The Agenda Where data meets creativity |
Work contact: [email protected]
Join our team: [email protected]
Love our cat - ig:

25/07/2025

Co-Creation Tourism Local
เปลี่ยนจากชุมชนธรรมดา สู่ชุมชนที่ต้อง ‘แวะ’ เยี่ยมเยือน
การท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่ที่แค่เมืองใหญ่ หรือสถานที่เดียวเหมือนอย่างเดิมอีกต่อไป เพราะนักท่องเที่ยวในยุคใหม่กำลังมองหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่จากการเดินทางอยู่เสมอ ดังนั้น ‘การท่องเที่ยวชุมชน’ เพื่อซึบซับวัฒนธรรมดั้งเดิมและวิถีชีวิตของคนในพื้นที่เหล่านั้นอย่างใกล้ชิด จึงกลายเป็นอีกหนึ่งการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์อย่างมากในยุคนี้
แต่การจะทำให้ ‘ชุมชน’ หนึ่งกลายเป็น ‘ชุมชนท่องเที่ยว’ นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งยังต้องใช้การคิด การออกแบบ และพลังในการลงมือทำจริงเป็นอย่างมาก เพื่อทำให้ชุมชนของเรากลายเป็น ชุมชนที่นักท่องเที่ยวหรือใคร ๆ ก็ต้อง ‘แวะ’ มาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ
จึงนำตัวอย่างของชุมชนที่ทำสำเร็จในการพลิกจากชุมชนธรรมดาสู่การเป็นชุมชนท่องเที่ยวได้สำเร็จมาให้ดูกัน
– อาข่าอาหม่า เริ่มต้นจากเมล็ดกาแฟสู่การท่องเที่ยวชุมชน
จุดเริ่มต้นของ อาข่าอาหม่า มาจากการต้องการควบคุมห่วงโซ่ของกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเน้นจุดมุ่งหมายที่เกษตรกรต้องได้รับส่วนแบ่งที่เป็นธรรมมากที่สุด แทนที่จะส่งต่อให้พ่อค้าคนกลางในราคาถูก พวกเขาเลือกที่จะแปรรูปเอง คั่วเอง และสร้างแบรนด์ของพวกเขาขึ้นมาเอง โดยมีแกนหลักเป็น วิสาหกิจเพื่อสังคม ก่อตั้งโดย คุณลี-อายุ จือปา ชาวอาข่าที่ต้องการจะนำเสนอ กาแฟ และสร้างความเป็นธรรมให้แก่เกษตรกรของหมู่บ้าน
แต่ ‘กาแฟ’ ของพวกเขา เมื่อรวมเข้ากับ ‘เรื่องราวของชาวอาข่า’ กลับกลายเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดผู้คนให้มาท่องเที่ยวและเยี่ยมเยือนชุมชนของพวกเขาอย่างไม่คาดคิด ซึ่งกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ทำในชุมชนแห่งกาแฟนี้ ก็คงหนีไม่พ้นการเยี่ยมชม ‘ไร่กาแฟ’ ที่ทุกอย่างล้วนเป็น organic การเยี่ยมชมยังเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสกับการเก็บเมล็ดกาแฟและการคัดเลือกเมล็ดกาแฟด้วยตัวเองอีกด้วย

