เจริญกรุง

เจริญกรุง ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก เจริญกรุง, ครีเอเตอร์ดิจิทัล, Bangkok.

กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายหลานเหลนโหลนที่เคารพรัก พวกเรา #เจริญกรุง ขอเรียนเชิญทุก ๆ ท่านเข้ามาร่วมเพลิดเพลินกับพื้นที่แห่งการหลอมรวมทางศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ภายใต้การนำเสนอที่ร่วมสมัย และรุ่มรวยอารมณ์ขัน บนพื้นฐานของกาลเทศะอย่างไทย 🇹🇭

08/11/2025

EP.342 ป้าป้อนหลานตอนที่ ๔ เรื่อง "กระได ช่างสิบหมู่ และวังหลวง"
พระนิพนธ์ ม.จ.ดวงจิตร จิตรพงศ์
#รวีโรจน์เล่าเรื่อง #ประวัติศาสตร์ #ประวัติศาสตร์ไทย

เราอาจจะเคยเห็นการทำบุญให้ผู้ตายตามจำนวนการครบรอบ "วาร" ที่เสียชีวิต ทั้ง ๗ วัน ๑๕ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน ๑ ปี และ ๓ ปี แต่ท...
08/11/2025

เราอาจจะเคยเห็นการทำบุญให้ผู้ตายตามจำนวนการครบรอบ "วาร" ที่เสียชีวิต ทั้ง ๗ วัน ๑๕ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน ๑ ปี และ ๓ ปี แต่ที่ได้ยินมากที่สุดคือ ช่วงระยะเวลาละจากโลกนี้ไปแล้ว ๑๐๐ วัน มีบ่อยมากที่สุด เพราะยังพอมีเวลาให้จัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ในการทำบุญกุศล

ที่มาในการทำบุญให้ผู้วายชนม์นี้ มีมาจากแผ่นดินม่านไม้ไผ่หรือประเทศจีน แต่ดั่งเดิมแล้วตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันอย่างเข้มงวด คือช่วงทุก ๗ วัน ๗ หน รวมเป็นระยะเวลา ๔๙ วัน เรียกว่า จั้วชี 做七 ที่มานั้นมาจากแนวคิดพระพุทธศาสนา นิกายมหายาน ซึ่งมีปรากฏใน "กษิติครรภปุรวปณิธานสูตร" และ "มหายานโยคภูมิศาสตร์" ที่กล่าวถึงภาวะดวงจิตหลังสิ้นชีพ ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการประกอบกุศลกิจสุนทรทานต่าง ๆ ให้ผู้ตาย เพราะจะได้รับอย่างโดยไวและเกื้อหนุนให้ไปสุคติ ดังนั้นในทุก ๗ วัน จะมีการทำสังฆทานถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุ และเซ่นไหว้ผู้ตาย เป็นต้น
ซึ่งในช่วงนี้ ๔๙ วันนี้ ผู้มีสายเลือดใกล้ชิด จะทำการถือศีล กินเจ เผื่ออุทิศให้ผู้ตายอีกด้วย

ในธรรมเนียมจีน การทำบุญทุกรอบ ๗ วัน ๗ ครั้งนี้ มีความสำคัญมาก มีปรากฏบันทึกเป็นพระราชพิธีในราชสำนักมาตั้งแต่ราชวงศ์เว่ย 魏朝 เป็นต้นมาและปฏิบัติสืบเนื่องกันมาโดยตลอด มีการทำเลี้ยงพระจำนวนพันรูป รวมไปถึงการปล่อยสัตว์ สวดมนตร์อุทิศ ยิ่งในช่วงสมัยราชวงศ์ถัง 唐朝 เป็นต้นมา การทำบุญให้ผู้ตายมีความเคร่งครัดและระเบียบแบบแผนมากยิ่งขึ้น แม้ในศาสนาเต๋าก็ได้รับแนวคิดนี้ไปด้วยเช่นกัน จึงทำให้มีความนิยมในสามคติความเชื่อ ซึ่งคติที่สามที่ว่านี้ เป็นความเชื่อแบบท้องถิ่น คงเน้นย้ำแต่พิธีเซ่นไหว้ ที่ลูกหลานจีนบ้านเราเรียกว่า "ไหว้ซุ้ง" ซึ่งในแต่ละซุ้งก็จะมีการแบ่งลำดับชั้นลูกหลาน ว่าผู้ใดจะรับผิดชอบไหว้ในช่วงไหนอีกคำรบนึง ซึ่งบางที่ก็มิได้เคร่งครัดแล้ว

ในช่วงพิธี ๗ ๗ ๔๙ วันที่ว่านี้ เป็นคนละอย่างกับการทำพิธีกงเต็ก ตัวงานกงเต็กนั้นเป็นการสวดขมากรรมและนำผู้ตายให้ได้ไหว้พระ รวมไปถึงข้ามสะพานโอฆสังสาร ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้มีที่มาจากการงานโปรดวิญญาณของพระมเหสีของพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ 梁武帝 จนกระทั่งมีการเพิ่มรายละเอียดมากมายจนเป็นอย่างปัจจุบัน ซึ่งโดยมากพิธีกงเต็กนั้น จะกระทำในช่วงงานพิธีศพ วันเดียวบ้าง ๓ วันบ้าง ๕ วันบ้าง และ ๗ วันบ้าง ตามแต่ละความสะดวกของเจ้าภาพว่าจะให้มีกี่วัน ดังนั้นจึงมิได้อิงตามหลักจั้วชี 做七 ที่มีการประกอบกุศลทุก ๗ วัน

