Connect the Dots The Connector

ผีใช้ได้ค่ะ (A Useful Ghost) ขอบคุณนะคะ ที่ใช้ภาพยนตร์ชำระแค้นแทนพวกเขา หลายครั้งที่บทสนทนาเกี่ยวกับการเมืองจบลงด้วยความ...
31/08/2025

ผีใช้ได้ค่ะ (A Useful Ghost) ขอบคุณนะคะ ที่ใช้ภาพยนตร์ชำระแค้นแทนพวกเขา
หลายครั้งที่บทสนทนาเกี่ยวกับการเมืองจบลงด้วยความสิ้นหวัง “ประชาชนคนธรรมดา จะเอาอะไรไปต่อกรกับอำนาจที่เหนือกว่า ปล่อยให้คนในสภาเขาจัดการกันไป ไม่เห็นเหรอว่า ผู้ที่ต่อต้านมีจุดจบอย่างไร ไม่ถูกบังคับสูญหาย ก็ต้องตายอย่างทรมาน”
ผีใช้ได้ค่ะ ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของ อุ้ย รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค ที่คว้ารางวัล Grand Prize จากสายประกวด Semaine de la Critique เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 78 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เรื่องราวของ แนท (ดาวิกา โฮร์เน่) วิญญาณภรรยาสาวที่ความตายไม่อาจพรากเธอไปจาก มาร์ช (วิศรุต หิมรัตน์) สามีลูกเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เธอจึงมาสิงอยู่ในเครื่องดูดฝุ่นเพื่อกลับมาอยู่กินฉันสามีภริยาอีกครั้ง แต่แน่นอนว่าทางบ้านของเขาต้องกีดกันความรักระหว่าง มนุษย์ กับ เครื่องใช้ไฟฟ้า
หลังจากถูกกีดกันความรักข้ามเผ่าพันธุ์ แนท รับรู้เรื่องราวของพี่ชายมาร์ชซึ่งเป็นเกย์ และถูกกีดกันความรักข้ามเพศเช่นเดียวกัน แต่ผู้ใหญ่ในบ้านกลับยอมปิดตาข้างหนึ่ง เพราะแฟนของพี่ชาย สร้างผลประโยชน์ให้แก่ครอบครัวและโรงงานของทางบ้านได้ แนท จึงต้องการเป็น ‘ผีที่มีประโยชน์’ A Useful Ghost ตามชื่อเรื่อง แต่ความสามารถของผีเครื่องดูดฝุ่นอย่างแนท กลับมีมากกว่านั้น เธอจึงต้องเลือกระหว่างความถูกต้อง กับผลประโยชน์ของตัวเอง
พล็อตประหลาดโลก เล่าเคล้าไปกับการแสดงไร้ความรู้สึก และไม่อาจรู้ว่าเรื่องราวกำลังดำเนินอยู่ในยุคสมัยใด แต่เป็นเมืองไทยที่ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า ‘ผีมีอยู่จริง’
หนังใช้เวลาเพียงไม่นานละลายพฤติกรรม และเมื่อคนดูจูนติด ความหรรษาก็เกิดขึ้น หนังที่ก่อนเข้าโรงมีท่าที ‘ดูยาก’ กลับกลายเป็นหนังตลก กะเทย ที่เดินเรื่องอย่างรวดเร็ว เพลิดเพลินไปกับจังหวะลีลาอันลื่นไหล เข้าใจง่าย รายล้อมไปด้วยงานภาพอันประณีต และสถาปัตยกรรมที่งดงาม
แม้เป็นเพียงหนังเรื่องแรก แต่รัชฏ์ภูมิ แสดงความสากลออกมาในทุกมิติ สมกับการได้ยืนอยู่บนเวทีระดับนานาชาติ และได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยเพื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 98 หนังมีความแข็งแรงด้านการเมืองอย่างรุนแรง และอาจจะรุนแรงมากที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ผีทุกตนในเรื่องล้วนเคยเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้พิเศษไปกว่าใคร และพวกเขาล้วนมีประโยชน์ต่อโลกใบนี้ เป็นภรรยา เป็นแม่ เป็นพ่อ เป็นลูก หรือเป็นแรงงานในสายพานการผลิต หากขาดใครไปประเทศก็ไม่มีวันขับเคลื่อนไปข้างหน้า แต่ผู้มีอำนาจกลับมองคุณค่าของคนอยู่ที่ ‘ผลประโยชน์’ ไม่ใช่ ‘ประโยชน์’
ผู้ขัดขวางผลประโยชน์หรืออำนาจรัฐจะต้องถูกกำจัดทิ้ง จุดนี้ทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Fahrenheit 451 ในปี 1966 ผลงานของ ฟร็องซัว ทรูว์โฟ ผู้กำกับชั้นครูชาวฝรั่งเศส เกี่ยวกับรัฐบาลเผด็จการที่สั่งเผาทำลายหนังสือให้หมดโลก เพราะปัญญาชนถือเป็นบุคคลอันตราย และการอ่านหนังสือจะทำให้ผู้คนกระด้างกระเดื่อง มีความคิดและตั้งคำถามเป็น โดยอุณหภูมิ 451 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 233 องศาเซลเซียส คือระดับความร้อนที่เหมาะสมในการทำให้หนังสือมอดไหม้เป็นเถ้าธุลี โดยฟากฝั่งกบฏเองก็มีวิธีที่แยบยลในการ ‘จดจำ’ หนังสือเหล่านั้นเอาไว้
การถูกจดจำเป็นแก่นแกนสำคัญของ ผีใช้ได้ค่ะ หนังที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออุทิศให้แก่เหล่าวิญญาณผู้สูญเสียในเหตุการณ์ พฤษภาคม ปี 2553 ซึ่งเป็นวิธีที่คล้ายกับงานช่วงหลังของ เควนติน ทารันติโน ซึ่งมักนำเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาชำระใหม่ด้วยกลไกทางภาพยนตร์ นับตั้งแต่ Inglourious Basterds เป็นต้นมา การขีดเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ เพื่อลบล้างความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริง ด้วยสิ่งที่เขาถนัดที่สุดคือ ‘การทำหนัง’
นี่คือการโต้กลับของคนธรรมดาที่ไร้ซึ่งอำนาจและอาวุธ เฉกเช่นเดียวกับรัชฏ์ภูมิ ที่ใช้ศาสตร์ของภาพยนตร์ชำระความแค้นให้แก่เหล่าวิญญาณที่ถูกทำให้ลืมเลือน อย่างความตายของ เฌอ สมาพันธ์ ศรีเทพ เด็กหนุ่มที่มีอายุเพียง 17 ปี เขาถูกยิงเสียชีวิตบริเวณแยกราชปรารภ ในระหว่างการสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 53 แต่ในการออกอากาศทางโทรทัศน์ พลโทท่านหนึ่ง นำภาพที่ลบรูปศพของ เฌอ ออกไป และนำรูปศพจริงมาเปรียบเทียบ พร้อมบอกว่า “อย่าหลงเชื่อ นี่คือภาพตัดต่อ ไม่มีคนตายตรงนี้”
การลบผู้เสียชีวิตออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์โดยผู้มีอำนาจ เป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นมนุษย์ มากกว่าการลงมือสังหารเองเสียอีก เพราะคนเหล่านั้นกำลังลงมือสังหารชีวิตคนถึงสองครั้ง ทั้งตอนเป็น และตอนตาย

