มนุษย์กลยุทธ์

มนุษย์กลยุทธ์ วิเคราะห์กลยุทธ์ อ่านเกมกลยุทธ์
ติดต่อโฆษณา : 095 654 6954

ตำนานความเชื่อ : “ลูกค้าต้องการของถูก”นี่เป็นกับดักทางความคิดที่ผู้ประกอบการหลายคนติดอยู่ จริง ๆ แล้ว ลูกค้าไม่ได้ต้องกา...
16/09/2025

ตำนานความเชื่อ : “ลูกค้าต้องการของถูก”

นี่เป็นกับดักทางความคิดที่ผู้ประกอบการหลายคนติดอยู่ จริง ๆ แล้ว ลูกค้าไม่ได้ต้องการ “ของถูกที่สุด” แต่เขาต้องการ “ของที่คุ้มค่าที่สุด”

แม้แต่สินค้าพื้น ๆ อย่าง เหล็กม้วน ก็ยังมีความเฉพาะตัว ไม่ได้เหมือนกันหมด!
หากคุณเลือกสู้ในสนาม “ราคา” เพียงอย่างเดียว สุดท้ายก็ต้องเล่นเกม ขายปริมาณ เอากำไรน้อย ๆ

👉 คำถามสำคัญคือ…
คุณจะสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าอยู่กับคุณ โดยไม่ต้องลดราคาได้อย่างไร?

จะเป็น กระบวนการจัดซื้อ ที่ง่ายและสะดวกกว่าเจ้าอื่น

หรือ ระบบจัดเก็บและส่งมอบ ที่แม่นยำและตรงเวลา

หรือแม้แต่ บริการหลังการขาย ที่ลูกค้าอุ่นใจได้เสมอ

รวมถึง ผู้เชี่ยวชาญ ที่พร้อมให้คำแนะนำการใช้สินค้าอย่างคุ้มค่า

💡 จุดสัมผัสเหล่านี้คือ “มูลค่าเพิ่ม” ที่ทำให้สินค้าของคุณแตกต่าง และสร้างพลังต่อรองให้ลูกค้ายอมจ่ายในราคาที่สูงกว่าคู่แข่งได้

ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามกันด้วยนะครับ เราจะไปทำการบ้านดีๆมานำเสนอทุกคนนครับ😀

#มนุษย์กลยุทธ์

เปิดโมเดลกลยุทธ์การหากินกับ “ความเชื่อ”: จากเห็บหมัดในศาสนาถึงแชร์ลูกโซ่ ธุรกิจที่ขายสิ่งจับต้องไม่ได้ตั้งแต่โบราณเป็นธร...
13/09/2025

เปิดโมเดลกลยุทธ์การหากินกับ “ความเชื่อ”:

จากเห็บหมัดในศาสนาถึงแชร์ลูกโซ่ ธุรกิจที่ขายสิ่งจับต้องไม่ได้
ตั้งแต่โบราณเป็นธรรมชาติของมนุษย์ต้องการ “ที่พึ่งทางใจ” และ “คำอธิบายต่อสิ่งที่ไม่แน่นอน” ความเชื่อนี้จึงได้ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือทางธุรกิจอย่างชาญฉลาดจากใครบางคน.

1. จุดเริ่มต้นของรูปแบบความเชื่อที่ใช้หากิน.

*เริ่มต้นจากการใช้ศาสนาเพื่อหากิน พิธีกรรม หมอผี → รับทรัพยากร (อาหาร/ทอง)เพื่อแลกกับ “ความคุ้มครองจากเทพเจ้า”

*ต่อมาก็อัพเกรดเป็นพวกหมอดูและตรวจดวงชะตา → คือการขาย “ข้อมูลอนาคต” ให้คนที่กลัวไม่มั่นคง.

*สุดท้ายก็แปลงร่างเป็นการขายเครื่องรางของขลังแทนตัวแทนใจซึ่งของพวกนี้จะมีลักษณะเด่นคือ → ต้นทุนต่ำ แต่สร้างมูลค่าได้จากศรัทธาความเชื่อและการขายต่อเพื่อสร้างมูลค่าจากความมีจำกัด.

2. โมเดลซ้ำซ้อนที่แปลงร่างจากความเชื่อด้านบน.

*ทุกยุคสมัยธุรกิจความเชื่อขายสิ่งที่ “จับต้องไม่ได้” แต่ “เชื่อว่าได้”.

