เกษตรโฟกัส

เกษตรโฟกัส เพจเกษตรโฟกัส จัดทำขึ้นเพื่อ เผยแพร่ข่าวสารด้านการเกษตร จาก www.kasetfocusnews.com และข่าวเกษตรทั่วไป

ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของการเกษตรยุคใหม่,นิตยสารเกษตรโฟกัส เป็นนิตยสารที่จัดทำขึ้นเพื่อความอยู่ดี กินดี ตามวิถีเกษตรพอเพียง,ข่าวเกษตร,เกษตร,เกษตรกร,ชาวนา,เทคโนโลยี่การเกษตร,เกษตรโฟกัสนิวส์,kasetfocusnews
โทร/IDLine :0946518886

12/09/2025
จากความแห้งแล้งสู่ความหวังใหม่ “มิตรผล โอเอซิส”พลิกวิกฤตน้ำด้วย “โอเอซิสเพื่อการเกษตร” สร้างความยั่งยืนของเกษตรกรไทยหากเ...
08/09/2025

จากความแห้งแล้งสู่ความหวังใหม่ “มิตรผล โอเอซิส”
พลิกวิกฤตน้ำด้วย “โอเอซิสเพื่อการเกษตร” สร้างความยั่งยืนของเกษตรกรไทย

หากเอ่ยถึง “โอเอซิส” คนส่วนใหญ่คงมีภาพจำของแหล่งน้ำที่มอบชีวิตและความหวังท่ามกลางความร้อนระอุในทะเลทราย แม้ดูเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่ในห้วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพอากาศ หลายคนอาจจะกำลังมองหา "โอเอซิส" ที่เป็นเหมือนความหวังใหม่ในชีวิตก็เป็นได้ เพราะเมื่อหันมาดูสภาพอากาศบ้านเราที่ช่วงนี้เป็นฤดูฝนที่ควรจะชุ่มฉ่ำ แต่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยกลับต้องเผชิญกับภาวะฝนทิ้งช่วง บางพื้นที่เผชิญกับน้ำหลาก สถานการณ์นี้เป็นผลพวงจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี และผู้ที่ได้รับผลกระทบมากก็หนีไม่พ้น “ภาคเกษตร” ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ค้ำจุนความมั่นคงทางอาหารของโลก
ในวิกฤตภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า การบริหารจัดการน้ำจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืน กลุ่มมิตรผล ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล จึงได้ริเริ่มโครงการ “Mitr Phol Oasis” หรือ “โอเอซิสเพื่อการเกษตร” ที่เป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่สำหรับบรรเทาปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยจากน้ำท่วมให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยในพื้นที่อย่างยั่งยืน
นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า "กลุ่มมิตรผลในฐานะองค์กรที่ช่วยขับเคลื่อนภาคเกษตรไทย เราไม่ได้มองบทบาทของตัวเองแค่การทำธุรกิจ แต่ในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของประเทศที่เชื่อว่าน้ำคือรากฐานความมั่นคงของชีวิตผู้คน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ความเชื่อนี้ผลักดันให้เราพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืน และแบ่งปันประโยชน์นั้นคืนสู่ชุมชนและสังคมไทย โดยทุกวันนี้ปัญหาโลกร้อนที่ทำให้สภาพอากาศแปรปรวน นับเป็นความท้าทายใหญ่ของภาคเกษตร และหนึ่งในแนวทางที่สามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การจัดหาแหล่งน้ำสำรอง (Resource) เราจึงริเริ่มโครงการ 'Mitr Phol Oasis' ขึ้นมา เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากวิกฤตภัยแล้งและน้ำท่วม โครงการฯ นี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งน้ำไว้ใช้ทำการเกษตรและดำรงชีวิต แต่ยังเป็นเหมือนโอเอซิสที่สร้างความหวังให้กับเกษตรกรในพื้นที่ นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความรู้วิธีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบแนวทาง 'มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม' เพื่อให้เกิดการวางแผนในการใช้น้ำ แบ่งปันกันอย่างเท่าเทียม และใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและยั่งยืน”