หลังจากครบ ๔๙ หรือ ๕๐ วัน แล้วนั้น ก็จะข้ามไปการทำบุญครบการตายครบ ๑๐๐ วัน ๑ ปีและ ๓ ปี ตามลำดับ โดยเชื่อกันว่าช่วงแต่ละ ๗ วัน วิญญาณจะเดินทางไปยังตำหนักของพระยมบาลองค์ต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งหมด ๑๐ องค์ ไล่ไปตำหนักที่ ๑ จนถึง ตำหนักที่ ๗ ครบ ๑๐๐ วัน จึงเข้าเฝ้าพระยมเทพในตำหนักที่ ๘ ครบหนึ่งปีคือเข้าตำหนักที่ ๙ และครบสามปีคือ ตำหนักที่ ๑๐ อย่างสุดท้าย ซึ่งเป็นความเชื่อแบบพื้นบ้านและศาสนาเต๋าต่างหาก โดยในพุทธศาสนาไม่มี ในเรื่องครบ ๑๐๐ วัน ๑ ปี และ ๓ ปี แต่คนจีนก็รับเอามาใช้ด้วย อันจะเกี่ยวเนื่องกับช่วงระยะเวลาไว้ทุกข์จากที่เคยเล่าไปแล้ว

เมื่อความเชื่อเรื่องหลังความตายในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึมลึกในแผ่นดินใหญ่ รวมไปถึงแพร่หลายไปยังแผ่นดินอื่นโดยรอบ ทั้ง อนัม (เวียดนาม) ญี่ปุ่น เกาหลี ต่างจึงถือขนบนี้เช่นเดียวกัน รวมไปถึงประเทศไทยบ้านเรา แต่เดิมนั้น การทำบุญจั้วชีหรือการไหว้ซุ้งก็ตาม ก็มักจะอยู่ในธรรมเนียมของคนจีนที่อพยพโล้สำเภามาลงปักตั้งถิ่นฐานและนำประเพณีของตนติดมาด้วย ไม่เป็นที่แพร่ไปในหมู่คนไทยมากนัก ต่อมาคนไทยก็รับขนบนี้มาอีกทอด แต่ก็คงไว้แต่ทำบุญครบ ๗ วัน และ ๕๐ มิได้กระทำทุก ๗ วันครั้งนึงอย่างขนบดั่งเดิม จนกระทั่งเห็นได้ชัดเจนในช่วงรัชสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ที่ทรงมีราชกิจจานุเบกษา ให้มีการทำบุญในงานพระศพทุก ๗ วัน จึงเห็นได้ชัดว่า ราชสำนักมีการรับขนบประเพณีความเชื่อจากชาวจีนและญวนมาอย่างแน่นอน จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เราได้เห็นว่ามีการทำบุญทักษิณานุปทานในงานพระบรมศพและพระศพ ตามวารต่าง ๆ ได้แก่ สัตมวาร ปัณรสมวาร ปัญญาสมวาร และสตมาวาร นับจำนวนวันตามคติฝั่งจีนและญวน

เรื่อง: วิทยทาส

#ทำบุญ #ทักษิณานุปทาน #ทำบุญ๗วัน #สัตตมวาร #ปัณรสมวาร #ปัญญาสมวาร #สตมวาร #คติความเชื่อ #ศาสนา #พุทธ #เต๋า #วัฒนธรรมจีน #เจริญกรุง

ปัณรสมวาร ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตบรรจบครบ ๑๕ วัน ด้ว...
07/11/2025

ปัณรสมวาร ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตบรรจบครบ ๑๕ วัน

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ 🤍🙏🙏🙏

ข้าพระพุทธเจ้าทีมงานเพจเจริญกรุง

ตลอดสัปดาห์นี้ พายุลูกใหม่ได้ทำใก้เกิดเสียงฮือฮาในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะชื่อของพายุที่ฟังแล้วไปพ้องกับคำสแลงขำ ๆ ใ...
07/11/2025

ตลอดสัปดาห์นี้ พายุลูกใหม่ได้ทำใก้เกิดเสียงฮือฮาในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะชื่อของพายุที่ฟังแล้วไปพ้องกับคำสแลงขำ ๆ ในภาษาไทย ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่า ใครเป็นคนตั้งชื่อพายุ "คัลแมกี" แล้วมันมีความหมายอย่างไรกันแน่!! 😱😱😱

หนึ่งในการแสดงออกถึงความร่วมมือและความเข้าใจในภูมิภาคคือ ธรรมเนียมการตั้งชื่อพายุหมุนเขตร้อน ที่เกิดขึ้นในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกและทะเลจีนใต้ โดยคณะกรรมการไต้ฝุ่น (Typhoon Committee) ขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก ๑๔ ประเทศและเขตปกครอง ได้ร่วมกันจัดทำรายชื่อชื่อพายุเป็นภาษาท้องถิ่นของตนเองเพื่อใช้หมุนเวียน

