ทันเหตุทั่วไทย

ทันเหตุทั่วไทย นำเสนอข่าวของอาสาทุกพื้นที่
(417)

ทันเหตุทั่วไทย รายงานข่าวสด เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ สาธารณะภัย สภาพการจราจร สภาพภูมิอากาศต่างๆ พร้อมเตือนภัย อีกทั้งทันเหตุทั่วไทย ยังเป็นสื่อสังคมจิตอาสา..และขอร่วมเป็นสือกลางในการประสานงานเหตุในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนทุกท่าน...(คนไทยไม่ทิ้งกัน..สังคมยังมีคนดี)

ชาวนาแห่กดเงินช่วยเหลือ ไร่ละ 1,000 บาท ดีใจได้เงิน บางคนคอตกเดินกลับบ้านตัวเปล่าเมื่อวันที่ 3 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว...
03/09/2025

ชาวนาแห่กดเงินช่วยเหลือ ไร่ละ 1,000 บาท ดีใจได้เงิน บางคนคอตกเดินกลับบ้านตัวเปล่า

เมื่อวันที่ 3 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีเกษตรกรชาวนา เดินทางไปที่ตู้ ATM ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)ใกล้บ้านของตัวเอง กันเป็นจำนวนมาก เพื่อไปกดดูเงินว่าเงินช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปี-นาปรังไร่ละ 1,000 บาท ของรัฐบาลที่ประกาศว่า จะออกวันนี้ได้ตรงหรือไม่ ตรวจสอบพบว่าบางคนมีเงินเข้าบัญชีแล้วก็ดีใจ แต่บางคนเงินยังไม่เข้า ต้องผิดหวังเดินทางกลับบ้านตัวเปล่า

นายชาตรี อายุ 53 ปี ชาว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ตนเช่าที่นาคนอื่น 6 ไร่ ซึ่งจะต้องได้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมา 6,000 บาท แต่มากดดูเงินแล้วเงินยังไม่ออก ไม่รู้กลไกของรัฐบาลเป็นอย่างไร เงินที่จะได้มาจะเอาไว้เตรียมจ้างรถเกี่ยวข้าว

“ตอนนี้อยากให้รัฐบาลหาวิธีลดค่าปุ๋ยให้ เพราะปุ๋ยแพงมาก และอยากให้รัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือชาวนาแบบยั่งยืนกว่านี้ หากถามว่าปัญหาการเมืองในตอนนี้หากรัฐบาลยุบสภาจะดีหรือไม่นายชาตรี บอกว่าดีเพราะจะได้เดินต่อ” นายชาตรี กล่าว

ด้าน นางบุญเลี้ยง อายุ 70 ปี ชาว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ บอกว่า วันนี้ตนได้รับเงินแล้ว 10,000 บาท จากการทำนา 10 ไร่ แต่ก็อยากได้เหมือนเดิม แต่ก็เข้าใจและเห็นใจว่ารัฐบาลกำลังมีปัญหาให้แต่ช่วยบ้างแบบนี้ก็ดีใจแล้ว

ส่วนเรื่องการบ้านการเมือง พวกตนไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะมันซับซ้อนมาก อยากได้รัฐบาลหรือนายกที่เป็นคนดี เป็นคนตรงและดูแลประชาชนจริงๆ ไม่ชอบนักการเมืองที่มีแต่เถียงกัน ตนไม่ชอบเลย

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9921290

#ทันเหตุทั่วไทย

เลยอ่วม 3 ตำบล น้ำยังท่วมสูง 3 เมตร เดือดร้อน 792 หลังคาเรือนเมื่อวันที่ 3 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์น้ำท่วมจากอ...
03/09/2025

เลยอ่วม 3 ตำบล น้ำยังท่วมสูง 3 เมตร เดือดร้อน 792 หลังคาเรือน

เมื่อวันที่ 3 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์น้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุหนองฟ้า ทำให้ฝนตกหนักระหว่างวันที่ 30-31 ส.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดเลย ทำให้แม่น้ำเลยเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายพื้นที่ ทั้ง อ.ภูหลวง อ.วังสะพุง อ.เมืองเลย โดยมวลน้ำกำลังจะสร้างผลกระทบให้กับ อ.เชียงคาน ก่อนมวลน้ำทั้งหมดจะลงสู่แม่น้ำโขง

โดยสถานการณ์น้ำท่วม ระดับน้ำในแม่น้ำเลย ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัด เริ่มทรงและเริ่มลดลง แต่น้ำยังเอ่อท่วมขังในชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองเลยที่อยู่ใกล้ริมตลิ่ง ประกอบด้วย ชุมชนหลังที่ทำการไปรษณีย์ ชุมชนโรงฆ่าสัตว์ ชุมชนวัดทับมิ่งขวัญ ชุมชนหลังวัดศรีสุทธาวาส และชุมชนตลาดเมืองใหม่

นอกจากนี้ ในเขตอำเภอเมืองเลย น้ำยังท่วมขังในตำบลนาอาน และ 3 หมู่บ้าน ในตำบลชัยพฤกษ์ และตำบลเมือง โดยเฉพาะตำบลชัยพฤกษ์ ระดับยังน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร อย่างไรก็ตาม พื้นที่ต้นน้ำที่อำเภอภูหลวงไม่มีน้ำเข้ามาเติมใหม่ และการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงคาน

นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมเยียน และให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัยในเขตอำเภอเมืองเลย ที่หมู่ 11บ้านนาบอน ตำบลชัยพฤกษ์ อำเภอเมืองเลย ทำให้การสัญจรเข้าออกเป็นไปด้วยความลำบาก ต้องใช้เรือท้องแบน เป็นพาหนะในการเข้าถึงชุมชนที่ถูกน้ำท่วม เนื่องจากมีน้ำท่วมสูง โดยนำอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นไปมอบให้แก่ประชาชนถึงบ้านเรือน

พร้อมทั้งมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายศรีสองรักเดินทางร่วมคณะ เพื่อแจกจ่ายยารักษาโรคแก่ผู้ประสบภัย ประเมินสถานการณ์น้ำท่วมภาพรวม พื้นที่ริมน้ำเลยในเขตรอบๆ เทศบาลเมืองเลยนั้น ระดับน้ำลดลง 5-8 เซนติเมตร แนวโน้มลดลงเรื่อยๆ อย่างช้าๆ

นายชัยพจน์ กล่าวว่า ระดับน้ำแม่น้ำเลยเริ่มลดลงแล้ว แต่จังหวัดยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแบบรายชั่วโมง พร้อมทั้งบริหารจัดการด้วยการใช้เครื่องสูบน้ำระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง และในเขตอำเภอเมืองยังไม่หลายพื้นที่ ที่ถูกน้ำแม่น้ำเลย ล้นตลิ่งและเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดจะเร่งดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ทั้งด้านการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า การดูแลสุขภาพและสาธารณูปโภค ตลอดจนการฟื้นฟูหลังน้ำลด

ส่วนประชาชนได้รับผลกระทบในเขตอำเภอเมือง ประกอบด้วย ต.นาอาน ต.เมือง และ เทศบาลเมืองเลย ขณะนี้ชลประทานเลย ยังคงเร่งสูบน้ำออกจากเขตชุมชนในเขตเทศบาลเมืองเลย โดยมีชุมชนที่ได้รับผลกระทบ 12 ชุมชน รวมผู้ประสบภัย 628 หลังคาเรือน จำนวน 1,756 คน ส่วนเขตตำบลนาอาน ได้รับผลกระทบ 4 หมู่บ้าน มีหมู่ 1, 2, 4 และหมู่ 9 จำนวน 160 หลังคาเรือน

ด้านตำบลชัยพฤกษ์ ได้รับผลกระทบ จำนวน 4 หมู่บ้าน หมู่ 4 บ้านก้างปลา หมู่ 5 บ้านนาบอน หมู่ 7 บ้านนาบอน หมู่ 11 บ้านนาบอน สถานการณ์น้ำเข้าท่วมบ้านเรือน ระดับน้ำคงที่ ซึ่งมีบ้านเรือนประสบภัย ผลกระทบอยู่ระหว่างการสำรวจ ส่วนตำบลเมือง ได้รับผลกระทบ จำนวน 1 หมู่บ้าน หมู่ 1 บ้านกำเนิดเพชร 4 หลังคาเรือน

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9921370

#ทันเหตุทั่วไทย

ครู-น.ร. อ.เสนา เร่งขนโต๊ะ-เก้าอี้ หนีน้ำท่วม หลังเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มระบายน้ำเป็น 1,500 ลบ.ม./วินาทีเมื่อวันที่ 3 กันยา...
03/09/2025

ครู-น.ร. อ.เสนา เร่งขนโต๊ะ-เก้าอี้ หนีน้ำท่วม หลังเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มระบายน้ำเป็น 1,500 ลบ.ม./วินาที

เมื่อวันที่ 3 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เขื่อนเจ้าพระยาได้ประกาศปรับเพิ่มการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนเป็น 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้แม่น้ำน้อยและคลองสาขาที่รับน้ำจากเจ้าพระยามีระดับน้ำสูงขึ้นตามไปด้วย จนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมใต้ถุนบ้าน ถนนทางเข้าชุมชน โรงเรียน และบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.บางบาล และ อ.บางไทร ซึ่งอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ

ที่โรงเรียนวัดบางกระทิง ต.หัวเวียง อ.เสนา น้ำได้เอ่อเข้าท่วมโรงอาหาร โรงเก็บของ และห้องเรียนเด็กเล็ก ครูและนักเรียนจึงต้องช่วยกันขนโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์การเรียนขึ้นไปเก็บบนชั้น 2 เพื่อป้องกันความเสียหาย พร้อมทั้งถอดบานประตูทุกห้องที่ถูกน้ำท่วม โดยโรงเรียนได้ออกแบบประตูแบบ “น็อกดาวน์” สามารถถอดเก็บได้ทันทีเมื่อเกิดน้ำหลาก และนำกลับมาติดตั้งใหม่ได้หลังน้ำลด

นายไกรสร หงส์เวียงจันทน์ ครูโรงเรียนวัดบางกระทิง กล่าวว่า ขอฝากเตือนผู้ปกครองและนักเรียนให้ระมัดระวัง เนื่องจากในพื้นที่มีปลิงชุกชุมมาก อาจก่อให้เกิดอันตรายได้หากลงน้ำ