โครงการ “Mitr Phol Oasis” ได้พัฒนาขึ้นในพื้นที่ลุ่มต่ำที่เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง และสร้างเป็นอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีความจุมากกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะเปิดประตูรับน้ำจากธรรมชาติในช่วงฤดูน้ำหลากเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม มากักเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้งเพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ และวางระบบกระจายน้ำไปยังไร่อ้อยของเกษตรกรอย่างทั่วถึง ปัจจุบันมีโครงการฯ ทั้งหมด 4 แห่งในจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ สุพรรณบุรี และกาฬสินธุ์ ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์กว่า 22,000 ไร่ โครงการฯ นี้ไม่เพียงช่วยให้เกษตรกรสามารถบรรเทาปัญหาช่วงน้ำหลากและรับมือกับภัยแล้งได้ดีขึ้นแล้ว แต่ยังช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ และลดต้นทุนค่าน้ำได้มากถึง 3,500 บาทต่อไร่ต่อปี นอกจากนี้ยังสร้างรายได้จากการจ้างงานในชุมชนอีกด้วย
ชีวิตที่เปลี่ยนไปเมื่อ "โอเอซิส" มาถึง
เมื่อเดินทางลงพื้นที่สำรวจโครงการโอเอซิส ณ บ้านถนนกลาง ตำบลสระพัง อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ สิ่งที่ได้เห็นคือไร่อ้อยที่เขียวขจี ตัดกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุและแห้งแล้ง แม่เอี้ยง-บุษกร ขันแข็ง เกษตรกรในพื้นที่ เล่าถึงชีวิตก่อนที่จะมีโครงการฯ นี้ให้ฟังว่า "แถวนี้ห่างไกลจากแหล่งน้ำและพอฝนตกน้ำก็ท่วมสูงทุกปี เลยลองปลูกอ้อยเพราะทนต่อสภาพภูมิอากาศได้ดีกว่า เวลาโดนน้ำท่วมอย่างน้อยก็ยังได้ผลผลิตบ้าง ตอนทำไร่อ้อยแรกๆ แม่ต้องอาศัยฟ้าฝนอย่างเดียว ต้องขุดสระเล็กๆ ในไร่ไว้กักน้ำตอนน้ำหลากมาใช้ หรือไม่ก็ต้องซื้อน้ำจากที่อื่นมาใส่สระ รอบละ 3,600-4,000 บาท เวลาใช้น้ำก็ต้องคอยดูว่าน้ำในสระลดลงไปกี่เซนฯ แล้ว กังวลตลอดว่าน้ำจะพอไหม"
แม่ภาพ-สุภาพ จันทร์ที เกษตรกรชาวไร่อ้อย กล่าวเสริมว่า "สมัยก่อนเวลาจะใช้น้ำมารดอ้อย แม่ต้องจ้างคนมาช่วยแบกท่อแป๊บทั้งยาวทั้งหนัก ขนรอบนึงเป็นสิบๆ ท่อน มาเสียบต่อกันรวมแล้วร้อยกว่าท่อน ระยะทางเป็นกิโลฯ เพื่อไปเอาน้ำจากแหล่งธรรมชาติมาใช้ พอได้น้ำแล้วก็ต้องมาเก็บท่อ ช่วยกันแบกกลับ ลำบากมากจริงๆ"
แต่เมื่อกลุ่มมิตรผลเข้ามาพัฒนาและสร้างโครงการ “Mitr Phol Oasis” ชีวิตของเหล่าเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะช่วยบรรเทาน้ำหลากในฤดูฝนชุกและหล่อเลี้ยงพืชผลในหน้าแล้งด้วยน้ำที่เพียงพอแล้ว ยังส่งต่อองค์ความรู้จากแนวทาง “มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม” สู่เกษตรกรอีกด้วย โดย แม่ภาพ เล่าให้ฟังต่อว่า "ตอนที่ตัดสินใจมาปลูกอ้อย แม่ไม่มีความรู้เลยเพราะไม่เคยปลูกมาก่อน ทางมิตรผลก็เข้ามาแนะนำพันธุ์อ้อย วิธีการปลูกอ้อย การบำรุง และสอนการให้น้ำด้วยระบบน้ำหยด แม่ก็ตั้งใจเรียนรู้และเอาไปใช้ในไร่ วางท่อปล่อยน้ำให้หยดตามโคนต้นช่วยประหยัดน้ำมากกว่าวิธีอื่น เวลาให้ปุ๋ยก็สามารถใส่ไปพร้อมน้ำหยดได้เลย ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน ที่สำคัญคือผลผลิตดีขึ้นมากเพราะอ้อยได้รับน้ำสม่ำเสมอ และเก็บรักษาความชื้นในดินได้ดีขึ้น"