​ชื่อพายุเหล่านี้จะถูกจัดเรียงตามลำดับและนำมาใช้เป็นวงรอบ ซึ่งแต่ละประเทศจะเสนอชื่อพายุที่เป็นคำเฉพาะหรือมีความหมายดี โดยส่วนใหญ่เป็นชื่อสัตว์ ดอกไม้ ต้นไม้ สถานที่ หรือคุณลักษณะที่สื่อถึงวัฒนธรรมหรือธรรมชาติของประเทศนั้น ๆ การใช้ชื่อท้องถิ่นทำให้ประชาชนในภูมิภาคสามารถจดจำและรับรู้ถึงการมาของพายุได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการแจ้งเตือนภัยและเตรียมพร้อมรับมือ

​พายุล่าสุดที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ พายุ คัล แม กี (Kalmaegi) ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกเสนอโดย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ในภาษาเกาหลี คำว่า "คัลแมกี" (\text{갈매기}) นั้น แปลว่า "นกนางนวล" ซึ่งเป็นนกทะเลที่พบได้ทั่วไปตามชายฝั่งของเกาหลี และมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงเสรีภาพและความกล้าหาญ การที่ชื่อพายุมาจากภาษาท้องถิ่นเช่นนี้ ทำให้เห็นถึงความหลากหลายทางภาษาและวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคที่มาบรรจบกันในระบบการตั้งชื่อพายุหมุนเขตร้อนนี้

ธรรมเนียมนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดความสับสนและเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารเกี่ยวกับภัยพิบัติจากพายุในระดับสากล ทำให้แต่ละประเทศสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นในการเฝ้าระวังและป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ

​สถานการณ์ล่าสุดของพายุคัลแมกี ได้อ่อนกำลังลงจากพายุไต้ฝุ่นเป็น พายุโซนร้อน และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ ขณะเคลื่อนผ่านประเทศลาวและเข้าสู่ประเทศไทย โดยคาดว่าในช่วง วันที่ ๗ - ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ นี้ อิทธิพลของพายุจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้น และมี ฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคเหนือตามลำดับ โดยเฉพาะพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น อุบลราชธานี ศรีสะเกษ นครราชสีมา เป็นพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ นอกจากนี้ คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง ๒ - ๓ เมตร และสูงมากกว่า ๓ เมตร ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง จึงขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

ว่าแต่... ชาวไทยเรียกชื่อพายุลูกนี้ว่าอะไร ไม่ต้องคอมเมนต์มาก็ได้ กลัวไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์! 😅

เรื่อง: กองบรรณาธิการเพจเจริญกรุง
อ้างอิง:

• ไทยรัฐออนไลน์. พายุคัลแมกี ใครตั้งชื่อ แปลว่าอะไร เช็กวันเข้าไทย พร้อมเส้นทางที่นี่. เข้าถึงได้จาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2893248

Sanook. พายุ "คัลแมกี" คือภาษาอะไร? แปลว่าอะไร? ทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมากในไทย. เข้าถึงได้จาก. https://www.sanook.com/news/9855030/

• ThaiPBS. กรมอุตุฯ ประกาศ ฉ.๑๒ เตือนพายุ "คัลแมกี" ฝนตกหนักถึงหนักมาก ๗ - ๙ พ.ย.นี้. เข้าถึงได้จาก https://www.thaipbs.or.th/news/content/358310

#พายุ #คัลแมกี #ภาษาเกาหลี #นกนางนวล #เจริญกรุง #เจริญมีม

07/11/2025
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นมีบทบาทสำคัญต่อความเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์แฟ...
07/11/2025

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นมีบทบาทสำคัญต่อความเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์แฟชั่นไทย แม้ว่าก่อนหน้านั้น จะมีความเปลี่ยนแปลงในด้านแฟชั่นเกิดขึ้นในสังคมไทยบ้างแล้ว อย่างเช่นในสมัยรัชกาลที่ ๕ และสมัยรัฐนิยมตามนโยบายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่ในที่สุดแฟชั่นไทยได้เข้าสู่ยุคที่สร้างเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักสู่สากล

ในช่วงทศวรรษที่ ๒๕๐๐ ขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดลุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปเจริญทางพระราชไมตรียังประเทศต่าง ๆ ทั้งในเอเชีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป นอกจากฉลองพระองค์แบบไทยประยุกต์ที่โดดเด่นในหลายวาระแล้ว เรายังจะได้เห็นว่าสมเด็จพระพันปีหลวงทรงถือพระกระเป๋า Hermès รุ่น Kelly หนังจระเข้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ส่วนพระองค์ที่งดงามทันสมัยในยุคนั้น

กระเป๋า Hermès รุ่น Kelly มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๓ (ค.ศ. ๑๙๓๐) จากแบบ Sac à dépêches ของ Hermès และได้รับชื่อ “Kelly” หลังจากที่เจ้าหญิง Grace Kelly แห่งโมนาโกทรงใช้ถือปกปิดพระองค์ ขณะที่ทรงพระครรภ์ต่อหน้ากล้องของนิตยสาร LIFE ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ (ค.ศ. ๑๙๕๖)

สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงถือพระกระเป๋ารุ่นนี้ในคราวเสด็จยุโรป ใน พ.ศ. ๒๕๐๓ ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว นับเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กระเป๋ารุ่นนี้เพิ่งเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ชนชั้นสูงของยุโรป จึงแสดงให้เห็นถึงพระรสนิยมอันล้ำสมัยและความเข้าใจในวัฒนธรรมแฟชั่นระดับโลกของพระองค์ได้เป็นอย่างดี

เมื่อก้าวสู่ทศวรรษ ๒๕๒๐ ปรากฏพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระพันปีหลวงขณะประทับบนเครื่องบินพระที่นั่ง โดยทรงถือพระกระเป๋า Hermès รุ่น Constance สีขาว ซึ่งโดดเด่นด้วยตัวล็อกโลหะ “H” ขนาดใหญ่และรูปทรงสี่เหลี่ยมเรียบโก้ กระเป๋ารุ่นนี้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ (ค.ศ. ๑๙๕๙) ออกแบบโดย Catherine Chaillet และตั้งชื่อตามบุตรสาวของเธอ

ในช่วงทศวรรษนี้ Hermès ยังได้เปิดตัวกระเป๋า รุ่น Birkin เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ (ค.ศ. ๑๙๘๔) ออกแบบโดย Jean-Louis Dumas และนักแสดงอังกฤษ Jane Birkin ซึ่งร่วมกันร่างแบบกระเป๋าใบแรกบนเครื่องบินสายปารีส - ลอนดอน

สมเด็จพระพันปีหลวงทรงใช้พระกระเป๋า Hermès Birkin สีแดงเข้ม หนังจระเข้ ในคราวเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรแฟชั่นโชว์ของ Dior เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๕ (ค.ศ. ๒๐๐๒) เป็นการส่วนพระองค์ ภาพเหตุการณ์นี้ได้รับการบันทึกโดยสำนักข่าวแฟชั่นระดับโลก และเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่าพระองค์ยังทรงติดตามวงการแฟชั่นร่วมสมัยอย่างใกล้ชิด และโปรดกระเป๋า Hermès มาเป็นเวลายาวนานกว่า ๔๐ ปี

กระเป๋า Hermès หลายรุ่น ทั้ง Kelly, Constance และ Birkin ที่เป็นส่วนหนึ่งในเครื่องใช้ส่วนพระองค์ในสมเด็จพระพันปีหลวงนั้น แต่ละใบต่างอยู่ใน “ช่วงเวลาสำคัญทางแฟชั่นโลก” และพระองค์ทรงนำมาใช้ก่อนที่จะเป็นกระแสนิยมในสังคมไทยเสมอ แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาญาณทางศิลปะ การสังเกต และความเข้าใจใน “จิตวิญญาณของแฟชั่น” ที่หาได้ยากยิ่ง

น่าสนใจยิ่งว่าพระองค์ท่าน หาได้ทรงตามกระแสที่รวดเร็วฟู่ฟ่าไม่ หากแต่ทรงสร้าง “รสนิยมใหม่” ที่ผสานความเป็นไทย กับความงดงามของแฟชั่นตะวันตกได้อย่างกลมกลืน ทรงเข้าใจในคุณค่าของงานฝีมือ ทั้งของช่างไทยและช่างยุโรป เป็นเหตุให้ทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ ฉลองพระองค์ และเครื่องแต่งพระองค์ทั้งหลาย ล้วนสะท้อน “ศิลปะ” มากกว่าความหรูหรา เสมือนแฟชั่นที่อยู่เหนือกาลเวลา อาจจะกล่าวได้ว่า พระองค์ท่านเป็นหนึ่งในสตรีผู้ทรงเป็นไอคอนิก (iconic) ตลอดกาล

เรื่อง: นพรัศมี
อ้างอิง: www.hermes.com
ภาพ: www.pinterest.com

#เจริญกรุง #สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #กระเป๋าHermès #กระเป๋าKelly #กระเป๋าBirkin
#กระเป๋าConstance #แฟชั่นราชสำนักไทย

ชาวสุรินทร์และชาวจังหวัดใกล้เคียงท่านใดพบเห็นน้องที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ ช่วยกันแจ้งครอบครัวของน้องด้วยนะคะ 🙏🙏🙏 ขอให้น้อง...
07/11/2025

ชาวสุรินทร์และชาวจังหวัดใกล้เคียงท่านใดพบเห็นน้องที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ ช่วยกันแจ้งครอบครัวของน้องด้วยนะคะ 🙏🙏🙏 ขอให้น้องปลอดภัยและได้พบกับครอบครัวไว ๆ ค่ะ 🙏🙏🙏

ป้าวิลัย ประกาศตามหาสุนัขแก่ วัย 15 ปี ที่เลี้ยงและรักเหมือนลูก หายไปร่วม 2 เดือน ไร้วี่แวว ทำกินไม่ได้นอนไม่หลับ ใครพบเห็นให้รางวัล 3 พันบาท

