Policenews ข่าวสารตำรวจ อาชญากรรม และปกิณกะ

"มทภ.2" เมิน'ฮุนเซน' ของดใช้ F-16  ย้ำ จำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย  ลั่นไม่เคยคิดลอบสังหาร เข้มคุม สายลับ BHQ  #กัมพูชา  #ไท...
07/08/2025

"มทภ.2" เมิน'ฮุนเซน' ของดใช้ F-16 ย้ำ จำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย ลั่นไม่เคยคิดลอบสังหาร เข้มคุม สายลับ BHQ #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน https://today.line.me/th/v3/article/rm1EYQj

บิ๊กเต่า นำกำลัง ปปป.บุกรวบ “อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร” พัวพันสีกากอล์ฟ ปมทุจริตเงิน มจร. 3 ล้านบาท พร้อม ตามจับอีก 2 คน ...
07/08/2025

บิ๊กเต่า นำกำลัง ปปป.บุกรวบ “อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร” พัวพันสีกากอล์ฟ ปมทุจริตเงิน มจร. 3 ล้านบาท พร้อม ตามจับอีก 2 คน คุมตัวสอบสวน https://today.line.me/th/v3/article/mWVlvEZ

รวบ “ไฮโซลูกนัท” ยึดปืนกว่า 20 กระบอก กระสุน อีกอื้อ พร้อมโคเคน หลังผู้เสียหายหลบหนีแจ้งความเอาผิดถูกใช้ปืนทำร้ายตบหน้าบ...
07/08/2025

รวบ “ไฮโซลูกนัท” ยึดปืนกว่า 20 กระบอก กระสุน อีกอื้อ พร้อมโคเคน หลังผู้เสียหายหลบหนีแจ้งความเอาผิดถูกใช้ปืนทำร้ายตบหน้าบังคับเสพยา https://today.line.me/th/v3/article/qo9aZ9D

จเรตำรวจแห่งชาติประชุมวอร์รูม IAC เปิดปฏิบัติการ “ปิดประตูทุบหม้อข้าว” ปักธง 3 เดือน ล้างบางคอลเซ็นเตอร์ฐานใหญ่ของโลก   ...
04/08/2025

จเรตำรวจแห่งชาติประชุมวอร์รูม IAC เปิดปฏิบัติการ “ปิดประตูทุบหม้อข้าว” ปักธง 3 เดือน ล้างบางคอลเซ็นเตอร์ฐานใหญ่ของโลก #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #คอลเซ็นเตอร์ https://today.line.me/th/v3/article/PGQqZGM

ศบ.ทก. ชี้ กัมพูชาละเลยเก็บศพทหาร ละเมิดศักดิ์ศรีเกียรติยศ-ขัดหลักศาสนา หวั่นโรคระบาด    #กัมพูชา  #ไทยกัมพูชา     #ชายแ...
04/08/2025

ศบ.ทก. ชี้ กัมพูชาละเลยเก็บศพทหาร ละเมิดศักดิ์ศรีเกียรติยศ-ขัดหลักศาสนา หวั่นโรคระบาด #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน https://today.line.me/th/v3/article/GgLJMw7

แม่ทัพภาคที่ 2 โต้ ‘พล.ท.มาลี’ ปมกล่าวหาทหารไทยยึดช่องอานม้าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ยันเป็นพื้นที่ไทย ทหารประจำการตามสิทธิ ...
04/08/2025

แม่ทัพภาคที่ 2 โต้ ‘พล.ท.มาลี’ ปมกล่าวหาทหารไทยยึดช่องอานม้าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ยันเป็นพื้นที่ไทย ทหารประจำการตามสิทธิ #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน https://today.line.me/th/v3/article/QwJ8vgz

แรงงานชาวกัมพูชา กว่า 10,000 คน ยังทยอยเดินทางกลับประเทศ กลัว ‘ฮุนเซน’ ยึดที่!    #กัมพูชา  #ไทยกัมพูชา     #ชายแดนไทยกั...
04/08/2025

แรงงานชาวกัมพูชา กว่า 10,000 คน ยังทยอยเดินทางกลับประเทศ กลัว ‘ฮุนเซน’ ยึดที่! #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน https://today.line.me/th/v3/article/l2X9r2G