แม่เอี้ยง เล่าพร้อมรอยยิ้มว่า "เมื่อมีน้ำ เราก็มีชีวิต พอมีแหล่งน้ำตรงนี้ ชีวิตเปลี่ยนเลยค่ะ ไม่ต้องรอฟ้าฝนแล้ว ทุกวันนี้สามารถควบคุมและวางแผนได้ว่าต้องการใช้น้ำวันไหน ก็จองคิวกันในกลุ่มไลน์ที่มีสมาชิก 111 ราย ทุกคนในกลุ่มได้ประโยชน์จากโครงการฯ นี้กันหมด วันไหนถึงคิวที่จองไว้แค่เปิดวาล์วรับน้ำลงสระในไร่ ก็ได้น้ำมาใช้ไม่มีขาด ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องลำบากอีกต่อไปแล้ว พออ้อยมีน้ำเพียงพอและสม่ำเสมอ ไม่ต้องรอลุ้นฟ้าฝน จากที่ทั้งปีปลูกได้อ้อยแค่ 7-8 ตันต่อไร่ ตอนนี้ได้ปีละ 20 กว่าตันต่อไร่ เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า ทุกวันนี้นอกจากแม่จะใช้น้ำจากโครงการฯ มาปลูกอ้อยแล้ว ยังเอามาดูแลพืชผักสวนครัวอื่นๆ ที่ปลูกแบบเกษตรผสมผสานในบริเวณรอบสระพักน้ำด้วย เหมือนเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตประจำบ้าน"
"มีทั้งแตงกวา พริก ถั่วฝักยาว กล้วย มะละกอ มะเขือ พวกนี้เป็นอาหารพื้นฐานของเราอยู่แล้ว กินได้ทั้งปี เหลือก็ขายได้อีก มีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นอีกด้วย" แม่ภาพ กล่าวปิดท้าย
การบริหารจัดการน้ำในชุมชนที่เข้มแข็ง แบ่งปันน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและเท่าเทียม
การมีแหล่งน้ำสำรองอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ หากปราศจากระบบการบริหารจัดการที่ดี เพราะนอกจากการติดตั้งปั๊มน้ำแรงดันสูงที่ช่วยส่งน้ำไปยังพื้นที่ที่ทั้งอยู่ใกล้และอยู่ห่างจากโครงการฯ เพื่อให้ได้น้ำอย่างทั่วถึงและในปริมาณเท่าเทียมกันมากขึ้นแล้ว สมาชิกในชุมชนยังรวมกลุ่มกันจัดตั้งทีมดูแลน้ำอย่างเป็นระบบ โดยมี พ่อเทิด-เทิดศักดิ์ ผามณี หรือ "นายสถานี" ของโครงการโอเอซิส บ้านถนนกลาง เล่าถึงวิธีการกระจายน้ำของโครงการฯ ในพื้นที่นี้ ที่ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์ถึง 4,000 ไร่ ให้ฟังว่า "กลุ่มมิตรผลเข้ามาช่วยวางระบบน้ำให้ทั้งหมด ทั้งวิธีการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และวางแผนการใช้น้ำให้เกษตรกร ที่สำคัญคือมีการจัดรอบเวรและแบ่งโซนพื้นที่การส่งน้ำ โดยในแต่ละวันผมจะมีหน้าที่ตรวจสอบรายชื่อผู้จองน้ำที่เข้ามาแจ้งในกลุ่มไลน์สมาชิก ตรวจเช็กแรงดันน้ำเพื่อให้มั่นใจว่าพื้นที่ในโซนที่กำหนดตามรอบเวรจะได้รับน้ำในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน และดูแลการเปิด-ปิดวาล์วน้ำของโครงการฯ ซึ่งการเปิดท่อส่งน้ำแต่ละครั้งจะเปิดครั้งละ 10 วาล์ว เพื่อส่งน้ำไปยังไร่เกษตรกรโดยตรงหรือพักไว้ในสระพักน้ำของแต่ละไร่ ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผมมั่นใจได้ว่าน้ำจะถูกใช้อย่างคุ้มค่าและทั่วถึงทุกครัวเรือน”
จะเห็นได้ว่า “น้ำ” เป็นหัวใจสำคัญในภาคเกษตรอย่างแท้จริง โครงการ Mitr Phol Oasis จึงเป็นมากกว่าแค่แหล่งกักเก็บน้ำ แต่เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนที่สร้างความมั่นคงในอาชีพและวิถีชีวิตของเกษตรกรในหลายด้าน ทำให้มีความหวังที่จะยืนหยัดต่อสู้กับความไม่แน่นอนของสภาพภูมิอากาศได้ และเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
#เกษตรโฟกัส