นอกจากโรงเรียนแล้ว ชาวบ้านก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยนางขันทอง ศรีนางแย้ม อายุ 85 ปี ชาวหมู่ 4 ต.หัวเวียง เล่าว่า บ้านถูกน้ำท่วมใต้ถุน และยังเดือดร้อนจากน้ำขังที่ผสมกับวัชพืชจนเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น อีกทั้งมูลนกปากห่างที่ทำรังอยู่บนกอไผ่ตกลงมากับน้ำ ยิ่งทำให้กลางคืนแทบไม่สามารถนอนหลับได้

ทั้งนี้ ในพื้นที่ ต.หัวเวียง และ ต.บ้านกระทุ่ม มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมใต้ถุนแล้วกว่า 1,137 ครัวเรือน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

ขอบคุณภาพ/ข่าว : มติชนออนไลน์
https://www.matichon.co.th/region/news_5352964

#ทันเหตุทั่วไทย

สุรินทร์ชงของบกลาง 101 ล. สร้างหลุมหลบภัย 400 กว่าแห่ง รับสถานการณ์ชายแดนเมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าว...
03/09/2025

สุรินทร์ชงของบกลาง 101 ล. สร้างหลุมหลบภัย 400 กว่าแห่ง รับสถานการณ์ชายแดน

เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชาวแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ส่งผลต้องอพยพชาวบ้านตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มาอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่รัฐจัดไว้ให้หลายแห่งเพื่อความปลอดภัย ระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม – 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ในพื้นที่ชายแดนยังคงตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าจะมีการปะทะกันเกิดอีกวันไหน สถานการณ์ยัง 50 : 50 คาดหวังอะไรไม่ได้ ถึงแม้จะมีการประกาศหยุดยิงแล้วก็ตาม ขณะที่ชาวบ้านหลายครอบครัวได้มีการอพยพเด็ก ผู้หญิง คนชรา และผู้ป่วยติดเตียง ออกจากพื้นที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้วตามวัด เช่น ที่วัดเทพสุรินทร์และวัดศรีรัตนาราม อำเภอเมืองจังหวัดสุรินทร์

ส่วนที่อยู่ในพื้นที่บางครัวเรือนถึงขนาดต้องลงทุนทำหลุมหลบภัยเองไว้ข้างบ้าน เผื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา จะได้มีที่หลบภัยใกล้ตัวเพราะไม่ไว้ใจเขมร รวมถึงหลุมหลบภัยแต่ละหมู่บ้านยังมีน้อยไม่เพียงพอ ซึ่งหลุมหลบภัยที่มีไม่เพียงพอดังกล่าว ทางจังหวัดสุรินทร์ จึงได้ทำแผนเร่งด่วนเสนอของบฯกลางสร้างหลุมหลบภัยให้ชาวบ้านที่อยู่ติดชายแดน 4 อำเภอ จำนวน 4 ร้อยกว่าแห่ง งบประมาณ 101 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอกับชาวบ้านหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในอนาคต

นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า บังเกอร์หรือหลุมหลบภัยที่ขอไปจำนวน 400 กว่าแห่งแต่ยังไม่เห็นตัวเลขที่อนุมัติ แต่คาดว่าน่าจะได้ใกล้เคียงกับที่ขอไปอำเภอละ 20-30 ล้านบาท มีอำเภอบัวเชดน่าจะได้เยอะสุด เพราะสถานการณ์เมื่อปี 2554 ยังไม่รุนแรง อำเภอบัวเชดเลยสร้างไม่เยอะ คราวนี้ก็เลยขอไปเยอะ

“4 อำเภอ 101 ล้านบาท โดยมีอำเภอบัวเชด อำเภอสังขะ อำเภอกาบเชิงและอำเภอพนมดงรัก เฉลี่ยอำเภอละ 20-30 ล้านบาท ยกเว้นอำเภอปราสาทที่ไม่ได้ขอไป เพราะเดิมไม่ใช่พื้นที่ชายแดน จึงไม่ใช่พื้นที่กระสุนตก อย่างไรก็ตามกำลังคิดว่ายังมีเงินเหลืออยู่อีก 100 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้สำหรับการซ่อมแซม ถ้าจะนำมาสร้าง จะต้องเสนอขอยกเว้นระเบียบ เพราะถ้าจะของบกลางเหมือน 4 อำเภอ ตอนนี้เป็น ครม.รักษาการน่าจะอนุมัติแผนงาน/โครงการใหม่ๆไม่ได้ แต่ยกเว้นระเบียบของเงิน 100 ล้านบาท เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงการคลัง ไม่ถึงระดับรัฐมนตรี น่าจะง่ายอยู่ เพื่อที่เอามาดูแลอำเภอปราสาท ซึ่งของชาวบ้านจะใช้คำว่าหลุมหลบภัย ของทหารจะใช้คำว่าบังเกอร์ ในส่วนที่สร้างใหม่ที่รพ.พนมดงรัก จะเป็นของภาคเอกชน” นายชำนาญ กล่าว