กองทัพไทยประณามกัมพูชาปล่อยทิ้งศพทหารเน่าคาพื้นที่การรบ ไร้ซึ่งมนุษยธรรมและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง[English...
04/08/2025

กองทัพไทยประณามกัมพูชาปล่อยทิ้งศพทหารเน่าคาพื้นที่การรบ ไร้ซึ่งมนุษยธรรมและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง

[English version below 🔻🔻🔻]
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ประณามการกระทำของรัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชา ที่ปล่อยศพทหารของตนเองไว้ในพื้นที่การรบโดยไม่มีการจัดการใด ๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรมและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
การกระทำเช่นนี้เป็นการทำลายเกียรติของผู้เสียชีวิต และสร้างความเจ็บปวดให้กับครอบครัวอย่างไม่สามารถให้อภัยได้ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาเจนีวา (Geneva Conventions) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) ที่กำหนดให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งต้องจัดการกับศพผู้เสียชีวิตด้วยความเคารพและสมเกียรติ
ในทางกลับกัน กองทัพไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลสวัสดิการทหารทุกระดับชั้นอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะกำลังพลในแนวหน้าที่สละชีพเพื่อชาติ เรามีแนวทางปฏิบัติที่เคร่งครัดและเป็นไปตามหลักสากล โดยทุกครั้งเมื่อสิ้นสุดการปะทะหรือสถานการณ์คลี่คลาย หน่วยดำเนินกลยุทธ์จะเร่งดำเนินการค้นหาและรวบรวมผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างทันท่วงที โดยมีขั้นตอนที่รัดกุมและเป็นไปตามหลักการแพทย์ทางทหาร มีการระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตอย่างรอบคอบ และจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติให้กับวีรชนผู้กล้า โดยมีการมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเงินช่วยเหลือเพื่อเชิดชูความกล้าหาญและเป็นขวัญกำลังใจแก่ครอบครัว
ตลอดจนดูแลสวัสดิการของครอบครัวทหารผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการศึกษาบุตรหลาน และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่พึงได้รับ เพื่อให้มั่นใจว่าครอบครัวจะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ และสำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บ มีการส่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทหารที่ดีที่สุด และดูแลจนกว่าจะหายเป็นปกติ
การดำเนินการเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ทำตามหน้าที่ แต่คือการแสดงความเคารพต่อวีรกรรมและความเสียสละของทหารกล้าทุกคน ที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ เพราะสำหรับเรา
"เกียรติศักดิ์ของทหาร คือเกียรติยศ และความภูมิใจของชาติและแผ่นดิน"
เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพกัมพูชาตระหนักถึงหน้าที่ตามหลักสากล และแสดงความรับผิดชอบต่อทหารของตนเอง ด้วยการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมและสมเกียรติ ไม่ควรปล่อยให้วีรบุรุษของชาติถูกทอดทิ้งอย่างน่าอับอายเช่นนี้
ข้อเท็จจริงได้สะท้อนชัดเจนว่า ฝ่ายหนึ่งเชิดชูทหารกล้า ส่วนอีกฝ่ายตั้งใจทอดทิ้งแม้กระทั่งศพผู้เสียชีวิต
จึงเกิดเป็นคำถามว่า สุดท้าย กัมพูชารักและให้เกียรติทหารที่พลีชีพปกป้องประเทศชาติของตนจริงหรือไม่ หรือคำนึงเพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้ามากกว่าทหารผู้ยอมพลีชีพเพื่อชาติ
--------------------------------------------
Royal Thai Armed Forces Condemn Cambodia for Abandoning Fallen Soldiers in Violation of International Humanitarian Law
4 August 2025 – Major General Vithai Laithomya, Spokesperson for the Royal Thai Armed Forces Headquarters, issued a strong condemnation of the Cambodian government and armed forces for abandoning the bodies of their fallen soldiers on the battlefield without any recovery efforts or dignified handling. He described the act as utterly inhumane and a grave violation of international law.
Such conduct dishonors the fallen and causes unforgivable pain to the families of those killed in action. It directly contravenes the Geneva Conventions and the principles of International Humanitarian Law, both of which require all parties to a conflict to treat the remains of deceased combatants with dignity and respect.
In stark contrast, the Royal Thai Armed Forces strictly adhere to international standards and place the utmost importance on the welfare of all military personnel, especially those on the front lines who sacrifice their lives in defense of the nation.
Immediately following the cessation of hostilities, Thai operational units conduct rapid search and recovery missions for the wounded and the dead, in accordance with military medical protocols and comprehensive identification procedures. Deceased personnel are honored with full military funerals, state decorations, and financial support is provided to their families in recognition of their bravery.
Support for the families of the fallen continues well beyond the ceremony, including educational assistance for their children and access to all entitled benefits, to ensure their long-term stability and livelihood. Wounded soldiers receive the highest standard of medical care at Thai military hospitals until they fully recover.
These efforts are not merely the fulfillment of duty, but a profound expression of respect for the valor and sacrifice of every brave soldier who has laid down their life in defense of the nation’s sovereignty.
For us, “The honor of a soldier is the pride and dignity of the nation.”
The Royal Thai Armed Forces therefore call upon the Cambodian government and military to uphold their obligations under international law and to treat their own fallen soldiers with humanity and honor.
No soldier who served their nation should ever be left to rot in disgrace on the battlefield.
This situation draws a clear contrast:
“One side honors its fallen heroes. The other side chooses to abandon them.”
It prompts a sobering question:
“Does Cambodia truly respect those who died defending their country — or does it prioritize political convenience over the dignity of its own troops?"
#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
#สดุดีทหารกล้า
#กัมพูชายิงก่อน