เรื่อง กิตติพัฒน์ กนกนาค

#ผีใช้ได้ค่ะ

จุดเริ่มต้นการแต่งชุดดำไปงานศพ จวบจนเป็นธรรมเนียมในยุคปัจจุบัน  การแต่งชุดดำเพื่อไว้อาลัย ไว้ทุกข์ หรือไปงานศพ ถือเป็นหล...
30/08/2025

จุดเริ่มต้นการแต่งชุดดำไปงานศพ จวบจนเป็นธรรมเนียมในยุคปัจจุบัน
การแต่งชุดดำเพื่อไว้อาลัย ไว้ทุกข์ หรือไปงานศพ ถือเป็นหลักปฏิบัติสากลในยุคปัจจุบัน แต่หากย้อนไปในอดีต การใส่ชุดดำถูกแปรเปลี่ยนความหมายและมีวิวัฒนาการจากจุดเริ่มต้นอย่างน่าสนใจ
ในยุคโรมัน (𝑹𝒐𝒎𝒂𝒏 𝑬𝒓𝒂) ผู้คนจะสวมชุดที่เรียกว่า ‘โทกา’ (Toga) เป็นผืนผ้ายาวขนาด 6 เมตร ที่ใช้พันรอบตัวแทนเสื้อผ้า แต่เมื่อถึงช่วงเวลาของงานศพ ชาวโรมันจะสวม ‘โทกา พูลลา’ (Toga Pulla) ซึ่งเป็นผ้าคลุมสีเข้มหรือสีดำแทน แต่ไม่ได้ใช้เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของผู้วายชนม์ จุดประสงค์หลักของการใส่สีดำคือ การอำพรางตัวผู้ใส่จากวิญญาณผู้ตาย และอำนาจชั่วร้ายที่วนเวียนอยู่แถวนั้น เพราะชาวโรมันเชื่อว่า วิญญาณคนตายยังไม่สูญสลายหายไปไหน การใส่ชุดสีดำจะทำให้วิญญาณสับสน และช่วยปกป้องผู้ใส่จากการมองเห็นของวิญญาณ
ในยุคกลาง (𝑴𝒆𝒅𝒊𝒆𝒗𝒂𝒍 𝑬𝒓𝒂) การแต่งกายด้วยชุดดำ ถูกนำมาใช้กับบรรดานักบวชในศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะนิกายคาทอลิก เพราะสีดำทำให้รู้สึกสำรวม แสดงถึงความสมถะ และการละทิ้งทางโลก ความหมายของสีดำยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย การไว้ทุกข์ และกลับคืนสู่ธุลีดิน ดังนั้นการสวมชุดดำจึงแสดงออกถึงความเศร้าโศก ความเคารพต่อผู้ล่วงลับ และการสำนึกต่อบาป
ในยุควิกตอเรีย (𝑽𝒊𝒄𝒕𝒐𝒓𝒊𝒂𝒏 𝑬𝒓𝒂) นี่คือจุดตัดสำคัญของธรรมเนียมการแต่งชุดดำในยุคปัจจุบัน เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนเข้มงวดกับการไว้ทุกข์อย่างถึงที่สุด กลุ่มคนชนชั้นสูงจะสวมชุดสีดำสนิท ทำจากผ้าเรียบไร้ลวดลาย ปราศจากความมันวาวระยิบระยับ ซึ่งระยะเวลาการไว้ทุกข์จะแปรผันตามความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับผู้ตาย โดยเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญคือ
เหตุการณ์ของควีนวิคตอเรีย ที่สูญเสียเจ้าชายอัลเบิร์ตสามีอันเป็นที่รักไปในปี 1861 เธอใช้เวลาตราบจนสิ้นลมหายใจ สวมชุดสีดำไว้ทุกข์ให้กับสามียาวนานถึง 40 ปี การกระทำของควีนวิคตอเรียถูกยกย่อง และกลายเป็นต้นแบบที่สังคมยึดถือ การแต่งชุดดำจึงเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความเคารพต่อผู้เสียชีวิต และความโศกเศร้าอย่างหาที่สุดไม่ได้
ในปัจจุบัน การแต่งชุดสีดำไปงานศพจึงกลายเป็นธรรมเนียมสากล ที่มีความยืดหยุ่นในการสวมใส่มากขึ้น โดยเน้นไปที่ความสุภาพ สำรวม และให้เกียรติสถานที่ นอกจากสีดำ งานศพยังอนุโลมให้สวมใส่ชุดสีโทนเข้ม เช่น สีกรมท่า สีเทา หรือ สีขาวได้ แต่ความหมายในการไว้อาลัย และการให้ความเคารพต่อผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ เช่นเดียวกับความทรงจำที่มีต่อผู้คนเหล่านั้น