ขอบคุณภาพ/ข่าว : มติชนออนไลน์
https://www.matichon.co.th/region/news_5352740

#ทันเหตุทั่วไทย

กรมธุรกิจพลังงาน เดินหน้าสร้างความเข้าใจการกำกับดูแลธุรกิจพลังงาน ครั้งที่ 11 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง 4 จังหวัด เสร...
03/09/2025

กรมธุรกิจพลังงาน เดินหน้าสร้างความเข้าใจการกำกับดูแลธุรกิจพลังงาน ครั้งที่ 11 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง 4 จังหวัด
เสริมแกร่งผู้ประกอบการสู่ Energy Transition อย่างยั่งยืน

กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจการกำกับดูแลธุรกิจพลังงานให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกพลังงาน ผ่าน "โครงการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ด้านการกำกับดูแลธุรกิจพลังงานให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย" โดยกิจกรรมครั้งที่ 11 นี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 2 กันยายน 2568 ณ โรงแรมพลูแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางได้แก่ จังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด

ในวันที่ 1 กันยายน 2568 กรมธุรกิจพลังงานได้จัดนิเทศงานสำหรับเจ้าหน้าที่สำนักงานพลังงานจังหวัดในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านกฎหมายและส่งเสริมการใช้ระบบ e-Service ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ปัญหา และข้อเสนอแนะจากเจ้าหน้าที่สำนักงานพลังงานจังหวัดในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนงานให้เหมาะสมกับบริบทจริง ส่วนวันที่ 2 กันยายน 2568 เป็นกิจกรรมสำหรับผู้ประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ ซึ่งได้รับเกียรติจากนายฉัตรชัย คุณโลหิต รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิดงานพร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และผู้ประกอบการเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

นายฉัตรชัย คุณโลหิต กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการสื่อสาร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ การชี้แจงความก้าวหน้าของการประเมินผลสัมฤทธิ์ รวมถึงการปรับปรุงพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 และอนุบัญญัติใหม่ พร้อมทั้งรับฟังข้อคิดเห็น ปัญหา และอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาแนวทางการดำเนินงานของกรมธุรกิจพลังงานให้ตอบสนองต่อความต้องการอย่างแท้จริง การกำกับดูแลที่ทันสมัย โปร่งใส และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการธุรกิจพลังงาน และนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืนของประเทศไทยได้อย่างมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยายการใช้งานระบบ e-Service สู่ภูมิภาค ถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับการให้บริการ และสร้างมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

ทั้งนี้ กรมธุรกิจพลังงานยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ฯ อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน พร้อมยกระดับระบบการกำกับดูแลธุรกิจพลังงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในยุค Energy Transition และ Digital Transformation อย่างมั่นคงและยั่งยืน สำหรับกิจกรรมครั้งถัดไป (ครั้งที่ 12) มีกำหนดจัดขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งอยู่ในกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เลย บึงกาฬ หนองคาย และหนองบัวลำภู เพื่อสานต่อภารกิจการกำกับดูแลในระดับพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพและเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง

7 วัน ยังไร้วี่แวว! เร่งค้นหา 2 ผู้สูญหาย เหยื่อน้ำป่าถล่มปางอุ๋ง ขุดเปิดหน้าดินหาร่างเมื่อวันที่ 2 ก.ย.68 นายดุสิต พงศา...
02/09/2025

7 วัน ยังไร้วี่แวว! เร่งค้นหา 2 ผู้สูญหาย เหยื่อน้ำป่าถล่มปางอุ๋ง ขุดเปิดหน้าดินหาร่าง

เมื่อวันที่ 2 ก.ย.68 นายดุสิต พงศาพิพัฒน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยผ่านการแถลงข่าวสื่อมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 23 ประจำปีงบประมาณ 2568 ถึงสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านปางอุ๋ง ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงคืนวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากเหตุดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลาก

ล่าสุดจากการสำรวจข้อมูลความเสียหาย พบว่าได้รับผลกระทบในพื้นที่ 4 ตำบล 15 หมู่บ้าน 769 ครัวเรือน 2,816 คน มีบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 157 หลัง มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ได้บาดเจ็บ 15 ราย (กลับบ้านแล้ว 8 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 7 ราย) และสูญหาย 2 ราย

ส่วนแผนการฟื้นฟูเยียวประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ กรณีผู้ที่เสียชีวิตจะได้รับเงินสงเคราะห์ เยียวยาตามระเบียบและหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด และสำหรับบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง จำนวน 33 หลัง ทางภาครัฐจะดำเนินการสร้างบ้านให้ใหม่ในพื้นที่ปลอดภัย

ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการสำรวจพื้นที่ดูค่าความชื้นในดินว่าจุดไหนจะเหมาะกับการสร้างบ้านเรือนให้ประชาชนและมีความสะดวกและปลอดภัยมากที่สุด ทั้งนี้ทุกหน่วยงานได้ระดมสรรพกำลังพล เครื่องจักร และทรัพยากรต่างๆ มาช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัย เร่งเคลียร์พื้นที่และเศษซากอาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายออกจากพื้นที่ ฉีดล้างทำความสะอาดให้กับคืนสภาพเดิมโดยเร็ว