– บ้านเชียง หมู่บ้าน 'มรดกโลก' ที่กำลังขับเคลื่อนสู่การท่องเที่ยวยุคใหม่
หมู่บ้านในจังหวัดอุดรธานี มีชื่อเสียงระดับโลกจากการเป็น แหล่งโบราณคดีสำคัญที่สะท้อนถึงอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 5,600 ปี โดยเฉพาะ ‘ภาชนะดินเผาลายเขียนสี’ ที่มีเอกลักษณ์ จนทำให้องค์การ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้บ้านเชียงเป็นมรดกโลก ในปี พ.ศ. 2535 เลยทีเดียว จนทำให้เกิดการท่องเที่ยวชุมชนบ้านเชียงขึ้นมา
ในปัจจุบันได้เกิด ‘จุ้มบ้านเชียง’ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการนำวัฒนธรรมดั้งเดิมอันเป็นมรดกโลกของบ้านเชียงมาต่อยอด โดยนำศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนออกสู่สายตาของโลกภายนอกผ่านงานศิลปะ งาน craft และ งาน workshop ต่าง ๆ เช่น การทำเสื้อมัดย้อมลายบ้านเชียงโดยใช้สีจากดิน การระบายสีด้วยดิน ไปจนถึงการร่วมมือกับ MUJI อุดรธานี ในการจัดกิจกรรม workshop พิมพ์ลายแบบบ้านเชียงด้วยดินท้องถิ่นลงบนเสื้อมูจิ ซึ่งทำให้วัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนได้ถูกถ่ายทอดออกมาไกลกว่าแค่ในหมู่นักท่องเที่ยวอีกด้วย
– แม่กำปอง หมู่บ้านกลางขุนเขา ชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ ‘แม่กำปอง’ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยอดฮิตขนาดนี้นั้น เริ่มมาจากการที่ผู้นำชุมชนอยากพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงริเริ่มแนวทางในการพัฒนาชุมชน 2 ด้านคือ พัฒนาคนและพัฒนาการท่องเที่ยวโดยใช้ทรัพยากรชุมชนเป็นพื้นฐาน และทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่รู้จักเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
จากจุดเริ่มต้นนั้นเองทำให้ แม่กำปอง ได้รับการยกย่องให้เป็นชุมชนต้นแบบในหลากหลายมิติ ทั้งพื้นที่ต้นแบบชุมชนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, พื้นที่ต้นแบบด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, พื้นที่ต้นแบบด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ด้านการจัดการชุมชนและการพัฒนาชุมชน และอีกมากมาย ซึ่งทำให้แม่กำปองมีช่ือเสียงเพิ่มมากขึ้นอีกทั้งในด้านแหล่งการเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยว
– ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านมรดกโลกที่นำบ้านเรือนดั้งเดิมมาเสริมการท่องเที่ยว
ชุมชนบนภูเขาในประเทศญี่ปุ่นที่มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร อย่างเช่น บ้านทรง กัสโช-ซุคุริ (Gassho-zukuri) หรือบ้านหลังคาทรงพนมมือ อันเป็นเอกลักษณ์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับหิมะตกหนักในฤดูหนาว ที่ในปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมไปเรียบร้อยแล้ว
หมู่บ้านนี้ถูกเรียกว่าเป็น ‘มรดกโลกที่มีชีวิต’ เพราะเป็นหมู่บ้านที่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่จริง และดำเนินวิถีชีวิตตามประเพณีดั้งเดิม ควบคู่ไปกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากโลกภายนอก นอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ออนเซ็น โฮมสเตย์ และการเดินท่องเที่ยวเส้นทางธรรมชาติโดยรอบแล้ว ชุมชนแห่งนี้ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าชมภายในตัวบ้านที่มีคนพาชมคือเจ้าของบ้านนั้นเองเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์และเห็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างแท้จริงอีกด้วย
– อาเจ๋อเคอ ชุมชนนาขั้นบันได ที่มีโมเดลการรักษาวัฒนธรรมอันโดดเด่น
อาเจ๋อเคอเป็นหมู่บ้านของชาวฮาหนี (Hani) ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาขั้นบันไดหงเหอฮาหนี ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 2013 และยังมีบ้านเรือนแบบ ‘กระท่อมเห็ด’ อันเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิม
จุดเปลี่ยนสำคัญคือการ ‘แผนอาเจ๋อเคอ’ ซึ่งริเริ่มโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น โดยมีเป้าหมายหลักคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านผ่านการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยแทนที่จะให้บริษัทท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์เข้ามาดำเนินการและนำผลกำไรส่วนใหญ่ไป ทีมวิจัยได้เสนอรูปแบบ วิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชน ที่ชาวบ้านถือหุ้น 70% และรัฐบาลท้องถิ่น 30% เพื่อดูแลค่าใช้จ่ายในการพัฒนา
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่: https://bit.ly/3GHT1ud

14/07/2025
14/07/2025

อยู่เมืองนนท์ ไม่ต้องคิดถึงเมืองชลอีกต่อไป เพราะตอนนี้ Music Boost Camp มาถึงเมืองนนท์แล้ว!
🎵พบกับ กิจกรรม Music Boost Camp ครั้งที่ 6 ภายใต้โครงการ Talent Everywhere การอบรมทักษะสร้างสรรค์ตามนโยบายหนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS) จัดเต็มทุกความรู้สู่เส้นทางสายดนตรี ชวนเหล่าว่าที่ศิลปินรุ่นใหม่มา Workshop เรียนรู้ทักษะด้านดนตรี โดยศิลปินอาชีพรุ่นพี่และผู้เชี่ยวชาญในวงการดนตรี ตลอด 5 วัน 4 คืน เฟ้นหาศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรงที่จะเป็นดาวดวงใหม่ของประเทศไทย ✨
📅พบกันที่ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 16 - 20 ก.ค. 68
🥳แล้วมาเจอกัน ชาวนนทบุเรี่ยนทั้งหลายย!