#เกียรติศักดิ์ทหารคือเกียรติศักดิ์แผ่นดิน

#ทหารมีไว้เพื่อปกป้องอธิปไตย
#เขมรทอดทิ้งทหารตัวเอง

ทบ.’ ยกระดับรับมือภัยคุกคาม ‘โดรน’ เข้มพื้นที่ทัพภาค 1-2 ใช้อาวุธยิงทำลายได้ทันทีเมื่อวันที่ 2 ส.ค. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท...
02/08/2025

ทบ.’ ยกระดับรับมือภัยคุกคาม ‘โดรน’ เข้มพื้นที่ทัพภาค 1-2 ใช้อาวุธยิงทำลายได้ทันที

เมื่อวันที่ 2 ส.ค. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือโดรนที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในปัจจุบัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที

พ.อ.ริชฌา กล่าวต่อว่า ในการนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึงภาคที่ 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้ 1.ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค เป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย

พ.อ.ริชฌา กล่าวอีกว่า 2.ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร และสารวัตรทหาร เพื่อดำเนินการสกัดกั้นและติดตามจับกุมผู้บังคับหรือใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย สำหรับแนวทางการใช้อาวุธในการต่อต้านอากาศยานไร้นักบิน แบ่งเป็นกรณี ดังนี้ 1.กรณีมีการใช้อาวุธก่อน หรือพบพฤติการณ์เป็นภัยคุกคามร้ายแรง ที่อาจกระทบต่อชีวิตของกำลังพลและประชาชน รวมถึงอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ ให้หน่วยที่วางกำลังตามแนวชายแดนสามารถใช้อาวุธประจำกายหรืออาวุธประจำหน่วยเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามได้ทันที

พ.อ.ริชฌา กล่าวอีกว่า 2.กรณีตรวจพบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และภาคที่ 2 พื้นที่แนวหน้า สามารถใช้ทั้งมาตรการ Soft Kill และ Hard Kill ได้ ส่วนพื้นที่ส่วนหลัง ให้ใช้ Soft Kill เป็นลำดับแรก หากไม่สามารถดำเนินการได้ จึงให้ใช้ Hard Kill โดยต้องใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินของประชาชน 3.กรณีตรวจพบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 และภาคที่ 4 ให้เน้นการใช้มาตรการ Soft Kill ก่อนเป็นลำดับแรก หากสถานการณ์จำเป็น ให้ใช้มาตรการ Hard Kill ตามความเหมาะสม รวมถึงการใช้อาวุธให้ถือเป็นความรับผิดชอบหลักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหน่วยทหารสามารถใช้อาวุธได้เฉพาะในขอบเขตที่ตั้งและพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย โดยใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง และต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์

