Car News Update เพจที่จะทำให้ข่าวสารเรื่องรถยนต์เป็นเรื่องไม่น่าเบื่ออีกต่อไป...

ติดตามข่าวสารรถใหม่รุ่นดังๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ติดตามข่าวรถใหม่ปี 2566-2567 ร่วมแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับรถ สอบถามเรื่องที่ค้างคาใจ ติดตามการเปิดตัวรถใหม่ไปกับเราได้ที Car News Update
Facebook : www.facebook.com/CarNewsUpdateFanpage

ติดต่อลงโฆษณา / ลงข่าว PR รถใหม่ / รีวิวรถ / ให้ไปทดลองขับหรือยืมรถทดลองขับ
ติดต่อทาง Inbox เพจหรือ [email protected] ได้เลยครับ

❇️ New GWM Tank 500 Diesel เตรียมเปิดตัวและเปิดราคาในไทย "ครั้งแรกในโลก" 24 กรกฎาคมนี้➡️ ชูความเป็นรถ PPV 7 ที่นั่งระดับ...
15/07/2025

❇️ New GWM Tank 500 Diesel เตรียมเปิดตัวและเปิดราคาในไทย "ครั้งแรกในโลก" 24 กรกฎาคมนี้
➡️ ชูความเป็นรถ PPV 7 ที่นั่งระดับพรีเมียม เป็น “ประเทศแรกในโลก” อย่างเป็นทางการ 24 กรกฎาคม 2568 นี้ รับชมการถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์พร้อมกันทั่วประเทศผ่านทาง Facebook, YouTube หรือ TikTok : GWM Thailand ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป
➡️ สิ่งที่ NEW GWM TANK 500 DIESEL มีการพัฒนาจากรุ่นไฮบริด ประกอบด้วย
• พัฒนารุ่น 2WD สำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย
• ปรับช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนเมืองไทย พฤติกรรมการขับขี่ของคนไทย
• เพิ่มความสบายในเบาะแถว 2 โดยการปรับการใส่วัสดุโฟม เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายในการนั่งให้มากยิ่งขึ้น
• ย้ายตำแหน่งยางอะไหล่ ไปไว้ด้านใต้ตัวรถ เพื่อให้สะดวกกับการเปิดประตูหลังและการจอดในพื้นที่จำกัด
➡️ มีทั้งหมด 3 สีตัวถัง ได้แก่ สีขาว สีดำ และสีเทา จำหน่ายใน 3 รุ่นย่อย
ได้แก่
- 2.4T PRO
- 2.4T ULTRA
- 2.4T ULTRA 4WD
โดยเฉพาะรุ่น ULTRA และ ULTRA 4WD จะมาพร้อมตัวเลือกสีตกแต่งพิเศษ “Black Warrior” และทุกรุ่นมากับสีภายใน สีดำ
➡️มิติตัวถังขนาดใหญ่ กว้าง 1,934 มม. ยาว 4,886 มม. และสูง 1,905 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม.
➡️ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) และเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร รองรับการเดินทางไกลด้วยระยะทางขับขี่รวมมากกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง

• พร้อมเสริมประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบหัวฉีดคอมมอนเรลแรงดันสูง 2,000 บาร์, ปั๊มน้ำมันเครื่องแบบปรับอัตราการไหล และระบบ EGR ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ลดมลพิษ และประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น
• ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในทุกสถานการณ์
• รองรับโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 โหมด

o รุ่น 2.4T PRO และ 2.4T ULTRA มาพร้อม 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ, โหมดสปอร์ต และโหมดประหยัด

o รุ่น 2.4T ULTRA 4WD มาพร้อม 8 โหมดการขับขี่ ได้แก่

 โหมด 2H, โหมด 4H, โหมด 4L, โหมดพื้นหิมะ, โหมดพื้นโคลน, โหมดพื้นทราย, โหมดพื้นหิน และโหมดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับทุกสภาพเส้นทางทั้งบนถนนและออฟโรดอย่างมั่นใจ

 รุ่น 2.4T ULTRA 4WD จะมาพร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (Tank Turn), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติสำหรับทางออฟโรด (Off-road Cruise Control) ระบบล็อกเฟืองด้านหน้าและด้านหลัง (Front and Rear Differential Lock)
➡️แพลตฟอร์มของ NEW GWM TANK 500 DIESEL
• พัฒนาบนโครงสร้างแชสซีแบบตัวถังวางบนเฟรม (Body-on-Frame) ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับรถยนต์ในตระกูล GWM TANK มอบความแข็งแกร่งเหนือระดับ พร้อมระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มม.

• ในรุ่น 2.4T ULTRA 4WD มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ตไทม์ เสริมด้วยระบบล็อกเฟืองด้านหน้าและหลังควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า

• ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ (Double-Wishbone) มอบความแม่นยำในการควบคุมทิศทาง ส่วนด้านหลังใช้ช่วงล่างแบบมัลติลิงก์
➡️ภายนอกมาพร้อมล้ออัลลอยสีดำ ในรุ่น 2.4T PRO ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Westlake ขนาด 265/60 R18 และยางอะไหล่ I ในรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Continental ขนาด 265/50 R20 และยางอะไหล่
➡️ไฮไลต์ภายในห้องโดยสาร ➡️
o หน้าจอคู่ ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล TFT (TFT Digital Driving Display) ขนาด 12.3 นิ้ว

o หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.3 นิ้ว ในรุ่น 2.4T PRO และขนาด 14.6 นิ้ว ในรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน การเล่นเพลง และแสดงผลแบบแยกหน้าจอได้

o ระบบชาร์จไร้สาย 50W พร้อมพอร์ต Type-A/C ด้านหน้า และ Type-A ด้านหลัง

o เบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยลดความเมื่อยล้าระหว่างเดินทางไกล

o ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองอากาศ N95

o พื้นที่เก็บสัมภาระแบบยืดหยุ่น เบาะหลังพับได้แบบ 50:50 รองรับปริมาณสัมภาระสูงสุด 795 ลิตร

o แพดเดิลชิฟต์บนพวงมาลัย

--------------------------------------------------

รุ่น 2.4T ULTRA มีอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นจากรุ่น PRO ดังนี้
o ตกแต่งด้วยหนัง Nappa ระดับพรีเมียม มาตรฐานเดียวกับรถยนต์หรู เพื่อความรู้สึกพรีเมียมทั้งภาพลักษณ์และการใช้งาน

o ระบบเสียงรอบทิศทางแบบพื้นฐาน จำนวน 12 ลำโพง ให้คุณภาพเสียงเหนือระดับ เสริมอรรถรสในการขับขี่

o ระบบบันทึกตำแหน่งพร้อมระบบ Welcome seat ฟังก์ชันปรับเบาะไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อม VIP สวิตช์ สำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้า ช่วยให้ง่ายต่อการขึ้น-ลงรถ

o ระบบเบาะนวดไฟฟ้า สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ลดความเมื่อยล้าระหว่างการขับขี่ พร้อมยกระดับความสบาย

o หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา
--------------------------------------------------
รุ่น 2.4T ULTRA 4WD มีอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นจากรุ่น ULTRA 2WD ดังต่อไปนี้
o ระบบเบาะระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและแถวสอง
➡️เทคโนโลยีเด่น ๆ ภายในห้องโดยสารจะประกอบด้วย ➡️
- ระบบอัปเกรดเฟิร์มแวร์แบบ FOTA (Firmware Over-the-Air) รองรับการอัปเดตระบบเกียร์ อัตราเร่ง ระบบช่วยขับขี่ ความบันเทิง และการควบคุมภายในห้องโดยสารผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเข้าศูนย์บริการ เช่น ปรับอัลกอริธึมโหมดออฟโรด และอัปเดตอินเทอร์เฟซของตัวรถ

- ระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Interaction System) รองรับคำสั่งภาษาไทย และอังกฤษ สำหรับควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซันรูฟ ระบบนำทาง และความบันเทิง

- ระบบควบคุมรถจากระยะไกล (Remote Vehicle Control) ฟังก์ชันพื้นฐาน ได้แก่ สตาร์ทรถหรือดับเครื่อง จากระยะไกล, เปิด-ปิดแอร์, เปิด-ปิดประตู ปิดหน้าต่างและซันรูฟ, และตรวจสอบสถานะรถ เช่น แรงดันลมยาง และระดับน้ำมันเชื้อเพลิง

- ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย (Security Features) ประกอบด้วยระบบติดตามตำแหน่งรถ, การตั้งขอบเขตพื้นที่การใช้งาน (E-Fencing), และระบบแจ้งเตือนความผิดปกติ (เช่น เช็กสถานะการเปิดประตู หรือหน้าต่าง)
➡️ระบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้งาน (HMI Interaction) ➡️
o รุ่น 2.4T ULTRA: จอคู่แบบอินเทอร์แอคทีฟ แสดงแผนที่แบบแบ่งหน้าจอ, การมิเรอร์สื่อมัลติมีเดีย, และข้อมูลโหมดออฟโรด

o รุ่น 2.4T ULTRA 4WD: หน้าจอ UI พิเศษสำหรับออฟโรด แสดงค่าความลาดเอียงภูมิประเทศ สถานะการล็อกดิฟเฟอเรนเชียล และโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเรียลไทม์ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลุยเส้นทางสมบุกสมบัน
➡️ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยสำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยเสริมความปลอดภัยและลดภาระผู้ขับขี่ในหลากหลายสถานการณ์ ได้แก่

o ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Full-speed Range ACC รองรับความเร็ว 0–150 กม./ชม. คงระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า

o ระบบช่วยเปลี่ยนเลน (LCA – Lane Change Assist) (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ ULTRA 4WD)

o ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW – Forward Collision Warning)

o ระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LKA – Lane Keeping Assist)

o ระบบควบคุมอัจฉริยะบนทางด่วน / ระบบช่วยในสภาพการจราจรติดขัด (HWA/TJA – Highway Assist / Traffic Jam Assist)
--------------------------------------------------
• ระบบความปลอดภัยเชิงรุก (Active Safety)
o LDW (Lane Departure Warning) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน แจ้งเตือนผ่านเสียง ภาพ และการสั่นภายใน 0.5 วินาที

o HSA (Hill Start Assist): ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน

o ELK (Emergency Lane Keeping): ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่ามีรถใกล้เคียงในระหว่างเปลี่ยนเลน เพื่อหลีกเลี่ยงการชน

o RCTA (Rear Cross-Traffic Alert) ระบบเตือนรถสัญจรขณะถอยหลัง โดยตรวจจับรถที่เคลื่อนที่จากด้านข้าง (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)

o RCTB (Rear Cross-Traffic Braking) ระบบเบรกฉุกเฉินขณะถอยหลัง หากผู้ขับไม่ตอบสนองต่อการเตือน ระบบจะเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงในการชน (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)

o MEB (Mild Off-Road Braking) ระบบเบรกอัตโนมัติในความเร็วต่ำ (≤8 กม./ชม.)

o HDC (Hill Descent Control): ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน

o EBD (Electronic Brake-force Distribution): ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ตรวจสอบสภาพล้อแบบเรียลไทม์

o BAS (Brake Assist System): ระบบเสริมแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน

o RMI (Roll Movement Intervention): ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ

o TCS (Traction Control System): ระบบควบคุมการลื่นไถลของล้อ

o เซนเซอร์จอดด้านหน้า 6 จุด / ด้านหลัง 6 จุด: ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบคัน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ระหว่างจอดรถ (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD / รุ่น PRO 4 จุดรอบคัน)

o ระบบกล้องมองภาพรอบคัน 540°

o TPMS (Tire Pressure Monitoring System): ระบบตรวจสอบแรงดันลมยางแบบเรียลไทม์
--------------------------------------------------
• ระบบความปลอดภัยเชิงรับ (Passive Safety)

o โครงสร้างตัวถังออกแบบในรูปแบบโครงนิรภัย (Cage-Type)

o โครงสร้างหลังคาสามารถรองรับแรงกดได้สูงถึง 96.58 กิโลนิวตัน ขณะที่ตัวถังมีความแข็งแรงต่อแรงบิด (Torsional Stiffness) สูงถึง 23,076 นิวตันเมตร และความแข็งแรงต่อการดัดงอ (Bending Stiffness) 5,602 นิวตันเมตร

o แชสซีแบบตัวถังบนเฟรมที่ใช้เหล็กกล้าแรงสูงเป็นพิเศษ

o คอพวงมาลัยแบบยุบตัวดูดซับแรงกระแทกได้ (Crushable Energy-Absorbing Steering Column)

o มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย)

o เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ 1 จุด (Dual Pretensioners)

o ฟังก์ชันปลดล็อกประตูอัตโนมัติและตัดระบบจ่ายน้ำมันเมื่อเกิดการชน
สิ่งที่ต้องมาลุ้นคือ "ราคาค่าตัว" ว่าจะถูกกว่ารุ่น HEV มากน้อยแค่ไหน
แต่แน่นอนว่าต้องราคาแพงกว่า Tank 300 Diesel ที่มีราคาอยู่ระหว่าง 1 ล้านต้น ๆ - 1.2 ล้านปลาย รุ่นนี้ก็น่าจะราว ๆ 1.3 ล้าน - 1.7 ล้านบาท ยังไงก็รอติดตามต่อไปครับ

🔘 All-New Hyundai SANTA FE โฉมใหม่ที่มาในรูปแบบทรงกล่อง เบาะ 3 แถว 6 ที่นั่ง เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเรียบร้อยแล้ว มี...
15/07/2025

🔘 All-New Hyundai SANTA FE โฉมใหม่ที่มาในรูปแบบทรงกล่อง เบาะ 3 แถว 6 ที่นั่ง เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเรียบร้อยแล้ว มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้้แก่
- Exclusive 1,599,000 บาท
- Prestige 1,749,000 บาท
✳️ มิติตัวถังจะมีความยาว 4,830 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร สูง 1,777 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,815 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 177 มิลลิเมตร (เทียบกับรุ่นเก่า รุ่นใหม่ยาวขึ้น 45 มิลลิเมตร สูงขึ้น 92 มิลลิเมตร ฐานล้อยาวขึ้น 50 มิลลิเมตร)
✳️ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 1.6 ลิตร 4 สูบเทอร์โบชาร์จ T-GDi ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,500 รอบ/นาที
ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ให้กำลังสูงสุด 60 แรงม้า แรงบิด 264 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนโพลิเมอร์ขนาด 1.49 kWh