*แท้จริงแล้วเราเรียกการใช้กลยุทธ์นี้ว่า สร้างคุณค่าเชิงสัญลักษณ์ (Symbolic Value Creation).

3. แปลงร่างตัวแม่เพื่อกลายเป็นScam ที่ใหญ่ที่สุด เมื่อประกอบร่าง hybrid เข้ากันแล้วมันจะกลายเป็นของพวกนี้อันได้แก่แชร์ลูกโซ่, คริปโตปลอม, คอร์สรวยเร็ว → ทั้งหมดคือการขาย “ความหวังและอนาคต”.

ธุรกิจเหล่านี้สามารถทำรายได้หมุนเวียนระดับโลกเมื่อรวมกันแล้ว หลายแสนล้านดอลลาร์.

นี่คือการหากินกับผลสรุปสุดท้ายแล้วตาม “ความเชื่อว่า...ฉันจะไม่พลาดขบวนรวย”. ขีดเส้นใต้ 200 เส้นไปเลย

บทสรุปเชิงกลยุทธ์
• สิ่งที่ทำให้ธุรกิจเติบโต ไม่ใช่สินค้า แต่คือ “เรื่องเล่า” และ “ศรัทธา”
• ความเชื่อจึงเป็นสินทรัพย์ที่สร้างรายได้มหาศาลให้ผู้ขาย และเป็นต้นทุนที่ผู้ซื้อแบกรับโดยสมัครใจ
👉 คำถามคือ วันนี้คุณลงทุนใน “สินค้าที่แท้จริง” หรือแค่ “ความเชื่อที่ถูกเล่า” กันแน่?
#มนุษย์กลยุทธ์

09/09/2025

ด่วน! ศาลฎีกามีคำสั่งให้ทักษิณกลับคุก 1 ปี

05/09/2025

ไม่พลิกโผ สภาเลือก นายอนุทิน ชาญวีรกูล
เป็นนายกคนที่ 32 ของประเทศไทย…

หัวหน้าพรรคประชาชนแถลงอย่างเป็นทางการว่าเลือกพรรคภูมิใจไทย แต่มีข้อแม้ว่ารอแถลงข่าวร่วมกัน ถ้าไม่แถลงต่อกันถือว่าไม่มีผล
03/09/2025

หัวหน้าพรรคประชาชนแถลงอย่างเป็นทางการว่าเลือกพรรคภูมิใจไทย แต่มีข้อแม้ว่ารอแถลงข่าวร่วมกัน ถ้าไม่แถลงต่อกันถือว่าไม่มีผล

แม้ว่าภาษีตอบโต้ของทรัมป์ยังคงอยู่กับพวกเรา แต่ปัญหาของ reciprocal tax หรือที่พวกเราเรียกว่า "ภาษีทรัมป์" อาจเป็นเพียงแค...
31/08/2025

แม้ว่าภาษีตอบโต้ของทรัมป์ยังคงอยู่กับพวกเรา แต่ปัญหาของ reciprocal tax หรือที่พวกเราเรียกว่า "ภาษีทรัมป์" อาจเป็นเพียงแค่การบลัฟโดยไม่มีไม่อยู่ในมือก็ได้ เมื่อทีมทรัมป์ นั้นแพ้มาแล้วถึง 2 ศาล! และเป็นปกติที่ แพ้ศาลอุทธรณ์นั้นจะมีโอกาสน้อยมากที่จะชนะในศาลสูงสุดหรือ Supreme Court ของสหรัฐอเมริกาที่จะมีการเริ่มต้นพิจารณาในเดือนหน้านี้แล้ว 14 ตุลาคม 2025 ก่อนอื่นมาทบทวนกันก่อนว่า "reciprocal tax" คืออะไร แล้วมันผิดอย่างไร?

1. "reciprocal tax" คืออะไร?

