Sathit Talaengsatya

Sathit Talaengsatya Strategizing macroeconomic data for your business strategy// เพราะข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญกับการตัดสินใจทางธุรกิจของคุณ.

สัญญาณของเงินฝืดในไทยกำลังจะกลับมา?1. อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline inflation) ขยายตัว -0.57% y/y ในเดือนพฤษภาคม 2568 ต่...
09/06/2025

สัญญาณของเงินฝืดในไทยกำลังจะกลับมา?

1. อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline inflation) ขยายตัว -0.57% y/y ในเดือนพฤษภาคม 2568 ต่อเนื่องจาก -0.22% y/y ในเดือนเมษายน 2568 และกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 จากเดิมอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 0. 3 – 1.3 (ค่ากลางร้อยละ 0.`8) เป็นระหว่างร้อยละ 0.0 – 1.0 (ค่ากลางร้อยละ 0.5) และจากข้อมูลในรายละเอียดองค์ประกอบของดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ก็บ่งชี้แนวโน้มภาวะเงินฝืดที่ก่อตัวขึ้นในเศรษฐกิจไทย

2. ทำไมเงินเฟ้อที่ชะลอลง หรือภาวะเงินฝืด ถึงน่ากลัว?
คำตอบก็คือ เพราะว่าถ้าเรามองเศรษฐกิจเป็นร่างกายเรา และอุณหภูมิของเศรษฐกิจ ก็คือ อัตราเงินเฟ้อ ซึ่ง ธปท. กำหนดเป้าหมายไว้ที่ 1.0% -3.0% ต่อปี ถ้าอุณหภูมิของเศรษฐกิจสูงขึ้นมากกว่าเป้าหมายเป็นเวลานาน ก็เปรียบเสมือนเศรษฐกิจเป็นไข้ ขณะที่อุณหภูมิของเศรษฐกิจต่ำกว่าเป้าหมายเป็นระยะเวลานาน หมายความเศรษฐกิจนั้นๆ กำลังจะตาย เพราะตัวเริ่มเย็นๆ

3. แล้วตอนนี้ ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเงินฝืดแล้วหรือยัง?
คำตอบ คือ ใช่ โดยเฉพาะถ้าดูจากวัฏจักรของ GDP Deflator ซึ่งแสดงอัตราการเปลี่ยนของราคาสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ ขณะที่ CPI แสดงอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าในตะกร้าสินค้า ที่บริโภคโดยผู้บริโภค ซึ่งรวมทั้งสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และราคาสินค้านำเข้า

อุณหภูมิของเศรษฐกิจไทย กำลังเริ่มเย็นๆ ต่ำกว่าเป้าหมายของ ธปท. มาสักพัก และจะต่ำไปอีกนานเพราะเป็นช่วงของการลดหนี้ (debt deleveraging) ของเศรษฐกิจไทย

ทางมีครับ รายละเอียดเพิ่มเติม:https://www.uobgroup.com/assets/web-resources/research/pdf/MN_250609A.pdf

เครื่องยนต์ของเศรษฐกิจไทย อ่อนแอลงชัดเจนครับ เช่น การท่องเที่ยว ขณะที่การเติบโตของสินเชื่อที่เปรียบเสมือนเลือดที่ไปเลี้ย...
26/05/2025

เครื่องยนต์ของเศรษฐกิจไทย อ่อนแอลงชัดเจนครับ เช่น การท่องเที่ยว ขณะที่การเติบโตของสินเชื่อที่เปรียบเสมือนเลือดที่ไปเลี้ยงเศรษฐกิจก็จืดจางลง ผมประเมินว่าแบงก์ชาติไทยมีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง หลังพ้นช่วงเวลา 90 วันของการพักการบังคับใช้ภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ครับ

รายละเอียดเพิ่มเติมครับ:https://www.uobgroup.com/assets/web-resources/research/pdf/MN_250526B.pdf

อัพเดตเศรษฐกิจไทย: การเติบโตในไตรมาส 1 ปี 2568 ดีกว่าคาด1. เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2568 ขยายตัว 3.1% y/y และ 0.7% q/q sa ...
22/05/2025