13/07/2025

เพราะนอกจากจะเป็น ‘วงสีม่วง’ ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครแล้ว เรายังต้องมีพอร์ตด้านดนตรีที่โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยเพื่อให้เราเป็นที่หนึ่งในวงการดนตรีของยุคอนาคต!
ขอเสนอเทคนิคลับ 5B ในการปั้นพอร์ตดนตรีให้โดดเด่นกว่าใคร ๆ
1. Brand - ใส่ ‘ตัวตน’ ของเรา
เริ่มต้นพอร์ตจากการใส่ชื่อ ‘วง’ หรือชื่อ ‘ศิลปิน’ ที่แสดงถึงตัวตน ความเป็นตัวเรา สามารถสื่อสารเรื่องราวหรือแนวคิดของเราได้อย่างชัดเจน พร้อมด้วยภาพประกอบของวงที่แสดงความเป็นอัตลักษณ์ด้วย Mood&Tone อันเป็นแบบเฉพาะของวง และโลโกที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น ที่จะช่วยให้ผู้คนจดจำเราได้มากยิ่งขึ้น ตัวตนของเราเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเริ่มต้นเพราะเปรียบเสมือนกับปกหนังสือที่ทำให้คนอยากเปิดอ่านต่อไป
2. Background & Belief - ใส่ ‘เรื่องราว’ และ ‘ความเชื่อ’ ของเรา
หลังจากผ่านปกมาแล้วสิ่งที่ผู้ชมจะสนใจคือ ‘เรื่องราว’ ที่อยู่ข้างใน ดังนั้นเรื่องราวจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เปรียบเสมือนเป็นหัวใจที่ทำให้วงของเรามีชีวิต ผู้คนส่วนใหญ่มักผูกพันกับเรื่องราวของวงที่พวกเขาชื่นชอบ ดังนั้นการมี story telling ที่ดีจะช่วยทำให้วงของเราสร้างความผูกพันกับผู้คนได้มากขึ้น แถมยังทำให้วงของพวกเรามีความน่าสนใจ และมีจุดขายเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย
นอกจากนี้อย่าลืม ใส่ ‘ความเชื่อ’ ของวงลงไปในการบอกเล่าเรื่องราว เพราะความเชื่อก็เหมือน ‘พลังงาน’ ที่ขับเคลื่อนวง ทั้งความเชื่อ อุดมการณ์ หรือเจตนารมณ์ จะทำให้ผู้คนคล้อยตามไปกับเรา ทำให้พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงกับวงมากขึ้น และเปิดโอกาสให้เสียงและบทเพลงของพวกเราเข้าถึงหัวใจผู้ฟังได้มากขึ้นอีกด้วย
3. Bandmate - ใส่ ‘สมาชิก’ ของเรา
ที่สำคัญอย่าลืม การแนะนำ ‘สมาชิก’ ของวง เพราะทุกคนล้วนมีบทบาทและความสำคัญทั้งสิ้นไม่ว่าจะมีหน้าที่หรือตำแหน่งอะไรในวง ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน เพราะฉะนั้นอย่าลืมการแนะนำตัวและการใส่ตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละคน ซึ่งถ้าหากเราใช้ภาพและสื่อที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และสามารถแสดงอัตลักษณ์ของวงได้อย่างชัดเจน ก็จะสามารถช่วยให้ผู้คนจดจำเราได้มากขึ้นเช่นกัน
4. Best Performance - ใส่ ‘ผลงาน’ ของเรา
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ทำให้ทุกคนรู้จักวงของเราได้ดีมากยิ่งขึ้น คือการใส่ ‘ผลงาน’ หรือ ‘โชว์อันโดดเด่น’ ของวง ยิ่งการเลือกเอาเพลงหรือโชว์ที่โดดเด่นมาก ๆ จนไม่ว่าใครก็รู้จักมาใส่ จะช่วยให้คนจดจำวงของเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อย่าลืมการใส่โปรไฟล์การได้รับ ‘รางวัล’ จากการเข้าร่วมการแข่งขัน กิจกรรม หรือ Showcase ด้านดนตรีของวง เพิ่มเข้ามาด้วย เพราะการใส่ ‘ผลงาน’ คือการแสดง ‘ไม้ตาย’ ของเรา ทำให้ผู้คนตกหลุมรักวงได้ในพริบตา แต่อย่าใส่มากจนเกินพอดีเพราะจะทำให้ผู้ชมหมดความสนใจได้เช่นกัน
5. Bridge - ใส่ ‘ช่องทาง’ ของเรา
ส่วนสุดท้ายที่หากพลาดไปก็ถือว่า ตกม้าตาย เชียวล่ะ เพราะต่อให้วงของเราจะโดดเด่น เล่นดี มีคาแรคเตอร์ขนาดไหน แต่ถ้าขาดช่องทางติดตามวงไป ผู้ชมก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปติดตามต่ออย่างไร ดังนั้นการสร้างโซเชียลมีเดียสำหรับวงจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งในยุคออนไลน์อย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Facebook, Tiktok หรือ IG เพื่ออัพเดตข่าวสาร ปล่อย Teaser เพลง และเป็นช่องทางติดต่องานสำหรับวง ไปจนถึงช่องทางอย่าง Youtube, Spotify หรือ Apple Music ที่เอาไว้ปล่อยเพลงโดยเฉพาะ ก็อย่าลืมใส่เข้ามาด้วย!