สุดยอด ความยิ่งใหญ่ ในงานพืชสวนโลก อุดรธานี
28/08/2025

สุดยอด ความยิ่งใหญ่ ในงานพืชสวนโลก อุดรธานี

อลังการ งานพืชสวนโลก อุดรธานี
28/08/2025

อลังการ งานพืชสวนโลก อุดรธานี

โก โฮลเซลล์ สนับสนุน นมคุณภาพสูงล้านนา “เชียงใหม่เฟรชมิลค์” ส่งเสริมเกษตรกรภาคเหนือเลี้ยงวัวอารมณ์ดี ที่เน้นคุณภาพปลอดภั...
27/08/2025

โก โฮลเซลล์ สนับสนุน นมคุณภาพสูงล้านนา “เชียงใหม่เฟรชมิลค์” ส่งเสริมเกษตรกรภาคเหนือเลี้ยงวัวอารมณ์ดี ที่เน้นคุณภาพปลอดภัยตลอดห่วงโซ่

รู้หรือไม่? ภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มีการส่งเสริมการเลี้ยงวัวอารมณ์ดีกันมากที่สุดแห่งหนึ่ง ส่งผลให้น้ำนมวัวที่ได้มีคุณภาพแตกต่าง!

เช่นเดียวกับ “เชียงใหม่เฟรชมิลค์” ผลิตภัณฑ์นมวัวที่มีจำหน่ายอยู่ใน โก โฮลเซลล์ (GO WHOLESALE) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ที่มีความสดใหม่ตลอดเวลาเพื่อผู้ประกอบการ ซึ่งแบรนด์นี้มีความเป็นมาและการใส่ใจคุณภาพที่น่าสนใจ

โดยงานนี้มี “คุณกฤษฏิ์ ทิพย์เนตร” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลค์ฟาร์ม จำกัด พาไปเยือนถึง ฟาร์มต้นแบบของการเลี้ยงวัวนมคุณภาพ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ที่มีการจัดการฟาร์มแบบ Green Farm ด้วย

“น้ำนมที่ดี ต้องเริ่มจากวัวอารมณ์ดี มีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมกับการเลี้ยงวัว เรามีการดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องอาหารที่มีการใช้หญ้า เนเปียร์สดผสมในเครื่อง TMR ให้วัวแข็งแรง ให้น้ำนมได้ดี และใส่ใจเรื่องความสะอาด เรามีการทำความสะอาดคอกทุกวันและตรวจเช็คสุขภาพวัวเป็นประจำ ส่วนน้ำนมที่รีดมาได้จะไม่ได้สัมผัสกับอากาศภายนอกเลย เพราะเรามีระบบรีดนมแบบอัตโนมัติสามารถรีดน้ำนมและควบคุมอุณหภูมิไปจนถึงโรงงานภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียแน่นอน”

นอกจากนมที่ฟาร์มที่จัดส่งเข้าโรงงานที่บริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัดแล้ว ยังมีน้ำนมดิบกว่าวันละ 100 ตัน จากฟาร์มสมาชิก 159 ฟาร์ม ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิกเกษตรกรกว่า 1,000 ครัวเรือน ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานฟาร์มโคนมทั้งหมด

คุณธมล ทิพย์เนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่เฟชรมิลค์ จำกัด ยังได้พาเยี่ยมชมโรงงานผลิต มีการตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตลอดทั้งกระบวนการกว่าจะถึงมือผู้บริโภค และที่โรงงานมีเครื่องจักรทันสมัย และมีความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

“นมจากเชียงใหม่เฟรชมิลค์ของเรา จึงมีกลิ่นนมเฉพาะที่มาจากธรรมชาติ หอม สด อร่อย”

ไม่เพียงเท่านั้น เชียงใหม่เฟรชมิลค์ ยังได้การรับรองให้เป็น ‘นมคุณภาพสูงล้านนา’ (Lanna High Quality Milk) ซึ่งเป็นโครงการดีๆ ที่ช่วยยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำนมดิบและผลิตภัณฑ์จากน้ำนมดิบ ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ที่ได้รับการรับรองจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และปศุสัตว์เขต 5

“เราดีใจที่น้ำนมของเรามีคุณค่าเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์ของเรา ตอบโจทย์ผู้ประกอบการร้านคาเฟ่ ร้านเบเกอรี่ หรือธุรกิจได้จริง ที่น่าภูมิใจยิ่งกว่านั้นคือ การได้ทำงานเพื่อช่วยพัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในเขตภาคเหนือให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังร่วมพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกับเกษตรกรเพื่อส่งเสริมและพัฒนาการเลี้ยงโคนมอย่างยั่งยืน”

ถ้าอยากรู้ว่า รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของวัวอารมณ์ดีในภาคเหนือเป็นอย่างไร ทำไมถึงได้เป็นซิกเนเจอร์ของเชียงใหม่ ไปตามหากันได้ที่ โก โฮลเซลล์ทุกสาขา ่ตลอดเวลาเพื่อคุณ ุ้ม

“ซินเจนทา ประเทศไทย” ผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเกษตรรับรางวัล "องค์กรดีเด่น" ด้าน “พัฒนาภาคการเกษตร ส่งเสริมกิจกรรมด้านสังค...
27/08/2025

“ซินเจนทา ประเทศไทย” ผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเกษตร
รับรางวัล "องค์กรดีเด่น" ด้าน “พัฒนาภาคการเกษตร ส่งเสริมกิจกรรมด้านสังคม” ประจำปี 2568


