนั้น..

อานนท์ นำภา คือหนึ่งผู้ต้องหาคดีม. 112 ที่ยังคงถูกคุมขังโดยไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว

2 ปี คือระยะเวลาที่อานนท์ถูกคุมขัง

29 ปี คือโทษที่ศาลตัดสินจำคุกทั้งหมด ณ ปัจจุบัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในอนาคต หากไม่มีการแก้ไขกฎหมาย หรือการนิรโทษกรรม ซึ่งจะเข้าสภาในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568

นอกจากฐานะทนายความ อานนท์มีครอบครัว และเป็นพ่อของลูกๆ

เช่นเดียวกับผู้ต้องหาคดีม. 112 อีกหลายสิบชีวิต ที่พวกเขาล้วนมีคนรออยู่ข้างหลัง..
เรื่อง/ภาพ ปฏิภัทร จันทร์ทอง
#นิรโทษกรรมประชาชน

Realframe X The Active เล่าเรื่องชีวิต “เจ๊ก เฮเซลไดน์” หรือ “ป้าเข็ม” หญิงแกร่ง วัย 63 ผู้ยังคงยืนหยัดทำหน้าที่เป็นสาวบ...
07/07/2025

Realframe X The Active
เล่าเรื่องชีวิต “เจ๊ก เฮเซลไดน์” หรือ “ป้าเข็ม” หญิงแกร่ง วัย 63 ผู้ยังคงยืนหยัดทำหน้าที่เป็นสาวบาร์เบียร์ มอบความสุขแก่นักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา..
🤘
ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการ
"เท่าหรือเทียม" : เส้นทางความเหลื่อมล้ำ คนจนเมือง
ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง 15 - 27 กรกฎาคม 2568 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
#เท่าหรือเทียม #คนจนเมือง #ป้าบาร์เบียร์

Realframe ขอบคุณผู้ร่วมงานทุกท่าน รวมถึง เขียนแสง : KheanSang Coffee & Studio ที่ชักชวนมาทำกิจกรรมและเปิดพื้นที่ใหม่ๆร่ว...
02/06/2025

Realframe ขอบคุณผู้ร่วมงานทุกท่าน รวมถึง เขียนแสง : KheanSang Coffee & Studio ที่ชักชวนมาทำกิจกรรมและเปิดพื้นที่ใหม่ๆร่วมกัน 😀

นิทรรศการ OLD SCHOOL DOC by REALFRAME ยังคงจัดต่อเนื่องจนถึง
วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ที่เขียนแสง อาร์ตสเปซ, สุพรรณบุรี
เข้าชมฟรี อังคาร-ศุกร์ 8.00-15.00
เสาร์-อาทิตย์ 8.00-17.00

🤘

จากบางกลอยถึงลุ่มน้ำตะเพินคี่ หรือ "ประเทศนี้ไม่มีพื้นที่ให้ชาติพันธ์"ไม่กี่วันหลังครบรอบการหายตัวไปของบิลลี่ พอละจี รัก...
19/05/2025

จากบางกลอยถึงลุ่มน้ำตะเพินคี่ หรือ "ประเทศนี้ไม่มีพื้นที่ให้ชาติพันธ์"

ไม่กี่วันหลังครบรอบการหายตัวไปของบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ แกนนำชาวบ้านบางกลอยที่ลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิในผืนแผ่นดินที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ กรณีดังกล่าวใกล้เคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับจุดหมายปลายทางครั้งนี้ ปัญหาเรื่องชนพื้นเมืองกับผืนป้าวนกลับมาเป็นประเด็นที่สังคมถกเถียงกันอีกครั้ง