พละกำลังรวมทั้งระบบ 232 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 367 นิวตันเมตรที่ 1,000-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD)
✪ รายละเอียดสเปคและออปชั่นแต่ละรุ่นย่อยจะมีดังนี้ ✪
✦ รุ่น Exclusive ราคา 1,599,000 บาท ✦
☆ อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก ☆
➔ กระจังหน้าโครเมียมสีดำ
➔ ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED
➔ ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ
➔ ไฟ Welcome เมื่อปลดล็อกรถ
➔ กระจกบังลมหน้าแบบ Acoustic Glass
➔ ราวหลังคา
➔ ไฟท้ายดีไซน์ H-Shape แบบ LED
➔ ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED
➔ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่่ 3 แบบ LED
➔ กระจกมองข้างพับและปรับด้วยระบบไฟฟ้า
➔ ไฟเลี้ยวที่่กระจกมองข้าง
➔ ประตููท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบ Smart

☆ อุปกรณ์มาตรฐานภายใน ☆
➔ ปุ่มสตาร์ทเครื่่องยนต์
➔ ระบบสตาร์ทเครื่่องยนต์ผ่านรีโมท
➔ พวงมาลัยปรับระดับ สููง-ต่ำ -เข้า-ออก
➔ พวงมาลัยหุ้มหนัง
➔ ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ Shift-by-wire
➔ Paddle Shift-Regenerative Braking Mode
➔ ตกแต่งภายในด้วยวัสดุุ Suede
➔ เบาะหุ้มด้วยหนังแท้
➔ เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า
➔ ระบบปรับเบาะอุ่นและเย็น แถวที่่ 1
➔ เบาะนั่่งฝั่่งคนขับพร้อมที่่ดันหลัง 2 ทิศทาง
➔ เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold
➔ ช่องเก็บของเปิดได้ 2 ฝั่ง
➔ เบาะที่นั่งแถว 2 แบบ Captain Seat พร้อมด้วยระบบปรับไฟฟ้า
➔ ช่องเก็บของหลังเบาะคนขับ
➔ ช่องเก็บของหลังเบาะข้างคนขับ
➔ ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ (Eco, Sport, My Drive)
➔ ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร 64 สี
➔ ไฟภายในห้องโดยสารแบบ LED
➔ ไฟอ่านแผนที่แบบ LED
➔ ไฟบริเวณที่เก็บสัมภาระด้านท้ายแบบ LED
➔ กระจกไฟฟ้าปรับขึ้นลงอัตโนมัติ พร้อมระบบกันหนึบ 4 บาน
➔ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
➔ กล้องมองหลังแสดงภาพขณะถอยจอด
➔ ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
➔ ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V 2 ตำแหน่ง
➔ ช่องจ่ายไฟสำรองแบบ USB-C 6 ตำแหน่ง
➔ ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย Wireless Charger 1 ตำแหน่ง
➔ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน
➔ ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถว 2
➔ ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 3
➔ หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว
➔ รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย
➔ USB-C สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์มัลติมีเดีย
➔ ระบบเชื่อมตออุปกรณ์สื่อสารไร้สายบลูทูธพร้อมสังการด้วยเสียง
➔ ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
➔ จำนวนลำโพง 6 ตำแหน่ง

☆ ระบบความปลอดภัย ☆
➔ ระบบเบรก ABS
➔ ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC
➔ ระบบควบคุมล้อหมุนฟรี TCS
➔ ระบบเสริมแรงเบรก BAS
➔ ระบบช่วยหยุดรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ MCB
➔ ระบบช่วยรักษาสเถียรภาพการทรงตัวในกรณีลากจูง TSA
➔ ระบบจัดการการทรงตัว VSM
➔ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
➔ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DBC
➔ เซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง
➔ ระบบแจ้งความดันลมยางอัตโนมัติ TPMS
➔ จุดติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็ก (ISOFIX)
➔ จำนวนถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
➔ ระบบกุญแจ Immobilizer

☆ Hyundai SmartSense ☆
➔ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ SCC (Smart Cruise Control with Stop and Go)
➔ ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ FCA (Forward Collision-avoidance Assist)
➔ ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน LKA (Lane Keeping Assist)
➔ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LFA (Lane Following Assist)
➔ ระบบเตือนและช่วยคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCA (Blind-Spot Collision-avoidance Assist)
➔ ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ RCCA (Rear Cross-traffic Collision-avoidance Assist)
➔ ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ HBA (High Beam Assist)
➔ ระบบป้องกันการเปิดประตูมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง SEA (Safe Exit Assist)
➔ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAW (Driver Attention Warning)
➔ ระบบแจ้งเตือนให้เช็กผู้โดยสารด้านหลัง ROA (Rear Occupant Alert)
➔ ระบบช่วยจำกัดความเร็ว MSLA (Manual Speed Limit Assist)


✦ รุ่น Prestige 1,749,000 บาท ✦ (เพิ่มเงิน 150,000 บาทจากรุ่น Exclusive)
☆ รายการออปชั่นที่เพิ่มเติมจากรุ่น Exclusive ☆
➔ ไฟหน้า LED แบบโปรเจคเตอร์
➔ กระจกบังลมหน้าแบบ Solar
➔ กระจกด้านข้างผู้โดยสารตอนหน้้าแบบ 2 ชั้น ช่วยลดเสียงรบกวน
➔ กระจกด้านข้างผู้โดยสารตอนหลังแบบ Privacy
➔ ที่่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
➔ หลังคาซันรููฟ ควบคุุมด้วยระบบไฟฟ้า 2 บาน
➔ หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ LCD 12.3 นิ้ว
➔ เบาะนั่งฝั่งคนขับพร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง
➔ เบาะนั่งฝั่งคนขับพร้อมที่ดันหลัง 4 ทิศทาง
➔ กล้องมองภาพรอบทิศทาง
➔ ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย Wireless Charger 2 ตำแหน่ง
➔ เซ็นเซอร์กะระยะหน้า-ข้าง-หลัง
➔ ระบบหลีกเลี่ยงการชนขณะกอยจอด PCA-R (Reverse Parking Collision-avoidance Assist)
➔ ระบบกล้องมองภาพจุดอับสายตา BVM (Blind-spot View Monitor)
✳️ สีตัวถังมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีน้ำตาล Beach Sand, สีขาวมุก Pearl White และ
สีดำ Space Black ทุกรุ่นมากับภายในสีดำ
✳️ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กม. และการรับประกันแบตเตอรีไฮบริด 8 ปี หรือ 160,000 กม. พร้อมดอกเบี้ยพิเศษช่วงเปิดตัว 1.99% ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน เมื่อออกรถภายใน 31 สิงหาคม 2568 ครับ

❇️ Spyshot : คาดว่าเป็น All-New Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ พลิกโฉมใหม่ต่างจาก Triton โดยสิ้นเชิง➡️ มีคนพบเจอรถทดสอบที่...
15/07/2025