#งานศพ #ชุดดำ

สงครามกางเกงยีนส์ American Egle – GAPการตลาดต้องใส่ใจ ไม่ใช่แค่ทำให้คนสนใจเมื่อเร็วๆ นี้ แบรนด์กางเกงยีนส์ยักษ์ใหญ่อย่าง...
30/08/2025

สงครามกางเกงยีนส์ American Egle – GAP
การตลาดต้องใส่ใจ ไม่ใช่แค่ทำให้คนสนใจ
เมื่อเร็วๆ นี้ แบรนด์กางเกงยีนส์ยักษ์ใหญ่อย่าง GAP และ American Eagle ได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาครั้งใหญ่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจและถูกเปรียบเทียบกันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล เพราะแม้จะมีการนำเสนอด้วยดีไซน์ภาพที่คล้ายกัน แต่ทั้งสองแบรนด์ใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
American Eagle และแคมเปญ "Sydney Sweeney Has Great Jeans"
American Eagle เลือกใช้กลยุทธ์ที่เน้นตัวบุคคลที่เป็นที่นิยมในขณะนี้อย่าง Sydney Sweeney นักแสดงสาวชาวอเมริกันที่กำลังโด่งดัง ใช้สโลแกนที่เล่นคำว่า "Jeans" (กางเกงยีนส์) กับ "Genes" (ยีน/พันธุกรรม) เพื่อสื่อถึงความสวยงามและรูปร่างที่ดี ซึ่งมาจากการใส่กางเกงยีนส์ของ American Eagle มีการจงใจซูมกล้องไปที่ส่วนเว้าโค้งต่าง ๆ บนเรือนร่างของเธออยู่หลายช็อต เพื่อเน้นย้ำถึงเสน่ห์ด้านรูปลักษณ์ของเธอ
แม้ว่าจะมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสนใจ แต่การใช้คำว่า "Genes" และการนำเสนอภาพลักษณ์ของ Sydney Sweeney ซึ่งเป็นผู้หญิงผิวขาว ผมบลอนด์ ตาสีฟ้า ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยมีผู้บางส่วนมองว่าแคมเปญนี้อาจสื่อถึงแนวคิดเรื่องพันธุกรรมที่เชื่อมโยงกับความงามแบบคนผิวขาว ซึ่งเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนในสังคมอเมริกัน และอาจร้ายแรงถึงการย้ำโศกฆนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นกับชาวยิว บ้างก็วิจารณ์ถึงแนวคิดตื้นเขินและล้าหลังอย่างการขายเพียงความเซ็กซี่ของตัวนักแสดงมากกว่าสินค้า นำเสนอผ่าน “Male Gaze” หรือมุมมองผู้ชายที่มองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ
แม้จะสร้างกระแสความสนใจได้มากในช่วงแรก แต่ดราม่าที่เกิดขึ้นกลับส่งผลกระทบในเชิงลบ ทำให้มีการตั้งคำถามถึงความอ่อนไหวของแบรนด์ ทั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าแคมเปญจะถูกใจชาวอเมริกันหัวอนุรักษ์นิยมจำนวนมาก
GAP และแคมเปญ "Better in Denim"
GAP เลือกใช้กลยุทธ์ที่เน้น ความหลากหลาย (Inclusivity) และ การแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง (Self-Expression) โดยดึง KATSEYE เกิร์ลกรุ๊ปสากลวงแรกของโลกที่ประกอบไปด้วยสมาชิกหลากหลายเชื้อชาติ
แคมเปญนี้ใช้เพลงฮิตยุค Y2K อย่าง "Milkshake" ของ Kelis มาเป็นเพลงประกอบ ที่มีท่อนร้องว่า “Better than yours” แปลว่า “ดีกว่าของเธอ” ซึ่งอาจเป็นการจงใจจิกกัดแคมเปญของ American Egle พร้อมกับการนำเสนอการเต้นที่เต็มไปด้วยพลังของสมาชิกวง KATSEYE แสดงถึงความยืดหยุ่นและสะดวกสบายของกางเกงของแบรนด์
แคมเปญนี้เน้นย้ำว่ากางเกงยีนส์ของ GAP ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทุกคนแสดงออกถึงความเป็นตัวเองได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นการตอกย้ำจุดยืนที่ตรงข้ามกับดราม่าที่ American Eagle กำลังเผชิญ
แคมเปญของ GAP ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ถูกใจกลุ่มผู้บริโภคหลากหลาย โดยเฉพาะ Gen Z กลายเป็นไวรัลบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และสร้างกระแสการเต้น Cover ตามมามากมาย หลายคนมองว่านี่คือตัวอย่างของการทำการตลาดที่ชาญฉลาดและอ่อนไหวต่อประเด็นทางสังคมยุคใหม่ และที่สำคัญจังหวะพอดีสุด ๆ
โดยรวมแล้ว "สงครามกางเกงยีนส์" ครั้งล่าสุดนี้ ชี้ให้เห็นว่าในปัจจุบัน การเลือกใช้กลยุทธ์ทางการตลาดไม่ใช่แค่ต้องดึงดูดความสนใจได้ แต่ยังต้องมีความเข้าใจในประเด็นทางสังคมและสะท้อนค่านิยมที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญอย่างแท้จริง นี่คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะในโลกของการแข่งขันที่ไม่ใช่แค่ดุเดือด แต่ยังอ่อนไหวในเวลาเดียวกัน