เป็นไอเดียของโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเริ่มต้นสมัยเป็นประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ 2นี้เอง

หลักคิดก็คือทุกประเทศควรจะ "แฟร์ ๆ กัน" ถ้าประเทศอื่นเก็บภาษีนำเข้าของสินค้าจากสหรัฐ 30%
👉 สหรัฐก็จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศนั้น 30% เหมือนกัน

คล้าย ๆ กับการบอกว่า "ถ้าคุณตั้งกำแพงการค้าไว้สูงกับผม ผมก็จะตั้งเท่ากัน"

2. ปัญหาทางกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์เห็น

แม้ทรัมป์จะคิดว่ามาตรการนี้ ยุติธรรม แต่ศาลอุทธรณ์บอกว่า ขัดต่อกฎหมายการค้าของสหรัฐ

เหตุผลคือ กฎหมายของสหรัฐ (เช่น Trade Act of 1974) ให้อำนาจประธานาธิบดีใช้มาตรการภาษี ในบางกรณีเท่านั้น เช่น

1. เพื่อความมั่นคงของประเทศ

2. เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศที่กำลังเสียเปรียบอย่างชัดเจน

แต่ ไม่ได้ให้อำนาจใช้ภาษีเพื่อ "โต้ตอบ" โดยตามอำเภอใจ แบบว่าถ้าคนอื่นเก็บเท่าไหร่ เราก็เก็บเท่านั้น

พูดง่าย ๆ ก็คือ กฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้ใช้วิธี ภาษีตอบโต้แบบ copy & paste

3. ทำไมเรื่องนี้สำคัญ?

ถ้าให้ประธานาธิบดีใช้ภาษีตอบโต้แบบนี้ได้ ตามใจชอบ เท่ากับให้อำนาจมากเกินไป → อาจกลายเป็น การเมืองการค้า มากกว่าการค้าที่มีระบบ

ศาลเลยเข้ามาตีกรอบว่า ประธานาธิบดี ต้องทำตามกรอบกฎหมายที่สภาคองเกรสเขียนไว้ โดยไม่สามารถสร้างกฎใหม่ขึ้นมาเองตามชอบ

📌 สรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ
มาตรการ reciprocal tax ของทรัมป์เหมือนกติกา "คุณเก็บผมเท่าไหร่ ผมก็เก็บคุณเท่านั้น" แต่ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่า ผิดกฎหมายสหรัฐ เพราะกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีทำแบบนี้ → จะเก็บภาษีได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุผลเฉพาะตามที่กฎหมายระบุไว้ เช่น ความมั่นคงหรือปกป้องอุตสาหกรรม ไม่ใช่เพื่อโต้ตอบเฉย ๆ

ดังนั้นหากศาลสูงสหรัฐเห็นชอบกับศาลที่ผ่านๆมาคือการรตอบโต้ของทรัมป์นั้นไม่ชอบแล้ว ภาษีที่ตั้งเป็นกำแพงไว้จะกลับไปอยู่จุดเดิม ซึ่งหลายๆประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วยนั่นคือ 0%.

คำถามตัวใหญ่ๆก็คือ "แล้วที่เราไปลดภาษีนำเข้าให้เขาแล้วนั้นในหลายรายการ เราจะสามารถขึ้นภาษีกลับมาดังเดิมได้หรือไม่ เราจะปกป้องภาคการผลิตของเราได้อย่างไร นั่นเป็นความท้าทายที่รัฐบาลไทยจะต้องหยิบยกขึ้นมาพิจารณา...​ในขณะที่ประเทศ อินเดีย นั้นเป็นกลับไม่สะทกสะท้านกับกฏหมายนี้ และยืนหยัดไม่ทำอะไรเลย อาจจะแทงถูก ก็เป็นได้... เรื่องนี้เราก็คงจะต้องติดตามใกล้ชิดต่อไป เพราะ กลยุทธ์ในการสร้างอำนาจต่อรองจากสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เมื่อผิดกฏหมายแล้วจะมีโทษ หรือไม่มีโทษกับตัวผู้สร้างเรื่องนี้มาอย่างไร ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องดูกันต่อไป

29/08/2025

ศาลรัฐธรมนูญวินิจฉัย
แพทองธาร ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง หลุดตำแหน่งนายก พร้อม ครม. ทั้งคณะ

War of Attrition "สงครามทรหด" เป็นกลยุทธ์ที่ต้องอาศัยความอึด ถึก ทน นิยามทางทหาร: สงครามที่มุ่งทำให้ศัตรูอ่อนล้า ผ่านการ...
14/08/2025

War of Attrition "สงครามทรหด" เป็นกลยุทธ์ที่ต้องอาศัยความอึด ถึก ทน

นิยามทางทหาร: สงครามที่มุ่งทำให้ศัตรูอ่อนล้า ผ่านการสู้รบยืดเยื้อ ใช้เวลานาน เน้นการทำลายกำลังพล เสบียง และขวัญกำลังใจ จนอีกฝ่ายยอมถอยเพราะ “ต้นทุน” สูงเกินไป