อัพเดตเศรษฐกิจไทย: การเติบโตในไตรมาส 1 ปี 2568 ดีกว่าคาด

1. เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2568 ขยายตัว 3.1% y/y และ 0.7% q/q sa สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ (ผลสำรวจ Reuters: +2.9% y/y, +0.6% q/q sa; คาดการณ์ของ UOB: +2.8% y/y, +0.5% q/q sa) ต่อเนื่องจากการเติบโต 3.3% y/y ในไตรมาส 4 ปี 2567 ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากอุปสงค์ต่างประเทศ—โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยว รวมถึงแรงหนุนต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐและการบริโภคภาคเอกชน

2. แม้เศรษฐกิจเติบโตดีกว่าคาด แต่แนวโน้มระยะสั้นถึงกลางยังเผชิญแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการค้าและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
คาดว่าการขยายตัวในระยะต่อไปจะชะลอลง แม้ภาคการท่องเที่ยวจะยังช่วยหนุนเศรษฐกิจ แต่แรงขับเคลื่อนหลักจะเปลี่ยนไปเป็นการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะการใช้จ่ายภาครัฐและการบริโภคภาคเอกชน ดังนั้น เรายังคงประมาณการการเติบโตของ GDP ปี 2568 ไว้ที่ 2.0%

3. คาดทางการยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจผ่านมาตรการทางการคลังและการเงิน เพื่อรักษาการเติบโตและรองรับแรงกดดันจากทั้งในและต่างประเทศ
ด้านการคลัง: สนับสนุนรัฐบาลผลักดันการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและเร่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แม้พื้นที่การดำเนินนโยบายจะมีข้อจำกัด
ด้านการเงิน: คาดว่าการผ่อนคลายสภาวะการเงินเพิ่มเติมจะช่วยลดภาระทางการเงินของภาคธุรกิจ และสนับสนุนการลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระดับโลกได้ดียิ่งขึ้น

รายละเอียดเพิ่มเติม:https://www.uobgroup.com/assets/web-resources/research/pdf/MN_250520.pdf

Looking forward to the event krub :)
28/02/2025

Looking forward to the event krub :)

ข้อมูลเศรษฐกิจไทยล่าสุดในไตรมาสที่ 3 ด้านการผลิต ยังบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทย ฟื้นตัวไม่เท่าเทียมกัน
20/11/2024

ข้อมูลเศรษฐกิจไทยล่าสุดในไตรมาสที่ 3 ด้านการผลิต ยังบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทย ฟื้นตัวไม่เท่าเทียมกัน

พัฒนาการทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 3 ปี 25671. จากข้อมูลเร็วในเดือนกันยายน/ตุลาคม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในตามวัฏจักร (cycl...
08/11/2024

พัฒนาการทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 3 ปี 2567

1. จากข้อมูลเร็วในเดือนกันยายน/ตุลาคม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในตามวัฏจักร (cyclical recovery) ของไทยมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สามเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากอุปสงค์ต่างประเทศ ในขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอลง โดยการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนซึ่งถูกกดดันจากทั้งปัจจัยเชิงวัฏจักรและปัจจัยเชิงโครงสร้าง ในด้านการผลิต ภาคบริการยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม

2. โดยรวมแล้ว เสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและการชะลอลงของอุปสงค์ในประเทศส่งสัญญาณความจำเป็นในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดย ธปท. ในปี 2568 แม้ว่าเสถียรภาพต่างประเทศจะปรับดีขึ้น แต่แนวโน้มกลับมีความไม่แน่นอนมากขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา

3. นโยบายการเงินยังสามารถผ่อนคลายได้เพิ่มเติมที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนมากขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงและความท้าทายจากภายนอกมากขึ้นก็ตาม ในกรณีฐาน เราคาดว่า ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ในการประชุมวันที่ 18 ธันวาคม ในปี 2568 คาดว่าธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในไตรมาสแรก และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.0% ตลอดทั้งปี