10/07/2025
10/07/2025

ดนตรีไทย Soft power ที่มีศักยภาพ รากเหง้าทางวัฒนธรรมที่ท้าทายศักยภาพในการสร้างสรรค์ ต่อยอด และผลักดันไปสู่ดนตรีที่ไร้กาลเวลา
ถ้าพูดถึง Soft power แน่นอนว่า ดนตรีไทย เป็นตัวอย่างที่ถูกหยิบยกและนำไปต่อยอดจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จากความสามารถของศิลปินไทยหลากหลายแขนง เช่น วง Paradise Bangkok Molam International Band ที่นำดนตรีหมอลำไปร่วมแสดงในเทศกาลคอนเสิร์ต Glastonbury ในอังกฤษ การแสดงเพลงลำตัดพื้นบ้านของครูเล็ก ภัทราวดี มีชูธน จากซีรีส์ White Lotus ที่ทำให้หลายคนพูดถึง
หรือแม้แต่กระแส T-Pop ของศิลปินไทยรุ่นใหม่ เช่น วง BUS ที่เอาดนตรีไทยสมัยใหม่ มาผสมผสานร่วมกับท่าเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ แสดงให้เห็นว่าศิลปินไทยรุ่นใหม่มีศักยภาพที่สามารถนำดนตรีไทยออกสู่สายตาชาวโลกได้ แต่นั่นเป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมดนตรีไทยที่ยังมีช่องทางให้ต่อยอดผลิดอกออกผลร่วมสมัยไปกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป แต่กลับไม่ค่อยได้รับโอกาสสนับสนุนเท่าที่ควร
โดยคนรุ่นใหม่ก็อาจมองว่าเป็นของโบราณ ล้าสมัย เข้าใจยาก ส่วนคนรุ่นเก่าก็อาจมีความคุ้นชินกับดนตรีไทยตามขนบที่เป็นรากเหง้าทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ และต้องการอนุรักษ์รูปแบบดั้งเดิมเอาไว้ด้วยความภาคภูมิใจ ดังนั้น การผสาน เชื่อมต่อมุมมองความคิดทางดนตรีที่แตกต่างกัน จึงเป็นโจทย์สำคัญ และท้าทายศิลปินผู้สร้างสรรค์งานเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งคนรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งได้มองเห็นเป็นโอกาสในการสร้างสรรค์ต่อยอดดนตรีไทยให้มีความร่วมสมัย โดยนำต้นทุนทางดนตรีในท้องถิ่นมาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการเชื่อมต่อประสบการณ์ทางดนตรีของคนต่างวัย ต่างรสนิยม ต่างถิ่น ต่างวัฒนธรรม โดยใช้ความถนัดทางดนตรีของตนเป็นจุดเชื่อมต่อและส่งออกสู่สังคมโลก
จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นจังหวัดแรกและจังหวัดเดียวของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ที่ได้รับเลือกเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรี ขององค์การยูเนสโก (UNESCO) โดยได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 มีภูมิหลังสำคัญคือ เป็นจังหวัดที่มีรากฐานวัฒนธรรมด้านดนตรีที่เข้มแข็งและกลมกลืนกับวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นมายาวนาน มีบุคลากรด้านดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับประเทศมากมายเป็นที่ประจักษ์เด่นชัด ทั้งดนตรีพื้นบ้าน ดนตรีไทย เพลงลูกทุ่ง เพลงเพื่อชีวิต และดนตรีสมัยใหม่ หรือที่เรียกว่า “เบญจภาคีดนตรีสุพรรณ”
alpha+ garage ชวนฟังมุมมองของ ดร.บุญเลิศ กร่างสะอาด ประธานกรรมการบริหารหลักสูตร
หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีศึกษา หรือ พี่เลิศ หนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่มีจุดเริ่มต้นจากคนที่ไม่ได้สนใจด้านดนตรีตั้งแต่แรก กลับกลายมาเป็นผู้สร้างสรรค์ดนตรีไทย โดยใช้ “ปี่พาทย์” เป็นจุดเชื่อมต่อ “เบญจภาคีดนตรีสุพรรณ” 5 สายธารดนตรีที่ยิ่งใหญ่ของสุพรรณบุรี ผสมผสานแนวดนตรีร่วมสมัย ร่วมสนับสนุนและผลักดันแนวคิดการใช้อุตสาหกรรมดนตรี ยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดสุพรรณบุรี ในฐานะเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรี ขององค์การยูเนสโก สู่ความเป็นเมืองแห่งความสุข (City of Happiness)
.
จุดเริ่มต้นหัดเล่นดนตรี เพราะถูกที่บ้านบังคับ
ถ้าเล่าแบบตรงๆ เลยคือ ตอนเด็กผมไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับดนตรีมากนัก โดยเฉพาะดนตรีไทยนี่ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะต้องมาหัดมาเกี่ยวข้องอะไร เรื่องก็คือคุณพ่อผมท่านชอบดนตรีไทยตั้งแต่เด็ก ต้องอนทนต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ เพื่อที่จะหัดดนตรีไทยให้เป็นให้ได้ ซึ่งในสมัยก่อนใครอยากเรียนดนตรีต้องไปขอฝากตัวเป็นศิษย์ที่สำนักดนตรี ต้องฝึกกันอย่างหนักมีการประชันแข่งขันกันอย่างเอาจริงเอาจัง คล้ายๆ กับในหนังเรื่องโหมโรงเลย และแล้ววันหนึ่งขณะที่ผมใช้ชีวิตแบบเด็กๆ ทั่วไปอยู่ดีๆ พ่อผมก็ซื้อเครื่องดนตรีไทยเข้ามาไว้ในบ้าน แล้วบอกว่า โตกันแล้ว มัวแต่วิ่งเล่นจะได้ประโยชน์อะไร มาหัดดนตรีนี่จะได้มีวิชามีอาชีพไว้เลี้ยงตัวกัน ผมจึงได้รู้จักคำว่า “ปี่พาทย์” และรู้ว่าพ่อผมเล่นดนตรีไทยเป็นก็ตอนนั้น
จากนั้นแทนที่ผมจะได้ไปเตะบอลหรือเล่นอะไรแบบที่เด็กๆทั่วไปในสมัยนั้นเขาทำกัน ก็จะต้องถูกบังคับให้ตื่นมาหัดฆ้องวงใหญ่ตั้งแต่ตี 5 ถ้าไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่มีการบ้านหรืองานอะไรต้องทำ ก็ต้องซ้อมไปเรื่อยๆ จนถึง 3-4 ทุ่ม พักก็แค่กินข้าว แล้วก็ช่วงเที่ยงช่วงโพล้เพล้เท่านั้น ผมก็สงสัยว่าจะต่อเพลง ฝึกกันไปถึงเมื่อไหร่ จบเพลงนี้ก็ต่อเพลงใหม่อีก ตอนแรกมีแต่วงปี่พาทย์ที่ใช้บรรเลงงานมงคล สักพักสร้างวงปี่พาทย์มอญอีก ก็ต้องมาหัดฆ้องมอญ หัดเครื่องดนตรีอื่นๆ รู้สึกว่าต้องหัดไปเรื่อยๆ ทั้งชีวิตไม่มีจุดจบ ไม่มีทางกลับไปใช้ชีวิตแบบเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันได้แล้ว ที่เขาได้ไปเที่ยวเล่น แต่ผมต้องมานั่งซ้อมดนตรี นี่มันยุคไหนแล้ว ทำไมเราต้องมาอยู่ตรงนี้