❇️ Spyshot : คาดว่าเป็น All-New Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ พลิกโฉมใหม่ต่างจาก Triton โดยสิ้นเชิง
➡️ มีคนพบเจอรถทดสอบที่คาดว่าเป็นรถ SUV รุ่นใหม่ของ Mitsubishi ทางยุโรปตอนใต้ เมื่อดูแนวโน้มแล้ว หลายฝ่ายคาดว่าเป็น Mitsubishi Pajero Sport โฉมใหม่ ซึ่งเคยมีรถทดสอบแบบ Test Mule (เอาตัวถังเก่ามาดัดแปลงครอบงานวิศวกรรมใหม่) ออกมาเมื่อต้นปี และจากภาพชุดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงงานดีไซน์ที่พร้อมเข้าสู่การผลิตจริงแล้ว
➡️ สิ่งเดียวที่เห็นว่ารถทดสอบคันนี้เหมือนกับ Triton โฉมล่าสุดก็คือ "กระจกมองข้าง" ทรงเดียวกัน นอกนั้นจะเห็นได้ว่างานดีไซน์แตกต่างจาก Triton โดยสิ้นเชิง แม้แต่ประตูคู่หน้าที่ปกติจะเห็นว่าจะใช้ร่วมกันระหว่าง Triton และ Pajero Sport แต่รถคันนี้ดีไซน์คนละแบบจนเหมือนรถคนละคันและพื้นฐานต่างกัน
➡️ ส่วนดีไซน์ภายนอกชวนให้นึกถึงงานออกแบบ Mitsubishi ยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Xforce รวมไปถึงต้นแบบ SUV 7 ที่นั่งอย่าง DST Concept ที่เผยโฉมเมื่อปีที่แล้วอีกด้วย
➡️ อย่างไรก็ตามจากภาพรถทดสอบชุดนี้ก็มีหลากหลายการคาดการณ์ที่แตกต่างออกไป

สำนักข่าว Drive ของออสเตรเลียรายงานว่ารถคันนี้มามาแทน Pajero Sport เดิม และอาจขายในชื่อ "Pajero" เพียว ๆ เพื่อเสริมความโดดเด่นและยกระดับภาพลักษณ์ให้แตกต่างจากกระบะ Triton มากขึ้น
➡️ ซึ่งแน่นอนว่าภายใต้แพลตฟอร์มแบบขั้นบันไดเดียวกับกระบะ Triton จะทำให้รถคันนี้ได้ทางเลือก เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตรรหัส 4N16 จาก Triton ที่ให้พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า และ 204 แรงม้า และอาจมีขุมพลังไฟฟ้าล้วนเข้ามาในอนาคต ซึ่งอาจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ Pajero รุ่นใหญ่แท้ ๆ ไม่ได้ใช้แพลตฟอร์มแบบโมโนค็อกเหมือนที่ผ่านมา
➡️ แต่ก็มีอีกกระแสอีกว่า Pajero ใหม่ที่ว่าจะใช้แพลตฟอร์มแบบรถเก๋ง CMF-C/D เหมือน Outlander ที่ขยายเพื่อรองรับรถที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะใช้เครื่องยนต์ Plug-In Hybrid พละกำลัง 302 แรงม้า
➡️ บ้างก็ว่ารถคันนี้จะใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ Patrol แต่ก็มีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้น้อย หรือยิ่งไปกว่านั้น บางคนมองว่านี่คือรุ่นขายจริงของ DST Concept ที่ก็ไม่น่าใช่อีก เพราะ รุ่นขายจริงของ DST Concept ออกวิ่งทดสอบโซนอินโดฯ แล้ว
➡️ สุดท้ายแล้ว รถคันนี้จะเป็นตัวแทนของ Pajero Sport หรือไม่นั้น โปรดรอติดตามต่อไป แต่ผมเชื่อว่าเป็นแบบนั้นเพราะมีโอกาสสูง คาดว่ารถจะเผยโฉมจริงในตลาดโลกช่วงปลายปีนี้เป็นอย่างเร็วที่สุด และจะเริ่มขายปีหน้า ส่วนประเทศไทย ถ้ารุ่นนี้คือ Pajero Sport ใหม่จริง ๆ แน่นอนว่าเราจะได้รถที่ต่างจาก Triton แบบสุด ๆ รอติดตามต่อไป
➡️ ภาพจาก https://www.carscoops.com/2025/07/this-could-be-the-new-mitsubishi-pajero-but-can-you-guess-what-lies-underneath/

🔱 Maserati MCPURA ชื่อใหม่ พร้อมปรับโฉมใหม่ Supercar ค่ายตรีศูล➤ Maserati MCPURA (มาเซราติ เอ็มซีพิวร่า) คือชื่อใหม่ของ ...
14/07/2025