ประวัติศาสตร์: เห็นชัดใน สงครามโลกครั้งที่ 1 (WWI) ที่กองทัพพันธมิตรและเยอรมันสู้กันยืดเยื้อในสนามเพลาะ (Trench Warfare) โดยหวังให้ศัตรูเสียกำลังพลและทรัพยากรมากจนยอมแพ้

หลักสำคัญ:

ใช้ “เวลา” และ “ทรัพยากร” เป็นอาวุธ

ทำให้คู่แข่ง “หมดแรง” มากกว่าชนะด้วยการโจมตีครั้งเดียว

ต้องมี “ฐานทรัพยากร” และ “ความทนทาน” มากกว่าคู่แข่ง

2. การประยุกต์ในธุรกิจ
ในโลกธุรกิจ War of Attrition คือการแข่งขันที่เน้น “ความอดทน” และ “ความสามารถในการแบกรับต้นทุน” เพื่อให้คู่แข่งล้มเลิกหรือออกจากตลาด
มักเกิดในสถานการณ์:

Price War (สงครามราคา)

การแข่งขันแย่งพื้นที่ตลาด (Market Share) ที่ไม่มีใครยอมถอย

สตาร์ทอัพที่ Burn เงินเพื่อรอดจนคู่แข่งล้ม

องค์ประกอบสำคัญ:

Cash & Resources – มีเงินสดหรือทุนสำรองมากพอ

Patience – ยอมทนกำไรต่ำหรือขาดทุนชั่วคราว

Operational Efficiency – ลดต้นทุนให้ต่ำกว่าคู่แข่งเพื่อยืนระยะ

Psychological Pressure – ทำให้คู่แข่งรู้สึกว่า “สู้ต่อไม่คุ้ม”

3. เคสตัวอย่าง
(1) Uber vs. Grab ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลักษณะ Attrition: ทั้งคู่ Burn เงินอุดหนุนค่าโดยสารและให้ส่วนลดกับคนขับอย่างยาวนาน

ผลลัพธ์: Uber ทนต้นทุนไม่ไหว ถอนตัวจาก SEA และขายกิจการให้ Grab ในปี 2018

เหตุผลชนะ: Grab มีเครือข่ายท้องถิ่น, พันธมิตร, และปรับกลยุทธ์บริการได้เร็วกว่า

(2) PTT vs. Shell ในตลาดน้ำมันปั๊มไทย
ลักษณะ Attrition: แข่งขันยาวนานผ่านโปรโมชั่น, ปรับราคา และลงทุนขยายปั๊มพร้อมร้านสะดวกซื้อ

ผลลัพธ์: Shell ลดขนาดการลงทุนในบางพื้นที่ ขณะที่ PTT ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด

เหตุผลชนะ: พลังทุน, เครือข่ายสถานี, และการ Diversify ธุรกิจ (Cafe Amazon, ร้านค้า)

(3) Amazon vs. Bookstore Chains
ลักษณะ Attrition: Amazon ยอมขายหนังสือราคาต่ำหรือขาดทุนบางเล่ม เพื่อดึงลูกค้าเข้าสู่ระบบออนไลน์

ผลลัพธ์: Borders และร้านหนังสือ Chain หลายแห่งในสหรัฐฯ ล้มละลาย

เหตุผลชนะ: ขนาดธุรกิจ, เทคโนโลยี, และต้นทุนต่อหน่วยต่ำ

4. การอ้างอิงเชิงวิชาการ
Porter, M.E. (1980). Competitive Strategy.
→ ระบุว่าในตลาดที่มีการแข่งขันสูง กลยุทธ์ “ยืดเยื้อ” สามารถใช้เพื่อทำให้คู่แข่งขาดทุนและถอนตัว แต่ต้องใช้ทรัพยากรหนุนหลังมาก

Ghemawat, P. (1986). Sustainable Advantage.
→ ย้ำว่าความสามารถในการ “ทนขาดทุน” และ “แบกรับต้นทุนได้นานกว่า” เป็น Barrier to Exit ของคู่แข่ง

Lieberman, M. B., & Montgomery, D. B. (1998). First-Mover (Dis)Advantages.
→ กล่าวถึงว่าผู้เล่นที่มีทรัพยากรมากกว่าสามารถใช้ Attrition เพื่อปกป้องตำแหน่งผู้นำ