ซินเจนทา ประเทศไทย นำโดย นางสาววรรณภร วัฒนาเกษมสัตย์ (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนและบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด รับมอบรางวัล "องค์กรดีเด่น" ด้าน “พัฒนาภาคการเกษตร ส่งเสริมกิจกรรมด้านสังคม” ประจำปี 2568 จากสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ​ วันมูหะมัดนอร์​ มะทา​ (กลาง) ประธานสภาผู้แทนราษฎร​และประธานรัฐสภา ให้เกียรติในการมอบรางวัล และนายอนันต์ นิลมานนท์ (ซ้าย) นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งรางวัลนี้ ตอกย้ำถึงการพัฒนาภาคการเกษตรและส่งเสริมกิจกรรมด้านสังคมของซินเจนทา ที่ได้ยกระดับภาคเกษตรไทยอย่างยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนเกษตรกรให้ทำการเกษตรอย่างปลอดภัยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ควบคู่กับการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ อีกทั้งยังมุ่งส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมที่สร้างประโยชน์ต่อชุมชน เกษตรกร และสิ่งแวดล้อม อันนำไปสู่ความมั่นคงทางอาหาร อาชีพ และคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว” โดยพิธีมอบจัดขึ้น ณ โรงแรมคิงปาร์ค อเวนิว กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้

ซินเจนทา ผนึกดีป้า เสริมพลังนวัตกรรมเพื่อเกษตรกรไทย เดินหน้าเกษตรอัจฉริยะ ผ่านเวที Digital Agriculture Final Pitching Da...
08/08/2025

ซินเจนทา ผนึกดีป้า เสริมพลังนวัตกรรมเพื่อเกษตรกรไทย เดินหน้าเกษตรอัจฉริยะ
ผ่านเวที Digital Agriculture Final Pitching Day

ซินเจนทา ประเทศไทย ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การเกษตรระดับโลก ด้วยการร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (OTOD #2) และกิจกรรม Digital Agriculture Final Pitching Day ที่จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลในภาคการเกษตรจากกลุ่มชุมชนและธุรกิจชุมชนจาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมคัดเลือกทีมที่มีศักยภาพสูงเพื่อรับทุนสนับสนุนต่อยอดธุรกิจ มุ่งลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร สู่เกษตรอัจฉริยะ

นางสาววรรณภร วัฒนาเกษมสัตย์ ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนและบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด เปิดเผยว่า “ซินเจนทาให้ความสำคัญกับการยกระดับภาคเกษตรไทยอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการผลักดันนวัตกรรมให้ถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริง ซึ่งกิจกรรม Digital Agriculture Final Pitching Day ภายใต้โครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (One Tambon One Digital: OTOD #2) ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ ที่จะสร้างพื้นที่ให้แนวคิดสร้างสรรค์ของชุมชนท้องถิ่นและเทคโนโลยีการเกษตรได้มาบรรจบกัน เราเชื่อว่าการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะจะเกิดขึ้นได้จริง หากมีระบบนิเวศที่เกื้อหนุนระหว่างเกษตรกร ผู้พัฒนาเทคโนโลยี หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชนอย่างซินเจนทา ที่พร้อมสนับสนุนทั้งองค์ความรู้ เครื่องมือ และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างมีประสิทธิภาพ”

“ซินเจนทาให้ความสำคัญกับเกษตรกรเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมที่เราพัฒนา เราไม่เพียงเน้นการเพิ่มผลผลิต แต่ยังมุ่งลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผ่านโซลูชันที่นำไปใช้ได้จริง เช่น การวางแผนเพาะปลูกด้วยข้อมูลเชิงลึก การใช้สารอารักขาพืชอย่างเหมาะสมให้สามารถจัดการกับแมลงที่ดื้อยา และการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ภาคสนาม เพื่อถ่ายทอดความรู้จากผู้เชี่ยวชาญสู่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังสร้างความร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อยกระดับเกษตรกรให้เป็นผู้ผลิตอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของระบบอาหารโลกในอนาคต เพราะเราเชื่อว่า ความมั่นคงของเกษตรกรในวันนี้ คือรากฐานของความมั่นคงทางอาหารของโลกในวันข้างหน้า” นางสาววรรณภร กล่าว