6 พฤศจิกายน : ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางวิลัย สำราญ อายุ 55 ปี ชาว ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สรินทร์ ว่าสุนัขของตนเองหายให้ช่วยประกาศตามหาให้ด้วย เพราะคิดถึงและเป็นห่วงมาก แทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเลี้ยงเหมือนลูก จึงรักและผูกพันเป็นอย่างมาก

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบกับนางวิลัย สำราญ เจ้าของสุนัขที่หายไป โดยนางวิลัย สำราญ ได้นำรูปภาพที่ถ่ายเอกสาร เพื่อทำใบปลิวประกาศตามหาสุนัข มีข้อความระบุว่า ”ตามหาสุนัขแก่ ชื่อ จา เพศผู้ สีดำทั้งตัว หูตก มีขนสีขาวแซมเล็กน้อยที่ปากและที่เท้า จุดสังเกต ปากล่างฟันจะไม่เต็ม เนื่องจากเคยผ่าตัดกรามล่างฝั่งซ้าย จุดที่หายบ้านตะตึงไถง ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ผู้ใดพบเห็นและแจ้งข้อมูลจนหาพบ มีรางวัลตอบแทน 3,000 บาท”

นางวิลัย สำราญ เจ้าของสุนัขที่หายไป กล่าวว่า หมาของตนหายบริเวณวัดตะตึงไถง ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 68 เป็นเวลา 2 เดือนกว่าแล้ว หลังนำมา พักรักษาตัวที่บ้านสวน ของญาติ ในต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้เพียง 1 คืน น่าจะไม่คุ้นสถานที่จึงหนีออกไป เป็นหมาสีดำล้วน แก่ มีตำหนิฟันล่าง มีเขี้ยวข้างเดียว จากการผ่าตัด อายุ 15 ปี หมาแก่แล้วเดินไม่เร็ว เดินช้า ถ้าใครพบเห็น ก็ฝากช่วยดูและแจ้งมาด้วย จะมีรางวัลให้สามพันบาท

นางวิลัย ยังได้บอกอีกว่า ตนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องดูหมอดู ที่ทายว่า หมาอยู่ไม่ไกล รัศมีไม่เกิน 1-2 กม. ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัด จึงพยายามตามหา แต่ก็ยังไม่พบ จึงมาหาดูน่าจะอยู่ตามบ้านคนเพราะแก่แล้ว ตนผูกพันและรักเหมือนลูกคนหนึ่ง เป็นห่วงเขามาก ตนต้องจ้างคนให้ช่วยเอาใบปลิวไปติดประกาศตามหมู่บ้านต่างๆ อีกด้วย.

#ไทยรัฐออนไลน์

ใน พ.ศ. ๒๕๖๘ นี้ นับเป็นวาระสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ด้วยบรรจบครบ ๑๐๐ ปีนับแต่ประสูติกาลของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรั...
06/11/2025

ใน พ.ศ. ๒๕๖๘ นี้ นับเป็นวาระสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ด้วยบรรจบครบ ๑๐๐ ปีนับแต่ประสูติกาลของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ประสูติเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ภายในหมู่พระมหามณเฑียร พระบรมมหาราชวัง ประสูติแต่พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยคำว่า ภาติกาเธอ นั้น มีความหมายว่า หลานสาวผู้เป็นบุตรีของพี่ชาย หรือ หลานอา นั่นเอง

ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร มีพระบรมราชโองการให้ออกพระนามเป็น สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยมีคำนำพระนาม คือ ภคินีเธอ อันมีความหมายว่า ลูกพี่ลูกน้อง (นับทางฝ่ายพระชนก) และทรงดำรงพระอิสริยยศดังกล่าวสืบมาจนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ สิริพระชันษาได้ ๘๕ ปี

ครั้นถึงในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ทรงอยู่ในฐานะพระปิตุจฉา หรือ ป้า ของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงปรากฏว่าทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเฉลิมพระนามพระอัฐิขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า

“สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา”

การสถาปนาเฉลิมพระนามพระบรมอัฐิ และพระอัฐิของเจ้านายในพระบรมราชจักรีวงศ์นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ หากมีมาตั้งแต่แรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์แล้ว ด้วยเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อพระบรมราชบุพการีของสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าในอดีต ตลอดจนเป็นการแสดงความอาลัยที่พระมหากษัตริย์ทรงมีต่อพระราชวงศานุวงศ์ซึ่งมีเหตุให้เสด็จสิ้นพระชนม์ไปโดยกระทันหัน หรือก่อนพระชนม์อันควร

นอกจากนี้ ในเวลาที่สมเด็จพระมหากษัตริย์*ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ยังเป็นธรรมเนียมที่จะโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระราชวงศานุวงศ์* ตามฐานันดรศักดิ์ ความดีความชอบ และความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับพระองค์ ซึ่งปรากฏว่าหลายครั้ง เป็นการสถาปนาพระบรมอัฐิ และพระอัฐิของพระราชวงศานุวงศ์ที่สวรรคตหรือสิ้นพระชนม์ล่วงไปแล้ว ดังปรากฏเป็นครั้งแรกในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเฉลิมพระนามพระอัฐิดังนี้