🔱 Maserati MCPURA ชื่อใหม่ พร้อมปรับโฉมใหม่ Supercar ค่ายตรีศูล
➤ Maserati MCPURA (มาเซราติ เอ็มซีพิวร่า) คือชื่อใหม่ของ Maserati MC20 (มาเซราติ เอ็มซีทเวนตี้) ที่เปิดตัวสู่ตลาดโลกในช่วงปี 2020 จนถึงปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 5 ซึ่งก็สมควรแก่เวลาอัปเดตสเปคเพื่อให้แข่งขันกับบรรดาคู่แข่งได้
➤ MCPURA ถือเป็นการต่อยอดจาก MC20 ที่ซึ่งเป็นรถเปิดศักราชใหม่ให้แบรนด์ตรีศูลรายนี้ และสำหรับรุ่นใหม่นี้ได้มุ่งไปในการปรับปรุงในด้านดีไซน์ภายนอก วัสดุ และงานตกแต่งภายในให้ดูดีมากยิ่งขึ้น
➤ ภายใต้ห้องเครื่องยังมากับหัวใจเดิม นั่นคือ เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตรเทอร์โบคู่ มีระบบหัวฉีดคู่และระบบเผาไหม้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก F1 พร้อมทั้งหัวเทียนคู่ สร้างพละกำลังได้สูงสุด 630 แรงม้า (PS) ที่ 7,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด มากับระบบขับเคลื่อนล้อหลังที่มีเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป
➤ MCPURA คือความสง่างาม ความเป็นตัวของตัวเอง และอารมณ์ความรู้สึกในรูปแบบบริสุทธิ์ที่สุด ชื่อรุ่นก็สื่อถึงแนวคิดนี้โดยตรง แคมเปญเปิดตัวจึงใช้สูตรเชิงสัญลักษณ์ “E = MCPURA” อ้างอิงจากทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ เพื่อสื่อถึงพลังงานอันบริสุทธิ์และเข้มข้น ซึ่งหลอมรวมเป็นงานศิลป์ยานยนต์ระดับสูงสุด
➤ ภายนอกรถมีการนำเสนอสีใหม่ “สีฟ้า Ai Aqua Rainbow” พัฒนาภายใต้โปรแกรม Custom “Maserati Fuoriserie” โดยสีสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามแสงอาทิตย์ มีความรุ้งสะท้อนแสง ซึ่งจากภาพโปรโมทนั้น ตัวถังของรุ่นคูเป้ใช้ด้าน ส่วนรุ่นเปิดประทุน (Cielo) ใช้สีแบบเงา เสริมด้วยโลโก้ตรีศูล Trident ที่กระจังหน้า เสา C และด้านข้างรถ ซึ่งใช้สีม่วงแมเจนตาผสมฟ้าไมก้า พร้อมล้อแม็กปัดเงาเคลือบเฉดสีพิเศษ
➤ รถยังคงโดดเด่นด้วยประตูแบบ “Butterfly” เปิดขึ้นเพื่อโชว์โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนรุ่นเปิดประทุน Cielo เพิ่มความโดดเด่นด้วยหลังคากระจกแบบเปลี่ยนความโปร่งได้ (PDLC) – ใช้เวลาสลับทึบ/ใสเพียง 1 วินาที เป็นรุ่นแรกในคลาส
➤ การตกแต่งภายในมากับเบาะนั่ง Alcantara สีขาว Ice ที่ปักลายตรีศูลด้วยเลเซอร์ พร้อมผ้ารองสองชั้นที่เปล่งเฉดสีฟ้า-แดงเมทัลลิกออกมา สะท้อนความล้ำสมัยและสปอร์ตสุด ๆ การสลักเบาะด้วยเลเซอร์ช่วยเพิ่มมิติแบบ 3 มิติให้กับวัสดุ Alcantara ได้อย่างหรูหรา
➤ ตัวเลือกสีของ MCPURA ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ ทั้งเฉดใหม่สุดโดดเด่นอย่าง
- สีส้ม Devil Orange: สีส้มสะท้อนพลังและความกล้า
- สี Verde Royale และ Night Interaction: สีเขียวและน้ำเงินเมทัลลิกสองชั้น ให้ความรู้สึกหรูหราและคลาสสิก
➤ นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถ Custom สีตัวถังได้มากกว่า 30 แบบ ผ่านโปรแกรม Fuoriserie ทั้งแบบสีด้าน, สีเมทัลลิก, แบบ 3-4 ชั้น
➤ MCPURA ทั้งสองตัวถัง (คูเป้และเปิดประทุน) ผลิตที่โรงงาน Maserati บนถนน Viale Ciro Menotti เมือง Modena ของอิตาลี ซึ่งเป็นที่ผลิตเครื่องยนต์ Nettuno, รุ่น GT2 Stradale และตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2025 เป็นต้นไปจะเริ่มผลิตรุ่น GranTurismo และ GranCabrio ใหม่อีกด้วย

🚙  #ขับไปเรื่อย   Nissan Serena S-Hybrid (C27) : รถครอบครัวที่ดีที่มาช้าไปหน่อย---------------------------------0-100 กม...
14/07/2025

🚙 #ขับไปเรื่อย Nissan Serena S-Hybrid (C27) : รถครอบครัวที่ดีที่มาช้าไปหน่อย

---------------------------------

0-100 กม./ชม. ใน 12.33 วินาที
80-120 กม./ชม. ใน 8.85 วินาที
อัตราการสิ้นเปลืองเฉลี่ย 11.1-15.3 กม./ลิตร (ขึ้นกับการขับขี่)

---------------------------------

🔘 บทนำ ยังไม่ใช่สาระสำคัญของการขับขี่ ขี้เกียจอ่านข้ามตรงนี้ได้เลย 🔘
Nissan Serena คือหนึ่งในความหวังหมู่บ้านที่ทำให้ Nissan Thailand ได้มีอะไรใหม่ ๆ กระตุ้นในตลาดรถยนต์บ้าง หลังจากที่เราไม่ได้เห็นรถโมเดลใหม่จาก Nissan นานมากแล้ว มีเพียงแค่การปรับโฉมและปรับอุปกรณ์เป็นหลักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
📍ขณะที่เราได้เห็นค่ายรถจีนน้องใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ มาขอส่วนแบ่งก้อนเค้กจากรถญี่ปุ่นไปเสียเยอะ โชว์รูมรถญี่ปุ่นหลายที่ ๆ ไม่มียอดก็เปลี่ยนไปขายค่ายอื่น ซึ่งโชว์รูม Nissan เองก็เปลี่ยนไปขายค่ายอื่นเยอะ เซลล์หลายคนก็หวังให้ Nissan มีอะไรใหม่ ๆ ให้พวกเขาขายบ้างดีกว่านั่งกินมะม่วงดองแบบที่ชาวเน็ตนั่งแซว
📍ซึ่ง Serena ก็เป็นหนึ่งในรถที่ชาวไทยหลายคนหวังให้เอาเข้ามาขาย เพราะตลาดรถ MPV ประตูสไลด์ยังมีตัวเลือกไม่มากนัก ค่ายหลักก็ไม่นำเข้ามาขายกัน (เว้นแต่ Toyota ที่มี Alphard แต่รุ่นเล็กกว่าอย่าง Voxy ไม่นำเข้ามาขาย) จะมีเพียงแค่เกรย์มาร์เก็ตที่นำเข้ามาขายเป็นหลัก
📍ทว่าการมาของ Serena ในบ้านเราในช่วงแรกในช่วงงาน Motor Expo 2024 ที่ผ่านมา สร้างความงุนงงให้ใครหลาย ๆ คน เพราะเป็นการนำโฉมเก่ารหัสตัวถัง C27 เข้ามาก่อน เปิดราคาจำหน่ายที่ 1,469,000 บาท ถึงแม้ว่าในตลาดญี่ปุ่นจะมีขายตัวใหม่ Serena e-POWER (C28) แล้วก็ตาม แต่เนื่องจากรถนำเข้าจากมาเลเซีย ซึ่งยังไม่มีการประกอบขาย C28 แต่อย่างใด ทำให้เราได้โฉมนี้มาก่อนนั่นเอง
📍อย่างไรก็ตามในช่วงงาน Motor Expo 2024 ที่ถึงแม้เราจะเริ่มขาย C27 ก่อน แต่ก็มีการนำ C28 มาโชว์ตัวคู่กันบนเวที เพื่อแสดงให้เห็นว่า Nissan ก็จะเอา Serena C28 มาขายในอนาคตด้วย ซึ่ง ณ วันนั้นผมก็เพิ่งกลับจากไปเที่ยวญี่ปุ่นมา เพิ่งสอยโบรชัวร์ C28 กลับไทยอีกด้วย
📍แม้การนำ C27 และ C28 มาจอดโชว์คู่กัน ทั้ง ๆ ที่ค่ายพร้อมขาย C27 ก่อน จะเกิดเสียงแบ่งเป็นสองฝั่ง บางคนก็ว่าดีแล้ว เพราะจะได้โชว์ถึงความพร้อมทำตลาดโฉม C28 ในอนาคต แต่บางคนก็มองว่า ทำแบบนี้ก็เหมือนเรียกยอดให้ไป C28 มากกว่า
📍และเป็นโชคดีที่ Nissan ไม่ทำให้เราต้องรอนาน ในช่วงงาน Motor Show 2025 ที่ผ่านมา พวกเขาก็เปิดตัวและเปิดราคาพร้อมขาย Serena e-POWER (C28) อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเป็นการนำเข้าจากญี่ปุ่น ขายในราคา 1,690,000 บาท พร้อมออปชั่นแบบแน่น ๆ ท่วมคัน
📍ซึ่งในรีวิวการขับนี้ ทางเพจได้รถ C27 มาเทสต์ก่อน และเป็นคันที่ 2 ของ Nissan ที่ผมได้นำมาทดสอบครับ ฟีดแบ็คจากการทดสอบเป็นอย่างไรบ้าง เชิญอ่านต่อได้เลย

