Channel Weez TH ถ้าเหงายังมีเราเป็นเพื่อนเติม

ปุ๊นมา-ยาสูบเจ๊ง!? ยอดนักสูบตกฮวบ 40% หลังเปิดปุ๊นเสรี หันมาปุ๊นเพิ่ม 200% ดึงยอดสุราทรุดด้วย! เหตุ Gen Z มองสมุนไพรปลอด...
25/10/2025

ปุ๊นมา-ยาสูบเจ๊ง!? ยอดนักสูบตกฮวบ 40% หลังเปิดปุ๊นเสรี หันมาปุ๊นเพิ่ม 200% ดึงยอดสุราทรุดด้วย! เหตุ Gen Z มองสมุนไพรปลอดภัยกว่า
มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก ร่วมกับมหาวิทยาลัยเคนทักกี จัดทำผลการศึกษาวิจัยพฤติกรรมของนักสูบภายหลังจากเปิดเสรีปุ๊นในสหรัฐอเมริกา (USA) พบว่ายอดผู้บริโภคยาสูบลดลงกว่า 41% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ภายหลังจากปลดล็อคปุ๊นเสรีเพื่อสุขภาพ-การแพทย์และสันทนาการ ขณะที่ยอดผู้ใช้ปุ๊นพุ่งมากกว่า 200% เนื่องจากประชาชนศึกษาความรู้ด้านปุ๊นจนมีความเข้าใจและหันมาใช้ทดแทนยาสูบ โดยให้เหตุผลด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพที่มากกว่า
รายงานวิจัยดังกล่าวอ้างอิงผลการสำรวจแห่งชาติว่าด้วยการใช้ยาและสุขภาพ (NSDUH) ซึ่งพบว่าในช่วงปลดล็อคเสรีปุ๊นระหว่างปี 2015-2025 มีผู้ใช้ปุ๊นเพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเดิมในปี 2015 อยู่ที่ 3.9% เพิ่มขึ้นเป็น 10.6% ของประชากรทั้งหมด คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% ขณะที่ยอดนักสูบยาสูบจากเดิมมีสัดส่วน 15% ลดลงเหลือเพียง 8.8% ของประชากรทั้งหมด ในปี 2025 คิดเป็นอัตราลดลง 40% โดยการศึกษานี้ใช้กลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้ถ่วงน้ำหนักจำนวน 42,163 ถึง 46,906 คนในแต่ละช่วงเวลา

นักวิจัยเขียนในวารสาร Addictive Behaviors ว่าแนวโน้มการใช้ปุ๊นและยาสูบทั้เปลี่ยนแปลงไปอาจเป็นหลักฐานของ “การทดแทน” ท่ามกลาง “การรับรู้ถึงอันตรายที่เปลี่ยนแปลงไป กฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป และบรรทัดฐานที่เปลี่ยนแปลงไป” ตามข้อมูลการศึกษาที่เพิ่มขึ้นต่อผลกระทบด้านสุขภาพ โดยนักวิจัยท่านอื่นๆ ก็ได้สังเกตเห็นแนวโน้มที่คล้ายคลึงว่าปุ๊นถูกนำมาใช้เป็นสารทดแทนแอลกอฮอล์มากขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อมองลึกลงไปถึงกลุ่มผู้ใช้ปุ๊นพบว่าส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูง (มีการศึกษาระดับอุดมศึกษา มีรายได้สูง และมีประกันสุขภาพเอกชน) และผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็เป็นชนชั้นกลางที่มีการศึกษาและรายได้จากการทำงาน
สอดคล้องกับการศึกษาล่าสุด ข้อมูลจากการสำรวจของ Gallup ที่เผยแพร่เมื่อปลายปีที่แล้ว พบว่าผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 15 เปอร์เซ็นต์รายงานว่าพวกเขาบริโภคปุ๊น ซึ่งมากกว่า 11 เปอร์เซ็นต์ที่บอกตอบผลสำรวจว่าพวกเขาไม่ได้ใช้ยาสูบเลยในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผู้เขียนรายงานฉบับใหม่ชี้ให้เห็นว่า “การใช้ปุ๊นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” ในขณะที่ “การใช้ยาสูบลดลง” แสดงให้เห็นถึง แนวโน้มที่น่ากังวลหรือไม่ โดยเฉพาะผลกระทบในระยะยาวที่เรื่องปุ๊นอาจกลายเป็นวิกฤติสุขภาพครั้งใหม่แทนที่การใช้ยาสูบในหลายช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ส่วนด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) ในสหรัฐอเมริกาพบว่า ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาระหว่างปี 2013-2023 หลังปลดล็อกปุ๊นเสรีใน USA พบว่ามียอดผู้ที่หันมาใช้ปุ๊นทดแทนการดื่มสุราเพิ่มขึ้นมากถึง 75% หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยปีละ 4.4% โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Y ไปจนถึง Gen Z ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพ พร้อมเจาะลึกชุดข้อมูลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าคนวัยหนุ่มสาวดื่มสุราลดลงมากถึง 35% ขณะที่ประชากรวัยกลางคนอายุ 35-50 ปี มียอดการดื่มสุราลดลงถึง 20% สอดคล้องกับงานวิจัยของสำนักข่าวชื่อดัง Bloomberg ซึ่งระบุว่าการใช้ปุ๊นทดแทนแอลกอฮอล์ “เพิ่มสูงขึ้น” อย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากกระแสการปลดล็อกเสรี ประชากรเข้าใจประโยชน์ของปุ๊นมากขึ้นส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนความคิดที่เคยกลัวปุ๊น โดยส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่นักสูบสันทนาการแต่เป็นการบริโภคในรูปแบบการกิน เช่น ขนมปุ๊น เครื่องดื่มปุ๊น และกัมมี่เป็นต้น