ลัดดาวัลย์ ปัญญา และยุพิน เสอะเยียเบ่อ งามยิ่ง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แม่ลัดดา” และ “แม่ยุพิน” คือตัวละครล่าสุดในประเด็นผู้คนกับผืนป่าที่วนกลับมาอีกครั้ง ที่บ้านห้วยหินดำและบ้านป่าผาก จังหวัดสุพรรณบุรี ในพื้นที่ลุ่มน้ำตะเพินคี่ ที่นี่คือการผลิตซ้ำของกรณีบิลลี่และบ้านบางกลอย และอีกหลายกรณีที่ใกล้เคียงกัน แตกต่างกันเพียงบางรายละเอียดพื้นที่ ชาติพันธุ์ และบางกรณีอาจรวมถึงจำเลยในคดีที่มีลักษณะเดียวกัน

เรื่องราวเริ่มต้นจากการมีชีวิตที่เรียบง่ายในพื้นที่ห่างไกล ตามวิถีดั้งเดิมที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ก่อนจะตามมาด้วยการเข้ามาของแนวคิดเชิงอนุรักษ์ที่แยกขาดผู้คนจากแผ่นดินที่พวกเขาเกิดและเติบโต จนนำไปสู่ความพยายามในการนำคนออกจากป่าโดยการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม

เช่นเดียวกับแม่ลัดดาและแม่ยุพิน ทั้งสองไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องลุกขึ้นมาเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องสิทธิในผืนแผ่นดินที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่กำเนิด ความกลัวที่เกิดจากความไม่รู้ในช่วงแรก กลายเป็นความรู้สึกโดดเดี่ยวและท้อแท้หลายครั้ง ขณะเดียวกัน ความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้ทั้งสองสู้ต่อ

“การไม่มีพื้นที่ทำกินเป็นสาเหตุหลักที่ต้องออกมา ไม่มีเงินเรายังมีข้าว แต่ถ้าไม่มีที่ทำไร่ข้าวก็ต้องใช้เงินซื้อ มันกระทบทุกอย่างในวิถีชีวิตของพวกเราหมด”

แม่ยุพินชี้ให้เห็นถึงต้นตอของปัญหา พร้อมอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิถีของชาวบ้านกับไร่หมุนเวียน ซึ่งทำให้ผมนึกถึง พฤ โอโดเชา ปราชญ์ชาวปกาเกอะญอที่เคยอธิบายให้ผมฟังเมื่อหลายปีก่อน

แม้พื้นฐานความเป็นโผล่วกับปกาเกอะญอจะแตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งด้านภาษาและการแต่งกาย แต่ในลักษณะวิถีชีวิตที่พึ่งพาการทำไร่หมุนเวียนนั้นมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก ความแตกต่างที่ชัดเจนคือจำนวนปีของการเว้นรอบพื้นที่ ฝั่งตะวันตกในพื้นที่ของโผล่วมีวงรอบกลับมาทำไร่ในพื้นที่เดิมที่สั้นกว่าคือ 4 ปี ขณะที่ชาวปกาเกอะญอ ซึ่งมีพื้นที่อาศัยส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย นิยมเว้นรอบ 7 ปี

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนข้อจำกัดในการใช้พื้นที่ ซึ่งสัมพันธ์กับระยะเวลา กล่าวคือ เมื่อพื้นที่ในการทำไร่ลดลง ระยะเวลาในการพักฟื้นผืนดินให้กลับมาสมบูรณ์ก็ลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้สภาพพื้นดินยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ จนในที่สุดผลผลิตที่ได้ก็ไม่เพียงพอต่อการบริโภคในชุมชน กลายเป็นเหตุให้ชาวบ้านต้องหารายได้จากแหล่งอื่นเพื่อมาซื้อข้าว ซึ่งแต่เดิมควรเป็นผลผลิตจากไร่หมุนเวียนที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ เช่นเดียวกับพืชผักอีกหลายชนิด

ในแวดวงการสื่อสาร เราเองก็ถกเถียงแลกเปลี่ยนกันอยู่เสมอในหมู่คนทำสื่อ ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ปัญหาระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ร่วมกับผืนป่า กลายเป็นประเด็นที่วนเวียนและยืดเยื้อ ทั้งที่ข่าวสารและข้อมูลมากมายมีอยู่ทั่วไปในอินเทอร์เน็ต รวมถึงงานวิจัยทั้งสายสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และมานุษยวิทยา ที่ต่างอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับผืนป่าไว้อย่างครบถ้วนทุกแง่มุม