พ.ศ. ๒๓๙๔ สถาปนาพระอัฐิ สมเด็จเจ้าฟ้าบุญรอด สมเด็จพระอัครเมหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็น กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนรามาตย์ ที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สถาปนา พระอัฐิพระเชษฐภคินีในกรมสมเด็จพระสุริยเนทรามาตย์ ขึ้นเป็น กรมขุนอนัคฆนารี
สถาปนาพระอัฐิ พระองค์เจ้าหญิงกุ พระขนิษฐาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขึ้นเป็น กรมหลวงนรินทรเทวี
สถาปนาพระอัฐิ พระภาคิไนยนารีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดจุฬาโลกมหาราช ขึ้นเป็น กรมขุนรามินทรสุดา (ทั้งสามพระองค์นี้ ไม่ปรากฏว่าสถาปนาเมื่อปีใด)

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรากฏว่านอกจากจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเฉลิมพระนามพระอัฐิแล้ว ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเฉลิมพระอิสริยยศพระราชวงศานุวงศ์ที่เพิ่งเสด็จสิ้นพระชนม์ล่วงไปและอยู่ระหว่างการบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานอยู่นั้น ดังนี้

สถาปนาพระอัฐิ พระนางเธอรำเพยภมราภิรมย์ ขึ้นเป็น กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๑

สถาปนา พระนางเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ยากอุปัทวเหตุเรือพระประเทียบล่ม ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๓

สถาปนาพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้ากรรณิกาแก้ว ซึ่งสิ้นพระชนม์ล่วงไป เป็น พระเจ้าน้องนางเธอ กรมขุนขัตติยกัลยา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๕ (ต่อมา โปรดเกล้าฯ ให้เป็น พระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๐)

สถาปนา พระอรรคชายาเธอ หม่อมเจ้าปิ๋ว ซึ่งสิ้นพระชนม์ เป็น พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๐

สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทราสรัทวารฯ ซึ่งสิ้นพระชนม์เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร วโรฬารลักษณสมบัติ รัตนกุมารี กรมขุนพิจิตรเจษฎ์จันทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๗

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเฉลิมพระนามพระอัฐิ และพระศพแก่เจ้านายดังนี้

สถาปนาพระอัฐิสมเด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย ประไพพรรณพิจิตร์ นริศรราชกุมารี ขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย ประไพพรรณพิจิตร์ นริศรราชกุมารี กรมพระเทพนารีรัตน์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘

สถาปนา สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ามาลินีนพดารา สิรินิภาพรรณวดี ซึ่งสิ้นพระชนม์ เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ามาลินีนพดารา ศิรินิภาพรรณวดี กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรดัญญา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเฉลิมพระอิสริยยศเจ้านายที่สิ้นพระชนม์ไป ดังนี้
สถาปนา สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดชฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ ซึ่งสิ้นพระชนม์นั้น ว่า สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเฉลิมพระอัฐิพระราชบิดาขึ้นเป็น สมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเฉลิมพระนามพระอัฐิ และโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเฉลิมพระนาม เจ้านายที่เสด็จสิ้นพระชนม์ไป ดังนี้

สถาปนา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาท
นเรนทร ขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร จุฬาลงกรณราชวโรรส สยามสุขบทบุรัสการี เมตตาสีตลหฤทัย อาชชวมัททวัธยาศัยสุจารี วิวิธเมธีวงศาธิราชสนิท นวมนริศรสุมันตนบิดุล ติรตนคุณสรณาภิรักษ ประยุรศักดิธรรมิกนาถบพิตร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕

สถาปนาพระอัฐิ สมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ ขึ้นเป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก ให้มีพระอิสริยฐานันดรศักดิ์ เสมอด้วย สมเด็จพระบวรราชเจ้าในกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓

สถาปนาหม่อมเจ้าวิภาวดี รังสิต ซึ่งสิ้นพระชนม์ขณะทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในพื้นที่ภาคใต้ เป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐

สถาปนา หม่อมเจ้าจักรพันธ์ุ เพ็ญศิริ องคมนตรี ที่สิ้นพระชนม์ ขึ้นเป็นพระองค์เจ้า มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗

ในรัชกาลปัจจุบัน เมื่อทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสริยยศพระราชวงศ์ตามโบราณราชประเพณี ในการนี้จึงโปรดเฉลิมพระปรมาภิไธยพระบรมอัฐิ สมเด็จพระบรมชนกนาถ มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ต่อมาในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีเดียวกัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอัฐิ สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ และพระราชกรรมวาจาจารย์ ในพระองค์เมื่อคราวทรงพระผนวช ดังนี้
สถาปนาเฉลิมพระยศพระอัฐิ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสนมหาเถระ) ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ

สถาปนาเฉลิมพระยศพระอัฐิ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร

ต่อมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเฉลิมพระยศพระอัฐิ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า (พระนามเดิม หม่อมเจ้าภุชงค์ ชมพูนุท) ขึ้นเป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๘

และล่าสุด ในเดือนพฤศจิกายนศกนี้ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ถวายพระราชสมัญญา เฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็น พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า และสถาปนาพระอัฐิ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั้น