เอ๊ะ!!! ยังไง
25/10/2025

เอ๊ะ!!! ยังไง

ยำผสม VS ยำเพียว งานวิจัยชี้มีผลกระทบ แล้วคุณล่ะอยู่ทีมไหน!?มหาวิทยาลัย McGill เผยแพร่ข้อมูลงานวิจัยร่วมกับสถาบันวิจัยดั...
24/10/2025

ยำผสม VS ยำเพียว งานวิจัยชี้มีผลกระทบ แล้วคุณล่ะอยู่ทีมไหน!?
มหาวิทยาลัย McGill เผยแพร่ข้อมูลงานวิจัยร่วมกับสถาบันวิจัยดั๊กลาสในประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การยำปุ๊นผสมนั้นเสี่ยงต่อการมีผลข้างเคียงต่อสมองและอารมณ์มากกว่าการยำแบบเพียวซึ่งมีความเสี่ยงที่น้อยกว่า โดยผู้จัดทำวิจัยได้ข้อสรุปว่า การยำผสมส่งผลต่อเอนไซม์ในสมองด้านความสุข จึงเสี่ยงทำให้ผู้ใช้เชื่อมโยงกับความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ตลอดจนหยุดหรือเลิกปุ๊นได้ยากกว่าผู้ที่ยำเพียว
งานวิจัยดังกล่าวได้ใช้เครื่องสแกนสมองขั้นสูงเป็นครั้งแรกชื่อว่า PET โดยถ่ายภาพเอกซ์เรย์สมองอย่างละเอียดนำเสนอหลักฐานแรกในมนุษย์ที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในสมองของผู้ใช้ปุ๊นที่ ยำผสม VS ยำเพียว โดยราเชล ราบิน รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมคกิลล์ และนักวิจัยที่ศูนย์วิจัยดักลาส กล่าวว่านี่เป็นหลักฐานแรกในมนุษย์ที่บ่งชี้ถึงกลไกระดับโมเลกุลที่อาจเป็นพื้นฐานว่าทำไมผู้ที่ใช้ปุ๊นแบบยำผสมนั้นมีผลลัพธ์แย่ลง
การสแกนสมองด้วยเครื่อง PET พบว่าทีมยำผสมนั้นมีค่า FAAH สูงกว่าผู้ที่ใช้ปุ๊นเพียงอย่างเดียว โดยค่า FAAH คือเอนไซม์ที่สลายอะนันดาไมด์ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "โมเลกุลแห่งความสุข" เนื่องจากมีบทบาทในการควบคุมอารมณ์และความเครียด ยิ่งมี FAAH มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอะนันดาไมด์น้อยลงเท่านั้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่เคยเชื่อมโยงกับความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และการกลับมาใช้ซ้ำเมื่อพยายามเลิกใช้ปุ๊น โดยพบว่าสายยำผสมมีอัตราการใช้ปุ๊นสูงกว่าสายยำเพียว อย่างไรก็ตามงานวิจัยดังกล่าวจะนำไปสู่การพัฒนายาปุ๊นเพื่อรักษาผู้ป่วย ไปจนถึงเป็นการเพิ่มเกณฑ์คำแนะนำของแพทย์สำหรับผู้เข้ารับการรักษา

ส่วนแอดเป็นสายผสมนะจ๊ะ ^_^

22/10/2025

The budtender choice 🥦
มาดูกันว่าน้องฟลุ๊ค บัดเทนเดอร์ประจำสาขาสะพานควายจะชอบดอกไม้ตัวไหนที่สุด
#รังสิต #สะพานควาย #ดอนเมือง

ร่วมส่งแรงใจให้ผู้ชายคนนี้ด้วยการพิม ยสตน.ยสตน=ยืนสู้ตลอดแนว❌ยสตน=ยิงสองต่อหนึ่ง✅
20/10/2025

ร่วมส่งแรงใจให้ผู้ชายคนนี้ด้วยการพิม ยสตน.