5. สรุปเข้าใจง่าย
War of Attrition = เกมที่ใครทนได้นานกว่า ก็ชนะ
ต้องมีเงิน ทรัพยากร และความสามารถในการทนขาดทุนดีกว่าคู่แข่ง
เหมาะในตลาดที่มั่นใจว่าเมื่อคู่แข่งออกไปแล้ว เราจะครองตลาดและคืนทุนได้
#ทหารมีไว้ทำไม
#กลยุทธ์การตลาด #กลยุทธ์เพจfacebook

สงคราม Blitzkrieg อ่านว่า "บริสต์ครีก"คำว่า Blitzkrieg มาจากภาษาเยอรมัน แปลตรงตัวว่า “สงครามสายฟ้าแลบ”กลยุทธ์นี้ถูกใช้คร...
13/08/2025

สงคราม Blitzkrieg อ่านว่า "บริสต์ครีก"
คำว่า Blitzkrieg มาจากภาษาเยอรมัน แปลตรงตัวว่า “สงครามสายฟ้าแลบ”

กลยุทธ์นี้ถูกใช้ครั้งแรกโดยกองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพนาซีเช้าบุกตีโปแลนด์ (1939) และฝรั่งเศส (1940) แบบไม่ทันให้ตั้งตัว ทำให้ฮิตเลอร์บุกยุโรปได้สำเร็จ

หลักการทางทหาร:

ใช้กำลังขนาดใหญ่ โจมตีอย่างรวดเร็ว

เน้น ความประหลาดใจ (Surprise) และ การเคลื่อนที่เร็ว (Speed)

เจาะทะลวงแนวป้องกันศัตรูทันที แล้วขยายผลก่อนศัตรูตั้งตัวได้

ตัดเส้นการสื่อสารและเสบียงของศัตรู ทำให้สับสนและพ่ายแพ้เร็ว

2. การประยุกต์ในธุรกิจ
ในเชิงธุรกิจ Blitzkrieg Strategy คือการ “เปิดตัวและรุกตลาดอย่างรวดเร็ว รุนแรง และทั่วถึง” เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดก่อนคู่แข่งตั้งตัว
ใช้ได้ดีในกรณี:

เปิดตัวสินค้าใหม่ในตลาดที่มีช่องว่าง

ปล่อยนวัตกรรมก่อนคู่แข่งรับมือได้

ช่วงที่คู่แข่งกำลังอ่อนแรงหรือไม่พร้อม

องค์ประกอบสำคัญในธุรกิจ:

Speed: เร็วกว่าคู่แข่งในทุกขั้น — จากพัฒนา, ผลิต, จนถึงวางขาย

Concentration of Resources: ใช้ทรัพยากรเต็มที่ในช่วงเปิดตัว เช่น งบโฆษณา, ทีมขาย, Influencer

Surprise: ทำให้ตลาดและคู่แข่งไม่ทันตั้งตัว

Expansion: หลังจากเจาะตลาดสำเร็จ ต้องขยายฐานลูกค้าอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการตีโต้

3. เคสตัวอย่างธุรกิจ
(1) Tesla Model 3
Blitz: Tesla เปิดพรีออเดอร์ Model 3 ทั่วโลกในเวลาเดียวกัน พร้อมใช้สื่อ PR จนเกิดกระแส

ผลลัพธ์: ยอดจองกว่า 325,000 คันในสัปดาห์แรก ทำให้คู่แข่งยังไม่ทันเปิดตัว EV ในเซ็กเมนต์เดียวกัน

(2) Jollibee เข้าสู่ตลาดเวียดนาม
Blitz: เปิดสาขาหลายแห่งพร้อมกันในเมืองใหญ่ + โปรโมชันแรง + เมนูปรับตามรสนิยมท้องถิ่น

ผลลัพธ์: ครองตลาดฟาสต์ฟู้ดท้องถิ่นได้รวดเร็วก่อน McDonald’s และ KFC จะขยายเต็มที่

(3) TikTok
Blitz: ใช้งบโฆษณามหาศาล + จ้าง Influencer และเซเลบทุกภูมิภาค + UI เข้าใจง่าย จนผู้ใช้ใหม่เกิดไวรัลเอง

ผลลัพธ์: เติบโตเป็นโซเชียลมีเดียอันดับต้น ๆ ของโลกในเวลาไม่กี่ปี

4. การอ้างอิงเชิงวิชาการ
Ries, A., & Trout, J. (1986). Marketing Warfare.
→ อธิบาย Blitzkrieg ว่าเป็น “การใช้ความเร็วและกำลังสูงสุดในเวลาอันสั้นเพื่อชิงความได้เปรียบ” และต้องขยายฐานทันที