บางที สิ่งที่ทำให้ “เขาเหล่านั้น” ไม่เข้าใจ อาจมีเพียงเหตุผลเดียว คือเขาไม่ต้องการเข้าใจ หรืออาจเป็นอคติแห่งชาติพันธุ์ที่ถูกปลูกฝังต่อกันมาว่า “คนเมือง คนพื้นราบนั้นบริสุทธิ์ ศิวิไลซ์กว่า” ซึ่งในทางกลับกัน อคติและความไม่เข้าใจเหล่านี้ก็มีส่วนช่วยผลักดันให้ชาวบ้านลุกขึ้นต่อสู้เพื่อผืนแผ่นดินเกิด เห็นความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพภายใน รวมถึงการสร้างเครือข่ายเพื่อร่วมกันต่อสู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัญหาและแนวทางแก้ไขระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ

สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาเติบโตและแข็งแรง…

“สิ่งหนึ่งที่แม่ได้จากการเข้าร่วมกับ P-Move คือมันทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เราจะมีเพื่อนร่วมสู้เสมอ อันนี้แม่ถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด และแม่คิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกที่ออกมาสู้ ต่อให้ในอนาคตจะโดนคดี แม่ก็ไม่กลัว” แม่ลัดดาเล่าอย่างฮึกเหิม

สองวันของการลงพื้นที่ ผมประทับใจในความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก แม้บางคนในกลุ่มจะไม่ถนัดใช้ภาษาไทยนัก แต่ต่างพยายามสื่อสารความอยุติธรรมที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่โดยไม่เหนียมอาย สำเนียงโผล่วผสมไทยกลาง ฟังแล้วมีพลังอย่างบอกไม่ถูก

หลายประโยคจากแม่ลัดดาและแม่ยุพินทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศเวทีปราศรัย ลานกิจกรรมชุมชนลุกโชนเหมือนอยู่ข้างธรรมเนียบรัฐบาล ภายใต้ชุดพื้นเมืองของแม่ทั้งสอง ผมเหมือนกำลังฟังปราชญ์ชาวบ้าน ผสมแกนนำมวลชน ปน ๆ กับ NGOs ท้องถิ่น แม้จะเป็นเรื่องเดิม แต่กลับรู้สึกมีความหวัง

จากบิลลี่ถึงแม่ลัดดาและแม่ยุพิน จากบางกลอยถึงตะเพินคี่
ประเทศแห่งนี้คือแหล่งผลิต Local Hero อย่างแท้จริง…

เมษายน 2568 บ้านห้วหินดำ ด่านช้าง สุพรรณบุรี

เรื่อง ยศธร ไตรยศ
ภาพถ่าย Realframe

ขอขอบคุณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร - SAC สำหรับการอำนวยความสะดวกตลอดการลงพื้นที่มา ณ ที่นี้ครับ

17 เมษายน ครบรอบ 11 การหายตัวไปของ บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ เราอยากชวนทุกท่านย้อนกลับไปทำความเข้าใจส่วนหนึ่งของของที่มาท...
17/04/2025

17 เมษายน ครบรอบ 11 การหายตัวไปของ บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ เราอยากชวนทุกท่านย้อนกลับไปทำความเข้าใจส่วนหนึ่งของของที่มาที่ไปผ่านมุมมองของภาพถ่ายจาก Realframe กันอีกครั้ง

เรื่องและภาพ Yostorn Triyos

“อยู่ที่นี่มันร้อน นอนไม่ค่อยหลับ อยากกลับบ้านใจจะขาดแล้ว” คำพูดของปู่คออี้ชายชราอายุร้อยกว่าๆบอกผ่านชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่แปล ค่ำคืนนั้นผมเข้าใจความหมายของคำว่าร้อนที่ปู่พูดย้ำอยู่หลายครั้งอย่างชัดเจน ความร้อนของเดือนเมษายนหนักหนาด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว กับที่นี่ที่กระแสไฟฟ้าเข้าไม่ถึงด้วยยิ่งไปกันใหญ่