จนถึงช่วงที่ผมใกล้จบป.6 แล้วต้องสอบเข้าวิทยาลัยนาฏศิลป ตอนแรกกดดันมาก คุณพ่อซื้อใบสมัครมาให้แล้วบอกว่าต้องไปสอบเข้าเรียนที่นั่น ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณพ่อจะต้องอยากให้เข้าไปเรียนที่นั่น ฟังชื่อแล้วก็เหมือนโรงเรียนสอนรำผู้หญิงๆ ไม่เห็นจะมีคำไหนเกี่ยวกับดนตรีเลย ก็เลยทำเป็นจำเพลงไม่ได้ไม่อยากสอบได้ จนคุณพ่อโมโหบอกถ้าไม่อยากสอบได้ก็ไม่ต้องสอบ แล้วก็ฉีกใบสมัครทิ้ง ผมก็แอบดีใจแต่ต้องตีหน้าสลดไว้ก่อน ถ้าคุณพ่อรู้ว่าผมแกล้งจะโดนหนัก แต่ก็ดีใจได้ไม่เท่าไร วันรุ่งขึ้นก็ซื้อใบสมัครมาให้ใหม่ แล้วบอกว่าถ้าสอบเข้าไม่ได้ก็ไม่ต้องมาใช้นามสกุลนี้เลย คราวนี้ผมก็ไปไม่ถูกเลย ก็ทนฝึกไปงั้นๆ แล้วแต่โชคชะตาเลย ในที่สุดผมก็สอบเข้าได้ก็เลยได้ใช้นามสกุลนี้ต่อ แต่ผมก็คิดนะว่าพ่อผมคงพูดไปอย่างงั้นเองให้เราพยายามเอาจริงเอาจัง
เมื่อได้เข้าไปเรียนในวิทยาลัยนาฏศิลป ความรู้สึกที่มีต่อดนตรีไทยก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มรู้ว่าทำไมคุณพ่อถึงได้บังคับเคี่ยวเข็ญให้ฝึกอย่างหนัก เพราะเห็นเพื่อนๆ หลายคนยังขาดความแข็งแรงในทักษะการบรรเลงดนตรีไทย แต่เราเองกลับเห็นเป็นเรื่องปกติ เมื่อเราทำได้ครูก็ไม่ได้กดดันหรือเคี่ยวเข็ญ และอาจเป็นเพราะก่อนหน้านั้นผมเรียนดนตรีกับคุณพ่อคนเดียวพอได้เปลี่ยนมาเรียนกับคนอื่นบ้างจึงทำให้ผ่อนคลาย เรียนดนตรีอย่างสบายใจ และรู้สึกได้ถึงความเมตตาของคุณครู ที่ตั้งใจสอนกลเม็ดเด็ดพรายให้อย่างละเอียด ยิ่งเราตั้งใจเราก็เรียนรู้ยิ่งได้มากขึ้น ไวขึ้นกว่าเดิม
เมื่อขึ้น ม.2 จะต้องเลือกเครื่องมือเอก มีครูมาถามในห้องว่ามีใครอยากเรียนเอกปี่ไหม ผมก็รู้ว่าคุณพ่อเล่นเครื่องดนตรีไทยได้แทบทุกชนิด ยกเว้นปี่ จึงเกิดความคิดอยากย้ายไปเรียนปี่เพื่อจะได้ไม่ต้องหัดดนตรีกับคุณพ่อ และพ่อก็ให้เรียนเพราะคนปี่หายาก เวลาที่บ้านมีงานก็จะไม่ค่อยมีใครอยากมาเป่าให้ จะมาทีก็โก่งค่าตัว ก็เลยเข้าทางกันทั้งผมและคุณพ่อแต่คนละเหตุผล พอได้หัดดนตรีแบบอยากเป็นด้วยตัวเอง เห็นเป้าหมายในการฝึกเป็นลำดับขั้น แม้เบื้องหลังจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม พอเราทำสำเร็จมันทำให้เราฮึกเหิมอยากฝึกอีก อยากก้าวหน้าไปขั้นที่สูงขึ้นๆ ทำให้รู้สึกว่าจริง ๆ แล้วการหัดดนตรีไทยก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ยิ่งได้เจอครูบาอาจารย์ที่ท่านอยากถ่ายทอดวิชาให้แล้ว เราก็เหมือนเสพติดดนตรียิ่งอยากฝึกอยากเรียนรู้มากขึ้น
หนทางสร้าง “ปี่พาทย์ ฟิวชั่น ฮับ” (Piphat Fusion Hub)
จุดเชื่อมต่อและหลอมรวม “เบญจภาคีดนตรีสุพรรณ” ร่วมสมัยสู่สังคมโลก
​​ในปี พ.ศ. 2567 วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี ได้เปิดใช้หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีศึกษา (4 ปี) หลักสูตรปรับปรุง (พ.ศ. 2567) โดยกำหนดอัตลักษณ์ “อุตสาหกรรมดนตรี” เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศทางด้านวิชาชีพครูดนตรี ให้มีศักยภาพโดดเด่นต่างจากหลักสูตรของสถานศึกษาอื่นคือ สามารถประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับดนตรีได้หลากหลาย เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์เมืองดนตรีของ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. และหน่วยงานอื่นทั้งในระดับจังหวัด ระดับชาติ และระดับนานาชาติ
ซึ่งในช่วงแรกของการดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรนั้นผมยังไม่เข้าใจเลยว่า อุตสาหกรรมดนตรีคืออะไร เป็นคำใหม่สำหรับผม แต่เมื่อเป็นนโยบายของผู้บริหารที่สอดรับกับนโยบายของจังหวัดสุพรรณบุรี ในการเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรีขององค์การยูเนสโก จึงจำเป็นต้องไปหาคำตอบและนำมาบริหารจัดการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในฐานะอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรนี้ และก็เริ่มได้รู้จักคำสำคัญที่เกี่ยวข้องมากขึ้น โดยเฉพาะคำว่า “เบญจภาคีดนตรีสุพรรณ” หรือ 5 สายธารดนตรีของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นกลมกลืนกับวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นสุพรรณบุรีมายาวนาน และยังมีศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับประเทศอยู่มากมาย
ถ้าจะพูดถึงรายละเอียดสำคัญที่เด่นๆ ของเบญจภาคีดนตรีสุพรรณนั้น อันดับแรกก็ต้องรู้ว่าประกอบด้วย ดนตรีพื้นบ้าน ดนตรีไทย เพลงลูกทุ่ง เพลงเพื่อชีวิต และดนตรีสมัยใหม่ และที่ขาดไม่ได้ก็คือศิลปินชาวสุพรรณคนสำคัญของแต่ละสายธารดนตรี เริ่มจาก ดนตรีพื้นบ้าน โดยทั่วไปก็รู้กันอยู่แล้วว่าเมืองสุพรรณแต่เดิมนั้นเป็นเมืองเกษตรกรรมโดยเฉพาะในการทำนานั้นนิยมร้องเล่นเพลงพื้นบ้านกันมากมาย เพลงอีแซวนี่ถือเป็นเพลงพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี ศิลปินเพลงพื้นบ้านคนสำคัญคือ พ่อไสว วงษ์งาม ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินพื้นบ้าน (สาขาเพลงพื้นบ้านภาคกลาง) จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เมื่อพ.ศ. 2525 ซึ่งการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาตินั้นเริ่มมีครั้งแรกในปี พ.ศ. 2528