แพทองธาร ตกเก้าอี้นายกฯ พร้อมคณะรัฐมนตรีไม่ซื่อสัตย์ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธ...
29/08/2025

แพทองธาร ตกเก้าอี้นายกฯ พร้อมคณะรัฐมนตรี
ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม
กรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้แพทองธาร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทุกคน
ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต้องเป็นที่ไว้วางใจต่อสาธารณะ และต้องถูกตรวจสอบทุกแง่มุม ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีการกระทำอันเป็นเหตุต้องห้าม การที่แพทองธารกล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 และใช้ว่า “เรา” แสดงถึงการแบ่งข้าง ไม่เป็นเอกภาพระหว่างรัฐบาลและกองทัพ
อีกทั้งการใช้คำว่า “ให้ท่านฮุนเซนเห็นใจหลานหน่อย” เหมือนการตกลงร่วมกัน ขอความเห็นใจ ยอมจำนนต่อฮุนเซนโดยไม่มีเงื่อนไขรักษาจุดยืนของประเทศ และเปิดช่องให้กัมพูชายื่นเรื่องร้องต่อไทย ทั้งที่ทราบถึงการพิจารณาของ สมช. ดี และรวมถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชาด้วย
ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว นับแต่วันที่ศาลสั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ 1 กรกฎาคม 2568 และคณะรัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ
#นายก

🚀 สำเร็จไปด้วยดีกับครั้งแรกของประเทศไทย! ในการเฟ้นหา Influencer ด้านการเงินการลงทุน ที่ได้รับความรู้จากการเรียนการสอนอย่...
28/08/2025

🚀 สำเร็จไปด้วยดีกับครั้งแรกของประเทศไทย! ในการเฟ้นหา Influencer ด้านการเงินการลงทุน ที่ได้รับความรู้จากการเรียนการสอนอย่างถูกต้อง ในโครงการ The Influencer: Financial & Investment 2025

Connect The Dots ในฐานะ Media Partner ขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลในโครงการ

🏆 ผู้ชนะรางวัลใหญ่
✨ ประเภท Micro Influencer
➡️ คุณวิศรุต พรโชคธนเสถียร (YouTube มีเป็นล้านเลยหรอพี่ by หวินหวัง)

✨ ประเภทบุคคลทั่วไป
➡️ คุณเมย์ ทับไทร (เพจ Money in Law)

🥈 รางวัลรองชนะเลิศ
🔹 ประเภท Micro Influencer :
• คุณทวีชัย แออัต (เพจ Jessie Variety)
• คุณทฤฒมน ชี้กิ่ง หรือ ผู้พันหนู (เพจ ข้าราชการลงทุน)

🔹ประเภท บุคคลทั่วไป :
• คุณเกียรติศักดิ์ สิงห์งาม (Tiktok เรื่องดุลดุล)
• คุณอัญวรา ไชยราช (Tiktok ไนซ์เล่าให้ฟัง)

⭐ รางวัล Special Mission
🏅 Advance Finance Mission : คุณเกียรติศักดิ์ สิงห์งาม (เรื่องดุลดุล)
🏅 True Digital Park Review : คุณทฤฒมน ชี้กิ่ง (ผู้พันหนู) (ข้าราชการลงทุน)
🏅 Sponsor Mission : คุณณัฐฏ์ทมนต์ วิริยะรุ่งเรืองกุล (FB Nuttamon FA)

💖 รางวัล Popular Vote
1️⃣ คุณณัฐวุฒิ พิกุลณี (เพจ ณัฐสรุป)
2️⃣ คุณเกียรติศักดิ์ สิงห์งาม (Tiktok เรื่องดุลดุล)
3️⃣ คุณพงศธร เพชรสุวรรณ (เพจ หนุ่ยไฟแนนซ์)
4️⃣ ด.ญ.ปารมิตา พรวิศวารักษกูล (FB Ergg Paramita)
5️⃣ คุณอัญวรา ไชยราช (Tiktok ไนซ์เล่าให้ฟัง)
6️⃣ คุณวาสนา นวลอินทร์ (FB Noijung Pupumo)
7️⃣ ด.ช.ศิษย์พุทธะ พรวิศวารักษกูล (FB บ้านเรียนเอิ๊กอ๊าก)
8️⃣ คุณวิไลลักษณ์ สัปตคุณา (FB Wilailak Saptakuna)
9️⃣ คุณปลัดดา มัชฌิมาดิลก (เพจ Darinvest)
🔟 คุณพิชามญชุ์ เพชรัตนกูล (Tiktok inkinsure)

🙏 ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย / SCBX / บล.พาย / True Digital Park

🙏 ขอขอบคุณผู้สนับสนุนโครงการ
Thai AirAsia / Jitta Wealth /
Advance Finance / KAsset / Advice / APM / ASW / COCOCO / KLINIQ / กาแฟพันธุ์ไทย / 7-Eleven / Ichitan / Domino’s Pizza

ขอให้เป็นจุดเริ่มต้นทางฝันที่ดีกับผู้เข้าร่วมโครงการทุกคน ✌️

หันมาอีกทีก็กลายเป็นโลโก้ Yonex ไปซะแล้ว ใครคือนักเทนนิสสาวภายใต้ภาพถ่ายสุดฮา “นี่คือภาพเทนนิสที่เยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยม...
28/08/2025