Porter, M.E. (1985). Competitive Advantage.
→ ระบุว่าความเร็ว (Speed) และการเปิดตัวอย่างมี Surprise สามารถสร้าง Barrier to Entry ให้คู่แข่งตามได้ยาก

Kotler, P., & Keller, K.L. (2016). Marketing Management.
→ ชี้ว่า Blitzkrieg เหมาะกับการ Launch สินค้าใหม่ในตลาดที่กำลังเติบโต เพื่อครอง Share ก่อนคู่แข่งตอบสนอง

5. สรุปให้เข้าใจง่าย
Blitzkrieg Strategy = รุกเร็ว ตีแรง ขยายทันที
เหมาะกับการเปิดตัวสินค้า/บริการใหม่ หรือเข้าตลาดใหม่
กุญแจสำคัญคือต้องทำให้คู่แข่ง “ตั้งตัวไม่ทัน” และ “ยึดพื้นที่” ก่อนเขาโต้กลับ #กลยุทธ์การตลาด #กลยุทธ์เพจfacebook

โพสต์นี้ต้องขออนุญาตประชาสัมพันธ์ให้เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆทุกท่านช่วยกันหน่อยนะขออภัยที่ไม่เกี่ยวกับกลยุทธ์ใดๆ แต่ขอเป็นส่วนเ...
13/08/2025

โพสต์นี้ต้องขออนุญาตประชาสัมพันธ์ให้เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆทุกท่านช่วยกันหน่อยนะขออภัยที่ไม่เกี่ยวกับกลยุทธ์ใดๆ แต่ขอเป็นส่วนเล็กๆๆมากที่จะส่งต่อความมั่นคงให้พี่ๆน้องๆ ทหารหาญที่อยู่ชายแดนทำหน้าที่ป้องกันประเทศกันอยู่ตอนนี้นะ
😬

ไหนใครที่ด่าผมว่าจัดของทหารทำไมของมีเยอะอยู่แล้วจะยุ่งทำไมตอนนี้เงียบกริบเลย เข้าใจคำว่าเร่งด่วนไหมครับ บางอย่างมันรอไม่ได้

เนื่องในอภิลักขิตสมัย แห่งวันเฉลิมพระชนมพรรษาของ“สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”ในวันท...
12/08/2025

เนื่องในอภิลักขิตสมัย แห่งวันเฉลิมพระชนมพรรษาของ

“สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”

ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้

"ขอพระองค์ทรงพระเจริญ"

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร และทีมงานเพจ มนุษย์กลยุทธ์ และสมาชิก

หลักการ “Divide and Conquer” หรือ “แยกแล้วตี” นั้นมีมาแต่ยุคโรมันแล้ว แต่กลศึกนี้ยังสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที...
12/08/2025

หลักการ “Divide and Conquer” หรือ “แยกแล้วตี” นั้นมีมาแต่ยุคโรมันแล้ว แต่กลศึกนี้ยังสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ในกลยุทธ์ ระหว่างประเทศ ไล่ไปจนถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจ

1. ที่มาของแนวคิด
ทางทหาร: แนวคิด "Divide et Impera" (ละติน: แบ่งแล้วปกครอง) มีมาตั้งแต่ยุคโรมันและใช้โดยจักรวรรดิหลายแห่ง เช่น โรมัน, อังกฤษ, มองโกล
หลักการคือ ทำให้ศัตรูแตกเป็นกลุ่มย่อยๆ สร้างความขัดแย้งกันเอง หรือแยกกำลังออกจากกัน เพื่อให้โจมตีและเอาชนะง่ายขึ้น คือสู้กับกลุ่มเล็กๆแทนที่จะสู้กับกลุ่มใหญ่ๆ

ทางคอมพิวเตอร์: “Divide and Conquer” คือเทคนิคการแก้ปัญหาโดยแบ่งปัญหาใหญ่เป็นปัญหาย่อย แก้ทีละส่วนแล้วรวมผลลัพธ์ (เช่น อัลกอริทึม Merge Sort) ก็ได้ผลเหมือนกัน

ทางธุรกิจ: หมายถึง การแยกตลาด, แบ่งฐานลูกค้า, หรือทำให้คู่แข่งต้องกระจายกำลังและทรัพยากร จนไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ในจุดใดจุดหนึ่ง