---------------------------------
⏺ พละกำลังจากเครื่องยนต์ MR20DD ความจุ 2.0 ลิตร 150 แรงม้า 200 นิวตันเมตร ไม่ใช่ตัวเลขที่ว้าวเท่าไหร่นัก ซึ่งก็มาพร้อมระบบ Mild Hybrid มอเตอร์ไฟฟ้า 2.6 แรงม้า 48 นิวตันเมตรที่มาเสริมแรงในช่วงออกตัวหรือจังหวะคิกดาวน์ ขับจริงถือว่าเครื่องแรงพอพึ่งพาได้ อารมณ์เหมือนขับรถสันดาปล้วนยุค 2010s ช่วงออกตัวมีอืด ๆ บ้างแต่ก็ขึ้นแบบเรื่อย ๆ
⏺ เครื่องบล็อกนี้ต้องให้เวลาในการไต่ความเร็ว ค่อย ๆ เติมคันเร่งแทนที่จะกดคิกดาวน์ เพราะจะทำให้รู้สึกว่ารถอืด และยังต้องเจอกับเครื่องที่เสียงดังและคำรามสุดฤทธิ์ ซึ่งเสียงดังน้อง ๆ Yaris Cross ที่บ้านเลย รวม ๆ แล้วเครื่องยนต์ก็ถือว่าพละกำลังเพียงพอในการใช้งานทั่วไป ออกแบบมาให้เน้นขับเรื่อย ๆ ไม่เน้นซิ่งซ่า อันเป็นจุดประสงค์ของรถแนวนี้อยู่แล้ว

---------------------------------

⛽ ส่วนอัตราสิ้นเปลือง ด้วยความที่เป็นไฮบริดจิ๋ว หรือ Mild Hybrid บวกกับขนาดรถที่ใหญ่ ไม่ต้องคาดหวังว่ารถจะประหยัดระดับ 17-20 กม./ลิตร ตัวเลขก็จะอยู่ราว ๆ 13-14 กม./ลิตรขณะขับขี่ทางไกล ใช้ความเร็วยืนพื้น 100-120 กม./ชม. ขับแบบไม่ค่อย ๆ เลี้ยงคันเร่ง ไม่คิกดาวน์เยอะ แต่ถ้าเค้นคันเร่ง เหยียบหนักตัวเลขก็จะหล่นต่ำกว่านั้น เหลือ 10-11 กม./ลิตร ได้เลยแหละ ขณะที่การขับขี่ทั่วไป ใช้ความเร็ว 80-100 กม./ชม. ตัวเลขที่ดีที่สุดที่ผมทำได้คือ 15.3 กม./ลิตร
⛽เจ้ารุ่นนี้มีความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร ถ้าเดินทางไกลและก็ขับเร็ว ก็จะได้วิ่งราว ๆ 550-600 กม. ถ้าเท้านิ่ง ๆ ก็วิ่งได้ 650 กม. ++

---------------------------------

🚘การขับขี่และช่วงล่าง ในแง่การเป็นรถสำหรับครอบครัวถือว่าทำได้ดีทีเดียว ช่วงล่างมาในแนวนุ่มถูกใจผู้โดยสารทุกแถว การซับแรงสะเทือนบนพื้นถนนได้ค่อนข้างดี ทว่าเมื่อเจอคอสะพานหรือพื้นถนนที่ไม่เสมอกันก็ออกอาการโยนและย้วยบ้างตามสไตล์รถตู้คันใหญ่ แต่ก็ไม่เยอะเกินงาม แน่นอนว่ากับรถทรงนี้ไม่แนะนำให้ขับรถคันนี้มุดไปมุดมาหรือขับเปลี่ยนเลนไปมาบ่อย เพราะจะทำให้โยกไปโยกมาจนมึนได้ รถไม่ได้ออกแบบมาให้ขับแบบนั้น ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีใครซื้อรถตู้แบบนี้ไปมุดเล่นหรอก
🚘แต่ถ้าให้เลือกระหว่างเป็นคนขับกับคนนั่ง กับรถทรงนี้แน่นอนว่าต้องตอบว่าเป็น “คนนั่ง” ผมได้มีโอกาสลองทั้งขับและนั่งครบทุกแถว มองว่านั่งสบายทุกแถวเลย และสามารถเดินเข้าถึงได้ง่ายทั้ง 3 แถวแบบไม่ต้องพับเบาะ แถว 2 แน่นอนว่าดีสุดเพราะปรับเลื่อนได้ ขณะที่แถว 3 ผมชอบตรงที่เบาะรองนั่งค่อนข้างใหญ่ ขากลับผมสลับให้ทีมงานขับต่อ ผมไปนอนข้างหลังแถว 3 แบบสบาย ๆ เลย
🛞 ส่วนพวงมาลัยถือว่ามีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาในความเร็วต่ำ ทำให้การขับขี่รถคันนี้ค่อนข้างคล่องตัวในเมืองหรือที่แคบ ส่วนความเร็วสูงอยากให้มีน้ำหนักเพิ่มอีกนิด ทว่าฟีลลิ่งก็มาแนวกลาง ๆ ไม่ได้ถึงกับเฉียบคมนัก มีระยะฟรีประมาณหนึ่ง ทำให้ขับขี่ทางไกลไม่เกร็งและไม่เมื่อยล้าเกินไป
---------------------------------

*️⃣ ในส่วนของเทคโนโลยีความปลอดภัยสูง ถือว่าให้มาครบพอตัว ขาดแค่อย่างเดียวคือ Adaptive Cruise Control เพราะยังได้ Cruise Control แบบธรรมดา มีที่ผมได้ใช้บ่อยสุดก็คือ กล้องรอบคัน ที่แม้ความคมชัดจะไม่มากนัก เพราะระบบจะดึงภาพจากกล้องบริเวณหน้าปัดความเร็วมาที่จอกลาง ทำให้ภาพดูแตก ๆ แต่ก็ใช้งานได้ดี ส่วนระบบอื่น ๆ นั้นจะมี