พ.อ.ริชฌา กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรือทราบเบาะแสเกี่ยวกับการบังคับหรือปล่อยอากาศยานไร้นักบิน ที่อาจฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วนความมั่นคง 1374 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้กองทัพบก ยังจัดทำกราฟิก ข้อความอธิบาย 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ โดยระบุว่า ห้ามบินโดรนทุกกรณี “ภัยเงียบจากฟ้า… อาจเท่ากับภัยต่อแผ่นดิน” การใช้โดรนในลักษณะสอดแนมหรือจารกรรมข้อมูลลับ เช่น บินเหนือพื้นที่ทหาร พรมแดน หน่วยงานราชการการบันทึกภาพ เสียง สัญญาณเพื่อส่งให้ต่างชาติและดัดแปลงติดอุปกรณ์พิเศษ เช่น กล้องอินฟราเรด เครื่องดักฟังเข้าข่าย ความผิดฐานจารกรรม / สายลับกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร บทลงโทษตามกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 122(3), พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, พระราชบัญญัติการเดินอากาศ โทษหนักจำคุกตลอดชีวิตหรือถึงขั้น “ประหารชีวิต” หากมีเจตนาและพฤติการณ์ร้ายแรง พร้อมระบุตอนท้ายว่า อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก! การบินมีผลต่อความมั่นคง หน่วยความมั่นคงติดตามจับตาอย่างใกล้ชิด ความมั่นคงของชาติ… ไม่ใช่ของเล่น หากพบเห็นพฤติกรรมน่าสงสัย แจ้ง 1374 สายด่วนความมั่นคง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยกัมพูชาปฏิเสธว่าร่างทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะตามแนวชายแดน “ไม่ใช่ทหารของตน” เป็นการลดทอน...
02/08/2025

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยกัมพูชาปฏิเสธว่าร่างทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะตามแนวชายแดน “ไม่ใช่ทหารของตน” เป็นการลดทอนเกียรติภูมิของผู้เสียสละอย่างไร้ยางอาย

วันที่ 2 ส.ค. 68 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชายังคงตึงเครียด ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของชาติ ซึ่งสะท้อนผ่านพลังของประชาชนที่พร้อมยืนหยัดร่วมกัน สนับสนุน รัฐบาลโดยกองทัพไทย บุคลากรทุกหน่วย และให้เกียรติแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องแผ่นดินอย่างสูงสุดสมเกียรติ
“สิ่งที่ประเทศไทยมี และเป็นจุดแข็งที่ไม่มีใครพรากไปได้ คือความรักชาติของคนไทย ความสามัคคีของคนในชาติที่ไม่สั่นคลอน และความศรัทธาอย่างลึกซึ้งต่อทหารผู้เสียสละในแนวหน้า ซึ่งเป็นเกราะปกป้องประเทศในยามวิกฤต” รองโฆษกรัฐบาลกล่าว
การที่กัมพูชาปฏิเสธว่าร่างทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะตามแนวชายแดน “ไม่ใช่ทหารของตน” เป็นการลดทอนเกียรติภูมิของผู้เสียสละอย่างไร้ยางอาย ต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในคุณค่าของความเสียสละ และเชิดชูเกียรติทหารในฐานะผู้ปกป้องแผ่นดิน ผู้เป็นหลักชัยแห่งศักดิ์ศรีของชาติ
#ศศิกานต์วัฒนะจันทร์ #รองโฆษกรัฐบาล #ทหารไทย #ทหารกัมพูชา #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา

พักรบ!.. ชายแดนไทย- กัมพูชา "ภูมิธรรม" นำทีม ตำราจปราบปรามยาเสพติด แถลงจับเครือข่ายยาบ้า     #กัมพูชา  #ไทยกัมพูชา     #...
30/07/2025

พักรบ!.. ชายแดนไทย- กัมพูชา "ภูมิธรรม" นำทีม ตำราจปราบปรามยาเสพติด แถลงจับเครือข่ายยาบ้า #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน

30 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด( บช.ปส.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด
โดยผลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติในรอบเกือบ 10 เดือนที่ผ่านมา (1 ต.ค. 67 – 30 ก.ค. 68) มีการดำเนินคดี 210,780 คดี จับผู้ต้องหา 211,529 คน รวมทั้งจับตามหมายจับ 5,411 ราย พร้อมดำเนินคดีในข้อหาสมคบ สนับสนุน 3,122 คดี และข้อหาฟอกเงินอีก 235 คดี ของกลางที่ตรวจยึดได้มีปริมาณมหาศาล ได้แก่ ยาบ้า จำนวน 851.66 ล้านเม็ด, ไอซ์ 41,137 กิโลกรัม, เฮโรอีน 1,209 กิโลกรัม, คีตามีน 5,512 กิโลกรัม, ยาอี 286,726 เม็ด ขณะเดียวกัน ยังสามารถยึดอายัดทรัพย์จากขบวนการค้ายาเสพติดได้ถึง 12,417 ล้านบาท

นอกจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังเปิด “ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติด” อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ตั้งแต่ มิ.ย.67 ถึง ก.ค. 68 จำนวนรวมทั้งสิ้น 8 ครั้ง ผลจากการปฏิบัติการดังกล่าวสามารถปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายได้ 9,252 เครือข่าย, ตรวจค้นเป้าหมาย 33,242 จุด, ศาลอนุมัติหมายจับ 2,316 หมาย, ดำเนินคดี 61,420 คดี, จับกุมผู้ต้องหา 62,616 คน, จับตามหมายจับได้ 3,346 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางเพิ่มเติมอีกจำนวนมหาศาล ประกอบด้วย อาวุธปืน 2,849 กระบอก, ยาบ้า 329,773,549 เม็ด, เฮโรอีน 1,432.53 กิโลกรัม, คีตามีน 1,926.77 กิโลกรัม, ไอซ์ 27,974.43 กิโลกรัม, ยาอี 108,259 เม็ด, มูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้ 4,580 ล้านบาท

โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 1–30 ก.ค. 68 บช.ปส. ได้บูรณาการกำลัง จับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญได้ถึง 19 คดี ผู้ต้องหา 45 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 46.88 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1,408 กิโลกรัม และคีตามีน 150 กิโลกรัม

กองทัพไทย ผิดหวังรัฐบาลกัมพูชา ปฏิเสธข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในแนวหน้า  ตำหนิกองทัพกัมพูชาทอดทิ้งทหารให้รบโดยลำพังพลตรี วิ...
30/07/2025

กองทัพไทย ผิดหวังรัฐบาลกัมพูชา ปฏิเสธข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในแนวหน้า ตำหนิกองทัพกัมพูชาทอดทิ้งทหารให้รบโดยลำพัง

พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ออกมาแสดงความผิดหวังต่อคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 โดยชี้แจงและแสดงจุดยืนต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้