ที่ผ่านมา ซินเจนทามุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรไทยปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทำเกษตรอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันภาคการเกษตรของไทยกำลังเข้าสู่รูปแบบ Agriculture 5.0 หรือเกษตรอัจฉริยะที่ผสมผสานระบบอัจฉริยะ AI และหุ่นยนต์ ซินเจนทาจึงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อเกษตรกรในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น การใช้แอปพลิเคชัน Cropwise Grower ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนเพาะปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นหัวใจของการขับเคลื่อน “เกษตรแม่นยำ” และการลดต้นทุนในระยะยาว โดยแอปพลิเคชันนี้รวมฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์เกษตรกรไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสภาพอากาศ คำแนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดพ่น การแจ้งเตือนปัญหาวัชพืช โรค และแมลงศัตรูพืช เพื่อช่วยให้เกษตรกรวางแผนและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ซินเจนทายังเดินหน้าโครงการสำคัญ นั่นก็คือ โครงการ “เพาะดี กินดี” ซึ่งช่วยยกระดับมุมมองของเกษตรกรจาก “ผู้ผลิต” สู่ “ผู้ประกอบการเกษตร” ที่สามารถวางแผนการผลิตและการตลาดได้อย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มผลผลิตและยกระดับคุณภาพชีวิตและอาชีพได้อย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า “โครงการ OTOD #2 มุ่งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะดิจิทัลเพื่อการเกษตร เปิดโอกาสให้ชุมชนและเกษตรกรได้ ‘คิดเอง ทำเป็น ทำได้’ พร้อมยกระดับกระบวนการผลิตตั้งแต่การเพาะปลูก การดูแลรักษา และการจัดการผลผลิต อีกทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่เกษตรอัจฉริยะในอนาคต ให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ด้วยการประยุกต์ใช้ 3 เทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ โดรนเพื่อการเกษตร แทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ และ IoT ภาคการเกษตรอัจฉริยะ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน dSURE และขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัล ซึ่งโครงการ OTOD #2 เริ่มต้นตั้งแต่การจัดทำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ใน 3 เทคโนโลยี จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการยกระดับทักษะเข้มข้น (Accelerate) ซึ่ง ดีป้า ได้ลงพื้นที่ 11 จังหวัดทั่วประเทศ และจัดกิจกรรมอบรมข้อมูลเทคโนโลยี จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และเขียนข้อเสนอโครงการ ต่อด้วยการนำเสนอ (Pitching) ข้อเสนอโครงการที่ผ่านการคัดเลือก (Pre-screen) ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน 5 จังหวัด 5 ภูมิภาค ก่อนเข้าสู่เวทีตัดสินระดับประเทศ”

สำหรับกิจกรรม Digital Agriculture Final Pitching Day มีการนำเสนอแนวคิดและโครงการจากกลุ่มชุมชนทั่วประเทศกว่า 500 ทีม โดยมีการคัดเลือกผู้ชนะเพื่อรับทุนสนับสนุนและการส่งเสริมต่อยอดทางธุรกิจ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย 1. ประเภทกลุ่มชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยี จำนวน 350 ราย รับทุนการส่งเสริมสนับสนุนสูดสุด 150,000 บาทต่อโครงการ และ 2. ประเภทพัฒนาธุรกิจชุมชน จำนวน 50 ราย รับทุนการส่งเสริมสนับสนุนสูงสุด 200,000 บาทต่อโครงการ พร้อมกันนี้ยังมีรางวัลดีเด่นสำหรับสุดยอดโครงการทั้ง 2 ประเภท ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทกลุ่มชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคือ วิสาหกิจชุมชนหอมเชียงม่วนภาคเหนือ และทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทพัฒนาธุรกิจชุมชนคือ นายอรันดร์ จันโท ภายในงานยังมีการจัดแสดงเทคโนโลยีการเกษตรล้ำสมัย ทั้ง โดรน แทรกเตอร์อัจฉริยะ และ IoT ทางการเกษตร รวมถึงเวทีเสวนาระดมไอเดียจากผู้เชี่ยวชาญในภาครัฐ เอกชน และเกษตรกรต้นแบบ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดการขับเคลื่อนภาคเกษตรสู่อนาคต

“ความท้าทายของภาคเกษตรในวันนี้ ไม่อาจแก้ไขได้ด้วยภาคส่วนใดเพียงลำพัง ซินเจนทาเชื่อว่า ‘ความร่วมมือ’ คือหัวใจของการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ความร่วมมือระหว่างภาครัฐที่วางนโยบาย ภาคเอกชนที่มีนวัตกรรม และประชาชนหรือเกษตรกรที่ลงมือทำจริงในพื้นที่ โดยซินเจนทาเองก็พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ เมื่อเราทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ จะเกิดการเปลี่ยนผ่านภาคเกษตรไทยไปสู่ความยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดเป็นผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ” นางสาววรรณภร กล่าวสรุป

พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ เปิดตัว โครงการ“Young Agri Future” จัดประกวดหนังสั้นชิงรางวัล  260,000  บาทพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ปลุกพ...
11/07/2025

พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ เปิดตัว โครงการ“Young Agri Future”
จัดประกวดหนังสั้นชิงรางวัล 260,000 บาท

พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ปลุกพลังคนรุ่นใหม่ จัดประกวดภาพยนตร์สั้น ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่แห่งศาสตร์พระราชา ภายใต้หัวข้อ “ตามรอยพระยุคลบาทด้านการเกษตร “ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 260,000 บาท เปิดสมัครตั้งแต่วันที่ 1-31 กรกฎาคม 68 นี้
พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ กล่าวว่า สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) หรือ พกฉ. ต้อนรับ 16 ปีแห่งการสถาปนา พกฉ. เตรียมพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนต่อยอดภารกิจในการเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระอัจฉริยภาพของพระมหากษัตริย์ไทย และพระบรมวงศานุวงศ์ด้านการเกษตร เปิดตัวโครงการใหม่ “Young Agri Future” เวทีสร้างสรรค์สุดยอดนักคิดรุ่นใหม่ ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่แห่งศาสตร์พระราชา นำร่อง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการประกวดภาพยนตร์สั้น ตามรอยพระยุคลบาทด้านการเกษตร ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และโครงการประกวดนวัตกรรมและเทคโนโลยีภาคการเกษตร
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการรับรู้ และการมีส่วนร่วมกับพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ไอเดียผ่านเวทีประกวด โดยในปี 2568 สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) นำร่อง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการประกวดภาพยนตร์สั้น ตามรอยพระยุคลบาทด้านการเกษตร ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และโครงการประกวดนวัตกรรมและเทคโนโลยีภาคการเกษตร

โครงการนี้จะเป็นเวทีสร้างสรรค์สุดยอดของนักคิดรุ่นใหม่ ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่แห่งศาสตร์พระราชา ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 260,000 บาท เราเชื่อมั่นในคนรุ่นใหม่ เพราะจะเป็นกำลังสำคัญในการถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของศาสตร์พระราชา ไปสู่ประชาชนคนไทยได้อย่างแน่นอน สื่อภาพยนตร์ยังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ทั้งกลุ่มเยาวชน วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ ที่ยังคงเลือกรับชมภาพยนตร์เป็นสื่อหลักในชีวิตประจำ นอกจากการรับชมภาพยนตร์หลายท่านสามารถเป็นผู้ที่ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ด้วยตนเองได้ด้วย เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีบทบาทและเราสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งสวนทางกับเรื่องราวของการนำเสนอพระเกียรติคุณและพระอัจฉริยภาพสู่สังคมที่เริ่มลดน้อยลง”

สำหรับโครงการ “Young Agri Future” เวทีสร้างสรรค์สุดยอดนักคิดรุ่นใหม่ ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่แห่งศาสตร์พระราชา โครงการประกวดภาพยนตร์สั้น ตามรอยพระยุคลบาทด้านการเกษตร ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ขอเชิญชวน น้อง ๆ นิสิต นักศึกษา ร่วมส่งผลงานประกวดภาพยนตร์สั้นความยาวไม่เกิน 5 นาที ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 260,000 บาท โดยจะเปิดให้ดาวน์โหลดใบสมัครตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ไปจนถึง 31 กรกฎาคม 2568 และเตรียมพบกับอีกหนึ่งโครงการสร้างสรรค์สุดยอดไอเดียกับโครงการประกวดนวัตกรรมและเทคโนโลยีภาคการเกษตร ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้ โดยสามารถติดตามรายละเอียดการสมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.wisdomking.or.th หรือโทรศัพท์ 02-529-2212-13, 087-359-7171

โก โฮลเซลล์ คิกออฟ “GO Food ส่งสุขให้ทุกรอยยิ้ม” กระตุ้นบริโภคผลไม้ไทย ทุก 1 กก. เท่ากับ 1 บาท ส่งมอบอาหารกลางวันเด็กนัก...
09/07/2025

โก โฮลเซลล์ คิกออฟ “GO Food ส่งสุขให้ทุกรอยยิ้ม” กระตุ้นบริโภคผลไม้ไทย ทุก 1 กก. เท่ากับ 1 บาท ส่งมอบอาหารกลางวันเด็กนักเรียน

โก โฮลเซลล์ (GO WHOLESALE) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ที่มีความสดใหม่ตลอดเวลาเพื่อผู้ประกอบการ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ขานรับนโยบาย กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กระจายผลไม้ช่วยเหลือเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภค ด้วยการคิกออฟโครงการ “GO Food ส่งสุขให้ทุกรอยยิ้ม” เชิญชวนลูกค้าทุกกลุ่มซื้อผลไม้ที่ร่วมรายการ 6 ชนิด ได้แก่ แตงโม (พันธุ์กินรี ตอปิโด ซอนญ่า) เมลอนเนื้อเขียว เมลอนเนื้อส้ม แคนตาลูปซันเลดี้ มะละกอฮอลแลนด์ สับปะรดศรีราชา และ กล้วยหอม กล้วยคาเวนดิช กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า โดย ทุก 1 กิโลกรัม หรือ 1 หน่วย (หวี/แพค) เท่ากับ 1 บาท จะนำไปส่งมอบเป็นทุนอาหารกลางวันให้แก่โรงเรียน ในพื้นที่ที่สาขาตั้งอยู่ทั่วประเทศจำนวน 14 แห่ง