- เทคโนโลยีเตือนก่อนการขนด้านหน้าอัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW)
- เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเงินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (IEB)
- เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW)
- เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning (LDW)
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Montor
(IAVM) พร้อมตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุที่เคลือนไหว Moving Object
Detection (MOD)
- เทคโนโลซีช่วยเตืยนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Intelligent Driver Alertness (IDA)
*️⃣ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสาร ถือว่ามีให้ครบประมาณหนึ่ง แต่ด้วยความที่รถคันนี้เป็นโมเดลเก่า จึงเห็นเค้าลางความเชยของดีไซน์ห้องโดยสาร หากเทียบกับ C28 ที่เริ่มขายแล้วตอนนี้ ถือว่าต่างกันแบบคนละเรื่อง ทว่าผมก็ชอบความ User Friendly ของห้องโดยสาร C27 ซึ่งมีการจัดวางปุ่มต่าง ๆ ที่ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องยัดทุกอย่างในจอแบบรถยุคใหม่
*️⃣ ขณะที่จอสัมผัสตรงกลาง แม้ดูยื่นแปลก ๆ เพราะเป็นจอที่ติดเพิ่มทีหลังของ Kenwood แต่ใช้งานจริงผมว่าเหมือน Nissan จงใจทำให้จอยื่นเพื่อให้เห็นชัดและจิ้มใช้งานง่ายขึ้น มีการรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย การเข้าถึงฟังก์ชั่นต่าง ๆ ไม่ยากเย็น
*️⃣ ห้องโดยสารคันนี้ถือว่าใหญ่โตโอ่โถงมากที่สุดคันหนึ่งเท่าที่เคยเทสต์มา เป็นรถประตูสไลด์คันที่ 2 ที่ CNU ได้นำมาเทสต์ (ต่อจาก Kia Carnival ที่เคยรีวิวไปแล้ว) ตำแหน่งนั่งขับดูสูงกว่ารถปกติ มุมมองด้านหน้าคือกระจกบานใหญ่และโปร่งมาก

สิ่งที่ผมประทับใจในคันนี้คงเป็นความ Practical ในการใช้งาน มีช่องเก็บของ ช่องวางแก้วน้ำเยอะแยะเต็มไปหมด มีช่องเสียบ USB หลายจุด (เป็น Type A ไม่มี Type C) จุดเด่นนี้คงเป็นอีกจุดที่ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมรุ่นนี้มาก
*️⃣ จนผมอดคิดไม่ได้ว่า หาก Nissan Thailand คิดได้เร็วกว่านี้ นำรุ่นนี้เข้ามาจำหน่ายเร็วกว่านี้สัก 5-6 ปี น่าจะได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะตัวเลือกรถแบบนี้ในตลาดมีไม่เยอะนัก Toyota ก็ไม่เอา Voxy มาขาย Honda ที่เคยขาย StepWGN ก็ไม่ได้ขายต่อ ปล่อยให้รถแบบนี้ขายโดยเกรย์มาร์เก็ตที่แม้ราคาเริ่มต้นจะถูก แต่สเปคค่อนข้างโล้นกว่าที่คิด

แม้ว่า Serena C27 จะเพิ่งมาไทยในช่วงท้ายตลาด แม้จะสร้างความแปลกใจให้ Car Guys ในโซเชียลหลายคน แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรขาย เพราะสุดท้ายแล้ว Nissan ก็เอา C28 เข้ามาสมใจชาวเน็ตแล้ว

---------------------------------

✔️ สิ่งที่ชอบในรถคันนี้ ✔️
- เป็นมินิแวนที่เชื่อว่าน่าจะถูกใจครอบครัวแน่นอน ทั้งความโอ่โถง ความนุ่มสบายของช่วงล่าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารเยอะ

- ห้องโดยสารแม้จะเริ่มเชยและตกยุค แต่การใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ ถือว่าใช้ง่ายและชัดเจน มีการอัปเดตบางจุดให้เข้ายุคเข้าสมัย เช่น จอกลางที่รองรับ Apple CarPlay & Android Auto ไร้สาย

- เบาะนั่งคือนั่งสบายแทบทุกแถว ชอบเบาะแถว 3 ที่เบาะรองนั่งใหญ่ นอนได้สบาย

✖️ สิ่งที่ไม่ชอบ และ เสียดาย (และหวังว่าจะดีขึ้นใน C28) ✖️
- เสียงเครื่องดังมากกก ในจังหวะ Kick Down ดังน้อง ๆ Yaris Cross เลย

- ราคาจำหน่าย ถ้าอยากให้ขายได้มากขึ้นกว่านี้ ทั้งที่มี C28 จอดคู่กัน ต้องลดราคาอีกเพื่อให้เห็นว่ารุ่นนี้คุ้มค่า

- การตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ไม่ได้หนีจาก Nissan Almera เท่าไหร่ (ทว่ารุ่น C28 ดูสวยและหรูขึ้นมาก)

- อันนี้ไม่ใช่ข้อเสีย แต่เสียดายที่รถเอาเข้ามาขายช้าไป ถ้ามาเร็วกว่านี้น่าจะทำยอดขายได้เยอะเลย

---------------------------------

▶︎ สรุป Nissan Serena S-Hybrid (C27) ◀︎
" ไม่ใช่รถที่ดีที่สุด แต่ก็ทำหน้าที่เป็นรถครอบครัวได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด "
◼︎ แม้ว่านี่จะเป็นหนึ่งในรถที่ชาวเน็ตสาปส่งว่ามาช้าไป เชย ตกรุ่น เจ้าพ่อตลาดวาย บลา ๆ ๆ

แต่พอได้มีโอกาสใช้ชีวิตกับรถคันนี้ 2 วัน 1 คืน ผมว่าไม่ได้แย่นะ จริงอยู่ที่รถคันนี้เป็นรถใกล้ตกรุ่นที่เอาเข้ามาขายในไทย (โมเดลนี้ตั้งแต่ปี 2016 และ Minor Change ในปี 2019 มาเลย์ยังขายอยู่และนำเข้ามาขายในไทยปลายปี 2024) อาจไม่ใช่รถที่ขับดี เครื่องแรง ภายในสวย แต่กับการเป็นรถสำหรับครอบครัว คันนี้ถือว่าตอบโจทย์ ทั้งความโอ่โถงกว้างขวาง ความ Practical ของรถ ในราคา 1.4 ล้านกว่าบาท กับรถประตูสไลด์แบบนี้ ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ นะ
◼︎ คู่แข่งโดยตรงของรถคันนี้ ยังไม่มีชัดเจน แต่รถที่ผมมองว่าสามารถชนได้ในแง่ของราคาก็คือ “Toyota Innova Zenix” ที่ตัวท็อปราคาใกล้เคียงกับ Serena C27 โดย Toyota ได้เปรียบกว่าทั้งพละกำลังเครื่องยนต์ อัตราสิ้นเปลือง ความทันสมัยของภายในห้องโดยสาร และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่แน่นกว่า เสียตรงงานอินโดฯ ที่การตกแต่งภายในไม่เนี้ยบและไม่เรียบร้อย

และแน่นอน รุ่นนี้ไม่ใช่ประตูสไลด์แบบ Serena ผมเชื่อว่าความเป็นประตูสไลด์นี่แหละที่จะทำให้ Serena C27 ยังคงขายได้ (เพราะราคาก็ยังต่างจาก C28 ถึง 2 แสนบาท) จนกว่ารถจะหมดสต็อค และจะมาแทนที่ด้วย C28 แบบเต็มตัวในที่สุด
◼︎ แต่นั่นล่ะ ตอนนี้กระแส C28 น่าจะกลบ C27 ไปเยอะ คนที่ซื้อรถแนวนี้ก็ยอมกัดฟันเพิ่มส่วนต่างค่าผ่อนไปเอา C28 กันก็มีไม่น้อย