ยสตน=ยืนสู้ตลอดแนว❌
ยสตน=ยิงสองต่อหนึ่ง✅

19/10/2025

ดูบอลแดงเดือดกัน

ชี้เปรี้ยง!! งานวิจัย USA เผยแพทย์ต่อต้านปุ๊น เหตุขาดความรู้-การเมืองครอบงำ ซ้ำรอยหมอในไทย?สถาบันการศึกษาเพื่อสายเขียว N...
17/10/2025

ชี้เปรี้ยง!! งานวิจัย USA เผยแพทย์ต่อต้านปุ๊น เหตุขาดความรู้-การเมืองครอบงำ ซ้ำรอยหมอในไทย?
สถาบันการศึกษาเพื่อสายเขียว NORML เผยแพร่งานวิจัยทางกาแรพทย์ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ JAMA (Journal of the American Medical Association) Network Open โดยศึกษาปัญหาของผู้ป่วยปุ๊นซึ่งถูกแพทย์ปฏิเสธการใข้และโดนสกัดไม่แนะนำให้ใช้ว่า แพทย์มักปฏิบัติงานในขอบเขตที่ตึงเครียดทางจริยธรรมและถูกครอบงำด้วยการเมือง
ผลสำรวจบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก ซึ่งรวมถึงพยาบาล เภสัชกร แพทย์ และผู้ประกอบวิชาชีพด้านการดูแลสุขภาพอื่นๆ พบว่าผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพเชื่อว่าตนเองไม่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเพียงพอในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปุ๊นทางการแพทย์ จึงมีส่วนในการต่อต้านและไม่จัดทำใบสั่งยาให้ผู้ป่วย ข้อมูลการสำรวจแยกต่างหากยังรายงานว่าผู้ป่วยน้อยกว่า 1 ใน 5 คนคิดว่าผู้ให้บริการดูแลสุขภาพเบื้องต้นของตนมีความรู้เพียงพอเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับปุ๊น แต่โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยมักจะรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาจาก "เพื่อนและครอบครัว" แต่ไม่ใช่จากหมอ การแพทย์ หรือแม้แต่เว็บไซต์ของภาครัฐ
“เศรษฐกิจและสุขภาพยุคใหมแห่งปุ๊นมาถึงแล้วทั่วโลก มันจึงเรียกร้องความรับผิดชอบทางวิชาชีพเช่นเดียวกัน แพทย์จะต้องเปิดใจปรับตัวตามให้ทัน หรือเราจะปล่อยให้ผู้ป่วยเผชิญกับความไม่แน่นอนในการรักษาเพียงลำพังต่อไปเพียงเพราะการละเลย” ส่วนหนึ่งของข้อสรุปงานวิจัย
งานวิจัยดังกล่าวยังได้เสนอให้ภาครัฐเร่งให้ความรู้กลุ่มบุคลากรการแพทย์เรื่องปุ๊นดังนี้ 1.สรีรวิทยาของระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ 2.เภสัชจลนศาสตร์ของสารจากปุ๊น 3.ข้อบ่งใช้ที่เกี่ยวข้อง (เช่น อาการปวดเรื้อรัง อาการคลื่นไส้จากเคมีบำบัด) 4.ความเสี่ยง วิธีการให้ยาและการบริหารยา 4.กรอบกฎหมายและข้อบังคับ 5.กลยุทธ์สำหรับการสื่อสารที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและการตัดสินใจร่วมกัน
ย้อนกลับมามองเครือข่ายหมอไทย ล่าสุดได้มีการรวมรายชื่อเพื่อยื่นคัดค้านอุตสาหกรรมปุ๊นไทย โดยอ้างว่าปุ๊นเพื่อการแพทย์และสุขภาพของไทยนั้นนำไปสู่ 1.ปุ๊นซื้อขายง่ายทำให้ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น 2.ปลูกได้ทุกบ้านคือไม่มีการควบคุม 3.ร้านจำหน่ายเกิดขึ้นจำนวนมาก พร้อมระบุว่าการปลดล็อกนั้นแอบแฝงเพื่อประโยชน์ทางการค้า พร้อมแนบยอดผู้ป่วยจิตเภทจากปุ๊นที่เพิ่มขึ้นมาท้ายแถลงการณ์ ข้อมูลเหล่านี้สวนทางกับประเทศเจริญแล้วอย่าง USA ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเจตจำนงผ่านโพสต์คลิปมอง CBD เป็นศาสตร์แห่งสุขภาพของโลกยุคใหม่ ขณะที่คนสมัยใหม่อย่าง Gen Z ในยุโรปและสหรัฐหันมาบริโภคปุ๊นมากขึ้นเพราะปลอดภัยกว่าการดื่มสุรา เช่นเดียวกับงานวิชาการมากมายที่ยืนยันว่าปุ๊นสร้างปัญหาน้อยกว่าสุรา ทั้งยังมีอัตราเสพติดต่ำกว่า กาแฟ-น้ำตาล-บุหรี่-เหล้า
ดร.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก เคยเปิดเผยว่า คำกล่าวอ้างของหมอที่ต่อต้านปุ๊นส่วนใหญ่เป็นข้อมูลบิดเบือนที่ไม่คำนึงถึงกรณีผู้ที่มีอาการยาบ้าและยาเสพติดอื่นๆ แต่มักแอบอ้างรายงานเท็จว่าใช้ปุ๊นเนื่องจากกลัวผลทางกฎหมาย ตลอดจนตัวเลขบิดเบือนของผู้ป่วยจิตเวช และงบประมาณด้านรักษาจิตเวชที่อ้างว่าเพิ่มขึ้น 15,000 ล้านบาทนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตรวจพบงบประมาณเพียง 70 ล้านบาท ขณะที่ข้ออ้างตัวเลขผู้ป่วยทางจิตเพิ่มขึ้น 48,000 คนนั้น พอไปดูจริงมีแค่หลัก 1,000 คน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการยื่นข้อมูลร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ไปก่อนหน้านี้แล้ว