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 ต่อเศรษฐกิจไทย1. ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดต่อประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียอื...
08/11/2024

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 ต่อเศรษฐกิจไทย

1. ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดต่อประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียอื่น ๆ น่าจะมาจากนโยบายการค้าของทรัมป์

2. ผลกระทบที่คาดการณ์จากการเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ในสมัยที่สองนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในระยะสั้น ประเทศไทยอาจได้ประโยชน์จากผลกระทบของการทดแทน (trade diversion) และการย้ายห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ในระยะยาวยังคงไม่แน่นอน

3. เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า รวมถึงผลิตภัณฑ์พลาสติก คาดว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

ภาพด้านล่างแสดงโครงสร้างการส่งออกของบางประเทศที่เลือกไปยังสหรัฐฯ ในปี 2023

ประเทศไทย: พัฒนาการล่าสุดของหนี้ครัวเรือน (ณ ไตรมาส 2 ปี 2567)1. สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ยังคงสูง: ประเทศไทยยังคง...
22/10/2024

ประเทศไทย: พัฒนาการล่าสุดของหนี้ครัวเรือน (ณ ไตรมาส 2 ปี 2567)

1. สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ยังคงสูง: ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP สูงที่สุดในโลก แม้ว่า ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 89.6% จาก 90.7% ในไตรมาสก่อนหน้า

2. ปัจจัยที่ทำให้สัดส่วนลดลง: การลดลงของสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP มาจาก (1) การเติบโตของสินเชื่อครัวเรือนที่ช้าลง สาเหตุจากมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นทำให้มีการกู้ยืมที่ชะลอลง (ตัวตั้ง) และ (2) การเติบโตของ GDP ที่เป็นตัวเงิน (ตัวหาร) ที่แข็งแกร่งขึ้น

3. การหดตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์: การเติบโตของสินเชื่อครัวเรือนที่มาจากธนาคารพาณิชย์เติบโตติดลบ สะท้อนถึงการหดตัว ด้วยธนาคารพาณิชย์ที่มีส่วนแบ่งถึง 38.5% ของสินเชื่อครัวเรือนทั้งหมด การหดตัวนี้อาจเพิ่มแรงกดดันเพิ่มเติมต่อการบริโภคภาคเอกชน และการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ เกิดขึ้นในบริบทที่ผลกระทบจากน้ำท่วมอาจลดทอนผลบวกจากการกระตุ้นจากโครงการแจกเงินสดของรัฐบาล

4. วงจรป้อนกลับเชิงลบ (negative feedback loop): วงจรป้อนกลับเชิงลบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างการหดตัวของสินเชื่อ และอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอยังคงเป็นประเด็นที่น่ากังวล เนื่องจากเป็นความเสี่ยงต่อการรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในระยะข้างหน้า

5. เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพสถาบันการเงิน มีความน่ากังวลยิ่งขึ้น ผลจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ไม่เท่าเทียม รวมถึงผลลบจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวเป็นระยะเวลานาน

ข่าวดีครับ วันนี้  ธปท. ลดดอกเบี้ย 0.25% ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ 1. จากการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวัน...
16/10/2024

ข่าวดีครับ วันนี้ ธปท. ลดดอกเบี้ย 0.25% ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ
1. จากการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ และการสื่อสารนโยบายที่ประกาศในการแถลงข่าว ชัดเจนว่าความกังวลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับวงจรป้อนกลับเชิงลบ (negative feedback loop) ระหว่างการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แท้จริง มีมากขึ้น ภายใต้บริบทของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียมกัน ภาวะทางการเงินที่ตึงตัวส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนลดลง และสร้างแรงกดดันต่อภาคธุรกิจ ซึ่งได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อสถาบันการเงินและความเต็มใจในการปล่อยสินเชื่อ นำไปสู่การเติบโตของสินเชื่อที่ซบเซาในช่วงที่ผ่าน วงจรป้อนกลับเชิงลบนี้มีความเสี่ยงที่จะขัดขวางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เปราะบางของไทย