หันมาอีกทีก็กลายเป็นโลโก้ Yonex ไปซะแล้ว
ใครคือนักเทนนิสสาวภายใต้ภาพถ่ายสุดฮา
“นี่คือภาพเทนนิสที่เยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นจังหวะที่เหนือจริง” GiveMeSport
“จังหวะที่ยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อในการแข่งขัน US Open” skysports
ภาพที่ทั้งสวยทั้งฮาภาพนี้ ถูกโพสต์ลงบนสื่อกีฬาหลายสำนัก เมื่อวันพุธที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผลงานการลั่นชัตเตอร์ของ Ray Giubilo ช่างภาพผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเทนนิสมากว่า 36 ปี แต่ใบหน้าภายใต้โลโก้ Yonex ที่ดูราวกับนักมวยปล้ำสวมหน้ากากคนนี้คือใคร?
เธอชื่อ ‘จัสมิน เปาลินี’ นักเทนนิสสาวชาวอิตาลี มือวางอันดับ 4 ของโลก ซึ่งเป็นนักเทนนิสหญิงที่มีอันดับโลกสูงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศอิตาลี เธอคว้าแชมป์ French Open 2024 และแชมป์โอลิมปิก 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส ร่วมกับ ซารา แอร์รานี ในประเภทหญิงคู่
จังหวะที่ลงตัวราวฟ้าประทานนี้คงทำให้เธอได้เป็นพรีเซนเตอร์ Yonex ต่อไปอีกยาว ๆ แน่นอน "ก็ใบหน้าติดซะขนาดนั้น"

อิฐจะเอา GT-R แต่พ่อบอกว่า Nissan เลิกผลิตแล้ว(?)R35 GT-R รถซิ่งดีไซน์สปอร์ตสุดไอคอนิคที่สร้างตำนานมาถึง 18 ปี ล่าสุดทาง...
28/08/2025

อิฐจะเอา GT-R แต่พ่อบอกว่า Nissan เลิกผลิตแล้ว(?)
R35 GT-R รถซิ่งดีไซน์สปอร์ตสุดไอคอนิคที่สร้างตำนานมาถึง 18 ปี ล่าสุดทาง Nissan ประกาศหยุดการผลิตในญี่ปุ่น ตลาดสุดท้ายที่ยังมีวางจำหน่าย หลังจากเลิกขายในออสเตรเลีย (2021) ยุโรป (2022) และสหรัฐฯ (2024) ปิดตำนาน “Godzilla” ตัวนี้อย่างเป็นทางการ หลังผลิตมาแล้วราว 48,000 คัน
Nissan GT-R R35 เป็นรถสปอร์ตประสิทธิภาพสูง ออกแบบมาเพื่อการแข่งขันตามชื่อรหัส R ที่มาจากคำว่า “Racing” เริ่มผลิตครั้งแรกในปี 2007 และผลิตต่อเนื่องมานานถึง 18 ปี นานที่สุดในตระกูล GT-R
มีจุดเด่นคือเครื่องยนต์ VR38DETT V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตร ระบบขับเคลื่อน ATTESA ET-S AWD และเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 6 สปีด ในรุ่น NISMO ที่ปรับแต่งพิเศษ แรงได้สูงสุดถึง 600 แรงม้า พร้อมชิ้นส่วนระดับรถแข่ง GT3 โดยการประกอบรถแต่ละคัน เครื่องยนต์ทุกลูกประกอบด้วยมือโดยช่างฝีมือระดับ “Takumi” เพียง 9 คนเท่านั้น และมีแผ่นป้ายชื่อช่างติดอยู่บนเครื่องยนต์เพื่อเป็นเกียรติแก่ฝีมือของพวกเขา
ตำนานในสนามแข่งถูกสร้างจากชัยชนะในการแข่งขัน SUPER GT หลายรายการในญี่ปุ่น ทำสถิติ ดริฟต์เร็วที่สุดในโลก ที่ 304.96 กม./ชม. ในปี 2016 และทำเวลาในสนาม Nürburgring ได้เร็วสุดที่ 7:08.679 นาที ด้วยรุ่น GT-R NISMO
“Godzilla” คือ สมยาของ GT-R มาจากความแข็งแกร่งดุดันในสนามแข่งที่ไม่มีใครต้านทานได้ เหมือนกับ ก๊อดซิลล่า ไคจูยักษ์ที่โด่งดังของญี่ปุ่น ‘Wheels’ นิตยสารรถยนต์ในออสเตรเลียคือที่แรกที่เรียก GT-R ด้วยชื่อนี้ ในการแข่งขัน Australian Touring Car Championship ปี 1989 ช่วงที่ R32 วางจำหน่าย และใช้มาจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม การเลิกผลิต R35 ไม่ได้หมายถึงการจากลา GT-R ตลอดไป Ivan Espinosa ผู้นั่งตำแหน่ง CEO ของ Nissan กล่าวว่า “ผมอยากบอกว่านี่ไม่ใช่การกล่าวอำลาตลอดไป เป้าหมายของเราคือการนำชื่อ GT-R กลับมาอีกครั้งในอนาคต”
Nissan ยังคงเชื่อมั่นใน GT-R และ Passion แรงกล้าที่แฟน ๆ มีต่อชื่อนี้ ทางบริษัทจะใช้บทเรียนที่ได้จาก R35 เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนา Godzilla ตัวใหม่ออกมา พร้อมยกระดับมาตรฐานและสมรรถนะให้ดียิ่งขึ้น แม้ในตอนนี้จะยังไม่มีแผนชัดเจน แต่ Espinosa ก็บอกว่า “สิ่งเดียวที่ผมขอคือความอดทน”

รายได้น้อยไม่ได้แปลว่าหนังเจ๊ง Americana ของ ซิดนีย์ สวีนนีย์ อาจไม่ล้มเหลวเพราะโฆษณาฉาว [Move มันส์ 🍿]ต่อเนื่องจากเรื่อ...
27/08/2025

รายได้น้อยไม่ได้แปลว่าหนังเจ๊ง Americana ของ ซิดนีย์ สวีนนีย์ อาจไม่ล้มเหลวเพราะโฆษณาฉาว [Move มันส์ 🍿]