ด้านเลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตปุ๊นไทย เคยเปิดเผยว่า การกล่าวอ้างข้อมูลจากระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่ามีผู้ใช้ปุ๊นเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวนั้นเจ้าหน้าที่บีบบังคับให้คนเข้ารับบำบัดยาบ้า เขียนว่าใช้ปุ๊นควบคู่ไปด้วย แม้เพียงเคยใช้แค่ครั้งเดียวในรอบ 5 ปี เช่นเดียวกับข้อมูลที่บอกว่าคนเป็นโรคจิตเพิ่มขึ้น 6 เท่า นั้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นข้อมูลเท็จเช่นกัน เพราะความจริงแล้วประเทศไทยมีพืชชนิดนี้ในตำรับยาหลายร้อยปี เป็นวิถีชาวบ้านปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือนไปจนถึงชนเผ่าหลายแห่งที่ปลูกกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ทั้งยังเป็นตำรับยาแพทย์แผนไทยโบราณที่ได้รับการรับรองแล้วด้วย (ตำรับยาพระนารายณ์)

สุดฉาว!! ‘นอมินีชาวยิว’ ฮุบธุรกิจปุ๊นไทย ปักธงเหนือจรดใต้ ทำลายอาชีพนักปลูกท้องถิ่นจับประเด็น! สื่อโซเชียลขุดแฉ ชาวอิสรา...
15/10/2025