2. การผ่อนคลายนโยบายการเงินแม้เพียงเล็กน้อย จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และบรรเทาผลกระทบเชิงลบจากอุทกภัยครั้งล่าสุดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของประเทศ อย่างไรก็ตาม ผลกระตุ้นทางเศรษฐกิจจากโครงการแจกเงินสด 10,000 บาทในระยะแรกอาจน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากผลคูณทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าที่คาดอันเกิดจากการรั่วไหลของการใช้จ่าย เช่น การนำไปใช้หนี้ของกลุ่มเปราะบาง

3. จากการตัดสินใจของ กนง. ในวันนี้ ธปท. ได้เข้าร่วมกับ ธนาคารกลางอื่น ๆ ในภูมิภาคในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (easing cycle) เนื่องจากปัจจัยภายนอกเอื้ออำนวยมากขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากในเดือนกันยายน ด้วยการปรับทิศนโยบายของธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะ Fed ธปท. ยังมีช่องว่างเพิ่มเติมในการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ การลดอัตราดอกเบี้ยยังอาจช่วยบรรเทาแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาท และส่งเสริมการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ ในการรับมือกับความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน ธปท. อาจใช้เครื่องมือนโยบายอื่น ๆ เช่น มาตรการ macroprudential และกฎระเบียบทางการเงิน ขณะที่จะสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะสั้นได้

4. การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ยังอาจช่วยบรรเทาแรงกดดันทางการเมืองที่มีต่อ ธปท. โดยเฉพาะในเรื่องของเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่มีการทบทวนเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อประจำปีของ ธปท. สำหรับปี 2568 (2025) ในปัจจุบัน กระทรวงการคลังได้เสนอให้ปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อเป็น 1.5%-3.5% สำหรับปี 2568 จากกรอบปัจจุบันที่ 1.0%-3.0% โดยมีรายงานว่าการเสนอครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกดดันให้ ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ด้วยการตัดสินใจของ กนง. ในวันนี้ อาจทำให้ ธปท. อาจสามารถคงกรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อเดิมไว้ได้

5. อย่างไรก็ตาม ธปท. เน้นย้ำว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรอยู่ในระดับที่เป็นกลาง และไม่ควรอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานเกินไป นอกจากนี้ การผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรการผ่อนคลาย ธปท. ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่สมดุลทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำเป็นเวลานาน โดยเสถียรภาพทางการเงินยังคงเป็นนโยบายสำคัญของ ธปท. โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากการที่ไม่มีการปรับการคาดการณ์เศรษฐกิจมหภาคอย่างมีนัยสำคัญ

6. โดยสรุป ธปท. น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปี 2567 ในวันที่ 18 ธันวาคม 2567 นี้ และน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ภายในไตรมาสแรกของปี 2568 และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ที่ 2.0% ตลอดทั้งปี

VUCA BANI ของจริง ครับ

Preview: การประชุม กนง. ของ ธปท. วันพุธที่ 16 ต.ค. 25671. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2....
16/10/2024

Preview: การประชุม กนง. ของ ธปท. วันพุธที่ 16 ต.ค. 2567

1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ตลอดทั้งปี 2567 และ 2568 เนื่องจากการคาดการณ์เศรษฐกิจมหภาคของ ธปท. (แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ) ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่การประชุมครั้งล่าสุดในเดือนมิถุนายน และ คาดว่า ธปท. จะไม่ปรับประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ

2. เหตุผลสำคัญที่ ธปท. น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% นอกจากการที่จะไม่เปลี่ยนแปลงประมาณการเศรษฐกิจ อย่างมีนัยสำคัญ แล้ว คือ
ระดับหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง: ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 อัตราส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ 89.6% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ ธปท. อยากเห็นที่ระดับ 80% ต่อ GDP
ความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก (เช่น การเลือกตั้งปรธธานาธิบดีสหรัฐฯ และการทำนโยบายของ Fed) และแรงกดดันต่อเสถียรภาพภาคต่างประเทศ
ความกังวลของ ธปท. เกี่ยวกับกันชนทางนโยบาย (policy buffers) และท่าทีของ ธปท. ที่จะไม่สร้างความผันผวนเพิ่มเติมให้กับตลาด
ท่าทีของธปท. เกี่ยวกับปัญหาเชิงโครงสร้าง: การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่สามารถแก้ไขปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้