ถัดจากนั้นมาจังหวัดสุพรรณก็มีแม่เพลงพื้นบ้านที่เป็นศิลปินแห่งชาติอีก 2 ท่านคือ แม่บัวผัน จันทร์ศรี และ แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ส่วนดนตรีไทยนั้นก็มีศิลปินแห่งชาติชาวสุพรรณบุรี 2 ท่าน คือ ครูมนตรี ตราโมท เจ้าของฉายาคีตกวี 5 แผ่นดิน สร้างสรรค์เพลงไทยไว้กว่า 200 เพลง และเป็นผู้บุกเบิกเขียนตำราดนตรีไทยฉบับแรกขึ้น ครูแจ้ง คล้ายสีทอง เจ้าของฉายา ช่างขับคำหอม
ส่วนเพลงลูกทุ่งนี่จังหวัดสุพรรณบุรีได้รับการขนานนามว่า เป็นเมืองหลวงของเพลงลูกทุ่ง เป็นแหล่งผลิตนักร้องเพลงลูกทุ่งมากมาย ที่เด่นๆ ก็มี สุรพล สมบัติเจริญ ได้รับการยกย่องเป็นราชาเพลงลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ได้รับการยกย่องเป็นราชินีเพลงลูกทุ่ง ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศิลปินแห่งชาติและเจ้าของฉายา ราชาเพลงแหล่ นอกจากนี้ยังมีศิลปินเพลงลูกทุ่งที่มีชื่อเสียงอีก เช่น สายัณห์ สัญญา ก้าน แก้วสุพรรณ ศรเพชร ศรสุพรรณ เสรี รุ่งสว่าง เปาวลี พรพิมล จ่อย ไมค์ทองคำ เป็นต้น
สำหรับเพลงเพื่อชีวิตนี่ คงไม่มีใครไม่รู้จักแอ๊ด คาราบาว หรือชื่อจริงว่า ยืนยง โอภากุล ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล) สุดท้ายคือดนตรีสมัยใหม่ หรือเพลงสตริงป๊อปร็อก เป็นแนวดนตรีที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุสมัย มีศิลปินนักดนตรีสมัยใหม่ ที่เป็นลูกหลานชาวสุพรรณบุรีที่รู้จักกันในระดับประเทศหลายคน เช่น ตูน บอดี้สแลม (อาทิวราห์ คงมาลัย) กัน เดอะสตาร์ (นภัทร อินทร์ใจเอื้อ) แดน ดีทูบี (วรเวช ดานุวงศ์) ดา อินคา (ศักดา พัทธสีมา) และวง Sunset The Voice Season 4 เป็นต้น
จะผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีได้ ต้องทำมากกว่าออกแบบหลักสูตร
ผมคิดว่าการที่ผมในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสถาบันการศึกษาด้านดนตรีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น จะมีบทบาทมีส่วนร่วมในการผลักดัน “เบญจภาคีดนตรีสุพรรณ” ให้ไปสู่อุตสาหกรรมดนตรีได้อย่างเป็นรูปธรรมนั้น มันต้องมีการทำอะไรที่มากกว่าแค่การออกแบบหลักสูตร หรือการบริหารหลักสูตร ควรจะต้องมีการใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์ดนตรีที่ตนถนัดเชื่อมโยง 5 สายธารดนตรีนี้เข้าด้วยกัน
เพราะคนส่วนใหญ่อาจจะเข้าใจว่า เบญจภาคีดนตรีสุพรรณนั้นคือดนตรี 5 รูปแบบที่มีความแตกต่าง แยกกันอยู่ตามบริบทที่เป็นเอกลักษณ์ของตน ซึ่งแท้จริงแล้วแต่ละสายธารดนตรีนั้นมีจุดร่วม มีจุดเชื่อมโยงที่เป็นต้นทุนทางวัฒนธรรม ผูกพันกับวิถีชีวิตของชาวสุพรรณบุรีอยู่อย่างกลมกลืน คล้ายกับมือที่มีนิ้ว 5 นิ้ว ที่แต่ละนิ้วต้องทำงานสอดประสานซึ่งกันและกัน จึงจะมีพลังขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยการที่ผมมีความถนัดในการบรรเลงและสร้างสรรค์งานดนตรีวงปี่พาทย์ จึงเกิดความคิด และเห็นช่องทางในการสร้างสรรค์ปี่พาทย์ร่วมสมัยในสไตล์ใหม่ที่มีจุดเด่นในการผสมผสาน 5 สายธารดนตรีของจังหวัดสุพรรณบุรี ให้เป็น Hub เชื่อมต่อและขยายวงสายพานอุตสาหกรรมดนตรีให้กว้างขวางออกไปสู่สากล โดยมีหลักสูตรเป็นพิมพ์เขียวในการจัดการเรียนรู้ ดำเนินกิจกรรม และสื่อสารกับสาธารณชน
อีกประการหนึ่งผมคิดว่าในสมัยนี้ การเรียนดนตรีแบบมุ่งความเป็นเลิศในเครื่องดนตรีชนิดเดียว หรือสายธารดนตรีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นดนตรีแบบที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงยากหรือมีความนิยมลดน้อยลง ก็ยิ่งทำให้ช่องทางในการนำความรู้ความสามารถทางดนตรีไปใช้ประกอบอาชีพนั้นลดน้อยตามลงไปด้วย ดังนั้นการรู้จักประยุกต์ต่อยอด สร้างสรรค์ดนตรีเชื่อมโยงเข้ากับบริบทต่างๆ ในท้องถิ่น กระทั่งสามารถนำดนตรีไปใช้ขับเคลื่อนสังคมขนาดใหญ่ขึ้น จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างงานสร้างอาชีพได้อีกทางหนึ่ง หลักสูตรจึงมีหน้าที่ที่ต้องทำให้ผู้เรียนและผู้ปกครองเห็นและเชื่อมั่นว่า มันเป็นไปได้จริง
ดังนั้นเราในฐานะผู้รับผิดชอบหลักสูตร ก็จึงต้องลงไปคลุกคลี ลงไปสัมผัสกับสถานการณ์จริงในสังคม ไม่ใช่บอกให้เด็กไปทำแบบนั้นแบบนี้แต่เราเองกลับไม่รู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงเป็นอย่างไร เลยทำให้ได้มีโอกาสพบ ได้ร่วมงานกับศิลปินท้องถิ่นสุพรรณ ทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ รวมถึงองค์กร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรี ขององค์การยูเนสโก ซึ่งพอได้พูดคุย Concept แลกเปลี่ยนแนวคิดกันก็ได้รับการตอบรับและเปิดโอกาส เปิดพื้นที่ให้นำดนตรีร่วมสมัยสไตล์ “ปี่พาทย์ ฟิวชั่น ฮับ” (Piphat Fusion Hub) ไปทำการแสดงต่อสาธารณะชน ให้เห็นถึงปรากฏการณ์ใหม่ของรูปแบบการสร้างสรรค์ “เบญจภาคีดนตรีสุพรรณ” เพื่อร่วมผลักดันไปสู่อุตสาหกรรมดนตรีที่จะต้องมีการพัฒนาและต่อยอดไอเดียกันต่อไป