สุดฉาว!! ‘นอมินีชาวยิว’ ฮุบธุรกิจปุ๊นไทย ปักธงเหนือจรดใต้ ทำลายอาชีพนักปลูกท้องถิ่น
จับประเด็น! สื่อโซเชียลขุดแฉ ชาวอิสราเอลเปิดร้านปุ๊นนอมินี คนเดียวมี 15 สาขาในเกาะสมุย 2 สาขาในกรุงเทพและ 19 สาขาที่ภูเก็ต ด้านภาคเหนือเจอปุ๊นยิวระบาดทั่วเมืองปาย ชาวบ้านแฉเปิดร้านนอมินี-ไม่มีใบอนุญาต สื่อใหญ่ชวนจับตา ‘เกาะพงัน’ ชาวยิวส่อยึดแดนแดนไทย-ใช้นอมินีซื้อที่ติดทะเล ซื้อภูเขาเป็นลูกๆ ตัดต้นไม้ ติดสินบนเจ้าหน้าที่...
กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการสายเขียว เมื่อมีสื่อโซเชียลขุดแฉปมชาวอิสราเอลยึดธุรกิจปุ๊นไทย เปิดร้านนอมินีในเมืองใต้หลายจังหวัด ลุกลามไปยันเกาะพงันที่เริ่มเห็นชาวยิวเข้าไปทำธุรกิจปุ๊นมากยิ่งขึ้น คาดว่าเป็นนายทุนยิวด้านปุ๊นรายใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการสายเขียว ถ้าพูดชื่อก็ต้องร้องอ๋อ เพราะเปิดร้านปุ๊นมากกว่า 35 สาขาทั่วประเทศ คาดนโยบาย Free Visa พ่นพิษ เปิดประตูต้อนรับต่างชาติมายึดกิจการของคนไทย
รายงานข่าวจากเมืองปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนทางภาคเหนือ ระบุว่า ชาวอิสราเอลย้ายเขามาตั้งรกรากที่ปายจำนวนมากถึงกับสร้างโบสถ์ยิวกันโจ๋งครึ่ม แม้เป็นเมืองเล็กๆในชนบทแต่มีร้านปุ๊นอัดแน่นมากถึง 94 แห่ง ซึ่งบางส่วนเปิดกิจการโดยใช้ชื่อคนไทยเป็นเจ้าของกิจการหรือนอมินี เหิมเกริมขนาดลักลอบเปิดร้านปุ๊นโดยไม่มีใบอนุญาต รวมถึงพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อคนท้องถิ่น เช่น เมาแล้วจะไปลวนลามเจ้าของร้าน ขโมยของตามร้านค้า อาละวาด-ทำลายข้าวของ ตลอดจนไปกร่างทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่แล้วยืนดูดปุ๊นในโรงพยาบาล โดยไม่เคารพกฎหมายเมืองไทย ทั้งยังมีการเติมปุ๊นกันอย่างเกลื่อนกลาด ทั้งเดินดูดตามถนนคนเดินและนั่งเติมปุ๊นในที่สาธารณะ จนมีชาวบ้านร้องเรียนเป็นอย่างมากเรื่องกลิ่นควันที่ทำเกิดความรำคาญ
ด้านพี่ตุ้ม-หนุ่มเมืองจันท์ สื่อมวลชนอาวุโส ชวนจับตามองกรณีชาวยิวตั้งรกรากในเกาะพงัน แบบที่เรียกได้ว่าแทบจะยึดครองเป็นดินแดนพันธะสัญญา โดยใช้นอมินีซื้อที่ติดทะเล ซื้อภูเขาเป็นลูก ๆ ตัดต้นไม้ ติดสินบนเจ้าหน้าที่ ก่อสร้างผิดกฎหมาย ทำลายป่าเพื่อสร้างลานปาร์ตี้ สร้างธุรกิจกันเอง ทำกันเอง อุดหนุนกันเอง โฉนดบินเต็มเมือง เจอชุมชนชาวยิวมากขึ้นเรื่อย ๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มรับไม่ได้ และย้ายออกไป สถานการณ์แบบนี้ไม่แตกต่างจากที่เกิดขึ้นที่ “ปาย” ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เกาะพงันกลายเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลแห่งที่สอง มี Chabad ศูนย์กลางชุมชนวัดยิว ที่ทำเป็นกระบวนการ
รายงานข่าวจาก Channel Weez Thailand ระบุว่า นอมินีปุ๊นชาวยิวเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาปุ๊นไทย ซึ่งมีอีกหลายสัญชาติที่เข้ามาฮุบกิจการปุ๊นไทยในหัวเมืองต่างๆ เช่นภูเก็ต-พัทยา ที่พบว่ามีชาวรัสเซียจำนวนมากมาเปิดร้านปุ๊นหลายสาขา สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของนายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.จังหวัดภูเก็ต พรรคประชาชนที่ระบุว่า ธุรกิจนอมินีปุ๊นต่างชาติส่วนใหญ่เป็นพวกที่นำเงินสีเทาเข้ามาฟอกขาวผ่านธุรกิจปุ๊นทั้งยังประกอบกิจการโดยผิดกฎหมายอีกด้วย บางร้านตกแต่งหรูหราแม้ไม่มีลูกค้าแต่ยังประกอบกิจการอยู่ได้ รวมถึงบางร้านนอมินีต่างชาติที่ขายสิ่งของผิดกฎหมายก่อความเสียหายต่อภาพลักษณ์อุสาหกรรมสายเขียว
สาเหตุที่ธุรกิจปุ๊นไทยไปอยู่ในมือต่างด้าว เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินมหาศาล ไม่ต่างจากทุเรียน ที่เราได้เห็นล้งต่างด้าว-ร้านต่างชาติ-เจ้าของฟาร์มไม่ใช่คนไทย แต่นี่หนักกว่าทุเรียน เพราะมีนอมินีที่เอาสายพันธุ์ปุ๊นนำเข้ามาขาย สนับสนุนการใช้สารสกัด แล้วยังเอากัมมี่ผสมสารสกัดมาเดินขายกันโจ๋งครึ่มเต็มบ้านเต็มเมือง หลายเจ้ายังกล้าออกบู๊ธใหญ่โต สอดคล้องกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าธุรกิจซึ่งพบว่าธุรกิจนอมินีกัญชาแอบแฝงมากที่สุดอยู่ในภาคท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองหลัก พัทยา ภูเก็ต
การลงทุนที่ควรจ้างแรงงานไทย-ใช้ของในไทยเพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียน กลับกลายเป็นการทำธุรกิจนอมินีเถื่อน จ้างแรงงานต่างด้าว สนับสนุนสินค้าใต้ดินที่ไม่เข้าระบบภาษีและเม็ดเงินถูกดูดออกไปนอกประเทศ มีการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อหลบเลี่ยงกฎเกณฑ์นำไปสู่ความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านต้นทุน จึงมีปรากฎการณ์ทุ่มตลาดทุบสินค้าจนผู้ประกอบการปุ๊นชาวไทยอยู่ไม่ได้ เช่นกรณีปุ๊นเวียดนามทุบตลาดไทย ที่สำคัญกลุ่มฟอกเงินไม่แคร์ผลตัวเลขขาดทุนด้วยซ้ำ ยิ่งกดดันให้คนไทยที่ทำถูกกฎหมายอยู่ไม่ได้ ซ้ำร้ายยังมีคนไทยที่ศีลธรรมต่ำทรามยอมขายชาติเพื่อรับใช้ธุรกิจต่างชาติที่ทำผิดกฎหมายเอาเปรียบคนไทย
#ยิว #อิสราเอล #เกาะพงัน #เกาะสมุย #ปาย #ข่าวสาร