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9920500

#ทันเหตุทั่วไทย

คาดเหตุป่วนหลายจุดนราธิวาส ก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์วันครบรอบก่อตั้งขบวนการ ‘เบอร์ซาตู’เมื่อวันที่ 2 กันยายน 68 จากกรณีกลุ่มผ...
02/09/2025

คาดเหตุป่วนหลายจุดนราธิวาส ก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์วันครบรอบก่อตั้งขบวนการ ‘เบอร์ซาตู’

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 68 จากกรณีกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบสร้างสถานการณ์ป่วนหลายจุดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 31 สิงหาคม ต่อเนื่องถึงเช้ามืดวันที่ 1 กันยายน 2568 โดยมีทั้งเหตุลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม เผายางรถยนต์ และวางวัตถุต้องสงสัย รวมอย่างน้อย 5 จุด ส่งผลให้ผู้ใหญ่บ้านและอาสาสมัครได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่คาดเชื่อมโยงการเคลื่อนไหววันครบรอบก่อตั้งขบวนการเบอร์ซาตู

ทั้งนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 31 สิงหาคม เกิดเหตุคนร้ายเผายางรถยนต์และวางวัตถุต้องสงสัยบนถนนหมายเลข 4056 พาดทางรถไฟ บ้านไอบาตู ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จากนั้นเวลา 19.50 น. ได้เกิดระเบิดขึ้นใกล้จุดดังกล่าว ส่งผลให้รถยนต์ของ นายอาซูดิง กูเร็ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านสุแก ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ และ อส.ฟัสรี มะมิง เจ้าหน้าที่อาสาสมัครอำเภอจะแนะ ที่ขับรถผ่านมาได้รับบาดเจ็บหูอื้อ แน่นหน้าอก ใจสั่น แต่ปลอดภัย ขณะที่รถได้รับความเสียหาย

ต่อมาเวลา 23.55 น. คนร้ายลอบวางระเบิดตู้ ATM ธ.ก.ส. สาขาบาเจาะ เขตเทศบาลตำบลบาเจาะ อ.บาเจาะ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเวลา 00.05 น. วันที่ 1 ก.ย. ก่อเหตุซ้ำเผายางและวางระเบิดตู้ ATM ตลาดดุซงญอ อ.จะแนะ พร้อมขโมยกล่องเงินสดไป เวลา 00.20 น. เกิดระเบิดตู้ ATM หน้า อบต.ตะมะยูง อ.ศรีสาคร

เวลา 00.30 น. คนร้ายลอบวางระเบิดตู้ ATM ธ.ก.ส. บริเวณร้านโรสบิวตี้ช็อป บ้านเจาะไอร้อง อ.เจาะไอร้อง รวมแล้วอย่างน้อย 5 จุดเกิดเหตุ แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต

ล่าสุดวันนี้ (2 ก.ย.2568) เจ้าหน้าที่ EOD และกองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยเฉพาะเหตุระเบิดตู้ ATM ตลาดดุซงญอ โดยคนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก และประกอบใส่ไว้ในแปปเหล็กทรงกลม จำนวน 2 ลูก หนักลูกละประมาณ 3 กก.ตั้งเวลาจุดชนวนด้วยรีโมต ตั้งไว้ที่บริเวณแท่นพิมพ์ของ ตู้ เอ.ที.เอ็ม.ซึ่งคนร้ายได้กล่องเงินสดไปด้วย ส่วนมูลค่าความเสียหายทางธนาคารอยู่ระหว่างตรวจสอบ

เบื้องต้นฝ่ายความมั่นคงประเมินว่า เหตุการณ์นี้เป็นการก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์ในวันครบรอบก่อตั้งขบวนการ เบอร์ซาตู ซึ่งตรงกับวันชาติของมาเลเซีย 31 สิงหาคม ขณะที่เงินสดที่ถูกขโมยไปคาดว่าจะถูกนำไปใช้เป็นทุนสนับสนุนการจัดหาอาวุธและการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ โดยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของ นายมูฮัมหมัดซากีมิง สาแม สมาชิกกลุ่มก่อเหตุรุนแรงที่แฝงตัวอยู่ใน อ.จะแนะ

ขอบคุณภาพ/ข่าว : มติชนออนไลน์
https://www.matichon.co.th/region/news_5351442

#ทันเหตุทั่วไทย

เพชรบูรณ์อ่วม! คันดินกั้นแม่น้ำป่าสัก แตกยาว 50 ม. น้ำทะลักหมู่บ้าน ท่วมสูง 50 ซม.เมื่อวันที่ 2 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงา...
02/09/2025

เพชรบูรณ์อ่วม! คันดินกั้นแม่น้ำป่าสัก แตกยาว 50 ม. น้ำทะลักหมู่บ้าน ท่วมสูง 50 ซม.