2. หลักการเชิงธุรกิจ
Divide = แบ่งหรือทำให้คู่แข่งต้องแยกกำลังออก (ตลาด, สินค้า, ทรัพยากร, พันธมิตร)
Conquer = โจมตีหรือครองพื้นที่ที่แยกออกมา โดยเน้นจุดที่คู่แข่งป้องกันได้น้อยที่สุด

วิธีการนำไปใช้ในธุรกิจ:

Segmentation Strategy – แบ่งตลาดออกเป็นกลุ่มย่อย แล้วโฟกัสกลุ่มที่คู่แข่งยังดูแลไม่ดี

Disruption in Niches – ทำให้คู่แข่งต้องกระจายความสนใจ เช่น เปิดตัวสินค้าใหม่ในหลายหมวด

Alliance Building – ดึงพันธมิตรของคู่แข่งมาอยู่ฝั่งเรา เพื่อลดกำลังเขา

Multi-front Competition – ทำให้คู่แข่งต้องแข่งขันในหลายด้านพร้อมกัน

3. เคสตัวอย่าง
(1) Netflix vs. ค่ายทีวีดั้งเดิม
Divide: ใช้คอนเทนต์เฉพาะกลุ่ม (niche content) เช่น สารคดี, ซีรีส์ประเทศเล็ก, และ Original Content ดึงผู้ชมเฉพาะกลุ่มออกจากทีวี

Conquer: ครองตลาด Streaming แต่ละเซ็กเมนต์ก่อน แล้วรวมเป็นตลาดใหญ่

(2) Samsung vs. Apple
Divide: ออกสมาร์ทโฟนหลายระดับราคา ครอบคลุมตลาดล่าง, กลาง, และบน ทำให้ Apple ไม่สามารถโฟกัสแข่งขันได้ทุกระดับ

Conquer: ครองตลาด Android และบางประเทศได้อย่างเด็ดขาด

(3) Amazon vs. ร้านค้าปลีก
Divide: เริ่มจากขายหนังสือออนไลน์ ดึงลูกค้ากลุ่มรักการอ่านออกมาก่อน
จากนั้นขยายเป็นหมวดหมู่ย่อยหลายอย่าง ทำให้ร้านค้าปลีกต้องกระจายทรัพยากรไปป้องกันหลายด้าน

Conquer: ครองตลาดอีคอมเมิร์ซแบบเต็มรูปแบบ

4. การอ้างอิงเชิงวิชาการ
Machiavelli, N. (1532). The Prince.
→ กล่าวถึง “Divide and Rule” ว่าเป็นเครื่องมือของผู้นำเพื่อรักษาอำนาจ โดยป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรวมตัว

Porter, M.E. (1980). Competitive Strategy. Free Press.
→ ชี้ว่าการแบ่งตลาด (Market Segmentation) และโจมตีเฉพาะส่วนที่คู่แข่งอ่อนแอ เป็นหนึ่งในวิธีลดความได้เปรียบของผู้นำตลาด

Ries, A., & Trout, J. (1986). Marketing Warfare.
→ อธิบายว่ากลยุทธ์ “Divide and Conquer” ใช้ได้ดีเมื่อคู่แข่งมีตลาดกว้างเกินไปจนไม่สามารถโฟกัสทุกกลุ่มลูกค้า

5. สรุปให้เข้าใจง่าย
Divide and Conquer = ทำให้คู่แข่งต้องกระจายกำลัง แล้วเรายึดทีละส่วน
ใช้ได้ทั้งการแบ่งตลาด, ดึงลูกค้ากลุ่มย่อย, หรือสร้างเกมที่คู่แข่งต้องเล่นหลายด้านพร้อมกันจนหมดแรง #กลยุทธ์ธุรกิจ #กลยุทธ์Facebook #ไอเดียธุรกิจ

ที่อยู่

Bangkok
Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66873574494

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ มนุษย์กลยุทธ์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง มนุษย์กลยุทธ์:

แชร์

มนุษย์กลยุทธ์

มนุษย์คนนึงที่อยากแบ่งปันความรู้ในเรื่อง


  • กลยุทธ์ในการทำธุรกิจ

  • วิเคราะห์ทิศทางของธุรกิจและการตลาด

  • วิเคระกลยุทธ์ที่แบรนด์ต่าง ๆ ใช้