5 อันดับแรก ประเทศที่มีสายเขียว Gen Z มากที่สุด ดอกไม้-ยางปุ๊นคว้าแชมป์ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมสำนักงานสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยสถ...
14/10/2025

5 อันดับแรก ประเทศที่มีสายเขียว Gen Z มากที่สุด ดอกไม้-ยางปุ๊นคว้าแชมป์ผลิตภัณฑ์ยอดนิยม
สำนักงานสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยสถติข้อมูลสายเขียว Gen Z ช่วงอายุ 18-34 ปี ในยุโรป พบว่าประเทศที่มีสายเขียวรุ่นใหม่มากที่สุดคืออิตาลี (Italy) ครองสัดส่วน 21.5% หรือทุก 5 คนจะพบเจอสายเขียว 1 คน รองลงมาอีก 4 อันดับได้แก่ประเทศโครเอเชีย (Croatia) สัดส่วน 20% ประเทศ สเปน (Spain) สัดส่วน 19.4% ประเทศฝรั่งเศส (France) สัดส่วน 18.9% และประเทศเชค Czech สัดส่วน 18.1%
สำหรับค่าเฉลี่ยของสายเขียว Gen Z ช่วงอายุ 18-34 ปี ในสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 15.4% โดยพบว่าสายเขียวรุ่นใหม่ที่เป็นผู้ชายมีแนวโน้มที่จะรายงานเรื่องการใช้ปุ๊นสูงกว่าผู้หญิง 2 เท่า ส่วนด้านประเทศที่มีประชากรสายเขียว Gen Z น้อยที่สุดคือ โปรตุเกสที่ 4.9% กรีซที่ 4.5% และฮังการีที่ 3.4%
ขณะที่มูลค่าตลาดปุ๊นในยุโรปนั้นผลข้อมูลเชิงสถิติพบว่าอยู่ที่ราว 500,000 ล้านบาท/ปี โดยพบว่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ครองใจสายเขียว Gen Z มากที่สุดคือดอกไม้และยางปุ๊น ส่วนด้านผู้ใหญ่ที่อายุ 25-65 ปีในสหภาพยุโรปพบว่ามีสัดส่วนอยู่ที่ราว 37.8 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 8.4% ของประชากรทั้งหมด 450 ล้านคน