ต่อเนื่องจากเรื่องฉาวของกางเกงยีนส์ American Eagle เมื่อหนังใหม่ของ ซิดนีย์ สวีนนีย์ เรื่อง Americana คว่ำไม่เป็นท่าบนตารางหนังทำเงินสหรัฐฯ แต่นักวิเคราะห์กลับบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่เจ๊ง เหตุผลคืออะไร ติดตามได้ใน Move มันส์ มูฟให้มันส์เรื่องการเงินและบันเทิง กับ ทักษ์ ทัพสุริย์

📎 ลิงค์ใต้คอมเมนต์

ันส์ #หนังเจ๊ง

ไร้หน้าจอ แต่อยู่บนข้อมือระดับโลกWhoop ตัวเลือกสุขภาพที่เหนือกว่า Smart Watchสำหรับเหล่ามหาเศรษฐี เซเลบริตี้ ดาราฮอลลีวู...
27/08/2025

ไร้หน้าจอ แต่อยู่บนข้อมือระดับโลก
Whoop ตัวเลือกสุขภาพที่เหนือกว่า Smart Watch
สำหรับเหล่ามหาเศรษฐี เซเลบริตี้ ดาราฮอลลีวูด และนักกีฬาระดับโลก สิ่งที่น่าจะประดับข้อมือของพวกเขาน่าจะเป็นนาฬิกาหรูอย่าง Rolex, Patek Philippe หรือไม่ก็ Richard Mille ราคาหลายสิบล้านบาท แต่ในทุกวันนี้สิ่งที่อยู่บนข้อมือของพวกเขาหลายคนกลับเป็นสายรัดไร้หน้าจอราคาหลักหมื่นอย่าง Whoop
เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณศรัณย์ ตั้งเทวนนท์ ครีเอเตอร์ช่อง ชีวิตติดหรูสูตรคนธรรมดา ได้โพสต์คอนเทนต์ ถามเหล่าคนรวยระดับประเทศว่าเขาใส่นาฬิกาอะไรกันบ้าง ซึ่งหลายคนก็โชว์ Whoop บนข้อมือให้ดู รวมถึงคุณ ท๊อป จิรายุส CEO ของ Bitkub ด้วย
[Whoop คืออะไร?]
Whoop คือสายรัดข้อมือที่สามารถวัดข้อมูลการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิผิวหนัง การหายใจ และกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้สวมใส่ แต่มันไม่ใช่ Smart Watch แบบที่หลายคนคุ้นเคย เพราะมันไม่มีหน้าจอเลยสักนิด เป็นเพียงสายรัดดีไซน์เรียบหรู แต่ทรงประสิทธิภาพอย่างเหลือร้าย
แบรนด์ Whoop ก่อตั้งโดย Will Ahmed ในขณะที่เขายังเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาสังเกตว่านักกีฬาหลายคนฝึกซ้อมอย่างหนักแต่ไม่ได้ประสิทธิภาพตามที่ควรจะเป็น เพราะขาดการพักผ่อนและการฟื้นตัวที่เหมาะสม เขาจึงเกิดแนวคิดที่จะสร้างอุปกรณ์ที่สามารถวัดและวิเคราะห์ข้อมูลทางสรีรวิทยาของร่างกายอย่างละเอียดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกซ้อม
Will จึงทุ่มศึกษาอย่างหนักในช่วงที่อยู่ในมหาวิทยาลัย เขาอ่านวิจัยทางการแพทย์กว่า 500 ชิ้น และทำวิจัยของตัวเองขึ้นมา แล้วจึงต่อยอดสู่โมเดลธุรกิจของ Whoop ในที่สุด และเริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2012 พัฒนาตัวต้นแบบในแล็บของ
มหาวิทยาลัย จนได้เป็นโมเดลแรก Whoop 1.0 ในปี 2015 และพัฒนาต่อมาจน Whoop 5.0 ในปัจจุบัน
[ขายเครื่อง - สมัครสมาชิก]
ในตอนแรก Whoop ขายอุปกรณ์ในราคา 500 ดอลลาร์ ซึ่งก็นับว่าราคาค่อนข้างสูง ผู้บริโภคก็ยังไม่เข้าใจในตัวสินค้า ส่วนคนที่ซื้อไปใช้ก็ไม่ได้มีเหตุให้ต้องซื้อซ้ำ เพราะของแบบนี้มีชิ้นเดียวก็พอแล้ว จนนั่นกลายเป็นปัญหาด้านการเงินสำหรับบริษัท ขาดเงินทุนในการพัฒนาสินค้าและข้อมูลต่อไป
ในปี 2019 Whoop จึงตัดสินใจเปิดตัว Whoop 3.0 พร้อมระบบสมาชิกรายเดือน/ปี ให้ผู้บริโภครับอุปกรณ์ฟรีและจ่ายแค่ค่าสามาชิกเท่านั้น สิ่งนี้แก้ปัญหาใหญ่ ๆ ที่บริษัทต้องเผชิญได้ จากการซื้ออุปกรณ์ 500 เหรียญ หันมาจ่ายค่าสมาชิกเพียง 30 ดอลลาร์ ช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น บริษัทมีรายได้สม่ำเสมอจากค่าสมาชิก และมีเงินทุนมากพอสำหรับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังช่วยให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับบริษัทในระยะยาวอีกด้วย
[ไม่มีจอก็ขายได้ เพราะขายข้อมูล ไม่ได้ขายเครื่อง]
ถึงอย่างนั้น ในภาพรวมคุณสมบัติของ Whoop ก็เหมือนจะไม่ได้ต่างจาก Smart Watch และยังไม่มีหน้าจออีกต่างหาก แล้วอะไรทำให้ Whoop ถึงเป็นที่นิยมมากขนาดนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มเศรษฐีที่รักสุขภาพและนักกีฬาระดับโลก
สาเหตุที่ Whoop ไม่มีหน้าจอ เพราะบริษัทไม่ได้มองตัวเองเป็น Smart Watch แต่แรก แต่เป็นอุปกรณ์เพื่อสุขภาพที่ไม่ต้องการให้ผู้ใช้ถูกรบกวนจากแจ้งเตือนต่าง ๆ และต้องคอยมองมันตลอดวัน แต่พวกเขาต้องการให้ผู้ใช้ใส่แล้วลืมอุปกรณ์ชิ้นนี้ไปเลยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ สิ่งที่บริษัทขายจริง ๆ ไม่ใช่ตัวสายรัด แต่เป็นข้อมูลสุขภาพเชิงลึกของผู้ใช้แต่ละคนต่างหาก ซึ่งเป็นข้อมูลที่ Smart Watch ทั่วไปไม่สามารถบอกได้ นั่นคือคะแนนการฟื้นตัวของร่างกายที่คำนวณจาก Heart Rate Variability (HRV), Resting Heart Rate (RHR), และคุณภาพการนอนหลับในแต่ละระยะการนอน ทั้งยังวัดความหนักของกิจกรรมในแต่ละวันได้ลึกกว่าแค่จำนวนก้าวและแคลอรีที่ใช้ พูดง่าย ๆ นี่คือ “สายลึก” เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลและพัฒนาศักยภาพทางร่างกายอย่างจริงจัง
นั่นจึงทำให้ Whoop เป็นเครื่องมือทางสุขภาพที่นักกีฬาอาชีพหลายคนเลือกใช้ ทั้ง Cristiano Ronaldo, LeBron James และ Michael Phelps
ด้วยธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ทำให้ Whoop กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์ (1.16 แสนล้านบาท)