บ้านบางกลอยคือพื้นที่ที่ทางกรมอุทยานจัดสรรให้เป็นที่อยู่อาศัยของพี่น้องชาวปกาเกอะญอที่เดิมเคยอาศัยอยู่ที่บ้านใจแผ่นดินซึ่งตั้งอยู่ในเขตผืนป่าแก่งกระจานมาเป็นเป็นเวลากว่าร้อยปี มองอย่างผิวเผินสภาพพื้นที่ทั่วไปอาจไม่แตกต่างจากหมู่บ้านชนบทห่างไกลของประเทศกำลังพัฒนา สวยงามและโรแมนติกกว่าด้วยซ้ำในสายตาผู้มาเยือนที่อยู่ไม่นานอย่างผม สำหรับคนที่ต้องอยู่ยาวมันต่างออกไป...

ด้วยข้อจำกัดของความเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทำให้มีข้อห้ามหลายอย่างที่ต้องปฏิบัติ ทั้งในแง่ของขนาดและรูปแบบของการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งตรงข้ามกับวิถีปฏิบัติของชาวปกาเกอะญอที่พึ่งพิงผืนป่าอย่างชัดเจน บ้านส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ไผ่และวัสดุธรรมชาติที่หาได้ในพื้นที่ปลูกอยู่ไม่ห่างกันมากนัก ต่างจากเมื่อครั้งที่พวกเขาอาศัยอยู่ที่ใจแผ่นดิน แทบไม่เหลือครอบครัวที่ปลูกข้าวไร่ ชาวบ้านบางส่วนหันไปประกอบอาชีพทอผ้าซึ่งเป็นที่มาของรายได้สามพันบาทต่อเดือนหากทำต่อเนื่องทุกวัน “ไม่ชอบอยู่ที่นี่ ความรู้สึกเหมือนอยู่ในค่ายผู้อพยพมากกว่าบ้าน” มึนอภรรยาของบิลลี่กล่าวกับพวกเรา

สายของวันรุ่งขึ้นชาวบ้านจัดพิธีรับขวัญให้กับมึนอและลูกๆพร้อมกับแขกผู้มาเยือน พอมีโอกาสได้พูดคุยกันอยู่บ้างระหว่างนั้น ผมไม่ได้ถามถึงคดีความเท่าไหร่ด้วยเข้าใจว่าเธอคงต้องตอบคำถามเหล่านี้อยู่บ่อยๆและน่าจะสามารถถามข้อมูลเอากับเพื่อนนักข่าวหลายสำนักที่มาด้วยกัน เราคุยกันเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ทั่วๆไป การทำหน้าที่แม่ของลูกๆทั้ง 5 คนของเธอกับบิลลี่ ซึ่งในวันนั้นมาด้วยกันสามคน โอ๊ะ ลูกสาวคนโตกำลังจะขึ้น ม.1 เบญ สาวน้อยขี้อ้อนและ วี ลูกชายคนเล็กที่อายุเพียงหนึ่งขวบครึ่งในตอนที่บิลลี่หายตัวไป...รอยยิ้มไม่ใช่สิ่งขาดแคลนสำหรับเธอและลูกๆ แต่บางขณะของแววตาที่นิ่งเงียบและเรียบเฉยกลับทำให้ผมรู้สึกถึงความเศร้าและเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก...บางทีเธออาจไม่ควรต้องมาอยู่ตรงนี้ หรือบางทีหัวหน้าครอบครัวอาจไม่ควรเป็นหน้าที่ของเธอถ้าบิลลี่ยังอยู่