พืชสร้างชาติ!? โพลล์ US ชี้ปุ๊นสร้างงานสร้างอาชีพ-ลดปัญหาสังคม-ดีต่อสุขภาพ ขณะที่ไทยมองเป็นปิศาจร้ายผลวิจัยปุ๊นแห่งชาติจ...
10/10/2025

พืชสร้างชาติ!? โพลล์ US ชี้ปุ๊นสร้างงานสร้างอาชีพ-ลดปัญหาสังคม-ดีต่อสุขภาพ ขณะที่ไทยมองเป็นปิศาจร้าย
ผลวิจัยปุ๊นแห่งชาติจาก MRI-Simmons ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการของสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชากร USA ถึงผลกระทบการปลดล็อคปุ๊นเสรีในประเทศพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 73% เชื่อว่าปุ๊นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และอีก 67% เชื่อว่าปุ๊นดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจ
เมื่อถามถึงผลกระทบทางสังคมที่เกิดขึ้น ผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า 70% ระบุว่าการปลดล็อคปุ๊นให้ถูกกฎหมายจะช่วยลดการค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย และอีก 63% สนับสนุนให้ส่งเสริมธุรกิจปุ๊นถูกกฎหมายเพื่อกำจัดตลาดใต้ดินที่ควบคุมไม่ได้และเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้ตอบถามมากกว่า 75% มองว่าการปลดล็อคถือเป็นวิธีอันชาญฉลาดในการเพิ่มรายได้จากภาษี และอีก 73% มองว่าธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับปุ๊นสามารถกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นได้จริง
นอกจากด้านสังคมแล้ว งานศึกษาดังกล่าวยังลงลึกถึงด้านเศรษฐกิจ โดยพบว่าผู้ตอบแบบสอบส่วนใหญ่ชื่นชอบเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงปุ๊น ซึ่งมีกว่า 51% สนใจด้านรีสอร์ทและโรงแรมที่เป็นมิตรกับปุ๊น ส่วนอีก 21% สนใจที่พักแบบ Bed-and-Breakfast ที่เน้นผลิตภัณฑ์ปุ๊น ส่วนอีก 17% กล่าวถึงทัวร์รถบัสที่สามารถเติมปุ๊นได้ระหว่างการทัศนศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ พร้อมด้วยผู้ชื่นชอบธุรกิจด้าน Wellness อีกราว 20% ที่สนใจธุรกิจแนวร้านอาหารเพื่อสุขภาพผสมปุ๊น
ส่วนด้านการรับรู้ในเชิงสุขภาพนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบทั้งหมดคิดเป็น 87% ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าปุ๊นอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าสุรา ขณะที่อีก 61% เห็นด้วยในการใช้ปุ๊นทดแทนแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ซึ่งเอมิลี่ วิลเลียมส์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยของ MRI-Simmons ระบุว่า ปุ๊นได้วางตำแหน่งในเศรษฐกิจด้านสุขภาพ สะท้อนถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังเติบโตซึ่งให้ความสำคัญกับการดูแลตนเอง การมีสติ และการเยียวยาตามธรรมชาติ
ตัดภาพกลับมาที่ประเทศไทยแทบจะไม่เคยได้ยินข้อมูลแบบนี้ ส่วนใหญ่มีแต่การโจมตีด้อยค่าและกล่าวหาโดยไร้การเปรียบเทียบกับสิ่งที่เสพติดมากกว่าเช่น สุรา-บุหรี่ ปุ๊นในวาทกรรมคนไทยเป็นดั่งปิศาจตัวใหญ่-ภัยร้ายเยาวชน-ที่มาจากความรู้สึกของฝ่ายต่อต้าน ขณะที่ประเทศเจริญแล้วมองเป็นทางเลือกสุขภาพยุคใหม่-เด็กเข้าถึงลดลง-ยึดข้อมูลงานวิจัยหลักวิชาการ กลายเป็นความคิดโลกคู่ขนานจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ดื่มสุราลดลงหลังจากปลดล็อค ขณะที่ประเทศไทยกลายเป็นชาติที่ประชากรติดสุราเป็นอันดับต้นๆของโลก

บริษัทเหล้าโอด! ปลดล็อคปุ๊น ฉุดยอดขายวูบหมื่นล้าน-นักดื่มลด 13% คนรุ่นใหม่มองสมุนไพรปลอดภัยกว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านผลิตส...
09/10/2025