Paul Smith จับมือ Oasis ออกคอลเลกชันฉลอง 30 ปี อัลบั้ม (What’s the Story) Morning Glory พอล สมิธ (Paul Smith) แบรนด์แฟชั...
26/08/2025

Paul Smith จับมือ Oasis ออกคอลเลกชันฉลอง 30 ปี อัลบั้ม (What’s the Story) Morning Glory
พอล สมิธ (Paul Smith) แบรนด์แฟชั่นจากเมืองน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ จับมือวง Oasis จากเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี อัลบั้มในตำนานอย่าง (What’s the Story) Morning Glory ออกเสื้อผ้า หมวก และกระเป๋าสุดพิเศษ เพื่อให้เหล่าสาวกได้จับจอง ทั้งเสื้อแจ็คเก็ตสีดำคอปกตั้ง เสื้อลายแท็กคอนเสิร์ตต้อนรับการกลับมารวมวงกันอีกครั้ง หรือกระเป๋าสีฟ้าที่พิมพ์ข้อความว่า She’s Electric ชื่อแทร็กที่ 9 จากอัลบั้ม
โดยทางเว็บไซต์ Paul Smith ได้บรรยายว่า “นี่เป็นการยกย่องมรดกทางดนตรีอันล้ำค่าของ Oasis และยังเป็นการเฉลิมฉลองแฟชั่นอันโดดเด่นของยุค 90s ซึ่งเป็นทศวรรษที่ทำให้วงนี้โด่งดังเป็นพลุแตก การร่วมมือกันในครั้งนี้ได้ย้อนรอยประวัติศาสตร์ที่ โนล แกลลาเกอร์ เคยสวมแจ็คเก็ตของ Paul Smith ขึ้นปกอัลบั้มแจ้งเกิดของวงอย่าง Definitely Maybe”

ขั้นกว่าของ Girl Math ต้องเจอ Mom Mathทำหน้าที่เกาหลี = ฟรีค่าตั๋วหลายคนอาจรู้จักตรรกะที่เรียกว่า “Girl Math” หรือ การเง...
26/08/2025

ขั้นกว่าของ Girl Math ต้องเจอ Mom Math
ทำหน้าที่เกาหลี = ฟรีค่าตั๋ว
หลายคนอาจรู้จักตรรกะที่เรียกว่า “Girl Math” หรือ การเงินแบบสาว ๆ อย่างการใช้เงินสดเท่ากับไม่ได้ใช้เงิน เพราะเงินในบัญชีไม่ลด แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อเจอขั้นกว่าของตัวแม่อย่าง “Mom Math”
ผู้ใช้ TikTok ชื่อ feeling () ได้โพสต์วิดีโอที่เธอถามคุณแม่ว่า ทำไมบินมาทำหน้าที่เกาหลี เท่ากับได้ค่าตั๋ว(เครื่องบิน)ฟรี
คุณแม่ของเธอได้อธิบายว่า อยู่ไทยทำหน้า 40,000 บาท แต่ทำหน้าที่เกาหลี 20,000 บาท ค่าตั๋ว 10,000 บาท เท่ากับเราได้ค่าตั๋วฟรีไง เราจ่าย 30,000 บาท
ฝั่งลูกสาวก็เหมือนจะยังงง ๆ กับคุณแม่ ตอบกลับไปว่า “แปลว่าเราก็ต้องจ่าย 37,000” ซึ่งคุณแม่ก็แจงอีกครั้งว่า “จะ 37,000 ได้ไง ก็ค่าทำหน้าที่นี่ 20,000 ค่าตั๋ว 10,000 (เป็น) 30,000 แต่ถ้าเราอยู่ที่ไทยเราทำหน้า 40,000”
ทั้งนี้ 37,000 บาทที่ลูกสาวพูดถึงอาจรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามวิธีการคิดของคุณแม่ก็นับว่า “จีเนียส” มาก ๆ
แต่วิธีคิดแบบนี้ใช้ได้เมื่อตั้งงบไว้แล้ว เพราะด้วยงบเท่ากันเอามาใช้ที่เกาหลี ก็เหมือนได้ค่าตั๋วฟรีไปเลย แต่ถ้าคิดแบบเรียบง่ายก็คือ “มันประหยัดกว่า” นั่นแหละ
แล้วคุณล่ะคิดว่ายังไง? แบบนี้ได้คุ้มกว่าจริงไหม?