1. ประเทศไทยยึดถือข้อเท็จจริง และไม่กล่าวหาโดยไร้หลักฐาน : จากข้อมูลที่กองทัพไทยเปิดเผยต่อสาธารณชน ในการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา โดยยืนยันว่าทหารกัมพูชาได้เปิดฉากการยิงเข้ามายังที่มั่นทหารไทยบริเวณภูมะเขือ และช่องอานม้า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 21.30 น. นั้น มิได้เกิดจากการกล่าวหาโดยปราศจากมูลความจริง หากแต่ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่หน้าแนวการวางกำลังของทหาร ซึ่งได้รับการตรวจสอบโดยหลายหน่วยงาน มีบันทึกเหตุการณ์ การสื่อสาร และพยานแวดล้อมที่ยืนยันชัดเจน
การที่ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว มิใช่เพียงการเพิกเฉยต่อหลักฐานที่ปรากฏ แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของกลไกสันติภาพในเวทีโลก ทั้งนี้ กองทัพไทยพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อกลไกผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง และยืนยันข้อเท็จจริงบนหลักฐานที่ตรวจสอบได้ เพื่อพิสูจน์ให้ประชาคมโลกเห็นว่า กองทัพไทยปฏิบัติตามคำมั่นอย่างเคร่งครัด "ไม่ใช่แค่ออกมาพูดว่า "มุ่งมั่นและแน่วแน่" แต่พิสูจน์ได้ด้วยการกระทำ
2. พฤติกรรมของทหารกัมพูชาสะท้อนปัญหาภายในกองทัพตนเอง : การที่ทหารกัมพูชาบางหน่วยยังคงใช้อาวุธหลังการหยุดยิง สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพของการบังคับบัญชา และภาวะขาดวินัยในหมู่ทหารระดับผู้ปฏิบัติการ โดยการออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบของรัฐบาลกัมพูชา ตอกย้ำว่า กองทัพกัมพูชาไม่สามารถควบคุมกำลังพลของตนเองได้ เข้าข่ายภาวะ “ล้มเหลวในการบังคับบัญชา” หมายความได้ว่า ณ ปัจจุบัน ระบบการบังคับบัญชาภายในกองทัพกัมพูชาขาดประสิทธิภาพ ผู้นำไม่สามารถควบคุมกำลังพลของตนเองได้ หรือหากเลวร้ายกว่านั้น อาจเป็นการที่มีผู้มีเจตนาปล่อยให้เกิดความรุนแรงเพื่อหวังผลทางการเมืองบางประการ
3. ไทยยืนยันเจตนารมณ์สันติภาพ โดยเปิดรับการตรวจสอบจากกลไกที่เป็นกลาง : กองทัพไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกลไกระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริง การเข้าถึงพื้นที่ และการเปิดเผยข้อมูล โดยไม่มีสิ่งใดต้องปกปิด โดยฝ่ายไทยมั่นใจในความโปร่งใสของตนเอง และเชื่อมั่นว่าความจริงจะเป็นเครื่องยืนยันถึงความรับผิดชอบและความตั้งใจที่แท้จริง
4. เรียกร้องให้กัมพูชาทบทวนตนเอง โดยหยุดกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่แก้ปัญหาภายใน :
ก่อนที่รัฐบาลกัมพูชาจะกล่าวหาประเทศอื่นว่าบิดเบือนความจริง ควรหันกลับไปตรวจสอบตนเอง ว่าเหตุใดคำสั่งหยุดยิงจึงไม่สามารถหยุดเสียงปืนในแนวหน้าได้ หากไม่สามารถควบคุมทหารให้ยุติการสู้รบหลังคำสั่งหยุดยิงได้ ย่อมหมายความว่า รัฐบาลขาดอำนาจในการควบคุมบังคับบัญชากองทัพของตนเองอย่างสิ้นเชิง และการที่กองทัพกัมพูชาไม่สามารถสั่งการให้หยุดยิงได้ หมายถึงความอ่อนแอและไร้เสถียรภาพของกองทัพ นำไปสู่ความไร้ศักดิ์ศรีของการเป็นชายชาติทหาร จึงขอเรียกร้องให้สังคมโลกประณามและจับตามองว่ากองทัพกัมพูชาเป็นกองทัพที่สร้างภัยคุกคามทั้งต่อภูมิภาคและประชาคมโลก
5. สุดท้ายเหตุการณ์ที่ทหารกัมพูชาใช้อาวุธประจำกายและอาวุธประจำหน่วยขนาดเล็กยิงเข้ามายังที่มั่นทหารไทยเมื่อคืนนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ทหารกัมพูชาในแนวหน้าถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังในพื้นที่ห่างไกลโดยขาดการดูแล ส่งกำลังบำรุง จากกองทัพ โดยมีทหารกัมพูชาหลายนาย ยอมวางอาวุธและเข้ามอบตัวต่อทหารไทยในเวลาต่อมา
พฤติกรรมดังกล่าว มิใช่แค่ละเมิดคำสั่ง แต่ยังสะท้อน “สัญญาณอันตราย” ว่ากองทัพกัมพูชาขาดความสามารถในการจัดการกำลังพลในยามวิกฤต ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชากล่าวอ้างถึง “ความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่” เพื่อสันติภาพในทุกบรรทัดของแถลงการณ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ชี้ให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ได้หวังผลทางยุทธวิธี แต่เป็นการ “เรียกร้อง” จากความรู้สึกถูกทอดทิ้ง ไม่มีเสบียง ไม่มีการหมุนเวียนกำลัง และขาดสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพ สะท้อนว่ากองทัพกัมพูชาคือระบบอำนาจนิยมที่สร้างจากความหวาดกลัวและไร้มนุษยธรรม
กองทัพไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชา “หันกลับไปดูแลทหารของตัวเอง” ก่อนที่จะกล่าวหาใคร ๆ ว่าบิดเบือนความจริง พฤติกรรมการแสดงออกที่เกิดขึ้น แสดงว่าพวกเขาเหนื่อยล้า หวาดกลัว หิวโหย และต้องการให้ “ผู้บังคับบัญชาของตนดูแลและแสดงความรับผิดชอบ” มากกว่าออกมาแก้ตัว และโกหกซ้ำซาก
กองทัพไทย ขอยืนยันอีกครั้งว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นต่อกระบวนการสันติภาพโดยแท้จริง พร้อมดำเนินการอย่างโปร่งใส มีวินัย และยึดมั่นในพันธสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาคมระหว่างประเทศ ขอเรียกร้องให้กัมพูชากลับมาทบทวนตนเองอย่างจริงจัง และยุติพฤติกรรมการปฏิเสธความจริง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นฟูสันติภาพอย่างยั่งยืน
---------------------
Royal Thai Armed Forces Express Disappointment Over Cambodia’s Denial of Frontline Realities; Condemn Abandonment of Troops