งานนี้ได้รับเกียรติจาก นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดตัวโครงการ โดยมี นางสาวอรวรรณ ศิริโชติรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และรัฐสัมพันธ์ นายสถาพร คล้ายสิทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสินค้าผักและผลไม้ นางสาวทิชา มีซี ผู้จัดการทั่วไป โก โฮลเซลล์ สาขารังสิต ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ โครงการ ‘GO Food ส่งสุขให้ทุกรอยยิ้ม’ เริ่มสะสมแต้มบุญทุนอาหารกลางวันน้อง ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2568 ซึ่งลูกค้าผู้ประกอบการร้านอาหารที่ใช้ผลไม้ 6 ชนิดในการประกอบธุรกิจอยู่แล้ว หรือลูกค้าทั่วไป ที่อยากเข้าร่วมขบวนบุญ สามารถอุดหนุนผลไม้ในโครงการได้ตลอด 4 เดือน จากนั้นจะทำการส่งมอบเงินบริจาคที่ได้เข้าโครงการอาหารกลางวันให้น้องๆ โรงเรียนในพื้นที่ที่สาขาตั้งอยู่ เพื่อให้เด็กๆ ได้รับโภชนาการที่ดี อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนผลผลิตจากเกษตรกรไทย ที่กำลังออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบัน โก โฮลเซลล์ มีทั้งหมด 13 สาขา ประกอบด้วย ศรีนครินทร์ เชียงใหม่ อมตะชลบุรี พัทยา พระราม2 รังสิต รามคำแหง ราไวย์ เมืองภูเก็ต เจริญราษฎร์ อุดรธานี ขอนแก่น หาดใหญ่ รวมถึงอีก 1 สาขาที่จะเปิดใหม่ในเร็วๆ นี้ด้วย

่ตลอดเวลาเพื่อคุณ ุ้ม

ไปเที่ยวด้วยกันครับ
29/06/2025

ไปเที่ยวด้วยกันครับ

โก โฮลเซลล์ ขานรับนโยบายกรมการค้าภายใน เร่งกระจายผลไม้ภาคตะวันออก รับซื้อมังคุดกว่า 100 ตัน พร้อมรณรงค์บริโภคผลไม้ไทย ช่...
23/06/2025

โก โฮลเซลล์ ขานรับนโยบายกรมการค้าภายใน เร่งกระจายผลไม้ภาคตะวันออก รับซื้อมังคุดกว่า 100 ตัน พร้อมรณรงค์บริโภคผลไม้ไทย ช่วยเหลือเกษตรกร

โก โฮลเซลล์ (GO WHOLESALE) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ที่มีความสดใหม่ตลอดเวลาเพื่อผู้ประกอบการ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ช่วยกระจายผลไม้ภาคตะวันออกที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยเพิ่มการรับซื้อมังคุดจากเกษตรกรจังหวัดจันทบุรี รวมกว่า 100 ตัน หรือ 100,000 กิโลกรัม รวมถึง ผลไม้ฤดูกาลอื่นๆ พร้อมจัดโปรโมชั่นรณรงค์การบริโภคผลไม้ไทยในกลุ่มผู้ประกอบการ และผู้บริโภคทั่วไป ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วน

โดยได้รับเกียรติจาก นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน และคณะลงพื้นที่เยี่ยมชมการจำหน่ายผลไม้ฤดูกาล ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้า โก โฮลเซลล์ สาขาศรีนครินทร์

นางสาวอรวรรณ ศิริโชติรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กรและรัฐสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ โก โฮลเซลล์ กล่าวว่า โก โฮลเซลล์ ตระหนักถึงสถานการณ์ความเดือดร้อนของเกษตรกรภาคตะวันออก ที่ในช่วงนี้มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก จึงร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ช่วยระบายผลไม้ตามฤดูกาลอย่างเร่งด่วน ด้วยการรับซื้อผลผลิตเพิ่มเติมจากเดิม อาทิ มังคุด ที่มีการรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกรจังหวัดจันทบุรี รวมกว่า 100 ตัน นอกจากนี้ยังมี เงาะ ทุเรียน ลองกอง ซึ่งเราได้จัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ ในทุกสาขาของโก โฮลเซลล์ และช่องทางออนไลน์ GO WHOLESALE แอปพลิเคชั่น เพื่อรณรงค์ให้ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค หันมาบริโภคผลไม้ไทยกันมากขึ้น

ทั้งนี้ โก โฮลเซลล์ ให้ความสำคัญกับนโยบายการสนับสนุนสินค้าจากเกษตรกรไทย โดยในปี 2568 มีแผนการรับซื้อผลไม้ไทยจากเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 5 ล้านกิโลกรัม หรือ 5,000 ตัน จากแหล่งเพาะปลูกที่ได้คุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยอย่างสูงสุด

่ตลอดเวลาเพื่อคุณ ุ้ม

ที่อยู่

8/35 หมู่บ้านอมรพันธ์นคร 8 สวนสยาม9 (แยก 3) ถนนเสรีไทย แขวง/เขตคันนายาว
Bangkok
10230

เบอร์โทรศัพท์

+66946518886

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เกษตรโฟกัสผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง เกษตรโฟกัส:

แชร์

ประเภท