เมื่อวันที่ 2 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุคันดินกั้นแม่น้ำป่าสัก บริเวณหมู่ 11 บ้านงิ้วงาม ตำบลลานบ่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากกัดเซาะ จนคันดินแตกทะลุเป็นช่องยาวประมาณ 50 เมตร ส่งผลให้กระแสน้ำจากแม่น้ำป่าสักไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรในหมู่ 5 บ้านท่าขาม ระดับน้ำสูงราว 50 เซนติเมตร

ดร.พีรพัฒน์ วัชรินทรางกูล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลลานบ่า เปิดเผยว่า มวลน้ำจำนวนมากที่ไหลมาจากพื้นที่ต้นน้ำอำเภอหล่มสัก ได้ปะทะบริเวณโค้งของแม่น้ำป่าสัก ทำให้คันดินบริเวณดังกล่าวถูกกัดเซาะอย่างรุนแรง จนแตกเป็นช่องกว้างถึง 50 เมตร กระแสน้ำทะลักแรงจนเครื่องจักรไม่สามารถเข้าไปซ่อมแซมได้ทัน จำเป็นต้องปล่อยให้มวลน้ำไหลเข้าท่วม 2 หมู่บ้าน ขณะนี้พยายามเร่งสร้างแนวคันดินใหม่เพื่อชะลอน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมพื้นที่เพิ่มเติม โดยใช้เครื่องจักรกลช่วยสร้างแนวป้องกันเต็มกำลัง เพื่อให้ชาวบ้านมีเวลาตั้งหลักรับมือได้ทัน

ขอบคุณภาพ/ข่าว : มติชนออนไลน์
https://www.matichon.co.th/region/news_5351212

#ทันเหตุทั่วไทย

กระบะหลุดโค้ง ชนประสานงา 10 ล้อ รถพังยับ ตา 74 ดับคาซากเวลา 12.00 น. วันที่ 2 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.จันทบุรี เก...
02/09/2025

กระบะหลุดโค้ง ชนประสานงา 10 ล้อ รถพังยับ ตา 74 ดับคาซาก

เวลา 12.00 น. วันที่ 2 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.จันทบุรี เกิดอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักหลุดโค้งพุ่งชนประสานงากับรถบรรทุก 10 ล้อ จนแหลกทั้งคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บนถนน 1030 สายแสลง-วังแซ้ม หมู่ 4 ต.แสลง อ.เมือง จ.จันทบุรี หลังเกิดเหตุ พ.ต.ต.เนรมิตร พงษ์สาลี สารวัตสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี พร้อมแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลพระปกเกล้า ฯ ร่วมเดินทางเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ อยู่ในช่วงกลางโค้งขาขึ้นเนิน ช่องจราจรฝั่งซ้าย ทิศทางมุ่งห้าไปทาง ต.วังแซ้ม อ.มะขาม พบรถบรรทุกฮีโน่สีขาว ทะเบียนจันทบุรี ของบริษัทแห่งหนึ่ง เสียหลักจอดอยู่บนไหล่ทาง สภาพพุ่งชนประสานงา
อัดติดกับรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฮีโร่ สีฟ้า ไม่ทราบทะเบียน พังยับกลายเป็นเศษเหล็ก กระบะฉีกขาดหลุดกระเด็นออกมาจากรถ โดยพบศพของ นายสินชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 74 ปี หรือ “ป๋าฉิน” ตำนานเจ้าของกิจการรถบรรทุกรับถมที่ดิน “พลับพลาทอง” เสียชีวิตติดอยู่บนซากรถ โดยมีลูกหลานและญาติๆยืนร้องไห้ระงม

ตรวจสอบที่เกิดเหตุในช่องจราจรฝั่งขาเมือง พบมีรอยล้อของรถกระบะเบรกเป็นทางยาว หลุดโค้งข้ามเลนไปจุดที่ชนอัดติดกับรถบรรทุก 10 ล้อ และขาออกเมืองมีรอยเบรกของรถบรรทุก 10 ล้อ เบรกจนเสียหลักไปจนบนไหล่ทาง โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายภาพบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

สอบถาม นายมนตรี (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ชาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี คนขับรถบรรทุก 10 ล้อ ที่ยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจากสี่แยก แสลง มุ่งหน้าไปทาง ต.วังแซ้ม อ.มะขาม โดยขับมาด้วยความเร็วประมาณ 60-70 กม./ชม. เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางโค้งลาดเอียงเล็กน้อยได้มีรถกระบะคู่กรณีขับเข้าโค้งสวนทางมา

จากนั้นได้เกิดสะบัดหลุดขามเลนเข้ามาหา โดยที่ตนได้พยายามเบรกและหักหลบแต่ไม่พ้น จึงได้พุ่งชนประสานงาเข้าเต็มแรง จนเกิดความเสียหายทั้งสองคันและทำให้คนขับคู่กรณีเสียชีวิต โดยย้ำว่าขณะเกิดเหตุ ไม่มีรถขับตาม หรือสวนทางมา

อย่างไรก็ตาม สาเหตุยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของตำรวจ ทั้งนี้จะได้ไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมถ่ายภาพร่องรอยในที่เกิดเหตุ บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเชิญตัวคนขับรถบรรทุกไปให้ปากคำเพิ่มเติม ในการสรุปสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อให้การดำเนินคดี เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายต่อไป