Major General Vithai Laithomya, Spokesperson of the Royal Thai Armed Forces Headquarters, expressed disappointment toward the statement issued by Cambodia’s Ministry of Foreign Affairs and International Cooperation on the evening of 29 July 2025. The Royal Thai Armed Forces would like to clarify and declare its position as follows:
1. Thailand upholds facts and does not issue baseless accusations
The information publicly disclosed by the Royal Thai Armed Forces regarding Cambodia’s ceasefire violations—including Cambodian troops initiating fire on Thai positions at Phu Makua and Chong Ahn Ma on 29 July 2025 at 21.30 hrs—is grounded in verified facts and not speculative allegations. These incidents occurred clearly within the frontline zone and have been corroborated by multiple Thai units through event logs, communication intercepts, and on-ground witnesses.
Cambodia’s denial disregards this body of evidence and erodes confidence in global peace mechanisms. Thailand remains fully committed to cooperating with impartial observers and to verifying facts through transparent, evidence-based processes. Our resolve is not merely declared, but demonstrated.
2. Behavior of Cambodian troops reflects internal dysfunction within their armed forces
The continued use of weapons by some Cambodian units after the ceasefire demonstrates a breakdown in command and discipline at the operational level. The Cambodian government's refusal to take responsibility underscores the inability of its military leadership to control its troops, which constitutes a clear failure of command.
This situation suggests either a lack of operational control or, in a more troubling scenario, the deliberate perpetuation of violence for political gain.
3. Thailand reaffirms its commitment to peace and welcomes neutral oversight
The Royal Thai Armed Forces stands ready to cooperate fully with neutral international mechanisms in verifying the facts, facilitating access to relevant areas, and disclosing necessary information. Thailand is confident in its transparency and discipline, and affirms that the truth will speak for itself regarding its commitment and conduct.
4. Cambodia must reflect internally before blaming others
Before accusing other nations of distorting the truth, the Cambodian government must ask why its ceasefire orders fail to silence weapons on the frontlines. If the Cambodian military cannot enforce compliance, it indicates a total lack of command authority.
The inability to issue or enforce ceasefire orders points to a fragile and unstable military structure, undermining the credibility and dignity of its armed forces. Thailand urges the international community to condemn these actions and closely monitor the Cambodian military as a source of instability in the region and beyond.
5. The use of weapons by Cambodian troops last night (29 July 2025) reflects abandonment, not strategy
The small-arms fire directed at Thai positions last night was not part of any tactical maneuver. It reflected the desperate conditions faced by Cambodian frontline soldiers, who were left without supply, rotation, or basic support.
Several Cambodian troops later surrendered to Thai forces, indicating that they had been abandoned in remote areas without logistical backing. This is not only a violation of ceasefire agreements but also a grave indicator of the Cambodian military’s inability to manage personnel during crises.
While Cambodia publicly speaks of its “firm commitment” to peace, the actions on the ground show otherwise. The current Cambodian military system is driven by fear and lacking basic humanitarian concern.
The Royal Thai Armed Forces urge the Cambodian government and military to “look after your own soldiers” before casting blame on others. The exhaustion, fear, and hunger of their frontline troops speak louder than any official statement—they do not need excuses, they need leadership.
Thailand reiterates its unwavering commitment to genuine peace through discipline, transparency, and responsibility. We urge Cambodia to engage in honest self-reflection and end its denial of reality—such denial remains the greatest obstacle to lasting peace.
#เขมรยิงก่อน


#หยุดบิดเบือน

#เคารพกติกาสากล
#รวมพลังแผ่นดิน
#หยุดยิงต้องหยุดจริง

ที่อยู่

242 ซอยประชานุกูล 3 ซอย 1 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ
Bangkok
10800

เบอร์โทรศัพท์

+66986828978

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Policenewsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Policenews:

แชร์