บริษัทเหล้าโอด! ปลดล็อคปุ๊น ฉุดยอดขายวูบหมื่นล้าน-นักดื่มลด 13% คนรุ่นใหม่มองสมุนไพรปลอดภัยกว่า
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านผลิตสุราของสหรัฐอเมริกาที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม Corona beer ได้ออกมาเปิดเผยผลวิจัยผ่านสื่อชื่อดังของเมือง New York ระบุว่า การศึกษาดีมานต์และยอดขายหลังจากปลดล็อคปุ๊นเสรีไปแล้ว 85% ของประเทศทั้งหมดพบว่าในปี 2025 ยอดขายลดลงมากกว่า 1.53 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับจำนวนนักดื่มที่ลดลงเหลือเพียง 54% จากเดิม 67% ในปี 2022 ดังนั้นจึงคาดว่าเทรนด์ของนักดื่มจะลดลงต่อเนื่องแล้วหันไปใช้ปุ๊นสมุนไพรทดแทน เช่น เครื่องดื่มผสมปุ๊น พร้อมคาดการณ์ปี 2026 ยอดขายก็จะลดลงต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าอีก 1 หมื่นล้านบาท
บริษัท Constellation Brands ผู้ผลิตเครื่องดื่มสุรามากกว่า 70 แบรนด์ กล่าวถึงปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1) ผู้คนหันมาใช้ปุ๊นทดแทนการดื่มแอลกอฮอล์เพราะมองว่าสมุนไพรปลอดภัยกว่า 2) คนรุ่นใหม่มองว่าการดื่มเป็นอันตรายต่อสุขภาพและนิยมเข้าร้านเหล้าน้อยลง โดยไปเน้นกิจกรรมเชิงสุขภาพ-ผ่อนคลายมากกว่า 3) การเป็นคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นเรื่องปกติในโลกยุคใหม่
ผลศึกษาดังกล่าวสอดคล้องกับงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารหอสมุดการแพทย์แห่งชาติสหรัฐ (National Library of Medicine) โดยสรุปว่าวัยรุ่น Gen Z และคนวัยทำงานรุ่นใหม่นั้นหันมาใช้ปุ๊นมากขึ้น และมีบ่อยครั้งที่พวกเขาเลือกวางขวดเบียร์และหยิบปุ๊นขึ้นมาเติมแทน กลายเป็นเทรนด์โลกใหม่ที่มีผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆหันมาใช้ปุ๊นทดแทนแอลกอฮอล์ โดยพบว่าอัตราการใช้ปุ๊นต่อหัว (420 Per Capita) เพิ่มขึ้นมาถึง 15 เท่าตัวหรือราว 1,500% ในช่วงปี 1992-2022 ขณะที่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 2020-2025 พบว่า Gen Z และ Gen Y ดื่มสุราน้อยลง รวมถึงเลือกที่จะงดดื่ม แม้ในบริบทที่การดื่มเป็นเรื่องปกติ เช่น ในงานปาร์ตี้
นาย อดัม ซิลัฟโฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านปุ๊นและผู้จัดการอาวุโสของ Wicked Dispensary กล่าวว่า แนวโน้มเหล่านี้อาจเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพและความยั่งยืน ทั้งต่อตัวเราเองและต่อโลก คุณรู้ไหมว่าคนรุ่นใหม่คิดอะไร?? พวกเขาคิดอยู่เสมอถึงแรงผลักดันอย่างมากในเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี พวกเขารับรู้ว่าปุ๊นมันคือพืช ขณะที่สมัยนี้ผู้คนก็ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเช่นกัน ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาสิ่งที่ดีต่อตัวคุณและดีต่อโลกนั้น ปุ๊นจึงกลายเป็นปรัชญาใหม่ของผู้คนในการหลีกหนีจากแอลกอฮอล์

นาย อดัม กล่าวอีกว่า ยอดขายสุราจะลดลง ยอดขายปุ๊นจะมีแต่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์มากมาย รวมถึงเครื่องดื่มปุ๊นสมุนไพรที่หลากหลาย ผู้ที่งดดื่มสุราในงานสังคมจึงอยากหยิบเครื่องดื่มปุ๊นขึ้นมาดื่มมากขึ้นเพื่อให้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานสังคมในแง่มุมที่ปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่า ดังนั้นพฤติกรรมการดื่มจึงเปลี่ยนไปผู้คนเข้าใช้บริการในบาร์เหล้าน้อยลง และเลือกใช้เวลาเอ็นจอยอยู่ที่บ้านหรือสถานที่ส่วนบุคคลเพื่อพักผ่อนสังสรรค์ปุ๊นร่วมกับเพื่อนๆแทน

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Channel Weez THผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์