ธรรมเนียมการเฉลิมพระนามพระบรมอัฐิและพระอัฐิ ตลอดจนการเฉลิมพระอิสริยยศแก่เจ้านายที่สวรรคาลัยล่วงไปดังกล่าวมานี้ นับว่า เป็นการแสดงออกถึงกตัญญูกตเวทิตาคุณของพระมหากษัตริย์ในอดีตที่ทรงมีต่อพระบรมราชบุพการี รวมถึงยังเป็นการยกย่องพระเกียรติคุณของเจ้านายเหล่านั้น ให้เป็นที่ประจักษ์ในแผ่นดินสืบไป

-หมายเหตุ-

*สมเด็จพระมหากษัตริย์: เป็นคำเก่า ใช้กล่าวถึงพระมหากษัตริย์ เช่นเดียวกับ สมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้

**พระราชวงศานุวงศ์: หมายถึงพระราชวงศ์ คำนี้ปรากฏในเอกสาร พงศาวดาร จดหมายเหตุยุคต้นรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันนิยมใช้ว่า พระบรมวงศานุวงศ์

เรื่อง: อัครเดชเทเวศร์นฤมิต
ที่มาภาพ: โพสต์ทูเดย์ https://www.posttoday.com/royal-court/693143
อ้างอิง:
กรมศิลปากร. ราชสกุลวงศ์. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์, ๒๕๕๔.
จดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์กรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๑ - ๒. กรุงเทพฯ : รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗), ๒๕๔๕.
ภาพ :

#เฉลิมพระนาม #พระบรมอัฐิ #พระอัฐิ #เฉลิมพระอิสริยยศ #พระบรมวงศานุวงศ์ #สวรรคาลัย #มหาจักรีบรมราชวงศ์ #ราชประเพณี #ประวัติศาสตร์ #เจริญกรุง

สำนักพระราชวัง ขอแจ้งเส้นทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ...
06/11/2025

สำนักพระราชวัง ขอแจ้งเส้นทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และเส้นทางเดินเยี่ยมชมสำหรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เป็นต้นไป

วันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
สำนักพระราชวังได้กำหนดเวลาและเส้นทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ตลอดจนเส้นทางเดินเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ดังนี้

การเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

• เปิดให้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ - ๒๑.๐๐ น.

• ต้องผ่านจุดคัดกรองและรับการจัดลำดับการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ภายในโถงอุโมงค์ทางเดินลอดถนนหน้าพระลาน

• เข้าทางประตูมณีนพรัตน์ และเดินตามเส้นทางที่สำนักพระราชวังกำหนด

• โปรดแต่งกายสุภาพไว้ทุกข์ สุภาพบุรุษงดสวมกางเกงยีนส์ สุภาพสตรีสวมกระโปรงหรือผ้านุ่งเท่านั้น
การเดินเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป

• เปิดให้เข้าชมฯ ได้ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๕.๓๐ น.

• เข้าทางประตูมณีนพรัตน์ และผ่านจุดคัดกรองตามมาตรการรักษาความปลอดภัย

• งดเข้าชมพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

• ให้นักท่องเที่ยวเดินออกทางถนนจักรีจรัณย์ ผ่านประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวซ้ายหน้าหอรัษฎากรพิพัฒน์ เพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และเดินออกพระบรมมหาราชวังทางประตูวิมานเทเวศร์

ที่มา: หน่วยราชการในพระองค์
https://www.royaloffice.th/06/11/2025/%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%9a-2568/

รายละเอียดเพิ่มเติมในคอมเมนต์

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่พระมหากษัตริย์ไทยจะเสด็จฯ เยือนจีน 🇹🇭🇨🇳  วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่...
06/11/2025

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่พระมหากษัตริย์ไทยจะเสด็จฯ เยือนจีน 🇹🇭🇨🇳

วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่ข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของ ฯพณฯ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ ๕๐ ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน

นับเป็นครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์ ที่พระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยก่อนหน้านี้ มีเพียงพระบรมวงศ์เท่านั้น ที่เสด็จไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อาทิ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

อย่างไรก็ดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เคยเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนมาแล้ว ๒ ครั้ง ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ และในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕

การเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีในครั้งนี้ ถือเป็นประวัติการณ์ของแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง อันสะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่น และมิตรภาพระหว่างสองประเทศไทยในระดับสูงสุด และจะส่งเสริมความสัมพันธ์ให้เจริญรุ่งเรือง ยังประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองประเทศต่อไปในอนาคต

ที่มา: https://www.mfa.go.th/th/content/announcement-state-visit-to-china-th?fbclid=IwdGRjcAN5SNNjbGNrA3lIy2V4dG4DYWVtAjExAHNydGMGYXBwX2lkDDM1MDY4NTUzMTcyOAABHl94Jj-pQ3K7yRb_-GSHFdf3KLU8S-N_GiJdPbOhis_WgDQ-rVJBWvUFnBOM_aem_RcIn99bCSaCzjfqxYa655w

#ข่าวเสด็จพระราชดำเนิน
#พระเจ้าอยู่หัว
#พระราชินี
#เสด็จเยือนจีน
#ห้าสิบปี
#ความสัมพันธ์ทางการทูต
#ไทยจีน
#กระทรวงการต่างประเทศ
#เจริญกรุง