3. เหตุผลที่จะทำให้ ธปท. ลดอัตราดอกเบี้ยได้
ธปท. มี mandate ในการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ
อัตราการเติบโตของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ซึ่งเปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงร่างกาย เติบโตติดลบตั้งแต่ต้นปี กระทบกิจกรรมของภาคเศรษฐกิจจริง และฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่ำลงไปอีก

ศักยภาพของเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า ที่ ธปท. ประเมินไว้ และต้องการนโยบายการเงินที่เอื้อให้เศรษฐกิจเติบโตได้
นโยบายการเงินโลกที่ผ่อนคลายลง ช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท และเสถียรภาพภาคต่างประเทศ

ธปท. หันมาใช้เครื่องมือเฉพาะจุดในการดูแล financial stability ไม่ overburden อัตราดอกเบี้ยนโยบายในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่าน กนส. ที่มีหน้าที่โดยตรง มากกว่า กนง.

ส่วนตัวเห็นว่า ธปท. สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น ช่วยให้คนไทยกินดีอยู่ดีขึ้น ตาม mandate ที่กฎหมายกำหนด และใช้เครื่องมืออื่น ๆ ที่มีจัดการปัญหาเฉพาะจุด เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ การสร้างและส่งเสริมความรู้ทางการเงิน ตลอดจนการปรับกระบวนการการทำนโยบายใหม่ เพราะวิธีการทำนโยบายการเงินไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่การนำเป้าหมายเงินเฟ้อมาใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2000 ปีนี้ ปี 2024 ผ่านมาแล้ว 24 ปี แล้วครับ

สภาวะการเงินโลกที่ยังคงตึงตัว ส่งผลกดดันต่อค่าเงินบาทต่อเนื่อง1. แม้ว่าเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง...
17/06/2024

สภาวะการเงินโลกที่ยังคงตึงตัว ส่งผลกดดันต่อค่าเงินบาทต่อเนื่อง

1. แม้ว่าเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง แต่ความคาดหวังของตลาดและสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่น้อยลงในปี 2024 โดยเหลือเพียง 1 ครั้ง หรือไม่มีการปรับลดเลย ยังคงกดดันอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB ค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลง 6.7% ตั้งแต่ต้นปี (ข้อมูล ณ วันที่ 14 มิถุนายน) ทำให้เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่อ่อนค่าที่สุดในเอเชีย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม อัตราแลกเปลี่ยน USD/THB อยู่ที่ 36.64 ซึ่งแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 36.79 ณ สิ้นเดือนเมษายน
2. ในเดือนพฤษภาคม ตลาดพันธบัตรมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าสุทธิ 0.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับการไหลออกสุทธิ -0.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนเมษายน ขณะที่ตลาดหุ้นมีการไหลออกสุทธิ -0.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับการไหลเข้าสุทธิจำนวน0.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ประเทศไทยมีเงินทุนไหลออกสุทธิ -0.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคม

ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเล็กน้อยที่ -0.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการขาดดุลเล็กน้อยที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนเมษายน โดยมีสาเหตุจากการขาดดุลรายได้หลักและรายได้รองจำนวน -0.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าจะมีการเกินดุลการค้าที่ 0.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
3. ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้ ค่าเงิน USD/THB น่าจะเผชิญกับแรงกดดันจากการไหลออกของรายได้หลักที่เกิดจากการโอนเงินปันผลกลับประเทศของบริษัทต่างชาติ และฤดูกาลท่องเที่ยวช่วง low seasons ท่ามกลางนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงเป็นเวลานานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
4. โดยสรุปจะเห็นได้ว่า การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมีความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพต่างประเทศและค่าเงินบาท เนื่องจาก การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด หมายถึงการมีรายได้สุทธิจากต่างประเทศ และรายได้ดังกล่าวเป็นที่มาของเงินตราต่างประเทศที่ปราศจากภาระผู้กพันใด ๆ ซึ่งส่วนหนึ่ง ธนาคารกลางสามารถนำใช้ในการรักษาเสถียรภาพค่าเงินหรืออัตราแลกเปลี่ยน (exchange rate) ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศได้
อ่านเพิ่มเติม: https://economissyou.com/2024/05/26/thailands-potential-growth-from-the-view-of-current-account/