ขอบคุณภาพ/ข่าว : มติชนออนไลน์
https://www.matichon.co.th/region/news_5351050

#ทันเหตุทั่วไทย

ไล่ล่าระทึก! แก๊งค้ายาบ้า หนีสุดชีวิต ขับเก๋งตกน้ำ ยึดบิ๊กล็อต 10 กระสอบ 2.5 ล้านเม็ดเมื่อวันที่ 1 ก.ย.68 เจ้าหน้าที่ตำร...
01/09/2025

ไล่ล่าระทึก! แก๊งค้ายาบ้า หนีสุดชีวิต ขับเก๋งตกน้ำ ยึดบิ๊กล็อต 10 กระสอบ 2.5 ล้านเม็ด

เมื่อวันที่ 1 ก.ย.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส. และหน่วยกู้ภัยสรรเพ็ชญ์พิจิตร กำลังเร่งช่วยเหลือคนร้ายจำนวน 2 คน แบบสดๆ ซึ่งได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในซากรถยนต์ ที่เสียหลักจากการถูกตำรวจไล่ล่าตกคูน้ำข้างทางหลวง โดยนำช่วยเหลือนำขึ้นมาได้ทั้ง 2 คน เป็นเครือข่ายลำเรียงยาเสพติด พบของกลางยาบ้าซุกในรถ 10 กระสอบ จำนวน 2.5 ล้านเม็ด เหตุเกิดบนถนนเลี่ยงเมือง หมายเลข 111 พิจิตร-เนินสมอ ตำบลป่ามะคาบ อำเภอเมืองพิจิตร

พ.ต.อ.อนุกูล ดาวลอย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าว ตำรวจชุดปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ประสานตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร ร่วมตำรวจ สภ.เมืองพิจิตร สกัดจับรถยนต์ ยี่นิสสัน สีดำ หมายเลขทะเบียน กำแพงเพชร

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.และตำรวจพิจิตร ไล่ล่าและสกัดกั้น จากนั้นรถของคนร้ายเสียหลักพลิกคว่ำตกคูน้ำข้างทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำตัวออกมาจากตัวรถที่ตกคูน้ำสภาพรถหงายท้องชี้ฟ้า แบบทุลักทุเล เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น และนำตัวส่งโรงพยาบาลพิจิตร จำนวน 2 คน ทราบชื่อคือ นายอาคม อายุ 27 ปี ชาว จ.สุราษฏร์ธานี และนายชีพจร อายุ 37 ปี ชาวจ.นครศรีธรรมราช

จากการตรวจสอบภายในรถยนต์ดังกล่าว ตำรวจพบกระสอบปุ๋ย จำนวน 10 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้า รวม 2.5 ล้านเม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดของกลางยาบ้าทั้งหมด และแจ้งข้อกล่าวดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้ง 2 คน

พ.ต.อ.ลักษณ์ รัตนถาวร ผกก.สภ.เมืองพิจิตร กล่าวว่า ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้แกะรอยเครือข่ายลำเรียงยาเสพติดดังกล่าว มาจากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดเชียงราย ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวจะใช้ลำเรียงยาเสพติดดังกล่าวออกเส้นทางรองระหว่างหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ ลัดเลาะเส้นทางมาเรื่อยๆ และจะจ้างคนในพื้นที่คอยนำทาง แต่จะไม่ใช้เส้นทางหลัก เพื่อหลบด่านตรวจต่างๆ จึงเข้ามาถึงพื้นที่จังหวัดพิจิตร เมื่อได้โอกาสจึงแสดงตัวเข้าจับกุม

สำหรับผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า รับจ้างขนย้ายลำเรียงยาเสพติดล็อตดังกล่าวจำนวน 10 กระสอบรวม 2.5 ล้านเม็ด เพื่อจะไปส่งมอบให้เครือข่ายในพื้นที่ภาคกลาง โดยจะได้ค่าจ้างคนละ 25,000 บาท อย่างไรก็ตามจะได้เร่งขยายผลเครือข่ายผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9918892

#ทันเหตุทั่วไทย

ตามรวบทันควัน หนุ่มช่างแอร์ ย่องฉกเงินต้นกฐิน เอาไปเล่นพนันปั่นสล็อตวันที่ 1 ก.ย.2568 พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ สภ.ปากคลอ...
01/09/2025

ตามรวบทันควัน หนุ่มช่างแอร์ ย่องฉกเงินต้นกฐิน เอาไปเล่นพนันปั่นสล็อต

วันที่ 1 ก.ย.2568 พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวง รอง ผกก.สส.สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ต.อิทธิพล พุทธรักษา สว.สส.สภ.ปากคลองรังสิต ร.ต.อ.จำเริญ ทิสมบูรณ์ รองสว.สส.สภ.ปากคลองรังสิต ร่วมกันแถลงข่าวจับคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์ (เงินกฐิน) จำนวน 6,000 บาท จับกุมนายอรรคเดช หรือป๊อป อายุ 32 ปี โดยจับกุมได้ที่ บ้านพักพนักงาน บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี

พ.ต.ต.อิทธิพล พุทธรักษา สว.สส.สภ.ปากคลองรังสิต เปิดเผยพฤติการณ์คนร้ายก่อเหตุลักเงินต้นกฐิน เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 68 เวลาประมาณ 13.35 น. ได้มีนายสมหมาย อายุ 65 ปี ผู้เสียหายเจ้าของร้านขายของชำในพื้นที่ ม.2 ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี เข้ามาร้องทุกข์ว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 เวลาประมาณ 16.00 น.ได้มีคนร้ายไม่ทราบว่า เป็นใครเข้ามาทำการลักทรัพย์เงินสดบนต้นกฐินสามัคคีทำบุญรวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 6,000 บาทไปจากต้นกฐินที่ตั้งไว้หน้าร้านค้า

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบตัวคนร้ายคือนายอรรค หรือป๊อป อายุ 32 ปี ทำงานเป็นช่างแอร์ พักอาศัยอยู่บ้านเช่าพนักงานย่านบางกะดี อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจจจสอบพบนายอรรคเดชนั่งอยู่หน้าห้องเช่าเลขที่ 9 จึงแสดงตัวจับกุม

นายธรรคเดช ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง โดยตนเองต้องการนำเงินไปเล่นการพนันปั้นสล๊อต ตนเองทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวช่างซ่อมแอร์ แต่ไม่ค่อยมีงานจึงลงมือก่อเหตุลักทรัพย์เงินทำบุญต้นกฐินสามัคดี โดยการปีนขึ้นไปทางช่องตะแกงเหล็กด้านบนใต้หลังคาร้านแล้วมุดเข้าไปลักทรัพย์เงินสดบนต้นกฐินสามัคคี จากนั้นปีนออกช่องทางเดิมแล้วใช้รถจยย.ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ขับหลบหนีหลบหนีและนำเงินบางส่วนไปเข้าบัญชีที่ตู้เติมเงินธนาคารไทยพานิชหน้าร้านสะดวกซื้อ

ด้านนายสมหมาย เจ้าของร้านขายของชำ บอกว่า เงินนี้เป็นเงินกฐินที่จะนำไปซื้อรถถวายให้สำนักสงฆ์ในจังหวัดอุทัยธานีเพราะตนเองไปสร้างเมรุเผาศพไว้แล้วและเงินต้นกฐินนี้ก็ไม่ได้เก็บเลยก็ไม่นึกว่าจะถูกคนร้ายขโมยไปคนขโมยก็เป็นคนที่เห็นมาตั้งเด็กๆต้องขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานได้รวดเร็วมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9919011

#ทันเหตุทั่วไทย

กระบะขับจะแซง ถนนลื่นเสียหลักชนรถโดยสารสองแถว นักเรียนเจ็บ 17 รายเมื่อเวลา 17.10 น. วันที่ 1 กันยายน 2568 กล้องวงจรปิดบั...
01/09/2025

กระบะขับจะแซง ถนนลื่นเสียหลักชนรถโดยสารสองแถว นักเรียนเจ็บ 17 ราย

เมื่อเวลา 17.10 น. วันที่ 1 กันยายน 2568 กล้องวงจรปิดบันทึกภาพอุบัติเหตุรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน ทะเบียนกรุงเทพมหานคร มีนายกิติศักดิ์ อายุ 35 ปี เป็นผู้ขับ เสียหลักชนเข้ากับรถโดยสารสองแถว ทะเบียนพัทลุง

ซึ่งขับโดย นายเสน่ห์ อายุ 50 ปี เหตุเกิดถนนสายสี่แยกโพธิ์ทอง – ศรีบรรพต บริเวณหมู่9 ตำบลชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ส่งผลให้ผู้โดยสารซึ่งเป็นเด็กนักเรียน จำนวน 17 ราย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และยังมีภรรยาของนายเสน่ห์ ซึ่งนั่งคู่มาด้านหน้ากับนายเสน่ห์ ได้รับบาดเจ็บด้วย เจ้าหน้าที่เร่งนำส่ง รพ.ควนขนุน ล่าสุดอาการปลอดภัย

จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่าขณะเกิดเหตุในพื้นที่มีฝนตกถนนลื่น และเป็นช่วงจังหวะที่รถกระบะกำลังจะแซงรถโดยสารสองแถว แต่เกิดเสียหลักลื่นไปเบียดกับรถโดยสารสองแถว ส่งผลให้รถโดยสารสองแถว ไถลไปพลิกตะแคงข้างในคูข้างทางทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9919093

#ทันเหตุทั่วไทย

ที่อยู่

Bangkok
10170

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ทันเหตุทั่วไทยผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ทันเหตุทั่วไทย:

แชร์

Our Story

ว.2 ว.8 ทันเหตุทั่วไทย ของศูนย์วิทยุวันเรสคิว (One Rescue) เป็นศูนย์ประสานเหตุ วิทยุสื่อสารเครื่องแดง ความถี่ 245.9500MHz (ช่อง77) และในระบบ Zello ช่อง ศูนย์ข่าว วันเรสคิว (One Rescue) รายงานข่าวสด เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ สาธารณะภัย สภาพการจราจร สภาพภูมิอากาศต่างๆ พร้อมเตือนภัย ทุกวัน อีกทั้งยังเป็นสื่อสังคมจิตอาสา..และขอร่วมเป็นสื่อกลางในการประสานงานเหตุในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนทุกท่าน...(คนไทยไม่ทิ้งกัน..สังคมยังมีคนดี)