ราชรถดุจไวชยนต์บนฟากฟ้า โหรพราหมณ์งามสง่าดั่งแดนสรวง กราบอัญเชิญเทพเทวาทั่วทั้งปวงรับสังเวยเครื่องบวงสรวงประโคมยาม🙏🙏🙏 #พ...
06/11/2025

ราชรถดุจไวชยนต์บนฟากฟ้า
โหรพราหมณ์งามสง่าดั่งแดนสรวง
กราบอัญเชิญเทพเทวาทั่วทั้งปวง
รับสังเวยเครื่องบวงสรวงประโคมยาม

🙏🙏🙏

#พิธีบวงสรวงราชรถ #พิธีพรามหณ์ #พรามหณ์พระราชพิธี #พิธีบวงสรวงราชรถ #ราชยาน #พระยานมาศ #พระมหาพิชัยราชรถ #โรงราชรถ #พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร #เจริญกรุง

พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ “พระแก้วมรกต” เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ ณ พระอุโบสถวัดพระศรี...
06/11/2025

พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ “พระแก้วมรกต” เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ในพระบรมมหาราชวัง ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของแผ่นดิน ซึ่งประชาชนชาวไทยถวายความเคารพสักการะในฐานะ “พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์”

ความพิเศษของพระพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร คือ เป็นพระพุทธรูปสำคัญที่พระมหากษัตริย์จะเสด็จไปเปลี่ยนเครื่องทรงประจำฤดูด้วยพระองค์เอง

พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เริ่มมีขึ้นสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อครั้งทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องทรงถวายสำหรับฤดูร้อนและฤดูฝน เพื่อเปลี่ยนตามฤดูกาล

ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องทรงเพิ่มอีกหนึ่งชุด สำหรับฤดูหนาว ทำให้พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรทรงมีเครื่องทรงครบทั้งสามฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว

การเปลี่ยนเครื่องทรงในแต่ละฤดู ถือเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญที่พระมหากษัตริย์ทรงปฏิบัติด้วยพระองค์เอง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่แผ่นดินและประชาชน ทั้งยังเป็นการแสดงพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอันลึกซึ้ง

พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จัดขึ้นปีละ ๓ ครั้ง ตามฤดูกาลของไทย คือ

วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ เปลี่ยนจากเครื่องทรงฤดูหนาว เป็นเครื่องทรงฤดูร้อน

เครื่องทรงสำหรับฤดูร้อน เป็นเครื่องต้นอย่างพระมหากษัตริย์ ทำด้วยทองคำลงยา ประดับเพชรและมณีต่าง ๆ มงกุฎที่ทรงเป็นเทริด ยอดประดับเพชรเม็ดใหญ่

วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ เปลี่ยนจากเครื่องทรงฤดูร้อน เป็นเครื่องทรงฤดูฝน

เครื่องทรงสำหรับฤดูฝน ทรงอย่างห่มดอง ใช้ทองคำทำเป็นกาบจำหลักลายทรงข้าวบิณฑ์ ประดับมณีต่าง ๆ ลักษณะเหมือนผ้าทรงอย่างห่มดอง พระศกศิราภรณ์ทำด้วยทองคำลงยาสีน้ำเงินแก่ ปลายพระเกศาที่เวียนเป็นทักษิณาวรรต ประดับด้วยมณีเม็ดย่อม ๆ ทั่วไป พระรัศมีลงยา

วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ เปลี่ยนจากเครื่องทรงฤดูฝน เป็นเครื่องทรงฤดูหนาว

เครื่องทรงสำหรับฤดูหนาว ทรงผ้าคลุมทองคำลงยาลายดอกชิงดวงฝังทับทิม กลีบดอกประกอบจากโกเมน กลางดอกฝังพลอย ชายผ้าคลุมเป็นลายดอกลงยาประดับด้วยมรกตและบุษราคัม ริมขอบด้านนอกฝังเพชร พร้อมสายสร้อยทอง ๔ สาย พระศกฝังไพลิน ต้นพระรัศมีฝังเพชร

ปีพุทธศักราช ๒๕๓๙ ทางรัฐบาลก็ได้มีการสร้างเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรชุดใหม่ เพื่อใช้ประกอบพระราชพิธีผลัดเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรตามโบราณราชประเพณีขึ้น เพื่อทดแทนชุดเดิมที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา อีกทั้งยังเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ครบ ๕๐ ปี ซึ่งได้ใช้เครื่องทรงชุดดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบันนี้

พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นโบราณราชประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ที่สืบเนื่องมานานกว่า ๒๓๐ ปี สะท้อนให้เห็นถึงพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา และความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับศาสนา

เรื่อง: นพรัศมี
อ้างอิง: หน่วยราชการในพระองค์
ภาพ: สำนักพระราชวัง

#พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร #พระแก้วมรกต #พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรง #โบราณราชประเพณี #วัดพระศรีรัตนศาสดาราม #พระบรมมหาราชวัง #เครื่องทรงพระแก้วมรกต #พระราชกรณียกิจพระมหากษัตริย์ไทย #เจริญกรุง

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เจริญกรุงผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์