นัยจากการประชุม กนง. วันที่ 12 มิถุนายน 2567 จากมุมมองของผม ครับ 1. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไท...
12/06/2024

นัยจากการประชุม กนง. วันที่ 12 มิถุนายน 2567 จากมุมมองของผม ครับ

1. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียงในการประชุมเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% (เปรียบเทียบกับ 5 ต่อ 2 เสียง ในการประชุมสองครั้งที่ผ่านมาของปีนี้) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามตลาดและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด
2. ธปท. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง เพื่อควบคุมหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมากกว่า 90% ของ GDP (สูงกว่าระดับ 80% ของ GDP ซึ่งเป็นระดับที่ ธปท. ประเมินว่าไม่กระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะยาว) โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้น และมองว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระยะ 1- 2 ปีข้างหน้า มีไม่มาก สังสัญญาณชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ที่ 2.50% ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้
3. อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้และในปี 2025
4. การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย: เห็นด้วยว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว แต่ path ของการฟื้นตัวยังคงไม่ได้แข็งแกร่งและไม่ทั่วถึง ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจไทยใช้เวลาถึง 4 ปีในการฟื้นตัวและกลับมาสู่ระดับ GDP ที่เท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาด โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานยังคงไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้การฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือนเป็นไปอย่างช้าๆ

การท่องเที่ยวในด้านอุปสงค์และภาคบริการในด้านอุปทานเป็นแรงสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมและการเติบโตของ GDP อย่างไรก็ตาม ภาคบริการยังไม่ฟื้นตัวในอัตราเดียวกัน โดยมีเพียงบริการที่เกี่ยวข้องกับออนไลน์และการท่องเที่ยวเท่านั้นที่ฟื้นตัวค่อนข้างแข็งแกร่ง ภาคการผลิตยังคงอ่อนแอ โดยรวมแล้ว การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยจะยังคงช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน
5. การเติบโตทางเศรษฐกิจ: กุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน
การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มีอยู่ แม้ว่า ธปท. จะปรับนิยามหนี้ครัวเรือนให้ครอบคลุมหนี้สินมากขึ้น การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราส่วนหนี้ครัวเรือนยังคงมาจากการหดตัวอย่างมากของ GDP ดังนั้น การเติบโตทางเศรษฐกิจจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มรายได้ครัวเรือนและขับเคลื่อนกระบวนการลดหนี้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และในอนาคต กระบวนการลดหนี้จะยิ่งท้าทายมากขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีการเติบโตต่ำ
6. ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน: เข้มงวดเกินไปและไม่สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเคยสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่แนวโน้มนี้กลับตรงกันข้ามในยุคหลังการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ ศักยภาพการเติบโตที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดของประเทศไทย น่าจะเป็นเหตุผลที่ ธปท. ควรปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง (neutral rate)

การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริงจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ในบริบทปัจจุบันที่มีการเติบโตต่ำ การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของรายได้ครัวเรือนและการลดหนี้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แม้ว่า ธปท. จะมีท่าทีและส่งสัญญาณการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ในปี 2025 เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพด้านต่างประเทศ และความผันผวนของค่าเงินบาท

ที่อยู่

1674/219 New Petchaburi Road Makkasan Ratchathewi
Bangkok
10400

เบอร์โทรศัพท์

+66952646446

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Sathit Talaengsatyaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Sathit Talaengsatya:

แชร์