ตอนนี้ Nissan มีโปรโมชั่นสำหรับ Serena C27 คือ มีส่วนลดพิเศษ 40,000 บาท ทำให้ราคาจาก 1,469,000 เหลือ 1,429,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน (ดาวน์ 25%) และ ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี / ลูกค้าเก่ายังได้ส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาทอีกด้วย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โชว์รูม Nissan ใกล้บ้านท่านได้ครับ
*️⃣ แน่นอน ผมยังมีเรื่องที่ต้องตามต่อ นั่นคือการนำ Nissan Serena e-POWER (C28) มาลองแบบเต็ม ๆ เพื่อเปรียบเทียบว่าดีขึ้นจาก C27 มากแค่ไหน คงต้องรอ Nissan พร้อมนำรถมาให้ทางเพจได้ทดลองขับครับ

😁 สุดท้ายแล้ว ผมขอขอบคุณ Nissan Motor (Thailand) ที่เอื้อเฟื้อรถสำหรับการทดลองขับครั้งนี้ด้วยครับ😁
#ขับไปเรื่อย #ขับไปเที่ยว #ขับไปกิน #นิสสัน #เซเรน่า #นิสสันเซเรน่า

🔴 Mazda อเมริกา เผยเหตุผลว่า ทำไมถึงเอาปุ่มควบคุมต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารออกไปจาก CX-5 เจเนเรชั่นใหม่➡️ Mazda CX-5 เจเนเรช...
14/07/2025

🔴 Mazda อเมริกา เผยเหตุผลว่า ทำไมถึงเอาปุ่มควบคุมต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารออกไปจาก CX-5 เจเนเรชั่นใหม่
➡️ Mazda CX-5 เจเนเรชั่นใหม่ เผยโฉมสู่สายตาชาวโลกเป็นที่เรียบร้อย มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ด้านรูปโฉมภายนอกที่แม้จะเป็นการเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจดทั้งคัน แต่ด้วยดีไซน์ไม่หนีจากโฉมเดิมมากจึงทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงการ Minor Change
➡️ ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแบบไม่เหลือเค้าเดิมก็คือ ห้องโดยสารที่มินิมอลขั้นสุด ละทิ้งปุ่มกดควบคุมต่าง ๆ ไปไว้ในจอกลางขนาดใหญ่ เหมือนกับรถไฟฟ้าล้วนในค่ายที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง Mazda 6e และ CX-6e ซึ่งก็มีคอมเมนต์ต่าง ๆ นานา เกี่ยวกับปุ่มกดที่หายไปจากหลาย ๆ คน เช่น

"ไม่ชอบที่เอาปุ่มกดกับปุ่มหมุนออกไป"

"ระบบปรับอากาศ ปรับอุณหภูมิของรถ ฮีตเตอร์ และระบบไล่ฝ้า ควรจะใช้ปุ่มกดจริง ๆ ในการควบคุม... ขอร้องเถอะ" เป็นต้น
➡️ สำนักข่าว Motor1 ได้มีโอกาสสอบถาม Tamara Mlynarczyk ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Mazda North American Operations ถึงเหตุผลว่าทำไมรถรุ่นใหม่ถึงตัดสินใจเอาปุ่มควบคุมแบบเดิม ๆ ออกเกือบหมด ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับตรงข้ามกลับฟีดแบ็คหลากหลายของลูกค้า!

"การตัดสินใจนำปุ่มควบคุมแบบเดิม ๆ ออก มาจากฟีดแบ็คของลูกค้าที่ชอบจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่มากกว่า เราได้พัฒนาอินเทอร์เฟซระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร HMI (Human-Machine Interface) ใหม่ที่เน้นความง่ายในการใช้งาน แต่ยังคงไว้ซึ่งหลักปรัชญาด้านความปลอดภัยในการขับขี่ของ Mazda

โดย CX-5 โฉมใหม่เปลี่ยนจากระบบควบคุมหน้าจอด้วยปุ่ม Center Commander กลางคอนโซลไปเป็นจอสัมผัสตรงกลาง เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการลดการละมือจากพวงมาลัย แต่ยังมี

• ระบบสั่งงานด้วยเสียงขั้นสูง ที่ให้ผู้ขับสามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้ เช่น ระบบปรับอากาศ เครื่องเสียง และระบบนำทาง

• ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยที่ออกแบบโดยยึดผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ทำให้ผู้ขับควบคุมได้โดยไม่ต้องเสียสมาธิ
➡️ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ดูจะขัดกับยุคก่อน ๆ ของ Mazda ที่ยังคงไม่เห็นด้วยกับการใช้หน้าจอสัมผัสรถยนต์ เมื่อย้อนไปช่วงปี 2019 ที่มีการเปิดตัว Mazda 3 รุ่นล่าสุด
Matthew Valbuena หัวหน้าวิศวกรฝ่าย HMI และระบบอินโฟเทนเมนต์ของ Mazda North America เคยกล่าวไว้ว่า

"จากการวิจัยของเรา พบว่าเมื่อผู้ขับขี่พยายามเอื้อมมือไปจิ้มหน้าจอสัมผัสในรถยนต์ พวกเขามักเผลอออกแรงหักพวงมาลัยโดยไม่ตั้งใจ ทำให้รถเบี่ยงออกนอกเลน และแน่นอนว่ากับจอสัมผัส ผู้ใช้ต้องมองที่หน้าจอขณะกด ซึ่งไม่ปลอดภัย เราจึงมั่นใจที่จะตัดจอระบบสัมผัสออกไป"
➡️อย่างที่บอกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Mazda ทำรถที่มีจอใหญ่ ๆ ใส่ทุกอย่างในจอออกสู่ตลาด เพราะยังมี Mazda 6e / EZ-6 และ CX-6e / EZ-60 รถไฟฟ้าล้วนของค่ายที่เพิ่งเปิดตัวออกมา ทว่าทั้ง 2 โมเดลนี้เป็นโมเดลที่ทำร่วมกับ Changan ต่างจาก CX-5 โฉมใหม่ที่เป็นของ Mazda โดยตรงและเป็น Global Model
➡️ ในความเห็นของผม ผมก็ยังชอบปุ่มกดจริง ๆ มากกว่าการยัดทุกอย่างในจอนะครับ เพราะปุ่มกดใช้งานง่ายกว่า มีความเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากกว่า ลดความเสี่ยงหากจอมีปัญหาในอนาคตได้ด้วย แต่นั่นล่ะ Mazda CX-5 ถือเป็นใบเบิกทางแรก ๆ กับการก้าวสู่ยุคใหม่ของ Mazda อาจมีรุ่นอื่น ๆ ในอนาคตที่เดินตามแนวทางเดียวกัน ยังไงต้องติดตามต่อไป
➡️ แล้วชาวเพจล่ะครับ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง ยังชอบปุ่มควบคุมแบบเดิม หรือชอบจอใหญ่ ๆ และยัดทุกอย่างในจอ มาลองคอมเมนต์บอกกันหน่อยครับ
--------------------------------------

ที่มา : https://www.motor1.com/news/765492/mazda-defends-button-less-interior/

ที่อยู่

Phasi Charoen
10160

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Car News Updateผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Car News Update:

แชร์