แนะนำคนที่อยากผลักดัน 5 สายธารดนตรีของจังหวัดสุพรรณบุรี
ต้องเข้าใจพื้นที่ เรื่องราว และผู้คนก่อน
ผมอยากให้เราเข้าถึงความเป็นพื้นที่นั้นให้ได้ก่อน อย่างผมเองแม้จะเติบโตมาจากที่อื่น แต่ก็มาทํางานที่สุพรรณบุรีนี่เกินกว่า 25 ปี จนรู้สึกเหมือนเป็นบ้านของเราไปแล้ว มีโอกาสได้ร่วมงานกับศิลปินแห่งชาติชาวสุพรรณ 2 ท่าน คือ คุณแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ และคุณครูแจ้ง คล้ายสีทอง อยู่หลายครั้ง ได้สัมผัสถึงความเป็นสุพรรณบุรีมากพอสมควร
แต่พอเกิดแนวคิดที่จะสร้างสรรค์ “เบญจภาคีดนตรีสุพรรณ” ก็ยังต้องลงพื้นที่ไปดูว่ามุมมองทางดนตรีและวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมปัจจุบันนั้นเป็นอย่างไร เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์โบราณคดีอย่างไร ถ้าเราเข้าใจในบริบทต่างๆ ชัดเจนก็จะสามารถนำจุดร่วม จุดเชื่อมโยงมาใช้ประโยชน์ในการสร้างสรรค์ผสมผสานให้กลมกลืนกันได้อย่างลงตัว
เราจะต้องไม่ไปคาดหวังหรือคอยบอกให้เขาเป็นหรือให้เลิกเป็น อย่างโน้น อย่างนี้ ตามอย่างที่เราต้องการ เราแค่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตเขา ทำความเข้าใจและเรียนรู้ คอยส่งเสริมและเชื่อมโยงความรู้ให้เขา ก็จะทำให้เกิดคุณค่า เกิดไอเดียดี ๆ ขึ้นมาได้
ที่มา : ดร.บุญเลิศ กร่างสะอาด ประธานกรรมการบริหารหลักสูตร หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี
ผู้ดำเนินรายการ: ษิติบดินทร์ อินทนา Head of Hackathon and Incubation, alpha+ sandbox
#เบญจภาคีดนตรีสุพรรณ