ขณะนั่งอยู่ท้ายรถกระบะผมทบทวนถึงต้นทางของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น พบว่าเกิดจากการตีความแนวทางในการอนุรักษ์ป่าในมิติทางด้านการอนุรักษ์โดยไม่คำนึงถึงข้อมูลทางด้านมนุษยวิทยา สังคมวิทยา ตลอดจนหลักการทางด้านสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด...ทำไมคนกับป่าถึงอยู่ร่วมกันไม่ได้ ในเมื่อแต่แรกเริ่มนั้นป่าคือบ้านหลังแรกของมนุษย์....เราจะตราหน้าคนที่อาศัยอยู่ในป่ามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษว่าบุกรุกได้อย่างไร เป็นผมเองก็คงลุกขึ้นมาทำอะไรบ้างถ้าอยู่ๆ มีใครไม่รู้มาไล่เราออกจากบ้านที่เราอาศัยมาตลอดชีวิต

17 เมษายนนี้ครบรอบ 3 ปีการหายตัวไปของบิลลี่ ท่ามกลางความล่าช้าและคลุมเครือของกระบวนการยุติธรรม ปู่คออี้ มึนอ และชาวบ้านใจแผ่นดินส่วนหนึ่งยังคงเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมตามกระบวนการทางกฎหมาย ไม่ว่าท้ายที่สุดผลจะออกมาป็นอย่างไร...ผมนับถือหัวใจของพวกเขาเหล่านั้น

ด้วยความเคารพ

เรื่องและภาพ Yostorn Triyos

ขอบคุณ Amnesty International Thailand และ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สำหรับการอำนวยความสะดวกระหว่างการลงพื้นที่ครับ

นึกถึงเชียงดาวนึกถึงอะไร ?ดอยหลวง ธรรมชาติ อากาศหนาวแต่เมื่อเชียงดาวพ้นฤดูหนาวเข้าสู่หน้าร้อนและฝุ่นควันคนที่ยังต้องอยู่...
22/03/2025

นึกถึงเชียงดาวนึกถึงอะไร ?
ดอยหลวง ธรรมชาติ อากาศหนาว
แต่เมื่อเชียงดาวพ้นฤดูหนาวเข้าสู่หน้าร้อนและฝุ่นควัน
คนที่ยังต้องอยู่ในพื้นที่คือสิ่งที่เรียกว่า"คนเชียงดาว"

Realframe ร่วมกับ Makhampom Art Space
ชวนทุกคนมาสัมผัสเรื่องราวของผู้คนที่เป็นหัวใจของเชียงดาว🤍
รวมถึงชุมชนท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์และความรู้ในทุกแขนง
ตั้งแต่คนเชียงดาวแท้ ๆ จนถึงผู้ที่เลือกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่
มาร่วมค้นพบการเปลี่ยนแปลงและประสบการณ์ที่พวกเขา โดยนำเสนอ
ผ่านภาพถ่ายพอร์ตเทรต 11 ชีวิต ที่สะท้อนถึง ‘DNA’ ของเชียงดาวในหลากหลายแง่มุม

“People of Chiang Dao”
นิทรรศการภาพถ่าย”คนเชียงดาว”

⛰️กิจกรรมภายในงานเปิดนิทรรศการ..

ชวนเดินชมนิทรรศการและแลกเปลี่ยนมุมมองเชียงดาวไปพร้อมกับศิลปิน อ๊อฟ ธีระพงษ์ สีทาโส

ร่วมฟังเบื้องหลัง กว่าจะมาเป็นนิทรรศการ People of Chiang Dao

วงคุยเล็กๆในหัวข้อ : “อยู่ให้รอด อยู่ให้ได้ อยู่ให้ดี” ได้อย่างไรในเชียงดาว

ร่วมสัมผัสกลิ่นของเชียงดาว ผ่านการเบลนด์น้ำมันหอม
โดย กิฟท์ GiftZense
นักปรุงน้ำมันหอมเพื่อการเยียวยา

รับชมผลงาน Van der Waals วิดิโอทดลอง Visual Experiment
จากเทคนิค Point Cloud
โดยศิลปิน Midnight Valencia