‘หนังใหม่หน้าคุ้น’ KPop Demon Hunters ทำไมหนังที่คนดูแล้ว ทะยานขึ้นอันดับ 1 Box Office ถือเป็นปรากฎการณ์บนตาราง Box Offi...
26/08/2025

‘หนังใหม่หน้าคุ้น’ KPop Demon Hunters ทำไมหนังที่คนดูแล้ว ทะยานขึ้นอันดับ 1 Box Office
ถือเป็นปรากฎการณ์บนตาราง Box Office อเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อหนังเข้าใหม่หน้าคุ้นอย่าง KPop Demon Hunters ผลงานแอนิเมชั่น Original Netflix จาก Sony Pictures Animation กลายเป็นม้ามืด ซิวอันดับหนึ่งบนตารางหนังทำเงิน ล้มแชมป์เก่าอย่าง Weapons ให้วิ่งสยายปีกร่อนออกจากบ้านได้เพียงสัปดาห์เดียว
แม้ KPop Demon Hunters จะฉายทาง Netflix ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2568 แต่เพื่อให้เข้าข้อกำหนดในการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ทาง Sony Pictures Animation ที่เคยพา The Mitchells vs. the Machines เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม และเคยคว้ารางวัลมาได้จาก Spider-Man: Into the Spider-Verse จึงจำเป็นต้องนำ KPop Demon Hunters เข้าฉายเพิ่มเติมในโรงภาพยนตร์
ซึ่งการฉายในลักษณะนี้เหมือนการตีรถเปล่า เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการเข้าชิงรางวัลเท่านั้น ไม่ได้หวังผลเรื่องรายได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นหนังที่คนดูแล้วผ่านทางสตรีมมิ่ง และปัจจุบัน KPop Demon Hunters ก็ยังคงติดอันดับ Netflix ในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย แต่ทำไมหนังเรื่องนี้กลับไปขึ้นอันดับ 1 Box Office อเมริกาหน้าตาเฉย?
KPop Demon Hunters เข้าฉายโรงในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ด้วยจำนวน 1,700 โรง ต่างกับอันดับ 2 อย่าง Weapons ที่มี 3,631 โรง อันดับ 3 Freakier Friday ที่มี 3,975 โรง และอันดับ 4 อย่าง The Fantastic Four: First Steps ที่เข้าถึง 4,125 โรง แต่ KPop Demon Hunters กลับทำเงินไปถึง 18 ล้านเหรียญสหรัฐ แซงหนังเข้าใหม่ด้วยกันอย่าง Honey Don't! ของ อีธาน โคเอน ที่นำแสดงโดยสาวสุดฮอท มาร์กาเร็ต ควอลลีย์ ที่เปิดตัวในอันดับที่ 9 ด้วยรายได้เพียง 2.9 ล้านเหรียญฯ
หากมองผิวเผิน KPop Demon Hunters เป็นเพียงการ์ตูนที่คนจะกดดูซ้ำ ๆ ที่บ้านกี่รอบก็ได้เท่าที่ใจปรารถนา แต่อย่าลืมว่า นี่คือปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจากความจึ้งของผู้สร้าง ที่ปลุกปั้นวงเกิร์ลกรุ๊ป และบอยแบนด์ แห่งโลกจินตนาการให้เปล่งประกายเฉิดฉายได้ราวกับมีชีวิต รวมถึงเพลง Soda Pop และ Golden ที่ทั้งร้องทั้งเต้นกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง จนทำให้หลายคนอินเพลินเกินห้ามใจ ขอสมัครเป็นสาวกเหล่า HUNTR/X และ Saja Boys ในชีวิตจริง และไม่ทอดทิ้งเมื่อหนังเดินทางเข้าโรงภาพยนตร์
เรื่องนี้พิสูจน์ได้จากสาวก Star Wars ที่ต่อให้หนังจบครบทั้ง 9 ภาคไปแล้ว แต่เมื่อดูใน Domestic Box Office ประจำปี 2568 หนังอย่าง Star Wars: Episode III - Revenge of the Sith ที่เข้าฉายเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ก็ทำเงินไปถึง 34 ล้านเหรียญฯ
ในปี 2567 แอนิเมชั่น Stop Motion อย่าง Coraline ฉบับครบรอบ 15 ปี ทำเงินในสหรัฐอเมริกาไปถึง 33 ล้านเหรียญ และในปี 2566 แอนิเมชั่นในตำนานอย่าง The Nightmare Before Christmas ฉบับครบรอบ 30 ปี ก็ทำเงินไปถึง 10 ล้านเหรียญ แม้จะอยู่ในภาวะโควิด-19
หนังใหม่หน้าคุ้นที่โรงภาพยนตร์ ผู้คนอาจจะดูไปแล้ว แต่ถ้าแฟนคลับเรื่องนั้นเหนียวแน่นจริง มันก็สามารถวิ่งแรงแซงหนังใหม่แกะกล่องได้เช่นกัน

เรื่อง กิตติพัฒน์ กนกนาค

ที่อยู่

Bangkok
10900

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Connect the Dotsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Connect the Dots:

แชร์

Creative Investment Space

เนื่องจากโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้โลกการเงินการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน คนทั่วไป คนรุ่นใหม่ และนักลงทุน ควรรู้เท่าทัน จึงเป็นที่มาของ

Innovative investment space: พื้นที่แห่งการเรียนรู้นวัตกรรมการลงทุน

Change for better life: พื้นที่ที่จะเปลี่ยนให้คุณเป็นคนที่ดีกว่า

โดยเราจะมีการเรียนการสอนความรู้ด้านการลงทุนในรูปแบบใหม่ หลากหลาย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในนวัตกรรมการลงทุนสมัยใหม่ พร้อมสร้างสังคมการแบ่งปันความรู้ด้านการลงทุน