
31/08/2025
ผีใช้ได้ค่ะ (A Useful Ghost) ขอบคุณนะคะ ที่ใช้ภาพยนตร์ชำระแค้นแทนพวกเขา
หลายครั้งที่บทสนทนาเกี่ยวกับการเมืองจบลงด้วยความสิ้นหวัง “ประชาชนคนธรรมดา จะเอาอะไรไปต่อกรกับอำนาจที่เหนือกว่า ปล่อยให้คนในสภาเขาจัดการกันไป ไม่เห็นเหรอว่า ผู้ที่ต่อต้านมีจุดจบอย่างไร ไม่ถูกบังคับสูญหาย ก็ต้องตายอย่างทรมาน”
ผีใช้ได้ค่ะ ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของ อุ้ย รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค ที่คว้ารางวัล Grand Prize จากสายประกวด Semaine de la Critique เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 78 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เรื่องราวของ แนท (ดาวิกา โฮร์เน่) วิญญาณภรรยาสาวที่ความตายไม่อาจพรากเธอไปจาก มาร์ช (วิศรุต หิมรัตน์) สามีลูกเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เธอจึงมาสิงอยู่ในเครื่องดูดฝุ่นเพื่อกลับมาอยู่กินฉันสามีภริยาอีกครั้ง แต่แน่นอนว่าทางบ้านของเขาต้องกีดกันความรักระหว่าง มนุษย์ กับ เครื่องใช้ไฟฟ้า
หลังจากถูกกีดกันความรักข้ามเผ่าพันธุ์ แนท รับรู้เรื่องราวของพี่ชายมาร์ชซึ่งเป็นเกย์ และถูกกีดกันความรักข้ามเพศเช่นเดียวกัน แต่ผู้ใหญ่ในบ้านกลับยอมปิดตาข้างหนึ่ง เพราะแฟนของพี่ชาย สร้างผลประโยชน์ให้แก่ครอบครัวและโรงงานของทางบ้านได้ แนท จึงต้องการเป็น ‘ผีที่มีประโยชน์’ A Useful Ghost ตามชื่อเรื่อง แต่ความสามารถของผีเครื่องดูดฝุ่นอย่างแนท กลับมีมากกว่านั้น เธอจึงต้องเลือกระหว่างความถูกต้อง กับผลประโยชน์ของตัวเอง
พล็อตประหลาดโลก เล่าเคล้าไปกับการแสดงไร้ความรู้สึก และไม่อาจรู้ว่าเรื่องราวกำลังดำเนินอยู่ในยุคสมัยใด แต่เป็นเมืองไทยที่ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า ‘ผีมีอยู่จริง’
หนังใช้เวลาเพียงไม่นานละลายพฤติกรรม และเมื่อคนดูจูนติด ความหรรษาก็เกิดขึ้น หนังที่ก่อนเข้าโรงมีท่าที ‘ดูยาก’ กลับกลายเป็นหนังตลก กะเทย ที่เดินเรื่องอย่างรวดเร็ว เพลิดเพลินไปกับจังหวะลีลาอันลื่นไหล เข้าใจง่าย รายล้อมไปด้วยงานภาพอันประณีต และสถาปัตยกรรมที่งดงาม
แม้เป็นเพียงหนังเรื่องแรก แต่รัชฏ์ภูมิ แสดงความสากลออกมาในทุกมิติ สมกับการได้ยืนอยู่บนเวทีระดับนานาชาติ และได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยเพื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 98 หนังมีความแข็งแรงด้านการเมืองอย่างรุนแรง และอาจจะรุนแรงมากที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ผีทุกตนในเรื่องล้วนเคยเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้พิเศษไปกว่าใคร และพวกเขาล้วนมีประโยชน์ต่อโลกใบนี้ เป็นภรรยา เป็นแม่ เป็นพ่อ เป็นลูก หรือเป็นแรงงานในสายพานการผลิต หากขาดใครไปประเทศก็ไม่มีวันขับเคลื่อนไปข้างหน้า แต่ผู้มีอำนาจกลับมองคุณค่าของคนอยู่ที่ ‘ผลประโยชน์’ ไม่ใช่ ‘ประโยชน์’
ผู้ขัดขวางผลประโยชน์หรืออำนาจรัฐจะต้องถูกกำจัดทิ้ง จุดนี้ทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Fahrenheit 451 ในปี 1966 ผลงานของ ฟร็องซัว ทรูว์โฟ ผู้กำกับชั้นครูชาวฝรั่งเศส เกี่ยวกับรัฐบาลเผด็จการที่สั่งเผาทำลายหนังสือให้หมดโลก เพราะปัญญาชนถือเป็นบุคคลอันตราย และการอ่านหนังสือจะทำให้ผู้คนกระด้างกระเดื่อง มีความคิดและตั้งคำถามเป็น โดยอุณหภูมิ 451 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 233 องศาเซลเซียส คือระดับความร้อนที่เหมาะสมในการทำให้หนังสือมอดไหม้เป็นเถ้าธุลี โดยฟากฝั่งกบฏเองก็มีวิธีที่แยบยลในการ ‘จดจำ’ หนังสือเหล่านั้นเอาไว้
การถูกจดจำเป็นแก่นแกนสำคัญของ ผีใช้ได้ค่ะ หนังที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออุทิศให้แก่เหล่าวิญญาณผู้สูญเสียในเหตุการณ์ พฤษภาคม ปี 2553 ซึ่งเป็นวิธีที่คล้ายกับงานช่วงหลังของ เควนติน ทารันติโน ซึ่งมักนำเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาชำระใหม่ด้วยกลไกทางภาพยนตร์ นับตั้งแต่ Inglourious Basterds เป็นต้นมา การขีดเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ เพื่อลบล้างความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริง ด้วยสิ่งที่เขาถนัดที่สุดคือ ‘การทำหนัง’
นี่คือการโต้กลับของคนธรรมดาที่ไร้ซึ่งอำนาจและอาวุธ เฉกเช่นเดียวกับรัชฏ์ภูมิ ที่ใช้ศาสตร์ของภาพยนตร์ชำระความแค้นให้แก่เหล่าวิญญาณที่ถูกทำให้ลืมเลือน อย่างความตายของ เฌอ สมาพันธ์ ศรีเทพ เด็กหนุ่มที่มีอายุเพียง 17 ปี เขาถูกยิงเสียชีวิตบริเวณแยกราชปรารภ ในระหว่างการสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 53 แต่ในการออกอากาศทางโทรทัศน์ พลโทท่านหนึ่ง นำภาพที่ลบรูปศพของ เฌอ ออกไป และนำรูปศพจริงมาเปรียบเทียบ พร้อมบอกว่า “อย่าหลงเชื่อ นี่คือภาพตัดต่อ ไม่มีคนตายตรงนี้”
การลบผู้เสียชีวิตออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์โดยผู้มีอำนาจ เป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นมนุษย์ มากกว่าการลงมือสังหารเองเสียอีก เพราะคนเหล่านั้นกำลังลงมือสังหารชีวิตคนถึงสองครั้ง ทั้งตอนเป็น และตอนตาย
เรื่อง กิตติพัฒน์ กนกนาค
#ผีใช้ได้ค่ะ