แล้วพบกัน💕

📆 วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568
🕟 เวลา 17.30-20.00น.
📍 สถานที่ : มะขามป้อมอาร์ต สเปซ
https://maps.app.goo.gl/FThHYQGFKmcLcRXH9



Realframe และ Miinority Rights Group International (MRG) ขอเชิญผู้สนใจร่วมงานเปิดนิทรรศการภาพถ่ายและเวทีเสวนา “วิถีสามัญ...
18/03/2025

Realframe และ Miinority Rights Group International (MRG) ขอเชิญผู้สนใจร่วมงานเปิดนิทรรศการภาพถ่ายและเวทีเสวนา “วิถีสามัญชนชายแดนใต้ผ่านมุมมองคนรุ่นใหม่ในพื้นที่สีเทา”

ผลงานภาพถ่ายของช่างภาพรุ่นใหม่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ที่ถ่ายทอดเรื่องราวในมุมมองของ "คนใน" จากพื้นทีที่คนทัวไปมองว่าเป็น "สีเทา"

อาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2568 ณ ร้าน D Kommune Space & Taproom ปากซอยทวีวัฒนา 53 เวลา 16:00 น.เป็นต้นไป และร่วมละศีลอด (รับประทานอาหารเย็น) เวลา 18:30 น. เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวิถีชีวิตเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิม

นิทรรศการจัดแสดงถึง 30 มีนาคม 2568

Realframe ร่วมงาน ‘Rights Inspired by You’  โดย  Amnesty International Thailand กิจกรรมจัดขึ้นที่โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น จต...
14/12/2024

Realframe ร่วมงาน ‘Rights Inspired by You’ โดย Amnesty International Thailand
กิจกรรมจัดขึ้นที่โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น จตุจักร กรุงเทพ
วันนี้ถึงเวลา 21.00 น. ใครสนใจแวะเวียนมาแลกเปลี่ยนกันได้ครับ
🤘

Realframe ร่วมกับ D commune ขอเชิญชวนผู้สนใจรวมงาน "ความรุนแรงจาก ตากใบ - 6 ตุลาฯ" วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 เวลา 18....
25/10/2024

Realframe ร่วมกับ D commune ขอเชิญชวนผู้สนใจรวมงาน "ความรุนแรงจาก ตากใบ - 6 ตุลาฯ"
วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ที่ ร้าน D Kommune ดี คอมมูเน ศาลายา ปากซอยทวีวัฒนา 53
ในงานพบกับกิจกรรม:
- ชวนชมภาพถ่ายชายแดนใต้ โดย RealFrame
- วงสนทนา ”จาก 6 ตุลาฯ - เหตุการณ์ตากใบ: ความทรงจำ/ความจริงไม่เคยหมดอายุ ?” โดย ยศธร ไตรยศ บดินทร์ สายแสง และงามศุกร์ รัตนเสถียร
- รับฟังดนตรีจากวง D Kommune Brass

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Realframeผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

ประเภท

ใครคือเรียลเฟรม?

เรียวเฟรม คือการรวมตัวของกลุ่มช่างภาพในประเทศไทย ที่สนใจประเด็นสิทธมนุษยชน สังคม การเมือง รวมไปถึงความเหลื่อมล้ำในมิติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศและภูมิภาคอาเซียน โดยใช้ภาพถ่ายเป็นเครื่องมือในการบอกเล่าเรื่องราวเล่านั้น เพื่อนำไปสู่การตั้งคำถาม ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งของกลไกลที่จะพลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเด็นดังกล่าว “เราไม่ใช่สำนักข่าวที่รายงานข้อมูลเป็นกลางรอบด้าน เราไม่ใช่ศิลปินที่คัดสรรความงามและพื้นที่แห่งการตีความ เราไม่ใช่นักวิชาการที่พร้อมด้วยคำอธิบาย จริงๆแล้ว เราอาจเป็นเพียงตัวแทนของชนชั้นล่างที่ตะโกนแหกปากสบถเรียกร้องชีวิตที่ดีขึ้นผ่านภาพถ่าย” https://realframe.co/