09/07/2025

📣 What’s Up พิดโลก! พร้อมไปโยกที่ Music Boost Camp กันหรือยังงง 🌈
🎵 พบกับ Music Boost Camp ครั้งที่ 5 ภายใต้โครงการ Talent Everywhere จัดเต็มทุกความรู้สู่เส้นทางสายดนตรี ที่เปิดโอกาสให้เหล่าว่าที่ศิลปินรุ่นใหม่มาเข้าร่วม Workshop เรียนรู้ทักษะด้านดนตรี จากศิลปินอาชีพรุ่นพี่ และผู้เชี่ยวชาญในวงการดนตรี ตลอดระยะเวลา 5 วัน 4 คืน เฟ้นหาศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรงที่จะเป็นดาวดวงใหม่ของประเทศไทย ✨
📅 แล้วพบกันที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 9 - 13 ก.ค. 68
🔥งานนี้อย่าให้เสียชื่อเมืองสองแคว วงไหนที่ว่าแน่เตรียมมาเจอกันได้เลย!

08/07/2025

เมื่อการท่องเที่ยวคือเศรษฐกิจก้อนใหญ่ที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศได้มหาศาล มีผู้ประกอบการและธุรกิจมากมายกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ แต่กลับกันก็มีกิจการที่ต้องล้มเลิกไปจำนวนมากเช่นกัน พาทุกคนไปรู้จักกับ Tourism Myopia ‘ภาวะสายตาสั้นของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว’ ต้นเหตุที่ทำให้หลายธุรกิจด้านการท่องเที่ยวต้องปิดตัวลงไป
Myopia คือภาวะสายตาสั้น มองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ชัดเจน แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ไกลออกไปจากตนเอง Tourism Myopia จึงเปรียบเสมือนภาวะที่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวสนใจแต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะสั้น โดยไม่ได้คาดการณ์ถึงอนาคต ซึ่งกลายเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ธุรกิจของพวกเขาต้องปิดตัวลงไป และนี่คือภาวะสายตาสั้นทั้ง 4 แบบที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องระวังเอาไว้ให้ดี
– แบบที่ 1 Tourist myopia สายตาสั้นในกลุ่มเป้าหมาย
หนึ่งในสิ่งที่ผู้ประกอบการหลายคนมักทำพลาดคือการคาดการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวที่ผิดพลาดไป โดยมักยึดติดกับกลุ่มลูกค้าเดิม ๆ และไม่เปิดรับกลุ่มลูกค้าใหม่ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อธุรกิจของตัวเอง และยังทำให้เกิดการตั้งราคาสินค้าที่สูงจนเกินไป และหลงลืมไปว่า ธุรกิจของตนเองก็มีกลุ่มลูกค้าไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้กลุ่มลูกค้าไทยเข้าไม่ถึง และลดระดับความสนใจของพวกเขาลง
– แบบที่ 2 Intermediary myopia สายตาสั้นในตัวกลาง
การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกของดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบในยุคปัจจุบัน ส่งผลให้การท่องเที่ยวของผู้คนในยุคสมัยนี้เปลี่ยนไปด้วย ทั้งการจองโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ไปจนถึงช่องทางการเดินทางผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วยตนเอง ดังนั้นหากธุรกิจไหนไม่ปรับตัวให้อยู่ในภาคออนไลน์มากขึ้นก็มีความเสี่ยงที่จะพลาดโอกาสดี ๆ ไป นอกจากนี้การรีวิวบน Tiktok, Instagram หรือ Facebook ต่างก็เข้ามาเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจออกท่องเที่ยว ดังนั้นการลงทุนในการตลาดบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็สำคัญเช่นกัน
– แบบที่ 3 Experience myopia สายตาสั้นในการสร้างประสบการณ์
อีกสิ่งหนึ่งที่มักเป็นกับดักสำหรับผู้ประกอบการคือ การยึดติดกับสินค้าและบริการแบบเดิม ๆ ของตัวเองมากเกินไป โดยที่ไม่มุ่งเน้นพัฒนาให้ดีขึ้นหรือทำให้สอดคล้องไปกับเทรนด์ของโลก ซึ่งถ้าหากสินค้าหรือบริการนั้นไม่ใช่สิ่งที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวหรือเป็นสิ่งที่มีความต้องการอยู่เสมอก็อาจทำให้ธุรกิจของเราเป็นที่ต้องการน้อยลงจนกลายเป็นขายไม่ออกและถึงทางตันของธุรกิจไปเลยก็เป็นได้
– แบบที่ 4 Sustainability myopia สายตาสั้นในเรื่องความยั่งยืน
ท้ายที่สุดคือการไม่สนใจในเรื่องของ ‘ความยั่งยืน’ การมุ่งเน้นแต่จะสร้างกำไรให้แก่ธุรกิจตนเองในบางครั้งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมากต่อสังคมและประเทศ การที่ผู้ประกอบการบางรายมุ่งเน้นแต่จะสร้างผลประโยชน์ในระยะสั้นมากกว่าสนใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ อาทิ ธรรมชาติ หรือชุมชน ในระยะยาว จะทำให้ทรัพยากรภายในประเทศถูกทำลาย จนกลายเป็นการทำให้จุดแข็งของประเทศที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาหายไปอย่างสิ้นเชิง และจะทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยถึงทางตันในที่สุด
อ่านต่อได้ที่: https://bit.ly/44vaSfHhttps://bit.ly/44vaSfH

07/07/2025
07/07/2025
07/07/2025

ที่อยู่

1426 จรัญสนิทวงศ์ 75 บางพลัด
Bangkok
10700

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 19:00
อังคาร 09:00 - 19:00
พุธ 09:00 - 19:00
พฤหัสบดี 09:00 - 19:00
ศุกร์ 09:00 - 19:00

เบอร์โทรศัพท์

+66846952805

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The Agendaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง The Agenda:

แชร์

ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ


Bangkok บริษัท สื่ออื่นๆ

แสดงผลทั้งหมด